ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเกี่ยวกับประวัติ คุณลองๆหาดูในกระทู้เก่าๆนะครับ ถ้าถามว่าทำไมถึไม่โปรด ผมเข้าไปอ่านในลิงค์ที่คุณให้ ก็มีคำตอบในนั้นแล้วครับ ปล.ขอโทษจริงๆที่ไม่ตอบคำถามที่คุณถามมาตรงๆ เพียงแค่ผมอยากแสดงความคิดเห็นเท่านั้นเองครับ จากคุณ : pacharawong - [ 15 ก.ย. 49 08:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เข้าไปอ่านตามลิงค์แล้ว ใครพอจะทราบมั้ยครับว่าเหตุอะไรบ้างที่สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจีทำให้รัชกาลที่หกทรงร้อนใจหรือทรงรำคาญจนถึงขนาดต้องประกาศลดพระฐานะ แล้วในท้ายที่สุดนี่พระองค์ใดที่ได้ตั้งพระอัฐิคู่กับรัชกาลที่หกครับ จากคุณ : อรุณไขแสง (อรุณไขแสง) - [ 15 ก.ย. 49 16:28:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลักๆก็คือมีพระโอรสให้ ร.6ไม่ได้ครับ คือมีแล้วก็ตก(แท้ง)ไป เลยต้องประกาศลดพระฐานะ เพื่อให้เจ้าจอมสุวัทนาขึ้นมา(ซึ่งต่อมาคือ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี) ซึ่งตอนนั้นเริ้มมีพระครรภ์อ่อนๆ เพื่อผดุงพระฐานะของพระราชกุมารในอนาคต สุดท้าย พระอัฐิของพระนางเจ้าสุวัทนา นี่เองที่ประดิษฐานคู่กับพระบรมอัฐิของร.6อ่ะครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 49 17:10:41 จากคุณ : pacharawong - [ 15 ก.ย. 49 17:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ท่านทรงอาภัพมาก การที่ท่านทรงตก(แท้ง)ไม่ใช่ความผิดท่านสักหน่อย สมเด็จพระนางเจ้าอินทร์ ศักดิ์ศจี พระวรราชชายา พระนามเดิมว่า  ประไพ สุจริตกุล ประสูติเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2445  ทรงเป็นธิดาของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี กับท่าน ผู้หญิงกิมไล้ สุจริตกุล(สกุลสายสุจริตกุล) จากหญิงสาว สามัญ ผู้มีเชื้อสายราชินีกุล จึงได้มีโอกาสย่างก้าวเข้าสู่ราชสำนักฝ่ายใน ...เมื่อคุณเปรื่อง สุจริตกุล พี่สาวซึ่งดำรงตำแหน่งราชเลขาธิการฝ่ายในได้รับพระราชทานพระธำมรงค์ทองเกลี้ยงจากพระเจ้าอยู่หัวซึ่งมีจารึกด้านในว่า 27 ตุลาคม 2464 ก็ทำให้  คุณเปรื่องได้เป็น "เจ้าจอม" และเป็น "ข้างใน" คนที่ 3 ในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6.... .จนวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2464 ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งคุณเปรื่อง ขึ้นเป็น พระสุจริตสุดาเป็น พระสนมเอกรายชื่อสตรีที่จะได้รับพระราช ทานตราจุลจอมเกล้าตามศักดิ์ในวันนั้นมี  6 ท่าน และ 1 ในนั้นก็คือ คุณประไพ สุจริตกุล... ..ต่อจากนั้นไม่นานพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าว ภัณฑสารนุรักษ์ พระคลังฝ่ายในนำเงินจำนวน 4000 บาท ไปพระราชทานแด่ คุณประไพ สุจริตกุล ตามธรรมเนียม และในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2464 จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระอินทราณี พระสนมเอกคู่กับพระสุจริตสุดา... ...ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2465 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระวรชายาเธอ พระอินทรศักดิ์ศจี ให้มีศักดิ์ขึ้นเป็นเจ้าตามอย่างราชประเพณีที่เคยทำมา พร้อมกับมีคำสั่งเสนาบดีกระทรวงวังให้ใช้คำขานและรับเช่นเดียวกับพระบรมราชวงศ์โดยในปีเดียวกันนั้นเองพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "โรมิโอและจูเลียต" พระราชทานแด่พระวรชายาเธอ พระอินทรศักดิ์ศจี และในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2465 มีพระบรมราชโองการสถาปนาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ขึ้นเป็นพระนางเธอลักษมีลาวัณ แต่เพียงเท่านั้น พระราชดำริที่เคยจะอภิษกสมรสด้วยเป็นอันงดไป เนื่องจากพระวรชายาเธอ ทรงมีพระครรภ์ ด้วยความโสมนัสเป็นที่ยิ่งพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงสถาปนาพระวรชายาเธอ พระอินทรศักดิ์ศจี ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2465 ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 41 จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 15 ก.ย. 49 17:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อมาในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2465 พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานยศ นายพันโท ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารราบที่ 3 มหาดเล็กรักษาพระองค์แก่พระบรมราชินี และเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 21 พรรษาของพระบรมราชินีในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2466 ได้ทรงพระราชนิพนธ์โคลงอำนวยพรพระราชทานแด่พระบรมราชินี ซึ่งปรากฎอยู่ในพระราชนิพนธ์เรื่องลิลิต นารายณ์สิบปาง และโปรดฯให้มีการแสดงละครเรื่อง พระร่วง ซึ่งทรงร่วมเล่นกับผู้มีบรรดาศักดิ์และข้าราชการที่ทรงคัดเลือกด้วยพระองค์เอง โดยทรงรับบทเป็นนายมั่น ปืนยาว พรานป่าเพื่อนำเงินขายบัตรไปซื้อเรือรบหลวง  เป็นเรือที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น ปัจจุบันได้ปลดประจำการแล้วชื่อเรือรบหลวงพระร่วง  และในการแสดงครั้งนั้นทำให้สตรีอีกผู้หนึ่งเข้ามาสู่พระชนม์ชีพของพระองค์ คือ นางสาวติ๋ว อภัยวงศ์ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า เจ้าจอมสุวัทนา.พระครรภ์ของพระบรมราชินีก็ไม่สามารถมีพระราชโอรสได้เนื่องจากตกเสียไม่เป็นพระองค์ ในระหว่างแประพระราชฐานไปประทับ ณ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเสียพระทัยเป็นอันมาก แม้กระนั้นก็ยังทรงดูแลพระบรมราชินีด้วยทรงเป็นห่วงเป็นที่ยิ่ง... เล่ากันว่า สะพานที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ซึ่งเป็นสะพานไม้สักทอดยาวจากตัวพระตำหนักลงสู่ทะเล โดยมีหลังคาคลุมทางเดินตลอดนั้น รัชกาลที่หกทรงสร้างสำหรับสมเด็จอินทร์เสด็จฯลงทะเล เรียกได้ว่าพระบาทไม่ต้องพื้นดินเลย เรื่องการทรงครรภ์นี้ หนังสือบางเล่มว่าตกเสียสามครั้ง บางเล่มว่าสอง ผู้ใหญ่ท่านว่า ก็เพราะตามเสด็จตลอดไม่ได้หยุด จึงทำให้ตก และมีครั้งหนึ่งที่มีพระประสูติกาลก่อนกำหนด (ประมาณหกเดือน) เป็นพระโอรส รัชกาลที่หกทอดพระเนตรแล้วถึงกับน้ำพระเนตรไหล กระนั้นก็ยังทรงมีพระเมตตาต่อสมเด็จอินทร์ ทรงอ่านหนังสือพระราชทาน ทรงประคองและดูแลด้วยเหตุที่ไม่อาจฉลองพระเดชพระคุณในฐานะพระบรมราชินีได้อย่างสมบูรณ์ จึงมีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนพระอิสริยยศดังความเห็นที่หนึ่งเล่าไว้ สาเหตุของการเปลี่ยนพระอิสริยยศนี้ บ้างก็ว่าเป็นเพราะไม่อาจทรงมีพระโอรสถวายได้ มีคุณข้าหลวงของสมเด็จฯเคยเขียนเล่าไว้ว่า วันหนึ่งตอนสายๆ  ขึ้นไปเฝ้าบนพระที่นั่งพิมานจักรี  ดิฉันยังเด็กไม่ทราบเรื่ออะไรดี  พบมีคนอยุ่หลายคนแล้วที่ห้องเสวยกลางวัน  และมีพระแท่นของสมเด็จตั้งอยู่  เห็นมีผุ้ชายเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี  (ม.ร.ว.  ปุ้ม  มาลากุล)  เจ้าคุณแพทย์พงศา  (สุ่น  สุนทรเวช)  หรือหลวงไวทย์จำไม่ได้แน่แต่มีหมอปัวซ์(ชาวเยอรมัน)เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทล้นเกล้าล้นกระหม่อมอยู่พร้อมกัน  ในมือเจ้าพระยาธรรมฯ  เชิญพานทององค์ใหญ่มาก  มีผ้าขาวปูอยู่ในพานนั้น  เห็นล้นเกล้าฯ  ท่านทรงพระกรรแสงซับพระเนตรด้วยผ้าเช้ดพระพักตร์  เราหน้าตื่นถามพี่ๆ  ผุ้ใหญ่ก้ได้ความว่า  สมเด็จฯ  ท่านทรงแท้งพระโอรสพระชัณษาได  ๗  เดือนเสียแล้ว..."และในครั้งนั้นสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้า  ได้ทรงมีพระราชหัตเลขามาปลอบสมเด็จอินทร์  มิไห้ทรงโศกเศร้าในการตกพระโลหิตครั้งนี้  เพราะอย่างไรเสียในวันหน้า  ก็ยังทรงมีโอกาสที่จะทรงพระครรภ์อีกหลังจากนั้นก็ปรากฎว่า  "วันหน้า"  ของสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าก็เป็นจริงขึ้นมา  เมื่อสมเด็จอินทร์ได้ทรงพระครรภ์ขึ้นอีก  และก็ตกพระโลหิตอีกครั้ง  ณ  พระที่นั่งสมุทรพิมาน  พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน  ดังนั้นเท่าที่ทราบแน่ๆ  ก็คือทรงพระครรภ์  2  ครั้ง  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินแปดสิบเก้าไร่ ด้านหน้าติดถนนเพชรเกษม ตรงข้ามวัดพระประโทน จังหวัดนครปฐม แก่สมเด็จอินทร์ และพระราชทานนามที่ดินแห่งนี้ว่า สวนราชฤดี พร้อมกันนั้น ได้โปรดฯให้สร้างพระตำหนักเรือนไม้สองชั้นไว้พร้อมกับมีเครื่องตกแต่งที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัยทรงควบคุมดูแล เครื่องตกแต่งนี้ เสด็จในกรมทรงสั่งให้ทางโรงเรียนเพาะช่างสร้างเป็นเครื่องเรือนสีขาวลายทองแบบหลุยส์เข้าชุดกันทั้งพระตำหนัก โดยทรงกำกับด้วยพระองค์เอง เพื่อจะทรงฝึกอบรมช่างไม้ไทยให้สามารถผลิตเครื่องเรือนหลุยส์ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ เครื่องเรือนชุดนี้ สมเด็จอินทร์ทรงใช้เป็นประจำตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ต่อมาในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ และสมเด็จอินทร์ทรงประกอบพระราชพิธีเสด็จขึ้นพระตำหนัก ในการนี้ โปรดฯให้พิมพ์หนังสือเล่มเล็กปกสีชมพู มีคำโคลงสามสิบบท เรียกว่า โคลงนิราศประลองยุทธ แจกเป็นที่ระลึก เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 สมเด็จอินทร์พระราชทานที่ดินหมู่บ้านท่ายาง ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน ให้เป็นที่ตั้งที่ว่าการอำเภอ พร้อมทั้งพระราชทานพระตำหนักให้รื้อย้ายไปก่อสร้าง จะเป็นโรงเรียน หรือสุขศาลาก็ได้ แต่ขณะนั้นทางการยังมิได้ดำเนินการ จนกระทั่งปีพ.ศ. 2482 ทางอำเภอกำแพงแสนจึงทำหนังสือขอพระราชทานที่ดิน 21 ไร่และพระตำหนักราชฤดี เพื่อเปิดเป็นโรงเรียนประชาบาล ซึ่งก็พระราชทานให้ (แต่ว่าโครงสร้างของตำหนักเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว) ปัจจุบันคือโรงเรียนอินทรศักดิ์ศึกษาลัตลอดพระชลชีพท่านเก็บมงกุฎเพชร เครื่องเพชร ทับทิมเครื่องทองห่อผ้าไว้ในกล่องกระดาษ หลังจากท่านสวรรณคตแล้วมีมือดีขโมยไป  ข้าหลวงหาของกันไม่เจอ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 49 17:51:52 จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 15 ก.ย. 49 17:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนอยู่ที่วังตลาดพูล เรียกตำหนักนกไม้เพราะมีไม้ดัดเป็นรูปนก อยู่เต็มสวน   มีฝุงหงษืขาวที่สั่งมาจากต่างประเทศลอยอยู่ในคลอง   พระชลชีพบั่นปลายทรงโปรดการเลี้ยงสุนัขพันธ์ทาง โดยเฉพาะสุนัขขี้เรื้อนท่านขน มาอยู่บนตำหนักจนเต็ม ไปหมด สุนัขขึ้นไปบนอนนเเท่นบรรทม ท่านก็ไม่ว่าอะไรท่านจะว่าถ้าเห็นข้าหลวงยกมือตีสุนัข อย่าไปตีเขาเขาเกิดมาเพิ่งพิงบุญเรา  อาหารตำรับเอกที่วังนี้คือปูเค็มหลนกระดองเปือย ก้ามปูนิ่มจนกินได้ ข้อมูลบางส่วน ได้จากคำบอกเล่าของท่านข้าหลวงที่ยังมีชีวิตอยู่     ในวังทุกยุคทุกสมัยจะมีการเมืองอยู่ในฝ่ายใน ตลอดเวลา สายนี้ไม่ถูกกับสายนั้นเป็นต้น เล่าได้เท่าที่เล่าได้คะ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 49 18:02:18 จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 15 ก.ย. 49 17:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณนางในหนีเทียวคะ.. ดิฉันเห็นหลายหนแล้ว ขัดตาเหลือเกิน.. กรุณาประพฤติตนเยี่ยงปัญญาชนด้วยนะคะ เอาข้อมูลมาจากที่ไหน กรุณาบอกที่มาด้วยค่ะ ไม่ใช่มาทำ "แสร้งว่า" เสมือนหนึ่งเขียนเอง.. ถ้าไม่ทราบที่มา ก็ลงท้ายไว้ได้นี่คะ ว่ามาจากหนังสือ หรือมาจากอินเตอร์เน็ต เซฟไว้นานแล้ว.. กรุณาให้เกียรติเจ้าของความรู้ที่แท้จริงด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 49 00:21:55 จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 16 ก.ย. 49 00:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับเรื่องทรงพระครรภ์ของสมเด็จนั้น  มีคุณข้าหลวงของสมเด็จฯเคยเขียนเล่าไว้ว่า "...วันหนึ่งตอนสายๆ  ขึ้นไปเฝ้าบนพระที่นั่งพิมานจักรี  ดิฉันยังเด็กไม่ทราบเรื่ออะไรดี  พบมีคนอยุ่หลายคนแล้วที่ห้องเสวยกลางวัน  และมีพระแท่นของสมเด็จตั้งอยู่  เห็นมีผุ้ชายเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี  (ม.ร.ว.  ปุ้ม  มาลากุล)  เจ้าคุณแพทย์พงศา  (สุ่น  สุนทรเวช)  หรือหลวงไวทย์จำไม่ได้แน่แต่มีหมอปัวซ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทล้นเกล้าล้นกระหม่อมอยู่พร้อมกัน  ในมือเจ้าพระยาธรรมฯ  เชิญพานทององค์ใหญ่มาก  มีผ้าขาวปูอยู่ในพานนั้น  เห็นล้นเกล้าฯ  ท่านทรงพระกรรแสงซับพระเนตรด้วยผ้าเช้ดพระพักตร์  เราหน้าตื่นถามพี่ๆ  ผุ้ใหญ่ก้ได้ความว่า  สมเด็จฯ  ท่านทรงแท้งพระโอรสพระชัณษาได  ๗  เดือนเสียแล้ว..." และในครั้งนั้นสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้า  ได้ทรงมีพระราชหัตเลขามาปลอบสมเด็จอินทร์  มิไห้ทรงโศกเศร้าในการตกพระโลหิตครั้งนี้  เพราะอย่างไรเสียในวันหน้า  ก็ยังทรงมีโอกาสที่จะทรงพระครรภ์อีก หลังจากนั้นก็ปรากฎว่า  "วันหน้า"  ของสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าก็เป็นจริงขึ้นมา  เมื่อสมเด็จอินทร์ได้ทรงพระครรภ์ขึ้นอีก  และก็ตกพระโลหิตอีกครั้ง  ณ  พระที่นั่งสมุทรพิมาน  พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน  ดังนั้นเท่าที่ทราบแน่ๆ  ก็คือทรงพระครรภ์  2  ครั้ง  แต่จะมากกว่านี้หรือไม่คงต้องรอท่านผู้รู้คนอื่นมาตอบคับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 48 16:53:19 จากคุณ : รอยใบลาน  - [ 21 ม.ค. 48 09:50:25 ] บันทึกของคุณข้าหลวงที่ผมอ้างถึง  ผมเอามาจากหนังสือพระมเหสีเทวี  ของลาวัณย์  โชตามาระ  คับ จากคุณ : รอยใบลาน  - [ 23 ม.ค. 48 15:46:41 ] http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/library/topic/K3243595/K3243595.html จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 16 ก.ย. 49 00:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สาเหตุที่ทรงลดพระอิสริยยศมีหลายประการ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอธิบายพระราชทานแก่สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจีฯ อย่างละเอียด ปรากฏอยู่ในพระราชบันทึกส่วนพระองค์ ซึ่งบัดนี้ถูกเก็บรักษาไว้ในที่เฉพาะ และไม่อาจเผยแพร่ได้ด้วยเหตุผลนานาประการ เรื่องที่สมเด็จอินทร์ฯ ทรงตกพระกุมารนั้นเป็นเพียงเหตุผลหนึ่ง เพราะมีบันทึกปรากฏชัดเจนว่าแม้สมเด็จอินทร์ ทรงแท้งแล้ว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ก็ยังทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ทะนุถนอมอย่างดี ถึงกับเสด็จไปรับ และทรงเข็นพระเก้าอี้เข็นที่สมเด็จอินทร์ประทับ มาร่วมเสวยกับพระองค์ทุกวัน เหตุการณ์ที่เป็นเรื่องใหญ่โต เห็นจะเป็นเมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงซ้อมละครเรื่องพระร่วง ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จอินทร์ ครั้งนั้น ในบทบาทการแสดง ต้องมีการแตะเนื้อต้องตัว เจรจาตอบโต้ และผลักไสกันระหว่างนายมั่น (แสดงโดยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖) กับสาวใช้ของนางจันทร์ (แสดงโดยคุณเครือแก้ว อภัยวงศ์) ภาพนั้นคงไม่สบพระทัยของสมเด็จอินทร์ ผู้ประทับทอดพระเนตรการซ้อมอยู่ชั้นบน จึงเกิดเหตุการณ์ฮาป่าขึ้น คือสมเด็จอินทร์ทรงกระทืบพระบาท และโปรดให้ข้าหลวงของพระองค์ โห่ฮาและตบพื้นพระที่นั่ง แสดงให้เห็นว่าสมเด็จฯ ไม่ทรงพอพระทัย เป็นอันตะลึงงันกันไปทั้งโรงละคร พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ทรงหยุดการซ้อม และเสด็จขึ้นทันที วันรุ่งขึ้นก็มีพระราชหัตถเลขาปลอบใจไปยังคุณเครือแก้วฯ ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด จากนั้นก็พระราชทานนามใหม่ว่า "สุวัทนา" ขณะนั้น สมเด็จอินทร์มีพระชนมายุก็เพียง ๒๑ พรรษา เป็นเป็นธรรมดาที่จะมีพระอาการหึงหวงต่างๆ บางครั้งก็ไม่ทรงสามารถเก็บกลั้นพระอารมณ์ได้ เช่น ทรงขอพระบรมราชานุญาตกลับพระนครก่อน ไม่ทรงร่วมขบวนเสด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับพร้อมกัน ทำให้ต้องตระเตรียมเรือพระที่นั่งอย่างฉุกละหุก ทั้งยังต้องต่อสะพานยาวลงไปให้ถึงเรือเพื่อไม่ต้องให้พระบาทสัมผัสน้ำ ในครั้งนั้น พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ก็ทรงขุ่นพระราชหฤทัยอยู่ไม่น้อย ครั้งหนึ่ง ที่ท่าราชวรดิฐ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ เสด็จลงจากเรือพระที่นั่ง มีพระราชกระแสรับสั่งให้คุณสุวัทนาซึ่งตามเสด็จมาในขบวน ลงกราบพระบาทสมเด็จอินทร์ ซึ่งเสด็จมารับเสด็จตามราชประเพณี สมเด็จฯ ก็ทรงชักพระบาทหลบและเบือนพระพักตร์ ก็เป็นเหตุให้พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงพอพระทัย เพราะทรงถือว่าเป็นการ "หักหน้า" พระองค์ อนึ่ง พระมหากษัตริย์ก็ทรงมีขัตติยมานะเช่นกัน วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๔๖๗ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณสุวัทนาขึ้นเป็น เจ้าจอมสุวัทนา พระสนมเอก วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๔๖๘ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ออกพระนามสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี เพียง สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา เมื่อเจ้าจอมสุวัทนามีครรภ์แก่จวนประสูติพระหน่อ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น "พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี" เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๖๘ การสถาปนาเจ้าจอมสุวัทนาขึ้นเป็นเจ้านั้น ก็ด้วยเหตุผลที่จะให้พระหน่อซึ่งทรงหวังว่าจะเป็นพระราชโอรสเพื่อเป็นพระรัชทายาท ที่จะมีพระประสูติกาลในเบื้องหน้า ประสูติเป็น "สมเด็จเจ้าฟ้า" ตามธรรมเนียมราชตระกูล หากเจ้าจอมสุวัทนา ประสูติพระราชโอรส แล้วสมเด็จอินทร์ ยังคงเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ก็คงจะแปลกๆ อยู่เหมือนกัน ที่พระราชโอรสผู้เป็นพระรัชทายาท ไม่ได้ประสูติจากสมเด็จพระบรมราชินี พึงเข้าใจความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัชกาลที่ ๖ ก็คือการมีพระรัชทายาทสืบสนองพระองค์ เมื่อเจ้าจอมสุวัทนามีครรภ์แก่ ก็เป็นเหตุให้ทรงโสมนัสยินดีเป็นพิเศษ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติสมเด็จเจ้าฟ้าหญิง ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ว่า "สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี" ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในพระบรมมหาราชวัง (สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จะทรงเจริญพระชนมายุ ๘๑ พรรษาในเดือนพฤศจิกายนนี้) ก่อนมีพระประสูติกาลเพียงไม่กี่วัน พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ทรงพระประชวรหนักอย่างกะทันหัน หลังจากทอดพระเนตรพระราชกุมารีแล้วในบ่ายวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง จากคุณ : นาย UP - [ 16 ก.ย. 49 08:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องการประดิษฐานพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ นั้น ในที่สุดแล้วเป็นดังนี้ เมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้ว พระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐาน ณ ชั้น ๓ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมราชสรีรางคาร ส่วนหนึ่งบรรจุที่ใต้ฐานพระพุทธชินสีห์ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร อีกส่วนหนึ่งบรรจุที่ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ ณ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม สำหรับพระอัฐิของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจีฯ เมื่อรับพระราชทานเพลิงพระศพแล้ว เชิญไปประดิษฐานไว้ ณ หอพระนาก ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระอังคารของสมเด็จอินทร์ บรรจุไว้ ณ ศาลาสุจริตกุล วัดราชาธิวาส เมื่อพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๒๘ และรับพระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๒๙ แล้ว ได้เชิญพระอัฐิส่วนหนึ่งไปประดิษฐานไว้ ณ หอพระนาก ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อีกส่วนหนึ่งประดิษฐาน ณ วังรื่นฤดี สุขุมวิท ๓๘ ส่วนพระอังคารของพระนางเจ้าสุวัทนาฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุไว้เคียงข้างพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระปฐมเจดีย์ จากคุณ : นาย UP - [ 16 ก.ย. 49 09:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อุย ขอบคุณนะคะ คุณว่านน้ำ ที่เตือนสติ  เรื่องที่เขียนมา ส่วนหนึ่งเอาจากเวปวิชาการคะ เเละอีกส่วนหนึ่งมาจากคุณป้าดิฉันคะ คุณป้าดิฉันเป็นข้าหลวงท่าน ถ้าเล่าตามที่ป้าเล่าให้ฟังนะพิมพ์ลงที่นี่ไม่ได้เเน่เลย เพราะมีการเมืองในฝ่ายในอย่างที่เล่าให้ฟัง แถวบ้านที่ดิฉันอยู่มีนางในอยู่เยอะคะ เริ่มจาก คุณยายเนื่อง ที่อยู่ซ.ศิริชัย จ.นนทบุรีที่ดิฉันเรียนทำอาหารจากท่านเเละป้านิดลูกสาวท่าน เลยมานิด ซ.เรวดีมีอีกท่านหนึ่ง ท่านผู้หญิง นิธิวดีข้าหลวง ใน พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เลยมาอีกหน่อย หมู่บ้านมณียารัตนาธิเบต มีนางใน ข้าหลวงในสมเด็จพระเจ้ารำไพพรรณี เลยมาอีกหน่อย บางใหญ่ คุณป้าดิฉันเองคะ ข้าหลวงสมเด็จอิน อยากจะรู้จักท่านมัยจะพาไปกราบท่านทำความรู้จักพวกท่านดิฉันรู้จักท่าน ทุกคน ข้อมูลเลยได้แบบตัวต่อตัว แบบไม่มีในหนังสือ ดิฉันก็เบื่อคุณเหมือนกันละตามจับผิดชาวบ้าน โดยเฉพาะดิฉัน คุณเเขวะดิฉันมาหลายหนแล้ว ดิฉันไม่ยอมเเล้วนะคุณว่านน้ำ ดิฉันเบื่อคุณมากเลย กระทู้นี้กะทู้สุดท้ายที่เจอกัน แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 49 10:46:57 จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 16 ก.ย. 49 10:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบพระคุณ คุณ UP เป็นที่สุดที่เล่าเรื่องในโรงละคร ได้ยินแว่วๆ  แต่ไม่มีรายละเอียด ขออนุญาตจขกท  ออกนอกประเด็นไปหน่อยนะคะ เรียนถามคุณ UP ว่า สตรีที่ สมเด็จพระบรมเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศโปรด  จน รัชกาลที่ ๕ ไม่พอพระทัย   คือใครหรือคะ ถ้าเกรงจะเสียหายสกุลวงศ์ของเธอผู้เป็นแม่หม้าย   ก็เว้นสกุลเสีย สตรีไทยที่ปลอมเป็นชายติดตามพระองค์เจ้าปฤษฎางค์เมื่อลงเรือจะไปเป็นทูตที่ญี่ปุ่น   จนถึงต้องหนีไปเวียตนามแทน  คือใครคะ คุณนางในหนีเที่ยวที่นับถือ ความรู้และรายละเอียดหลายอย่างที่คุณได้ร่ำเรียน มีประโยชน์หลายด้าน   ซึ่งจัดเป็น เกร็ดชีวิตที่น่าฟังมาก ในเรื่องของอาหาร  ของหวาน  การทำเครื่องหอมต่างๆ คุณเคยมาเล่าเรื่องการทำเครื่องหอมไทยว่า มิได้เหมือนของแขกเสียทีเดียว เรื่องนั้นก็มีประโยชน์  คิดถึงความละเอียดละออ และงานฝีมือที่ประณีตอย่างยิ่ง ข้าหลวงแต่ละตำหนักก็มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติแตกต่างกัน การแข่งขันกันเพื่อความเป็นเลิศแม้แต่เรื่องการปรุงอาหาร  การจัดดอกไม้   ในระดับสูงก็คงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ การโดยเสด็จตามพระราชอัธยาศัย ก็เป็นที่ทราบกัน ประวัติศาสตร์ก็บอกไว้ตั้งแต่ รัชกาลที่ ๓ ก็มีบันทึกเรื่อยมา บางครั้ง  บางท่านมาเล่าเรื่องการทำเครื่องหอมตามที่ได้อ่านมา  ก็คงผิดพลาดตกหล่น   เพราะไม่ได้ฝึกหัดลงมือทำเอง ไม่ถูกต้องตามที่คุณ นางในฯ ได้ศึกษาและมีประสบการณ์ตรง ยังอยากอ่าน ความรู้   เกร็ดประวัติศาสตร์เล่าจากปาก เสมอ  เพราะนำไปสู่การค้นคว้าเพิ่มเติมได้ จัดเป็นแหล่งข้อมูล "รอง"  ที่น่าสนใจ   ผู้สูงอายุบางท่าน  ยังมีความจำที่ดี  แต่หลายท่านก็สับสน อาจเป็นการเล่าต่อๆกันมาในตำหนักต่างๆ ประวัติศาสตร์จากการบอกเล่า  ถ้าบันทึกไว้ เป็นวันเดือนปี  ชื่อและประวัติคนเล่า การเข้าถึงข้อมูล ถ้าทำได้ดั่งนี้    ก็จะมีการปูเสื่อ ลากหมอนขวาน มาคอยฟัง แหล่งข้อมูลหลักนั้น  ก็เป็น พลวัตรอยู่แล้ว  เมื่อมีผู้สนใจติดตามค้นคว้า เสนอหลักฐานใหม่ๆ  แหล่งที่มา คราวต่อไปที่คุณนางใน นำข้อมูลมาจากแหล่งต่างๆ  ถ้าเปิดเครื่องหมายคำพูดไว้แต่ต้น  และ ปิดเมื่อจบ   และแจ้งแหล่งที่มาด้วย       น้ำหนักของความรู้ก็จะสมบูรณ์    เป็นประโยชน์ให้ผู้อื่นไปตามศึกษาต่อได้ ขอเรียนว่า  สมเด็จอินทร์  ใช้ สิ้นพระชนม์ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 49 06:00:06 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 49 05:50:52 จากคุณ : แสนอักษร - [ 16 ก.ย. 49 12:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากทราบว่าภายหลังรัชกาลที่ ๖ สวรรคต สมเด็จท่านเสด็จงานพระราชพิธีบ้างหรือเปล่าคะ เพราะค้นภาพพระบรมวงศาวงศ์ ที่ปรากฏในพระราชพิธีสำคัญช่วงต้นรัชกาล อย่างพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส เท่าที่เห็นก็มีสมเด็จพระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ สมเด็จกรมหลวง และเสด็จพระราชธิดาในรัชกาลที่ ๔ และ ๕ จึงอยากทราบว่าสมเด็จอินทร์ รวมทั้งพระนางเธอลักษมีลาวัณ เสด็จงานพระราชพิธีสำคัญๆ บ้างหรือเปล่าคะ อย่างงานพระบรมศพ รัชกาลที่ ๘ และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงพระองค์อื่น หรือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีทรงผนวช แล้วอย่างนี้เจ้าหน้าที่จะจัดพระเก้าอี้ถวายถูกหรือคะ เพราะเจ้านายมีหลายพระองค์ แล้วก็ไม่แน่ด้วยว่าจะเสด็จหรือเปล่า แล้วเวลาเสด็จจะเสด็จได้ถูกเวลาหรือคะ อย่างพระนางเธอ คงเสด็จด้วยรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ จะทรงกะถูกได้อย่างไร ว่าจะช้าไปหรือเร็วไป พระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีพระอิสริยยศต่ำกว่าจะเสด็จมาพร้อมแล้วหรือยัง แล้วที่สูงกว่าจะมาถึงก่อนไหม จากคุณ : สิบฯ - [ 16 ก.ย. 49 15:34:40 A:58.147.22.42 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานเคียงคู่กับพระอังคารพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ที่ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระปฐมเจดีย์ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 16:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาหาความรู้ ขอบคุณทุกท่านมากค้ะ ชอบเหลือเกินเกร็ดเรื่องในวังช่วงรัชกาลที่๖ เป็นแฟนติดตามคุณนางในหนีเที่ยว อยากทราบอะไรอีกมากมาย นำมาเล่าต่ออีกนะค๊ะ ดิฉันก็เป็นแฟนคลับ หม่อมหลวงเนื่อง ท่านค้ะ ชอบฟังเรื่องเก่าๆมาก ขอบพระคุณอีกครั้งค้ะ จากคุณ : พนอจัน - [ 16 ก.ย. 49 16:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาปูเสื่อ.. จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 16 ก.ย. 49 18:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามานั่งเป็นเพื่อนพี่ข้างบนอะค่ะ จากคุณ : patsypacky - [ 16 ก.ย. 49 19:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดิฉันรู้เช่นคุณตั้งแต่ไปก๊อปเอาสูตรน้ำพริกลงเรือจากหนังสือมาลงแล้วค่ะ หลอกใครหลอกได้ แต่คนจริงเขาก็มากระซิบกับดิฉันหลายคนเหมือนกัน ว่าคุณมันก็แค่"แสร้งว่า" ระวังนะคะ ผีผู้เฒ่าผู้แก่ที่คุณแอบอ้าง เที่ยวไปลอกตำราจากหนังสืองานศพเขามา จะหักคอเอาซักวัน คนเที่ยวแอบอ้างชาวบ้าน อ้างชื่อคนนั้นคนนี้มาหากิน มักไม่ค่อยเจริญค่ะ สังเกตไหมคะ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 16 ก.ย. 49 20:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าคุณไม่ทำผิดเสียเอง ใครจะมาจับผิดคุณได้คะ คุณจะเป็นนางในหรือแค่โขลนวังก็เหอะ ก็ไม่ได้ทำให้คุณมีสิทธิแอบอ้างตำรา ความรู้ที่คนอื่นมาแบ่งปัน เสมือนว่าคุณเป็นคนเขียนเองแบบนี้ คาหนังคาเขาอย่างนี้ คุณยังไม่ยอมจำนน แถกๆไถๆไปได้ แล้วนึกเหรอคะ ว่าที่คุณเคยพล่ามๆมา จะไม่ได้ไป"จก"มาจากหนังสือเล่มไหน แล้วมาผสมโน่น ใส่นี่ ทำเป็น"แสร้งว่านางใน" มันก็แค่ยังไม่มีใครจับได้ไล่ทันเท่านั้นเอง เอาเหอะค่ะ อย่างคุณเนี่ย.. หลักฐานตำตาอย่างนี้ ยังโยกโย้หลบไปได้.. แหม๊.. หลอกใครหลอกได้ ถ้ายังหลอกตัวเองได้ เขาเรียกบ้าค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 49 21:00:39 จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 16 ก.ย. 49 20:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไหนๆ ก็กล่าวอ้างถึงคุณหญิงนิธิวดี   อ้นตระการ ถ้าหากจะไปกราบคุณหญิง ก็อย่าลึมแวะกินร้าน "ลาบเมืองยศ" นะครับ อยู่ซอยข้างบ้านคุณหญิงน่ะครับ อร๊อย อร่อยเป็นอาหารอีสานริมทาง เผลอๆ อาจจะลืมอาหารชาววังที่กำลังพูดถึงตำรับตำราหรือลอก ก๊อบปี้กันมาก็ได้ อารมณ์จะได้เย็นลงนะครับ ถ้าจะมาเมืองนนท์ ก็อย่าลืมมาแวะเยี่ยมหากันมั่ง จะพาเที่ยวเมืองนนท์....คร้าบบ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 21:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอโทษเจ้าของกะทู้ด้วยนะคะ น้ำพริกลงเรือเรียนกับป้านิดมาคะคุณขา คุณยายเนื่องสอนเคล็บลับทำหมูหวาน ให้ ไม่ได้ก๊อปมาคุณจะคิดจะว่ากะไรก็ช่างคุณ คนในพันธ์ทิพนี้หลายคนเคยทานน้ำพริก ของดิฉันเเล้ว หลายคนที่ดิฉันให้ยาดมส้มโอมือเเละสีผึ้งสีปาก น้ำปรุงคงบอกคุณได้ว่า จริงหรือปลอม ในห้องจตุจักรดิฉัน เคยทำดอกไม้ผ้า และงานฝีมือโพสไว้หลายชิ้นเเล้ว คะคุณขา       เจ้าคุณวิสุทธิฯขา ขนมเทียนของคุณหญิงอร่อยนะคะ ชิ้นละ4บาทต้องสั่งล่วงหน้า2วัน  ข้าวแช่ก็อร่อยนะคะ แล้วจะไปทานที่คุณเเนะนำคะ จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 16 ก.ย. 49 21:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่พูดน่ะ พูดจริงๆ นะครับว่าร้านลาบเมืองยศเขาทำอร่อยจริงๆ ไม่ได้ล้อเลียน ผมไปชิมเป็นประจำ ร้านนี้อยู่ปากชอยข้างบ้านคุณหญิง(ก่อนจะถึงบ้านครับ) เมื่อก่อนปั๊มน้ำมันข้างบ้านคุณหญิง(เลยหน้าบ้านมา) ยังไม่เลือกกิจการ จะมีร้านสเต๊ก ชื่อ สเต๊กริมทาง ก็อร่อยเหมือนกัน แต่เดียวนี้ย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านข้าวต้มอ้วน & ผอม ใกล้ศรีธัญญา  รู้สึกว่าจะขายไม่ค่อยดี เพราะไม่ค่อยมีที่จอดรถ จริงๆ ก็อยากจะชิมฝีมือบ้านคุณหญิงเหมือนกันแหละครับ ได้ยินคำล่ำลือมานานแล้วว่าอร่อยสมกับเป็นฝีมือชาววัง เรื่องนี้มีผู้เคยไปรับประทานมา (จริงๆ น้องเขาบอกว่าอร่อยมากจนเลยคำว่า "รับประทาน" ถ้าพูดแบบบ้านๆ ก็แ__ก นั่นแหละครับ เพราะกินมาก) เล่าให้ฟังครับ ... จะทำยังไงได้ ไอ้เรามันคนนอกวัง ก็เลยอาศัยกินนอกรั้วริมทางข้างบ้านคุณหญิงนั่นแหละครับ...ก็ยังดี มองเห็นรั้วขาวๆ กับต้นไม้ร่มรื่นข้างใน ก็เย็นใจแล้วคร้าบบบ..ฮ่าๆๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 49 21:56:02 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 21:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ก็ดิฉันไม่ทราบว่ามีร้านลาบอยู่คะไม่ได้ว่าคุณคะ ปกติโทรไปสั่งขนมเทียน จากบ้านท่านมาทาน มี2ที่ คะที่สั่งอาหารมาทานมีบ้านคุณยายเนื่องกับบ้านคุณหญิง  ดิฉันก็ทำทานได้นะคะเเต่เวลาไม่มี บวกกับขี้เกียจด้วย นี่บ้านเราใกล้กันมากเลยนะคะเจ้าคุณวิสุทธิฯ จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 16 ก.ย. 49 22:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อิ อิ ลูกอิสานอย่างดิฉันไม่รู้จักผู้รากมากดีในเมืองกรุง ได้แต่นั่งอ่านตากระพริบ ปริบๆ รออ่านต่ออยู่นะคะ จากคุณ : EmptyMemory - [ 16 ก.ย. 49 22:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมคิดว่าเราออกนอกกระทู้มาเยอะเลยนะครับ ว่ากันไปถึงเรื่องอาหารอีสานลาบก้อยเข้าไปแล้ว ออกนอกวังซะจนถึงแม่น้ำชี แม่น้ำโขงซะงั้น เกรงใจเจ้าของกระทู้ครับ รูปนี้ หลายท่านคงจะเคยเห็นแล้ว ไหนๆ ก็พูดถึงสมเด็จอินทรฯ ก็ขออัญเชิญตราประจำพระองค์มาให้ดูครับ รูปนี้ ผมสแกนจากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงพระศพครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:49:32 แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 49 22:40:15 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 22:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พระรูปนี้ ทรงฉายพร้อมกับพระสุจริตสุดา และท่านผู้หญิงพัว มารดาคุณขวัญแก้ว คุณแก้วขวัญ   วัชโรทัย ฉายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:51:48 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 22:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พระรูปนี้ สมัยสาวๆ กับพระสุจริตสุดา และท่านผู้หญิงพัว แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:52:56 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 22:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เสด็จพระราชวังบางปะอินครั้งสุดท้าย เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:57:34 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 22:49:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พระศพสมเด็จพระนางเจ้าอิทรศักดิศจี พระวรราชชายา ในรัชกาลที่ ๖ ประดิษฐาน ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 23:00:28 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ก.ย. 49 22:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้ว ความรู้เพียบเลย ผมหลังมานะครับ แต่ว่ามาแล้วคงต้องมาอีกนะครับ แล้วก้สงสัย ว่า ข้าหลวงนางในทั้งหลาย เมื่อ สมเด็จสิ้นแล้วต้องแยกย้ายกันไปทำมาหากินใหม่หรอครับหรือว่าย้ายสังกัดไปอยู่กับเจ้านายใหม่ ช่วยตอบหน่อยนะครับ จากคุณ : รามจิตติ - [ 17 ก.ย. 49 00:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เก็บเสื่อ.. กลับบ้าน ปล. ไว้จะไปหม่ำๆเมนูที่คุณนางในกะเจ้าคุณฯแนะนำไว้ขอรับ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 17 ก.ย. 49 00:50:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ... แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 49 12:10:24 จากคุณ : ปุ๊งเต้า - [ 17 ก.ย. 49 12:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณนางในหนีเที่ยว copy paste ข้อความของคุณรอยใบลานมาก็ควรให้เครดิตนะ มีคนมาท้วง คุณยังแก้ตัว เรื่องที่เขียนมา ส่วนหนึ่งเอาจากเวปวิชาการคะ เเละอีกส่วนหนึ่งมาจากคุณป้าดิฉันคะ คุณป้าดิฉันเป็นข้าหลวงท่าน ถ้าเล่าตามที่ป้าเล่าให้ฟังนะพิมพ์ลงที่นี่ไม่ได้เเน่เลย เพราะมีการเมืองในฝ่ายในอย่างที่เล่าให้ฟัง แถวบ้านที่ดิฉันอยู่มีนางในอยู่เยอะคะ เริ่มจาก คุณยายเนื่อง ที่อยู่ซ.ศิริชัย จ.นนทบุรีที่ดิฉันเรียนทำอาหารจากท่านเเละป้านิดลูกสาวท่าน เลยมานิด ซ.เรวดีมีอีกท่านหนึ่ง ท่านผู้หญิง นิธิวดีข้าหลวง ใน พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เลยมาอีกหน่อย หมู่บ้านมณียารัตนาธิเบต มีนางใน ข้าหลวงในสมเด็จพระเจ้ารำไพพรรณี เลยมาอีกหน่อย บางใหญ่ คุณป้าดิฉันเองคะ ข้าหลวงสมเด็จอิน อยากจะรู้จักท่านมัยจะพาไปกราบท่านทำความรู้จักพวกท่านดิฉันรู้จักท่าน ทุกคน ข้อมูลเลยได้แบบตัวต่อตัว แบบไม่มีในหนังสือ ดิฉันก็เบื่อคุณเหมือนกันละตามจับผิดชาวบ้าน โดยเฉพาะดิฉัน คุณเเขวะดิฉันมาหลายหนแล้ว ดิฉันไม่ยอมเเล้วนะคุณว่านน้ำ ดิฉันเบื่อคุณมากเลย กระทู้นี้กะทู้สุดท้ายที่เจอกัน แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 49 10:46:57 จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 16 ก.ย. 49 10:34:10 ] นี่ไม่ทราบว่าเล่ากันมายังไงคะ ถึงได้เหมือนกันทุกตัวอักษร แต่งกันแค่การจัดหน้าเท่านั้นเองคะเนี่ย จากคุณ : JingleJ (JingleJ) - [ 17 ก.ย. 49 12:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณรามจิตติคะ เราเรียกว่าวังแตกคะ เเยกย้ายออกทำมาหากิน บางคนก็ถวายตัวอยู่สายอื่นแต่เป็นสายที่ถูกกันนะ ข้าหลวงสมัยก่อนถวายตัวกันง่ายๆ มีธูปเทียนเเพเทียนแพ ดอกไม้ใส้กระทงเปิดกรวยใบตองกราบถวายตัวท่าน มีอาหารกิน3มือ เจ็บป่วยรักษาให้เเม้ข้าหลวงเเก่ชราอยู่กับบ้านท่านยังส่งอาหารใส่ปิ่นโตมาให้ทานเลย ถ้าตายท่านก็จัดการงานศพให้ เเบบถวายตัวเป็นข้าหลวงสมัยก่อนเลื้ยงกันตลอดชีวิตคะ อันนี้คุณป้าเล่าให้ฟัง ท่านจะประทานเข็มกลัด สร้อยเเละเงินขัวญถุงให้ (เข็มกล็ดนกยุงนี้คุณป้าก็มีคะเป็นทองประดับเพชรเเละพลอย) แต่หลวงสมัยนี้มีหนังสือ รับรอง มีเงินเดือนแถมหยิ่งอีกต่างหาก จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 17 ก.ย. 49 12:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ลูกเจ๊ก....เข้ามานั่งดูผู้ดีตีนแดงเค้าเถียงกันอีกคน ว่านน้ำเอ๋ย...ขอให้ฉายา "ผู้ทะเลาะ 10 ทิศ" จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 17 ก.ย. 49 13:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ค่ะ ให้คนไกลบ้านอย่างดิฉันได้ทราบประวัติศาสตร์ ดิฉันเพิ่งเข้าห้องนี้ได้แค่สองอาทิตย์ แต่รู้สึกสนใจเรื่อง การเมืองของนางในมากๆ จะหาซื้อหนังสือมาอ่านก็ ที่นี่ก็คงหาไม่ได้ คงได้แต่มาโพสกระทู้ถาม ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : DutchEngel (DutchEngel) - [ 17 ก.ย. 49 17:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณคุณ นางใน ที่กรุณา copy มาให้ ได้ความรู้ดีแท้ โดยไม่ต้อง search จากคุณ : เด็กแนว - [ 17 ก.ย. 49 23:35:29 A:203.118.82.241 X: TicketID:117813 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตลกดีครับ ตลกมากเลย ไม่รู้จะบอกผ่านตัวหนังสือยังไง จากคุณ : Nagano - [ 18 ก.ย. 49 02:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 รู้มั้ยครับว่าเราสามารถใช้ google เพื่อตรวจสอบ plagiarism ได้ ตัวอย่างเช่น http://www.google.co.th/search?hl=en&q=%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87+%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%9E+%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5+%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C&btnG=Google+Search&meta= จากคุณ : ชาเขียว - [ 18 ก.ย. 49 05:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ลูกชาวบ้านมาปูเสื่อดู รันร้า อ้าว เค้าม้วนเสื่อกันหมดแล้วเหยอ ว้า อย่าเพิ่งจิ ตกลงเรื่อง Plagiarism จะว่ายังงาย ว้าๆ อย่าเพิ่งๆ ยังไม่มีแถลงข้อข้องใจตรงนี้เลยน้า ((ลูกชาวบ้านเหลือบตามองรอบๆ อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว)) จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 18 ก.ย. 49 07:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเป้นเหมือนเรื่อง 4 แผ่นดินอ่ะดิครับ .. ขอบคุณที่ตอบคำถาม...จะแวะมาอ่านทุกวันนะครับ จากคุณ : รามจิตติ - [ 18 ก.ย. 49 08:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขำมาก สนิทกับบ้านคุณยายเนื่องขนาดนี้ ยังสะกดชื่อลูกสาวบุญธรรมของคุณยายเนื่องไม่ถูกเลย จากคุณ : ผ่านมา - [ 18 ก.ย. 49 10:04:53 A:125.25.58.135 X: TicketID:106597 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ทานโทษนะคะ คุณแสร้งว่านางในฯ เรากำลังพูดถึงเรื่องความไร้มารยาทของคุณ ที่คุณเที่ยวไปก๊อปข้อความคนอื่นมาลง โดยไม่ได้ให้เครดิตค่ะ ไม่ได้พูดถึงว่าคุณโขลกน้ำพริกได้ถึงใจใครรึเปล่า จับใจความให้ดี อ่านหนังสือให้แตกหน่อยนะคะ แล้วก็อย่าแถกให้มาก มีความละอายต่อบาปซะบ้าง เดี๋ยวเขาจะว่าได้ว่า ตำหนักนี้.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 18 ก.ย. 49 11:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คิงเพนกวินจ๊ะ.. คำขวัญของเรา "คนดีไม่ระราน ใครพาลระวังตัว"จ้ะ ทำผิด อย่าเผลอ หึหึ ถ้าไม่"ทำผิด"ซะอย่าง ใครจะมา"จับผิด"ได้ละจ๊ะ จริงไหม จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 18 ก.ย. 49 11:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จริงจ้ะแม่คุณ....หึ หึ   ไม่แซวก็ได้แค่นี้ทำงอน เราว่ากระทู้นี้มันก็มีความรู้ดีนะ  รู้เรื่องไรที่คนธรรมดาไม่รู้ เยอะ   แต่ปัญหามันอยู่ที่มารยาทมากกว่า   ถ้าให้เครดิต ก็ไม่มีปัญหา    แต่ก็ไม่แน่เสมอไป....อย่าเราเคยโดนก็อป ไปลงเวบอื่นให้เครดิตด้วย   แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าโดน ก็อป  ไม่เคยมีใครมาขออนุญาตนำนิยายเราไปโพส  ดังนั้น   พอถามไปมีการบอกว่าช่วยเผยแพร่ไม่ดีหรือ   คนอื่นเขาหาข้อมูล เขาเขียนมาตั้งนาน   ใช้ข้ออ้างง่อยรับประทานว่าไม่รู้ว่าผิด กม. ขอให้มองโลกในแง่ดีว่าช่วยเผยแพร่   ก็มองไปคนเดียวเถอะ สำหรับเราถือว่านี่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์....ก็เลยแจ้งความซะ..... เน่าตายไป 555ไปขุดดูกระทู้ปักหมุดได้จากหน้าห้องสมุดค่ะ   คุณนางในให้เครดิตหน่อยก็ดีเป็นมารยาททางสังคม และป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคตได้    มันเป็นบรรทัดฐานที่ใครๆ ลูกชาวบ้านที่ไหนก็รู้   ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกผู้ลากมากผู้ดีที่ไหนหรอกค่ะ     คุณอาจจะคิดว่ายัยว่านน้ำเป็นใครกันนี่อยู่ๆ มาด่าคุณน่ารำคาญจัง   คิดเสียว่าเขามาเตือนแล้วกันค่ะ   แต่อาจจะเตือนด้วยคำแรงไปบ้าง (นี่ตอบแบบเป็นกลางสุดๆ ไม่ได้เข้าข้างใครนะ ) มีคนช่วยท้วงติงก่อนจะเกิดปัญหาดีกว่าไม่มีเลยนะคะ   ถ้ามีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ขึ้นมา....มันรุนแรงกว่าที่คุณคิดแน่นอนค่ะ     ยิ่งเรื่องที่คุณนำมาอ้างอิงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ เป็นเจ้าเป็นนาย    มันเสี่ยงกว่าบุคคลธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ มากมายนัก คุณนางในฯ อาจจะสนิทสนมกับคุณท่านเจ้านายเหล่านั้นจริงๆ   อาจจะไม่มีปัญหาก็ได้    แต่ที่นี่เป็นบอร์ดสาธารณะ   อีกทั้งทุกๆ คน เป็นบุคคลในอินเทอร์เน็ต     ไม่ได้เห็นหน้าว่าใครเป็นใคร ไม่อาจเชื่อได้ว่าความสนิทสนมของคุณกับท่านๆ ที่ว่ามานั้นเป็นแค่การ กล่าวอ้างข้างเดียวหรือไม่     วิธีที่ดีที่สุดป้องกันปัญหา   และจะไม่มีคำครหาตามมา คือการให้เครดิตค่ะ    เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทุกๆ คนก็ทำกัน ไม่ยุ่งยากหรอกค่ะแล้วยังสร้างความสบายใจแก่ทุกฝ่าย บางทีคนที่อยากอ่านเพิ่มเติมอาจจะเข้าไปศึกษาในเวบ ที่คุณยกมาอีกด้วย   *** เข้ามาจัดหน้า*** แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 49 13:25:42 จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 18 ก.ย. 49 13:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 46 55555 แหมพอมีคนถามเรื่องการเข้าเฝ้าการถวายตัวนี่มาตอบเชียว คุณว่านน้ำเธอปุชฉาเอาตรงๆ ว่า คุณจะว่าเยี่ยงไรกับรายการ "ก็อปปี้ปะ" ส่วนหนึ่งเอามาจากเว็บวิชาการน่ะเห็นอยู่ แต่ส่วนที่เอามาจากคุณป้าเนี่ย ยังไม่เห็นค่ะ (เอ...ตรงไหนหว่า บอกหน่อย) พระนามของสมเด็จอินทร์ฯ นั้นมีความขลัง ครั้งหนึ่ง เคยมีคนดังของห้องสมุด ซึ่งเธอก็เป็นคนชอบให้ความรู้คนค่ะ แต่เธอไม่ค่อยให้เกียรติการนำข้อมูลผู้อื่นมาเผยแพร่ ฝ่ายคนอ่านก็มักเออออไปกับเธอ แต่ไม่ค่อยมีใครท้วงค่ะ เกี่ยวกับเรื่องการอ้างอิงแหล่งที่มา พอวันที่เธอตก โดนเขาลากไส้ออกมานี้ ฝ่าย "ชื่นชมมากค่า ขอบคุณมากค่า ได้ความรู้มากค่า"...เหล่านี้ หายเกลี้ยง คุณนางในฯ คงจำเรื่องนี้ได้ ที่ว่านน้ำออกมาทัก แม้จะเธอจะมาแรง แต่เธอถามเอาตรงๆ ว่ากันซึ่งหน้า จริงๆ ห้องสมุดแห่งนี้ก็มีผู้เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กันบ่อยๆ เราควรจะสร้างวัฒนธรรมการอ้างอิงแหล่งข้อมูลกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 49 14:10:49 จากคุณ : อันตราคนี - [ 18 ก.ย. 49 13:36:23 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อืม อ่านแล้วได้เรื่องเยอะดีคะ ทั้งเรื่องในวังและนอกวัง ต้องแวะมาบ่อยๆเสียแล้วคะ จากคุณ : ป้ามหาภัย - [ 18 ก.ย. 49 22:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 48 @_@".... -- ...สีข้างถูมาแต่ไกลเชียว...- - - ->...สงสัยคนเดียวกัน (คุณก็รู้ว่าใคร)  ..- - จากคุณ : แฟนคลับคุณ นอ. .. (ZinG BoY wOrLD) - [ 19 ก.ย. 49 00:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อยากให้คุณนางในยอมรับความจริงค่ะ ถึงไม่ได้มีป้าเป็นข้าหลวง ไม่ได้รู้จักคูณยายเนื่อง อย่างที่แอบอ้าง   ก็อยากให้มีจิตสำนึกรู้จักอายบ้าง เห็นๆกันอยู่ว่าสิ่งที่คุณอ้างว่า คุณป้าเล่ามาหรืออะไรแล้วแต่ มันมาจากการ copy paste คำพูดคนอื่นทั้งนั้น มี edit บ้างนิดหน่อยก็แค่การแบ่งบรรทัด แค่นี้อย่ามาเหมาว่าเป็นความรู้ หรือเป็นประสบการณ์ตัวเองซิคะ อยากฉลาด ต้องลงทุนหน่อยนะคะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 49 02:43:34 จากคุณ : ^^EterNaL ReturN^^ - [ 19 ก.ย. 49 02:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณนางในหนีเที่ยวเหลียวมาหน่อย เพื่อนเขาคอยคำขอโทษอย่าโกรธขึ้ง ทุกอย่างที่อ้างอิงล้วนควรคำนึง เคารพซึ่งกันและกันนั่นผู้ดี จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 19 ก.ย. 49 08:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สะดุดตรง ลาบเมืองยศ ดูชื่อ log in เราสิ 555 อ้าว! เขาแยกย้ายกันไปหมดแล้วนิ จากคุณ : ผู้สาวเมืองยศ - [ 19 ก.ย. 49 15:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมนั่งอ่านตาปริบ ๆ จากคุณ : dogmui - [ 19 ก.ย. 49 15:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 53 . จากคุณ : Her Handwriting - [ 19 ก.ย. 49 19:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผมจะโพสต์พระรูปที่ผมสแกนมาจากหนังสือที่ระลึกเนื่องในงานพระราชทานเพลิงพระศพไปจนหมดนะครับ หลังจากนี้ไป ผมอนุญาตให้ทุกท่าน Save เก็บไว้ และยินดีที่จะให้นำไปเผยแพร่ให้แพร่หลาย โดยไม่จำเป็นที่จะต้องอ้างว่าได้ภาพมาจากไหนหรือจากใคร ขอให้อัญเชิญพระรูปไปเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จฯ ให้ผู้ที่อยากรู้อยากเห็นได้รู้ได้เห็นต่อไป ผมอธิบายไม่ค่อยเก่ง(ขี้เกียจอธิบายด้วย) แต่มีรูปเยอะ ก็จะขอโพสต์รูปก็แล้วกัน สำหรับท่านใดอธิบายเก่งก็เชิญอธิบายตามอัธยาศัย ครับ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๔ วันราชาภิเษกสมรส แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:56:56 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 49 22:07:59 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 19 ก.ย. 49 22:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๕ วันราชาภิเษกสมรส ครบ ๑ ปี แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:49:04 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 19 ก.ย. 49 22:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ทรงเครื่องแบบนาวาตรีราชนาวีเสือป่า แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:46:41 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 19 ก.ย. 49 22:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ย่องมาแอบปูเสื่อ อีกรอบ ^^' จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 20 ก.ย. 49 09:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 58 มาโพสต์พระรูปต่อครับ สองวันที่ผ่านมายังตื่นเต้นกับคณะปฏิรูปฯ อยู่ครับ สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ในรัชกาลที่ ๖. แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:44:45 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 21 ก.ย. 49 19:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 59 รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ เมื่อพระชนมายุครับ ๖ รอบ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 22:41:13 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 21 ก.ย. 49 19:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สุภาพสตรีอีกท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ในภาพ คือ พระสุจริตสุดา พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๖ ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 21 ก.ย. 49 19:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับ คุณเจ้าคุณวิสุทธิฯ ที่ช่วยสแกนภาพสวยๆ เหล่านี้มาให้ชมกัน แต่.... ขอโทษครับ ไม่ทราบว่า เจ้าคุณฯ เป็นพระญาติสายไหนหรือเปล่าครับ ถึงได้สแกนรูปในหนังสือมาลงแล้วมีสิทธิ์พูดว่า "ผมอนุญาตให้ทุกท่าน Save เก็บไว้ และยินดีที่จะให้นำไปเผยแพร่ให้แพร่หลาย โดยไม่จำเป็นที่จะต้องอ้างว่าได้ภาพมาจากไหนหรือจากใคร" เจ้าคุณฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว เพียงแต่สแกนมาเท่านั้น ถ้ายินดีจะให้เผยแพร่ต่อ ก็นับเป็นวิทยาทานในวงกว้างครับ แต่ผมเห็นว่าควรจะให้ผู้นำไปเผยแพร่ต่อบอกที่มาด้วยว่ามาจากหนังสือพระราชทานเพลิงศพของท่านใดฯ มิใช่นำไปใช้ได้ลอยๆ ทั้งนี้ผมไม่ทราบว่าหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เมื่อปีใด  และกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นกำหนดเกี่ยวกับภาพว่ามีอายุลิขสิทธิ์เท่าใด (ถ้าเป็นวรรณกรรมที่ประพันธ์ขึ้น นับแต่ผู้เขียนเสียชีวิตไปห้าสิบปี)  จึงต้องเรียนมาให้ทราบก่อน เจ้าคุณฯ อาจจะไม่ใช่คนคิดมาก ผมเข้าใจนะครับ  แต่มิใช่เป็นการส่งเสริมให้ผู้อื่นมักง่ายในวงวิชาการ เท่านี้กรณีคุณนางในหนีเที่ยว ก็แย่พอแล้ว เจ้าคุณฯ ไม่ควรพูดเช่นนี้มันราวกับเป็นการส่งเสริมการละเมิดลิขสิทธิ์และการผิดมารยาทต่อทายาทของผู้วายชนม์เข้าไปซ้ำซ้อนอีก ฉะนั้น ผมอยากให้เจ้าคุณฯ ไตร่ตรองให้ดีกว่านี้ สำหรับคำพูดของเจ้าคุณฯ เอง อย่าได้ให้ผู้ใดมาฉกฉวยไปได้โดยพลการ เพราะเจ้าคุณฯ เองก็มิใช่ทายาทและไม่ได้มีสิทธิ์ในรูปภาพเหล่านี้แม้แต่น้อย แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 20:54:01 จากคุณ : รพินทร์ - [ 21 ก.ย. 49 20:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ในความหมายของผม หมายถึงว่าเมื่อมีการเอารูปไปโพสต์ต่อ ไม่ต้องอ้างว่าเอารูปมาจากที่ผมโพสต์ครับ ผมไม่อยากเห็นใครต้องมาทะเลาะกันเพราะไปแอบอ้างเอางานหรือผลงานของใครมา และในกระทู้บางกระทู้ก็เห็นมีการติงเรื่องรูปถ่ายที่เอามาโพสต์ต่อ ว่าใครเป็นเจ้าของภาพ ผมไม่อยากให้ทะเลาะกัน และผมก็ทราบครับว่าผมไม่มีสิทธิ์หรือเป็นเจ้าของภาพเหล่านั้น ผมก็บอกให้ทุกคนทราบแล้วว่า "โพสต์เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณให้คนที่ยังไม่รู้ ได้รู้ได้เห็นครับ"  ขอบคุณครับที่เข้าใจว่าผมเป็นคนไม่คิดมาก และขอประทานโทษครับ ผมเป็นคนธรรมดาครับ พระนามสมเด็จอินทร์ฯ นี้ คงจะอาถรรพ์เหมือนข้างบนว่าจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมคงต้องขอกราบพระบาทลา แล้วครับ.. ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 21:43:35 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 21 ก.ย. 49 21:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 63 บ้านอยู่ใกล้ๆกับวัง ของสมเด็จอิน แถวๆฝั่งธน  และเคยได้ยินมาจากคุณยายว่าเพราะ...โห่ฮาป่า .... จน ไม่เป็นที่พอพระทัย  น่ะค่ะ จากคุณ : tk-angle - [ 22 ก.ย. 49 01:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยเลยค่ะ กระทู้ที่ตั้งถึงสมเด็จอินทร์ที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องถูกลบไปแทบจะทุกกระทู้ จากคุณ : สิบ - [ 22 ก.ย. 49 17:16:39 A:58.147.85.100 X: TicketID:111006 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณนางในหนีเที่ยว หนีไปด้วยคนสิครับ จากคุณ : SayaKo - [ 22 ก.ย. 49 21:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยังไงก็ขอขอบคุณ คุณนางใน ฯ ด้วยละกัน ทำให้ได้ความรู้มากขึ้นเยอะ เราเข้ามาหาความรู้ อย่างเดียว... จากคุณ : YM - [ 23 ก.ย. 49 02:19:13 A:203.218.120.155 X: TicketID:100006 ]

ความคิดเห็นที่ 67 นับถือนางในครับ จากคุณ : SayaKo - [ 23 ก.ย. 49 17:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อ้าว เป็นไงอ่ะ คนที่จะเข้ามาหาความรู้ รูปเริบ ไม่ต้องดูกันแล้ว โดนเบรคกันซะหัวทิ่ม ขนาดนี้ ขอขอบคุณ ท่านที่นำความรู้มาให้อ่านนะครับ ผมไม่ค่อยสนหรอกว่า ที่มาที่ไปของความรู้นั้นจะมาจากไหน ขอให้ได้ความรู้ก็พอครับ ปล. อย่ากัดผมนะ ผมไปล่ะ จากคุณ : หลวงตะลุมบอน - [ 24 ก.ย. 49 01:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ยังไงก็ปันความรู้กันนะคับ รู้จริงรู้ถูกต้องเป็นเรื่องดีนะคับ ชอบชื่อ อันตราคนี จัง (คห.46) มีลูกได้จะให้ชื่อ เหมาธร (เห-มา-ทอน) ด้วยอ่ะ จากคุณ : SayaKo - [ 25 ก.ย. 49 12:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าการทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้มันถูกต้อง ยกย่องถึงที่มาขององค์ความรู้ให้ชัดเจน มันเป็นการยากมาก ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสังคมไทยทุกวันนี้ถึงเป็นเยี่ยงนี้ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 25 ก.ย. 49 12:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอา (ฟ่ะ) อย่างน้อยก็ได้อะไรติดสมองกลับไปบ้าง ------------------------------------------------------- ไม่เอาไม่ดีอย่าทะเลาะกันน่ะ รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย ------------------------------------------------------ ใครทำอะไรอย่างไร ก็ได้แก่ตัวอย่างนั้นเอง ------------------------------------------------------ ไปและจ้า จากคุณ : หนุ่มสตางค์ - [ 28 ก.ย. 49 21:07:10 ]

ความคิดเห็นที่ 72 สุดยอดครับ สุดยอด เซฟกระทู้เก็บไว้อ่านเป็นกรณีศึกษา... ว่าด้วย "ที่มา" ของความรู้ดีกว่าครับ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 29 ก.ย. 49 10:01:03 ]