ความคิดเห็นที่ 1 การที่อ่านแค่ บรรดาศักดิ์  แล้วเกิดความคิดถึงความหมายที่บอกถึงอาชีพ ความชำนาญ (โชคดีที่ไม่ได้เป็นนักเรียนตอนนั้น  อิอิ...) จึงลอกมาฝากด้วยความตั้งใจ  จาก พิพิธภัณฑ์สัพพะสยามกิจ ศักราช ๒๔๗๔ หนังสือโบราณเล่มหนึ่ง(รายชื่อข้าราชการทั่วประเทศ  ออกมาหนึ่งปีก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง  จึงไม่มีคนเก็บไว้ศึกษา) ด้วยประสงค์จะลดถอยอายุท่านผู้หลงทางเข้ามาอ่านกระทู้ พระยาอุปกิตศิลปสาร พระยาวิทยาปรีชามาตย์ พระยาพิพิธวรรณการ พระยาผดุงวิทยาเสริม พระยาเมธาธิบดี พระยาประมวลวิชชาพูล พระสารสาสน์ประพันธ์ พระอาจวิทยาคม พระบรรเจิดวิชชาชาญ พระเสริมวิชาพูล พระเพาะนิสสัยชอบ พระสวัสดิวิธีสอน พระวรเวทย์พิสิฐ พระสอนถูกระบอบ หลวงสอบถูกระบิล หลวงบำเหน็จวรสาร หลวงพิลาศวรรณสาร หลวงสันธานวิทยาสิทธิ์ หลวงกวีจรรยาวิโรจน์ หลวงแมนวิชชาประสิทธิ์ หลวงบรรสบวิชาฉาน ิ์ ขุนสันทัดการประพันธ์ ขุนสัมฤทธิวรรณการ ขุนปรุงวิชาสาสน์ ขุนวิพันธ์วิทยาสาร ขุนอักษรสิทธิวินัย ขุนประกาศวุฒิสาร ขุนวิทยาการวิเศษ ขุนชำนาญวิธีสอน ขุนผะเดิมวิทยาสูง ขุนจงนึกหัด ชื่อที่ชอบมาก  คือ   คุณหลวง แจ่มวิชาสอน  และ  คุณพระสอนถูกระบอบ จากคุณ : แสนอักษร - [ วันเกิด PANTIP.COM 11:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แหะ ๆ ผมนึกออกแต่ พระเจนดุริยางค์ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ หลวงสารานุประพันธ์ ไม่เกี่ยวกับพระยาปัจจานึกพินาศ กับ พระยาประสิทธินิติศาสตร์ ในวรรณกรรมคลาสสิคของผม พล นิกร กิมหงวนนะครับ จากคุณ : วศินสุข - [ วันเกิด PANTIP.COM 12:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณแสนอักษรสำหรับความรู้ แต่อ่านแล้วทำให้อยากรู้ต่อว่าสมัยก่อนการตั้งชื่อยศเหล่านั้นเป็นหน้าที่ของใคร เพราะรู้สึกว่าตั้งกันได้ไพเราะและส่อความหมายถึงความเชี่ยวชาญในวิชาชีพได้เป็นอย่างดี ถ้าคงไว้ในปัจจุบันก็น่าจะดี อย่างแชมป์โลกเขาทราย ก็น่าจะได้เป็น"ท่านขุนหมัดทะลวงไส้" อิอิ จากคุณ : Cyber Sage - [ วันเกิด PANTIP.COM 12:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รำคาญคห. 2 จริงๆ เที่ยวแปะ link ไปทุกกระทู้ จะโปรโมท website ก็หาวิธีที่มีมารยาทกว่านี้หน่อยสิ ขอโทษคุณ จขกท ด้วยที่ใช้พื้นที่นี้ จากคุณ : ขออภัย นอกประเด็น - [ วันเกิด PANTIP.COM 12:41:29 A:58.8.173.35 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บรรดาศักดิ์ใน คห1 เป็นผู้ชำนาญการทางการสอนทั้งนั้นเลยนะครับ  นามที่ชอบมากที่สุดคือ พระบรรเจิดวิชชาชาญ พระเสริมวิชาพูล พระสอนถูกระบอบ  หลวงสอบถูกระบิล ขอแจมด้วยครับ เป็นบรรดาศักดิ์ของกวีผู้ประพันธ์โคลงอธิบายภาพรามเกียรติ์ประดับวัดพระแก้วในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งดูจากนามบรรดาศักดิ์แล้ว นอกจากนามที่บ่งบอกความเป็นกวีชัดเจนแล้ว จะเห็นได้ว่าในสมัยก่อนข้าราชการเกือบทุกสาขาต่างก็เป็นกวีกันทั้งนั้นเลยเลยนะครับ พระยาราชวรานุกูล พระยาศรีสิงหเทพ พระยาราชสัมภารากร พระยาศรีสุนทรโวหาร พระยาสุนทรนุรักษ พระเทพกระวี หลวงฤทธิพลไชย หลวงอินทรอาวุธ (น่าจะเป็นทหาร) หลวงบรรหารอัดถดคี (น่าจะเกี่ยวกับศาล) หลวงภาษีวิเสศ (นามนี้ชัดเลยว่าทำอะไร) ขุนพิสนท์สังฆกิจ (เกี่ยวกับพระหรือเปล่าครับ) ขุนวิจิตรวรสาสน ขุนโอวาทวรกิจ ขุนมหาสิทธิโวหาร ขุนภักดีอาษา ขุนวิสูตรเสนี ขุนศรีราชอักษร ขุนท่องสือ (น่าจะมีหน้าที่อ่านหนังสือถวาย) จมื่นทิพยเสนา หมื่นนิพนธไพเราะ หมื่นพากยโวหาร นายเสถียรรักษา จากหนังสือโคลงภาพรามเกียรติ์ เล่ม ๑ จากคุณ : วัฒนุ - [ วันเกิด PANTIP.COM 13:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ พ.ท. พระปัจจานึกพินาศ  รับราชการอยู่ กรมทหารม้าที่ ๒  ที่ตั้งประจำ  จังหวัดสระบุรี  เป็นปลัด ผู้บังคับการคือ      พ.อ. พระยาฤทธิรงค์รณเฉท ผู้บังคับการ พัน ๑   พ.ต. หลวงเรืองฤทธิวิชัย ผู้บังคับการ พัน ๒   พ.ต. หลวงอาจณรงค์   คุณปู่ พันโท พระวิสิษฐพจนการ(อ่อน  อินทรปาลิต) เป็นนักปราชญ์ คุณลุง ป. (ของข้าพเจ้าเหมือนกัน)  เขียนนักเรียนนายร้อยทีเดียว  พิมพ์สมัยโน้นปาเข้าไป สามหมื่น   อ่ะๆๆๆ   ต่อไป จะพยายามนำเสนอชื่อที่ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก พระยาพหลพลหยุหเสนา  หรือ หลวงจบกระบวนยุทธ   ขอผ่านไปก่อนด้วยความนอบน้อม จากคุณ : แสนอักษร - [ วันเกิด PANTIP.COM 14:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พ.ต. หลวงรณชิตชะนะภัย ร.อ. หลวงจุลยุทธ์ยรรยง พ.ท. พระเริงฤทธิสงคราม พล.ต. พระยาประเสริฐสงคราม ร.อ. หลวงสรการฤทธิรณ พ.อ. พระยาประสิทธิสงคราม พล.ท.พระยาสีหราชเดโชชัย ร.อ.  หลวงพินิจสงคราม พ.อ. พระยาอภัยสงคราม พ.ท. พระศิลปศาตราคม พ.ต. หลวงวิชิตสงคราม พ.อ. พระยาวรรณศาสน์พลยุทธ พ.อ. พระยาทรงสุรเดช พ.ต. หลวงชำนิยุทธสาร พ.ต. หลวงสฤษฎยุทธศิลป พ.ต. หลวงชาตินักรบ พ.ต. หลวงประศาสน์ยุทธศิล พ.ท. พระHiamใจหาญ ร.อ. หลวงขจรเดชะ พ.ท. พระแกล้วกลางณรงค์ โรงเรียนนายทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี พ.ต. พระแม่นศรแผลง พ.ต. หลวงยอดอาวุธ กรมจเรทหารบก พ.อ. พระยาราญรอนอริราช กรมอากาศยาน พล.ท. พระยาเฉลิมอากาศ พ.อ. พระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์ พ.อ. พระยาทะยานพิฆาต พ.ต. หลวงถะเกิงนภาดล พ.ต. หลวงถะกลนภากาศ พ.ต. หลวงเวหนเหินเห็จ จากคุณ : แสนอักษร - [ วันเกิด PANTIP.COM 14:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ คุณวศินสุข  คุณCyber Sage และคุณวัฒนุ  ที่แวะมาคุยเจ้าค่ะ ไม่แน่ใจว่าขุนท่องสื่อ ทำหน้าที่อะไร   คงทำหน้าที่ติดต่อกับคนจีน ตามหาหลวงพิชัยวารี  ล่ามภาษาจีนสมัยรัชกาลที่ ๔  มานานแล้วค่ะ  ยังหาตัวท่านและสกุลวงษ์ไม่ได้ จากคุณ : แสนอักษร - [ วันเกิด PANTIP.COM 14:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อุแหม่ เห็นหัวข้อนึกว่าจะชวนคุยเรื่องพระยาระรัวโมกศักดิ์ (Shakespeare) "...โอ ใช้นามอื่นเป็นไร นามนั้นสำคัญไฉนที่เราเรียกกุหลาบนี้ แม้เรียกว่าอย่างอื่นก็หอมระรื่นอยู่เหมือนกัน โรมิโอก็ฉันนั้น..." "โรมิโอ กับ จูเลียต" พระราชนิพนธ์แปลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จากคุณ : AntiSpam - [ วันเกิด PANTIP.COM 15:31:19 A:124.120.95.36 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอร่วมด้วยช่วยกันด้วยคน มีชื่อราชทินนามคงเกี่ยวกับฝ่ายปกครองเพราะอยู่ในเว็บของกรมการปกครอง ตั้งแต่อักษร ก - อ และ ฤ เอาหมวดอักษร ก. มาให้ดูเป็นตัวอย่าง กัลยาณานุรักษ์        กำธรพายัพพิศ       เก่งรักษ์สัตว์ กระจ่างโจรกิจ         กำราบพลาจำนน     เกตุทัศนวิทยาพยาธิ เกตุรุณชัย              โกศลกาวีแพทย์      ไกรชิงฤทธิ์ เกรียงเดชพิชัย        โกศลลักษโณภาส   ไกรนารายณ์ แก้วกิจจารักษ์         โกศลวินิจฉัย          ไกรภักดี แกล้วระงับเหตุ        โกศลสุงกากร         ไกรสี แก้วโรคาภิบาล       โกศัยศาสตร์           ไกรสงคราม โกมลยุทธแพทย์     ไกรเกียรติกร           โกศลเวทย์ http://www.dopa.go.th/jobmis/lname/k_name%208.1.html จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 8 ต.ค. 49 07:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูค่ะ โฮเฮะ...กระจ่างโจรกิจ   กำราบพลาจำนน   แกล้วระงับเหตุ น่าดูชม ขอไปกรมเสนาธิการทหารเรือนะคะ  เลือกชื่อที่เด่น เหมาะกับอาชีพ ศรยุทธเสน ประยุทธชลธร ภารสมุทร เจริญราชนาวา สิทธิศักดิ์สมุทรเขตต์ ประดิยัตนาวายุทธ์ ประเสริฐวิทยาศาสตร์ อุดมศรแสง โทรกิจชำนาญ ฤทธิเดชชลขันธ์ สำรวจวิธีสมุทร ชัยนาวา วิสิษฐสาครเดช ชลธารพฤติไกร ชววิถีโยธา สวัสดิ์วารียุทธ์ ประจญปัจจามิตร แกล้วกลางศึก อธึกโยธิน วุฒิวารีรณ วารีรณชิต สวัสดินาวา อาสาณรงค์ วิชิตชลธี ดัษกรกำจาย ขยันสงคราม ภิรมวิชชายุทธ์ ประดิษฐสรแสง จากคุณ : แสนอักษร - [ 8 ต.ค. 49 15:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้ว...ชื่อ "แสนอักษร" เล่าครับ ?? ป่านนี้คงเลยแสนแล้วล่ะ น่าจะเปลี่ยนเป็น "โกฎิอักขรา" ได้แล้วกระมัง หรือ "สรรพอักษร" ก็น่าฟังนะ ส่วนผมอยากจะเปลี่ยนจาก "คนอุดรฯ"เป็น "ดาวล้อมเดือน" จัง??? แหะ แหะ แหะ ดูชิดคุณเพ็ญขึ้นมาหน่อย คริ คริ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 8 ต.ค. 49 17:46:20 A:86.144.149.192 X: TicketID:109703 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นชื่อเป็นเถาแล้วนึกชอบ ราชทินนาม นอกจากจะบ่งบอกถึงความสามารถของผู้ได้รับพระราชทาน ราชทินนามยังมีความประณีต  และส่ออุปนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทยอีกด้วย (คุณพระ)สอนถูกระบอบ ที่คุณแสนอักษรชอบเป็นพิเศษ  คู่กับ สอบถูกระบิล ขออนุญาต คุณ แสนอักษร มาแจมด้วยคนครับ (แสนอักษรชอบ - สอบอักษรชิด  เข้าทีแฮะ  เปลี่ยนชื่อดีกว่า) (สมบัติ จำปาเงิน , ความรู้สารพัดชื่อ ,โอเดียนสโตร์ ๒๕๑๕) กรมพิณพาทย์หลวง สมัยรัชกาลที่ ๖ พระประสานดุริยศัพท์          เจ้ากรม หลวงประดับดุริยกิจ             ปลัดกรม หลวงประดิษฐไพเราะ          ปลัดกรม หลวงเสนาะดุริยางค์            ผู้ช่วย หลวงสำอางดนตรี               ผู้ช่วย ขุนศรีวาทิต                 ขุนสิทธิวาทิน ขุนพิณบรรเลงราช        ขุนพาทย์บรรเลงรมย์ ขุนประสมสังคีต           ขุนประณีตวรศัพท์ ขุนคนธรรพวาที           ขุนดนตรีบรรเลง ขุนเพลงไพเราะ           ขุนเพราะสำเนียง ขุนเสียงเสนาะกรรณ     ขุนสรรเพลงสรวง ขุนพวงสำเนียงร้อย      ขุนสร้อยสำเนียงสนธิ์ ขุนวิมลวังเวง               ขุนบรรเลงเลิศเลอ ขุนบำเรอจิตจรุง           ขุนบำรุงจิตเจริญ ขุนเพลินเพลงประเจิด    ขุนเพลิดเพลงประชัน ขุนสนั่นบรรเลงกิจ         ขุนสนิทบรรเลงการ ขุนสมานเสียงประจักษ์   ขุนสมัครเสียงประจิต หมื่นวาทิตสุรศิลป         หมื่นวาทินสุรเสียง ขุนสำเนียงชั้นเชิง         หมื่นสำเริงชวนชม หมื่นภิรมย์เร้า              ขุนพิไรรมยา หมื่นวีณาประจิณ           หมื่นวีณินประณีต ขุนสังคีตศัพท์เสนาะ      ขุนสงเคราะห์ศัพท์สะอาง หมื่นดุริยางค์เจนจังหวะ   หมื่นดุริยะเจนใจ หมื่นประไพเพลงผสม     หมื่นประโคมเพลงประสาน หลวงชาญเชิงระนาด      ขุนฉลาดฆ้องวง ขุนบรรจงทุ้มเลิศ           หมื่นประเจิดปีเสนาะ หลวงไพเราะเสียงซอ     ขุนคลอขลุ่ยคล่อง หลวงว่องจะเข้รับ           หมื่นขับคำหวาน จากคุณ : หมื่นสอบอักษรชิด (กัมม์) - [ 9 ต.ค. 49 09:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างนามเถาข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ พระยาอุปกิตศิลปสาร ปลัดกรมตำราสมัยนั้น คิดแล้วเสนอเสนาบดี เพื่อขอพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (เล่มเดิม  อ้างแล้ว) กัลยาณวาท  กัลยาณวิทย์  กัลยาณวุฒิ  กัลยาณเวทย์ โกสลวาท  โกศลวิทย์  โกศลวุฒิ  โกศลเวทย์ จงจิตฝึก  จงนึกนัด  จงจัดนิสสัย  จงใจสอน จรรยาวิศาล  จรรยาวิศิษฎ์  จรรยาวิสุทธิ์  จรรยาวิเศษ ชาญดรุณกิจ  ชิดดรุณการ   ชาญดรุณวิทย์  ชิดดรุณเวทย์ การกลิศวิธี  การีสิขวิพันธ์ การุณสิขพันธ์  การัญสิขภาร   โกศลศาสตร์  โกศลสิทธิ์  โกศลสุทธิ์  โกศลเสรฐ จรรยาวิจักษณ์  จรรยาวิจัย  จรรยาวิจารณ์  จรรยาวิจิตร จรุงชวนะภูน  จรูณชวนะพัฒน์  จรัสชวนะพันธ์  จรัลชวนะเทพ (น่าจะเป็น"เพท" - กัมม์) เชี่ยวพิทยาการ  ชาญพิทยกิจ  ชิดพิทยากรรม กิตติวาท  กิตติวิทย์  กิตติวุฒิ  กิตติเวทย์ คุรุการพิจิตร  คุรุกิจพิจารณ์ คุรุการพิพิธ  คุรุกิจพิพัฒน์ จรรยาวิธาน  จรรยาวิทิต  จรรยาวิทูร  จรรยาวิเทศ ชอบพลเสรฐ  เชษฐพลศิลป์  ชินพลสาส์น  ชาญพลเสข เชาวนเพทจรัล  เชาวนพันธ์จรัส  เชาวนพัฒน์จรูญ  เชาวนภูนจรุง ชำนิอนุสาส์น  ชำนาญอนุสาสน์ ชำนิขบวนสาส์น  ชำนาญขบวนสอน นิพัทธนิติเสรฐ  นิเพทนิติสรรค์  นิพันธ์นิติสิทธิ์  นิพิฐนิติสาส์น บรภิณวาทวิจิตร(บรรณวาทวิจิตร -กัมม์)  บรรณวิทย์วิจารณ์ บรรณกิจพิศาล  บรรณการพิเศษ ประจงดรุณทิพย์  ประจิตดรุณเทพย์(ประจิตดรุณเพท - กัมม์)  ประเจตดรุณพันธ์  ประจันดรุณพาล ประพันธ์เนติวุฒิ  ประพุทธ์นิติสาร   ดรุณกรวิธาน  ดรุณการวิฑิต  ดรุณกิจวิทูร  ดรุณกูลวิเทศ บรรจงวิชาเชิด  บรรเจิดวิชาชาญ บรรสบวิชาฉาน  บรรสานวิชาเชาวน์ บำเหน็ญวรณาณ  บำนาญวรวัจน์  บัญญัติวรวาท ประทักษ์สุนทรวิท  ประทิศสุนทรวัต  ประทัตสุนทรสาร  ประทานสุนทรศาสตร์ ประสงค์จรรยา  ประสพจรรยา  ประสาทจรรยา  ประเสริฐจรรยา ดรุณวุฒิวรสาสน์  ดรุณวาทวรเสษฐ  ดรุณเวทย์วรสิษฐ บรุณวาท  บูรณวิทย์  บูรณวุฒิ  บูรณเวทย์ ประกอบวุฒิสารท  ประกาศวุฒิสาร  ประการวุฒิสิทธิ์  ประกิตวุฒิสนธ์ ประเสริฐอักษรนิติ  ประสิทธิ์อักษรสาร   ประสาสนส์อักษรการ  ประสารอักษรพรรณ พรรณพิทยวุฒิ  พุฒิพิทยวาท  พาทพิทยกร พิพัฒน์คุรุกิจ  พิพิธคุรุการ พิจารณคุรุกิจ  พิจิตรคุรุการ พิศาลวรวิทย์  พิสิษฐวรเวทย์  พิเศษวรวุฒิ  พิสุทธิ์วรวาท วรสาสน์ดรุณการ  วรสาส์นดรุณกิจ  วรสิษฐดรุณเวทย์  วรเสรฐดรุณวิทย์ แถวแยกพระโขนงมาทางรามคำแหง  พอข้ามสะพานทางซ้ายมือ  มีซอยอยู่ซอยหนึ่ง ชื่อว่า ซอยแฉล้มวารี  เห็นชื่อซอยก็นึกว่าคงเป็นราชทินนาม นึกต่อไปว่านามที่จะคู่ "แฉล้มวารี" จะเป็นอะไร "พิฆาตกับแกล้ม - แฉล้มวารี"  เอ้อ...เลิกคิดดีกว่า จากคุณ : ขุนพิฆาตกับแกล้ม (กัมม์) - [ 9 ต.ค. 49 10:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอขัดจังหวะขุนพิฆาตกับแกล้มเล็กน้อย มีบทความน่าสนใจเรื่อง "บรรดาศักดิ์มหาดเล็ก" เขียนโดยคุณเทาชมพูแห่งเว็บวิชาการมาฝาก  คิดว่าคงมีประโยชน์และเป็นที่ถูกใจคุณท้าวแสนอักษรชอบ (บรรดาศักดิ์แต่งตั้งโดยหมื่นสอบอักษรชิด) บรรดาศักดิ์มหาดเล็ก   ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ตำแหน่งงานมหาดเล็กในพระบรมมหาราชวัง ถือเป็นบันไดสำคัญขั้นแรกในหมู่ชายหนุ่มลูกผู้ดีเมื่อเข้าสู่ราชการ เนื่องจากจะมีโอกาสอยู่ใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดินให้ทรงใช้สอย และมีโอกาสรู้เห็นการงานสำคัญๆของบ้านเมือง ถ้าหากว่าทำตัวดีมีความสามารถจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ต่อไปก็จะโปรดเกล้าฯให้เลื่อนไปสู่ตำแหน่งสูง ๆได้ง่ายกว่าข้าราชการสังกัดอื่นๆ บรรดาศักดิ์มหาดเล็กมีหลายระดับ เริ่มต้นตั้งแต่เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นเข้าเป็นมหาดเล็กธรรมดาเสียก่อน แล้วก็เลื่อนขึ้นเป็นมหาดเล็กชั้นรองหุ้มแพร มีคำนำหน้าว่า "รอง" นำหน้า ต่อจากนั้นก็คือ "มหาดเล็กหุ้มแพร" คำว่า "มหาดเล็กหุ้มแพร" มีผู้อธิบายกันไปหลายทาง ในที่นี้ขอใช้คำอธิบายของพระมหาเทพกษัตรสมุห มหาดเล็กในรัชกาลที่ ๖ ว่าเป็นตำแหน่งมหาดเล็กที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง โดยพระราชทานพระแสงดาบที่ใช้แพรสีแดงหุ้มที่ฝักดาบ มีปลอกเงินรัดเป็นเปลาะ ทำนองเดียวกับธรรมเนียมการแต่งตั้งแม่ทัพนายกองมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนรัตนโกสินทร์  มหาดเล็กหุ้มแพรมักจะมีวัยตั้งแต่ ๒๐ ปีขึ้นไป กำลังหนุ่มแน่นทำงานได้คล่องแคล่ว เดิมมีบรรดาศักดิ์อยู่ ๑๒ ชื่อคล้องจองกันคือ ๑)นายสนิท ๒)นายเสน่ห์ ๓)นายเล่ห์อาวุธ ๔)นายสุดจินดา ๕)นายพลพ่าย (มาถึงรัชกาลที่ ๖ ทรงเปลี่ยนเป็นนายพลพ่าห์) ๖)นายพลพัน ๗)นายชัยขรรค์ ๘)นายสรรค์วิชัย ๙)นายพินัยราชกิจ ๑๐)นายพินิจราชการ ๑๑)นายพิจิตร์สรรพการ ๑๒)นายพิจารณ์สรรพกิจ นายสุดจินดาคนที่มีชื่อเสียงอยู่ในพงศาวดารเป็นมหาดเล็กสมัยพระเจ้าเอกทัศกษัตริย์องค์สุดท้ายของอยุธยา หนีรอดตายเมื่อครั้งเสียกรุงไปได้ เข้ารับราชการจนได้เป็นเจ้าพระยาสุรสีห์สมัยธนบุรี ต่อมาในรัชกาลที่ ๑ คือกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท มหาดเล็กรับใช้ทั้งหมดแบ่งการทำงานออกเป็น ๔ เวร คือเวรศักดิ์ เวรสิทธิ์ เวรฤทธิ์ เวรเดช แต่ละเวรมีการทำงานแตกต่างกันไป เวรศักดิ์ อยู่เวรยามเฝ้าเครื่อง,รับใช้ตลอดเวลาที่พระมหากษัตริย์มิได้ประทับอยู่ฝ่ายใน และเชิญเครื่องตามเสด็จทั่วไป มีหลวงนายศักดิ์ หรือหลวงศักดิ์นายเวร เป็นหัวหน้าเวร คุณเปรม พระเอกสี่แผ่นดิน ตอนเปิดตัวออกโรงเป็นครั้งแรก อายุ ๒๓ ปี เป็นมหาดเล็กเวรศักดิ์ เวรสิทธิ์ ดูแลรับผิดชอบพระราชทรัพย์สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ตลอดจนพระที่นั่ง และบริเวณพระราชวัง มีหลวงนายสิทธิ์หรือหลวงสิทธิ์นายเวร เป็นหัวหน้าเวร ประมาณ ๑๐ กว่าปีก่อน เรามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนหนึ่งชื่อพลเอกสิทธิ์ จิรโรจน์ หนังสือพิมพ์มติชนเรียกท่านอย่างล้อๆว่า "หลวงนายสิทธิ์" ก็เอาชื่อมาจากมหาดเล็กนายเวรนี่แหละค่ะ เวรฤทธิ์ ดูแลรับผิดชอบพระราชยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นช้าง ม้า เรือ รถ ต้องรับผิดชอบให้อยู่ในสภาพที่พร้อมเมื่อทรงใช้ทุกเมื่อ หลวงนายฤทธิ์หรือหลวงฤทธิ์นายเวร เป็นหัวหน้าเวร พลายชุมพลเมื่อปราบจระเข้เถรขวาดได้แล้ว พระพันวษาก็รับเข้าวังไปใช้สอยไว้วางพระทัย จนได้เลื่อนขึ้นเป็นหลวงนายฤทธิ์ มีบทบาทอยู่ในขุนช้างขุนแผนตอนพลายเพชรพลายบัวออกศึก (ทั้งสองลูกชายพระไวยหลานปู่ขุนแผน) แต่เป็นตอนที่ไม่มีอยู่ในเสภาฉบับหอพระสมุด เวรเดช มีหน้าที่ฝึกหัดอบรมมหาดเล็กใหม่ ทางด้านงาน กิริยา วาจามารยาทและการใช้ราชาศัพท์ ตลอดจนรับผิดชอบเรื่องหนังสือเข้าออกต่างๆ ถ้าหากว่าพระมหากษัตริย์จะทรงใช้มหาดเล็กออกไปติดต่องาน ต่างพระเนตรพระกรรณภายนอกก็จะทรงใช้มหาดเล็กเวรนี้ หลวงนายเดชหรือหลวงเดชนายเวร เป็นหัวหน้าเวร มหาดเล็กสมัยรัชกาลที่ ๖ ในเครื่องแต่งกายเต็มยศ สูงขึ้นไปจากนายเวร คือหัวหมื่นมหาดเล็ก มี ๔ บรรดาศักดิ์คือ จมื่นสรรเพชญภักดี จมื่นเสมอใจราช จมื่นไวยวรนารถ และจมื่นศรีสรรักษ์ เดิมเรียกว่า "จมื่น" มาเปลี่ยนเป็น " เจ้าหมื่น" ในรัชกาลที่ ๖ นี้เอง บุคคลเหล่านี้เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า "คุณพระนาย" ไม่เรียก "คุณจมื่น" หรือ "คุณเจ้าหมื่น" บรรดาศักดิ์พงศาวดารสมัยอยุธยาบันทึกชื่อจมื่นศรีสรรักษ์ พี่ชายของเจ้าจอมเพ็งและเจ้าจอมแมนพระสนมคนโปรดในพระเจ้าเอกทัศ จมื่นศรีฯคนนี้อาศัยบารมีน้องสาวฉ้อราษฎร์บังหลวงให้ราษฎรเดือดร้อน จนพระเจ้าอุทุมพรเมื่อสึกออกมารบกับพม่า ทรงทนไม่ได้ ขอตัวจากพระเชษฐาไปลงโทษโบยและเอาตัวเข้าคุกเสียพักใหญ่ กว่าพระเจ้าเอกทัศจะไปขอตัวให้รอดออกจากคุกมาได้ ส่วนจมื่นศรีสรรักษ์ในวรรณคดี มีบทอยู่ในขุนช้างขุนแผน เป็นผู้เกื้อกูลอุปถัมภ์พลายงามจนกระทั่งได้ถวายตัวรับราชการ และจมื่นศรีฯคนนี้เองก็ร่วมมือกับพลายชุมพลปราบเถรขวาดในตอนจับเสน่ห์นางสร้อยฟ้า จมื่นไวยวรนารถคือบรรดาศักดิ์ใหม่ของพลายงามเมื่อเสร็จจากทำศึกเชียงใหม่ มีความดีความชอบมากก็ได้เลื่อนรวดเดียวขึ้นเป็นหัวหมื่นมหาดเล็กคู่กับจมื่นศรีฯ ไม่ต้องผ่านตามลำดับขั้นอย่างคนอื่นๆ ส่วนมหาดเล็กวังหน้ามีระเบียบการบังคับบัญชาแบบเดียวกับมหาดเล็กวังหลวง แต่มีชื่อและบรรดาศักดิ์เรียกแยกออกไปโดยเฉพาะ หนึ่งในมหาดเล็กหุ้มแพรวังหน้าสมัยต้นรัตนโกสินทร์คือกวีเอกของไทยชื่อนายนรินทรธิเบศร์(อิน) เจ้าของ "นิราศนรินทร์" อันได้ชื่อว่าเป็นยอดโคลงสี่สุภาพไม่มีบทกวีประเภทเดียวกันเทียบได้มาจนทุกวันนี้   http://www.vcharkarn.com/include/article/showarticle.php?Aid=168 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 9 ต.ค. 49 11:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีครับคุณ เพ็ญชมพู ขอบพระคุณสำหรับความรู้ที่ได้รับครับ แอบติดตามดูท่านตอบกระทู้อยู่ทุกที จากคุณ : กัมม์ - [ 9 ต.ค. 49 14:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณเจ้าค่า  คุณกัมม์ และคุณ เพ็ญชมพู น่าอ่านไปหมด อ่านออกเสียงดังๆ   ไม่มีหนังสือของคุณสมบัติ จำปาเงินเลย   ต้องยื่นมือไปตะครุบ คุณกัมม์ ใจดี พิมพ์มาตั้งเยอะ  สงสัยจะทำบุญร่วมวัดมากับอิฉัน ที่ชอบชื่อ ท่านผู้ใหญ่ในวงการศึกษา  เพราะ...เกิดเกรงบารมี ใน นามศักดิ์อันมงคลเจ้าค่ะ ดีใจที่ไม่ได้เป็นนักเรียนมากกว่า  เฮ้อ..... จากคุณ : แสนอักษร - [ 9 ต.ค. 49 15:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดีสิครับ ท้าวแสนอักษรชอบ ขอต่ออีกหน่อยนะครับ วิชาสรรค์  วิชาสิทธิ์  วิชาสุทธิ์  วิชาเสรฐ วิภัชน์วิทยาสาสน์  วิภาชวิทยาสิทธิ์  วิพิธวิทยาสัญห์  วิพันธ์วิทยาสาร พร้อมพิทยาคุณ  พิรุฬห์พิมยาพรรณ  พิสัณห์พิทยาภูน  พิบูลพิทยาพรรค ภารศาสตร์  ภารสาส์น  ภารสิข  ภารเสข วิจักษณ์จรรยา  วิจัยจรรยา  วิจารณ์จรรยา  วิจิตรจรรยา วิทยกรประสิทธิ์  วิทยกิจประประสาท   วิทยกรรประสาน  วิทยการประเสริฐ วิราชจรรยา  วิรุฬจรรยา  วิโรจน์จรรยา   พิสณฑ์สังฆกิจ  พิเศษสังฆกิจ  พิสิษฐสังฆการ  พิศาลสังฆภูมิ วรวาทพิสุทธิ์  วรวุฒิพิเศษ  วรเวทย์พิฐ  วรวิทย์พิศาล วิชชากรพิศาล  วิชชาการพิศิษฐ  วิชชากิจพิสัณฑ์  วิชชากรรม์พิเศษ วิเทศดรุณการ  วิธานดรุณกิจ  วิทิตดรุณกูล  วิทูรดรุณกร วิศาลจรรยา  วิสิษฐจรรยา  วิสุทธิ์จรรยา  วิเศษขรรยา วิเสรฐดรุณกิจ  วิสิษฐดรุณกล  วิสณฑ์ดรุณการ  วิศาลดรุณกร ศึกษากรพิศาล  ศึกษาการพิศิษฐ์  ศึกษากิจจพิสัณห์  ศึกษากรรม์พิเศษ สรรค์วรเวทย์  เสรฐวรวิทย์  สิทธิวรวุฒิ  สุทธวรวาท อักษรการวิจิตร  อักษรกิจวิจารณ์   อักษรศาสตร์วินิจ  อักษรสิทธิ์วินัย ศาสตร์สุนทร  สาส์นสุทร  สิขสุนทร  เสขสุนทร สรรพพากย์พิสุทธิ์  สรรพพุฒิพิสิษฐ  สรรพพิทย์พิเศษ  สรรพเพทย์พิศาล สรรคเวทย์  เสรฐวิทย์  สิทธิวุฒิ  สุทธวาท อนุกรวิธาน  อนุการวิทิต  อนุกิจวิทูร  อนุกูรวิธาน ศิลปกรพิศาล  ศิลปการพิศิฏ์  ศิลปกิจจพิสัณห์  ศิลปกรรม์พิเศษ สิทธิ์ดรุณวาท  สาสน์ดรุณวิทย์  สิทธิ์ดรุณเวทย์  เสรฐดรุณวิทย์ สันธิวิทยาพัฒน์  สันทัดวิทยาสาส์น อนุพนธ์ศิษยานุสาสน์  อนุภาษศิษยานุสาร  อนุภาณศิษยานุสรรค์  อนุพันธ์ศิษยานุศิษฎ์ อุปกรศิลปศาสตร์  อุปกาศศิลปสิทธิ์  อุปกิตศิลปสาร  อุปการศิลปเสรฐ กล่อมวิชาสาส์น  กลั่นวิชาสอน   จำเนียรพิทยประสงค์  จำนงพิทยประสาท แจ่มวิชาสอน  ขจรวิชาสอน เทพศาสตร์สถิต  เทพวิทย์เสถียร บริรักษ์สิขการ  บริหารสิขกิจ ประมวลวิชาพูล  ประมูงวิชาเพิ่ม พาณิชยศาสตร์วิธาน  พาณิชยสารวิเทศ พิสิษฐคุรุเนติ  พิเศษคุรุนิติ วรกิจพิศาล  วรการพิเศษ คุรุเนติพิศิษฎ์  คุรุนิติพิศาล จิตรกรรมชำนาญ  จิตรการชำนิ เชิดวิชาครู  ชูวิชากร ธรรมประศาสตร์  ธรรมพาทประจิตร บำเหน็ดวรสาส์น  บำนาญวรสาสน์ ประเสริฐหัตถกิจ  ประสิทธิหัตถการ ผดุงวิทยาเสริม  เผดิมวิทยาสูง พิเศษสรรพวิจิตร  พิสิษฐสรรพวิจารณ์ วิจารณ์วรสิทธิ์  วิจิตรวรสาส์น จรัสอักษรกูล  จรูญอักษรศักดิ์ ดรุณกิจวรสาส์น  ดรุณการวรสาส์น นนทพรรคพลานุสิษฐ์  นนทพิทย์พิศาล ประจักษ์วิทยากิจ  ประจิตวิทยาการ ปลูกนิสสัยเหมาะ  เพาะนิสสัยชอบ พจนกิจประสาน  พจนการประเสริฐ พิลียวรรณศาสตร์  พิลาศวรรณสาร เพิ่มคุณสมบูรณ์  พูลคุณสมบัติ วิจิตรธรรมปริวัตร  ปริยัติธรรมธาดา วรพจน์พิจิตร  วรพิทย์พิจารณ์ วิทยานุการกะวิน  ศิลปานุการกะวี เวชรัชต์พิมล  เวชธนพิทักษ์ สอนถูกระบอบ  สอบถูกระบิล หัตถเลขการ  สารเลขกร   อนุสาสน์ยันตรการ  อนุสาส์นยันตรกรรม อักษรกิจชำนาญ  อักษรการชำนิ อารีดรุณพรรค  อารักษ์ดรุณพล วิจิตรสุนทรการ  วิจารณ์สุนทรกิจ วิเศษศิลปการ  วิศาลศิลปกรรม สมรรถคุรุการ  สมานคุรุกรรม สำเร็จวรรณกิจ  สัมฤทธิ์วรรณการ หิรัญการโกสิต  หิรัญกิจโกศล อนุสิษฐดรุณราช  อนุสาสน์ดรุณรัตน์   อาคุปต์พาณิชยการ  อาคารพาณิชยกรรม อำนวยศิลปสาตร  อำนาจศิลปสิทธิ์ วิบูลย์ศิลปการ  ไพศาลศิลปศาสตร์ วิสิษฐศุภเวท  วิเศษศุภวัตร สรรวิชาเพิ่ม  เสริมวิชาพูล สิกขกิจบริหาร  สิกขการบริรักษ์ อนุสาสน์วินิจ  อภิสิทธิ์จิตรการ  อภิสารจิตรกรรม   อาทรธรรมศักดิ์  อารักษ์ธรรมสิทธิ์     ราชทินนามข้าราชการกรมนี่ก็เท่ดี กรมมหรสพ แผนกตลกหลวง ขุนรัตประหาร           ขุนสำราญสมิตมุข หมื่นสนิทชวนเริง       หมื่นเชิงชวนหัว กรมมหรสพ แผนกโขน พระยานัษกานุรักษ์ พระพำนักนิจนิกร หลวงฟ้อนถูกแบบ         หลวงแยบเยี่ยงคง หลวงยลเยี่ยงครู           พระยาดำรงวิธีรำ หลวงรำถวายกร           หลวงชูกรเฉิด หลวงรามภรตศาสตร์     ขุนราชภรตเสน หลวงวิไลวงวาด           หลวงวิลาสวงงาม (จากฉบับเดิมที่อ้าง) จะหาคัดมาฝากอีกนะครับ  คุณท้าว จากคุณ : กัมม์ - [ 9 ต.ค. 49 18:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 นัษกานุรักษ์ ฟ้อนถูกแบบ วิไลวงวาด วิลาสวงงาม เคยได้ยินค่ะ อิอิ  ปลูกนิสสัยเหมาะ  เพาะนิสสัยชอบ  คงเป็นคุณครูผู้ปกครอง อักษรศาสตร์วินิจ      ตรวจงานเขียนแน่นอน อักษรสิทธิ์วินัย       ท่านต้องมีคุณวุฒิอัน รับ กับงานในหน้าที่ น่าจะนำมาอ่านออกเสียง  โฆษกรายการโทรทัศน์ที่ทำเสียงละโหยห้อยเหมือนกิ๊กจากไปหลายวันแล้ว ไม่รบกวนให้อ่านให้ฟังเป็นอันขาด จากคุณ : แสนอักษร - [ 9 ต.ค. 49 19:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โอโห อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยค่ะ ขอนำเสนออีก 1 ชื่อ คุณทวดค่ะ พ.ต.ต. พระเทเพนทร์ รับใช้สนองพระยุคลบาทในรัชกาลที่ 6 (สงสัยจังว่าราชทินนามของท่านอื่นทำไมยาวจัง ส่วนของคุณทวดสั้นนิดเดียว) จากคุณ : the Vicky - [ 9 ต.ค. 49 19:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีในวันเฉอะแฉะครับ คุณ แสนอักษร , คุณ Vicky ข้าราชการฝ่ายครูบาอาจารย์ยังมีอีกครับ หลวงอภิบาลบุริมศักดิ์            หลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ พระอนุศิษย์ดรุณราช             พระอนุศาสน์ดรุณรักษ์ หลวงหัดดรุณพล                  หลวงสนวิชาการ หลวงสอนวิชาการ                 หลวงธรรมสารประศาสน์ หลวงประคุณวิชาสนอง           หลวงประคองวิชาสมาน หลวงสมานจรรยา                 หลวงรักษาวินัยกร หลวงอาทรธรรมศักดิ์             หลวงอารักษ์ธรรมสิทธิ์ สำหรับขุนแผนแสนสะท้าน สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงตรัสว่า เป็นตำแหน่งในกองตระเวนชายพระราชอาณาเขตครับ ราชทินนามอันหนึ่งที่ชอบ  "พระยาสีหราชเดโช" เต็มๆว่า "พระยาสีหราชเดโชชัย" แต่คู่ของท่าน  ทำไมถึงเรียบๆก็ไม่รู้ "พระยาสีหราชเดโชชัย - พระยาท้ายน้ำ" ทั้งสองท่านมักมีชื่อคู่กันในพงศาวดาร แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 49 12:58:11 จากคุณ : พระยาสีหราชเดโช (กัมม์) - [ 10 ต.ค. 49 08:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น่าอ่านค่ะ  ท่านเจ้าคุณ เกร็ดความรู้ ที่นำมาเล่าไปเรื่อยๆ  กระตุ้นความสนใจให้ ิ ผู้สนใจไปหาอ่านเพิ่มเติม นึกว่าอาขุนแผนผู้เรืองฤทธิไกรมาเองซะอีก จากคุณ : แสนอักษร - [ 10 ต.ค. 49 09:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอขัดจังหวะ พระยาสีหราชเดโช (กัมม์) อีกครั้งหนึ่ง  มีหนังสือมาอวดคุณท้าวแสนอักษรชอบด้วยเหมือนกัน ชื่อหนังสือจดหมายเหตุ เสด็จพระราชดำเนิรประพาศทวีปยุโรป ครั้งที่ ๒ เล่ม ๒  รัตนโกสินทร ศก ๑๒๕-๑๒๖ นายพันเอกหม่อมนเรนทรราชา เรียบเรียง พิมพ์โดยกระแสพระบรมราชโองการ ครั้งแรก ๑๐๐๐ ฉบับ ราคาเล่มละ ๖ บาท มีกรรมสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ    พิมพ์ที่โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ เมื่อร.ศ.๑๒๖ (พ.ศ.๒๔๕๐) ปีหน้าก็ครบ ๑๐๐ ปีพอดี  ในหนังสือมีข้อความระบุตำแหน่งของข้าราชการหัวเมืองที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทหลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับจากประพาสทวีปยุโรปครั้งที่ ๒   ขอคัดข้อความตามต้นฉบับเดิมดังนี้       วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๑๒๖ -- เวลาย่ำค่ำ เมื่อก่อนเรือพระที่นั่งซักเซนถึงอ่าวเมืองปีนังนั้น เรือรบมูรธา. สุครีพ. และพาลี. ซึ่งได้ออกมาทอดสมอ เรียงลำคอยรับเสด็จอยู่นอกท่า ได้ยิงปืนสลุตเปนเกียรติยศ แลโห่ถวายพระพรไชยมงคล ในเวลาที่เรือพระที่นั่งแล่นผ่านไป แล้วแล่นเปนขบวนตามเรือพระที่นั่งมา ในขณะนั้นฝนตกประปราย ประจวบเปนมหามงคลฤกษ์ ในการเสด็จพระราชดำเนิรกลับสู่พระราชอาณาเขตร พอเรือถึงท่าตำบลย๊อตเตาน์ เรือพระที่นั่งมหาจักรกรีซึ่งทอดสมออยู่ ได้ยิงสลุตแต่ไกล พอเรือพระที่นั่งทอดสมอได้สักครู่หนึ่ง พระราชวงษานุวงษ์แลข้าราชการแต่งเต็มยศขาว ประดับเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ขึ้นมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ดังมีพระนามแลนามแจ้งต่อไปนี้:-       พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ       พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์       พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลา                                                      ข้าราชการกรมมหาดเล็ก หม่อมเจ้าไศลทอง ในพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษศิลปาคม นายพินัยราชกิจ            หุ้มแพร นายเสนองานประพาศ    หุ้มแพร นายรองขรรค์ นายรองพินัย นายคะนัง                           ข้าราชการมณฑลภูเก็ต พระพิศาลสงคราม          ปลัดมณฑล หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์        ข้าหลวงมหาดไทย หลวงศรีธนาธร              ข้าหลวงสรรพากร หม่อมหลวงวาริน            แทนยกระบัตรมณฑล หลวงธำรงราชประเพณี    อธิบดีผู้พิพากษา หลวงบริบูรณ์ธนการ        ข้าหลวงคลัง หมอแม็กกลินต๊อก          นายแพทย์ พระยารัตนเศรษฐี           ผู้ว่าราชการเมืองระนอง พระอิศราธิไชย              ผู้ว่าราชการเมืองพังงา พระแก้วโกรบ                ผู้ว่าราชการเมืองกระบี่ พระสถลสถานพิทักษ์      ผู้ว่าราชการเมืองตรัง พระเสนานุชิต                ผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วป่า กับตันเวเบอร์                 นอกราชการ นายคอยู่ด๊อก                 มหาดเล็ก หลวงพิไชย                   มหาดเล็ก นายคอยูจ๋าย                 มหาดเล็ก นายคอยูจ่าย                 มหาดเล็ก นายคอยูซอง                 มหาดเล็ก ขอให้สังเกตว่าข้าราชการกรมมหาดเล็กมีนายคะนัง เงาะป่าคนโปรดของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมารับเสด็จด้วย ตำแหน่งพระยารัตนเศรษฐี  ผู้ว่าราชการเมืองระนอง  คนนี้คือ พระยารัตนเศรษฐี (คออยู่หงี่ ณ ระนอง) ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๓ - พ.ศ. ๒๔๖๐ เป็นชาวจีนฮกเกี้ยน ขอให้สังเกตว่าลูกหลานได้รับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่หลายคน   พระยารัตนเศรษฐีคนก่อนหน้านี้คือ คอซิมก๊อง ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๒๐ - พ.ศ. ๒๔๓๓ เป็นพี่ชายของ พระยารัษฎาประดิษฐ์มหิศรภักดี  (คอซิมบี้ ณ ระนอง)  ผู้ส่งเสริมการปลูกยางพาราในประเทศไทยเป็นคนแรก จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 10 ต.ค. 49 09:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ต่อไปเป็นชื่อข้าราชการเมืองมลายู ชื่อข้าราชการมีทั้งชื่อไทย มลายู และฝรั่ง                      ข้าราชการเมืองไทรบุรี เจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดี   เจ้าพระยาไทรบุรี พระชลสินธุ์สงครามไชย              ห้วน่าที่กฤกษาราชการ ตุงกุ อิบราฮิม                          เจ้ากรมกองตระเวร ตุงกุ บาหะดา                           นายทหารครสนิทของเจ้าพระยาไทร ตุงกุ ดาอี                                บุตรเจ้าพระยาไทร มะหมัด สอัด                            นายอำเภอกุลิม ต่วนไซซาฮะบุดิน                      เจ้าพนักงานกรมสารบาญชี มะหมัด อะฮะฝิน                       เลขานุการเจ้าพระยาไทร       นายพุ่ม                                   ล่าม มิสเตอร์ ฮาต                           ที่ปฤกษา ด๊อกเตอร์ ฮูป                           แพทย์ มิสเตอร์ ริตเช                           ผู้บังคับกองตระเวร มิสเตอร์ กอรมัน                        เจ้าพนักงานโยธา มิสเตอร์ ริชี                              ผู้ช่วยที่ปฤกษา มิสเตอร์ เฮนรี                           หมอตรวจสัตว์                         ข้าราชการเมืองปลีศ พระยาวิเศษสงคราม                    พระยาปลีศ พระยาสุรินทรวิวังษา หลวงศักดาดุลยฤทธิ์ มิสเตอร์ ดุ๊ก                               ที่ปฤกษา                        ข้าราชการเมืองสตุล หลวงอินทรวิไชย                         ผู้รั้งตำแหน่งเจ้าเมือง                        ข้าราชการกรมท่าซ้าย พระยาภักดีภัทรากร พระทวีปสยามกิจ                         กงสุล เยเนราล ณะเมืองปีนัง มิสเตอร์ นิวบรอนเนอร์                  ไวส กงสุล ณะเมืองปีนัง กับ นายจันทิมา   ได้นำพวงมาลา มาทูลเกล้า ฯ ถวาย จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 10 ต.ค. 49 09:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับคุณ แสนอักษร  คุณ เพ็ญชมพู ขอบพระคุณสำหรับกระทู้  และความรู้ที่ได้เพิ่มขึ้นทุกทีๆ นายคะนัง  ทราบว่าหลังจากรัชกาลที่ ๕ แล้วก็ติดผู้หญิง  และตายด้วยเหตุที่เกิดจากผู้หญิง   นายคะนังเป็นที่ทรงโปรดในรัชกาลที่ ๕ จะได้รับพระราชทานราชทินนามด้วยหรือเปล่า ครับ ราชทินนามที่พระราชทาน  ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นนามมงคล หมายความว่า  มีบางนามที่พระราชทานแต่ก็ไม่รู้สึกว่าไม่เป็นมงคลเท่าไรนัก เคยอ่านหนังสือพบว่า ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานราชทินนามผู้หนึ่งว่า พันปากพล่อย  และจำต้องใช้ราชทินนามนี้มาอีกช้านาน  จนแก่จึงได้พระราชทานใหม่ให้ ขอค้นก่อนนะครับ แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 49 10:37:18 จากคุณ : กัมม์ - [ 10 ต.ค. 49 10:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นามนั้นสำคัญไฉน สาส์นสมเด็จ ฉบับลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๔๘๔ สมเด็จฯ เจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์  กราบทูลสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ๘.  เหตุที่นึกถึงนายเมธนายกระวี  ซึ่งเป็นคนที่เคยรู้จักอยู่จึ่งพาให้คิดถึงชื่อคนอันวิตถาร  มีพวกลูกจ่าอัศวราชนั้นเป็นต้น  มี               เมธะ     แปลว่ารู้ในเมธปฏิมา               กระวี     ปรีชาปิยบุตรที่สาม               ฉวี        ผิวงามบุตรแม่พริ้งแรกเกิด               วรา       ประเสริฐกัลยาลำยอง               สาโรช   บัวทองพิศพัตรประไพ               สุมน     สุมาไลเยาวลักษณนารี               ปรม     แปลว่ามีปรมังค์ลาภา ชื่อเหล่านี้ได้มาก็เพราะรู้จักคนสองคน ซึ่งกล่าวแล้วในเบื้องต้น  แต่ได้มาเป็นแต่เสียงอันจะมีผิดอยู่บ้าง  เมื่อเขียนลงเป็นหนังสือก็ต้องเดาอาศัยเอาคำแปลในกลอนบ้าง  แล้วจะถ้วนหรือไม่ถ้วนก็ทราบไม่ได้  มีสงสัยอยู่ที่กลอนสอง  นับบุตรคนนั้นว่าเป็นที่สาม  จึ่งกลัวจะมีต้นขึ้นไปอีก  แล้วที่สุดจะมีอีกหรือเท่านั้นก็ไม่ทราบ นึกถึงชื่อพวกลูกจ่าอัศวราช  แล้วก็ทำให้นึกไปถึงพวกลูกพระยาศรีสรราช(วัน)  พวกนั้นมีชื่อวิตถารอยู่เหมือนกัน                 พงศ์       สุริยัน                 พันธ์       สุริยา                 พุ่ม         มลิร่วง                 พวง        มลิลา                 พิณ        เทพเฉลิม                 เพิ่ม        เสนหา                 พี           ยศมูล                 พูน         สมบัติมา จะมีเท่านั้นหรือมีอีกก็ไม่ทราบ  พวกนี้รู้จักคนเดียวแต่ที่ชื่อ พิณ  เทพเฉลิม  ดูเหมือนเป็นพระราชวรินทร์  เป็นพ่อตากรมหมื่นเทววงศ์และพระองค์เจ้าวรรณ  ที่ชื่อ เพิ่ม  เสนหา ดูเหมือนว่าเป็นเจ้าจอม แล้วพวกลูกใครอีก  จำได้แต่ว่าคนเดียวว่า "ตึ๋งส่วน" ที่จำไม่ได้เพราะวิตถารน้อย  คนที่เป็นพ่อค้าไม้ ดูเหมือนเรียกกันว่า "นายเจริญ" ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน "สิริสถาน" ของเจ้าพระยาสุรศักดิ์ก็ดูเหมือนจะเป็นลูกพวกนี้ "เจริญสิริ" กระมัง พูดถึงชื่อวิตถารทำให้นึกถึงคุณม่วง  ชื่อยาวจริง  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าตรัสเล่า  เล่นเอาต้องท่องเป็นหนักเป็นหนาจึ่งจำได้  มีว่า                 "ฉิมม่วงงามปรางทอง         ไกรทองพงศา                  สาวสวรรค์กัลยาณี            ศรีศุภลักษณ                  เลิศฟ้าหาไม่ทัน" ตรัสเล่าว่าอันชื่อยาวทั้งนี้ก็เป็นด้วยอยากชื่อมั่ง  เช่นเดียวกับอยากชื่อ "ยอช วอชิงตัน" ที่สุดจนไปดูช้างเผือกก็อยากชื่อ "ลักษณเลิศฟ้า" จึ่งต่อกันยาวออกไปทุกที ชื่อคุณปิ่นก็ไม่ยอก  มีว่า                    "ปิ่นปักธรณีศรีเมืองมาร" แต่ชื่อนี้จำไว้ได้ด้วยไม่ต้องท่อง เพราะไม่สู้ยาวนัก บรรดาชื่อดูเหมือนจะต้องการน้อยพยางค์  เช่นเรียกกันว่า "เจ้าคุณศรี เจ้าคุณราช" เป็นต้น  ชายถึงมาเล่าติดจะขัน  ว่าใครไปถามหา "เจ้าคุณอรรถ" ที่กรมอัยการแล้วไม่ได้กิน  เพราะที่กรมนั้นขึ้นต้นราชทินนามด้วยคำ "อรรถ" ทั้งนั้น  อันคำที่ต่อชื่อคำหน้าไปนั้นถือกันว่าเป็นสร้อย  สำหรับแต่เขียนหนังสือให้เป็นยศ  นึกถึงภาษาของชาวบ้านก็เห็นขัน  คำว่า "เจ้าคุณ" นั้น  หมานถึงพระยา  ชื่ออะไรต่างๆที่คิดตั้งกันมาแต่ก่อนคราวหนึ่งก็คิดเดินทางให้สั้น  เอาแต่สะดวกปากที่คนจะเรียก  แต่มาสมัยนี้ดูเป็นต้องการยาว  ที่สั้นไปก็ต่อให้ สาส์นสมเด็จ ฉบับลงวันที่ ๑๐  สิงหาคม  พ.ศ. ๒๔๘๔ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทูล  สมเด็จฯ เจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ๕.  ชื่อลูกจ่าอัศวราชนั้น  ที่ถูกเป็นดังนี้                ๑. อาทิก่อน  แม่กลีบเรณู                ๒. เมธะแปลว่ารู้  นายเมธปฏิมา                ๓. กวีปรีชา  ปิยบุตรที่สาม                ๔. ฉวีผิวงาม  บุตรแม่พริ้มแรกเกิด                ๕. วราประเสริฐ  ที่สองงามสม                ๖. กำดัดทรามชม  กัลยาณ์ลำยอง                ๗. สาโรชบัวทอง  พิศภักตร์ประภัย                ๘. สุมณสุมาลัย  เยาวลักษณนารี                ๙. ปรมแปลว่ามี  ปรมังลาภา                ๑๐. ลิขิตเลขา  บุตรีพลลภ                ๑๑. สุพรรณวรนพ  คุณสริรา ชื่อลูกจ่าอัศวราชหม่อมฉันนึกสงสัยว่า  จะตั้งสร้อยกันต่อมาภายหลัง  เดิมเห็นจะให้ชื่อแต่ว่า กลีบ เมธ กวี เป็นต้น  ต่อมานึกสนุกจึงผูกกลอนขึ้น  ข้อนี้มีเค้าที่สร้อยชื่อลูกคนแรกที่ว่า "อาทิก่อน  แม่กลีบเรณู" ส่อให้เห็นชัดว่าเดิมชื่อแต่ว่า "กลีบ" ตั้งสร้อยขึ้นต่อเมื่อมีน้องแล้วจึงใช้คำว่า อาทิก่อน ชื่อคุณม่วง ชูโต นั้น  สำหรับชอบเล่ากันมาแต่ก่อนก็ว่าบ้าเท่านั้น  คำที่เป็นจริงก็คงมีแต่ "ฉิม" เรียกเมื่อยังเล็ก กับ "ม่วง" ซึ่งมาให้เมื่อเติบขึ้น  พวกที่ชื่อ "ตึ๋งส่วน" และปิ่นปักธรณี" หม่อมฉันนึกเค้าไม่ออก ชื่อลูกพระยาศรีสรราช(วัน  บุนนาค) นั้นที่ถูกว่า                 พงษ์       สุริยัน                 พันธ์       สุริยา                 พลอย     พรรณราย                 พราย      พรรณา                 พุ่ม         มะลิร่วง                 พวง        มะลิลา                 พิณ        เทพเฉลิม                 เพิ่ม        เสนหา                 พี           ยศมูล                 พูน         สมบัติมา หม่อมฉันออกชอบ  อยากชมว่าช่างคิดและคิออยู่ในวงอันสมควร  คงมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง  เช่นคุณหญิงชื่อเป็นอักษร พ พิญเป็นต้น  จึงประสงค์จะให้ชื่อลูกขึ้นด้วยอักษร พ พิณ หมดทุกคน  เลือกคำพยางค์เดียวอันเรียกและเข้าใจง่าย  ตั้งเป็นยุติเพียงเท่านั้นสำหรับคนทั้งหลายเรียกเป็นสร้อยเป็นแต่ให้รู้ลำดับในครัวเรือน  และจำชื่อได้หมดทุกคนด้วยสัมผัส  คำสัมผัสความก็เข้ากับชื่อสนิทดี  ทั้งไม่ยาวเกินประมาณ จึงน่าชม ยังมีกลอนเพลงยาวพระนามพระเจ้าลูกเธอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ อีกบท ๑ ว่า                                          อรุโณทัยอภัยทัตฉัตรไกรสร         สุริยวงษ์สุริยาดารากร     ศะศิธรคันธรสวาสุกรี         สุทัศน์อุบลมณฑา          กระษัตริย์จงกลสุภาธร พระนามตามเพลงยาวนี้  ประหลาดอยู่ที่ไม่ตรงลำดับและขาดพระนามพระเจ้าลูกเธอ  แม้ที่เป็นรุ่นใหญ่ก็ไม่มีในเพลงยาวหลายพระองค์  ถเหากเป็นพระราชนิพนธ์ฯ ก็จะต้องเข้าใจว่าทรงเลือกพระนามแต่พระองค์ที่ทรงโปรดมาเข้าในเพลงยาว  ก็ไม่มีเค้าเงื่อนว่าจะเป็นเช่นนั้น  ดูน่าจะเป็นเพลงยาวเจ้านายหรือใครแต่งเล่นเมื่อภายหลังรัชกาลที่ ๑  และแต่งค้างเพียงเท่านั้นมิใช่เป็นตำรับตำราอย่างมักเข้าใจกัน .................................................................................................................................................... เมื่อเร็วๆนี้  หลวงเพื่อน(พระที่เป็นเพื่อนกัน)วัดเฉลิมพระเกียรติฯขอรายชื่อกรรมการกฐิน กำลังจะแฟ็กซ์ไปให้ท่าน  น้องคนหนึ่งที่ทำงานก็ขอเข้าชื่อด้วย  จึงได้เขียนชื่อต่อท้ายลงไป ชื่อผัวเธอ "คุณ ชายวิบูลย์" ยังกับหลุดออกมาจากหนังสือประโลมโลก คุณกิ่งฉัตรตั้งให้ แต่พอหลวงเพื่อนพิมพ์ซองมาให้  พิมพ์ว่า "คุณชาย วิบูลย์"  และเอาไปไว้ในลำดับแรกเสียอีก นามนั้นสำคัญฉะนี้ นี่เอง ชื่อคนที่ "สมเด็จบรมครู" ทรงตรัสว่านามวิตถาร ทำให้นึกถึงครอบครัวนายกคนก่อน  ต้องขออนุญาตผู้ที่ชอบและผู้ที่ไม่ชอบไว้ด้วยนะครับ ต้องนับว่าฯพณฯท่านเจ้าบทเจ้ากลอนพอดู  ยอมให้ว่าชื่อลูกๆของท่านมีชื่อเป็นเถาที่คล้องจองกันดี แพทองธาร - พานทองแท้ พิมพ์ทองทา -   (นี่ถ้ามีอีกคนจะชื่ออะไรหนอ) แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 49 11:19:21 จากคุณ : พาทองเที่ยว ชินวัด (กัมม์) - [ 10 ต.ค. 49 10:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขออนุญาตคุณพาทองเที่ยว ชินวัด  ต่อเรื่องจดหมายเหตุ เสด็จพระราชดำเนิรประพาศทวีปยุโรป ครั้งที่ ๒ อีกหน่อย เรือพระที่นั่งมหาจักรี แล่นออกจากเกาะปีนัง ผ่านสิงคโปร์ เข้ามายังอ่าวไทย เสด็จแวะที่เกาะกูด เกาะกระดาด เมืองตราด เกาะช้าง จนเรือพระที่นั่งมาทอดสมอที่ตรงหน้าแหลมสิงห์  ขอคัดข้อความตามจดหมายเหตุต่อ       วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๑๒๖ -- เวลาเช้า พระยาพิไชยชลธี ที่ปฤกษาราชการมณฑลจันทบุรี กับหลวงจันทรัฐนิวาศ ขึ้นมาเฝ้าเพื่อจะได้นำร่องเรือพระที่นั่งขึ้นไปเมืองจันทบุรี......................เวลาเช้า ๕ โมง ๓๐ นาที ถึงท่าใกล้ที่ว่าการมณฑล พระบาทสมเด็พระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นจากเรือพระที่นั่ง นายเรือเอกพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ ซึ่งกราบถวายบังคมลาล่วงน่ามาแต่เมืองตราด กับข้าราชการกรมการในมณฑลจันทบุรี ทั้งฝ่ายทหารแลพลเรือน แลไวสกงซุล บาดหลวงฝรั่งเศสแต่งเต็มยศขาวประดับเครื่องราชอิศริยาภรณ์ มาชุมนุมกันคอยรับเสด็จที่ท่า ทหารเรือได้ยิงสลุตจากค่าย พระยาวิชยาธิบดี ข้าหลวงเทศาภิบาล อัญเชิญเสด็จพระราชดำเนิรโดยทางลาดพระบาท ไปประทับร้อน ณะที่ว่าการมณฑล มีข้าราชการมาสมทบกันเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณะทีนี้อีกเป็นอันมาก ดังรายนามแจ้งต่อไปนี้ เปนต้น:-                           ข้าราชการมณฑลจันทบุรี พระยาวิชยาธิบดี                   ข้าหลวงเทศาภิบาล พระยาพิไชยชลธี                  ที่ปฤกษาราชการมณฑล พระยาประเสริฐสัจจาธารี         จางวางเมืองระยอง พระยาสุริยเดชวิเศษฤทธิ์         ปลัดมณฑล พระยานครไภยพิเฉท              อธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑล พระเทพสงคราม                    ปลัดเมืองจันทบุรี หลวงรามฤทธิรงค์                  ยกระบัตร์เมืองจันทบุรี ขุนวรกรบริรักษ์                     ข้าหลวงสรรพากร หลวงพรสมบัติ                      ข้าหลวงคลัง หลวงพินิจวิเทศภัณฑ์              เจ้ากรมสุรายาฝิ่น พระยาสิงห์บุรานุรักษ์              ผู้ว่าราชการเมืองระยอง พระบริรักษ์ภูธร                     ผู้ว่าราชการเมืองตราด หลวงเสนาราชภักดี                ผู้ว่าราชการเมืองขลุง พระอินทรรักษา                     ผู้บังคับการนักเรียนมณฑล หลวงวิภาคพจนอัฏ                 ผู้พิพากษา หลวงอนุกรมกิจพิทักษ์            ผู้พิพากษา ขุนจรูญราชธนากร                 ผู้ช่วยคลัง เมืองตราด ขุนชำนิอนุสาสน์                    ข้าหลวงธรรมการ หลวงวิพัทธ์พจนกิจ                 ผู้พิพากษาเมืองแกลง หลวงวิธารพจนกร                   ผู้พิพากษาเมืองระยอง                     ข้าราชการที่มาช่วยในการรับเสด็จ พระยาจ่าแสนบดี                    เจ้ากรมมหาดไทยฝ่ายพะลำภัง หลวงวิชิตเสนี                        ข้าหลวงมหาดไทยมณฑลนครสวรรค์ (ต่อไปเป็นรายชื่อข้าราชการทหาร ขอให้สังเกตว่าหลังจากยศยังใช้คำว่า "นาย" อยู่)                        ข้าราชการกรมทหารบก นายร้อยโท ขุนนิวัทมรรคา          กองข้าหลวงปักปันเขตร์แดน นายร้อยตรี นายแดง                   กองข้าหลวงปักปันเขตร์แดน                       ข้าราชการกรมทหารเรือ นายเรือเอก พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ                       ผู้บัญชาการ กรมทหาร ชายทเล นายเรือเอกผู้ช่วย    พระอินทรรักษา นายเรือโท             พระมหาอรรคนิกร นายเรือตรี             นายจู๊ นายเรือตรี             นายแช่ม นายเรือตรี             นายเกลี้ยง ว่าที่นายเรือตรี        นายกุหลาบ นายเรือตรีผู้ช่วย      นายโปง นายเรือตรีผู้ช่วย      นายวาศ นายเรือตรีผู้ช่วย      นายกิ๋ม นายเรือตรีผู้ช่วย      นายยัน นายเรือตรีผู้ช่วย      นายท้วม นายเรือตรีผู้ช่วย      นายเง่อ นายเรือตรีผู้ช่วย      นายโต นายเรือตรีผู้ช่วย      นายเฟื่อง นายเรือตรีผู้ช่วย      นายต่อ ว่าที่นายเรือตรีผู้ช่วย นายพลอย ว่าที่นายเรือตรีผู้ช่วย นายเกิง เรือพระที่นั่งออกจากอ่าวเมืองจันทบุรี แวะที่เกาะสีชัง  ข้ามสันดอนป้อมพระจุลจอมเกล้า ฯ มาทอดสมอที่แหลมเลน เมืองสมุทรปราการ   แล้วเรือพระที่นั่งแล่นมาถึงกรุงเทพมหานครโดยเทียบท่าที่ท่าราชวรดิษฐ์ แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 49 10:59:42 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 10 ต.ค. 49 10:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โอ๊...ย   อุทานด้วยความดีใจที่ไม่ได้เรียนหนังสืออยู่ชั้นเดียวกับคุณเพ็ญชมพูกับคุณกัมม์ ขืนเรียนอยู่ห้องเดียวกัน   ฮ่ะๆๆๆ   เราเปิดฝาโต๊ะกินขนมสบายเลย  ทั้งห้องก็จะรื่นรมย์ แม่เฮย....เล่าเรื่อง สนุกทั้งนั้น เกร็ดประวัติศาสตร์ น่าฟังมาก คำถามมีว่า...ต้นฉบับหนังสือ ไกลบ้าน ที่เป็นลายพระหัตถ์เลขาไปรเวตของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง  ที่มีไปถึง สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรมขุนอูู่่ทองเขตรขัติยนารี  ผู้มีสมุด(หนังสือ)รวบรวมไว้มาก  ทรงรวบรวมเองไว้บ้าง และรับมรดกจากพระวิมาดานั้น  ที่มีข่าวว่าไปนอกเสียแล้ว ตอนนี้ไปถึงไหนคะ ไม่ทราบข่าวคืบหน้า สมเด็จกรมพระยาดำรง ในลายพระหัตถ์ ถึง พระยาอนุมานราชธน จาก Cinnamon Hall   206 Kelawei Road, Penang, SS วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐  ได้ทรงแสดงความเห็นว่า "ผู้รับมรดกคงไม่เอาออกขาย" แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 49 11:19:20 จากคุณ : แสนอักษร - [ 10 ต.ค. 49 11:17:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาแอบฟัง จากคุณ : NickyNick - [ 11 ต.ค. 49 12:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เคยมีกระทู้นำเสนอ ชื่อลูกเจ้าพระยารามราฆพ ไม่ทราบท่านใด จะกรุณานำมาให้อ่าน อีกทีได้ไหมครับ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 11 ต.ค. 49 12:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เอาลูกสาวท้าวสามล   แก้ขัดไปพลางระหว่างรอนะครับ  คุณ จำปูน ๑. มลิวัลย์ ๒. จันทนา ๓. สารภี ๔. ยี่สุ่นเทศ ๕. เกศเมือง ๖. เรืองยศ ๗. รจนา จากคุณ : กัมม์ - [ 11 ต.ค. 49 12:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 33 พระนามพระโอรสธิดาในสมเด็จฯ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ อัปสรสมาน บรรสานสนิท พิจิตรจิราภา สุธาสิโนทัย ไตรทศประพันธ์ จันทรนิภา ทิศากร บังอรรัต ดำรัสดำรง พงศ์ทินเทพ เสพยสุมนัส ทิพยรัตนประภา นาราวดี ตรีทิเพศพงศ์ วงศ์นิรชร มรุพรพันธ์ กันดารา ดาราจรัสศรี ปรีดีเทพยพงศ์ วงศ์ทิพยสุดา อัจฉราฉวี ศรีทศาลัย ไตรทิพเทพสุต สุรวิฒิประวัติ ทัศศศิธร นิกรเทวัญ อนันตนรชัย วิไลกัญญา สุชาดามณี สมรศรีโสภา อาทิตยอุทัย เจริญวัยวัฒนา วงศานุวัติ พวงรัตนประไพ แขไขจรัส อัศนีฟ่องฟ้า ประภาภรณี โชติศรีกฤติกา จีราโรหิณี ฯพณฯท่านที่ว่าเจ๋ง  ยังเทียบไม่ได้ทั้งฝีปากและฝีมือ แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 49 12:58:14 จากคุณ : กัมม์ - [ 11 ต.ค. 49 12:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ชื่อบุตรธิดาเจ้าพระยารามราฆพ  จัดให้ตามคำขอของคุณจำปูน รุจิรา มานน   พัฒนา   บุษบานงเยาว์   เชาว์ชาญบุรุษ   พิสุทธิ์อาภรณ์   บทจรพยัพทิศ   จักรกฤษณ์กุมารา   วนิดาบุญวาส   พรหมาศนารายณ์   เจ้าสายสุดที่รัก   สุรางค์   โสภางค์พึงพิศ   จิตอนงค์   บุษบงรำไพ   อนงค์ในวัฒนา   ปรียานงราม ความจำนงค์   สิริโสภา   ดวงสุดาผ่องศรี   กุมารีหริลักษณ์   ทรงจักรวรพันธ์   รามจันทร์วรพงศ์   ภุชงค์บรรจถรณ์   จันทรรัศมี   รฆุพงศ์   นีละพงศ์รำไพ   ไกรกรีกูล   ประยูรกาฬวรรณ   นวลจันทร์ธิดาราม   โสมยามส่องฟ้า   สู่นคเรศ   ทักขิณีเขตจรดล   อำพลปนัดดา พอสู้พระนามพระโอรสธิดาในสมเด็จฯ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ได้ไหม จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 49 13:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ที่นี้ มาดูราชทินนามที่ไม่สู้จะเป็นมงคลกันนะครับ ประกาศเรื่องตั้งพันปากพล่อย          มีพระบรมราชโองการดำรัสอ่อนๆออดๆว่า  ใครว่าในหลวงตั้งอ้ายกรุดปาราชิกเป็น พันปากพล่อย เหมือนขุนหลวงตากตั้งพันสีพันลาดังนี้  ว่าไม่ถูกไม่เหมือนเลย  ใครอย่าเชื่อคำนั้นว่าถูกจริง  เรื่องที่ว่าตั้งพันสีพันลานั้น  คือขุนหลวงตากแต่งให้อ้าย ๒ คนสืบว่าใครมั่งมี  แล้วให้หาโจทย์ทนสาบาลได้ฟ้องเท็จๆ  ว่าเอาข้าวเอาเกลือและเอาสินค้าต้องห้ามลงสำเภา  แล้วพาโลปรับเอาเงินมากๆ  ใครรับชื่นตาปรับต่อเดียว  โจทก์สาบาลได้ยืนยันแลต้องผูกยกหนึ่งหรือหลายยก  ปรับทวีคูรบ้าง ตรีคูณบ้าง จัตุคูณบ้าง  พันสีพันลาเป็นพันในราชการอื่น  ครั้นรับอาสาเที่ยวใส่ความเท็จแก่คนมั่งมี  ได้เงินเบี้ยปรับมามากมีความชอบมาก  ขุนหลวงตากให้พันสีเป็นขุนจิตรจูล  พันลาเป็นขุนประมูลราชทรัพย์          ก็อ้ายกรุดนี้มันพูดไม่เกรงใจใครเหมือนบ้า  มันได้ยินได้เห็นอะไรก็พูดไม่มีประมาณ  ในหลวงจึงตั้งให้เป็นอ้ายพันปากพล่อยตามที่มันได้เป็นบ้านั้น  แลมันว่าอะไรในหลวงก็ไม่เอาเป็นจริงนัก  เอาแต่ที่มีสลักสำคัญจริงๆ  สำคัญๆเหมือนอ้ายกรุดว่า  มหาขำเป็นปาราชิกในหลวงก็ไม่เอา  ว่าพระประดิษฐ์นิเวศน์ทำอะไรพูดอะไรประหลาดๆก็ไม่เอา  ว่าใครหยาบช้าต่อในหลวงก็ไม่เอา  ว่าปลัดกรมเปรมดูถูกหม่อมเจ้าเกียรติคุณก็ไม่เอา  ว่าหลวงพัสดีพึ่งปล่อยเชิงลาคนคุกที่มีบรรดาศักดิ์ก็ไม่เอา  อื่นๆอีกหลายเรื่องก็ไม่เอา  มหาขำแลพระประดิษฐ์นิเวศน์แลปลัดกรมเปรมแลคนอื่นๆจะต้องว่าในหลวงไม่เป็นเหมือนขุนหลวงตาก  เถียงคนที่ว่าอย่างนั้นบ้าง  เรื่องอ้ายผลปาราชิก  เรื่องหลวงเสน่ห์สรชิตเข้ากับผู้ร้ายลักพระแสง  เรื่องพระมหาเทพเฆี่ยนอ้ายจางวางพม่าว่ามาเข้าเฝ้า  เรื่องพระยาศรีสหเทพฉ้ออิฐ สืบได้จริงได้สลักสำคัญแม่นยำจริงเอาเป็นคดีชำระ  ก็พระยาศรีสหเทพ แลพระมมหาเทพนี้  ในหลวงยังเห็นแก่หน้ายังเลี้ยงอยู่ไม่เอาโทษเหมือนอ้ายผลแลหลวงเสน่ห์สรชิตนั้น  จะต้องมีความกตัญญูรู้บุญคุญต่อในหลวงบ้างจึงจะเป็นมงคล  คนที่นินทาในหลวงผิดๆไม่เป็นมงคลมาหลายท่านหลายนายแล้ว  หลวงเสน่ห์สรชิตนั้นทำปืนลั่นทั้งกระสุนเกือบถูกคนตายถึง ๓ คราวจึงถอดเสียสืบดูเถิด  พระยาศรีสหเทพ แลพระมหาเทพนั้นถึงในหลวงจะถอดเสียหรือจะทำโทษเสีย  ก็เห็นจะยังไม่มีกองทัพพระยาสรรค์มาล้อมดอกเป็นแน่  คนเขาจะยังนับถือในหลวงอยู่มากไม่วิตก          ข้าราชการอิจฉาฤษยากันหงองๆแหงงๆเพ็ดทูลออดๆแอดๆ กล่าวโทษกันบ้างแก้ตัวกันบ้าง  เล่นบ้างจริงบ้าง  ทรงพิเคราะห์ดูเห็นว่าความไม่เป็นถ้อย-มอยไม่เป็นขน  เป็นแต่คนหงองๆแหงงๆกันก็ไม่ทรงชำระ  กระแสพระราชดำริเพียงเท่านี้  อนึ่งความพระกระแสรับสั่งว่าได้ยินว่าคนนั้นทำอย่างนั้น  คนนั้นทำอย่างนี้บ่อยๆนั้น  เกิดขึ้นในพระราชหฤทัยโดยประตูสองอย่าง  อย่างหนึ่งมีผู้กราบทูลๆนั้นเล่า  ลางทีก็กราบทูลตรงๆ  ลางทีก็กราบทูลถลากไถลไป  แต่มักมาแต่การเล่นๆโดยมาก  ลางทีพูดกันงึมงำรับสั่งถามว่าอะไร ก็กราบทูลว่าได้ยินเขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้  ลางอย่างก็ทรงคะเนเอาตามระหว่างถ้อยระหว่างความที่เกิดขึ้นแล้ว  หรือตามของที่มีอยู่ที่เห็นอยู่  อย่างเรื่องพระยาศรีสหเทพแลอื่นๆ แลรับสั่งโกนๆถามไปก็มีผู้พลอยบ้าง  แต่ถึงได้ยินก็ไม่เป็นความ  โจทก์จับยืนยันมั่นคงก็ทิ้งเสีย  ได้รับสั่งว่าอะไรต่อไป............ แต่ก่อนได้อ่านก็เพียงผ่านๆ  ว่าได้ทรงตั้ง พันปากพล่อย หยิบมาอ่านครั้งนี้  ไม่คิดว่าจะได้เห็นสำนวนอย่างนั้นในหมายรับสั่งนี้ ตกใจหมดเลย จากคุณ : กัมม์ - [ 11 ต.ค. 49 13:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีครับ คุณ เพ็ญชมพู พอได้พอได้ ครับ นามนั้นสำคัญไฉน           ....พระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย  อาจารยางกูร)  เห็นว่าฉันรับราชการทหาร จึงคิดนามกรมว่า "กรมหมื่นจาตุรงครังสฤษ" นามหนึ่ง ว่า "กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ" นามหนึ่ง  ถวายทรงเลือก  สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดนามหลัง  จึงทรงปรารภถึงคำ "ภาพ" ที่ลงท้าย  ว่าเมื่อถึงนามกรมพระองค์ศรีฯ ซึ่งเป็นเจ้าน้องต่อตัวฉัน  จะหาคำสัมผัสให้คล้องกันได้ยาก  พระยาศรีสุนทรฯรับประกันว่าจะหาให้ได้  จึงทรงรับฉันเป็นกรมหมื่นดำรงราชานุภาพ  พระยาศรีสุนทรฯกราบทูลรับแล้วก็ไม่นอนใจคิดนามกรมสำหรับพระองค์ศรีฯไว้ว่า "กรมหมื่นศุภกาพย์กวีการ"  เพราะเธอทรงชำนิชำนาญการบทกลอนภาษาไทย  แต่ลักษณะพิธีรับกรมสมัยนั้น  พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปพระราชทานสุพรรณบัตรที่วังเจ้านาย  คือต้องสร้างวังก่อนแล้วจึงรับกรม  พระองค์ศรีฯด่วนสิ้นพระชนม์เสียแต่ยังไม่ได้สร้างวัง  จึงมิได้เป็นกรม  นามกรมที่พระยาศรีสุนทรฯคิดไว้ก็เลยสูญ  เมื่อโปรดให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตเจ้าน้องถัดพระองค์ศรีฯไปรับกรม  พระยาศรีสุนทรฯคิดนามใหม่ว่า "กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา" ก็สัมผัสคำ "ภาพ" ได้ไม่ขัดข้อง..... พระองค์ศรีฯ  คือ  พระองค์เจ้าศรีเสาวภางค์ น่าเสียดาย  พระองค์ท่านทรงงานหนักถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนสิ้นพระชนม์ ถ้าแม้ทรงพระเจริญขึ้นต่อไป  จะทรงงานถวายและเพื่อประเทศชาติได้อีกมากมาย พระองค์ตรัสว่า  พระเจ้าอยู่หัวยังทรงใช้อยู่ตราบใด  จะไม่ทิ้งพระเจ้าอยู่หัวด้วยเห็นแก่พระองค์เป็นอันขาด เมื่อทรงประชวรนั้น  สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงทราบก็ตกพระทัย  ออกพระโอษฐ์ว่า "ไม่รู้เลยว่าใช้ศรีเกินกำลัง" จาก "นิทานโบราณคดี"  พระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สมมตอมรพันธ์ วิวิธวรรณปรีชา พงศาดิศรมหิป นราธิปประพันธ์พงศ์ ดำรงราชานุภาพ พิทยลาภพฤฒิธาดา ช่วยให้ครบหน่อยครับ  คุณ เพ็ญชมพู แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 49 14:16:33 แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 49 14:14:51 จากคุณ : กัมม์ - [ 11 ต.ค. 49 14:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีนามเถาชุดหนึ่งที่ พระสุนทรโวหารเจนใจ(จำปูน) คิดผูกขึ้น ขอเอามาลงไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ  ขออนุญาตนะขอรับคุณพระ จากคุณ : กัมม์ - [ 11 ต.ค. 49 14:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สำหรับชื่อที่คล้องจอง ส่วนมากเป็นพระนามเจ้านาย ถ้านำมาเสนอ คงอ่านได้ไพเราะจับใจ พระโอรส ธิดา ในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ต้นราชสกุล ทองใหญ่ ทรงตั้ง พระนามโอรส ธิดา ล้วนแปลว่าทองทั้งนั้น คงต้องวานผู้สัดทัดกรณี ช่วยอีกแล้วล่ะครับ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 11 ต.ค. 49 15:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ทำการบ้านส่งคุณครูกัมม์ พระนามทรงกรมของพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อก่อนบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา กรมหมื่นมเหศวรศิวลาส กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร ประสูติเมื่อบรมราชาภิเษกแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ กรมหลวงพิชิตปรีชากร กรมหลวงอดิศรอุดมเดช กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม กรมหลวงพรหมวรานุรักษ์ กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร กรมพระจักรพรรดิพงศ์ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ กรมขุนสิริธัชสังกาศ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช กรมพระยาวชิรญาณวโรรส กรมพระสมมตอมรพันธ์ กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีชา กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 49 15:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ฮื้อฮือ  โอโฮเฮะ  คุณกัมม์ปล่อยกระสุนปืนใหญ่ถล่มเมืองในความเห็นที่ ๓๕ เยี่ยมยุทธสุดแผ่นดินในคราวนี้ สวัสดีค่าคุณจำปูน     ถามเหมือนใจนึก  แสดงว่าเราใจเดียวกันนะคะ คุณเพ็ญชมพูชูใจคะ  ชื่อสองชื่อแรกนั้นเป็นลูกคุณหญิงประจวบใช่ไหมคะ เคยเห็นคุณหญิงท่านนั่งรถแนชเปิดประทุนผ่านบ้านไปหลายครั้ง   ในเวลานั้นถนนศรีอยุธยายังมีคูบัวอยู่ทั้งสองข้างถนน   จิ๊กโก๋และจิกกี๋ และยุวจิ๊กกี๋คืออิฉัน นั่งคุยกันตามขอบสพาน จากคุณ : แสนอักษร - [ 11 ต.ค. 49 15:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทำการบ้านส่งคุณจำปูน พระนามพระโอรส ธิดาในพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม หม่อมพริ้ง หม่อมเจ้าทองฑีฆายุ ทองใหญ่ หม่อมเจ้าทองอนุวัติ ทองใหญ่ หม่อมจันทร์ หม่อมเจ้าหญิงอุไรวรรณ ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงสอิ้งมาศ ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงมาลากนก ทองใหญ่ หม่อมเจ้าลายฉลุทอง ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงเถาทองตรา ทองใหญ่ หม่อมนวม หม่อมเจ้าหญิงพันธ์สิหิงค์ ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงนาฏนพคุณ ทองใหญ่   หม่อมเจ้าไศลทอง ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงลำทองแร่ ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงแพร่ทองทราย ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงสลักทองนูน ทองใหญ่ หม่อมเจ้าทองทูลถวาย ทองใหญ่ หม่อมเจ้าทองประทาศรี ทองใหญ่ หม่อมเจ้าทองคำเปลว ทองใหญ่ หม่อมเปลี่ยน หม่อมเจ้าทองมุ่นใหญ่ ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงมาลกสุวรรณ ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงข่ายทองถัก ทองใหญ่ หม่อมทองสุก หม่อมเจ้าก่องกาญจนา ทองใหญ่ หม่อมเจ้าหญิงกรัณฑ์คำ ทองใหญ่ หม่อมแก้ว หม่อมเจ้าทองแกมแก้ว ทองใหญ่ เห็นชื่อเหล่านี้แล้วนึกถึงชื่อลูก ฯพณฯ คนก่อนนะ คุณกัมม์ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 05:49:14 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 49 15:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบพระคุณครับ คุณ เพ็ญชมพู อย่าลืมลูกชายคนเล็กนะครับ  -  พาทองเที่ยว   มีพระนามพระองค์เจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ ๕ ชุดหนึ่งเป็นเถาเหมือนกัน จุมภฏบริพัตร                 ศิริรัตนบุษบง สุทธวงศ์วิจิตร                พิสิษฐสบสมัย จุไรรัตนศิริมาล              จันทรกาญจนมณี ปรีชาชาติสุขุมพันธ์         ภาณุพันธ์ยุคล เฉลิมพลฑิฆัมพร           อนุสรณ์มงคลการ ในหนังสือ (ความรู้สารพัดชื่อ - สมบัติ   จำปาเงิน)  ไม่ได้บอกที่มา จะเป็นพระราชนิพนธ์ด้วยหรือเปล่าครับ เรื่อง พันปากพล่อย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าว่าเรื่องที่แกพล่อยนั้นเป็นเรื่องจริงเสียส่วนใหญ่ ต่อมาได้พระราชทานราชทินนามใหม่  แต่ลืมได้เสียแล้วว่าได้ราชทินนามอะไรครับ คุณ แสนอักษร แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 49 16:02:42 จากคุณ : พันปากหมาน (กัมม์) - [ 11 ต.ค. 49 15:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 นามนั้นสำคัญไฉนว่ามาตั้งแต่นามบรรดาศักดิ์ ราชทินนาม พระนามพระราชโอรส พระโอรส พระธิดา นามบุตรธิดา  ขออนุญาตคุณท้าวแสนอักษรชอบ หมื่นสอบอักษรชิด และพระสุนทรโวหารเจนใจ (จำปูน) เปลี่ยนทางมากล่าวถึงเรื่องนามสกุลซึ่งเดี๋ยวนี้ดูท่าจะสำคัญกว่านามเสียอีก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา “พระราชบัญญัติขนานนามสกุล” เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ แต่ได้เลื่อนเวลาบังคับใช้ออกไปอีก ๒ คราว เป็นวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๗ และบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยสมบูรณ์เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๘   ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุล ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ นามสกุลที่ได้รับพระราชทานครั้งแรก ๕ สกุล ๑. สุขุม พระราชทาน เจ้าพระยายมราช เสนาบดีกระทรวงนครบาล ๒. มาลากุล พระราชทาน พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ กับ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (ต่อมาได้รับ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาธรรมาธิการณาธิบดี) เสนาบดีกระทรวงวัง ๓.พึ่งบุญ พระราชทาน พระยาประสิทธิ์ศุภการ (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยารามราฆพ) จางวางมหาดเล็กห้องพระบรรทม ๔. ณ มหาไชย พระราชทาน พระยาเทพทวาราวดี (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาบำเรอบริรักษ์) อธิบดีกรมมหาดเล็ก ๕.ไกรฤกษ์ พระราชทาน พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ อธิบดีกรมชาวที่ และ พระยาจักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์ (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยามหิธร) กรรมการศาลฎีกา นามสกุลที่มีที่มาจากภาษาต่างประเทศ เศียนเสวี พระราชทาน พระอักษรสมบูรณ (ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยานนทิเสนสุเรนทรภักดี) เสมียนตรากระทรวงวัง และนายพันตรีในกองทัพบก บิดาเป็นชาวเยอรมัน นามสกุลเดิมว่า “Falck” คือมุ่งว่า “falk” แปลว่าเหยี่ยว แปลกลับเป็นสังสกฤตว่า “เศ์ยน” แผลงเป็นไทยว่า “เศียน” เศวตศิลา พระราชทาน พระวันพฤกษ์พิจารณ (ทองคำ) ปลัดกรมป่าไม้ กับพระกรุงศรีบริรักษ์ (ทองย้อย) ปลัดมณฑลกรุงเก่ากระทรวงมหาดไทย เป็นบุตรนายเฮนรี อาลบาสเตอร์ (แปลนามสกุลเป็น “หินขาว”) สุมิตร พระราชทาน นายอี สเปนช์ สมิต ผู้ช่วยอธิบดีกรมศึกษาธิการ ขอพระราชทานให้บุตรชายหญิงซึ่งมารดาเป็นไทยเวลานนท์ พระราชทาน รองอำมาตย์เอกเกอรช ฟริดริช เวเลอร์ นายตรวจเอก กรมรถไฟหลวงสายเหนือ (ต่อมาถูกถอนสัญชาติและเรียกคืนนามสกุล เมื่อคราวประเทศสยามประกาศสงครามกับประเทศเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ ๑) อันตรนิยุกต์ พระราชทาน ขุนทิพรศโอชา (ปีเตอร์) พนักงานครัวเฃ้าต้น กรมมหาดเล็ก นามสกุลเดิม “อันโตนิโอ” สีมันตร พระราชทาน ขุนเลขการวิจิตร (แสวง) นายเวรกรมที่ปฤกษา กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ บิดาเป็นชาวโปรตุเกส นามสกุลเดิมว่า  “ซีโมเอนส์” เตชะวณิช พระราชทาน พระอนุวัตร์ราชนิยม (ฮง) สังกัดกรมมหาดเล็ก แส้แต้ อับดุลพันธุ์ พระราชทาน นายหมู่ตรีปุ๋ย ประจำแพนกเกียกกาย กองเสนารักษาดินแดนกรุงเทพฯ ปู่ทวดชื่อเฮเดอรใบ ปู่ชื่อเมียโบ บิดาชื่ออับดุลโคยุม อับดุลละบุตร พระราชทาน พระยาพิพิธเสนามาตยาธิบดีศรีสงคราม (นิโอ๊ะ) พระยาเมืองยะหริ่ง ปู่ทวดชื่ออับดุลเลาะ คุณะดิลก พระราชทาน พระยาอรรถการประสิทธิ์ (วิลเลียม แอลเฟรด) อธิบดีกรมอัยการ กระทรวงยุติธรรม เขาชื่อเช่นนี้มาแต่เดิมแล้วแต่ต้องการได้รับมัติ จึ่งตกลงให้เขียนว่า“คุณะดิลก”เช่นนี้ เพื่อให้เป็นไทย เดิมเขียนว่า“คุณะติละกะ” (ตัวโรมัน“Guna Tilleke”) สิงหลกะ พระราชทาน พระดรุณรักษา (เสงี่ยม) ปลัดบาญชีกรมมหาดเล็ก หลานพระอุดรพิศดาร (สิญญ) ซึ่งเป็นชาวสิงหล นามสกุลแยกตามรายอาชีพของผู้เป็นต้นสกุล สกุลพ่อค้า มีคำว่า วณิช หรือวานิช และ เวส ประกอบในนามสกุลเช่น กมุทวณิช, กัณหะเวส, คุปตะวานิช ฯลฯ สกุลชาวสวน มีคำว่า ผล และ ผลิน ประกอบในนามสกุล เช่น ผลพันธิน, ผลาชีวะ, มณฑลผลิน สกุลชาวนา มีคำว่า กสิกร, เกษตริน และศาลิ ประกอบในนามสกุล เช่น โพธิกสิกร,รัตกสิกร, สนธิเกษตริน, พฤทธิศาลิกร, ศาลิคุปต์ สกุลทหารบก มีคำว่า โยธิน ประกอบในนามสกุล เช่น พหลโยธิน, พินทุโยธิน, อุตตมะโยธิน สกุลทหารเรือ มีคำว่า นาวิน และกลิน ประกอบในนามสกุล เช่น กนกนาวิน, โรหิตนาวิน, ไอศะนาวิน, กฤษณกลิน, สุนทรกลิน สกุลช่างสิบหมู่ มีคำว่า ศิลปิน ประกอบในนามสกุล เช่น เกียรติศิลปิน, เตมียศิลปิน, วิภาตะศิลปิน สกุลศิลปินโขน มีคำว่า นัฏ ประกอบในนามสกุล เช่น กานตะนัฎ, จารุนัฎ, สมรรคนัฎ สกุลนักดนตรี มีคำว่า วาทิน ประกอบในนามสกุล เช่น กมลวาทิน, วรวาทิน, สุนทรวาทิน สกุลกรมพระอัศวราช มีคำว่า ประกอบในนามสกุล เช่น ศวิน โกมลาศวิน, ชยาศวิน, มณฑาศวิน สกุลแพทย์ มีคำว่า เวช, ไวทยะ, แพทย์ ประกอบในนามสกุล เช่น โกมลเวช, สุนทรเวช, ถาวรเวช, วีระไวทยะ, ไวทยะชีวิน, ตีรแพทย์, มิลินทแพทย์ สกุลโหรหลวง มีคำว่า โชติ ประกอบในนามสกุล เช่น โชติวิท, เศษโชติ, สุนทรโชติ สกุลพรามหมณ์ มีคำว่า พราหมณ ประกอบในนามสกุล เช่น จุลละพราหมณ์, พราหมณายน, วินทุพราหมณกุล นามสกุลนั้นสำคัญไฉน ? จากเว็บของพระราชวังพญาไท http://www.amed.go.th/AboutUs/palace/index.html แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 07:19:17 แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 06:42:15 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 12 ต.ค. 49 06:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จาก คห. ๓๙ ผมเคยให้ความเห็นว่า พระนามกรม ของเจ้านายชั้นพระองค์เจ้า กับ เจ้าฟ้า น่าจะเป็นคนละชุดเพราะถ้าแทรกไว้ด้วยกัน จะดูไม่ค่อยคล้องจองกัน กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร กรมพระจักรพรรดิพงศ์ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ กรมขุนสิริธัชสังกาศ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ถ้านำสองกรมเจ้าฟ้า คือกรมพระจักรพรรดิพงศ์และกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช แยกออกไป ที่เหลือก็จะคล้องจองกันหมดครับ เหมือนกับพระนามกรมพระราชโอรสธิดา ในรัชกาลที่ ๕ ก็คงใช้รูปแบบเดียวกัน พระองค์เจ้า กับเจ้าฟ้า เป็นคนละชุดกัน คุณจุลลดา  ภักดีภูมินทร์ ท่านเคยเขียนว่าเมื่อตั้งกรม เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร นั้นใช้ว่า กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์ จะได้คล้องกับกรมขุนสุพรรณภาควดี โดยให้เจ้าฟ้ามาก่อน(ทั้งที่ประสูติที่หลัง) ตามปกติพระนามกรมน่าจะเรียงตามพระชันษาเจ้านาย เรียงพี่เรียงน้อง เจ้าฟ้า พระองค์เจ้าไม่น่ามาปนกัน ถึงแม้ว่าพี่จะได้กรมทีหลังน้อง ก็ทรงตั้งให้คล้องจองกันได้ สุพรรณภาควดี (ตั้งที่หลังพระอนุชา) จันทบุรีนฤนาท ราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ปราจีณกิติบดี ส่วน 2 เจ้าฟ้าหญิง คล้องจองกันดังนี้ พิจิตรเจษฎ์จันทร์ สวรรคโลกลักษณาวดี จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 12 ต.ค. 49 08:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ว่าตามกันครับ คุณ เพ็ญชมพู นามสกุลนั้นสำคัญไฉน นามสกุลคนโคราช พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศพระราชบัญญัติขานนามสกุลขึ้น ณ วันที่ ๒๒ มีนาคม  พ.ศ. ๒๔๕๕  และประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม  พ.ศ. ๒๔๕๖  โดยทรงมีพระราชประสงค์เพื่อให้ ๑. นามสกุลเป็นหลักของการสืบเชื้อต่อเนื่องกัน  ทางบิดาผู้ให้กำเนิดเป็นศักดิ์ศรี  และแสดงสายสัมพันธ์ในทางร่วมสายโลหิตของบุคคล ๒. นามสกุล ก่อให้เกิดความเป็นหมู่คณะ  ส่งเสริมความรักความสามัคคีระหว่างเครือญาติ  ตั้งแต่คนชั้นสูงตลอดชั้นต่ำทั่วไป ........ นามสกุลอาจได้มาโดยวิธีต่างๆดังนี้     ๑. นำชื่อปู่ ย่า ตา ยาย หรือพ่อแม่ของตนมาตั้งเป็นส่วนต้น  แล้วต่อด้วยชื่อหมู่บ้าน หรือ ตำบล อำเภอ  เช่น ปู้ชื่อพรม บ้านอยู่บ้านพะเนาว์  จะได้นามสกุล พรมพะเนาว์     ๒. ตั้งจากกิริยาอาการของบุคคลผู่ที่จะมาขอนามสกุล เช่นเดินกางร่มเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ ผู้ออกใบสำคัญตั้งนามสกุลใน  ภูมิลำเนาอยู่บ้านสูงเนิน  เจ้าหน้าที่จะตั้งนามสกุลให้ว่า ร่มสูงเนิน     ๓. ตั้งตามลักษณะเฉพาะ หรือเอกลักษณ์ประจำตัวของผู้จะขอนามสกุล เช่น นายจันทร์ไปไหนชอบถือจอบ  จนชาวบ้านเรียกทั้งชื่อตัว และลักษณะประจำตัวว่า จันทร์จอบ  เมื่อไปขอนามสกุล เจ้าหน้าที่ทราบว่าอยู่ตำบลโพธิ์กลาง  ก็จะได้นามสกุลว่า จอบโพธิ์กลาง     ๔. ตั้งตามเจ้าหน้าที่ เช่น เจ้าหน้าที่คิดถึงต้นไม้  ก็จะนำส่วนต่างของต้นไม้ เช่น กิ่ง ใย ดอก ผล ราก มาตั้งเป็นส่วยตัวของนามสกุล  ต่อท้ายด้วยถิ่นที่อยู่ลงไปเป็น กิ่งกระโทก ใบกลาง ดอกจันทึก ผลสันเทียะ รากพุดซา เป็นต้น ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างนามสกุลของคนโคราช ๑. อำเภอเมือง - ตำบลในเมือง คำลงท้าย ในเมือง  ตัวอย่าง ก้อนในเมือง  งามในเมือง  ล้อมในเมือง - ตำบลโพธิ์กลาง  คำลงท้าย โพธิ์กลาง  ตัวอย่าง เวชโพธิ์กลาง เลิศโพธิ์กลาง ตังโพธิ์กลาง - ตำบลหัวทะเล  คำลงท้าย ทะเล  ตัวอย่าง  จาบทะเล พุดทะเล สาทะเล หาญทะเล เกิดทะเล - ตำบลมะเริง  คำลงท้าย มะเริง  ตัวอย่าง จอมมะเริง ศรีมะเริง เรืองมะเริง - ตำบลพุดซา  คำลงท้าย พุดซา  ตัวอย่าง ดีพุดซา ใบพุดซา รากพุดซา - ตำบลพลกรัง  คำลงท้าย พลกรัง  ตัวอย่าง สดพลกรัง เดชพลกรัง นพพลกรัง ด้วงพลกรัง - ตำบลปรุใหญ่  คำลงท้าย ปรุ  ตัวอย่าง ศรีปรุ สินปรุ บรรจงปรุ เข็มทองปรุ - ตำบลบ้านใหม่  คำลงท้าย ใหม่  ตัวอย่าง สกุลใหม่ ใสใหม่ ปานใหม่ นามใหม่ - ตำบลโคกสูง  คำลงท้าย โคกสูง  ตัวอย่าง แววโคกสูง ร่มโคกสูง โนนโคกสูง ถิ่นโคกสูง - ตำบลจอหอ  คำลงท้าย จอหอ  เช่นเกิดจอหอ แก้วจอหอ ภักดีจอหอ ผันจอหอ นิลจอหอ - ตำบลบ้านโพธิ์  คำลงท้าย โพธิ์  ตัวอย่าง บ้านโพธิ์ ยุ้งชมโพธิ์ อยู่โพธิ์ นอนโพธิ์ แก้วโพธิ์ - ตำบลบ้านโคกกรวด  คำลงท้าย โคกกรวด  ตัวอย่าง ชมโคกกรวด เขาโคกกรวด โมโคกกรวด ดีโคกกรวด - ตำบลบ้านเกาะ  คำลงท้าย เกาะ  ตัวอย่าง จำเกาะ จอมเกาะ ในเกาะ แจบเกาะ - ตำบลหมื่นไวย  คำลงท้าย หมื่นไวย  ตัวอย่าง อินโมหมื่นไวย ในหมื่นไวย พงษ์หมื่นไวย ศรีหมื่นไวย - ตำบลพะเนาว์  คำลงท้าย พะเนาว์  ตัวอย่าง จันขาวพะเนาว์ ดีนวลพะเนาว์ เสือมาพะเนาว์ - ตำบลหนองจะบก  คำลงท้าย จะบก  ตัวอย่าง ไกรจะบก เจริญ จะบก โคกจะบก แย้มจะบก อำเภอปักธงชัย - ตำบลเมืองปัก  คำลงท้ายเมืองปัก  ตัวอย่าง ชุ่มเมืองปัก ฉัตรเมืองปัก ร่มเมืองปัก ฉ่ำเมืองปัก - ตำบลตะคุ  คำลงท้าย ตะคุ  ตัวอย่าง เลิศตะคุ เจริญตะคุ แสงตะคุ - ตำบลตะขบ  คำลงท้าย ตะขบ  ตัวอย่าง บนตะขบ งามตะงบ ลอยตะขบ - ตำบลงิ้ว  คำลงท้าย ฉิมพลี  ตัวอย่างแววฉิมพลลี ผลฉิมพลี ใจฉิมพลี - ตำบลบ้านตูม คำลงท้าย พรหมมราช  ตัวอย่าง ขำพรหมราช เดชพรหมราช - ตำบลสะแกราช  คำลงท้าย กิ่ง  ตัวอย่าง ไฝกิ่ง ระวังกิ่ง รวยกิ่ง ดีกิ่ง - ตำบลดอน  คำลงท้าย ดอน  ตัวอย่าง ขอดอน นอดอน บินดอน ไกลดอน แขดอน - ตำบลสำโรง  คำลงท้าย สำโรง  ตัวอย่าง เชยสำโรง งามสำโรง ดีสำโรง -- บ้านจาโป๊ะ  คำลงท้าย จะโป๊ะ  ตัวอย่าง ผันจะโป๊ะ ฉุนจะโป๊ะ สำราญจะโป๊ะ เกิดจะโป๊ะ -- บ้านหนองผักแว่น  คำลงท้าย ผักแว่น  ตัวอย่าง วิเวชผักแว่น สีผักแว่น กินผักแว่น แอมผักแว่น -- บ้านจังหรีด  คำลงท้าย จังหรีด  ตัวอย่าง จิ๋งจังหรีด แอบจังหรีด ซิงจังหรีด แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 09:55:50 จากคุณ : กัมม์ - [ 12 ต.ค. 49 09:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ๓. อำเภอโนนไทย - ตำบลสันเทียะ  คำลงท้าย สันเทียะ  เช่น โกนสันเทียะ ดอกสันเทียะ บอนสันเทียะ แก่นสันเทียะ ยีสันเทียะ - ตำบลค้างพลู  คำลงท้าย ค้างพลู เช่น เกตุค้างพลู แป้งค้างพลู เงินค้างพลู แอบค้างพลู - ตำบลพังเทียม  คำลงท้าย พังเทียม  เช่น หลงพังเทียม งามพังเทียม ผิวพังเทียม - ตำบลด่านจาก  คำลงท้ายด่านจาก  เช่น มณีด่านจาก ไหลด่านจาก โซด่านจาก แขด่านจาก - ตำบลสายออ  คำลงท้าย สายออ  เช่นเผ่าสายออ  โลกสายออ  ห่วงสายออ - ตำบลกำปัง  คำลงท้าย กำปัง  เช่น เส็งกำปัง ใสกำปัง สุขกำปัง สว่างกำปัง - ตำบลพันดุง  คำลงท้าย พันดุง  เช่น โมพันดุง เกพันดุง เกิดพันดุง โตพันดุง ๔. อำเภอสูงเนิน ลงท้ายด้วยคำว่า สูงเนิน ทั้งหมด  เช่น หวานสูงเนิน เกี้ยวสูงเนิน ไขสูงเนิน รอสูงเนิน เร้าสูงเนิน ๕. อำเภอสีคิ้ว เดิมเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอจันทึกหรือเมืองจันทึก  นามสกุลจึงลงท้ายว่า จันทึก เช่น แถวจันทึก แอบจันทึก โกฎิจันทึก ศรีจันทึก ๖. อำเภอโชคชัย เดิมชื่ออำเภอกระโทก  ส่วนท้ายของสุกลจึงลงท้ายว่า กระโทก  ที่อำเภอนี้มีลักษณะเฉพาะในการตั้งนามสกุล  คือจะตั้งเรียงลำดับลำดับอักษร  ตั้งแต่ ก ถึง ฮ ตามระยะห่างจากตัวที่ว่าการอำเภอ  เริ่มจาก ก ซึ่งอยู่ใกล้อำเภอที่สุด  ถ้าใครมีนามสกุลเป็นอักษร ฮ เช่น ฮุยกระโทก  แสดงว่าบ้านอยู่ไกลจากตัวอำเภอสุดกู่  การตั้งงนามสกุลเช่นนี้ ท่านว่ามีประโยชน์สำหรับการปกครองพื้นที่  ตัวอย่างนามสกุลเช่น แหวนกระโทก กิ่งกระโทก ทองกระโทก เวยกระโทก เหิมกระโทก ไฮกระโทก ๗. อำเภอจักราช -ตำบลทองหลาง  คำลงท้าย ทองหลาง  เช่น ดีทองหลาง โลทองหลาง วายทองหลาง - ตำบลหนองงูเหลือม  คำลงท้าย งูเหลือม  เช่น ไปล่งูเหลือม บาทงูเหลือม เผื่อนงูเหลือม ดีงูเหลือม - ตำบลสีสุก  คำลงท้าย สีสุก  เช่น ขาวสีสุก วิไลสีสุก จันสีสุก ๘. อำเภอพิมาย คำลงท้าย พิมาย และการค้า  เช่น โชติพิมาย ทองพิมาย พงษ์พิมาย ชาวพิมาย โตพิมาย หลงพิมาย ค้าขาย ค้าคล่อง เก่าค้า สืบค้า ๙. อำเภอด่านขุนทด คำลงท้าย ขุนทด ชนะ และโคกรักษ์  เช่น เมฆขุนทด เพียกขุนทด ใบขุนทด เชยขุนทด พันชนะ เพียงชนะ ดีชนะ ภูมิโคกรักษ์ ใสโคกรักษ์ ๑๐. อำเภอโนนสูง (รวมอำเภอขามสะแก) เดิมเรียกว่าอำเภอกลาง  ดังนั้นจึงมีคำลงท้ายนามสกลุว่า กลาง  เช่น เล็กกลาง แนมกลาง หวังแอบกลาง ขอแนบกลาง กางร่มกลาง ย่างกลาง  อีกสกุลหนึ่งลงท้ายว่า จันอัด เช่น เจ๊กจันอัด ไกลจันอัด บัวจันอัด ๑๑. อำเภอบัวใหญ่ เดิมเรียกอำเภอนอก  ดังนั้นคำลงท้ายนามสกุจึงใช้คำว่า นอก เช่น ศรีนอก ดอนนอก กระโทกนอก กระฉอดนอก ๑๒. อำเภอครบุรี ลงท้ายว่า ครบุรี เช่น อาบครบุรี เสียวครบุรี พลอยครบุรี เทียมครบุรี จรครบุรี อำเภอที่เกิดใหม่ไม่มีการตั้งนามสกุลบตามที่อยู่ คือ ปากช่อง ประทาย ชุมพวง คง ห้วยแถลง ขามสะแกแสง ขามทะเลสอ เสิงสาง บ้านเหลื่อม จาก แหล่งข้อมูลคนโคราช http://www.koratinfo.com ที่เมืองแพร่มีอยู่นามสกุลหนึ่ง  ฟังดูแปลกๆ "คือใคร" พี่ชายผมสันนิษฐานว่า  ตอนขอนามสกุล  สกุลนี่ไม่ได้ไปกับเขา เจ้าหน้าที่ก็ใจร้ายเหลือเกิน  ไม่รู้จักก็จดลงไปว่า "คือใคร" ตั้งแต่วันนั้นจนทุกวันนี้  พวกเรายังไม่รู้ว่าเขาคือใคร แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 11:06:38 แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 10:51:16 แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 09:53:29 จากคุณ : กัมม์จะโป๊ะ (กัมม์) - [ 12 ต.ค. 49 09:49:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อ้าว...สวัสดีขอรับคุณพระ คลิกส่งข้อความแล้วจึงเห็น ขออภัยด้วยขอรับ จากคุณ : กัมม์ - [ 12 ต.ค. 49 09:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอขอบพระคุณคุณกัมม์จะโป๊ะ  ที่มาช่วยเป็นพันธมิตรนามสกุล ๑๐. อำเภอโนนสูง (รวมอำเภอขามสะแก) เดิมเรียกว่าอำเภอกลาง  ดังนั้นจึงมีคำลงท้ายนามสกลุว่า กลาง  เช่น เล็กกลาง แนมกลาง หวังแอบกลาง ขอแนบกลาง กางร่มกลาง ย่างกลาง  อีกสกุลหนึ่งลงท้ายว่า จันอัด เช่น เจ๊กจันอัด ไกลจันอัด บัวจันอัด นามสกุลคนอำเภอนี้ฟังดูโรแมนติกมาก เคยรู้จักอยู่คนหนึ่งนามสกุล มุ่งพังกลาง จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 12 ต.ค. 49 10:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คุณจำปูนหนีจรเข้มาได้  ความรู้ความคิดไม่ได้หายหกตกหล่นไปเลย อิฉันตำหมากระรัวถี่ยิบ เมื่ออ่าน เป็นห่วงว่าจระข้ตัวไหนจะเคราะห์ร้ายมาเจอคุณจำปูนเข้า คุณกัมม์ ฉายฉานเป็นที่สุด  สิ่งที่ให้เป็นความรู้ที่น่าอ่านน่าฟัง คุณเพ็ญชมพูนั้นสุริยันคงอายเป็นแน่ อิอิ....ได้เข้าวงสนทนาที่ช่างพูดช่างคุยถึงเพียงนี้ เดี๋ยวกลับไปอ่านอีกหลายรอบ จากคุณ : แสนอักษร - [ 12 ต.ค. 49 10:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณทมยันตรีเขียนไว้นานแล้ว  ว่ามีนามสกุล  มุ้งย่อมกาง จากคุณ : แสนอักษร - [ 12 ต.ค. 49 10:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เรื่องของนามสกุล ณ บทความเรื่อง "พระบรมราโชบายขนานนามสกุล" โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์ นิตยสาร สกุลไทย ฉบับที่ ๒๕๙๑ ปีที่ ๕๐ ประจำวัน อังคาร ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชบายในการขนานนามสกุลหลายข้อ ข้อที่เกี่ยวกับเกณฑ์ภูมิลำเนานั้น มีว่า “๔. (ก.) เกณฑ์ภูมิลำเนา คือ (ตั้ง) ตามนามตำบลที่อยู่ เช่น ‘สามเสน’ ‘บางขุนพรหม’ ‘บางกระบือ’ แต่ห้ามมิให้มี ‘ณ” อยู่ข้างหน้านามตำบล เพราะ ณ จะมีได้แต่ที่พระราชทานเท่านั้น” แต่เมื่อเป็นเพียงประกาศพระบรมราโชบาย มิใช่พระบรมราชโองการ และมิได้ตราเป็นพระราชบัญญัติจึงปรากฎว่า ยังมีผู้ใช้ ‘ณ’ นำนามสกุลอยู่ ใน พ.ศ.๒๔๕๘ จึงโปรดเกล้าฯให้ประกาศพระบรมราชโองการว่า “ได้มีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๕๘ สั่งว่า ห้ามมิให้ใช้ ‘ณ’ นำหน้านามสกุล ผู้ใดใช้ไปก่อนประกาศนี้ให้ถอน ‘ณ’ ออกเสีย ถ้าผู้ใดมีความประสงค์จะใช้ให้นำเรื่องราวขอพระบรมราชานุญาตเสียก่อน” ทั้งนี้เพราะคำว่า ‘ณ’ สำหรับโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เฉพาะสกุลที่สืบเชื้อสายลงมาจาก เจ้าผู้ครองนคร หรือผู้ว่าราชการเมือง (ก่อนเรียกกันว่าจังหวัด) เท่านั้น แม้ในปัจจุบันจะใช้พระราชบัญญัตินามสกุล พ.ศ.๒๕๐๕ ซึ่งตราขึ้นในสมัย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยกเลิก พระราชบัญญัตินามสกุล พ.ศ.๒๔๕๖ ทว่าพระบรมราชโองการประกาศ เกี่ยวกับคำว่า ‘ณ’ คงจะยังถือปฏิบัติกันอยู่ จึงมิได้มีผู้ใดขอตั้งนามสกุลอันขึ้นต้นด้วยคำ ‘ณ’ ไหนๆก็ถามมาแล้ว จึงได้คุ้นนามสกุลพระราชทานที่ขึ้นต้นว่า ‘ณ’ ทั้งเหตุผลที่โปรดฯ พระราชทานแก่ผู้ขอด้วย นามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่ ๖ ขึ้นต้นว่า ‘ณ’ หน้าชื่อเมืองมี ๒๑ นามสกุล ๑. ณ กาฬสินธุ์ พระราชทาน พระยาไชยสุนทร (เก) ทวดและปู่เป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์ เชื้อสายเจ้าเมืองกาฬสินธุ์มาแต่ก่อน ๒. ณ จัมปาศักดิ์ พระราชทานเจ้าศักดิ์ประสิทธิ์ (เจ้าเบงคำ) เจ้าศักดิ์ประเสริฐ์ (เจ้าอุย) บุตรชายเจ้านครจัมปาศักดิ์ ซึ่งเข้ามารับราชการในเมืองไทย ไม่ยอมอยู่ในบังคับฝรั่งเศส ๓. ณ เชียงใหม่ พระราชทานเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ๔. ณ ตะกั่วทุ่ง พระราชทาน พระราชภักดี (หร่าย) ยกระบัตรมณฑลปัตตานี ทวดและปู่เป็นผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วทุ่ง ๕. ณ ถลาง พระราชทานพระยา ๓ ท่าน ซึ่งร่วมทวดเดียวกัน ทวดเป็นพระยาถลาง ๖. ณ นคร พระราชทาน เชื้อสาย เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ที่ว่าเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ๗. ณ น่าน พระราชทาน ผู้สืบสกุลจากพระเจ้าสุริยพงษผริตเดช พระเจ้าน่าน ๘. ณ บางช้าง พระราชทานสำหรับพระญาติวงศ์ของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งเป็นราชินิกุลในรัชกาลที่ ๒ ๙. ณ ป้อมเพ็ชร์ สกุลนี้เดิมตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ป้อมเพชรกรุงเก่า มีชื่อเสียงอยู่ในกรุงเก่า ๑๐. ณ พัทลุง พระราชทานผู้สืบสายจากเจ้าเมืองพัทลุง สายสุลต่านสุลัยมาน ผู้เป็นเจ้าเมืองพัทลุงมาหลายชั้น ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา ๑๑. ณ พิศณุโลก พระราชทานหม่อมคัทริน ใน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯกรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ก่อนพระราชทานนามสกุล ‘จักรพงศ์’ในรัชกาลที่ ๗ มีผู้ใช้นามสกุลนี้เพียงท่านเดียว คือ หม่อมคัทริน ๑๒. ณ มโนรม ทวดและปู่ของผู้ขอพระราชทาน เป็นผู้ว่าราชการเมืองมโนรม ๑๓. ณ มหาไชย พระราชทานพระยาเทพทวาราวดี (สาย) อธิบดีกรมมหาดเล็ก ข้าหลวงเดิม และเคยเป็นเจ้ากรมเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงพระอิสริยยศ เป็นกรมขุนเทพทวาราวดี พระยาเทพฯ มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลมหาไชย ๑๔. ณ ระนอง พระราชทานแก่ผู้สืบเชื้อสายพระยาระนองคนแรก คือพระยาดำรงมหิศร์ภักดี (คอซู้เจียง) ๑๕. ณ ร้อยเอ็จ พระราชทานแก่พระยาขัติยะวงศา (หลา) ผู้ว่าราชการเมืองเมืองร้อยเอ็จ ซึ่งเป็นเชื้อสายเจ้าเมืองร้อยเอ็จมาแต่ครั้งทวด ปู่ และบิดา ๑๖. ณ ลำปาง พระราชทานผู้สืบเชื้อสายเจ้านครลำปาง (เจ้าเจ็ดตน) ๑๗. ณ ลำพูน พระราชทานผู้สืบเชื้อสายเจ้านครลำพูน (เจ้าเจ็ดตน) ๑๘. ณ วิเชียร ปู่และบิดาเคยเป็นผู้ว่าราชการเมืองวิเชียรบุรีในจังหวัดเพชรบูรณ์ ๑๙. ณ สงขลา พระราชทานผู้สืบสกุล เจ้าพระยาสงขลา ๒๐. ณ หนองคาย พระราชทานผู้สืบสายเจ้าเมืองนครหนองคายมาแต่ปู่และบิดา ๒๑. ณ อุบล พระราชทานพระอุบลประชารักษ์ (เสือ) ทวดเป็นพระประทุมวงศา (คำผา) เจ้าเมืองอุบลคนแรก นอกจากนามสกุล ‘ณ’ โดยตรงแล้ว ยังมีอีก ๗ สกุล ที่โปรดฯให้ใช้ ‘ณ’ ต่อท้ายนามสกุลที่แยกออกจาก ‘ณ’ เดิม คือ ๑. โกมารกุล ณ นคร ๒. ประทีป ณ ถลาง ๓. สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และอีก ๕ นามสกุลที่โปรดฯให้ใช้ ‘ณ’ ตามหลังนามสกุล คือ ๑. พรหมสาขา ณ กลนคร พระราชทานให้พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ) เชื้อสายเจ้านครสกลนครมาแต่ครั้งทวด (พระบรมราชา) ๒. ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม เชื้อสายเจ้าเมืองมหาสารคามมาแต่ทวด เจ้าราชวงศ์ (หล้า) ๓. รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เชื้อสายพระภูเก็ตโลหเกษตรรักษ์ ๔. สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง แยกจาก ณ พัทลุง โปรดเกล้าฯ พระราชทานว่า สุคนธาภิรมย์ เพราะผู้ขอพระราชทานมีปู่ชื่อกลิ่น บิดาชื่อชม ๕. สุนทรกุล ณ ชลบุรี นามสกุลนี้พิเศษกว่า ‘ณ’ อื่นๆ ด้วยเป็นนามสกุลสืบทอดมาจาก ‘เจ้า’ ผู้ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นจากสามัญชน ที่มิได้มีเชื่อสายเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวดองกับพระบรมราชจักรีวงศ์ เจ้านามพระองค์นี้ คือ กรมขุนสุนทรภูเบศร์ พระนามเดิมว่า ‘เรือง’ หรือ ‘จีนเรือง’ เป็นชาวเมืองชลบุรี เป็นผู้มีอุปการคุณแก่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อเสด็จยกทัพไปตีจันทบุรี จีนเรืองรักใคร่ชอบพอกับสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทมาก ถึงแก่ได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เสด็จปราบดาภิเษก จึงทรงสถาปนาขึ้นเป็น เจ้า ตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระอนุชาธิราช พระราชทานให้สร้างวังอยู่ปากคลองวัดชนะสงคราม (หรือปากคลองโรงไหม) ตรงข้ามวังหน้า ถึงรัชกาลที่ ๓ พระราชทานให้เป็นวังเจ้าฟ้าอิศราพงศ์ กรมขุนสุนทรภูเบศร์ นี้ได้เป็นเจ้าแต่เฉพาะองค์เดียว ลูกมิได้เป็นเจ้าด้วย ทว่าผู้ขอพระราชทานนามสกุล จดไว้ว่า ‘หม่อมหลวงจาบ’ เห็นทีพวกลูกหลานคงเรียกกันว่า ‘หม่อม’ ตามที่เรียกยกย่องพวกผู้ดีมีสกุลมาแต่ครั้งอยุธยา เมื่อถึงรัชกาลที่ ๔-๕ จึงโปรดฯให้เป็นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ด้วยถือว่าเป็นแต่ราชนิกุล ไม่ใช่เจ้า ยังมี นามสกุล ‘ณ’ อีกสกุลหนึ่ง คือ ‘ณ ราชสีมา’ และ ‘อินทรกำแหง ณ ราชสีมา’ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก เจ้าพระยากำแหงสงคราม (ทองอิน) ผู้ว่าราชการเมืองนครราชสีมา ท่านผู้นี้มีประวัติแบบเดียวกันกับเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) คือว่ากันว่าเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยโปรดพระราชทานเจ้าจอมยวน ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ในแก่เจ้าพระยานครราชสีมา (ปิ่น) นามสกุล ‘ณ ราชสีมา’ และ ‘อินทรกำแหง ณ ราชสีมา’ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ นี้ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 12 ต.ค. 49 11:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องของสร้อยนามสกุล ณ อยุธยา การใช้สร้อย "ณ อยุธยา" ต่อท้ายนามสกุลสำหรับราชสกุล ราชบัณฑิตยสถานได้รับคำถามจากประชาชนอยู่เสมอเกี่ยวกับการใช้คำว่า "ณ อยุธยา" ต่อท้ายนามสกุลสำหรับผู้ที่สืบเชื้อสายจากราชสกุลว่า มีระเบียบการใช้อย่างไร จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถานฉบับนี้จึงขอนำเรื่องความเป็นมาและระเบียบการใช้สร้อย “ณ อยุธยา” ต่อท้ายนามสกุล ดังนี้ เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ “ประกาศเพิ่มเครื่องหมายนามสกุลสำหรับราชตระกูล” ซึ่งมีความว่า มีพระราชดำริถึงนามสกุลที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ผู้ที่สืบต่อจากราชตระกูลลงมาโดยสายต่าง ๆ นั้น ต่อไปภายหน้านามสกุลเหล่านี้อาจไปปะปนกับนามสกุลสามัญ จนไม่อาจทราบได้ว่า นามสกุลใดเป็นนามสกุลสำหรับราชตระกูล เพราะไม่มีเครื่องหมายเป็นที่สังเกต และเนื่องจากมีพระราชดำริที่จะดำรงนามสกุลสำหรับราชตระกูลให้ยืนยงอยู่ชั่วกัลปาวสาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า บรรดานามสกุลซึ่งได้ทรงขนานพระราชทานแก่ผู้สืบสายราชตระกูลนั้น ให้มีคำว่า “ณ กรุงเทพ” เพิ่มท้ายนามสกุลนั้น และห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่มิได้สืบสายราชตระกูลใช้คำ “ณ กรุงเทพ” เป็นนามสกุลหรือต่อท้ายนามสกุลของตน แม้แต่ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตพิเศษให้ใช้นามสกุลสำหรับราชตระกูลได้ จะเติมคำ “ณ กรุงเทพ” ลงด้วยไม่ได้ ต่อมา ในวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ “ประกาศแก้เครื่องหมายนามสกุลสำหรับราชสกุล” ความว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้สืบสายแต่ราชสกุลใช้คำว่า “ณ กรุงเทพ” ต่อท้ายนามสกุลนั้น มีพระราชดำริว่า คำว่า “กรุงเทพ” นั้น เป็นคำที่ใช้นำหน้านามมหานครซึ่งเป็นราชธานี เช่น ใช้ว่า “กรุงเทพมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุธยา” เป็นนามของพระนครศรีอยุธยาเมื่อครั้งเป็นราชธานี และใช้คำว่า “กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์” เป็นนามของพระมหานครราชธานีในปัจจุบัน ดังนั้น คำว่า “กรุงเทพ” จึงมีความหมายถึงราชธานี ๒ แห่ง โดยไม่แน่ชัดว่าเป็นแห่งใด และเนื่องจากมีพระราชดำริว่า พระบรมราชวงศ์นี้เดิมเป็นสกุลอันมหาศาลที่มีมาตั้งแต่สมัยพระนครศรีอยุธยาเป็นราชธานี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนจาก “ณ กรุงเทพ” เป็น “ณ อยุธยา” ตั้งแต่วันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ซึ่งตรงกับวันมหาจักรี ในวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า ในขณะนั้นการออกพระนามหม่อมเจ้าโดยใช้พระนามของพระบิดาต่อท้ายเพื่อให้ทราบว่าเป็นหม่อมเจ้าในกรมใดหรือพระองค์ใด นั้น เมื่อได้มีการพระราชทานนามสกุลสำหรับเจ้าต่างกรมและพระองค์เจ้าแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้นามสกุลต่อนามหม่อมเจ้าแทนการใช้นามกรมเช่นแต่ก่อน แต่หม่อมเจ้าซึ่งทรงสถาปนาให้มีพระเกียรติยศเป็นพระองค์เจ้าไม่ต้องใช้นามสกุลต่อท้ายพระนาม และทรงระบุว่า สร้อย "ณ อยุธยา" นั้น ถ้าเป็นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง ไม่ต้องใช้เพราะมีคำแสดงศักดิ์ในราชตระกูลปรากฏอยู่แล้ว ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผู้ที่มีสกุลยศตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไปไม่ต้องใช้นามสกุลต่อท้ายพระนาม ส่วนผู้ที่มีสกุลยศหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวงใช้นามสกุลต่อท้ายนาม โดยมิต้องมีสร้อย "ณ อยุธยา" สำหรับผู้ที่สืบสายจากราชสกุลที่มิได้มีสกุลยศเป็นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง ให้ใช้สร้อย "ณ อยุธยา" ต่อท้ายนามสกุล นอกจากนี้ สตรีสามัญซึ่งสมรสกับผู้ที่สืบสายจากราชสกุลทั้งที่มีสกุลยศและไม่มีสกุลยศ ต้องใช้สร้อย "ณ อยุธยา" ต่อท้ายนามสกุลด้วย อนึ่ง การใช้สร้อย "ณ อยุธยา" ต่อท้ายนามสกุลนั้น ใช้สำหรับผู้ที่สืบเชื้อสายจากราชสกุลฝ่ายบุรุษเท่านั้น ส่วนทายาทของสายราชสกุลที่เป็นสตรีนำนามราชสกุลของตนมาใช้ได้ แต่จะใช้สร้อย "ณ อยุธยา" ไม่ได้ จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน  ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 12 ต.ค. 49 11:51:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบพระคุณ คุณ เพ็ญชมพู ครับ อ่านเรื่องนามสกุล ณ และ ณ อยุธยา นึกถึงเจ้าจอมท่านหนึ่ง  ที่มักเขียนกันว่า "เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ  ลดาวัลย์" จุลลดา ภักดีภูมินทร์  อธิบายไว้ใน "เลาะวัง" ว่า ผิด ท่านเป็นเจ้าจอม คือ เมียพระเจ้าอยู่หัว หญิงที่แต่งงาน ต้องใช้นามสกุลตามผัว ก็พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงมีนามสกุล  เจ้าจอมจึงไม่มีนามสกุลไปด้วย ถ้าจะใช้แบบเดิม  ก็ให้ระบุชื่อบิดาตามท้ายชื่อ ไฟล์ภาพจากวิกิพีเดีย จากคุณ : กัมม์ - [ 12 ต.ค. 49 12:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เลิกกันแล้วหรือครับ ถ้าอย่างนั้นขอทิ้งท้ายเรื่อง "เสียชื่อ" นะครับ ในพงศาวดารมณฑลหัวเมืองอีสาน มีว่า ให้ตั้งเชียงปุ่มนายกองส่วยเขมร  เป็นที่พระสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง และให้ตั้งบ้านคูประทาย เป็น เมืองประทายสมัน  ให้พระสุรินทรฯเป็นเจ้าเมือง ต่อมาชื่อเมืองประทายสมันก็หายไป  เอาชื่อเจ้าเมืองมาเรียกเป็นชื่อเมือง เมืองสุรินทร์ ก็เลย "เสียชื่อ" ไป เมืองวานรนิวาส  ตั้งในรัชกาลที่ ๓ เดิมชื่อว่าบ้านกุดลิง  คำ "กุด" แปลว่าด้วน  คือคลองหัวด้วนตรงกับคำว่า บาง ถ้าอยู่ทางภาคกลาง  คงจะได้ชื่อว่า บางกระบี่ (แล้วเลื่อนเป็น บางกะปิ) แต่คนตั้งชื่อเมือง  แปลง "กุด" เป็น "กุฏิ" ไปซะเป็น กุฏิลิง เมืองวานรนิวาสก็เลย "เสียชื่อ" "กุฉินารายณ์"  หรือ "กุสินารายณ์"  ไม่เป็นภาษา ในรัชกาลที่ ๓ โปรดให้ยกบ้านกุดฉิมนารายณ์ ซึ่งมีโบสถ์นารายณ์เก่าขึ้นเป็นเมือง "กุดฉิมนารายณ์"  มันฟังดูไม่เพราะหรือยังไง  ตัด ด กับ ม ออก กุฉินารายณ์ ก็เลย "เสียชื่อ" ในสาส์นสมเด็จ  สมเด็จทั้ง ๒ พระองค์ทรงเล่าถึง วัดท่าหลวง ว่าเขาแปลงเป็น วัดราชดิตถาราม  คือแปลงคำว่า หลวง เป็น Royal  แทนที่จะแปลว่า ใหญ่ วัดท่าหลวง ก็เกือบจะ "เสียชื่อ"   เมื่อเร็วๆนี้เห็นกระทู้ สาละวัน แปลว่าอะไร คุณ เพ็ญชมพู  ได้ตอบว่าป่าสาละ ทำให้นึกเอะใจ (ถึงความหลัง) ในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสาน - ม.ว.ปฐม  คเนจร มีว่า  เจ้าสร้อยศรีสมุทตั้ง "ตามั่น" ข้าหลวงเดิมนางแพง เป็น หลวงเอกรักษาอำเภอบ้านโพน และยกบ้านโพนขึ้นเป็น เมืองมั่น  ตามชื่อเดิมของเจ้าเมือง (ตามั่น) ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ โปรดให้ยก ตำบลเมืองมั่น ขึ้นเป็นเมือง  พระราชทานนามว่า เมืองสาละวัน มั่นก็คือสาละ  ต้นสาละคนไทยเขาเรียกต้นมั่น เมืองสาละวัน ก็จึงไม่"เสียชื่อ"  เป็นแต่ความหลังมันเลือนๆไปเท่านั้น ประกาศตั้งตำแหน่งผู้สำเร็จราชการเมืองขึ้นเมืองกาญจนบุรี ๗ เมือง  แลตั้งจีนเวชเป็นขุนราชภัตการ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว , ประชุมประกาศในรัชกาลที่ ๔ , องการค้าของคุรุสภา พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๒๘)          เมืองสมิงสิงหบุรี ๑  เมืองลุ่มสุ่ม ๑  เมืองท่าตะกัว ๑  เมืองไทรโยค ๑  เมืองท่าขนุน ๑  เมืองทองผาภูมิ ๑  เมืองท่ากะดาน ๑  ทั้งเจ็ดเมืองเหล่านี้แต่เดิมก็ไม่เป็นเมือง  เป็นที่ตั้งค่ายที่ด่านตั้งอยู่เท่านั้น  แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนทรงพระราชดำริว่าจะให้เกียรติศัพท์ดังออกไปข้างเมืองพม่าว่า  มีหัวเมืองแน่นหนาหลายชั้น  จึงโปรดตั้งให้เป็นหัวขึ้น มีกรมการอยู่รักษาทุกเมืองๆ  แลชื่อผู้สำเร็จราชการเมืองทั้งเจ็ดนั้นแต่เดิมก็ไม่มี  เป็นแต่ชื่อเรียกตามตำบลที่ตั้งขึ้นนั้นเอง  บัดนี้ทรงพระราชดำริว่า ผู้สำเร็จราชการเมืองไม่มีชื่อตั้งไม่สมควร  ณ วัพฤหัสเดือนแปดบุรพาษาฒแรมหกค่ำ  จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อเป็นภาษาสังสกฤตแก่ผู้สำเร็จราชการเมืองเหล่านั้นดังนี้  พระสมิงสิงหบุรีเป็นพระสมิงสิงหบุรินทร์ ผู้สำเร็จราชการเมืองสมิงสิงหบุรี  พระลุ่มสุ่มเป็นพระนินนะภูมิบดี ผู้สำเร็จราชการเมืองลุ่มสุ่ม  พระท่าตะกั่วเป็นพระชินติฐบดี ผู้สำเร็จราชการเมืองท่าตะกั่ว  พระไทรโยคเป็นพระนิโครธาภิโยค ผู้สำเร็จราชการเมืองไทรโยค  พระท่าขนุนเป็นพระปนัสติฐบดี ผู้สำเร็จราชการเมืองท่าขนุน  พระทองผาภูมิเป็นพระเสลภูมิบดี ผู้สำเร็จราชการเมืองทองผาภูมิ  พระท่ากะดานเป็นเป็นพระผลกติฐบดี ผู้สำเร็จราชการเมืองท่ากะดาน  แล้วพระราชทานเสื้อเข้มขาบคนละตัวๆเป็นของขวัญ  หัวเมืองทั้งเจ็ดนั้นขึ้นแก่เมืองกาญจนบุรีทั้งสิ้น  แต่ผู้สำเร็จราชการกรมการเมืองแยกย้ายกันมาตั้งอยู่ในแขวงเมืองราชบุรีบ้าง  ให้จีนเอ้งเป็นขุนราชภัตการจางวางจีนช่างกาวหลาว  พระราชทานให้ถือศักดินา ๕๐๐  ทำราชการตั้งแต่ ณ วันจันทร์ เดือนแปดบุรพาษาฒ แรม ๑๐ ค่ำ ปีมะเมียสัมฤทธิศก๘ นามนั้นสำคัญฉะนี้ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 13:35:52 จากคุณ : กัมม์ - [ 13 ต.ค. 49 10:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สา...ธุ สมควรยิ่งนัก อิฉันจะ พิมพ์ ความเห็นทั้งหมดไว้ศึกษาสืบไป จากคุณ : แสนอักษร - [ 13 ต.ค. 49 11:38:50 ]