ความคิดเห็นที่ 1 สีสันต่างๆในภาษาไทยหายไปแยะเหมือนกัน เมื่อก่อนเรามี shade สีมากมายที่เทียบเคียงเข้ากับธรรมชาติและสิ่งของรอบตัว พูดขึ้นมาก็รู้ได้ชัดเจน แต่ว่าเดี๋ยวนี้หาดูได้ยาก หรือ ไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ไปเสียแล้ว เลยนึกภาพกันไม่ค่อยจะออก สีปูน หรือ สีปูนแห้ง คือ ปูนแดงที่กินกับหมาก ส่วนสีเหล็กก็ประมาณเทาๆ เขียวตองอ่อน เขียวไข่กา เขียวคราม (ฟ้าคราม) เหลืองจำปา สีตะกั่วตัด สีโศก ม่วงเม็ดมะปราง สีเปลือกมังคุด ฯลฯ ฯลฯ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนพูดกันแล้ว น่าจะรวบรวมกันไว้บ้างก่อนที่จะลืมกันไปหมด จากคุณ : ผมอ่ะนะ - [ 1 ต.ค. 49 10:59:31 A:58.8.172.180 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ของผู้หญิงนี่ไม่รู้อ่ะครับ แต่ถ้าเป็นนี้  รู้อ่ะ อนึ่งภูษาผ้าทรงณรงค์รบ จัดให้ครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว จะยืดยาวชันษาสถาผล อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน เป็นมงคลขัติยาไม่ราคี วันพุธสุดดีด้วยสีแสด กับเขียวเหลืงปนแปดประดับสลับสี พฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม วันเสาร์ทรงดำจึงล้ำเลิศ แสนประเสริฐข้าศึกให้นึกขาม อีกพาชีที่ขี่ขับประดับงาม ให้ต้องตามสีสันจึงกันภัย จำไม่ได้ว่าที่มามาจากไหน และถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ เพราะเค้นออกมาจากความทรงจำจริง ๆ อิอิ จากคุณ : ปะหล่อง - [ 1 ต.ค. 49 11:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การแต่งกายของคนไทยโดยเฉพาะของสตรีในพระราชสำนัก ยิ่งปรากฏให้เห็นถึงวัฒนธรรมไทยแท้ที่มักเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เข้ากับความเชื่อเรื่องโชคลาง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการแต่งกาย เช่นเชื่อว่าสีของเสื้อผ้ามีอิทธิพลบันดาลให้เกิดโชคลาภ ทุกข์สุขแก่ผู้สวมใส่ ความเชื่อเรื่องนี้มีผลสืบเนื่องจากการเชื่อเรื่อง "เทวดาสัปตเคราะห์" หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามของ "แม่ซื้อ" ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๗ องค์ แต่ละองค์มีสีกายแตกต่างกัน จึงเป็นที่มาของสีประจำวันทั้งเจ็ด และเชื่อกันว่าการสวมเสื้อผ้าให้ตรงกับสีประจำวัน จะเกิดมงคลกับตัวเอง ช่วยส่งเสริมอานุภาพและบารมีให้มากยิ่งขึ้น สีของเครื่องแต่งกายที่ถูกต้องตามโฉลกของแต่ละวัน คือ วันอาทิตย์-สีแดง, วันจันทร์-สีขาวนวล, วันอังคาร-สีชมพู, วันพุธ-สีเขียว, วันพฤหัสบดี-สีเหลืองอ่อน, วันศุกร์-สีฟ้าอ่อน และวันเสาร์-สีดำ สตรีในวังนำเอาเค้าของสีมงคลมาแต่งเติมเสริมกับสีอื่น ๆ ให้เข้ากันเป็นชุดดูสวยงาม ดังนี้ วันจันทร์ นุ่งเหลืองอ่อน ห่มน้ำเงินอ่อนหรือบานเย็น นุ่งน้ำเงินนกพิราบ ห่มจำปาแดง วันอังคาร นุ่งสีปูนหรือม่วงเม็ดมะปราง ห่มโศก นุ่งโศกหรือเขียวอ่อน ห่มม่วงอ่อน วันพุธ นุ่งสีตะกั่วหรือสีเหล็ก ห่มจำปา วันพฤหัสบดี นุ่งเขียวใบไม้ ห่มแดงเลือดนก นุ่งแสด ห่มเขียวอ่อน วันศุกร์ นุ่งน้ำเงินแก่ ห่มเหลือง วันเสาร์ นุ่งม่วงเม็ดมะปราง ห่มโศก นุ่งผ้าลายพื้นม่วง ห่มโศก วันอาทิตย์ แต่งเหมือนวันพฤหัสบดี หรือนุ่งเขียว ห่มแดง นุ่งผ้าลายสีลิ้นจี่ หรือผ้าลายสีเลือดหมู ห่มโศก เกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายและสีเครื่องแต่งกายนี้ หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล ได้บรรายไว้ในบันทึกความทรงจำของท่านว่า "....วันอาทิตย์ทรงผ้าลายสีลิ้นจี่ ทรงสะพักแพรสีโศก หรือทรงผ้าสีเขียวใบไม้ ทรงสะพักสีทับทิม วันจันทร์ทรงผ้าเหลืองอ่อน ทรงสะพักแพรสีน้ำเงิน หรือทรงสีบานเย็น ทรงผ้าสีนกพิราบน้ำเงินหม่น ทรงแพรสีจำปาแดง วันอังคารทรงผ้าสีม่วงอ่อน ทรงแพรสีโศก หรือทรงผ้าสีโศก ทรงแพรสีม่วง วันพุธทรงผ้าสีเหล็กหรือสีถั่วเขียว ทรงแพรสีจำปาอ่อนหรือแก่ก็ได้ วันพฤหัสบดีทรงผ้าสีแสด ทรงแพรสีเขียวอ่อน หรือทรงผ้าสีเขียวใบไม้ ทรงสะพักสีแดงเลือดนก (ทับทิม) วันศุกร์ทรงผ้าสีน้ำเงินแก่ ทรงแพรสีเหลือง (ดอกกะบอก) หรือทรงแก่กว่าหน่อยก็ได้ วันเสาร์ทรงผ้าลายพื้นม่วง ทรงแพรสีโศก วันพระทรงผ้าสีแดง ทรงสะพักสีชมภู เวลาไว้ทุกข์ใช้ผ้าทรงสีม่วง ทรงสะพักแพรสีนวล หรือผ้าทรงสีเขียว ทรงแพรสีม่วงอ่อน ม่วงแก่ตามที่ชอบ...." วัฒนธรรมการแต่งกายของสตรีในพระราชสำนักได้รับการพัฒนาตลอดมา แต่ยังคงรูปแบบเดิมคือ นุ่งจีบนุ่งโจง ห่มสไบแนบตัว หรือเสื้อกระบอก ห่มสไบเฉียงทับเสื้อ จะมีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอดจนวิธีการประดับตกแต่งให้ดูงดงามขึ้นกว่าเดิมเพื่อใช้ในโอกาสต่าง ๆ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยเริ่มรับวัฒนธรรมจากประเทศทางยุโรปบางประการมาใช้ โดยเฉพาะวัฒนธรรมการแต่งกาย บรรดาข้าราชสำนักฝ่ายใน พากันตื่นตัวรับแบบอย่างและวิธีการแต่งกายมาผสมผสานดัดแปลงให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายแบบดั้งเดิมของไทย... (คัดบางส่วนจากหนังสือเรื่อง "เรื่องเล่าชีวิตสาวชาววัง หอมติดกระดาน" โดย ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ พิมพ์ครั้งแรก : กรกฎาคม ๒๕๔๙ สำนักพิมพ์มติชน หน้า ๓๘-๓๙) จากคุณ : วศินสุข - [ 1 ต.ค. 49 11:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บทกวีที่คุณปะหล่องยกมาในความเห็นที่ ๒ ถ้าจำไม่ผิด จำได้ว่าเป็นบทกวีเรื่อง "สวัสดิรักษา" ของท่านบรมครู "สุนทรภู่" ครับ จากคุณ : วศินสุข - [ 1 ต.ค. 49 11:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จำได้ว่าในเรื่องสี่แผ่นดินก็มีตอนที่ช้อยสอนพลอย จากคุณ : โอ๊ต - [ 1 ต.ค. 49 12:57:39 A:172.19.48.55 X:129.78.208.4 TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โอ้  ท่านวศินสุข ใช่สวัสดิรักษาของพ่อภู่จริง ๆ ครับ ขอบพระคุณที่ให้ข้อมูลครับ จากคุณ : ปะหล่อง - [ 1 ต.ค. 49 12:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สีอื่นๆ พอจะทราบค่ะ แต่สีโศกนี่คือสีอะไรคะ ใช่สีส้มไหมคะ ส้มดอกโศกน่ะค่ะ จากคุณ : ดนยา - [ 1 ต.ค. 49 13:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ใช่ครับคุณดนยา ไม่ใช่สีดอกอโศก  สีโศก คือ สีเขียวอ่อนของใบอโศกครับ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้คำจำกัดความของ "โศก" ในความหมายที่ ๓ ว่า "ว. สีเขียวอ่อนอย่างสีใบอโศกอ่อน เรียกว่า สีโศก." (หน้า ๑๑๐๗) ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 49 14:31:43 จากคุณ : วศินสุข - [ 1 ต.ค. 49 14:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นหลานชายวัย30นิดๆ ใส่เสื้อเชิรต์สีโศก น้าบอกสวยจัง สีโศก หลานชายถาม สีอะไรคับสีโศก จากคุณ : ไร้สี - [ 1 ต.ค. 49 15:24:49 A:210.131.82.206 X: TicketID:128743 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สีแบบไทยๆ มีสีอะไรบ้าง เท่าที่นึกออก ลองไล่จากอ่อนไปเข้มดูแล้วกันนะคะ อนึ่ง เดิมทีคนไทยเรียกสีไหนก็เรียกชื่อสิ่งที่ใช้แทนสีไปเลย เช่น สีตองอ่อน สีโศก สีทับทิม สีเม็ดมะปราง แต่ในที่นี้ใส่ชื่อสีนำหน้าไว้เพื่อให้ชัดเจนนะคะ คำบรรยายต่อชื่อสีนั้นคงมีผิดเป็นแน่ ท่านผู้ใดมีความรู้กรุณาช่วยขยายความหรือแก้ไขให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ =============================== สีแดง: แดงเลือดนก - แดงสด แดงครั่ง - แดงสดเหมือนกัน สีเหมือนครั่งใช้ประทับปิดจดหมาย แดงทับทิม - น่าจะเป็นแดงอมชมพูนิดๆ เหมือนเฉดของทับทิมสยาม แดงเลือดหมู - แดงคล้ำ แดงอมดำ แดงโกเมน - สีแดงอมดำเหมือนกัน แต่ต่างเฉดกับสีเลือดหมู (ต่างกันยังไงก็บรรยายไม่ถูกเหมือนกัน) สีเหลือง: เหลืองไข่ไก่ - สีเหลืองนวล เหมือนสีไอศกรีมวานิลา เหลืองดอกโสน - เหลืองสด เหลืองจำปา - สีเหลืองสดเหมือนกัน เหลืองสุพรรณิการ์ - ??? เหลืองขมิ้น - ก็น่าจะเหลืองสดเหมือนกัน แต่ออกอมส้มนิดหน่อย เหลืองแก่นขนุน - สีเหลืองเหมือนจีวรพระ (มหานิกาย) เหลืองไพล - เหลืองอมน้ำตาล เหลืองกลัก - เหลืองอมน้ำตาลจนเกือบเป็นสีน้ำตาล สีจีวรพระภิกษุ (ธรรมยุต) ป.ล. นึกถึงอีกสีคือสีเหลืองทอง แต่ว่า ทองของคนสมัยนี้ กับทองของคนสมัยก่อนนั้นคนละสี ลองเทียบเครื่องทองยุคโบราณกับทองเยาวราชสมัยนี้จะพบว่าคนละสีกันเห็นๆ ทองโบราณสีจืดกว่า จากคุณ : AntiSpam - [ 1 ต.ค. 49 15:54:49 A:124.120.108.251 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 11 === สีส้ม === สีมะปรางสุก - สีของผลมะปราง สีแสด - เข้าใจว่ามาจากสีของดอกแสด คือสีส้มแดง === สีเขียว === เขียวตองอ่อน - สีเขียวสดอมเหลือง เขียวก้านมะลิ - สีเขียวอ่อน เหมือนรถเบนซ์ (ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี) เขียวหยก - น่าจะเป็นเขียวละมุน โทนสีอ่อน ตามเนื้อหยกจีนที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคย เขียวโศก - เขียวเหมือนใบโศกอ่อน เขียวไข่กา, เขียวไข่นกการะเวก, เขียวการะเวก - น่าจะเป็นเขียวอ่อนอมฟ้าเจือนิดๆ เหมือนสีเทอร์ควอยซ์ที่ออกเป็นสีเขียวอ่อน ไม่ใช่สีฟ้าสด เขียวใบไม้ - สีเขียวสด เขียวมรกต - เขียวสดเข้ม เขียวขี้ม้า - เขียวเข้ม เจือสีเหลืองนิดๆ อ่า...เขียวทหารบก เขียวหัวเป็ด - เขียวเข้มเกือบดำ อันนี้ต้องบอกว่าเป็นสีเขียวรถวอลโว่ หรือเขียว BMW === สีฟ้า === สีฟ้าพยับหมอก - สีฟ้ามัวๆ ???? === สีม่วง === สีม่วงดอกตะแบก - สีม่วงอ่อน พลอยอะแมธิสต์สีอ่อน ก็เรียกพลอยสีดอกตะแบก สีม่วงเม็ดมะปราง - น่าจะเป็นสีม่วงสด เคยแงะเม็ดมะปรางมาดู เป็นสีม่วงเจ็บเลยล่ะ สีม่วงเปลือกมังคุด - สีม่วงแดงเข้ม === สีน้ำเงิน === สีน้ำเงินลงยาราชาวดี, สีน้ำเงินราชาวดี - สีน้ำเงินสด เข้าใจว่านำมาจากค่าว่า Royal Blue สีน้ำเงินคราม - สีน้ำเงินสดเช่นกัน แต่เจือม่วงนิดๆ สีกรมท่า - สีน้ำเงินแก่เกือบดำ อืมมมมม สัมพันธ์อย่างไรกับ “กรมท่า” คะ === สีอื่นๆ === สีปูน - สีชมพูอมส้ม โทนเดียวกับสีโอลด์โรส แต่เข้มแปร๊ดกว่า (สีโอลด์โรสนี่ก็อีก จริงๆ มันน่าจะเป็นสีแดงเก่าๆ ตามสภาพกุหลาบโรยหรือกุหลาบแห้ง Old Rose นี่ ไม่น่าจะเป็นสีชมพูอมส้มไปได้ หรือเป็นสีนี้จริงๆ ก็ไม่รู้) สีบานเย็น - สีชมพูแปร๊ดอย่างที่ฝรั่งเรียก ชมพูสะพรึง (Shocking Pink) สีนี้เป็นสีแปลก เนื้อสีเป็นสีหวาน แต่พอเอามาใช้กลายเป็นสีเปี้ยวจี๊ด สีน้ำทะเล - กึ่งเขียวกึ่งฟ้า บางคนก็ว่าเขียว บ้างก็ว่า เราเป็นพวกตาเห็นสีฟ้าดีกว่าเขียว เราว่าสีฟ้าน้ำทะเล สีเหล็ก - น่าจะเป็นสีเทา แต่ไม่แน่ใจ พระเอกในนิยายไทยสมัยก่อนมักมีนัยน์ตาสีเหล็ก...ก็ยังไม่แน่ว่าสีอะไร เพราะสีตาของคนไทยก็น่าจะสีน้ำตาลเข้ม ถึงสีดำ สีตะกั่วตัด - ???? จากคุณ : AntiSpam - [ 1 ต.ค. 49 16:12:01 A:124.120.108.251 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แดงชาด เหลืองดอกบวบ (มักใช้เรียกทองที่เนื้อไม่ค่อยบริสุทธิ์ ว่า สีดอกบวบ) เขียวไพล สีนิล (ดำ) สีขาบ (น้ำเงินเข้ม) อ่า นึกไม่ค่อยออก จากคุณ : ผ่านมาอีกที - [ 1 ต.ค. 49 16:49:46 A:58.8.172.180 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ AntiSpam  จำแนกชื่อสีได้ละเอียดดีจริง ๆ พอนึกออกเพิ่มเติมอยู่ ๒ สี คือเขียวมะกอก  สีของพวกเภสัชกร  คู่ กับสีเขียวใบไม้ของพวกแพทย์   อีกสีหนึ่งคือสีฟ้าหม่นของพวกสัตวแพทย์ อันนี้เป็นสีแปลก มีที่มาคือเดิมทหารม้าใช้ธงสีฟ้านำหน้าทัพ  พอควบม้าเร็ว ๆ เข้าฝุ่นก็ไปเกาะที่ธง เลยกลายเป็นสีฟ้าหม่นไป  สีฟ้าหม่นเลยกลายเป็นสีของทหารม้า  แต่ก่อนสัตว์สำคัญที่สัตวแพทย์รักษาก็คือม้าในกองทัพ  สีฟ้าหม่นก็เลยกลายเป็นสีของสัตวแพทย์ไปด้วย เอวัง ด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 1 ต.ค. 49 17:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะคุณเพ็ญชมพู และคุณ 106200 คุณ 106200 ตั้งประเด็นได้โดนใจดิฉันมากทีเดียว ชอบวิธีเรียกสีแบบนี้ค่ะ นึกภาพนึกสีได้ชัดเจนดี ใครนึกออกเพิ่มหรือแก้ไขสิ่งที่ดิฉันโพสต์ไปแล้วก็ยินดีนะคะ :) จากคุณ : AntiSpam - [ 1 ต.ค. 49 17:45:57 A:124.120.108.251 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 15 นึกออกอีกนิดหน่อย สีเม็ดมะขาม (จำได้ในหนังสือสามเกลอตอนหนึ่ง พูดถึงไก่ฝรั่งพันธ์หนึ่งที่นิยมเลี้ยงกันว่า สีเม็ดมะขาม) สีปีกแมลงทับ (เขียว) สีกลีบบัว แล้วก็มี สีบัวโรย สีสวาด (สีเทา คือ สีของลูกสวาด หรือ เม็ดมันหว่า? ถ้าไม่รู้จักลูกสวาด ก็ดูแมวสีสวาดก็ได้ เทาประมาณนั้น) แดงครั่ง (เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยเห็นแล้ว ถ้าว่ากันไป ไม่เห็นครั่งแท้ๆนานแล้วเหมือนกัน ) จากคุณ : ผ่านมาอีกที - [ 1 ต.ค. 49 17:59:27 A:58.8.172.180 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ป.ล. คนอื่นที่มาอ่านเขาจะว่าเราแก่ไหมนี่? เดี๋ยวถ้านึกอะไรออก จะมาบอกอีก จากคุณ : ผ่านมาอีกที - [ 1 ต.ค. 49 18:03:01 A:58.8.172.180 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ๋อค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณวศินสุข สีโศกคือเขียวอ่อนของใบโศกนะคะ เป็นคนชอบชื่อสีต่างๆ ค่ะ เคยอ่านเจอในนิตยสารแฟชั่นแอลหรือไงไม่ทราบค่ะ หรืออ่านจากเว็บคุณเฟย์ ในวงการแฟชั่นจะมีอาชีพตั้งชื่อสีด้วยนะคะ เช่น สีเหลืองฟางข้าว หรือเหลืองไวน์ สีเขียวทะเลลึก เป็นต้น เป็นอาชีพที่น่าสนใจมากค่ะ ตอนนี้ในนิตยสารแฟชั่นอย่างแอล หน้าแฟชั่นน่ะค่ะ ก็จะมีชื่อสีเก๋ๆ เท่ๆ ให้อ่านเหมือนเดิม ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนการตั้งชื่อสีของคนไทยสมัยก่อนเลยนะคะ ตั้งตามสีสันของธรรมชาติรอบๆ ตัว ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน จากคุณ : ดนยา - [ 1 ต.ค. 49 20:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สีเมฆหมอกล่ะคะ? ประมาณไหน เทา+ฟ้า ประมาณนี้มั้ยคะ? จากคุณ : เมรีลิ้มรสสุราบาน - [ 1 ต.ค. 49 20:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ได้ยินว่า สีกรมท่า เป็นสีเครื่องแบบของข้าราชการกรมท่า ได้ยินมาดังนี้นะครับ จากคุณ : จะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี (WeeN the Listener) - [ 1 ต.ค. 49 22:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากครับคุณAntiSpam คุณบอกมาเสียละเอียดจนคนตาบอดยังนึกภาพออกเลย ฮ่าๆๆๆ คนโบราณเนี่ยช่างสรรหาคำมาตั้งสีได้ชัดเจนจัง ขอบคุณครับคุณเพ็ญชมพู คลังความรู้ของพวกเรา ได้ความรู้เรื่องสีของทหารม้าและสัตวแพทย์ด้วย 'ไหมล่ะ ด้วยความยินดีครับคุณดนยา แต่ผมก็ไม่ค่อยคุ้นกับนิตยสารแฟชั่นเสียด้วยสิครับ แต่อาชีพที่ว่านี่น่าสนใจดีครับ สีเมฆหมอก ก็น่าจะเป็นสีฟ้าอมเทาเข้ม ๆ อย่างที่คุณเมรีลิ้มรสสุราบาน บอกนะครับ แต่ผมว่าน่าจะออกเข้ม ๆ แบบ "สีหมอกเมฆนิลกาญจน์" นะครับ เคยได้ยินมาอย่างที่คุณWeeN the Listener บอกเหมือนกันครับว่า สีกรมท่า คือสีของพนักงานกรมท่าเขาแต่งกัน ขอบคุณทุก ๆ ท่านอีกครั้งครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย จากคุณ : วศินสุข - [ 1 ต.ค. 49 23:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พูดถึง สีหมอก ทำให้นึกถึงม้าสีหมอก (ของขุนแผน) แล้วก็เลยนึกไปถึงสีชื่อแปลกอีกสีหนึ่ง คือ สีกะเลียว เคยเจอคำว่า ม้าสีกะเลียว ที่ไหนจำไม่ได้ และเมื่อเปิดพจนานุกรมดู กะเลียว คือ สีของม้าชนิดหนึ่ง ลักษณะเขียวอมดำ นึกที่มาของคำนี้ไม่ออกหมือนกัน จากคุณ : ผ่านมาอีกที - [ 1 ต.ค. 49 23:41:57 A:58.8.167.143 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กระทู้นี้อ่านแล้วได้ความรู้ดีจริงๆ ขอบคุณคับ จากคุณ : ป๋ายาว - [ 1 ต.ค. 49 23:45:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สีฟ้าพยับหมอก เป็นแบบสีฟ้าของดอกพยับหมอกแหละครับ บอกไม่ถูกเมหือนกัน แต่ผมชอบมาก ฟ้าแบบอ่อนๆ แต่เจิดจรัสอ่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี --สีน้ำเงินลงยาราชาวดี, สีน้ำเงินราชาวดี - สีน้ำเงินสด เข้าใจว่านำมาจากค่าว่า Royal Blue--    Royal blue มันไม่สดขนาดนั้นนะครับ สีมันเหมือนเจือด้วยอะไรซักอย่าง รู้สึกภาษาไทย เค้าแปลว่า สีน้ำเงินขัตติยา นะครับ เคยอ่านเจอ แต่ว่า ผมก็ไม่รู้จริงๆ เค้าใช้ว่าอะไร จากคุณ : A ARM (A ARM) - [ 1 ต.ค. 49 23:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แว่บมาขอบคุณคนสำคัญ "คุณผ่านมาแล้วผ่านมาอีก" อิอิ มีสีใหม่ ๆ มาฝากพวกเราทุกเที่ยวที่ผ่านเลยนะครับ ขอบคุณครับ อ้อ! คุณ A ARM และทุก ๆ ท่านด้วยครับ จากคุณ : วศินสุข - [ 2 ต.ค. 49 00:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สีโอรส (สะกดถูกเปล่าหว่า??) เข้าใจว่าเป็นสีชมพูอ่อนๆ เป็นสี "กุหลาบแก่" คำๆ นี้เป็นคำทับศัพท์ "old rose" คนไทยออกเสียง "โอลด์" ไม่ถนัดลิ้น เลยเรียก โอรส จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 2 ต.ค. 49 05:06:00 A:86.140.147.41 X: TicketID:109703 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ในทวิภพก็มีพูดถึงหน่อยนึงครับ เห็นว่าคนโบราณ จะนุ่งห่มสีตัดกันฉับเลย ไม่นิยมนุ่งและห่มสีเดียวกัน แต่จะไม่ใช้สีแดงเพราะสีแดงเป็นของเจ้านายครับ จากคุณ : พลายแป้ง - [ 2 ต.ค. 49 06:43:12 A:210.203.180.63 X: TicketID:120371 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^ ^ เฉพาะวันพระหรอกครับที่เจ้านายทรงสีแดงกัน คนสามัญธรรมดาจะไม่ทำตัวเทียมเจ้านาย วันอื่นเขาก็ใส่สีแดงได้ พูดถึงสีแดง เลยนึกถึง สีนาก เดี๋ยวนี้ก็ไม่พูดกันแล้วเหมือนกัน สมัยนี้เราไม่ค่อยนิยมนากกันเท่าไร สีนาก ก็คือ ทองอมแดง มีชมพู่สีนากด้วย (ไม่เคยเห็นเหมือนกัน) จากคุณ : ผ่านมาอีกที - [ 2 ต.ค. 49 09:23:09 A:58.8.170.34 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สีทนได้ล่ะคะ จากคุณ : เทวาภิรมย์ - [ 2 ต.ค. 49 13:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แสงสว่างที่พวยพุ่งออกจากพระสรีรกายของพระพุทธเจ้า เรียกว่า "ฉัพพรรณรังสี" มีทั้งหมด ๖ สี คือ     ๑. นีล          เขียวเหมือนดอกอัญชัน     ๒. ปีต          เหลืองเหมือนหรดาลทอง     ๓. โลหิต       แดงเหมือนตะวันอ่อน     ๔. โอทาต     ขาวเหมือนแผ่นเงิน     ๕. มัญเชฐ     สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่     ๖. ประภัสสร   เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก สีทั้ง ๖ นี้ไม่ได้พุ่งออกเป็นสี ๆ ดังที่แยกไว้นี้ แต่แผ่ออกมาพร้อมกันในหนังสือปฐมสมโพธิกถา ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส กล่าวถึงพระฉัพพรรณรังสีที่แผ่ซ่านออกจากพระกายพระพุทธเจ้า ไว้ดังนี้ "ในลำดับนั้น พระฉัพพรรณรังสีก็โอภาสแผ่ออกจากพระสริรกาย อันว่านิลประภาก็เขียวสดเสมอด้วยสีแห่งดอกอัญชันมิฉะนั้นดุจพื้นแห่งเมฆแลดอกนิลุบลแลปีกแห่งแมลงภู่ ผุดออกจากอังคาพยพในที่อันเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า และพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา ดุจสีเขียวแล่นไปจับเอาราวป่า แลพระรัศมีที่เหลืองนั้นมีครุวนา ดุจสีหรดารทองแลดอกกรรณิการ์แลกาญจนปัฏอันแผ่ไว้ พระรัศมีออกจากพระสริรประเทศในที่อันเหลืองแล้ว แล่นไปสู่ทิศานุทิศต่าง ๆ พระรัศมีที่แดงอย่างพาลทิพากรแลแก้วประพาฬ แลกุมุทปทุมกุสุมชาติ โอภาสออกจากพระสริรอินทรีย์ในที่อันแดงแล้วแล่นฉวัดเฉวียนไปในประเทศที่ทั้งปวง พระรัศมีมีที่ขาวก็ขาวดุจดวงรัชนิกร แลแก้วมณี แลสีสังข์ แลแผ่นเงิน แลดวงดาวพกาพฤกษ์ พุ่งออกจากพระสริรประเทศในที่อันขาวแล้วแล่นไปในทิศโดยรอบ พระรัศมีหงสสิบาทก็พิลาสเล่ห์ดุจสีดอกเซ่ง แลดอกชบา แลดอกหงอนไก่ออกจากรัชกายรุ่งเรืองจำรัส พระรัศมีประภัสสรประภาครุนาดุจสีแก้วพลึกแลแก้วไพฑูริย์เลื่อมประพระฉัพพรรณรังสีทั้ง ๖ ประการแผ่ไพศาลแวดล้อมไปโดยรอบพระสกลกายยินทรีย์ กำหนดที่ ๑๒ ศอก โดยประมาณ อันว่าศศิสุริยประภาแลดาราก็วิกลวิการอันแสง เศร้าสีดุจหิ่งห้อยเหือดสิ้นสูญ มิได้จำรูญไพโรจโชติชัชวาล" จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 2 ต.ค. 49 14:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ค่ะ เรียน คุณผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เหมือนเนื้อเพลงป้า...เอ๊ย พี่เบิร์ด "ป.ล. คนอื่นที่มาอ่านเขาจะว่าเราแก่ไหมนี่?" <<< แก่ภูมิรู้น่าาาา กำลังอินเทรนด์ ฮิตในหมู่จ๋าวๆ คุณดนยา - เป็นความรู้ใหม่ค่ะ แอบอิจฉาคนทำงานแบบนี้ ประเภทนั่งคิดสีใหม่ หรือเป็นที่ปรึกษาด้านแฟชั่นให้คนดัง ทำงานกับสิ่งสวยๆ งามๆ ชีวิตคงมีเรื่องตื่นเต้นสดชื่นอยู่เสมอ คุณเมรีลิ้มรสสุราบาน - สีเมฆหมอกนั้นนึกไม่ออกนอกจากสีขาวขุ่นๆ นึกถึงสีหมอก ม้าคู่ใจขุนแผนเหมือนกัน่ คุณวศินสุข - อ่า...เจอคุณวศินสุขแจกลูกยอไม้นี้เข้า...เมาลูกยอไปเลย -"- คุณ WeeN the Listener - ขอบคุณกับคำตอบเรื่องกรมท่าค่ะ คุณป๋ายาว - :) คุณ A ARM - ขอบคุณมากค่ะกับที่มาของ "สีฟ้าพยับหมอก" เป็นชื่อสีที่เลิศเลอมาก ยิ่งคุณบอกว่าเป็นสีฟ้าเจิดจรัสอีก...โอ้โฮ คุณคนอุดรฯ - เคยเห็นคุณแสนอักษรไปแซวไว้ที่กระทู้ไหนซักกระทู้หนึ่งนี่แหละว่า "สีโอรสแล้วมีสีธิดาไหมคะ" อิอิ...แต่ก็เขียนกันแบบนี้อย่างแพร่หลายจริงๆ กับสี Old Rose คุณพลายแป้ง - สงสัยเรื่องเดียวกับดิฉันเลยค่ะ ดีจังที่ได้คำตอบคราวนี้ :) คุณเทวาภิรมย์ - ???? คุณเพ็ญชมพู - คุณเพ็ญฯ คงเบื่อกับคำชมอิฉันแล้วล่ะค่ะ ชมอย่างไรก็ไม่เท่าที่เห็นที่รับรู้...ขอบคุณค่ะ จากคุณ : AntiSpam - [ 2 ต.ค. 49 23:43:20 A:124.120.96.5 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบพระคุณทุกๆๆกระทู้เลยนะคะได้ความรู้อีกมากมายมาประดับสมองน้อยๆๆของดิชั้นเลยค่ะ จากคุณ : สการะวาตี - [ 3 ต.ค. 49 22:30:56 A:58.8.92.52 X: TicketID:061579 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แอบมาอ่านแล้วต้องชื่นชมทุกท่านที่มาแบ่งความรู้ให้ นึกออกบ้าง 1-2 สี สีสนิมเหล็ก - น้ำตาลอมส้มหม่น (ไม่เข้มจัดเหมือนสีน้ำตาล) ๆม่แน่ใจว่านัยน์ตาสีเหล็กที่คุณๆ พูดกันจะเป็นสีสนิมเหล็กนี่หรือเปล่า สีกะปิ - ออกเฉดม่วงหม่นๆตุ่นๆ ไม่สดใสเหมือนม่วงดอกตะแบก ไว้นึกออกแล้วจะมาบอกอีกค่ะ - น่าจะดีนะ ถ้ามีคนเก็บเป็นบรรณานุกรม ชื่อสีต่างๆ (เขียนถูกไหมเนี่ย) จากคุณ : lenefield - [ 3 ต.ค. 49 23:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่อยู่ซะสองวัน นึกออกอีกนิดหน่อย (ก่อนอื่นขอบ่นสนามบินใหม่หน่อยเหอะ ห้องน้ำทั้งน้อย ทั้งเล็ก อย่างที่เขาบ่นๆกันจริงๆด้วยซี) แถมอีกสามสี สีหมากสุก คือ สีแดงอมส้ม หรือ ส้มอมแดงหว่า? มีนักเขียนเคยบรรยายท้องฟ้ายามเย็นเป็นสีหมากสุก สีอำพัน ก็สีเหลืองเหมือนกัน เหมือนอำพัน ก็สีประมาณน้ำพรรค์อย่างว่า หรือ น้ำเปลี่ยนนิสัย (ที่พวกขี้เมา ... เอ้อ ... พวกนักดื่ม ... เรียกน้ำอมฤตนั่นแหละ) ก็ดู whisky (หรือ แม่โขง แสงโสม ก็พอได้ ประมาณนั้น) พูดถึงน้ำพรรค์อย่างว่า เลยนึกถึง สีลูกหว้า คือ สีแดงอมม่วง (ประมาณสี burgundy หรือ สี wine burgundy) จากคุณ : ผ่านมาอีกที - [ 4 ต.ค. 49 20:49:33 A:58.8.167.91 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เขียวหัวเป็ด จากคุณ : ซาลาเปา (Salapul) - [ 8 ต.ค. 49 22:13:43 ]