ความคิดเห็นที่ 33
การดม..หมายถึงการที่เรายกแก้วขึ้นมาจรดจมูก ในลักษณะที่แก้วเอียงมาหาจมูก ไม่ใช่ก้มจมูกไปหาแก้ว.. และการที่เราแกว่งไวน์ให้เกิดการสั่นสะเอนนั้น คือการที่เราจะให้อ๊อกซิเจนเข้าไปแทรกซึมในเนื้อไวน์ เพื่อที่จะได้จรุงกลิ่นขึ้นมาได้อย่างเต็มที่.. ซึ่งตรงนี้จะมีอยู่สามข้อที่ควรจะต้องค้นหา คือ
1. ความเข้มข้นของกลิ่น..ที่แบ่งออกเป็นสี่ระดับ คือ แผ่ว,กลาง,หอม, หอมจัด
2.คุณภาพของกลิ่น...ที่จะแบ่งออกเป็นหกระดับ คือ กลิ่นจาง,กลิ่นธรรมดา, กลิ่นพอหอมใช้ได้,กลิ่นหอมกรุ่น, กลิ่นหอมวิเศษสุด และสุดท้ายคือ กลิ่นที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย..
กลิ่นที่ได้จะบอกถึงรสของไวน์โดยแทบไม่ต้องชิม.. กลิ่นจาง หมายถึงไวน์เนื้ออ่อน รสอ่อน.. กลิ่นหอมวิเศษสุด ก็จะหมายถึง ไวน์เนื้อเข้ม คุณภาพเยี่ยม
ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่นับไม่ได้ในปัจจุบัน ที่มีการใช้เทคนิคของผงโอ๊ค เพราะกลิ่นอาจจะจรุง หอมกึกขึ้นมาในจมูก แต่..คุณภาพเพียงแค่..พอแหลกล่าย..ก็มี(เยอะด้วย)
3. กลิ่นอะไร...ที่ควรจะเป็น
กลิ่นในไวน์นั้นอาจมีมากถึงห้าหกกลิ่นที่อาจจะได้ ถ้าเป็นไวน์ชั้นดี แต่ถ้าเป็นไวน์ชั้นธรรมดา ก็อาจมีเพียงสองกลิ่นหลักๆที่ชัดเจน ซึ่งจะแยกเป็นประเภทใหญ่ๆได้ดังนี้..
ในไวน์แดง..
1. กลิ่นประเภทพืชต้น คือ พริกเบลเขียว, กลิ่นใบยูคาลิปตัสสด, กลิ่นมะกอกเขียว, กลิ่นหญ้าตัดใหม่ๆ 2. กลิ่นเครื่องเทศ คือ พริกไทยดำ,ใบไธม์,กานพลู,แท่งอบเชย, 3. กลิ่นธรรมชาติจากดิน คือ เห็ด,เห็ดทรัฟเฟิ่ล, กลิ่นหญ้าหมัก กลิ่นใบไม้หมัก กลิ่นดิน (อันนี้คือไวน์แดงเก่าๆ) 4. กลิ่นสัตว์ คือ กลิ่นสาบสัตว์ กลิ่นหนังสัตว์ 5. กลิ่นผลไม้ คือ เบอร์รี่สารพัดชนิด กลิ่นกล้วยหอม กลิ่นพลัม
ในไวน์ขาว..
1. กลิ่นผลไม้ คือ แอปเปิ้ล, ลูกแพร์,มะนาว,ลูกพีช,ลิ้นจี่, ฯลฯ 2. กลิ่นดอกไม้ คือ กุหลาบ,ดอกไวโอเล็ต 3. กลิ่นถั่ว คือ วอลนัท,เฮเซลนัท,อัลมอนด์คั่ว..
นี่คือกลิ่นหลักๆของไวน์โดยธรรมชาติของประเภทไวน์นั้นๆ และยังไม่ได้พูดถึงเรื่องกลิ่นจากถังโอ๊คนะคะ อย่าสับสน..
จากคุณ :
WIWANDA
- [
15 ก.ย. 49 06:59:37
]
|
|
|