ความคิดเห็นที่ 4
ศึกเวหาในสงครามอินโดจีน
ยุทธนาการทางอากาศที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก คงไม่พ้นศึก Battle of Britain ระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน หรือศึกสมรภูมิ Midway ระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ยุทธเวหาระหว่างเสืออากาศไทยกับกองบินรบของฝรั่งเศสในศึกอินโดจีน นับว่าเป็นการรบที่ห้าวหาญ ดุเดือด น่าตื่นเต้นไม่แพ้ ๒ ศึกที่กล่าวมาก่อนหน้านี้
สงครามอินโดจีนเกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลไทยในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลย์สงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกิดปัญหาการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับเขตอินโดจีน (ลาว กัมพูชา) ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส โดยที่ก่อนหน้านั้น ฝรั่งเศสได้ยึดดินแดนบางส่วนของไทยไปแล้วถึง ๕ ครั้ง ความขัดแย้งกันในปี พ.ศ.๒๔๘๓ นี้เองที่เป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์ที่คนไทยเรียกร้องขอดินแดนบางส่วนคืนจากฝรั่งเศส หลังจากที่รัฐบาลไทยได้ทำการเจรจากับรัฐบาลฝรั่งเศสมานาน แต่ฝรั่งเศสได้บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดแถมยังทำการยั่วยุทางการไทยต่างๆ นานา เช่น ส่งเครื่องบินบินล้ำน่านฟ้าเข้ามาทางเขตจังหวัดหนองคายและในจังหวัดอื่นๆ วันละไม่ต่ำกว่า ๓๐ เที่ยวบินในเชิงลักษณะการข่มขู่ หรือส่งกำลังทหารล่วงล้ำเข้ามาในเขตบ้านโคกสูง อำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี และใช้อาวุธปืนระดมยิงเข้ามาทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย ซึ่งพฤติกรรมของฝรั่งเศสในครั้งนี้ส่อเจตนาที่จะเข้ารุกรานเราโดยตรง
การที่ฝรั่งเศสทำการข่มขู่คนไทยได้ถึงขนาดนี้ ทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความเคียดแค้นชิงชังฝรั่งเศส จนกระทั่งมีนิสิตนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โรงเรียนเตรียมอุดม ร่วมกับประชาชนเป็นจำนวนมากออกมาเดินขบวนสนับสนุนรัฐบาลไทยในการเรียกร้องขอดินแดนคืนจากฝรั่งเศส จนในที่สุด ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๘๓ รัฐบาลจึงมีคำสั่งเตรียมพร้อมสำหรับสงครามอินโดจีน และได้ส่งกองกำลังทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ รุกคืบหน้าเพื่อยึดดินแดนที่เรียกร้องคืนมาให้จงได้
มาดูกันที่กองทัพอากาศของไทยเราในตอนนั้น เครื่องบินที่พร้อมกระโจนเข้าสู่สงครามอินโดจีน ส่วนใหญ่เป็นเครื่องบินที่เราสั่งซื้อเข้ามาในช่วงปี พ.ศ.๒๔๗๕ - ๒๔๘๐ เช่น เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว ปีก ๒ ชั้นคือ เคอร์ติส ฮอว์ก - ๒ ขาแข็ง (พับฐานไม่ได้) จำนวน ๑ ฝูง และเคอร์ติส ฮอว์ก - ๓ พับฐาน จำนวน ๒ ฝูง กับเครื่องบินโจมตีและตรวจการแบบ วอจ์ต คอร์แซร์ ปีก ๒ ชั้น ๒ ที่นั่ง มีพลปืนหลัง จำนวน ๒ ฝูง ต่อมากองทัพอากาศไทยได้ซื้อลิขสิทธิ์แผนแบบ ฮอว์ก ๓ กับคอร์แซร์ มาให้กรมช่างอากาศยานผลิตออกมาใช้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้แล้ว กองทัพอากาศยังจัดซื้อเครื่องบินทิ้งระเบิด มาร์ติน ๑๓๙ ดับบลิวเอสเอ็ม แบบปีกชั้นเดียว ๒ เครื่องยนต์ จำนวน ๖ เครื่อง แต่เมื่อเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นนี้ถูกส่งมาถึงได้ไม่นาน ลำตัวเครื่องก็มีอันหักพังเสียหายไป ๑ เครื่องในทุ่งนาแถวสถานีรถไฟหลักสี่
ยังมีเครื่องบินขับไล่ที่มีสมรรถนะเท่าเทียมกับเครื่องบินของฝรั่งเศส ซึ่งกองทัพอากาศไทยสั่งซื้อจากสหรัฐอเมริกา คือเครื่องบินขับไล่ปีกชั้นเดียว เคอร์ติส ฮอว์ก ๗๕ เอ็น จำนวน ๑๖ เครื่อง มูลค่า ๔๖๘,๐๐๐ เหรียญสหรัฐฯ (อัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น ๑ เหรียญ เท่ากับ ๒.๕๐ บาท) แต่ในขณะที่กำลังขนส่งมาทางเรือถึงกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๓ รัฐบาลสหรัฐได้สั่งกักเครื่องบินทั้งหมดที่จะนำมาให้กองทัพอากาศไทยไว้ที่นั่นโดยที่ฝ่ายเราก็ไม่ทราบเหตุผล ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันกับที่ไทยเรากำลังพิพาทกับฝรั่งเศสอยู่ก็อาจเป็นได้
เมื่อสหรัฐฯ เกลอเก่าของไทยเราเล่นไม่ยอมส่งเครื่องบินมาให้ดื้อๆ เสียอย่างนี้ กองทัพอากาศจึงหันหน้าไปพึ่งญี่ปุ่นผู้ซึ่งทำตัวเป็นมหามิตรรายใหม่ทันที ญี่ปุ่นจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยการส่งเครื่องบินขับไล่ ตาชิกาว่า มาให้ ๑๐ เครื่อง ในโอกาสนี้ไทยเราจึงได้ซื้อเครื่องบินโจมตีทิ้งระเบิด มิตซูบิชิ กิ - ๓๐ (นาโกย่า) จำนวน ๒ ฝูง แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้ยอมปล่อยเครื่องบิน ฮอว์ก ๗๕ ที่กักเอาไว้ที่ฟิลิปปินส์มาให้แก่ไทยเข้ามาได้ทันใช้ในช่วงท้ายๆ ของสงคราม
ยุทธเวหาระหว่างเสืออากาศไทย ฝรั่งเศสกำลังจะระเบิดขึ้นแล้ว....!!
จากคุณ :
ออกหลวงมงคล
- [
9 พ.ย. 49 15:12:37
]
|
|
|