ความคิดเห็นที่ 15
ตอบเจ้าของกระทู้
๑.ทำไมอักษรไทยต้องแบ่งเป็น สูง กลาง ต่ำ ๓ หมู่ (ที่มาของความจำเป็นที่ต้องมีอักษรสามหมวดสามหมู่)
..........ภาษาทุกภาษาย่อมมีเสียงดนตรี คือเสียงสูงๆ ต่ำๆ ด้วยกันทั้งนั้น แต่บางภาษาไม่นิยมให้ความหมายของคำที่ออกเสียงสูงต่ำนั้นแปลกออกไป ไม่เหมือนบางภาษาที่นิยมใช้พูดเสียงสูงต่ำให้มีความหมายต่างกัน เช่น ภาษาจีน ส่วนไทยเราอยู่ใกล้จีนและนิยมใช้สำเนียงดนตรีคล้ายจีน เราจึงต้องมีวรรณยุกต์เพื่อให้พอกับสำเนียงที่ใช้อยู่
เสียงวรรณยุกต์ที่ใช้อยู่ในภาษาไทยจัดเป็น ๕ เสียง คือ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา การเรียกชื่อเป็นสามัญ เอก โท ตรี จัตวา มาจากความสำคัญที่ลดหลั่นกันซึ่งอาจเป็นไปตามการใช้มากน้อย โดยสังเกตจากจำนวนคำในภาษาหรือจากประวัติการเกิดก่อนเกิดหลังของรูปวรรณยุกต์ เช่น เสียงสามัญ หมายถึงเสียงกลางๆ เสียงทั่วๆ ไป (ถ้าเรียงลำดับเสียงวรรณยุกต์ตามระดับเสียงดนตรีต่ำไปสูงแล้ว จะได้เป็น เสียงเอก เสียงโท เสียงสามัญ เสียงตรี เสียงจัตวา )
การบอกเสียงวรรณยุกต์จะใช้วิธีเขียนเครื่องหมายวรรณยุกต์ กับ วิธีการกำหนดพยัญชนะ
เสียงของพยัญชนะนั้นมี ๒๑ เสียง (ไม่นับเสียงซ้ำ) แบ่งตามลักษณะเสียงได้ ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ เสียงพยัญชนะระเบิดทีไม่มีลม ได้แก่ เสียง ก จ ด ต บ ป อ (เสียงของอักษรกลาง) กลุ่มที่ ๒ เสียงพยัญชนะที่จับคู่ได้ เป็นคู่ของพยัญชนะระเบิดที่มีลม กับคู่ของพยัญชนะเสียงเสียดแทรก ได้แก่ เสียง ค ช ท พ ฟ ซ ฮ (เสียงของอักษรสูงกับอักษรต่ำคู่) กลุ่มที่ ๓ เสียงพยัญชนะอื่นๆ นอกเหนือจากทั้งสองกลุ่ม เช่น พยัญชนะนาสิก พยัญชนะกึ่งสระ พยัญชนะรัว พยัญชนะข้างลิ้น ได้แก่ เสียง ง น ม ย ว ร ล (เสียงของอักษรต่ำเดี่ยว)
แต่เนื่องจากเรานำเสียงพยัญชนะจากภาษาบาลีสันสกฤตเข้ามา แล้วมาออกเสียงเหมือนภาษาไทย จึงทำให้รูปพยัญชนะมีถึง ๔๔ ตัว ถ้าแบ่งตามกลุ่ม ๓ กลุ่มข้างต้น จะได้ดังนี้ กลุ่มที่ ๑ อักษรกลาง ได้แก่ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ กลุ่มที่ ๒ มีสองกลุ่มย่อยได้แก่ ๒.๑ อักษรสูง ได้แก่ ข ฃ ฉ ถ ฐ ผ ฝ ศ ษ ส ห และ ๒.๒ อักษรต่ำคู่ ได้แก่ ค ฅ ฆ ช ซ ฌ ฑ ฒ ท ธ พ ภ ฟ ฮ กลุ่มที่ ๓ อักษรต่ำเดี่ยว ได้แก่ ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ เมื่อนำอักษรทั้ง ๔ กลุ่มย่อยข้างต้น มาประสมกับสระจะสามารถจัดกลุ่มพยัญชนะเสียใหม่ได้ ดังนี้ - เมื่อนำทุกกลุ่มประสมสระเสียงยาว เช่น กา ขา คา งา ทำให้พื้นเสียงของกลุ่มที่ ๒.๑ เป็นเสียงสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ จึงตั้งชื่อว่า "อักษรสูง" - เมื่อนำทุกกลุ่มมาประสมสระเสียงสั้น เช่น กะ ขะ คะ งะ ทำให้พื้นเสียงของของกลุ่มที่ ๒.๒ กับกลุ่มที่ ๓ เป็นเสียงสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ จึงแยกออกมาจัดกลุ่มใหม่ แต่ตั้งชื่อว่า "อักษรต่ำ" (เพื่อไม่ให้ชื่อซ้ำกับอักษรสูง และเพราะตอนประสมกับสระเสียงยาว กลุ่มนี้มีเสียงกลางๆ ที่ไม่สูงเท่ากับอักษรสูง) - ส่วนกลุ่มที่ ๑ ซึ่งเหลืออยู่นั้น ไม่เข้าพวกกับ "อักษรสูง" และ "อักษรต่ำ" จึงตั้งชื่อว่า "อักษรกลาง" (ดังนั้น การตั้งชื่อว่า "อักษรสูง" เพราะพื้นเสียงเป็นเสียงสูง และตั้งชื่อ "อักษรต่ำ" เพราะพื้นเสียงต่ำกว่าอักษรสูง ส่วนที่ตั้งชื่อ "อักษรกลาง"นั้น เพราะไม่เข้าพวกกับทั้งสองกลุ่ม)
ตอบ....การที่อักษรไทยต้องแบ่งเป็น อักษร ๓ หมู่ (ไตรยางค์) นั้น เพราะในภาษาไทยเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์ และการจัดหมวดหมู่อักษรจะทำให้สามารถผันวรรณยุกต์ได้หลากหลายตรงตามความหมายที่เราต้องการ
๒. เรามีเครื่องหมายวรรณยุกต์บอกเสียง ไม้เอก โท ตรี จัตวา แต่ทำไมอักษรกลางเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้ได้ครบทั้ง ๔เครื่องหมายวรรณยุกต์
ตอบ......เป็นเพราะสาเหตุต่อไปนี้ - อักษรสูงกับอักษรต่ำ มีพื้นเสียงเป็นตัวกำหนดเสียงอยู่ก่อนแล้ว จะเติมวรรณยุกต์ตามใจชอบไม่ได้ เช่น "คา ค่า ค้า" ถ้าเติมรูปตรีกับจัตวาไป คำว่า "ค๊า" แล้วออกเสียงซ้ำกับคำว่า "ค้า" ก็เป็นระบบที่ซ้ำซ้อนหรือถ้าออกเสียงที่สูงกว่าเสียงตรี ก็จะเกินจากระบบเสียงวรรณยุกต์ ๕ เสียงที่เรามี - อักษรสูงผันรวมกับอักษรต่ำคู่ ก็สามารถเขียนคำครบทั้ง ๕ เสียงได้ ไม่ต้องใช้รูปอื่น เช่น คา ข่า ข้า/ค่า ค้า ขา โดยครอบคลุมความหมายของคำที่เราใช้อยู่แล้วด้วย ถ้าจะใช้ว่า "ค๋า" แทน "ขา", "ทู๋" แทน "ถู" ก็ตอบว่าได้ แต่เราไม่ได้กำหนดความหมายให้คำว่า "ค๋า","ทู๋" เหล่านี้เลย - อักษรต่ำเดี่ยว ไม่มีอักษรอื่นช่วยการผัน จึงใช้ ห นำแทน ก็สามารถผันได้ครบ ๕ เสียง ดังนี้ งา หง่า ง่า/หง้า ง้า หงา ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ไม้ตรีหรือไม้จัตวาให้ซ้ำซ้อน - จริงๆ แล้ว อักษรกลางก็ไม่ใช่ว่าจะใช้รูปได้ครบ ๕ รูปคือสามัญ เอก โท ตรี จัตวาเสมอไป เพราะอักษรกลางคำตายนั้น เราจะไม่มีรูปเอก เช่น จะ จ้ะ จ๊ะ จ๋ะ (แต่เรามีเสียงครบ ๕ เสียง)
๓.อักษรกลางเป็นอักษรกลุ่มที่เข้าใจง่าย ผันได้ทั้ง๔ ไม้ แต่เหตุไฉน อักษรสูง กับ อักษรต่ำจึงมีสิทธิ์ผันได้แค่เครื่องหมายวรรณยุกต์ไม้เอก กับไม้โทเท่านั้น ถ้าใช้ได้หมด อักษรต่ำคงจะใช้ได้ง่ายขึ้น เป็นต้นว่า ถ้าอักษรต่ำผันได้ด้วยไม้จัตวา เราก็ไม่ต้องมีการใช้ ห นำ ตัดวิธีนี้ออกไปจากอักขรวิธีไทยได้
ตอบ.......การกำหนดระบบการผันอักษรและเขียนรูปวรรณยุกต์นั้น เป็นไวยากรณ์ที่มีระบบระเบียบ ถ้าปรับแก้บางส่วนก็จะไปกระทบกับโครงสร้างส่วนอื่นๆ อันจะทำให้เกิดปัญหาใหม่ๆ ขึ้นอีก เช่น เราผัน "เงา เหง่า เง่า/เหง้า เง้า เหงา" เวลาแยกเป็นอักษรต่ำเดี่ยวกับอักษรต่ำเดี่ยวที่มี ห นำ จะได้ "เงา เง่า เง้า" กับ "เหงา เหง่า เหง้า" ถ้าเขียน "เหงา" เป็น "เง๋า" แล้วเสียงเอกเดิม "เหง่า" จะใช้รูปไหนมาแทน เวลาผันจะได้ "เงา เง่า เง้า เง๋า" กับ "เหง่า เหง้า" ถ้าผันอย่างนี้ ภาษาไทยจะกลายเป็นภาษาที่ไม่มีระบบแบบแผนแน่นอน
๔. อักษรต่ำผันด้วยไม้โท อ่านเป็นเสียงตรี คืออักษรต่ำจะผันด้วยไม้ตรีไม่ได้ ใช่ไหมคะ แต่เหตุไฉนคนไทยสมัยเขียน มั้ย เป็น มั๊ย กันเสียส่วนใหญ่ จะเป็นไปได้ไหมว่า มั๊ย จะเข้าครองที่ มั้ย ในกาลข้างหน้า
ตอบ.......เพราะคนไทยไม่แม่นเรื่องการผันวรรณยุกต์ หรือไม่ก็ไม่รู้จักขวนขวายหาความรู้ เช่น การเปิดพจนานุกรม ฯลฯ ก่อนที่จะเขียน อีกประการหนึ่งก็เป็นความตั้งใจจะเล่นกับภาษา เช่น เขียน "ญิ๋ง" แทน "หญิง" เพื่อให้ดูแปลก หรือเขียน "ค๊า" แทน "คะ","ค้า" เพื่อให้ผู้อ่านรู้ว่าทำเสียงสูงกว่าปกติ เหล่านี้ ก็มีผลทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจเจตนาของผู้ส่งสารนั้น คิดว่าเป็นภาษาตามแบบแผนที่ถูกต้อง จึงจำไปใช้ในภาษาแบบแผนมากขึ้น ในอนาคตคิดว่า คงไม่ถึงขนาดเข้าครอง เพราะเรามีพจนานุกรม นักภาษา ครูและสื่อต่างๆ ที่เป็นแบบแผนให้เราอ้างอิงอยู่ เพียงแต่อาจทำให้เขาเหล่านั้นรู้สึกแปลกใจ ถ้ามีใครบอกว่า - "มั้ย" ถูก แต่ "มั๊ย" ผิด - "เค้ก โน้ต เชิ้ต" ไม่ใช่ "เค๊ก โน๊ต เชิ๊ต" - "นะคะ ใช่ค่ะ นะยะ" ไม่ใช่ "นะค่ะ ใช่คะ น่ะย่ะ" - "แหวว แจ๋ว แหละ" ไม่ใช่ "แว๋ว แหจว แล่ะ"
หนังสืออ้างอิง - พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ - หลักภาษาไทย ของพระยาอุปกิตศิลปสาร - หลักภาษาไทย ของกำชัย ทองหล่อ - เอกสารการสอนชุดวิชา ภาษาไทย ๓ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช - ครบครันเรื่องวรรณยุกต์ ของพิศศรี กมลเวชช
จากคุณ :
hua856@hotmail.com
- [
วันเกิด PANTIP.COM 23:13:30
A:203.107.203.2 X: TicketID:024407
]
|
|
|