ความคิดเห็นที่ 1 ดีครับ ดี http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4518615/K4518615.html จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 11 พ.ย. 49 23:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หวัดดีครับพี่ต้น "ผมชอบสอนนะ อยากเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ที่ดีที่สุด เก่งที่สุด" เป็นแนวคิดของผมเหมือนกันครับ (แม้ว่ายังไม่ีมีโอกาสสอน - -*) ผมเองชอบอ่านและศึกษาว่าครูเก่งๆ เค้าสอนกันยังไง และเพราะความอยากรู้นี้เองทำให้ผมเิริ่มสนใจงานเขียนในแง่ pedagogy ผมเป็นคนที่มีความสนใจเรื่องภาษา แต่อาจจะต่างจากพี่ไปสักหน่อย - -* เมื่อก่อนผมสนใจแกรมม่าร์ อยากสอนแกรมม่าร์ แต่ปัจจุบันหันเหความสนใจไปที่ "ผมจะทำให้ยังให้คนเรียนเรียนรู้ถึงความสำคัญของภาษา และเรียนรู้ว่าภาษาเป็นสิ่งที่มีพลังมากๆ ถึงขนาดเปลี่ยนความคิดคน ทำให้คนดีกัน หรือว่าทะเลาะกันได้ (ทะเลาะในวงเล็กๆ และรวมไปถึงระดับประเทศ)" ครับ :) จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 12 พ.ย. 49 12:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาษาเป็นเพียงเครื่องมือ คุณใบไม้ร่วง หัวใจของการเปลี่ยนคนอยู่ที่ความคิด ก่อนที่ A จะเปลี่ยน B ได้ ตัวของ A เองจะต้องเปลี่ยนเสียก่อน เปลี่ยนทั้งความคิดและเปลี่ยนทั้งพฤติกรรมที่ต้องสอดคล้องกับความคิดนั้นๆ ถ้า A ก็ยังไม่เปลี่ยน แสดงว่าแม้แต่ตัวของ A เองก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองจะพูดจะเขียนจะสื่อ แล้วแมวที่ไหนมันจะมาเชื่อตามสิ่งที่เป็นแค่ลมปากของ A มองกันในแง่นี้ คนที่กล่อมคนให้คล้อยตามได้ชะงัดที่สุด นอกเหนือไปจากอัจฉริยะบุรุษหลายท่านแล้วก็น่าจะเป็นคนบ้า เพราะคนบ้านั้นแกเชื่ออย่างฝั่งหัวในสิ่งที่แกพูด กล้านั่งยันยืนยันนอนยันในความเห็นของตัว ก็มุมมอง(แบบเพี้ยนๆ)ของแกนั้นแกเชื่อว่าจริงแท้แน่นอน แกก็ย่อมยืนยันความจริง(แบบเพี้ยนๆ)ของแกได้โดยไม่มุสา ซึ่งย่อมมีความหนักแน่นแข็งขันน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ การจะเปลี่ยนคนอื่นนั้น เราคงต้องลอกเลียนแบบคนบ้าเสียก่อน คือต้องเชื่อมั่นอย่างไม่คลอนแคลนในสิ่งที่ตัวเองจะไปสื่อเขา ส่วนการใช้ภาษาอะไรนั้นเป็นเครื่องมือ ผมว่างั้นนะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 12 พ.ย. 49 14:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใช่ครับอาแอ๊ด ... คนเขียนจะต้องเปลี่ยนตัวเองได้ก่อน แต่ที่ผมหมายถึงอะครับ คือการที่นาย A เปลี่ยนนาย B ได้ นาย A -- นอกจากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดแล้ว -- อาจจะใช้ภาษามาช่วยด้วยครับ อย่างเช่นนาย A อยากจะเขียนป้ายบอกว่า ตรงนี้ห้ามสูบบุหรี่ นาย A พูดได้ 2 แบบ 1. Don't smoke. 2. No smoking. สองแบบนี้ให้ผลเหมือนกันตามที่นาย A ต้องการ แต่การพูดแบบไหนที่จะได้ผลมากกว่า หรือว่าจะสร้างความแตกแยกระหว่างนาย A และคนอ่าน(คนรับสาร)มากกว่า ผมว่าแบบที่ 2 นะครับ (แบบแรกดูเหมือนสั่ง...เพราะว่า syntax ของประโยค และตัว D ซึ่งหนักกว่าตัว N ทำให้ประโยคแรกดูเหมือนโทนที่จะดุด่ามากกว่าประโยคที่สองที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการบอก (inform)) เช่นเดียวกันกับการถกเถียงครับ ผมเห็นหลายๆ คนมีเจตนาที่ดี แต่วิธีการสื่อสารนั้นยังไม่ได้ผล -- เพราะว่าวิธีที่เค้าเขียน -- ทำให้คนอ่่านเข้าใจผิด ดีไม่ดีทำให้คนพลอยเกลียดไปด้วย ทั้งๆ ที่ตัวเองมีเจตนาดีแท้ๆ สรุปคือ ผมอยากสอนให้นักเรียนผม(ในอนาคต)รู้จักภาษามากขึ้นว่าภาษาถ้าคุณใช้ถูกและใช้เป็น คุณจะเป็นคนที่มีอำนาจ*เหนือคนที่ใช้ไม่เป็นครับ *อำนาจในที่นี้หมายถึง power นะครับ ทั้งทางด้านจิตวิทยา การโน้มน้าว  ไม่ใช่หมายถึงอำนาจบาตรใหญ่ (บาตรแบบนี้เปล่าอะครับ) ออผมยังเชื่อว่าภาษาในตัวเองก็มีอำนาจครับ มีนักกวีท่านหนึ่งที่ผมอ่านเจอบอกว่า (ผมจำประโยคจริงๆ ไม่ได้ แต่ประมาณนี้อะครับ) "Before you can change the world, you must be able to imagine the new world first by writing." ง่วงแว้วววว ไปนอนก่อนนะคร้าบบ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 49 15:46:36 จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 12 พ.ย. 49 15:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โอเค ยอมรับว่าภาษาก็มีพลังในตัวเอง เพราะมันมีพลังน่ะสิ จึงต้องระมัดระวังในการใช้เพราะว่าคุณอนันต์ก็โทษมหันต์ น้ำลอยเรือได้และก็จมเรือได้เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ การใช้ภาษาที่มีประสิทธิภาพในมือของคนที่เพี้ยนๆหรือฉ้อฉลจึงเป็นเครื่องมือที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อก็คือผมถือว่า ประสิทธิภาพของการใช้ภาษานั้นก็แปรตามระดับความน่าเชื่อถือของคนใช้ด้วย และระดับความน่าเชื่อถือก็แปรตามความเชื่อมั่นของคนใช้อีกต่อหนึ่ง คนที่พูดด้วยความเชื่อมั่นนั้นมันน่าเชื่อถือได้ก็เพราะว่าเขาจะมีความคงเส้นคงวาและหนักแน่นในสิ่งที่เขาแสดงออก จะที่ไหนเมื่อไหร่ก็นำเสนอสาระเดิมเสมออย่างชัดเจน ไม่เฉไฉเฉโก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 12 พ.ย. 49 21:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 19 November 2006 สวัสดีครับ กลับมาคุยกันอีกแล้ว ผู้อ่านที่น่ารักของกระผม tonmelb เป็นไงบ้าง ฝึกภาษาไปถึงไหนแล้วครับ ฮู้ เหนื่อย วิ่งรอก วันนี้ tonmelb มีประสบการณ์ 1 ประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ ผมเองไม่เคยคิดมาก่อน ( คิดไม่ถึงด้วย) ว่าชื่อประเทศ และจำนวนปีที่อยู่ในประเทศนั้น มีผลมาก และนำมาถึง----ความที่เข้าไปกันเอง--- เพิ่งรู้เมื่อ 2-3 วันนี้ นั่นคือ ทุกคนที่ได้อ่าน Resume ของผม ตรง Section: Years in Australia: 14 years ทุกคนมั่นใจและคิดไปเองว่า: ผมต้องพูดภาษาอังกฤษติดเหน่อแบบ Australian (Broad Australian) หรือสำเนียงไทยแข็งโป๊ก (ที่จริงตอนกลับมาใหม่ ๆ ผมพูดออกสำเนียงไทยพอควรนะ แต่ผมอยากสารภาพตรงนี้เลยว่า ผมไม่ได้งานเพราะ accent ที่มีไทยเจือปน จนต้องมาปรับมาเกลาใหม่ ทั้ง ๆที่ เราจะได้ยินตลอดว่า พูดติดสำเนียงไทยบ้าง ไม่เป็นไรหรอก ขอให้พูดชัด ใช่ครับ ส่วนใหญ่จะได้คำบอกเล่าจากปากฝรั่งและคนไทยทั่ว ๆไป แต่สำหรับคนที่โรงเรียนแล้ว ไม่คิดเช่นนั้นนะครับ เพราะโรงเรียนอยู่ได้เพราะผู้ปกครอง) ที่เกลาไม่ยาก เพราะตัวเองพูดมาทาง Brit อยู่แล้ว จากคุณ : tonmelb - [ 18 พ.ย. 49 20:29:57 A:203.107.192.197 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จะว่า--------คาดไม่ถึง------------ ก็ไม่เชิง น่าจะพูดว่า ผมไม่ตระหนักว่า Accent มันสำคัญกับการสมัครเป็นครู/อาจารย์สอนภาษา เพราะไม่ได้สอนการออกเสียง ( เเละตัวเองก้ไม่ได้พูดเเย่นะ ไม่ได้พูดไม่ชัด ไม่ได้พูดเเข็งโป๊ก เเต่พูดไม่เหมือนเปี๋ยปเท่านั้น)ก็เลยไม่ได้เขียนลงไป ว่าตัวเองพูดมาทางสำเนียงอังกฤษมาก ------------------ เพื่อนครูที่โรงเรียนใหม่ เพิ่งมาพูดว่า เห็นผมครั้งแรกคิดว่าพูดติดสำเนียง Aussie หรือไทยแน่ นอน-------------------------------------------------- ไม่ได้เขียนมาเพื่อโอ้อวด ที่เล่ามาทั้งหมด อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่าน ว่าจะเขียนอะไรลงไปใน Resume หรือถ้าจะพูดให้ตรง ๆ แบบขวานผ่าซากเลยว่า ต้องคิดตั้งแต่ เลือกประเทศที่จะไปศึกษาต่อ เพราะอะไร ๆที่เราไม่ได้คิด กลับมาเมืองไทย คนไทยที่มีอำนาจที่จะจ้างเรา เขาอาจไม่คิดเหมือนอย่างเราก็ได้ครับ (นอกจากเป็นนายของตัวเอง) แต่ Surprise มากนะและเพิ่งรู้ว่า ที่กรูส่ง resume ไปนี่ หลาย ๆคนคงคิดว่า tonmelb พูดติดเหน่อแน่ ๆ ไม่ได้ดูถูก Australia นะครับ เพราะตัวเองทราบดีว่า ที่นั่นมีกี่สำเนียง ไม่ใช่มีแต่สำเนียงเหน่อแบบ Broad Australian อย่างที่หลายคนเข้าใจ เหน่อนะมี แต่ไม่ใช่คน Australian ทั้งหมดที่พูดอย่างนั้น แต่เขียนไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะ perception ของคน ไม่ได้เปลี่ยนกันง่าย ๆ ครับ และก็รู้ว่า ตัวเองคือใคร มีความสามารถอย่างไร ไม่ได้เกี่ยวกับประเทศ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ) ขอสรุปอีกครั้งนะครับ tonmelb ไม่เคยให้ความสนใจกับ perception ของคนไทยที่มีต่อประเทศที่ไปศึกษาต่อ หรือมหาวิทยาลัย หรือ accent หรือ รัฐที่ไปเรียน/อยู่ หรือคนไทยเยอะไม่เยอะ etc แต่สำหรับคนไทยบางคน บางหน่วยงาน ไม่คิดอย่างนั้น หรือหลาย ๆคนที่ให้สนใจหรือกังวลกับสิ่งที่ tonmelb กล่าวมา ผมเองก็ไม่ถือว่าเขาหรือเธอ--------- ผิดนะครับ--------- ตราบใดที่เรา ๆท่าน ๆ ต้องกลับมาทำงานเมืองไทย ไม่กังวลได้ไง บางคนเก็บเงินมานาน จะไปเรียนที ต้องคิดมากหน่อย ไม่กังวล ไม่ได้หรอก นักเรียนนอกดูจะได้เปรียบกว่านักเรียนในนี้ --------------------------------------- etc -------------------------------------------- Whatever, I wish you all happiness and a prosperous future. เชิญมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ สวัสดีครับทุกคน See you tonmelb จากคุณ : tonmelb - [ 18 พ.ย. 49 20:34:24 A:203.107.192.197 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณต้นรู้ไหม สำเนียงผมเปลี่ยนได้อ้ะ เปลี่ยนได้แบบวันต่อวันเลยละ จริงๆ ไม่ได้มุสา แบบว่าผมเรียนฟังเรียนพูดทีหลัง เรียนอ่านเรียนเขียนก่อน เพราะฉะนั้นครูสอนฟังสอนพูดของผมจะจับฉ่ายมาก มีทั้งที่เป็นตัวคนเป็นฝรั่งสอนซึ่งก็มีทั้งอังกฤษทั้งอเมริกัน มีทั้งที่เป็นเทปก็มี และฟังจากหนังทั้งวิดีโอทั้งซีดีดีวีดี ที่ได้พูดเป็นเรื่องเป็นราวในชีวิตประจำวันจริงๆก็ตอนถูกจับไปปล่อยเกาะอยู่นิวซีแลนด์สองปี ตอนหลังเพื่อนฝรั่งเขาบอกว่าผมพูดภาษาอังกฤษได้ดี ที่ตลกก็คือ อยู่กับอเมริกันเขาบอกว่าผมสำเนียงอังกฤษ อยู่กับอังกฤษเขาบอกว่าผมสำเนียงอเมริกัน และยิ่งพักหลังเดินทางไปบรรยายหลายๆที่เข้า คนบอกว่า จับสำเนียงไม่ถูกแฮะ ผมมาสังเกตตัวเองว่า สงสัยจะเป็นเพราะดูหนังดีวีดีน่ะเอง แบบว่า ถ้าดูหนังฝั่งอเมริกันก่อนไปพูด สำเนียงผมก็จะออกไปทางนั้นโดยอัตโนมัติ ถ้าดูหนังฝั่งอังกฤษ สำเนียงผมก็ออกไปทางอังกฤษแบบอัตโนมัติอีกเหมือนกัน สงสัยจะมีเชื้อนกขุนทองแฮะ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 18 พ.ย. 49 21:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณครับคุณเเอ๊ด โห สุดยอดเลย ผมเองติดสำเนียงอังกฤา เพราะมีคุณพ่อบุญะรรมเป็นคนอังกฤษ ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ 19 November 2006 วันนี้ผมตื่นค่อนข้างสาย 8 โมงเช้านะครับ ณ เวลานี้เสาร์-อาทิตย์ผมจะพักผ่อนเต็มที่ เพราะจันทร์ถึงศุกร์ตี 4 50 ก็ตื่นแล้ว เพราะบ้านอยู่ไกลครับ เดือนหน้าน่าจะลงตัวแล้ว เพราะช่วงนี้เช้า ๆ ผมก็เบรอเหมือนกัน สมองก็ทำงานก็ประมาณ 11 โมงเช้า ผมเป็น a night person มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชีวิตผมคงเหมือนหลาย ๆท่าน งานรัดตัว มนุษย์เงินเดือน ผมโชคดีที่ชอบงานที่ตัวเองทำ ชอบภาษาอังกฤษ ก็ได้อยู่ในแวดวงนี้มาโดยตลอด เงินเดือนก็ดีใช้ได้เลยครับ เพราะ(ช่วย)สอนเป็นภาษาอังกฤษ สอนพิเศษก็มี etc เกริ่นมานาน เข้าเรื่องดีกว่าครับ -----------ความกล้าหาญชาญชัย ความเชื่อมั่นในการใช้ภาษาอังกฤษ(พูด) และการขวนขวายในการหาโอกาสนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอ---------------- ขออนุญาตเอ่ยถึง--- คุณโตน ที่เป็นเจ้าของกระทู้คนนั้นครับ--- ผมเองก็โดนแขวะบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ถือสา เพราะเขา/เธอคนนั้นอาจจะไปเจอะเจอคนที่หัวเราะเขา/เธอที่ใช้ภาษาอังกฤษในที่สาธารณะ-นอกห้องเรียนในเมืองไทยมาก่อนก็เป็นได้ เขา/เธอที่ทำท่าล้อเลียนคุณ เขา/เธออาจจะเคยถูกนักเรียนนอกดูถูกมาก่อนก็ได้ หรือ ฯลฯ ผมชื่นชมคุณ ต้องพยายามใช้ครับ การพูดภาษาอังกฤษกับคนของเรา(ลูก ๆ หลาน ๆ) ผมว่าดีนะ พอมาคุยกับคนไทย ก็ใช้ภาษาไทย ผมเนี่ยจะพูดไทยให้ชัดไปเลย เพราะจะได้แสดงว่าอยู่มากี่ปีก็ตาม ถ้าไปตอนโตแล้ว ภาษาไทยไม่หายไปไหน จากคุณ : tonmelb - [ 19 พ.ย. 49 21:31:13 A:203.107.192.89 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ มนุษย์เงินเดือน คนทำงาน ไม่ค่อยมีหัวนักเกี่ยวกับภาษา จะเก่งได้ไหม? จะเรียนรู้เรื่องไหม? ตั้งแต่สอนมาตั้งแต่ปี 2538 ตอบแบบฟันธง เก่งได้เท่าที่จะคุณทำได้ และเรียนรู้เรื่องได้ครับ แต่ที่ผ่านมา เหมือนที่ครูเคทและอาจารย์คริสคนรั้วเดียวกัน (ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง)เคยกล่าวไว้ % น้อยมาก ๆ ที่เราจะพบนักเรียนที่มี self-learning, หรือเป็น self-starter, มี determination, motivation etc เกือบร้อยทั้งร้อย ไม่รอดปากเหยี่ยวปากกา หรือแพ้ภัยตัวเอง คุณภาพครู ท้อเพราะโชคชะตา งบหมด ขี้เกียจ ไม่ตั้งใจจริง เพื่อน ๆญาติ ๆ คนนิสัยไม่ดีทั้งพี่ไทยและฝรั่งสกัดดาวรุ่ง ฯลฯ tonmelb ยกตัวอย่างง่าย ๆนะครับ ถ้าผมติวคนหนึ่ง ๆ 2 เดือนนี้ แล้วผมให้เขา/เธอแวะมาหาผมอีก 12 เดือนข้างหน้า หลังจากที่เขาจากผมไป เป็นไปได้อย่างสูงมาก ๆ ที่เขา/เธอจะ ไม่ keep going (strong) และก็มีแนวโน้มอย่างสูงมาก ๆ ว่าเขา/เธอจะมากลับมาหาผม ให้ผม check progress ของเขา ผมลองทำมาแล้ว ไม่มีครับ แต่สำหรับผม นับจากวันนั้น12 เดือนต่อจากนั้นหรือทุกวันนี้ ก็ keep walking This is the key to English learning success- use it or lose it. จากคุณ : tonmelb - [ 19 พ.ย. 49 21:32:41 A:203.107.192.89 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ใน Case ของคุณ ๆ ก็พยายามหาโอกาสใช้ซิครับ มั่นเข้าไว้ ถึงใครจะหัวเราะ ไม่เข้าใจ ใช้ผิดถูก ค่อย ๆ แก้ไป เพราะถึงอย่างไร คุณก็ต้องใช้ผิดมาก ๆๆๆๆ อยู่แล้ว สำหรับมือใหม่หัดใช้ สำเนียงก็พัฒนาได้ Phonics เอย ฟัง BBC, CNN, CNBC ดูหนัง ฟังเพลง อ่าน Magazine etc ทำอะไรซักอย่างครับ ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณอยากใช้ภาษาให้ดีจริง ๆ ๑๑๑๑๑ ยกเว้นว่า คุณแค่ขอให้พอใช้ได้ก็ Ok คนที่ไม่ได้ภาษา ไม่ได้หมายถึง ชีวิต จะไม่ไปไหน ถ้างานมันใช้ภาษา จ้างเขาเลยครับ ๑๑๑๑๑ ตอบคำถามที่คุณถามตัวเองอย่างซื่อตรง ต้องการเพียงใช้ ก็แบบหนึ่ง ( เหมือนผม ในอนาคตถ้ามีเวลา ผมอยากกลับไปเรียนภาษาจีน เคยเรียนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ผมไม่หวังว่าจะเก่งหรอก เพราะตัวเองไม่มีความต้องการที่จะทุ่มเทเหมือนกับภาษาอังกฤษ เพราะถ้าผมอยากเก่ง ผมต้องเก่งให้ได้ ผมรู้ใจตัวเอง) อยากเก่ง ก็ปฏิบัติตัวอีกแบบหนึ่ง (ซึ่งต้องฝึกฝน ใช้ไปเรื่อย ๆ จนเกิดความชำนาญ) อยากให้คุณประสบความสำเร็จไม่มากก็น้อยกับภาษาอังกฤษ จากคุณ : tonmelb - [ 19 พ.ย. 49 21:33:34 A:203.107.192.89 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ ขอฝากข้อความที่ ม.ล. มานิจ ชุมสาย C.B.E., M.A [Cantab] เขียนไว้เมื่อ 50 ปีก่อน “ เพราะแม้ตัวข้าพเจ้าเองจบ ม๘ แล้วยังต้องไปอยู่ต่างประเทศอีกตั้ง ๑๒ ปี ข้าพเจ้ามิได้พูดที่จะทำให้ท่านท้อใจ การเรียนภาษาอังกฤษนั้นมีวิธีเรียนได้เร็ว เอาพอรู้ [แต่ไม่จบ ท่านต้องค้นคว้าต่อไป ฝึกฝนต่อไป จนกว่าจะเกิดความชำนาญ] ” “ เพราะเป็นธรรมดาอยู่เองทุกคนอยากจะเรียนให้รู้เร็ว ” 50 ปีที่แล้ว กับวันนี้ ยังเหมือนเดิม จริงครับ เวลาเราน้อย หนุ่ม ๆสาว ๆหรือแม้แต่ผมด้วย ผมก็เคยอยากเก่งเร็ว ๆ ไม่อยากอ่าน ๆๆๆๆ ฟัง ๆๆๆๆ พูด ๆๆๆๆ ซื้อหนังสือมากมาย ติด UBC etc เหนื่อยมากเลยครับ อยากให้มันมีกำหนดเวลาของมัน ว่ากี่เดือน กี่ปีจะเก่ง เพราะผมเป็นคนไทย ผมจึงรู้นิสัยคนไทย ผมรู้ว่าคนไทยมีด้านดีหลายๆ ด้าน ที่ไม่เหมือนใครในโลก แต่ผมและคุณก็รู้ว่าเรามีด้านเสียตรงไหน อ่ะไม่เป็นไร ไทยแลนด์ รักเธอเสมอ Best of luck, ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 19 พ.ย. 49 21:35:20 A:203.107.192.89 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โดยคุณ IT4000 [19-11-2006 22:46] #5313 (10/11) ได้อ่านข้อเขียนของอาจารย์แล้ว ขอชื่นชมนะครับ และขอขอบคุณที่กรุณาหาข้อคิดดีๆมาให้นักเรียนอ่านนะครับ ผมคนหนึ่งหละครับที่คิดว่าการเรียนภาษา(อังกฤษ) ไม่สามารถระบุชี้ชัดไปได้ว่าจะจบเมื่อใด (ยกเว้นว่าเราจะลาโลกไปแล้ว ก็คือจบ..) ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเออ เดือนหน้าปีหน้านะเราจะสำเร็จแล้ว แต่ผมก็ยอมรับว่า สิ่งที่เราฝึกเราทำ มันพัฒนาขึ้นจริงๆ ไม่มากก็น้อย เดี๋ยวนี้ผมกล้าที่จะออกเสียงคำๆ ในภาษาอังกฤษให้ถูก ต่อหน้าคนไทยแบบไม่อาย(ว่ะ) เขาจะหาว่าเรากระแดะก็ช่างเถอะครับ เพราะถ้าผมไม่ทำอย่างนั้น คือไม่ออกเสียงให้มันถูกต้อง เวลาผมต้องพูดจริงๆกับฝรังผมก็ติดการออกเสียง (ผิดๆ) แล้วเมื่อไหร่มันจะพัฒนา ก็บอกตัวเองอย่างนั้น อยากบอกทุกๆคนที่กำลังท้อว่า ทำไปเถอะครับฝึกไปเรื่อยๆ มันพัฒนาขึ้นไปตามลำดับของมัน ซึ่งเราไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ว่าเมื่อใด...ผมขอออกตัวว่าไม่ได้บรรลุ ถึงขั้นพูดได้คล่องหรือ ฟังรู้เรื่องหมด ตามจริงพื้นภาษาอักกฤษของผมถือว่าอ่อนครับ และยังถือว่าตัวเองตอนนี้ ยังต่ำกว่ามาตรฐานในอีกหลายองค์กร แต่ก็รู้สึกดีใจว่า สิ่งที่เราฝึกมันก็พัฒนาขึ้นๆ เหมือนไม่เสียแรงเปล่าครับ จากคุณ : tonmelb - [ 20 พ.ย. 49 22:04:39 A:203.209.121.224 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โดยคุณ tonmelb [20-11-2006 21:59] #5349 (11/11) ขอบคุณครับ ขอให้คุณ IT4000 ประสบความสำเร็จ ขอให้ share ความคิดเห็นได้ เพราะผม open อยู่เเล้ว ผมอยากให้คนไทยเก่งจริง ๆ นะ เช่นหลังจากนี้สัก 10 -15 ปี ผมอยากให้คนที่อ่านข้อเขียนผม---วันนี้--- เก่ง เพราะหมายความว่า คุณจะได้ฝึกฝนมาตลอด 10-15 ปีข้างหน้า ที่ผมทำนะ มันไม่ถือว่าฉลาดหรอกทางการตลาด เพราะคนไทยส่วนใหญ่หวังผลเร็ว เเต่นี่คือ ผลงานที่ผมอยากฝากไว้ให้เเผ่นดินนี้ ถ้ารุ่นผมที่พอจะรู้ ไม่สืบต่อ ไม่ยอมเหนื่อยตอนนี้ สร้างพื้นฐานให้รุ่นลูก-หลาน คนไทยในอีก 15 ปีข้างหน้า คงย่ำอยู่กับที่ ผมอยากเห็นเมืองไทยเจริญ อีก 15-20 ปี ผมก็น่าจะรอได้ จากคุณ : tonmelb - [ 20 พ.ย. 49 22:05:53 A:203.209.121.224 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โครงสร้างต่างกัน เพื่อเน้นต่างกันนะครับ To have someone to do something for you จากคุณ : tonmelb - [ 25 พ.ย. 49 20:04:52 A:203.107.192.34 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โครงสร้างต่างกัน เพื่อเน้นต่างกันนะครับ To have someone to do something for you = to tell or arrange for someone to do something for you I think I will have John drive me home tonight. I am a bit too tired. ส่วนโครงสร้าง have someone doing something นี้ต่างกัน หมายความว่าในด้านไม่ดีนัก ไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่เห็นด้วย ออกปากห้าม ครับ แต่เกิดขึ้นแล้ว มักใช้หลัง will not/ cannot etc (in negative sentences) Tonmelb cannot have his students arriving late in class all the time. Or, to cause sb to react in a particular way. She had us all waiting for her all day. ปล่อยให้รอทั้งวันเลย = หมายความว่าในด้านไม่ดีนัก ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นแล้ว ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 25 พ.ย. 49 20:06:09 A:203.107.192.34 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Such เป็นได้ทั้ง adjective, adverb or pronoun ครับ Adverb: to emphasize something/someone, to that degree, so /very much We had such a wonderful time last Friday. He is such a nice boy. I am sure you will like him. Tonmelb has such talent. It was such a boring class that I fell asleep. Adj: of this/that kind, the same kind or similar E.g. I have never seen such flowers. Pron: He is a competent tutor and has always been regarded as such by his colleagues. จากคุณ : tonmelb - [ 28 พ.ย. 49 21:53:40 A:203.209.117.150 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Ever more = evermore = for evermore เป็นภาษาเขียน ภากลอน วรรณคดีนะครับ หมายความว่า ตลอดไป ตลอดกาล = forever, for ever, always เช่น tonmelb will love Pancake for evermore. จากคุณ : tonmelb - [ 28 พ.ย. 49 21:54:16 A:203.209.117.150 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ข้อเขียนเขียนถึงผู้ที่ฝึกภาษาที่เวปครูเคทครับ ************************** 5 December 2006 Happy Father’s Day ครับ Tonmelb ขอให้คุณพ่อทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรงในวันนี้และทุก ๆวัน ลูก ๆ ที่น่ารักไปหาคุณพ่อคุณแล้วหรือยังครับ? มาทำความดีเพื่อในหลวง เพื่อชาติ ของเรากันดีกว่าครับ ผู้อ่านเป็นอย่างไรบ้างครับ ฝึกฝนภาษาอังกฤษไปถึงไหน? อาจจะมีหลาย ๆคน บอกว่า ------------ ก็ฝึกฝนอยู่ได้หลายเดือนหรือได้ 1-2 ปี แล้ว ก็ดูเหมือนไม่ไปไหนไกลเลย มีอะไรจะแนะหรือได้ฝึกฝนผิดหรือเปล่า ทำไมมันถึงยากถึงเย็นเหลือเกินสำหรับภาษานี้----------- ขอย้ำอีกครั้ง----------------- ไม่ยากจนเกินความสามารถของคุณ ที่จะเรียนเพื่อนำไปใช้------------ จากคุณ : tonmelb - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:43:51 A:203.209.123.47 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ แล้วทำไมผม/ดิฉัน-หนูถึง(รู้สึกว่า)ไม่ไปไหนเลย? คำตอบ: ถ้าคุณเพิ่งมาเริ่มตอนนี้ (ตอนโตแล้ว—20+) คุณต้องยอมรับข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า ------------- คุณจะมีปัญหาเหมือนกับคนไทยรุ่นเดียวกับคุณส่วนใหญ่ นั่นคือ คุณไม่มีพื้นฐาน เน้นพื้นฐานครับ คุณ ไม่มีจริง ๆ ที่มีอยู่ก็สะเปะสะปะสิ้นดี เกรด 4 ก็ไร้ค่า เพราะสิ่งที่สอนมา ไม่ได้มาในแนวเพื่อไว้ใช้ you are being tested for what you have leant so far แต่ที่ผมเห็น ( และถ้าไม่โกหกตัวเอง คุณเองก็รู้ดี) คุณไม่ได้มาเริ่มเรียนปูพื้นฐานเลย คุณเรียน Conversation เพื่อหาทางลัด หาทางประหยัดแรง เวลาและเงินให้มากที่สุด เพราะคุณมาเริ่มตอนนี้ ภาระมันเยอะ เวลามันน้อย แต่ถ้าไม่ได้เรียนตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มตอนไหน Tonmelb เห็นด้วยที่คุณต้องเรียนพูด ต้องเรียน Conversation เพราะต้องไว้ใช้เลย แต่ที่เขียนมานี้ เพราะรู้ว่า ----------------- ทุกสิ่งทุกอย่าง คุณจะหยุดตรงนี้ ตรง Conversation course---------- ธรรมชาติของภาษา โดยเฉพาะคุณมาเรียนตอนนี้ มันใช้เวลาหลาย ๆ ปี กว่าจะขึ้นแต่ละระดับ from beginning to advanced proficiency in English ผมอยู่ศูนย์ภาษามาก่อน รู้ดี ค่า Run ศูนย์แต่ละเดือนตกแสนกว่าเชียวนะคุณ ทางเขา ก็เสียคุณไปไม่ได้หรอก เพราะผู้เรียนไทยมาแนวนี้ ผู้เรียนจะเรียนกับฝรั่งอย่างเดียวเลย ถึงจะไม่รู้เรื่องเลย เมื่อก่อนผมจะถามตรง ๆ แต่ช่วงหลัง ไม่ถามแล้ว เพราะคนจะเรียน คงจะห้ามไม่ได้ เงินจะได้เข้าศูนย์ด้วย และผมก็รู้ หลังจากจบ Course เขาก็ไม่ได้อะไร นอกจากความสุขที่ได้พูดภาษาอังกฤษ (ตามแบบฉบับของคุณเขา) จากคุณ : tonmelb - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:44:25 A:203.209.123.47 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ---------------------------------- แล้วจะแก้ไขอย่างไร มีทางออกไหม?----------- ต้องแก้ไขที่ตัวเอง การเรียนที่เป็นธรรมชาติในมุมมองของผมคือ: ทำให้การเรียนภาษานี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ เป็นเรื่องธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง เหมือนตื่นมาก็แปรงฟัน อาบน้ำ ใช่ครับ tonmelb เขียนไม่ผิดหรอก เหมือนหายใจ เหมือนตื่นมาก็แปรงฟัน อาบน้ำ ไม่ต้องรอครู รอกำลังใจ เช่น เมื่อไปเรียน Conversation course กลับมาก็มาทบทวน อ่านหนังสือพิมพ์ อ่าน Mags ฟังข่าว BBC CNN CNBC etc พูดคนเดียว อย่าอ้างนะครับ ว่าไม่มีเวลา อย่าหาแต่ข้อแก้ตัว อย่ารอ อย่าคาดหวังว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้ต้องเกิดขึ้นก่อน ถึงต้องฝึก และถ้าฝึก -----------------ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอนะครับ-------------- คุณลองทำอย่างที่ผมแนะซิครับ ประมาณ 3-5 ปี ภาษาของคุณจะดีขึ้น คุณจะมี---- พื้นฐานจริง ๆ ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่แบบนี้-------------- ภาษามันใช้เวลา Tonmelb รู้เป็นอย่างดี อุปสรรคอีก 1 ข้อคือ @ แค่พอพูดได้ ไม่ต้องการรู้อะไรลึกนัก จะนำไปใช้ @@@ ประเด็นนี้ ที่---คุณและผม รู้ดี --- นี่คือ รูปแบบการเรียน-สอนภาษาในบ้านเรา และความต้องการของคนส่วนใหญ่ ทางศูนย์ก็จัดให้ Business as usual อยู่แล้ว ขณะทางผม อยากเห็น--- การต่อยอดความรู้จริง ๆในประเทศนี้ ของคนไทยส่วนใหญ่ (ต้องยอมรับ คนที่ใช้ภาษาได้ เป็นคนส่วนน้อยในประเทศ) ---- ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:45:12 A:203.209.123.47 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 22 วัฒนธรรมและโครงสร้างของสังคมไทย สิ่งแวดล้อม เช่นกัน ผมสอนอยู่ที่โรงเรียนโครงการนานาชาติ ยากครับและแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะให้ผู้ปกครองของเด็กพูดภาษาอังกฤษที่บ้าน หรือให้เด็กนักเรียนพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนหรือภายในโรงเรียนทุกครั้ง แต่อาจารย์และรวมทั้งตัวผม ก็พยายามให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามนักเรียนในโครงการนี้ ภาษาเขาดีทีเดียว เพราะได้ฟัง/พูด/อ่าน/เขียน วันล่ะ 7-8 hours a day ที่ผมยกตัวอย่างของนักเรียนในโรงเรียนผมนี้ เพื่อให้ลองย้อนกลับมาที่ตัวคุณ เด็กในโครงการ ปัญหาของความต่อเนื่อง ก็ยังมีปัญหาเลยครับ แต่เด็กได้ใช้ภาษาเยอะ ก้เลยไม่เท่าไหร่ แต่ตัวคุณซิ เต็มที่ ก็อาทิตย์ละ 1-3 ครั้งเอง และครั้งละ 1-2 เอง และคุณมีภาระเรื่องงาน เรื่องครอบครัว ดังนั้นคุณเองมีเหตุผลทุกเหตุผลเลยนะครับ ว่า---------------- ห้ามขี้เกียจ ห้ามท้อ ขวนขวาย ๆๆๆๆ สู้ ๆๆๆ -------- นอกจากวัฒนธรรมและโครงสร้างของสังคมไทยแล้ว นิสัยที่ไม่ดีบางอย่างของคนไทย ก็เป็นอุปสรรค เช่น ขาดวินัย ขาดความอดทน มักง่าย ไร้ระเบียบ อยากได้อะไรง่าย ๆและเร็ว ๆ เราหลาย ๆคน ไม่ค่อยชอบ คนที่เหนือกว่า เก่งกว่า etc เพราะเคยโดนคนเก่ง คนรวย คนมีอำนาจเหนือกว่า เอาเปรียบ ดูถูก ผมไม่เถียงหรอก เพราะมันเกิดขึ้นอยู่ทุกวันในสังคมไทย แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นว่า ประเทศไทย สังคมไทย เรายังอยู่ได้ครับ ๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ จากคุณ : tonmelb - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:46:05 A:203.209.123.47 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมไม่ท้อ ( แต่ก็เบื่อในบางครั้งนะ) ยังหวังต่อไป สำหรับผม เวลาน้อยลง เลยจะตอบคำถามให้น้อยลง ตั้งใจมากว่า อยากจะนำสิ่งที่ได้อ่านมา มาเขียนวิเคราะห์ และให้ออกมาทาง Conversational English/ Everyday English ปัญหาเรื่องเวลา ก็ถือว่าหนัก แต่ความคิดแปลก ๆ ของผมช่วงหลัง (อาจเริ่มล้า เริ่มเหนื่อยและหมดหวังกับสิ่งที่ทำ) คือ ทำไปก็เท่านั้น จะกลายเป็นพร่ำ ไปเปล่า ๆ ช่วงนี้ เบื่อ ๆ อยาก ๆ ช่วงนี้ผมยอมรับว่าพยายามบอกตัวเองให้เขียนทีละนิดทีละหน่อย ที่เขียนมา ลบไปเยอะเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ตัน คุณคิดเองแล้วกันครับ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้---ความฝันของคุณไม่เป็นจริง—ให้คุณเสียเงิน เสียเวลาเปล่า ๆ วิธี/หนทางที่ทำให้คุณสามารถสื่อสารได้ ผมและคนอื่น ๆ เขียนให้แล้ว เหลือแต่ปฏิบัติครับ ความฝันของคุณ(อาจ)จะเป็นจริง มาจากตัวคุณครับ ในฐานะที่ผมเป็น Results-oriented จึงอยากเห็นผล ไม่อยากให้เป็นการคุยสนุก ๆ ผ่าน ๆไปนะครับ เหมือนที่เป็นอยู่ Best regards จากคุณ : tonmelb - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:47:03 A:203.209.123.47 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 24 6 December 2006 ขอบคุณครับ เรื่องการดูถูก ดูแคลน หมั่นไส้ อิจฉา และอะไร ๆ ประมาณนี้เกิดขึ้นทุกวันล่ะครับ ซึ่งบางคนที่ดูถูกเรา ก็เก่งกว่าเราจริง ๆ ประมาณว่าโชคดีที่เกิดมาฉลาดหลักแหลม ชาติตระกูลดี ฐานะดี มาจากครอบครัวดี แต่ไม่คิดดีกับคนที่ด้อยกว่า ไม่ช่วยเหลือ --- แต่ก็ต้องดูเหมือนกันนะครับ หลาย ๆครั้งคนที่ด้อยเนี่ยแหล่ะ ทำตัวกร่าง ทำตัวให้ถูกดูถูกเหมือนกัน อาชีพครู/อาจารย์ในโรงเรียนก็เหมือนกัน tonmelb ว่าคนไทยหลายคนก็ไม่ได้มองแบบสูงส่ง หรือคิดว่า -------------- คน ๆนี้ต้องเก่งแน่นอน ถึงได้มาทำงานเป็นครู-อาจารย์ที่โรงเรียน------------- ส่วนใหญ่จะคิดว่า ----------- ไม่มีที่ไป หรือก็งั้น ๆ สอนได้ ทั่วๆ ไป--- คนทำงานสายการบิน เลขาฯ etc เก่งกว่าเยอะ ถ้าเก่งจริง เงินเดือนต้องมากซิ ( ครูหลาย ๆท่านคิดว่า เกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นครูสูงกว่าเงินเดือนเว้ย) tonmelb ไม่ได้คิดอย่างนั้น อยากทำให้ดีที่สุด อยากสอนให้ดีที่สุด และได้เงินเดือนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แต่ขอให้สอนที่โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนใหม่ ถือว่าถูกใจมาก เงินเดือนก็ดีพอสมควร) เกียรติและศักดิ์ศรีที่มี มาจากการที่ทำตัวดีมากกว่า) ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 6 ธ.ค. 49 22:09:50 A:203.209.117.172 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 25 Tonmelb ยืมหนังสือมาเยอะเหมือนกัน เพราะห้องสมุดเขาดีมาก ๆ ทีเดียว Language Lab ก็สุดยอดนะครับ ไว้ถ้าว่าง ๆ จะเข้าไปศึกษาหน่อย ปัญหาที่คุยมานั่นคือ: ระดับความคิดและภาษาของคนอ่านส่วนใหญ่ Basic สุด ๆ เนี่ยอ่านแล้วงงนะครับ เคยโดนติ (เพื่อก่อ) จากผู้อ่านมาแล้วว่า เขียนดี วิเคราะห์ดี รู้ว่าอาจารย์เก่งแน่ ๆ แต่ หนู/ผมอ่านไม่เข้าใจ คิดไม่ทัน ไปไม่ถึง ลึกไม่พอ ------------------- เพราะแค่ Basic ๆ พื้นฐานยังไม่มีเลย และถึงแม้กำลังเรียน Course ภาษาอยู่ ก็ยังไปไหนเลย ไม่ต่อเนื่องด้วย เพราะทำงาน และไม่ชอบภาษา หรือหัวไม่ดี ถึงต่อไม่ติดกับ Concept ที่อาจารย์เขียน ------------------- ช่วงหลัง ต้องปรับ แต่เพราะว่าเมื่อก่อนหรือแม้แต่ตอนนี้ เวลาผมน้อย แต่มีใจให้ เวลาเขียน ไม่ค่อยใช้เวลามาอ่านแล้วอ่านอีก (แต่ข้อมูลไม่มั่วแน่นอนครับ) จากคุณ : tonmelb - [ 6 ธ.ค. 49 22:10:40 A:203.209.117.172 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แต่สิ่งที่ผมพบคือ สิ่งที่เราพยายามให้ เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ทั้ง ๆ ที่ tonmleb เรียนเสมอ ๆ ว่า ไม่ว่าคุณจะเรียนเอาไว้แค่พอที่จะสื่อสารให้ได้ดีในระดับหนึ่ง หรือ ไว้สอน หรือแบบให้เก่ง ๆ เลย จุดเริ่มต้นหรือพื้นฐาน Framework ของการฝึก ระยะเวลา ------------------- เริ่มที่จุดเดียวกัน วิธีคล้าย ๆกัน เพียงแต่ว่า ถ้าแค่พอสื่อสารได้ คุณไม่ต้องทำเหมือนผม ไม่ต้องฝึกฝนทุกวัน ไม่ต้องลงไปลึก ไม่ต้องซื้อหนังสือบ่อย ๆ ไม่ต้องขวนขวายใช้ภาษา ไม่ต้องนั่งหน้าจอวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า เขียน English Column --------------------- แต่สิ่งที่หลาย ๆคนทำ/ที่เรียนอยู่ ไม่ใช่ เราแสวงหาทางลัด และหลอกตัวเองลงคอ เชียวล่ะครับ ที่ใช้อยู่ กลายเป็นว่า เออ ประมาณนั้นแหล่ะ คุณลองคิดดู ถ้าสิ่งที่คุณสื่อสารมามันตรงประเด็นในสิ่งที่คุณอยากพูด 60% -70% ต่อให้พูดชัดด้วย หรือพูดชัด แต่ แต่ลิมิตมาก ๆ คือถ้าคุยเรื่อง Presentation สบาย ๆ แต่ถ้าคุยเรื่องทั่ว ๆ ไป ๆ สัพเพเหระ ความรัก การเมือง การศึกษา etc พูดไม่ได้ ความต้องการของคุณ ของคนไทย ----------มักน้อยมาก-------------- คือไม่อยากได้ และไม่จำเป็นเพราะบ้านเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว หรือถ้าจำเป็น ก็ไม่จำเป็นต้องเก่งมากนักเลย เขา(ที่ทำงาน เจ้านาย) ให้คุณไปเรียนเพื่อพอที่จะสื่อสารได้(บ้าง)เอง คำถามที่ผมตอบที่ผ่านมา คำถามเหล่านี้เหมือนกับ-------------หนวดปลาหมึกเลยครับ ที่จะรัดผมให้จมน้ำไปด้วย—ไม่ต้องไปต่อยอดให้ใครแล้ว แค่ใช้เวลาตอบคำถาม ก็มึนแล้ว------ ผมสามารถพูดได้เลยว่า ต่อให้ผมตอบคำถามอย่างละเอียดไปอีก 5-10 ปี ระดับความรู้-ความเข้าใจของคนไทย ก็ยังเหมือนกัน และจะดูแย่กว่าเดิมด้วย คุณเห็นด้วยไหม? แต่ผมไม่ยอมแพ้ ผมคิดใหญ่ หวังสูง และต้องไปให้ถึง ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 6 ธ.ค. 49 22:11:59 A:203.209.117.172 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มันสะท้อนมาก ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาอังกฤษของคนไทย ไม่มี และที่มี ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวข้อง สำนวนทั่ว ๆไปที่เขาพูด/เขียนกันทั่วบ้านทั่วเมือง พอมาถึงเมืองไทย/ คนไทย ----------------- มันกลายเป็นอะไรที่ยากไปหมดเลย เช่นเรื่อง A, an or the เรื่อง Prep. มั่วไปหมด ไม่รู้ เรื่อง Stress and intonation ของประโยคธรรมดา ของคำ ก็ไม่ได้ Phonics บางคนเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต etc------------------------------ มาถึงตรงนี้ อย่าว่าแต่คุณเลย ผมเอง ก็ต้องถามตัวเองเหมือนกัน -----------------แล้วจะเริ่มเขียนตรงไหนหว่า แล้วต้องใช้เวลากันจริง ๆ กี่ปี ที่จะแก้ไขนิสัยคนไทย ให้คนไทยเรียนภาษากันอย่างถูกต้อง ให้เห็นตรงกัน พื้นฐานให้ได้กันซะที ต่อยอดซะที แล้วอุปสรรคต่าง ๆที่มาจากคนและสิ่งแวดล้อม ในเมื่อแก้ไขไม่ได้ การไม่พึ่งตัวเอง การเข้าใจผิด การหลงผิด Big ego ในเมื่อคุณบางคนไม่แก้ไข ------------- ถึงจะมีปัญหาอะไรก็ตาม ก็คงเขียนไปเรื่อย ๆ ล่ะครับ โอ ! ลืมตัวอีกแล้ว 10:00 PM กว่าแล้ว ต้องไปนอน ต้องตื่น 4:50 am ทุกวัน Good night จากคุณ : tonmelb - [ 6 ธ.ค. 49 22:13:37 A:203.209.117.172 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โดยคุณ วาปี [10-12-2006 22:01] #5526 (12/14) คุณ tonmelb คะ... ดิฉันก็เป็นเพียงตาสีตาสาหรือชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่มีความรู้ทางวิชาการอะไรมากมายเท่าตัวคุณเลย คุณ tonmelb ช่วยอธิบายให้ดิฉันฟังแบบกระชับและเรียบง่ายได้ไหมคะว่า phonis ที่คุณว่าคืออะไร แล้ว stress กับ intonation คืออะไร มีบทบาทและหน้าที่ในตัวภาษาอย่างไร ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ ท่านนี้เป็นอาจารย์ทางด้านภาษาศาสตร์ ( ถ้าผมจำไม่ผิด) tonmelb ก็ขออาสาเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหน่อยนะครับ เผผื่อผิดอะไร tonmelb จะได้เรียนรู้ จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 00:25:15 A:203.209.117.84 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โดยคุณ tonmelb [11-12-2006 00:21] #5532 (14/14) ขอบคุณครับ อาจารย์วาปี ตัวผมเองก็ไม่มีความรู้ทางด้านภาษาศาสตร์โดยตรงนัก เเต่ช่วงหลังได้กลับมาศึกษา หาหนังสืออ่านที่เกี่ยวกับ English Pronunciation, phonics and sounds and rhythm ครับ ขออธิบายตาม style ของผมนะครับ Word stress ก็มี strong stress and light stress Stress มีตั้งเเต่ 1 -3 1 : I KNOW him. He's a Student. 2: She's Learning Spanish. 3: I'm Leaving for MELbourne toMOrrow. ฬน word stress ก็สามารดเเสดงถึง new information and old information ด้วยครับ เช่น I lost my BOOK. WHICH book? ( old infor) My HIStory book. Unstressed: What (do) (you) think? reduced, not reduced vowels reduced vowels = schwa ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ Phrase/Sentence stress and rhythm เช่น to (2) the (1) bank(3) = (บันได)เสียงของ to จะสูงเเล้วลงมาต่ำหน่อยตรงคำ the เเล้วขึ้นเเล้วเน้นเช้มที่เสียงที่คำ bank What (2) is(1)your(1) Name(3)? คำถามทั่วไปที่ไม่ใช่ Yes/No question จะจบลงที่ falling tone ---------------------Normal sentence focus What is YOUR name? -------------------- Special sentence focus ในคำถามที่มีให้เลือก เช่น Would you like coffee ( rising tone), tea(rising tone), or milk (faliing tone/pitch)? เเละยังมี พวก blending , gliding, intonation( pitch pattern- lower and Higher), thought groups I heard it aGain. ( falling tone) ---- Glides I can see a Rain( Rising)bow (falling) --- steps Vowel length : in the stressed syllable is longer Clear vowel/ vowel clarity : the stressed syllable has a full, clear vowel. Pitch: The stressed syllable has a higher pitch Intonation is the rise and fall in the pitch of the voice. English rhythm สำคัญมาก ๆ ถ้าต้องการให้เรามี Englishness ในเเต่ละประโยคไม่ว่าสั้นฝยาว อาจจบในระยะเดียวกัน ผมมองในการออกเสียงเเต่ละวลี/ประโยคเหมือนห้องดนตรี ที่มีความไพเราะ หนัก เบา เน้น ไม่เน้น ต่างกัน เหมือนเกลียวคลื่น เรื่อง Phonics ก็มีที่เรา ๆทราบว่า 1. Consonants 2. Short and long vowels 3. Variants 4 R -controlled vowels 5. Digraphs เช่น ch, sh th ... 6. Consonant Blends เช่น sp, sk, fr, fl, gr, gl, cr, etc 7. Phonographs เช่น ell/all, -ake/-ane 8. Inflected endings 9. Structural analysis e.g compound words, possessive, contractions, irregular plurals อาจารย์วาปีมีอะไรเเนะนำได้นะครับ ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 00:26:06 A:203.209.117.84 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โดยคุณ วาปี [11-12-2006 02:25] #5533 (15/21) ดิฉันไม่หาญกล้ามีคำแนะนำอะไรให้คุณ tonmelb หรอกค่ะ เพราะดิฉันก็มิได้เก่งกล้าสามารถที่จะไปแข่งขันกับใครเขาได้ แล้วอีกอย่างจากข้อมูลที่คุณ tonmelb อ้างมาทั้งหมดก็แสดงให้เห็นว่าคุณทำการศึกษาเรื่องที่จะอธิบายมาก่อนแล้วอย่างดี เพียงแต่ว่าดิฉันยังตามคำอธิบายบางส่วนไม่ค่อยทัน อาทิ เช่น การกล่าวถึงการลงน้ำหนักเสียงบนพยางค์ (stress) ซึ่งจำแนกออกเป็น การลงน้ำหนักเสียงในคำ (word stress) และการลงน้ำหนักเสียงในประโยค (sentence stress) นั้นยังดูปะปนกันอยู่บ้างทำให้เข้าใจยากพอสมควร เมื่ออ่านอย่างระมัดระวังอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงจะเห็นว่าคำอธิบายของคุณ tonmelb มีครบในเรื่องตัวอย่างของการลงน้ำหนักเสียงบนพยางค์ เรื่องต่อมาก็คือเผอิญว่าดิฉันได้เขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการแปรของทำนองเสียง (intonational variation) แล้วไปเจอการศึกษาของแรนโด้ (Rando, 1976, quoted in Waugh and Schooneveld, 1980, pp. 243-278) เข้าทำให้ทราบว่า ทำนองเสียงในประโยค yes/no question ในภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องใช้ทำนองเสียงรูปแบบขึ้น (rise) เสมอไปเมื่อผู้พูดกล่าวในสถานการณ์เฉพาะ (special circumstance) 3 สถานการณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ดิฉันถือว่าเป็นส่วนเสริมความรู้เดิมที่คุณ tonmelb ได้กล่าวมาแล้วก็แล้วกันนะคะ ส่วนเนื้อหาจะเป็นอย่างไรนั้นดิฉันคงไม่สะดวกจะนำมาโพสท์ไว้ในที่นี้ เนื่องจากข้อจำกัดในด้านตัวอักษร เส้น และอื่นๆ คงต้องรบกวนให้ลองไปศึกษาเองหากสนใจนะคะ ส่วนคำอธิบายหนึ่งของคุณ tonmelb ที่ว่า "Intonation is the rise and fall in the pitch of the voice." นั้นดูเป็นข้อสรุปที่มาจากการศึกษาด้านเสียงตามแนวทางสัทวิทยาหน่วยเสียง (phonemic approach) อย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากกล่าวถึงแต่เพียงองค์ประกอบด้านระดับเสียงและทิศทางเสียง (pitch height and pitch direction) ซึ่งเป็นลักษณะทั่วๆ ไปของทำนองเสียงที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าควรเป็นไปในลักษณะนี้และสามารถจำแนกให้เห็นถึงความแตกต่างได้ด้วยขอบข่ายในการฟังทั่วๆ ไป (auditory repertoire) ดิฉันนึกเสียดายอยู่ลึกๆ ที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงทำนองเสียงในแนวทางสัทสัมพันธ์ (prosodic approach) เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเป็นแนวทางที่มุ่งอธิบายองค์ประกอบทางเสียงของทำนองเสียงที่ครอบคลุมและชัดเจนตรงตามความเป็นจริงมากที่สุด ดังที่เคยมีการศึกษาทำนองเสียงในภาษาไทยของอาจารย์สุดาพร ลักษณียนาวิน (Luksaneeyanawin, 1980) มาแล้วในอดีต อีกประการหนึ่ง จริงๆ แล้ว เมื่อแรกดิฉันไม่แน่ใจว่าควรจะเอ่ยปากดีหรือไม่ แต่เนื่องจากเห็นว่าคุณ tonmelb ได้กล่าวถึงหน้าที่ของทำนองเสียงมาบ้างก็เลยปราถนาจะเห็นการอธิบายถึงเรื่อง Finality VS Non-Finality ด้วย ดังนั้นหากดิฉันมีโอกาสก็จะขอรอคำอธิบายจากคุณ tonmelb อย่างใจจดใจจ่อนะคะ ข้อสุดท้าย การอธิบายเรื่อง Phonics ของคุณ tonmelb นั้นสรุปว่าเป็นเรื่องของเสียงในหน่วยพยางค์ (segmental unit) ได้แก่ เสียงพยัญชนะและสระเท่านั้นหรือคะ? ไม่รวมถึงพวกหน่วยเสียงพิเศษหรือสัทสัมพันธลักษณ์เรื่องอื่นๆ (suprasegmental unit / prosodic feature) ได้แก่ การลงน้ำหนักเสียงบนพยางค์ ระดับเสียง ทำนองเสียง จังหวะเสียง ความดัง ความเร็ว เป็นต้นหรอกเหรอคะ? ตรงนี้ดิฉันไม่ทราบจริงๆ รบกวนช่วยขยายความให้กระจ่างกว่านี้หน่อยได้หรือเปล่าคะ? ความรู้งูๆ ปลาๆ ของดิฉันก็มีอยู่เพียงเท่านี้ รบกวนคุณ tonmelb ช่วยส่งเสริม ขัดเกลาให้ดิฉันได้มีความชำนาญการยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานให้ลูกนกลูกกาตัวเล็กๆ ได้อิ่มเอมในอมตะรสแห่งความรู้ด้านนี้ด้วยเถิดค่ะ -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ ชอบเหมือนกัน [11-12-2006 03:16] #5534 (16/21) ได้อิ่มเอมในอมตะรสแห่งความรู้ด้านนี้ ผมชอบคำนี้จังอาจารย์--------------------------------------------------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 22:48:05 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โดยคุณ tonmelb [11-12-2006 09:58] #5535 (17/21) โห อาจารย์ครับ คำนี้ทำผมขนลุกเหมือนกันนะ -----------------ความรู้งูๆ ปลาๆ ของดิฉันก็มีอยู่เพียงเท่านี้ รบกวนคุณ tonmelb ช่วยส่งเสริม ขัดเกลาให้ดิฉันได้มีความชำนาญการยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยนะคะ ถือว่าทำบุญทำทานให้ลูกนกลูกกาตัวเล็กๆ ได้อิ่มเอมในอมตะรสแห่งความรู้ด้านนี้ด้วยเถิดค่ะ--------------- ผมเช่นกัน งู ๆปลา ๆ ครับ เช่น (suprasegmental unit / prosodic feature) ได้แก่ การลงน้ำหนักเสียงบนพยางค์ ระดับเสียง ทำนองเสียง จังหวะเสียง ความดัง ความเร็ว เป็นต้นหรอกเหรอคะ? ผมได้อ่านมาบ้าง เเต่ไม่เคยได้ลงเรียนเเบบลึก ๆ เลยนะครับ เรียนเช่นนี้ครับ ทุกอย่างที่ผมศึกษา ผมจะใช้ประสบการณ์ภาษาที่ผมมีอยู่มี Existing knowledge ทำความเข้าใจกับมัน เเล้วนำมาเขียน มา share ให้เพื่อน ๆที่นี่อ่าน ผมยอมรับ เขียนไปเเบบไม่มีเเนวอะไรมากนัก หรือตามเเบบวิชาการนัก ตามใจตัวเองมากกว่า (เเต่จะคำนึงถึงประโยชน์เเละเฃความถูกต้องของข็อมูลเช่นกัน) ขอบคุณ เดี๋ยวหัวค่ำกลับมาใหม่ ผมไปติวก่อนครับ ขอบคุณอาจารย์วาปีที่เข้ามาอ่าน ดีใจจัง ขอบคุณผู้อ่านทุกคน 300 hours in 2007 is approaching... -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ โบ๊ต [11-12-2006 15:43] #5541 (18/21) เดี๋ยวถ้าเรียนปริญญาโทจะทำวิทยานิพจน์วิจัยเกี่ยวกับสำเนียงภาษาอังกฤษของคนไทยดีกว่า -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ พัดชา [11-12-2006 16:53] #5542 (19/21) เว่อร์จัง -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ tonmelb [11-12-2006 17:29] #5543 (20/21) สวัสดีครับคุณพัดชา -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ จรัสดาว [11-12-2006 20:58] #5548 (21/21) ถ้าไม่มีอะไรทำก็ลองหันไปสวดมนต์หรือไม่ก็นั่งสมาธิดูนะคะคุณพัดชา จิตจะได้สงบขึ้นบ้าง จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 22:49:03 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 32 11 December 2006 หยุด 3 วัน ผู้อ่านคงได้ไปเที่ยว พักผ่อน etc นะครับ ผมเองอยู่บ้านเหมือนเดิม ก็ไม่เชิง ทำงานติวเหมือนเดิม วันนี้ผมมี 1 ใน New Year’s Resolutions มา share ครับ 300 hours in 2007 ผมตั้งใจไว้ว่า ผมจะหาอะไรมาเขียนและจะใช้เวลาที่ผมจะใช้ไปกับการเขียน ค้นคว้า โดยในแต่ละเดือนเวลาที่ใช้จะตกประมาณ 25 hours ดังนั้น 12 months = 300 hours แบ่งเป็น weekly plan ก็ประมาณ 6 hours and 15 minutes ตารางของผม คงจะเน้นไปที่--- การเขียนเก็บไว้อย่างสม่ำเสมอ แต่เวลาที่จะ Record ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ 300 hours นั้น คือเวลาที่ผมใช้ขัดเกลาภาษา ตรวจตราความถูกต้อง ความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนส่งครับ----- ดังนั้น 25 hours per month นั้นจะไม่รวมกับเวลาที่คิด ที่เขียนทั้งหมด อยากเชิญชวนให้ผู้อ่านลองเข้ามาติดตามอ่านตลอดทั้งปีดูนะครับ แล้วมาดูซิว่า ถ้าคุณลองนำวิธีผม(ที่ผมก็นำมาจากประสบการณ์คนอื่นบ้าง ตัวเองบ้าง จากการอ่านบ้าง ผมอ่านเยอะ) ภาษาของคุณพัฒนาไปถึงไหน พัฒนาได้จริงไหม? ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 22:49:59 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 33 300 hours in 2007 ผมตั้งใจจะนำ Printed material ทั้งหมดที่นำกลับมาจาก Australia นำมาฝาก นำมาเขียนครับ มาพูดคุยกัน ทิ้งไปเยอะเหมือนกัน คุณแม่บ่นว่า ต้น แกกลับไทย มีแต่ only the paper ผมเก็บมานานหลาย ๆปี แล้วครับ ข้อมูลที่มี (Authentic and contemporary English expressions) จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าคนไทยสามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ ถ้าเขาและเธอได้รับข้อมูลดี ๆ คืออะไรก็ได้ที่คุณเรียนในประเทศไทยนี้ แล้วมันใช้กับคนในอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา etc ไม่ใช่--------------- ที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้------------------ English expressions ที่ผมจะนำมาฝาก เพราะมันเป็น everyday English expressions คุณได้ฝึกการอ่านออกเสียง แต่แค่นี้ ไม่พอ เพราะคุณต้อง-------มีอะไร/ประโยคที่ต้องพูดออกไป ที่ฝรั่งเขาใช้กันนะ มันถึงจะครบสูตรครับ--------- นอกจาก Printed matter แล้ว ผมจะนำสิ่งได้ฟังจาก CNN the BBC CNBC และ the like นำมาเขียน นำมาคุย กัน ก่อนที่จะมี 300 hours in 2007 ผมจะรวมฮิตอีกครั้ง ผมจะนำข้อเขียนที่เขียนทั้งหมด คัดเลือกสรร มา post ให้อีกครั้ง เชิญเข้ามาอ่านกันนะครับ Good night ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 22:51:01 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผมละสงสารเด็กๆ ที่คุณจะสอนจริงๆ คุณเน้นแต่ technical term ว่าเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ ทั้งที่ตัวเองยังไม่เข้าใจ แล้วเด็กมันจะได้อะไร ก็เหมือนแม่ปูสอนลูกปู ฉันใดก็ฉันนั้น น่าจะไปอ่านเรื่องกามนิตก็จะพอเข้าใจ พระพุทธองค์ก็แนะนำหนทางที่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่กามนิตก็ยังดึงดันไปตามความคิดสงสัยของตัวเองอยู่ไม่มีวันเข้าถึงได้ สิ่งที่คุณขาดคือ เรียนเล่มใดให้ถ่องแท้แล้วจะรู้เองว่าจะสอนได้อย่างไร ไปอ่านหนังสือที่ผมแนะนำให้กระจ่างแล้วคุณจะไม่ต้องมาถามที่นี่อีกเลย การสอนเด็กให้รู้ภาษา ย้ำอย่าเน้น technical term เน้นรูปประโยค การใช้ ความหมาย แล้วจะดีเอง มัวแต่อธิบาย technical term ให้เด็กจำ มันจะช่วยเด็กอ่านตำราอังกฤษออก เขียนได้ พูดได้หรือ? พวก technical term มีไว้ช่วยให้เข้าใจความหมายเท่านั้น ไม่ต้องเน้น ทำไมผมพูดแบบนี้ เพราะผมเรียนมาทุกอย่าง ทั้งทฤษฎี การปฏิบัติ ลองผิดลองถูกมากว่า 40 ปีแล้ว กล้าพูดได้ว่า อาจารย์สอนภาษาอังกฤษทุกวันนี้ยังงมงายเหมือนแม่ปูครับ จากคุณ : K.Senior - [ 11 ธ.ค. 49 21:32:04 ] ความคิดเห็นที่ 8 -----------------------------------------การสอนเด็กให้รู้ภาษา ย้ำอย่าเน้น technical term เน้นรูปประโยค การใช้ ความหมาย แล้วจะดีเอง มัวแต่อธิบาย technical term ให้เด็กจำ มันจะช่วยเด็กอ่านตำราอังกฤษออก เขียนได้ พูดได้หรือ? พวก technical term มีไว้ช่วยให้เข้าใจความหมายเท่านั้น ไม่ต้องเน้น ทำไมผมพูดแบบนี้ เพราะผมเรียนมาทุกอย่าง ทั้งทฤษฎี การปฏิบัติ ลองผิดลองถูกมากว่า 40 ปีแล้ว กล้าพูดได้ว่า อาจารย์สอนภาษาอังกฤษทุกวันนี้ยังงมงายเหมือนแม่ปูครับ ---------------------------------- สุดยอดครับ คุณจขกทครับ tonmelb เเนะให้คุณทำตามเซียนภาษาท่านนี้นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 22:19:37 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ] ความคิดเห็นที่ 9 "อาจารย์สอนภาษาอังกฤษทุกวันนี้ยังงมงายเหมือนแม่ปูครับ " >> เป็นการฟันธงที่เกินไปไหม ???? ส่วนที่คุณได้สัมผัส คุณอาจออกความเห็นได้เช่นนี้ แต่ส่วนที่คุณยังไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้สัมผัส ที่สอนดีและรู้จริงก็มีมาก - เพียงแต่เขาไม่ได้เข้ามาอยู่ในวิถีของคุณเท่านั้น ส่วนคุณ จขกท ถ้าสอนแค่ประถม ม.ต้น ทำไมถึงต้องลงลึกขนาดนี้ คุณสอน E. Programme อยู่หรือยังไงคะ จากคุณ : o;] - [ 11 ธ.ค. 49 22:27:43 A:125.25.88.145 X: TicketID:012689 ] ความคิดเห็นที่ 10 อ้อ.. เพิ่งเห็นของคุณ tonmelb ด้วย คุณฟันธงเกินไปหรือเปล่าคะ??? คุณว่าวิธีของคุณดี แล้ววิธีของคนอื่นที่สอนแตกต่างไปจากคุณ กลายเป็นงงงาย ??? จากคุณ : o;] - [ 11 ธ.ค. 49 22:30:57 A:125.25.88.145 X: TicketID:012689 ] ความคิดเห็นที่ 11 แก้คำผิด กลายเป็นงมงาย ??? จากคุณ : o;] - [ 11 ธ.ค. 49 22:33:12 A:125.25.88.145 X: TicketID:012689 ] จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 23:12:19 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 12 ป้านวลมาติ ยอมรับผิดครับ ขอแก้ใหม่ "อาจารย์สอนภาษาอังกฤษทุกวันนี้ บางคน ยังงมงายเหมือนแม่ปูครับ" จากคุณ : K.Senior - [ 11 ธ.ค. 49 23:06:56 ] ความคิดเห็นที่ 13 ไม่นะครับ คุณนวล ผมไม่ได้หมายถึง---อาจารย์ทุกคน หรือ ทุกวิธีที่จะเป็นอะไรที่งมงายครับ--- ผมเชื่อว่า มีอาจารย์ที่สอนดีเเละรู้จริงกว่าผมมากมาย เเละผมก็ให้ความเคารพ ความจริงใจกับครูเหล่านั้นเสมอ เเต่เรื่อง--- ฟันธง--- นี่ถือว่า เป็นจุดยืนของผมนะครับ เป็นความเชื่อโดยส่วนตัวของผม จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 23:07:16 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ] ความคิดเห็นที่ 14 อ้าว ใจตรงกันอีกกับคุณ K.Senior เเล้วคุณนวล เขาจะโกรธผมไหมเนี่ย จะกลับมาชื่นชมผมอีกไหมเนี่ย โห ชีวิตไร้ค่า เลย เเล้วเขาจะเข้าใจ ผมผิดไหมเนี่ย โดมผู้จองหอ เอ๊ย ผู้จองหอง จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 23:10:59 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ] K.Senior หมายถึง จขกท นะครับ ในคคหที่ 34 จากคุณ : tonmelb - [ 11 ธ.ค. 49 23:15:03 A:203.209.123.25 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รวมฮิต In 2006 Discern (fml) to notice something especially after thinking about it carefully or studying it. เป็นคำ Formal นะครับ หมายความว่า ถ้าเรา discern เราเข้าใจ/เห็นถึงความแตกต่าง อะไรบางสิ่งบางอย่าง (ซึ่งต้องการใช้สมองวิเคราะห์ เพราะความแตกต่าง etc ไม่เด่นชัดจนเห็นได้ง่าย ผู้ที่สังเกตเห็น ต้องมีความรู้-ประสบการณ์อยู่แล้ว มี good judgement วิจารณญาณที่ดี) มาดูตัวอย่างครับ Discern a difference / pattern/reason There is a discernible/ discernable (AmE) in his condition. Discerning students (นักเรียนที่มีวิจารณญาณดี รู้จักวิเคราะห์เป็น) Discerning readers/customers/ eyes Discerning ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:30:35 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Don’t clatter your knives and folks. อย่า(หยุด)ทำเสียงดังเสียงกริ๊งกร๊าง (เสียงที่เกิดจากมีดและส้อมกระทบกัน) A thin trickle of blood ไหลหยด You have rather a sharp tongue/ You are rather sharp-tongued. ปากจัด ปากคอเราะร้าย Sharp ears and eyes หูไวตาไว Tanapol is sharp/ a sharp student. ฉลาด คม ไหวพริบดี ไว A sharp mind/wit/intellect How can tonmelb some up with sharp questions all the time? Sara spoke sharply to her boyfriend. Remember to keep a sharp eye/watch on children when going on a school trip. @@@@@@@@@@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:31:41 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Thanks for your question, krub. To some extent, to a certain extent, to a limited extend = partly, but not completely true; somewhat ค่อนข้างจะ, ค่อนข้างจะ, มีอยู่บ้าง Extent = degree ครับ เช่น To some extent, a certain extent, tonmelb was responsible for the accident. Tonmelb (ไม่มากก็น้อย มีส่วนแล้วกันที่ต้องรับผิดชอบ) ในอุบัติเหตุครั้งนี้ I agree with you to some extent. เห็นด้วยเป็นบางข้อ To a considerable, large, great, significant extent = mainly/mostly true To a large extent, your success in learning English depends on your attitude towards English. การที่คุณจะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษขึ้นอยู่ที่ทัศนคติของคุณเป็นส่วนใหญ่ To the extent/to such an extent ถึงระดับนั้น ๆ (มักจะกล่าวถึงเรื่องไม่ดี) เช่น Tonmelb’s BMW was damaged to the extent/to such an extent that it could not be repaired. มันพังซะเกินกว่าจะซ่อมให้กลับมาดังเดิมได้ To what extent (how much = เท่าไหน) To what extent can he be trusted? เขาน่าไว้ใจมากน้อยเท่าไหน?( เราจะเชื่อเขาได้มากน้อยเท่าไหน?) @@@@@@@@ To what extent มักจะปรากฏใน essay topics etc เช่น To what extent do you agree with ? คุณเห็นด้วยมากน้อย(ระดับใด) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:34:17 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 39 May I add here? Circumstances: สถานการณ์, สิ่งแวดล้อม, สถานภาพ You shouldn’t judge Tom until you know (all) the circumstances. จนรู้เรื่องทั้งหมด(อะไรเกิดขึ้นมา ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร etc) Under/in the circumstances, he did the best he could. ใน/ภายใต้สถานการณ์, สิ่งแวดล้อมเช่นนั้น/ลักษณะนั้น (ถือว่า) เขาได้ทำดีที่สุดแล้ว Under no circumstances, must you leave your room. ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม ห้ามออกจากห้อง I will not be here next week so under the circumstances I wouldn’t have enough time to finish the work. (เพราะ)จะไม่อยู่ 2 วัน งาน (คง) ไม่เสร็จ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:35:53 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Vocabulary and expression Exacting (adj) E.g. an exacting piece of work/ an exacting task/job งานที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ๆ Tonmelb is an exacting English tutor. เคี่ยวมาก/หินมาก/โหดมาก (เข้มงวดสุด ๆ) Exacting standards มาตรฐานที่เข้มสุด ๆ The wind/rain slackened. ลมอ่อนกำลังลง, ฝนซาลง = the rain seems to be slacking off. I am not busy right now, so I can slack off a bit. เวลานี้ไม่ค่อยยุ่ง ดังนั้นอู้ได้ Kul has an intimate knowledge of English. คุณ kul มีความชำนาญในภาษาอังกฤษอย่างยิ่งยวด ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:36:56 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เรามาดูคำว่า Exact as a verb ขอยกมา 2 egs: She successfully exacted a written apology from the magazine’s editor. หล่อนได้รับจดหมายขอโทษเป็นลายลักษณ์อักษรจากบอกอ(บีบคั้น-คาดคั้น-เรียกร้องหลาย ๆวิธี จนบอกอเล่มนั้นอยู่เฉยไม่ได้ ต้องออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ) Sam used the media to media to help him/her to exact a terrible revenge on the people who ruined her political career. Sam ใช้สื่อในการล้างแค้นอย่างสาสมกับคนที่ทำลายอนาคตทางการเมืองของเธอ/เขา Exact payment of somebody บีบให้จ่ายมา Heart bypass operation exacts tremendous skill and concentration. (โทษนะครับ Bypass ไม่รู้คำไทยใช้ว่าอะไร เขาใช้ bypass เลยใช่ไหมครับ) ต้องมี/ใช้ทักษะและสมาธิอย่างมาก ๆๆ การใช้ Exact เป็นแบบทางการนะครับ ถ้าใช้ require / need ก้ได้แต่ไม่ตรง ไม่เหมาะสม เช่น Need is a general word คำทั่ว ๆ ไป และ require ไม่ตรงนัก too vague เพราะการผ่าตัดหัวใจนั้นหนักหนาถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง จำเป็นต้องหาคำที่ตรงและเหมาะสมกันจริง ๆ need or require is too general a word คำ exact เหมาะสมและใช่เลยทั้งในด้านความหมายและอารมณ์ ทำไม tonmelb ถึงต้องเขียนว่า ทั้งทางด้านอารมณ์ Phew สมัยนี้ อ่านภาษาไทยแล้วขัด/สะดุดอารมณ์ งานเขียนที่ดีต้องเข้าถึงทางด้านอารมณ์ด้วย (ซึ่งตัวผมความสามารถก็ยังน้อย คงจะอธิบายเป็นหลักการไม่ได้เรื่อง ได้แต่รู้สึก) ความหมายคือ house ความลงตัวของอารมณ์คือ home สำหรับผมนะ เพราะภาษามันมีมิตินะ ไม่อยากให้เรียนภาษา เหมือนกับเรามี “ลิ้นจระเข้” คือได้แต่กิน (เรียน) ไม่รู้รส (ไม่วิเคราะห์ ไม่ยากหรอก a critical thinker สนุกมาก ๆ ครับ) ส่วนที่จะรู้/ทราบได้อย่างไรว่าคำไหนคู่คำไหน อันดับแรกเปิดดูจาก Dictionary หลาย ๆเล่ม และเมื่อพบประโยคเหล่านี้ ขอให้จดใส่สมุดเลยครับ (อย่าอ่านเพียงอย่างเดียว) จดด้วยลายมือ ทำแบบนี้สม่ำเสมอ คุณเชื่อไหม จำได้จำดีและความเข้าใจเพิ่มขึ้น ๆ ด้วยครับ จดด้วยมือเรานี่แหละ เหนื่อยยากดี ใช้เวลาก็จริง แต่มันจะจำ พวกเราสมัยนี้ อย่าว่าแต่อ่านน้อยเลย จดแทบจะไม่อยากจะจดเลย ไม่รู้ว่าจะ Save เวลาไปถึงไหน อยากเก่งภาษา ต้องอ่านและจดเยอะ ๆ ( แน่นอนครับ พูดกับฟังก็ต้องทำควบคู่ไป) อาจมีคำถามว่า เมื่อจดแล้ว จะรู้ถึงความแตกต่างได้อย่างไร อะไรอย่างไร? ประสบการณ์ครับ ประสบการณ์ทางการอ่าน การฟัง พูด เขียนทางภาษา จะช่วยเราได้ และถ้าเรารู้ความแตกต่าง นั่นแหละเรียกว่า “ความเข้าใจ” อยากเก่ง ต้องพูด ฟัง อ่าน และเขียน(จด)นะครับ ไม่มีทางลัด ไม่มีข้อแม้ ถ้าเราทำได้ เราจะ “เก่งจริง ไม่เก่งเทียม” เมื่อก่อน tonmelb ไม่ได้จดหรอก อ่านไปเรื่อย ๆ จำได้ว่าประมาณปี 2537-38 เมื่อครั้งอยู่ที่ Australia อ่านประวัติของคุณ พชร อิศรเสนา ณ อยุธยา (จำได้มีคนเขียนประวัติท่านเนื่องด้วยท่านอายุครบ 60 ปีในปี 2536) tonmelb อ่านด้วยความสนใจ เพราะท่านเป็นคนไทย และเป็นนักเรียนเก่าที่ Australia ด้วย อ่านพบวรรคทอง (ของใจตัวเอง) ที่เขียนว่า “เมื่อไปซื้อหนังสือหรืออ่านเจอที่ไหน ผมจะลอกประโยคที่เพราะ ๆ หรือโครงสร้างภาษาที่แปลกมาก ผมเก็บไว้ประมาณ 4 หมื่นกว่าประโยค ” ตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มเขียนจดใส่สมุดมาตลอด (บางช่วงที่ไม่ค่อยมีเวลา ก็จะพักไปก่อน) กะจะบุกเรื่องศัพท์จนถึงปลายปีนี้เลย ทุกคำที่เขียนจะเลือกสรรมา และจะเน้นไปที่คำสวย/ตรงความหมาย และทางการ แต่ไม่ใช่ภาษาหนังสือเกินไป tonmelb จะคุยกับเพื่อนครูฝรั่งด้วย เพราะจะได้ความรู้เพิ่มและ double check ด้วย ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:38:06 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 42 Express ที่แปลว่า clear/ specific/deliberate You must not leave this house without my express permission. ใช้ Express เน้นความเลยว่า ห้ามออกจากบ้านเลย ถ้าไม่ได้การอนุญาต (จากฉัน จากปากฉัน เป็นคำพูด/ลายลักษณ์อักษร) You came here with the express purpose of causing trouble. ( ตั้งใจมาหลอก nay ตั้งใจมาก่อกวน สร้างปัญหา) Wan came to Melbourne with the purpose of seeing/meeting tonmelb. อุตสาห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา มาด้วยจุดประสงค์เดียวคือพบ tonmelb tonmelb expresses himself in writing/painting/ through art and writing. Nina left express (clear and specific) instructions to keep all door and windows locked. I’d like to express my thanks to my parents for their love and support. I’d like to express my sincere gratitude for your help in this matter. I’d like to express my thanks for your kindness. Her eyes last night expressed deep sadness. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:39:20 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Express ที่แปลว่าด่วน คำนี้เป็นได้ adj and adv Express mail/post / Special delivery, express delivery services Express bus/train/coach ด่วน very fast เช่นเดียวกับที่ได้ไปนั่งร้านกาแฟร้านหนึ่ง ทางร้านมีป้ายว่า Smoking seat ผิดนะครับ แปลกมากเลย มั่นใจว่าเขาไปเห็นคำว่า Smoking table/area/room คำที่ได้อ่านนะได้ แต่ Smoking seat นะไม่ได้ ไม่ได้เพราะ Smoking room = a room for smoking ณ ที่นี้ smoking คือ gerund Smoking seat = seat for smoking ไม่ได้ เพราะ smoking คือ present participle seat ไม่มีชีวิต อาจจะแย้งว่า ก็ใช้ Smoking แบบ gerund ไม่ได้นะครับ เพราะฝรั่งเขาไม่ใช้กัน และนี่ก็สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่เอาแต่คำโน้นคำนี้มาใส่ หลาย ๆครั้งประโยคถูกหลักภาษา แต่ไม่ใช่ เพราะเขาไม่ใช้กัน จะเป็นภาษาต่างดาวไป ใช้ในประเทศไทยประเทศเดียว จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:40:54 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 44 May I add some more, please? Given (prep)/ Given that (conj); considering: talking something into account ถ้าคำนึงถึงความจริงข้อที่กล่าวมานั้น ต้องถือว่า / เชื่อว่า / ทำให้ E.g. Given the number of people we invited, I am surprised that so few came. ถ้าดูจากจำนวนที่เราออกบัตรเชิญแก่คนจำนวนมาก แต่กลับมีคนมางานน้อยมาก (ทำให้)แปลกใจเหมือนกัน Given (the fact) that he is 82, I have to say that he is quite fit. ถ้าดู/คำนึงว่าเขา 82 แล้ว ต้องพูดได้เลยว่าคุณปู่ท่านนี้แข็งแรงจริง ๆ Given his interest in children and education/ Given that he is interested in children and education, I am sure teaching is the right career for him. คิดจาก(ในความเป็นจริงของตัวเขา)ที่มีความสนใจใน(การพัฒนาของ)เด็กและการศึกษา ผม/ฉันมั่นใจได้เลยว่า อาชีพสอนหนังสือเหมาะกับเขา(แล้ว) Given X is 4 then X+ 4 is 8. ถ้า X มีค่าเท่ากับ 4 ดังนั้น X +4 = 8. Given the circumstances, you have coped well. ถ้าดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น-สถานการณ์แล้ว คุณรับมือกับมันได้ดี Given that there was so little time for them, I think they’ve done a fantastic job. Given can be a noun too. Given = a basic fact that we accept as the truth: It is a given that mothers will protect their children. ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:42:05 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 45 Let’s join us. ได้เห็นแน่นอนถ้าคุณใช้ Subway (AmE) Underground / tube (BrE) ผิดนะครับ เพราะ let’s ก็คือ let us อยู่แล้ว ประโยคที่ควรเป็น คือ Come and join us. More: I invited them to join us for dinner. Will/would you like to join us for lunch? Thank you for joining us today. Let’s go for a walk, shall we? Yes, let’s. No, don’t let’s/let’s not. --------------- แต่อย่างไรก็ตาม----------------- หนังสือ Webster’s II New College Dictionary (1995) ที่ tonmelb มีอยู่นั้น มีประโยคลักษณะนี้ เช่น Let’s us go. Let’s us not lose our heads. (Informal suggestion- should be avoided in formal writing.) tonmelb Let’s join us. ที่พบในสถานีรถไฟใต้ดินนั้น ไม่น่าจะอยู่ใน Case นี้ เพราะ join us นี้เองครับ However certain I am, I’d like to hare from you. อีกข้อเขียนหนึ่งที่ผิดคือ ในรถไฟใต้ดินนั้น จะมีป้ายติดเกี่ยวกับสิ่งของที่ทิ้งไว้(ที่น่าสงสัย) ผมจำข้อความไม่ได้หมดนะ แต่ความหมายประมาณนี้ เขาใช้คำว่า If ซึ่งไม่ใช่ต้องเป็น in case ถ้าใช้ If จะหมายความว่า เหมือนกับเป็นหมอดูว่าจะต้องเกิดเหตุนั้นแน่ ๆ (ถ้ามีสิ่งของต้องสงสัย) ต้องแจ้งมาเลยนะ เพราะคาดการณ์ (anticipate) ว่าน่าจะมี (เลยเตรียมการณ์ไว้) แต่ที่ให้ใช้ In case จะดีกว่า tonmelb หมายความว่า in case นั้นจะหมายถึง ไม่ได้คาดการณ์ (anticipate) เพียงแต่ว่า ถ้าเผื่อพบวัตถุต้องสงสัย ก็สามารถแจ้งมาตามเบอร์ที่ให้ได้เลย ช่วย ๆกัน ใช้ in case จะไม่มี atmosphere of anticipation เหมือนกับ if ความหมายต่างกันครับ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:43:15 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Vocabulary and expression Given the circumstances, you have coped well. You can use “manage” Cope (with) means someone deals/handles a difficult problem or task successful, whereas “handle” can mean 1. Someone has the ability to deal with problems successfully or 2. You mention whether or not s/he will be successful in achieving the result they want. E.g. Tony is a competent teacher. I believe that he can handle the class. He will be able to handle all difficult students and manage to make them to do the work. Tony will cope well at school both physically and mentally. Please excuse for my writing two languages. Cope and manage 2 คำนี้มีความหมายเหมือน/ไปในแนวทางเดียวกัน manage จะมีความหมาย organize /run ในแนวทางของความรู้ที่ได้นำมาใช้ควบคุมสถานการณ์/จัดการสถานการณ์/ผู้คน etc ส่วน Cope คือ deal/handle อาจต้องใช้มากกว่าความรู้ จะอธิบายไปถึงลักษณะจิตใจและตัวตนคนนั้น ๆ อาจจะเหมือน manage แต่ manage ให้ความรู้สึกว่าเป็นภาษาทางธุรกิจ (ด้านฝีมือ) มากกว่า ส่วน cope จะเป็นคำที่ใช้บรรยายความรู้สึก (ด้านจิตใจ) ได้ดีกว่า เช่น ถ้าคุณเป็นครูไปเยี่ยมเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ชุมชนแห่งหนึ่ง เด็กคนนี้ พ่อก็ติดเหล้า แม่ก็เล่นไพ่ และแกก็ต้องช่วยงานบ้านสารพัด คุณไปเยี่ยมแก แก ยิ้มพูดคุยดี มีความหวัง etc เราสมารถเขียนได้ว่า Given the circumstances, that student has coped well. He/she has managed to obtain good grades. Do you need money? Thanks. I can manage. How does tonmelb cope at school? He can’t. He lags behind the rest of the class. He can’t manage his time properly. And he is lazy. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:46:00 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Mind [N] Let’s add some more here: Come on. Why did you not trust me? You’ve got a suspicious mind. จิตใจเต็มไปด้วยความสงสัยแคลงใจ All girls cannot get tonmelb out of their mind. สาว ๆ ไม่สามารถเอา tonmelb ออกจากใจได้ Don’t take that mind-expanding drug. ยาเสพติดที่กินแล้วเคลิ้ม คึก Sorrayut has the right qualities of mind for the job. This student has an enquring mind. ช่างถาม ขวนขวาย Work is pretty much on her mind at the moment. ครุ่นคิดถึงเรื่องงานตลอด (เป็นกังวล) Everyone can succeed in what they do if they put their mind to it. I have a mind of my own and am not afraid to say what I think. Please bear in mind that you are here for work. To my mind, he is the worst football player. You are always on my mind. Chocolate is always on my mind. Don’t upset me. I have a good mind to call your parents and tell them where you went yesterday. His mind is closed/ is not open to any new ideas. So sad. จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:47:10 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 48 Present You can present a gold medal to tonmelb at an official city reception. You present the prizes. You can present this petition to the parliament. Students present their work. You present two options/solutions to the problem to the meeting for the meeting. = give something to someone formally (for their effort, consideration). I have been told you have to present yourself better next time. Ton likes to present as a progressive student. All students will be presented themselves at tonmelb’s mansion at 17.00 for the graduation ceremony. You are to present a yearly report by tomorrow. I want to present an accurate picture of the Thailand of 1997. Tonmelb would like to present his apologies and regrets for unable to accept more boxes of chocolates. If you want to present any interesting ideas to us, please do so. To my mind, I would rather “put forward” or “have” instead. Present an idea is a bit too much for me; I see this use a bit pompous. Anyway, I keep an open mind on this and I will ask my farang friend tomorrow what he thinks about “present(ing) an idea. Brrr จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:48:30 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Submit All applications for tonmelb’s club membership must be submitted not after May 10. All problems needed to submit to Dave will be sent express tomorrow. If you want to be the best like us, you must submit yourself to our exacting terms. You can submit (present it with a force and formally; to present for approval/consideration) a proposal, request, claim, complaint I submit (stage, suggest) that we need more proof. He submitted this decision was wrong. (The way he understood/ saw it) Tonmelb will never submit to an unjust decision. Tonmelb refused to submit to love threats. (What does this mean?) แปลว่าอะไร? จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:49:36 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 50 You put forward your idea and want to sell it well to interested parties. So you use this word. The reason they use “pitch an idea” is that this word is a more aggressive and direct word than “present – too mild, weak and formal” and also a better word than “submit- too subservient”. Pitch: to attempt to sell or win approval or promotion; advertise In a business where fierce competition between companies exists, I am not surprised to hear such a result-oriented word! ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ Why did you not trust me? You’ve got a suspicious mind. Why didn’t you trust me? (Standard) Why did you not trust me? (Uncontracted negative question: formal writing ครับ) Tonmelb ใช้โครงสร้างนี้เพื่อเน้นความครับ Why didn’t you trust me? (Standard) word order ทั่ว ๆไป A normal perfect structure. แต่ Why did you not trust me? ต้องการเน้นแบบนี้ Why did (Question word with a helping verb in past form) not trust me (I like to focus on “There is no trust between you and me”) ------------------------------------ Why didn’t you trust me? ------------------------------ เป็นคำถาม Negative question ทั่ว ๆ ไป ไม่เน้น ไม่เหมือนใส่ Not ไว้หน้า Verb แท้ (trust) ไม่เน้น ไม่ถึงอารมณ์ More on negative structures (negative question: ประโยคคำถามปฏิเสธครับ) Don’t you understand me? (Standard) Do you not understand me? (Uncontracted negative question: formal writing ครับ สำหรับเน้นความ) ผู้พูดตัดพ้อต่อว่า น้อยใจ Why haven’t you booked your tickets yet? (Standard) Why have you not booked your tickets yet? (Uncontracted negative question: formal writing ครับ สำหรับเน้นความ) คนถามโกรธแล้วนะ Is tonmelb not at home? บอกว่าอย่าไปไหน ยังกล้าออกไปอีก ถามด้วยความโกรธ ไม่พอใจ กลับมาตายยยยย Won’t you come tomorrow? Will you not come tomorrow? Isn’t ton handsome? Is ton not handsome? Ton (ยัง) ไม่หล่อพอสำหรับน้องเหรอครับ? จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:51:04 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 51 @ “I am poised to make the cut off. I tell the producers, I’ll take the heat.” The heat ในที่นี้คือ ปัญหา-ความยุ่งยากที่จะตามมาจากกระทำ-การตัดสินใจ ของตัวเองครับ (มักจะเป็นปัญหาที่คนอื่นไม่กล้าเเก้ไข ใช่ครับ ต้องกล้าหาญ ---- อั๋วรับผิดชอบเอง คืออาจจะรวมถึงจะไกล่เกลี่ยเอง กับคนๆนั้น) @@ Now I am a bit more cagey/cagy and more experienced. Cagey/cagy เป็นสำนวนที่ใช้ใน American English นะครับ หมายถึง (ในประโยคข้างบน) ลีลาเเพรวพราวมากขึ้น มีชั้นเชิงมากขึ้น พูดง่ายๆ เก๋าโจ๋ # At the tail end of my life, I would like to go back and live in Thailand. [ The tail end of sth such as a conversation, a meeting, a queue = The very last part ] ประโยคข้างบน----- ในบั้นปลายชีวิตครับ ## Condemned prisoners นักโทษประหาร @ Section of the prison เเดน(ในเรือนจำ) ที่จริง ไม่น่าจะจำเลยนะเนี่ย @ No vehicle access between hours--- 8.00AM- 3.00PM จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:52:10 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 52 @ Collective nouns 1. A host of angels กลุ่ม (ใหญ่) เทพ-นางฟ้า-คนดี 2. A party/host of friends กลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ ๑ กลุ่ม 3. A posse of policemen ตำรวจ ๑ กอง 4. A staff of teachers คณะอาจารย์ ๑ กลุ่ม 5. A nest of mice หนูฝูง/รัง ๑ 6. A nest of tables โต๊ะน้ำชา ๑ ชุด 7. A troop of monkeys/ visitors ทัพลิง/คนเยี่ยม 8. A troop of schoolchildren/welcomers น ร กลุ่มใหญ่ ๑ กลุ่ม/ ทัพคนมาต้อนรับ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:53:08 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 53 @@ Listen to the logic, not all the words. ฟังเเต่ใจความสำคัญ ไม่ใช่ฟังทั้งหมด(ที่อาจารย์พูด) ตรงนี้ฟังมาจาก BBC ในรายการมีคนถามเกี่ยวกับการฟังเล็คเช่อร์ # It is illegal for the driver to allow any person on or off the bus outside of the designated bus rank. ตรงนี้มาจากท่ารถเมล์ที่หนึ่งครับ ที่ผมยกมา เพราะอยากให้เห็นว่า เราใช้ประโยคอังกฤษสอนความเเตกต่างของคำได้ เช่น Illegal & wrong ในประโยคอังกฤษข้างบน --------- มันผิด(กฎหมาย-ฝ่าฝืนกฏ)นะ ถ้าคนขับจอดรับ หรือจอดให้ผู้โดยสารลง นอกป้าย เเต่ถ้าผมจะสอนคำว่า Wrong ผมก็สามารถยกตัวอย่างว่า ใช่มันผิด(กฎหมาย-ฝ่าฝืนกฏ) เเต่ไม่ผิด(ศีลธรรม)นะ---- Wrong-ที่จะจอดบางครั้ง เพราะบางครั้ง การพลาดรถเพราะรถออกจากป้ายในตอนดึก สำหรับหญิงสาวที่ต้องรอ ไม่ปลอดภัยนะครับ เห็นไหมครับ เราสามารถเรียนได้จากหลายๆทาง เเต่ที่ผมยกมานี้ ในสถานการณ์นี้นะครับ อย่าใช้ Wrong ไปเเทนทุกกรณี ในอังกฤษ(ผมไม่รู้ตอนนี้เปลี่ยนหรือยังหนังสือท่องเที่ยวที่ผมยืมมา มันปี ๑๙๙๐ ) ใน The British Pub ----- It is illegal to drink or buy alcohol in a pub if you are under the age of 18. อย่าฝรั่งทำเกินนะครับว่า ใช่มันผิด(กฎหมาย-ฝ่าฝืนกฏ) เเต่ไม่ผิด(Wrong) ถ้าจะดื่ม ฮาๆๆๆๆ จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:57:45 A:203.209.117.253 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 54 @ 1. Let’s practise, shall we? A – I A – ants on the apple B – balls bouncing C – camel coughing D – dizzy dingoes E – empty egg F – funny fish G – goat gobbling H – helicopters hovering I – itchy Indian J – Jumping jellybeans K – king kicking L – licking lollipops M –monkey munching N –number nine O –orange octopus P –purple penguins Q –queen quarrelling R –rusty robots S- Sausages sizzling T – tiny teddies U –ugly uncles V –visiting vampires W –wicked witches X –ox on a box Y –yellow yachts Z –zebra zigzag Th –thumbs thinking Sh –sharks in the shower Ch –children chattering จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 21:58:44 A:203.209.117.253 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 55 Collective nouns People 1. An army of soldiers 2. A sea of people 3. A band of musicians 4. A host of angles ( เคยเขียนครั้งหนึ่งครับ) 5. A party of friends 6. A posse of policemen (เคยเขียนครั้งหนึ่งครับ) 7. A staff of teachers 8. A team of players 9. A troupe of dancers Things 1. A fleet of cars/sheep 2. A flight of steps/airplanes 3. A library of books 4. A string of beads/pearl 5. A suit of clothes Animals 1. A brood of chicken 2. A flock of birds/sheep 3. A gaggle of geese 4. A herd of cattle/elephants 5. A hive of bees 6. A litter of kittens/puppies 7. A nest of mice/tables 8. A school of whales 9. A troop of monkeys/visitors 10. A shoal of fish 11. A swarm of bees จากคุณ : tonmelb - [ 14 ธ.ค. 49 22:00:06 A:203.209.117.253 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เออ เริ่ด จากคุณ : แซ๊บบอย กับ สก๊อยเกิร์ล - [ 16 ธ.ค. 49 16:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ชมหรือว่าด่าครับเนี่ย วานกลับมาชี้เเจงด้วย คำว่า เออ ผมว่ายังไงอยู่ จะรอคำอธิบายนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 16 ธ.ค. 49 17:09:49 A:203.209.123.50 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 58 555...อ่านแล้วขำ...นึกตอนเป็นนักเรียน..พวกเพื่อนกระเทยชอบมีคำติดปาก..เออ..เริด..ประมาณนี้ จากคุณ : just like that - [ 16 ธ.ค. 49 19:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผมพยายามทำอะไร ๆ ให้ดีที่สุดนะครับ นี่คือการเขียนที่ว่างจากงานที่ทำ ช่วย ๆ กันรักษาน้ำใจคนไทยด้วยกันด้วยหน่อยครับ ( คคห 56 ) ถ้าคุณเเขวะผมจริงๆ เวลาที่ผมมีอยู่ทั้งหมด ก็ให้หมดเเล้ว ไม่มีเวลาไปเขียนล้อเล่นใครเเบบนี้นะครับ เห็นใจกันหน่อย ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ tonmelb นำมาฝาก ก่อนจะไปกินข้าว(รอบ 2) ครับ อิ อิ ในหัวข้อที่ 20 ว่าด้วยเรื่อง collective noun นั้น จากตัวอย่างข้อมูลทั้งหมดน่าจะเป็นการกล่าวถึงลักษณะนาม (classifier) ที่ใช้กับกลุ่มคำจำพวกต่างๆ ได้แก่ คน สิ่งของ และสัตว์มากกว่านะคะ -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ tonmelb [16-12-2006 22:06] #5651 (23/24) 16 December 2006 ขอบคุณครับคุณจรัสดาว อยากให้ดูตรง Point นี้นิดนึง Classifiern of persons or things as a unit. Among the common collective nouns are audience, army, band, bouquet, bunch, class, committee, clergy, company, crew, crowd, enemy, group, family, flock, herd, mob, party, public, race, school, staff, team, jury, and troop การใช้ A หรือ numbers (classifying adjective) + container / other count nouns+ mass nouns เพราะเราต้องการบอกจำนวน/ ต้องการนับ (counting) แต่ mass noun มันเป็นนามนับไม่ได้ ก็เลยต้องหาวิธี เช่น furniture ( UC) ต้องการให้เป็น 1 หรือมากกว่า คุณก็เขียนว่า a piece of furniture หรือ advice, milk, soup, water, paper etc เช่น four great bits/items/pieces of advice, a bottle of milk, a bowl of soup, a glass of water, four sheets of paper อาจารย์ นาฎยา วิพุธศิริ in หนังสือ อังกฤษเชี่ยวชาญ ก็จัด a piece etc อยู่ใน collective noun นะครับ แต่ให้ชื่อว่า class collective ส่วน คำเช่น audience, army, band, bouquet, bunch, class etc อาจารย์ก็ให้ชื่อว่า Group collectives นะครับ ซึ่งก็อาจจะตรงกับที่คุณจรัสดาวชี้แนะมานะครับ ว่า เจ้า Classifier นี้ เพียงแต่ว่า ถูกจัดไว้ใน class collective จากคุณ : tonmelb - [ 16 ธ.ค. 49 22:13:23 A:203.209.121.240 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 60 Post ใหม่ครับ 16 December 2006 ขอบคุณครับคุณจรัสดาว อยากให้ดูตรง Point นี้นิดนึง Classifier = a word or morpheme used in some languages in certain contexts, such as counting, that indicates the semantic class of an item. Collective nouns = a noun that denotes a collection of persons or things as a unit. Among the common collective nouns are audience, army, band, bouquet, bunch, class, committee, clergy, company, crew, crowd, enemy, group, family, flock, herd, mob, party, public, race, school, staff, team, jury, and troop การใช้ A หรือ numbers (classifying adjective) + container / other count nouns+ mass nouns เพราะเราต้องการบอกจำนวน/ ต้องการนับ (counting) แต่ mass noun มันเป็นนามนับไม่ได้ ก็เลยต้องหาวิธี เช่น furniture ( UC) ต้องการให้เป็น 1 หรือมากกว่า คุณก็เขียนว่า a piece of furniture หรือ advice, milk, soup, water, paper etc เช่น four great bits/items/pieces of advice, a bottle of milk, a bowl of soup, a glass of water, four sheets of paper อาจารย์ นาฎยา วิพุธศิริ in หนังสือ อังกฤษเชี่ยวชาญ ก็จัด a piece etc อยู่ใน collective noun นะครับ แต่ให้ชื่อว่า class collective ส่วน คำเช่น audience, army, band, bouquet, bunch, class etc อาจารย์ก็ให้ชื่อว่า Group collectives นะครับ ซึ่งก็อาจจะตรงกับที่คุณจรัสดาวชี้แนะมานะครับ ว่า เจ้า Classifier นี้ เพียงแต่ว่า ถูกจัดไว้ใน class collective จากคุณ : tonmelb - [ 16 ธ.ค. 49 22:15:47 A:203.209.121.240 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ ในหนังสือ Grammar เล่มอื่น ๆ ผมสรุปได้ดังนี้ ดังนั้นความแตกต่างระหว่าง Collective nouns and classifier คือ Collective ไม่เน้นเรื่องจำนวนที่จะนับ แต่หมายถึงจำนวนนามที่เป็นสิ่งเดียวกัน มาถูกจัดรวมเป็นหมวดหมู่ และถือว่าสิ่งที่อยู่ในหมวดหมู่นี้เป็นสิ่ง (ชนิดเดียวกัน) เป็น 1 หน่วย unit ส่วน A / two + container + UC มี sense ของ counting ต้องการนับได้ แต่นามนับไม่ได้เหล่านี้ นับไม่ได้ เมื่ออยากจะนับ ก็ต้องหาวิธี จึงได้มาวิธีนี้ครับ อีก 1 ความหมายของ classifier คือ an affix or word which shows that a word belongs to a group of words with similar meanings. For example the prefix ‘un’ is a classifier that shows the word is negative. ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ เสริมว่า Collective nouns/ group nouns นั้น สามารถจัดอยู่ใน----ตามลักษณะด้วยนะครับ Noun ทีจัดอยู่ในตามลักษณะของมัน มี 1. Common Nouns 2. Proper Nouns 3. Concrete Nouns 4. Abstract Nouns 5. Collective Nouns Nouns ที่ถูกจัดอยู่ในตามรูปแบบ มี 1. Count/Countable Nouns 2. Uncount Nouns/ Mass / Material Noun ผมจะนำไป Post ที่ห้องนักแปล/ยำภาษา ที่ pantip ด้วยนะครับ เผื่อที่ว่าจะได้มีความเห็นที่แตกต่างหรือที่จะเพิ่มเติมจากนี้ครับ P.s. เรื่องคำบางคำของ collective nouns ก็อาจจะไม่เป็น collective nouns แท้ อาจจะเป็น unit words ตรงนี้ คุณ Dr Gax แห่ง pantip เคยเสนอแนะและท้วงติงผมไว้ แต่ผมจำไม่ได้ อาจจะต้องให้เขาหรือท่าน ๆ อื่น ๆมาร่ายรำเพลงกระบี่ต่อ ถ้ามีอะไรคืบหน้า จะมา Post เพิ่มเติมครับ จากคุณ : tonmelb - [ 16 ธ.ค. 49 22:16:55 A:203.209.121.240 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 62 มีเรื่องดีๆอย่างนี้ทำไม่คุณไม่สมัครสมาชิก แล้วทำblogหละคะ มันจะได้ไม่หายไปไง ใครจะเข้าไปอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ แล้วIPมันคือที่ไหนคะ จากคุณ : kanu_memphis - [ 17 ธ.ค. 49 14:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณมากคุณ kanu_memphis ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เลยครับ IPA 16. Owl>>>>>>> owlet 17. Tiger>>>>>>> cub 18. Swan>>>>>>>> cygnet ๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 21:55:20 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอโทษครับ (((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((( 2006 A group/cluster/set of words เพิ่มเติม collective nouns: A sea/ocean of information A sea of people--------- a cluster of school children An army of volunteers-------- An ocean of secrets. ๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖๖ Animals and their young 1. Bear >>>cub 2. Butterfly>>>caterpillar 3. Deer>>>>fawn 4. Duck>>>duckling 5. Eagle>>>>eaglet 6. Fox>>>>cub 7. Horse>>>>foal 8. Sheep>>>>lamb 9. Whale>>>>calf ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Animals and their young 10. Goat>>>>>>>> kid 11. Goose>>>> gosling 12. Pig>>>>>> piglet 13. Leopard>>>>>> cub 14. Kangaroo>>>>> joey 15. Hen>>>>> chick 16. Owl>>>>>>> owlet 17. Tiger>>>>>>> cub 18. Swan>>>>>>>> cygnet ๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 21:56:52 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอฝากคําเเนะนําการเรียนภาษา เขียนโดย อ สมศีล ( ไม่ทราบว่าท่านเป็นหรือเปล่า เเต่ไม่เป็นไร เนี่ยครับ ท่านเขียนเป็นวิทยาทานที่มติชนนะ ครับ) อินทรีย์ ๖ ในการเรียนภาษา ๑ ตา----ต้องดู ๒ หู ----ต้องฟัง ๓ ปาก---ต้องพูด ๔ มือ----ต้องเขียน ๕ สมอง-------ต้องคิด ๖ ใจ--------ต้องรัก อินทรีย์ ๕ ในการเรียนภาษา ๑ ศรัทธา----เชื่อมั่นในการเรียนรู้ ขจัดความลังเลสงสัย ๒ วิริยะ----- หมั่นฝึกฝนจนเกิดความชํานาญ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ๓ สติ ----------- มีความตื่นตัวตลอดในการเรียนรู้ ๔ สมาธิ -------- ทําใจให้เเน่วเเน่มั่นคง ศึกษาเเละฝึกฝนด้วยใจจดจ่อ ๕ ปัญญา------------- ตรวจสอบกระบวนการเรียนรู้ด้วยความพินิจพิเคราะห์ ขจัดความหลงเเละความไม่รู้ให้หมดสิ้นไป จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 21:59:13 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 66 This is my friendly reminder --- Patience is needed when learning English or just anything. A learner should have a strong desire for learning constantly, na krub. There’s no quick fix. There are not any short cuts to learning the language. Practice makes perfect, almost always. Be an active receiver, not a passive one in class. ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:00:43 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 67 # no silver-bullet policy อ้าวเเล้ว silver-bullet มาเกี่ยวได้ไงนี่ silver-bullet ก็คือกระสุนเงินที่สามารถฆ่า tonmelb ได้ กระสุนอื่นทําอะไร tonmelb ไม่ได้ เฮ้ย ไม่ใช่ ชอบล้อเล่น คือ silver-bullet ก็คือกระสุนเงินที่สามารถฆ่ามนุษย์หมาป่า silver-bullet policy---นโยบาย(ที่จะเเก้ไขปัญหาใดก็ตาวิเศษ นโยบายที่ได้ผลชงักนโยบายเด็ด(เหมือนกระสุนเงินที่สามารถ ฆ่ามนุษย์หมาป่า กระสุนอื่นไม่ได้)no silver-bullet policy =นโยบายที่ได้ผลชงัก นโยบายเด็ด ไม่มีหรอก ผมได้ยินนักการเมืองที่นี่พูด ที่พูดเเบบนี้ ก็จะบอกเป็นนัยๆว่า ที่เเก้ไขปัญหาไม่ได้ ไม่ใช่ไม่พยายาม (สัญญาไว้เลือกตั้งครั้ง ที่เเล้ว) เเต่ no silver-bullet policy =นโยบายที่ได้ผลชงัก นโยบายเด็ด ไม่มีหรอก ให้ประชาชนเห็นใจนะครับ # หวลให้คิดถึงคําว่า Equivocation. Equivocation คือ ความฉลาด (ลีลา)ในการพูดระดับสูง เป้าหมาย เพื่อหลีกเลี่ยง ความรับผิดชอบเพราะถ้าฟังดีๆผู้พูดไม่ได้รับปากอะไร (เเบ่งรับเเบ่งสู้ก็ว่า) คือพูดหรือเรียงคําพูดระดับเซียนนะ พูดให้งง He just gave the reporters those standard answers. Standard answers (คําตอบที่เราๆท่านๆได้ยินจนชิน) ก็คือ ๑ ใน Equivocation Rhetorical question คือคําถามที่ไม่ต้องการคําตอบ เช่น คนที่ฉลาดที่รู้คุณค่าของผม ต้องเห็นด้วยว่าเเชมพูสระผมตรา tonmelb ดีจริงๆ Rhetorical question ถามเองตอบเอง Rhetorical question คือ ๑ ใน Equivocation ครับ # Politicians wanted to sway undecided voters by giving many empty promises. However, as we know many promises will be broken after either side has won the election. # Empty promises สัญญาหน้าฝนครับ ว่างเปล่า broken promises สัญญาที่ไม่เป็นสัญญา # Tom is true to his words. True to his words คําไหนคํานั้น เรามาพูดเรื่องอื่นๆบ้าง # A “ first-come-first-served “ basis. ตามคิวครับ ใครมาก่อนได้ก่อน ไปใช้ได้นะครับ ตอนผมเซิพอาหาร บางคนเร่งมาก # A photofit/ a Photofit/ photofit (picture) of a man the police want to question. A Photofit of her attacker Photofit = ๑ ภาพเสก็ตช์ของคนร้ายทีี่วาดเสร็จเเล้ว (จากคําบอกเล่าของพยาน/ผู้เสียหาย) [จดมาจากละครอังกฤษเลย] หรือ ๒ รูปถ่ายจากคนๆเดียวที่หน้าถูกถ่ายหลายๆมุม/ด้านข้าง A picture of someone wanted by the police, which is made up of several photographs or drawings of different parts of the face [Photofit เป็น BrE Trademark, composite photograph (AmE), Identikit (Aus)] ----------------------------------------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:03:51 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับพระนาม ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช His Majesty King Buddha Yod Fa Chulalok ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย His Majesty King Buddha Loes La Nabhalai ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว His Majesty King Nang Klao Chao Yuhua ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว His Majesty King Chom Klao Chao Yuhua/ His Majesty King Mongkut ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว His Majesty King Chula Chom Klao Chao Yuhua/ His Majesty King Chulalongkorn ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว His Majesty King Mongkut Klao Chao Yuhua/ His Majesty King Vajiravudh ๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว His Majesty King Pok Klao Chao Yuhua/ His Majesty King Prajadhipok ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล His Majesty King Ananda Mahidol ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช His Majesty King Bhumipol Adulyadej ๑๐ สมเด็จพระสุริโยทัย Somdetch Phra Suriyothai ๑๑ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ Somdetch Phra Sri Bajarindra Boromma Rajini Nath/ Her Majesty Queen Sri Bajarindra ข้อมูล- สํานักราชเลขาธิการ ป ล ผมมี ๒๐พระปรมาภิไธย/พระนามาภิไธย /พระนามพระราชวงศ์ ครับ ถ้าท่านๆผู้อ่านสนใจ ลองสอบถามไปทางสํานักราชเลขาธิการหรือทาง หนังสือสกุลไทยนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:06:27 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ๑๒ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี Somdetch Phra Sri Savarindra Boromma Raja Devi ๑๓ สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจีพระวรชายา Somdetch Phra Nang Chao Indrasakdi Sachi Phra Vora Roja Java หรือ Her Majesty Queen Indrasakdi Sachi ๑๔ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี Phra Nang Chao Suvadhana Phra Vora Raja Devi ๑๕ สมเด็จพระนางเจ้ารําไพพรรณีพระบรมราชินี Somdetch Phra Nang Chao Rambai Barni Phra Boromma Rajini หรือ Her Majesty Queen Rambai Barni ๑๖ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ Somdetch Phra Nang Chao Sirikit Phra Boromma Rajini Nath หรือ Her Majesty Queen Sirikit ๑๗ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว Second King Pinklao ๑๘ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามบรมราชกุมาร Somdetch Phra Boromma Orasadhiraj Chao Fa Maha Vajiralongkorn Sayam Makuth Raj Kumarn หรือ His Royal Highness Crown Prince Maha Vajiralongkorn ๑๙ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก Somdetch Phra Mahitala Dhibesra Adulyadej Vikrom Phra Boromma Rajajanok หรือ His Royal Highness Prince of Mahidol of Songkla ๒๐ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี Her Royal Highness Princess Mother Sri Nagarindra ----------------------------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:08:51 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ---- Bangkok Post 02 “They perform in the classroom fine, especially their speaking and listening. You wouldn’t know they were ESL students. They are completely fluent." Then why do they need ESL at all? Like his counterparts at ISB and NIST, Mr. Brown notes that "reading and writing is a different story and you will have persistent language mistakes." Mr. Brown obviously has strong feeling about this. "An ESL student is really always going to be an ESL student. It is very rare that you will find a completely bi-lingual student. There are very few people who are completely fluent in two languages at the native speaker level.” Unfortunately, it is easy to mistake spoken fluency for true proficiency, ” นี่คือ (ความคิดเห็นของ) อาจารย์ฝรั่งคนนี้อยู่ที่โรงเรียนนานาชาติเเห่งหนึ่งใน Bkk อยากให้อ่านตรงนี้ reading and writing is a different story An ESL student is really always going to be an ESL student. It is very rare that you will find a completely bi-lingual student & it is easy to mistake spoken fluency for true proficiency, ทักษะการอ่านกับเขียนยากกว่ามากในสายตาฝรั่ง (ตรงนี้ถ้าไม่เรียนหลักภาษา พวกเราจะเกิดไหมเนี่ย) จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:11:09 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 71 Level/ ระดับความรู้ภาษาอังกฤษ ( ที่ไว้ใช้เรียกกันครับ) 1. Elementary 2. Post elementary/ Pre-intermediate/ Lower intermediate 3. Intermediate: Middle >>> upper>>> advanced 4. Advanced: more advanced>> most advanced 5. Elementary [rudimentary/basic], intermediate and advanced English More, ครับ 1. Elementary (students/learners/students of English) 2. An intermediate/ advanced level of English 3. An elementary to an intermediate level of English 4. A middle-and-upper-intermediate level/ level of English 5. Beginners and etc ผมเลือกนําเสนอ level of English เพื่อจะพูดถึง หลักสูตรการเรียนการสอนภาษาในโรงเรียนไทย เเปลกเเต่น่าสนใจว่าการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนไทยไม่เเบ่งตาม level of English เเต่เเบ่งตามระดับชั้นการศึกษา( ป ๑ - ม ๖ ) ระดับความยาก-ง่าย (เเนวลักษณะการสอนจากง่าย-ยาก)ไม่ใช่ตัวเเบ่ง level of English นะครับ เพราะเเม้เเต่ระดับเดียวกันยังมีระดับความยาก-ง่าย เลยครับ เช่น ระดับ Intermediate: มี Middle >>> upper>>>advanced จุดอ่อนของการเเบ่งตาม Level ก็มี คือ ราคาเเพงเพราะค่าจ้างครู ซึ่งจะทําให้ค่าคอร์สเเพงตามมา กว่าจะเรียนจบ ๓ ระดับ + ระดับย่อยๆ อีกหลายเงินนะ เเละยังช้าไม่ทันใจคนเรียนอีกนะครับ (เหมือน Course ในต่างประเทศ น ร ไทยเกือบร้อยทั้งร้อยคิดว่่าไม่คุ้มเลย ทําไมไม่สอนเยอะๆ สอนยากๆ จ่ายเเพงนะ[โว้ย] ทําไมไม่สอนระดับเดียวเเบบเข้ม) ผมคิดว่าห้องเรียนไทยน่าจะเป็นเเบบ a composite class เด็ก ป ๔เรียนด้วยกับเด็ก ป ๕-๖ เเต่ต้องเป็นเด็กที่มีความรู้ภาษาอังกฤษระดับใกล้เคียงกัน/เดียวกัน การจัดห้องเเบบนี้เกิดผลดี ๒ ประการนะครับ คือ ๑ เด็กอายุใกล้เคียงกัน ( similar/same age ) เเละ ๒ ระดับความรู้ ใกล้ เคียงกัน/เดียวกัน สอนเเบบ Team teaching สอน ๒ คน ในทางการเรียนภาษาทั่ว ๆ ไป age bracket สําคัญนะครับ คือ อายุใกล้เคียงกัน ความสนใจย่อมใกล้ เคียงกัน ( สําหรับผู้ใหญ่ ความละเอียดอ่อนในการเเบ่งจะน้อยลงครับ เช่น ๓๐ - ๔๐ นี่ได้ เรียนรู้ด้วยกันได้ เเต่ถ้าเป็น ๔ - ๑๔ ปี คนละเรื่องเลย การสอนเด็ก ผู้สอนต้องละเอียดอ่อนนะครับ เพราะเด็กไม่มีประสบการณ์ชีวิต ย้อนกลับมาที่ หลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนไทย ที่เเบ่งตามระดับชั้นการศึกษามากกว่าระดับความรู้เด็กเเละอายุ ผมเข้าใจครับว่า เป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติในทางวางหลักสูตรเเละปัญหาทางด้านบุคลากร จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:14:15 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ประถม & U : Junior, young learners and all A journey is the travelling that people do to get from one place to another. A trip is a short journey. An outing is a trip to somewhere and back again, made for fun. An expedition is a journey made to do something. E.g. We’ve been on a shopping expedition. A voyage is a journey by ship. A drive is a journey in a car. A ride is a journey on a horse or bicycle. A flight is a journey in an aeroplane. @@@@@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:17:53 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 73 Piece A piece of something is part of it: a piece of cake A bit is a small piece of something A slice of bread ชิ้น/เเผ่น A lump of sugar A dollop of jam or ice cream เเยม-ไอติมที่หยดเป็นก้อนจ่อมๆ A scrap of cloth A crumb of bread or cake A grain of sand @@@@@@@@@@ Taste The taste of something is what it is like when you eat or drink it. I don’t like the taste of cheese. A flavour is a type of taste. What flavour of crisps do you want? If something tastes nice, you can say that it is delicious or tasty. This ice cream is delicious. Sugar and honey have a sweet taste. Lemons have a sour taste. Curry has a hot and spicy taste. จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:19:36 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 74 Wisdom improves with age; language awareness (improves) with practice. ในภาษาเขียน โครงสร้างเดียวกันเเละใช้ V เดียวกัน ตัวที่ ๒ ให้ละได้ เพื่อความกระชับของเนื้อความครับ You do things for your own reasons, NOT for other people\'s reasons. NOT นี้เป็นคําสั้นๆที่เเสดงให้เรารู้ว่า วลีที่ตามหลังมาจะมีความเป็น -(ลบ) หรือตรงกันข้ามกับประโยคหน้า ถ้าไม่มี NOT จะเขียนได้ ๒ ประโยคที่ไม่สละสลวยครับ----------- You do things for your own reasons; you DO [NOT] DO THINGS for other people\'s reasons. เห็นไหมครับ หยิบ NOT มาคําเดียว ตัดไปเลยทั้งประโยค ๑๑๑๑๑๑๑๑@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ other people = others หรือ others = other people other people\'s + N pl = others\' + N pl e.g other people\'s rights/needs/desires/signs/comments etc = others\' rights/needs/desires/signs/comments etc ### ในบางครั้ง ผู้เขียนบางคนอาจเขียนเเบบง่าย ๆ ว่า others + rights/needs/desires/signs/comments ก้ได้ครับ โดยไม่มี \' กํากับ เป็นลักษณะการเขียนเเบบ informal ถ้าเป็น นามนับไม่ได้ ก้ได้ เช่น others\' music = other people\'s / peoples + music สูตร ...+ UC ครับ &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&& จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:21:46 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 75 @@@ Potty, potty-chair คือกระโถนปัสสาวะ+อุจจาระฝรั่งจะหมายถึงกระโถนปัสสาวะ+อุจจาระสำหรับเด็ก ในการใช้เเบบคนไทย ผู้ใหญ่ ก็ใช้ได้ เเละถ้าเป็นเเบบไทย น่าจะเติมว่า Thai style เข้าไปด้วยก็ดีนะครับ เพราะภาพ Potty, potty-chair ที่ผมมี มันไม่มีฝาปิด อี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ Toilet training = potty training. Potty trained children เด็กที่ถูกฝึกให้เข้าห้องน้ำเองได้ #Shot holes in leaves ใบไม้ที่ถูกเเมลงกัด-เเทะ-ชอนจนเกิดรู ## Skeletonised leaves หลังจาก Shot holes in leaves เเล้ว เมื่อรูที่โดนกัดขยายกว้างขึ้น + มีรูเพิ่มเกือบทั้งใบ/ใบ เวลาผ่านไประยะหนึ่ง ใบไม้ใบนั้น จะเหลือเเต่โครงสร้าง ส่องเเดดดู จะเห็นโครงสร้างเท่านั้นครับ ส่วนที่เป็นเนื้อใบ ถูกเเมลงทำลายหมดเเล้ว ภาษาอังกฤษเรียกใบเหล่านี้ว่า ----- Skeletonised leaves----- ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ เสียง Twenty ที่นักเรียนได้ยินนั้นคือการออกเสียงแบบอเมริกัน Twenty ที่ออกเสียงว่า ถะเว้นหนิ่ นั้นมาจาก twen(t)y = twe+ny ของคน อเมริกันบางกลุ่มครับไม่ออกเสียง t ที่อยู่หลังตัว n TWENty ถะเว้นถิ/ถี่ แต่เป็นการออกเสียงแบบอังกฤษอังกฤษ ส่วน ถะ เว้นหนิ่ นั้นเป็นการออกเสียงแบบอเมริกัน ซึ่งต้อง note ไว้ว่า ถะเว้นถิ/ถี่ ก็มีคนอเมริกันออกเสียงนี้เหมือนกันครับ อาจเป็นไปได้ว่า ได้ยิน TWENty ถะเว้นถิ/ถี่ เมื่อได้ยินอีกแบบ ก็เลยไม่คุ้น @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:23:25 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 76 Several เน้นจำนวนว่ามีพอประมาณ 3-5 สิ่งประมาณนี้ Various = several different / several (things or people) which are different If you say that there are various things, you mean that there are several different things of the type mentioned. Different, unlike = ในขณะที่ several เน้นจำนวน various นั้นในทางตรงกันข้ามไม่เน้นเรื่องจำนวนนัก การใช้ various จำนวนที่ผู้พูดหมายถึงหรือจะสื่อความนั้นอาจเท่ากับ several หรือมากกว่าก็ได้ เรื่องจำนวนเป็นประเด็นรอง ประเด็นหลักที่ Various เน้นคือ ความหลากหลาย, ความแตกต่าง (Diversity / Variety) กล่าวง่าย ๆ ลองอ่าน คำนิยามต่อไปนี้อีกครั้ง Several เน้นจำนวนว่ามีพอประมาณ 3-5 สิ่งประมาณนี้ Various = several different หมายความว่า Various = มีสิ่งเดียวกันแต่มีหลายชนิด/แบบ (several) และสิ่งเดียวกันที่มีหลายแบบนั้นยังแตกต่าง/ปลีกย่อยกันไป (different) เช่น The school has received Various grants from the education department. Various grants = grants มีหลายทุน แต่หลายทุนที่เอ่ยมานี้ (Various) เราก็เรียกมันทั้งหมดว่าทุนอยู่ดี แต่ที่ใช้ Various ผู้เขียน/พูดต้องการสื่อว่า----------- ถึงแม้ทั้งหมดที่กล่าวมามันคือทุน---------- แต่ แต่ละทุน มันจะมีกฎระเบียบว่าถึง ทุนนี้สำหรับใคร ไปทำอะไร จำนวนเงินเท่าไหร่ etc ที่ต้องแตกต่างกัน (different) อย่างแน่นอน ในขณะที่ Several เน้นแต่จำนวนและคำของคำไม่ครอบคลุมเช่น various ครับ Various ครอบคลุมละเอียด เป็นคำที่ตรงและเหมาะสมกว่าครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:26:08 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 77 พูดถึงว่า Various ครอบคลุมละเอียด เป็นคำที่ตรงและเหมาะสมกว่า Several ครับ ขอขยายความด้วยตัวอย่างเหล่านี้ครับ Vehicles of various shapes and sizes The author gave various reasons for having written this book. Available in various colours Worked for various companies For various reasons, it has not been possible to carry out improvement. There were various questions tonmelb wanted to ask. Various bits of information ให้เปลี่ยนคำ various เป็น several ความหมายอาจยังคงได้ แต่ได้แต่ความหมายที่พอฟังได้ ไม่สับสนหรืองง แต่ สะดุดอารมณ์ คำ several มันไม่เหมาะ เพราะมันเน้นแค่ ---จำนวน – แต่ไม่เน้นถึงความหลากหลายของ สิ่ง ๆ นั้น หรือของอารมณ์นั้น ๆ (ที่ผู้พูด/เขียนต้องการสื่อให้เห็นถึงความแตกต่างของสิ่งเดียวกันที่มองออกด้วย/ สัมผัสกับสัมผัสทางสายตาไม่ได้ แต่ต้องสัมผัสใจ) ใช่ --- ประโยคข้างบนนี้ถ้าแทนด้วย several สัมผัสใจจะลดน้อยไปเลย ความเนียนของภาษาจะแทบหายไปเลย สะดุดอารมณ์สิ้นดี ขอสรุปว่าใช้ Several ได้ แต่ไม่เนียน ไม่ลึก ไม่ละมุน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ แต่ อย่างไรก็ตาม การใช้ several ในบางกรณี ถ้าใช้ความหมายจะแตกต่างกับ various นิดนึง (ข้อนี้ไม่เกี่ยวกับข้างบน) There are various/several ways of solving the problem. ถ้าใช้ various จะหมายว่าผู้พูดพูดจากประสบการณ์การแก้ไขปัญหาในลักษณะนี้ (และสื่อถึงความรู้สึก/เชื่อ ด้วย)ว่า -----------------การแก้ปัญหาลักษณะนี้ก็มี [หลายหลาย] วิธีอยู่ ถ้าใช้ several จะหมายถึง ผู้พูด------------ เสนอทาง (ที่อาจจะศึกษาวางแผน) มา 3-4 ทางอยางชัดเจนเลย เช่น Plan A Plan B ว่ากันเป็นฉาก ๆ เลยครับ การใช้ several ข้อนี้เป็นบวก จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:29:01 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เสริมเรื่อง several and various อีกนิดนะครับ หลังจากที่คุยกับเพื่อน ๆ อาจารย์เพิ่มเติม ขอเสริมดังนี้ การใช้ various คือ การที่เราต้องการ indicate the distinction among mentioned objects คือเน้นให้เห็นถึงความแตกต่างของของในแต่ละอย่างแต่ละชิ้น การใช้ several เน้นถึงจำนวน emphasize on numbers กล่าวอีกนัยว่า Various – variety in those set numbers Several – merely provides plain information คือ 2 คำนี้ ถึงแม้จะมีความหมายเหมือนกันในแง่ของ---จำนวน--- แต่การมองหรือเน้นความต่างกัน คล้าย ๆ express the same idea, but different visualization. ยกตัวอย่าง ถ้ามีกระดาษ 4 แผ่น ถ้าใช้ several ผู้ฟังจะเห็นแต่ภาพว่า มี several (4 แผ่น = มีหลายแผ่นอยู่) แต่ถ้าใช้ various จะหมายถึง 1. จำนวนนี้(ในกรณีนี้เท่านั้นคือ 4 แผ่น) แต่ 2.ใน 4 แผ่นนี้แต่ละแผ่นอาจจะไม่ใช่กระดาษ A4 เหมือนกันหมด อาจมี 1 หรือ 2 แผ่นเป็นกระดาษอย่างดีก้ได้ เช่น Specialty paper ที่ใช้เขียน report / resume หรือกระดาษสี>>>> ในจำนวน 4 แผ่นที่กล่าวมา ดังนั้นถ้าใช้ several แทน various ในกรณีนี้ ผู้ฟังจะไม่เห็นความแตกต่างเลยนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:30:24 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สิ่งละอันพันละน้อย Vocabulary and English expression 1. Bales of hay/cotton/ cotton wool หญ้าแห้ง/ฝ้าย/ปุยฝ้ายมัดใหญ่ 2. A basket chair เก้าอี้หวาย 3. A wicker basket ตะกร้าหวาย 4. Beads of sweat/tear ( Tear drop) หยาดเหงื่อ/หยาดน้ำตา 5. He paid me by cheque but it bounced. เด้ง 6. A buff ( a pale yellowish brown colour)envelop ซองจดหมายสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง(ที่เราไว้ใส่เอกสารนะครับ) 7. Have consideration for others มีความเกรงใจต่อผู้อื่น 8. A gush of water น้ำพุ่ง( เช่นออกจากท่อที่แตก) 9. A greetings card (BrE) / a greeting card ( AmE) 10. A henpecked husband คนกลัวเมีย จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:32:33 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 80 11. Unfailing patience/good humour/devotion ความอดทน/อารมณ์ขัน/การอุทิศ ที่มีเสมอมา มีตลอด 12. Unfailing support/cooperation 13. The four of them parted company at the bus stop. (ทั้ง 4) ต่างคนต่างแยกกันไปคนละทาง โดยแยกกันที่ป้ายรถเมล์ 14. To fail/be into someone’s clutches อยู่ภายใต้อำนาจของคน ๆ นึง 15. Sam speaks English with great facility. Sam พูดภาษาอังกฤษด้วยความคล่องแคล่ว 16. tonmelb met one dusky woman yesterday. ผู้หญิงผิวคล้ำ/ผิวดำแดง 17. dusky pink carpet ชมพูหม่น/คล้ำ 18. A ball of string เชือกเข็ดหนึ่ง 19. A sheaf of wheat/paper ข้าวสาลีฟ่อนหนึ่ง/เอกสารมัดหนึ่ง 20. A heap of rubbish กองขยะกองหนึ่ง 21. I like going to movies/ go to the movies/ go to the movie/ go to a movie/go the cinema/theater/ go to see a movie/a film. ไปดูหนัง 22. Su will get/earn/obtain/receive a Bachelor of Arts จากคุณ : tonmelb - [ 17 ธ.ค. 49 22:34:45 A:203.209.121.168 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 81 Hit in 2006 Vocabulary and expressions Adjectives Adjective การ add ทำให้ภาษามีความไพเราะมากขึ้น คำที่สามารถทำหน้าที่เป็น Adjective มีดังนี้ Noun/ noun adjuncts, adjective, adjective phrase/clause/ relative phrases, present participle (Ving), past participle (ทั้ง 2 เรียก Participial adjectives/ phrases / non-finite, verbless clause, noun in apposition (Appositions), prepositional phrases and adverb ขออธิบายนิดนะครับ อย่าพึ่งงงว่ามี Prepositional phrases and adverb มันอยู่ในกลุ่ม Adjectivals คือมันทำหน้าที่ขยายความ adjective, noun ได้ หาอ่านได้ Source: คำขยายในภาษาอังกฤษ ของอาจารย์เยาวภา พุกกะคุปต์ ของสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย A ten-year-old boy = a boy ten years old A ten-year-old-boy should not say such things. = A boy ten years old should not say such things. A boy who is ten should not say such things. A boy ten should not say such things. ที่มาที่ไปก่อนจะมาถึงประโยคสุดท้าย I like you to examine the close relationship between grammar and vocabulary in English. Tonmelb likes his readers to develop/look beyond the confines of simple grammar and sentence structure. สังเกตนะครับ ตรง Grammar and sentence structure ว่า sentence structure ไม่เติม S เพราะให้คง parallelism ในภาษาศาสตร์จริง ๆเขาจะถือว่า English does not have a ‘future tense’, but uses a variety of forms to talk about the future. (Prediction and decisions and intentions) For actions that have already been decided/ intention E.g. he is going to study English literature next year. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:12:09 A:203.209.121.191 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 82 วลี (Phrase) and อนุประโยค (Clauses) that modify nouns ตามหลัง Noun เช่น the book [on the desk] = the book [which is on the desk] อาจจะมี Prep มาพ่วงท้าย เช่น the key [to the mansion] (Prepositional Phrase) Present participle + N/Pron. : The lecture [giving the lecture] Relative pronoun: the school [which is the most popular in the country] The school whose headmaster was fired The girl [in the blue jacket] who is talking to you is my sister. อนุประโยคที่วางหลัง Verb เช่น He called me [when he received SMS]. I saw Dean [while I was waiting for Jack]. I waited [until Kent arrived]. They got here [after we did]. I haven’t seen him [since he arrived back from Melbourne]. Infinitive Ton was the first that arrived. = ton was the first [to arrive]. Pim has a letter to write. = that she must write. There are three rooms to rent. = to be rented. Water [to drink] is expensive here. I love/like to play golf on a sunny day. (Particular meaning เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว) I love/like playing golf on a sunny day. (General meaning/ habit) แค่บอกว่านิสัยชอบเล่น golf ในวันที่มีแดดดี ในเวลาที่พูดอาจจะไม่ได้เล่น เพราะในขณะที่พูดอาจจะทำงานอยู่/อากาศไม่ดี สำหรับ AmE จะมองว่าความหมายไม่เปลี่ยนแปลงนัก They learn [to use the Internet]. Infinitive phrase We sang [in the church]. Prepositional phrase Terry came [to my office]. Prepositional phrase The train is about [to leave]. [ ] เป็น object of prep. A night [to remember] is when I am with you. Apposition ขยายนาม the night which night? Apposition มีอีกชื่อว่า substantive คำแทน To infinite ยังเป็น Noun Phrase วลีคำนาม เช่น I want [to go home]. [To win your heart] is my ambition. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:13:42 A:203.209.121.191 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 83 Gerund and Participle They left me waiting (Participle) outside. Participial phrase วางหลัง Subj. / Verb –ขยาย Subj.: Meena spends her holidays [fishing]. Absolute Phrase ขยายความเบ็ดเสร็จ อยู่หลัง N/Pron. E.g. The wind [being strong], I shut all the windows. [Flowers having bloomed], the garden looked beautiful. [The work being completed], all men went home. = While the work was completed, all men went home. [Playing soccer], he was strong. (Present participle) John likes [playing soccer]. (Gerund) Henry kept me [waiting] for two hours. (Present participle) He left me [waiting] outside. (Present participle) I am tired of [waiting]. (Gerund) Gerund ต่างกับ present participle ตรงที่ว่า Gerund คือ นามเทียม/นามครึ่งกริยาครึ่ง Verbal noun ทำหน้าที่คำนาม และถ้าต้องทำหน้าที่เป็น adj ที่ขยายนามที่ตามหลังมา นามตัวนั้นต้องไม่สามารถทำ action เองได้ Present participle ทำหน้าที่ adj verbal adjective ขยายนามที่ทำ action เองได้ และเป็นส่วนหนึ่งของ Continuous ครับ แต่จะไม่เรียกว่า Present participle แต่จะเรียก Verb Phrase We are having lunch at the moment. are having = V.p. ตรงนี้จะช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจและรู้ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้นหรืออย่างนี้ เช่น ใช้ความรู้ข้างบนนี้จะรู้ว่า Sorry to keep you waiting. ขอโทษนะครับ/คะที่ให้รอ หรือประโยคข้างบน Henry kept me [waiting]. (Present participle) Henry ให้รอตั้ง 2 ชั่วโมง อย่าแปลว่า ‘กำลังรอ’ เพราะ waiting เป็น Present participle ไม่ใช่ Verb phrase ใน I am waiting for you now. (กำลังรอ)อยู่ แต่ในขณะเดียวกัน Continuous aspect ไม่จำเป็นต้องแปลว่า ‘กำลัง ’ เสมอไป We have been waiting for the bus for two hours already. ๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:23:18 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอฝากเพิ่มไว้ว่าใน (Sorry to keep you waiting. ขอโทษนะครับ/คะที่ให้รอ) หรือในประโยคอื่น ๆ คุณผู้อ่าน/ผู้เรียนควรต้องสามารถสื่อสารออกมาได้ประโยคนี้ถ้าเราให้คนรอ เราพูดโดยอัตโนมัติ Sorry to keep you waiting. ทำได้อย่างไร? จะข้ามไปบอกว่าคิดเป็นภาษาอังกฤษก็ลำบากอยู่ ต้องมี Input ต้องอ่าน และถ้าศึกษา/เปิด Dictionary เราจะรู้ถึงความหมาย keep sb waiting ว่าหมายถึงอะไร? เพราะสำนวนนี้อยู่ใน Dictionary ยิ่งเปิดมาก ยิ่งรู้ศัพท์มาก อย่าเข้าใจว่าเรียนรู้ศัพท์ โดยไม่จำเป็นต้องเปิด แน่นอนว่า ถ้าอ่านไปเรื่อย ๆ หรืออ่านแบบไม่ต้องเปิดอ่าน Dict. นั่นอีกความหมายนึงนะครับ คนละเรื่องกับ การเรียนที่ไม่เคยทำความรู้จัก Dictionary เลย หรือว่าเราเก่งกว่า Dictionary ถึงไม่ไปปรึกษาเลยหรือ? จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:25:16 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 85 More on gerund and participle Gerund: swimming pool = a pool for swimming swimming คือ gerund ขยาย pool แต่เป็น gerund ไม่ใช่ participle เพราะ pool ว่ายเองไม่ได้ เป็นสถานที่ไว้ให้คนมาว่ายน้ำ Participle: a sleeping child = a child who sleeps/ who is sleeping ขยาย child และเป็น Participle เพราะเด็กทำ action เอง = นอน G (n): living standards, the sitting room, dancing classes, working conditions P (adj): living creatures, a sitting member, dancing children, a working father ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ การเขียนวันที่ในจดหมาย September 1, 2005, September 1st, 2005, Sept. 1, 2005, 1 September, 2005, 1 Sept., 2005 and Sept. 1st, 2005 Angry as he was, he couldn’t help smiling. = Although he was angry, Compound subject = [Flowers and tress] are beautiful. She is a pure and pretty girl. ไม่เน้นความเท่ากับ She is a girl [pure and pretty]. Thank you, ton. You did behave best yesterday. ชื่อไทยบุรพบท/บุพบทวลี/วลีบุพบท มีชื่อภาษาอังกฤษดังนี้ Phrase preposition, Prepositional phrase, Phrasal preposition คือวลีที่มี prep. นำหน้า Every lane and road needs mending. Many a man has gone home. = Many men have gone home. One after another = one after the other = one by one I like my coffee hot/black. = I like hot/black coffee. Tonmelb is more handsome/ good looking than wise. Ton (จุดเด่นที่คนอื่นมอง) เด่นที่หน้าตามากกว่าสมอง ฮา ๆๆๆๆ ประโยคนี้ เปรียบขั้นกว่าแต่เปรียบเทียบคน ๆเดียว He is more lazy than sleepy. ขีเกียจมากกว่าง่วงนอน(อู้งาน) Nina is senior/junior to me by ten years. = Nina is ten years older/younger than I am (me). He works (the) hardest/slowest of all. Bangkok is the most densely-populated city in Thailand. = Bangkok is more densely-populated than any other city in Thailand. Of the two boys, Ton is [the more] intelligent. เติม The ด้วยครับ Your talk is most (very) informative. หลัง As if/ as though ใช้ were เช่น He speaks as though he were angry. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:27:25 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 86 Yep. It is correct to say: Thanks a lot. I miss you a lot/ very much. The ‘very much and a lot’ here can be used as adverbs, krub. In negative sentences you can use very much/ much. I don’t like (very) much, you know that. More on ‘a lot’: Mark plays soccer (quite) a lot in summer. (Often) A lot means to a great extent/degree/amount Thanks a lot for your help. Don’t you know that I care a lot about you? Ton, she likes you a lot. จะมี Comma ก็ได้เช่น Ton, she likes you, a lot Marisa is worried a lot about her father’s health. ‘How do you feel today?’ ‘I feel a lot better today. Thanks very much. = Thanks a lot.’ Who do you miss most? I miss my parents most. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:30:24 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 87 Vocabulary and expressions เมื่อวานนี้เขียนถึง As if/as though ที่ต้องใช้ were ใช้ Was ก็ได้นะครับ BrE ถือว่าเป็นแบบformal ถ้าใช้ were แต่ AmE ถือว่าทั่ว ๆ ไปและถือว่าใช้ was ไม่ถูกหลักภาษาหรือ spoken version ครับ (Point นี้เหมือนกับ if I were you, ใช้ ‘was’ ก็ได้ spoken ก็จริง แต่ก้ถึงอรรถรสของอารมณ์ที่จับต้องได้ ใช้ were เหมือนกับ It is I. เลย It is me. ไม่ pompous ดี my own interpretation ครับ) ถ้าใช้ is ผู้พูดมีความเชื่อว่าน่าจะเป็นจริง เช่น ton talks/looks/acts/spend money as if/though he is rich. Ton น่ารวยจริง ถ้าใช้ was/were ไม่รวยจริง สร้างภาพ ใช้ Tense อื่นตามหลัง as if/ as though ได้ด้วยนะครับ E.g. Kat looked as if she had been crying. What is going on, Yim? You look as though you have seen a ghost. It looks as if it is going to rain. It seemed as if / (that) the work would never end. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:31:39 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 88 From one English-English Dictionary Very/extremely มีคำอื่นแทนได้อีกมากมายครับ 1. Deeply ---------popular, unpopular, divided, suspicious, offensive 2. Enormously ----------- popular/impressed/important/complex 3. Especially------------- important/true/useful/strong/valuable/complex 4. Highly----------regarded/skilled/educated/respected/critical/competitive/ unlikely/undesirable 5. Hugely------------ popular/successful/talented/expensive 6. Immensely----------- popular/wealthy/valuable/powerful/difficult 7. Intensely----------- personal/dramatic/moving/political/competitive/irritated จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:33:44 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 89 8. Seriously----------injured/ill/weakened/damaged/hurt/wrong 9. Severely----------- disabled/damaged/restricted/limited 10. Terribly-------- important/excited/funny/wrong/sad/upset/hard 11. Wonderfully--------- refreshing/funny/well My friendly little advice here: if you really want to master the language you must also take an action. Please do not sit back and keep hoping, ครับ. The best English course or tutor will play an important part in your pursuit but the end of the day you are the most important person. Help yourself learn English. Help your teachers/instructors /tutors help you. ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:35:43 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 90 The complimentary close of a formal letter Yours + faithfully (ด้วยความสัตย์ซื่อ) ๑๑๑๑๑๑คนอังกฤษใช้ เมื่อเขียนถึงคนที่ไม่รู้จัก บริษัท ห้างร้านetc but คนอเมริกันไม่ใช้ แต่ใช้ (Very) Sincerely (yours)/ Yours sincerely หรือ Yours (very) truly/ (Very) Truly yourตรงที่เติม very นั้นจะเติมไม่เติมก็ได้ เพราะเรื่องเว่อร์ เรื่องปากหวานมนุษย์ถนัดนัก๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Yours + sincerely/ truly (ด้วยความจริงใจ), yours (informal) (AmE) คำ Ending / closing เหล่านี้ ความหมายเช่นที่ผมให้นะครับ มันมีที่มาจากภาษาเก่านะครับ เช่น เมื่อก่อนเขียน Your humble servant ในปัจจุบันนี้คำเหล่านี้เป็น Convention ----conventional expressions written before a signature at the end of a letter ครับ ---- มีไว้เป็นพิธีครับ ความหมายที่มีเลยดูเชย Always เช่น Always your friend, Love you, always Love you utmost (งง รู้ว่าน่าจะมาจากแปลไทยเป็นภาษาอังกฤษ) จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:37:52 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ที่ผมเขียนไว้ว่า คนอเมริกันใช้ To whom it may concern: นั้นในปัจจุบันนี้ ถือว่าไม่ค่อย clear นัก (แต่แล้วแต่ style นะครับ) เพราะไม่ได้จ่าหน้าถึงใครโดยเฉพาะ ปัจจุบันถ้าจ่าหน้าถึงใคร จ่าเลยครับ ใช้แทน to whom เช่น Dear (Hiring) Manager, Dear Human Resource Director, Dear Hiring Coordinator/Director , Dear Personal Manager, Dear Sales Director, Dear Personal Representative ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ May I add here, please? It is much more common to use ‘there is/are’ to introduce the sentence. เช่น A cat is on my desk. >>> There is a cat on my desk. มีแมว 1 ตัวอยู่บนโต๊ะของผม/หนู การใช้ There is/are หมายถึงมีสิ่งหนึ่งอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ได้กล่าวถึงเจ้าของเหมือน has เช่น There is a cat on my desk. แค่บอกว่ามีแมวอยู่ที่ไหน แต่ It is ton’s (cat). = Ton has one cat and now she is on his desk (There is a cat on my desk). More on there is/are There are a lot of students in the classroom. There is someone/somebody at the door. There have been twenty calls for you while you were out. There should be more support for local schools. There must be a solution to this problem. There is no doubt (that) he is the best tutor. There will be no change. Read my lip. There is a good supermarket on the corner. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:39:05 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 92 Go/come for a walk/run/swim/ride/drive/sail/drink Go ที่ตามด้วย Gerund (verbal noun) เกี่ยวกับ Activities เพื่อความสุข-สนุกของตนเองครับ e.g. go boating/climbing/cycling/dancing/fishing/hunting/riding/rollerblading/riding/sailing/shooting/shopping/skating/skiing/swimming Sample sentences: I go for a walk every evening. Would you like to go fishing tomorrow? Sam tries to go for a run at least once a week. ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:41:20 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 93 Completely มีคำอื่นครับ Absolutely------------- right/clear/sure/necessary/certain/awful/ ridiculous/appalling/crazy Entirely--------------- predictable/devoted/separate/clear/mistaken/selfish/wrong Fully---------------- appreciated/aware/recovered/justified Perfectly----------------- normal/acceptable/reasonable/clear/good/ridiculous Quite (rather in BrE)-------------------------- sure/happy/capable/right/wrong/absurd Thoroughly------------------- modern/professional/satisfactory/spoilt/unpleasant Totally----------------- satisfying/secure/free/opposed/unacceptable/lacking Utterly------------- persuasive/charming/wrong/evil/mistaken/false Wholly-------------------- convincing/unexpected/unacceptable/inadequate Complete------------------ confidence/failure/contrast/mess จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:44:48 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 94 Deep------------------------- depression/steep/trouble/mistrust/concern/regreat Great----------------- difficult/success/pity/surprise/skill/care/danger/joy /sadness/importance Heavy------------------ traffic/responsibility/drinker/smoker High---------------------------proportion/quality/standards/priority/hopes/ degree/expectations Perfect--------------------- happiness/harmony/timing/example/opportunity/condictions Profound--------------------- implications/effect/silence/change Strong---------------------- support for/opposition to/criticism of/sense of (fun etc)/feelings Utter------------------ confusion/rubbish/nonsense/lack of Tremendous---------------- amount/pressure/opportunity/achievement /excitement/speed ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:47:24 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 95 Vocabulary and expressions Accomplish ------------------ Did you accomplish your purpose? The sea air will benefit you. At the crucial moment Nuclear family ครอบครัวเดี่ยว Extended family ------------คือครอบครัวที่มีญาติผู้ใหญ่มาอยู่ด้วย Blended family --------------- คือครอบครัวที่มีพ่อหม้ายและแม่หม้ายแต่งงานกัน โดยตัวเองมีเรือพ่วงและมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันด้วย We are especially grateful to Khun Andrew who gave considerable time and resources to developing this material with us. We thank Yam also for her enthusiasm, patience and persistence which meant for her many late nights for the length of this project. In most war, neither side wins. The academic year in Australia is approximately seven months long, beginning in March and ending in November in the same year. Australia and Canada have a long tradition of welcoming international students into their universities. Both writing and reading are enormously complex skills, involving the coordination of sensory and cognitive processes. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:49:33 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 96 Premodifiers include primarily adjectives, participial modifiers, and other nouns. Written (participial premodifier) reasons: detecting (participial premodifier) devices The bus (Noun as premodifier) strike: the police (Noun as premodifier) report Post-modifiers include primarily relative clauses, ing-clauses, ed-clauses, to-infinitive clauses, prepositional phrases, and noun phrases in apposition. The imperious (หยิ่งยโส ถืออำนาจ ชอบบังคับคน) man standing under the lamppost / lamp post (mainly British) Lamp post ต่างแตกกับไฟตามถนนนะครับ (street light / street lamp) Lamp post เสาดวงไฟ (ไฟที่อยู่ในแก้วที่มีรูปร่างตะเกียง) ตาม Avenue / street ไม่ใช่ตาม road ที่ Melbourne มี lamppost เยอะมาก Romantic ดีครับ ที่กรุงเทพ lamppost น่าจะเห็นได้ที่ ถ. ราชดำเนิน และสะพานเก่าๆ She had enough money to buy proper food (to-infinitive clause). The great tall library, with the books of tonmelb and Andrew (Non-restrictive prepositional phrase), charmed everyone in Thailand. Emmy, who won the title for the fourth time last July (Non-restrictive relative clause), decided not to compete this year. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:50:55 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 97 Explaining (Oral/ spoken) ----------- Interpreting (Written) Production skills: 1. Speaking (oral) 2. Writing (written) giving / producing Perception skills: 1. Listening (oral) 2. Reading (writing) Receive ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ 1. bl = block 2. br = brick 3. ch=chin 4. ck=duck 5. cl=clock 6. cr=cry 7. dr=drink 8. fl=flower 9. fr=frog 10. gl=glue 11. gn=gnome 12. gr=grass 13. kn=knife 14. ph=photo 15. pl=plate 16. pr=pram 17. qu=queen 18. sc=scraf 19. scr=scratch 20. sk=sky 21. sl=slug 22. sm=smile 23. sn=snail 24. sp=spots 25. squ=squre 26. st=step 27. str=strawberry 28. sw=swim 29. tr=tree จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:52:58 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 98 More ครับ: Ai = paint Au=caught Ar=bark Aw=paw Ay=pay Ea=sea Ee=see Ei=weigh Er=tiger Ew=new Ey=key Ie=pie Ir=first Oa=boat Oe=toe Oy=boy Oo=boot/book Ou=round Ow=cow จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:54:54 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 99 Please read this note: In a town or city, street is the most general word for a road lined with buildings: a street of London. In British English street is not used for roads outside towns but streets in towns are also often called Road. As cities are expanding, some people may like to think and say street ถนนในเมือง and road ถนนจากในเมืองต่อไปนอกเมือง/ต่างจังหวัด. For example, Sukhumvit Road leads us to cities ย่านตัวเมือง there you may have First Street etc or Bus Road อย่างไรก็ตาม Both streets and roads are used and seen in the town of Melbourne. Road is a much older word than street. I may be wrong on this but I have that confidence I am not. If yes, please correct me if I am too handsome. ๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:57:00 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 100 More on this: Road: 1. an open way, usually surfaced with asphalt or concrete, providing passage from one place to another 2. a way that leads from one place to another, especially one with a hard surface that cars and other vehicles can use 3.a street with buildings along one side or both sides 4. a street Street: 1. a public road that is usually lined with buildings, especially in a town 2.the part of the road between the pavements, used by vehicle 3. a road in a town or city with houses or other buildings along it 4. the buildings lining a street When Khun Andrew said it’s just the spellings, I believe what he means is that a street is a road and vice versa. And street and road are spelt differently (sure 2 names for one same meaning). The meaning is the same but you have two words. How wonderful English is! ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 21:58:49 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 101 Have you ever had a chance to work along/down/up the curved street? I have had. A curved street เรียกว่า Crescent ถนนในหมู่บ้าน ---------- หมู่บ้านในต่างประเทศ ในที่นี้ Melbourne คือบ้านที่ส่วนมากstyle เดียวกัน รวมกันเป็น unit, court เรียงรายอยู่ 2 ข้างทางของถนน ไม่มีรั้ว ไม่มียาม ไม่มีไม้กั้น มันเป็นบ้านที่เรียงรายอยู่ 2 ฝั่งถนนครับ ซึ่งถนนเหล่านี้จะแยกมาจากถนนใหญ่ที่รถเมล์-รถรางวิ่ง สงบและสะอาดนะครับ 2 ข้างทางจะเห็นนกแก้วหลากหลายสี นกกระตั้ว (หน้าอกมันจะมีสีชมพูอ่อน ๆ ผมเรียกถูกไหม?) และถนนเหล่านี้จะมีชื่อเรียกต่างกัน เช่น Name + Street, name + Road (ไม่ค่อยมาก), name + Avenue (ไม่ค่อยมาก), name + Crescent (ถนนที่มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยว), name + Drive/ Driveway ----------------------แล้วแต่จะเรียกจริง ๆ------------------------------- tonmelb อยู่ที่ Maroo Street ซึ่งถนนนี้แยกมาจาก---Poath Road ถนนที่มีรถเมล์วิ่ง---ครับ When in Melbourne and had time, I got off the tram and walked for hours and hours to experience and see English in use. For example, one day I saw M Street (can’t remember the exact names of the streets), the next street is B Avenue. I did walk past M Street and B Avenue; these two streets are almost exactly identical: big houses lined with the same kinds of trees. Across the street is T Road. Wow. Three names at one place! จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:01:16 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 102 Avenue: a broad street, often lined with trees; a wide straight road, especially one with tress on each side. In British English: a road or wide path with trees on each side that leads to a large house. Drive/ Driveway (AmE): a road for vehicles, especially a private road leading to a house or a garage with a public road. (abbr.Dr) There is a BMW in/on the drive. มีรถ BMW จอดขวางหน้าบ้าน Drive ไม่จำเป็นต้องเป็น private road เสมอนะครับ เป็น road สำหรับรถวิ่งทั่วๆไปก็ได้ เช่น near Monash University, Caulfield Campus มี Monash Drive ครับ ซอย lane or alley and one American tutor gave me another name for soi = side street Motorways (BrE), freeways, expressways or highways in AmE ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:03:50 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 103 จากอาจารย์ฝรั่งคนหนึ่งจาก AUA ครับ Hello everybody, Sawasdee Krub I am a teacher at AUA and I agree with most things that people say here. My response to Khun Anna in particular is this -you cannot expect to develop your language in a short time like 30 hours. I think your expectations were too high! It takes a lifetime to learn a language, especially when you are not using that language for your daily life. The slow goods train always gets to its destination-maybe it's abit kike the tortoise and the hare! Also, at AUA we do not think that we can change an adult's accent, although we can heop you to make better sounds and have clearer intonation. We think that it is not good to use class time correcting pronunciation. It's much better to develop your skills by using English in communicative activities. Finally, like every school around the world, you will have excellent teachers, great teachrs, good teachers and poor teachers. AUA has changed a lot in the past few years and has a policy that only qualified teachers can work there. Also, AUA has ongoing training for its teachers. I think we have mostly great and excellent teachers, although there will always be some poor ones in the world! I am very happy that so many people here have had a good experience learning English at AUA. I have been teaching at AUA for 10 years, and although, like any large school, it has problems, I am proud of how it helps so many with their English (and Thai). จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:05:45 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 104 สำนวน Up and about เป็นสำนวนอังกฤษแบบอังกฤษนะครับ = ฟื้นไข้ แข็งแรงขึ้น สามารถลุกออกจากเตียงและไปทำงาน/กิจกรรมได้ I am glad to know that you are up and about again. ที่คุณให้มานั้น คือเมื่อเวลาคุณดีขึ้น อาการดีแล้ว ++++++++++++++ Another อีก + a singular noun or a number + a plural noun E.g. Another day อีก 1 วัน; another three days อีก 3 วันจากนี้ = tree more days ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ Do as I say, not as I do. ทำอย่างที่ฉันพูดฉันสอน(ให้ทำ) แต่อย่าทำอย่างที่ฉันทำ คงคล้าย ๆ (ขยัน) ทำอย่างกา แต่อย่าทำเยี่ยงกา May I add here? Send of (BrE) you (a sports player) have done something that is not allowed by the rules. A reference orders a sports player to leave the field because they have broken the rules. American English use the word ‘eject’. E.g. Both players were ejected from the game. Send-off = เลี้ยงส่งเพื่อน/พี่ร่วมงานในโอกาสที่ต้องจากไปทำงานที่อื่น ไปเรียน etc We will give tonmelb a big send-off tonight. Please come. Send off = ส่งคนไปอีกที่ ไปอยู่/ใช้ชีวิตชั่วคราว My children are sent off to ABA’s English camp every summer. I sent the kids to their grandparents this morning. Send of = ส่งธรรมดานี่แหละ เช่น ส่ง check I already sent off the check this morning. Send out = แจก/ สั่งอาหารทางโทรศัพท์ E.g. Make sure ton, you send out the invitations in good time. I am so tired. I don’t want to cook. Let’s send out for a pizza from Andrew’s Pizza Heaven and watch the Talk and tour on Ch. 3. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:07:06 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 105 I got this information from people at pantip.com a long time ago. I am interested to know that the information still applies today. นักวิทยุใช้กันครับ A alpha B bravo C charie D delta E echo F foxtrot G goft H hotel จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:08:44 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 106 I India J Juliet K kilo L lima M Michael N November O oscar P papa Q quebec R roger S sierra T tango U uniform V victor W whiskey X x-ray Y yankie Z zulu จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:10:32 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 107 International Phonetic Alphabet (เวลาจะจองตั๋วเครื่องบิน) A Able B Baker C Chalee D Dog E Easy F Fox G George H How I Item J Jimmy K King L Love M Mike N Nancy O Oboe P Peter Q Queen R Roger S Sugar T Tare U Uncle V Victor W William X X-ray Y York Z Zebra จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:12:29 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 108 Another one (I think this is a simplified one.) A America B Bangkok C China D Denmark E England F France G Germany H Hong Kong I India J Japan K Kingdom L London M Mexico, Malaysia N Norway O Osaka P Poland Q Queen R Russia S Singapore T Thailand U United V Vietnam W ไม่ต้องมีก็ได้เพราะทราบโดยอัตโนมัติ X X-ray Y Yokohama Z Zero จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:13:49 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 109 Vocabulary and expressions 1. It is assumed that you currently have at least an intermediate level of English-language proficiency. 2. He or she will be someone with a reasonable standard of English and a developed skill in listening comprehension, 3. You will be able to concentrate on performing to the best of your ability. 4. pile = a quantity of things placed one on top of another 5. heap = an unity pile 6. We judge a man by his actions, not by his promises. 7. Ton keeps a dictionary on his desk for convenience. 8. Sunday is a delightful day. 9. The traffic is very thick/ dense. 10. Yam is an efficient secretary. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:16:53 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 110 11. They will build houses on either side (=on both sides) of the road. 12. I’ve come to see the problem in another light. 13. I believe in discussing things openly. 14. On hearing the news Fern burst into tears. 15. Sentences are made of one or more clauses; clauses are made of one or more phrases; phrases are made of one or more words. 16. I prefer nest Monday if possible. 17. Not speaking much but speaking well denotes the truly wise. 18. Ton was amenable to whatever I suggested. 19. Paula was captivated by ton’s charm and good looks. 20. Soft fire makes sweet. ช้า ๆได้พร้าเล่มงาม 21. His bark is worse than his bite. ปากร้ายใจดี 22. I am Thai to the core. 23. The bite bitten ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว 24. I will understand what he said. She will like if she sees. อย่าใช้ be going to กับ verbs of emotion จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:18:58 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 111 Destiny และ fate ถ้าถามจริง ๆ ไม่แตกต่างกันมากนักหรือไม่แตกต่างกันเลยนะครับ ในแง่มุมของความหมาย คือ ชาตะกรรม/เคราะห์กรรม/สิ่งที่เรา ๆท่าน ๆไม่ได้เป็นผู้กำหนดหรือกำหนดไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ เพราะมันถูกกำหนดจากเบื้องบนแล้ว แต่ในด้านของการจัดคำ ๆนี้ลงในประโยค ตรงนี้แหละที่---------------ไม่ใช่ Case ที่ว่า ในเมื่อเหมือนกัน จะใช้แทนกันได้ทุกกรณี ไม่ใช่ ความหายในบางประโยค destiny ตรงกว่า เหมาะสมกว่า แต่ในอีกประโยค fate เหมาะสมหรือ มัน match มานานแล้ว ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า English collocations ความหมายที่ต่างกันบ้าง Fate จะหมายถึงสิ่งร้าย ๆที่เกิดขึ้นมา แต่ Destiny มันรวมไปหมด ทั่ว ๆ ไป Please see the given examples: Fate [c] the things that will happen to someone, especially unpleasant events. [U] A power that is believed to control what happens in people’s lives: Fate: the things that happen to a particular person or things, especially something final or negative, such as death or defeat. Fate is also a power that is considered to cause and control all events, so that people cannot change or control the way things will happen: We want to decide our own fate. Fate sometimes plays cruel trick. No one knows what the fate of the hostages will be. suffer the same fate Destiny or fate, I don’t know. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:20:56 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 112 Destiny [c] the things that will happen to someone in the future, especially those that cannot be changed or controlled; Fate. [u] The power that some people believe decides what will happen to them in the future: A mysterious power that some people believe controls everything that happens: I don’t think no one can escape your destiny. I want to control/determine/take charge of my destinies. The destiny of our nation depends on the result of this vote. Education can give you the power to shape your own destiny. การศึกษาสามารถทำให้คุณกุมชาตะชีวิตของตัวคุณเองได้ He felt it was his destiny to be famous. เขารู้สึกว่าเขาเกิดมาเพื่อจะมีชื่อเสียง(มันถูกกำหนดมาแล้ว) Ton accepted his destiny without complaint. ต้นยอมรับโดยไม่บ่นสักคำกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา(มักเป็นสิ่งที่ไม่ดีนักที่เกิดขึ้น) He has got a sense of destiny. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:23:48 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 113 หงุดหงิด มีหลายคำที่ความหายอยู่ในแนวนี้ Your rudeness irritates Sam. Ton is irritated by the delay. There is no point in fretting about things you cannot change. That child was tired and fretful. (งอแง) Why do you have fret over these trifles? Uncle Ton always gets in a fret if his students are late. He could not contain his irritation at their rudeness. The noise and irritations of modern life 11111111111111111111111111111111111111111111111111111111111 จากคุณ : tonmelb - [ 18 ธ.ค. 49 22:25:18 A:203.209.121.189 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 114 อ่านแล้วได้ประโยชน์มากครับ จากคุณ : bananaclick - [ 21 ธ.ค. 49 15:56:07 A:58.8.84.58 X: ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอบคุณครับ จากคุณ : tonmelb - [ 23 ธ.ค. 49 11:33:31 A:203.209.121.162 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 116 คนไทยมากมายเลยเรียนภาษา เพื่อไว้พูด ไว้สื่อสารเบื้องต้นเท่านั้น เท่านั้นจริง ๆ เพราะงานเอย สิ่งแวดล้อม คน (ฝรั่ง เจ้านาย etc) และความจำเป็น etc ไม่ได้ ---------------คาดหวังคุณให้ได้แบบนั้นนะ พอสื่อสารได้พอ---- เราจึงเรียนเพื่อพูด ----------------- ไม่ได้เรียนเพื่อสื่อสารแบบอธิบายความ-------------- Tonmelb ยกตัวอย่างให้ก็ได้ครับ ถ้าสื่อสารแบบอธิบายความได้ คุณต้องสามารถอธิบายว่าอะไรเกิดขึ้น เช่น เหตุการณ์ไฟไหม้ที่ชุมชน หรือ มีอุบัติเหตุรถชน คุณอธิบายให้เพื่อนฝรั่งเข้าใจในเหตุการณ์ได้ หรือจองตั๋ว/ห้อง พูดคุยทางโทรศัพท์ ที่มิใช่แค่พูด แต่ต้องพูดให้เข้าใจให้ครบถ้วนกระบวนความ( หลังจากที่ได้เรียนมา ฝึกฝนมา ผมไม่ได้หมายความว่า ได้เลย ต้องฝึกและมีเป้าหมาย) ผมจำได้ เหตุการณ์ที่ระเบิดที่ London หลังจากอังกฤษชนะการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ถ้ามี น ร ไทยอยู่แถวนั้น ผมไม่แน่ใจว่าผู้สื่อข่าวจะสัมภาษณ์เราหรือเปล่าว่าเห็นอะไรบ้าง เพราะมันไม่ยาก แต่มันมี detail ผมมองว่า ถ้าเรียนแบบ ------- เรื่องเล่าเช้านี้ แบบเล่าสู่กันฟัง พูดคุยกัน------- มันจะดูสนุกและท้าทายกว่า ผมจึงแนะหลาย ๆคน ให้ดู Talk show, series & movies มาก ๆ (ก็ต้องเลือกดู) เพราะจะได้ดูปาก และเสียงที่ได้ฟังมันธรรมชาติดี ข่าวก็ดูไปด้วย คืออะไรก็ฝึกไป เน้นฝึกไว้ใช้จริง เชื่อมโยง ใช้ในสิ่งที่เรียนอยู่ตลอดเวลา และคุณจะถามน้อยลงว่า ------------ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษา? ---------- เป็นไปได้อยู่แล้ว คำถามนี้ออกจากปากคนนึง ไม่แปลก ถ้าเขาไม่รู้จริง ๆ หรือมีความตั้งใจจริง ๆ แต่ถ้าเป็นคำถามจากคนที่เฝ้าเพียรถาม เพราะหวังทางสว่าง เพราะขี้เกียจฝึก ก็น่ะ ผมไม่ได้ Request ที่จะ judge ใคร แต่เพราะผมมีความห่วงใยและจริงใจและเป็นคนมั่นมากพอที่จะแสดงความห่วงใย ออกนอกออกตา และพร่ำเพรื่อ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 24 ธ.ค. 49 23:51:52 A:203.209.121.204 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คนไทยมากมายเลยเรียนภาษา เพื่อไว้พูด ไว้สื่อสารเบื้องต้นเท่านั้น เท่านั้นจริง ๆ เพราะงานเอย สิ่งแวดล้อม คน (ฝรั่ง เจ้านาย etc) และความจำเป็น etc ไม่ได้ ---------------คาดหวังคุณให้ได้แบบนั้นนะ พอสื่อสารได้พอ---- เราจึงเรียนเพื่อพูด ----------------- ไม่ได้เรียนเพื่อสื่อสารแบบอธิบายความ-------------- Tonmelb ยกตัวอย่างให้ก็ได้ครับ ถ้าสื่อสารแบบอธิบายความได้ คุณต้องสามารถอธิบายว่าอะไรเกิดขึ้น เช่น เหตุการณ์ไฟไหม้ที่ชุมชน หรือ มีอุบัติเหตุรถชน คุณอธิบายให้เพื่อนฝรั่งเข้าใจในเหตุการณ์ได้ หรือจองตั๋ว/ห้อง พูดคุยทางโทรศัพท์ ที่มิใช่แค่พูด แต่ต้องพูดให้เข้าใจให้ครบถ้วนกระบวนความ( หลังจากที่ได้เรียนมา ฝึกฝนมา ผมไม่ได้หมายความว่า ได้เลย ต้องฝึกและมีเป้าหมาย) ผมจำได้ เหตุการณ์ที่ระเบิดที่ London หลังจากอังกฤษชนะการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ถ้ามี น ร ไทยอยู่แถวนั้น ผมไม่แน่ใจว่าผู้สื่อข่าวจะสัมภาษณ์เราหรือเปล่าว่าเห็นอะไรบ้าง เพราะมันไม่ยาก แต่มันมี detail ผมมองว่า ถ้าเรียนแบบ ------- เรื่องเล่าเช้านี้ แบบเล่าสู่กันฟัง พูดคุยกัน------- มันจะดูสนุกและท้าทายกว่า ผมจึงแนะหลาย ๆคน ให้ดู Talk show, series & movies มาก ๆ (ก็ต้องเลือกดู) เพราะจะได้ดูปาก และเสียงที่ได้ฟังมันธรรมชาติดี ข่าวก็ดูไปด้วย คืออะไรก็ฝึกไป เน้นฝึกไว้ใช้จริง เชื่อมโยง ใช้ในสิ่งที่เรียนอยู่ตลอดเวลา และคุณจะถามน้อยลงว่า ------------ทำอย่างไรถึงจะเก่งภาษา? ---------- เป็นไปได้อยู่แล้ว คำถามนี้ออกจากปากคนนึง ไม่แปลก ถ้าเขาไม่รู้จริง ๆ หรือมีความตั้งใจจริง ๆ แต่ถ้าเป็นคำถามจากคนที่เฝ้าเพียรถาม เพราะหวังทางสว่าง เพราะขี้เกียจฝึก ก็น่ะ ผมไม่ได้ Request ที่จะ judge ใคร แต่เพราะผมมีความห่วงใยและจริงใจและเป็นคนมั่นมากพอที่จะแสดงความห่วงใย ออกนอกออกตา และพร่ำเพรื่อ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 24 ธ.ค. 49 23:52:35 A:203.209.121.204 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ที่ผมเขียน ไม่ได้ดูถูกคนไทยทั้งสิ้น เรามีฉลาดพอที่จะเรียนภาษานี้ให้เข้าใจ แน่นอนว่า ต้องปรับนิสัยทำอะไร ๆสบาย ๆ , ขี้เกียจ ฯลฯ แต่ที่หนัก คือ เรามีแต่ความต้องการ แต่ไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัด ไม่ตั้งเป้าหมายในสิ่งที่ทำ และความคิดว่าเราจะโดนดูถูก มันก็ไม่เชิงความคิดหรอก การดูถูก มีจริง ผมก็โดนบ่อย ๆ(ฮา) ผมมีประสบการณ์ที่อยากจะให้อ่าน เมื่ออาทิตย์ทางที่ทำงานเก่าผมมีงานEnd of year party ทางผู้จัดการให้ผม start ice breaking activities and keep the conversation going ช่วงแรกๆ ( 10 นาที) ผมพูดอังกฤษกับนักเรียนอยู่คนเดียว ทุกคนกังวล เขิน ที่จะพูดกับผมหรือเพื่อน ทั้ง ๆที่ผมเคยสอนพวกเค้า แต่หลังจากนั้น ทั้งห้องก็พูดภาษาอังกฤษอีก 1 ชั่วโมงติดต่อกัน ไม่กังวลและคิดไปเองว่า ว่าเพื่อนใหม่จะดูถูก หรือ ผมจะดูแคลน หรือลืมที่จะ Judge ตัวเองไปเลย (แต่การดูแคลนมีจริงในหมู่สังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณและผมต้องหาวิธี deal เอง) งานนี้ต้องมี--- เจ้าภาพ--- ซึ่งไม่ใช่นักเรียน แต่เป็น --------------ครู / อาจารย์/ เจ้านายฝรั่ง / เพื่อนคนไทยที่เก่ง /เพื่อนที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น/คนในสังคม--------- คนเหล่านี้ ต้องเริ่ม ทำให้คุณที่อยากจะใช้ภาษาได้ดี รู้สึกดี รู้สึกว่า ไม่มีใครดูถูกคุณ ไม่ Judge คุณ (นอกจากคุณต้องยอมรับปัญหา และต้องการแก้ไขจริง ๆ) แต่คุณไม่มีโอกาสนั้นมากนัก เช่น ไม่ได้เริ่มเรียนที่นานาชาติ ไม่มีเวลา ไม่มีงบมากนัก ไม่มี Check ภาษา progress ให้ etc ดังนั้นผมถึงมองว่า อย่าหวังพึ่ง--- เจ้าภาพ—อย่างเดียวเลยครับ ดูเองก็ได้ครับ นอกจากตัวคุณ มีใครดูแลเอาใจใส่การเรียนภาษาของคุณอีก ครูอาจารย์ เพื่อน etc ช่วยได้ก็จริง แต่ คุณจะให้พวกเขาช่วยตลอดหรือ หรือ คุณเอง จะไม่คิดพัฒนาเพื่อที่คุณจะได้ดูแลตัวเองได้ และอาจได้ช่วยคนอื่นตามความเหมาะสม จากคุณ : tonmelb - [ 24 ธ.ค. 49 23:56:20 A:203.209.121.204 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 119 วันนี้มีศัพท์มาฝากนิดหน่อยครับ Proby ย่อมาจาก probationer/ probationary + N. เด็กฝึกงาน A probation period = a probationary period. A term of probation of 18 months A probationary period of two years She must be loaded. (Very rich) จาก Series เรื่อง NICS II ช่อง 21 UBC ครับ I don’t know her last. (Last name) จาก CSI Miami ผิดถูก ท่านผู้รู้แย้งมาได้เลยนะครับ อย่าได้รักษาหน้าผมเลย รักษาน้ำใจก็พอ อิ อิ ผมต้องการมอบสิ่งที่ถูกต้องให้คนอ่านเท่านั้น ในปี 2007 ผมจะบุกเรื่องนี้ จะดู Talk show, series & movies ของอเมริกา แล้วนำมาเขียนใน 300 hours in 2007 Have a great night Merry Christmas 2006 จากคุณ : tonmelb - [ 24 ธ.ค. 49 23:58:28 A:203.209.121.204 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เห็นด้วยครับ tonmelb พิถีพิถันกับภาษาไทยที่พิมพ์ในนี้ตลอดเวลานะครับ ลอง check ดูได้ อาจบอกได้ว่า tonmleb เป็นคนที่เก่งภาษาไทยมาก่อน เมื่อก่อนเก่งกว่าภาษาอังกฤษอีก เเต่เวลานี้ ความรู้ go to pot หมดเเล้ว -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ ส้มเช้ง [27-12-2006 10:03] #5783 (2/4) go to pot ตรงๆ อย่างนี้เลยหรือ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ โดยคุณ tonmelb [27-12-2006 22:58] #5787 (4/4) ครับ Go to pot เป็นสำนวนของชาวอเมริกัน เเปลว่า ไม่เอาไหน เเย่ลง พัง หมดท่า เช่น i have gone/go/ went to pot = ร่างกายคุณอาจจะอ้วนมากเลย เพราะจากการไม่ออกกำลังกาย ไม่ดูเเลตัวเอง Your business go/went to pot... ธุรกิจเจ๊ง พัง The country go to pot = ประเทศพังหมด เพราะรัฐบาลดูเเลไม่ดี etc ( เศรษฐกิจพัง etc) My gardent went to pot... สวนฉันดูไม่ได้เลย เละเลย เพราะไม่มีเวลาจะดูเเล ดังนั้น go to pot พอพูดถึง skill etc จะหมายถึงว่าทักษะ etc คืนอาจารย์หมดเเล้ว เล่นไม่เก่งเหมือนเดิมเลย เพราะไม่ค่อยได้ฝึก ขาดการฝึกครับ จากคุณ : tonmelb - [ 27 ธ.ค. 49 23:03:09 A:203.209.123.11 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เเวะมา post ความคิดเห็นว่า ------------ ถูกเเล้ว ต้องเริ่มที่การศึกษา-------- พัฒนาครูเป็นไงเอ่ย ผมอยากให้ครูได้เงินเดือนมาก ๆ ก่อน หลายท่านที่ทำอาชีพอื่น เช่นเพื่อนของเพื่อนผม เป็นวิศวะ ได้เกือบ 4 เเสน (ประจำที่กลางทะเล) [ผมไม่รู้นะว่าทำไม่ถึงเยอะจัง] เเล้วครูที่ประจำที่ชายเเดน ได้สัก 2 หมื่อน ก็บุญเเล้ว สังคมไทยมองว่า เดี๋ยวนี้ครูไม่เก่ง ไม่ฉลาด etc อันดับเเรกจะทำอย่างไรให้คนเก่ง ๆ มาเป็นครู เริ่มที่เงินเดือนก่อน ถ้าไม่เริ่มกันตรงนี้ ทุกอย่างผมคิดว่า ยาหอมทั้งนั้น ไม่จริงทั้งปวง ทำไมผมถึงกล้าพูดได้ เพราะสอนมา 12 ปี ก็สบายเรื่อย ๆ เเต่ต้องทำงานหนัก ผมไม่ care เรื่องงานหนัก สวัสดีครับ จากคุณ : tonmelb - [ 4 ม.ค. 50 19:55:26 A:203.209.117.137 X: TicketID:054700 ] จากคุณ : tonmelb - [ 5 ม.ค. 50 22:58:26 A:203.107.196.180 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 122 จริงๆการขึ้นเงินเดือนให้อาจารย์มันก็อาจช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ยังงัยๆ มันก็เทียบไม่ได้เลยกับรายได้จากภาคเอกชน ซึ่งคนที่เก่งและมีโอกาสส่วนใหญ่ ย่อมเลือกไปทางนั้น(นอกจากที่คิดเสียสละและรักการสอนจริงๆอย่างคุณtonmelb) แล้วคนที่เก่งมากๆจากประสบการณ์ก็จะไม่มีโอกาสมาถ่ายทอดความรู้ หากไม่มีการสนับสนุนหรือส่งเสริมให้กลับมาสอนบ้าง ถ้าสร้างระบบหมุนเวียนแบบนี้ได้ การศึกษาจะก้าวกระโดดและไปเร็วมากๆครับ ผมคิดเห็นดังนี้นะครับ อาจไม่ตรงกับหัวข้อกระทู้นัก ถือเป็นหัวข้อรองแล้วกันครับ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 50 08:41:12 จากคุณ : Jimmy Walker - [ 5 ม.ค. 50 08:24:14 ] จากคุณ : tonmelb - [ 5 ม.ค. 50 23:00:45 A:203.107.196.180 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ขอบคุณครับ ต้องขอบคุณจริง ๆ ครับคุณ Jimmy Walker เพราะที่เขียนนั้น tonmelb เองก็ไม่แน่ใจนัก ว่าสมควรที่จะโดนตำหนิหรือไม่เหมาะ ไม่ควร หรือจากคนอาชีพอื่นที่ไม่ค่อยจะ fair นักกับคนที่เป็นครู -------------------ขอสนับสนุนให้คุณครู มีเงินเดือนขั้นต่ำสัก 1 แสน และคุณสมบัติขั้นต่ำสัก ป.โท เป็นไง จากคุณ : มันคนดี - [ 4 ม.ค. 50 21:50:39 ] --------------- สมพรปากครับ ไม่ต้องถึงเเสนหรอก 5-7 หมื่น เเละป.โท ผมว่า ป.ตรี ก็ได้นะครับ ดูที่ความสามารถด้วย อาชีพนี้จะถูกผูกมัดติดตรึงด้วยคำว่า --------- ผู้ที่เกิดมามีแต่ให้ โดยไม่หวังสิ่งอื่นตอบแทนจากศิษย์---------- ผมถึงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็น--------ครูแท้เลย-------------- เพราะอยากรวย หรือกินดีอยู่ดี และต้องมีฐานะดีที่อยู่บนพื้นฐานที่ไม่เอาเปรียบนักเรียนและผู้ปกครองมากนัก Tonmelb ถึงเรียกตัวเองว่าเป็น------ครูนอกคอก หรือไม่ใช่ครูแท้------------ เพราะปฏิเสธที่จะอยู่แบบต้องคำสาป ว่า เป็นครูแท้ ต้องจน ยอมรับความจริงกันเถอะครับ ทุกอาชีพน่ะสำคัญ แต่ tonmelb เชื่อของ tonmelb ว่า มันมีไม่กี่อาชีพหรอกที่สำคัญต่อสังคมไทย บ้านเมืองเรา ที่คิดออก มีเช่น อาชีพครู ตำรวจ ทหาร ทนาย นักกฎหมาย นางพยาบาล แพทย์และข้าราชการทุกหน่วย ทุกภาคส่วน หลาย ๆคน ผมไม่โกรธหรอก ถ้าจะไม่คิดถึงครู เช่น ถ้าเงินเดือนคุณ 3 -4 หมื่นขึ้นไป หรือเป็นแสน ถ้าครูใด พูดมากเรื่องนี้ อาจจะโดนดูถูกเลยก็ได้ คือว่า ถ้าไม่พอใจ ก็ออก เป็นกรรมเป็นเวรต่อเด็กอีก ผมเข้าใจ แต่อยากให้ทราบเหมือนกันว่า หลาย ๆ คน( แต่ไม่ใช่ผม) ก็เหมือนคุณ อยากทำอะไรที่ตัวเองรัก แต่ทำไม่ได้ ต้องลาออก เพียงเพราะ เงินเดือนไม่พอใช้ ถ้าอยากพอ ต้องประหยัดมัธยัสถ์ ต้องนุ่งเจียมห่มเจียม ไม่ต้องมานโยบายสวยหรูเลย สมัยนี้ แค่ปัจจัยเรื่องเงินเดือน ปัจจัยนี้แหล่ะที่สำคัญที่สุด จากคุณ : tonmelb - [ 5 ม.ค. 50 23:05:35 A:203.107.196.180 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ตังผมเอง ผมเห็นด้วยเต็ม 100% กว่าครูที่ชอบที่กั๊กไว้สอนพิเศษ สมควรโดนตำหนิ แต่ นอกจากนั้นแล้ว ผมว่า okay นะครับ คือสอนเต็มที่ในห้อง และเวลาสอนพิเศษ ไม่สอนแบบบอกข้อสอบ ไม่ overcharge นี่คือสิ่งที่ผมพยายาม Do my best ครับ ทำงานมา 12 ปี วุฒิ ป.ตรี อยู่ Australia 14 ปีกว่า เงินเดือนเริ่มต้นที่โรงเรียนใหม่นี้ 2 หมื่นกว่า (และจะเพิ่มอีก) ค่อนข้างสูงครับ สำหรับอาชีพครู คุณจะเอาอะไรมากกว่านี้ แต่เผอิญนี่คือ tonmelb ที่มีความเป็นนักสู้แบบนักธุรกิจ มีความเป็นนักธุรกิจอยู่พอตัว จึงมีมุมมองไม่เหมือนครู ในปีนี้ ผมจะมีข้อขีด ๆเขียน ๆ โปรดติดตามนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 5 ม.ค. 50 23:08:25 A:203.107.196.180 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 125 A drop in the ocean in 2007 300 hours in 2007 เปลี่ยนเป็น a drop in the ocean in 2007 นะครับ แต่ละ English drop อยากจะให้มันเป็น English dose A drop in the ocean tonmelb ชอบนะ หยดน้ำในทะเล ความหมายมันตรงใจดีครับ แต่ละ Drop ผมจะพยายามคิด ๆๆๆๆๆๆ ค้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ -------------- เพื่อนำเสนอมุมมองและแนวทางดี ๆให้กับผู้อ่าน เพื่อไว้พัฒนาภาษาอังกฤษ------------- อย่างไรก็ตาม tonmelb ยังจะคงไม่เปลี่ยนจุดยืนของตัวเอง ---------- ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ วันนี้มี English expressions มาฝากนะครับ @ Uncover your hidden assets @@ save your energies for important duties @@ discover talents you never knew you had @@ Start developing your innate strengths and abilities @@ discover how many talents and abilities you actually have that you didn’t even know you had @@... for their valuable suggestions and criticisms @ I was/am a failure/ a success. I am a success as a teacher. นี่ผมอยากชี้ให้เห็นว่า talent, energy, criticism etc เป็นรูปพหูพจน์ได้ Point จริง ๆ ประโยค expression แบบนี้ ไม่ต้องไปคิดลึกว่าทำไมมันถึงเติม s ได้ มันเป็นนามนับไม่ได้หรือ หรืออะไรก็ได้ ไม่ใช่นะครับ tonmelb คิดว่าคุณจะได้ภาษามาก ๆเลย จะมีภูมิทางภาษาด้วย คือต้องอ่านเยอะๆๆๆๆๆๆ ต้องเริ่มอ่านก่อน ต้องมี quality input ก่อน Grammar ค่อยตามมา ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 5 ม.ค. 50 23:10:26 A:203.107.196.180 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 126 More easy-to-use / ready-to-use/ ready made sentences ครับ @ You can help save the beach. Please use walkovers. Foot traffic will kill vegetation. @@ The book dropped to the floor. @ In the US, it’s not disrespect to disagree with a professor. (= tutor/teacher/lecture) @ You should use the language you have learned in situations outside the classroom. @ I am saving the chairs for friends. (Save seats for friends) @ Interesting reasoning, Sam. You have a point. @@ Are there any questions on the lectures? นี่ก็เป็นความพยายามเล็ก ๆของผมที่อยากจะให้คุณ ๆเห็นประโยคต่าง ๆ ไม่ตีบตันแบบที่เรา ๆเป็นอยู่ ที่ตีบตันเพราะคุณอ่านหนังสือน้อย ๆ แต่ฝึกทำข้อสอบอย่างเดียว เหมือนคนขาลีบ ยังไงยังงั้น ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ นี่คือรูปแบบที่ผมจะเขียนในปีนี้ คุณผู้อ่านแนะมาได้ ติเพื่อก่อมาได้ @@@@@@@@@@ มีอยู่สิ่งหนึ่ง ที่ tonmelb เขียนประจำ แต่อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ คือว่า เวลาของผมในแต่ละวันมีน้อย ดังนั้นเวลาเขียน ผมจะเน้น--------------- เพียงความถูกต้องของข้อมูลเท่านั้น แต่เรื่องการเรียงลำดับ อาจจะไม่ดีนัก คือหลาย ๆครั้งอาจอ่านแล้วตามไม่ทัน หรือดูเหมือนมีหลาย ๆเรื่องมารวมกัน --------- ผมคิดเร็ว รู้เยอะ อ่านเยอะแต่เวลาน้อย และนิสัยเสียคือ ชอบเขียนตามใจตัวเอง ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ เพราะถ้าขืนต้องคิดแล้วคิดอีกว่าต้องรีบเรียงทุกครั้ง ผมคงไม่ไหว Good night จากคุณ : tonmelb - [ 5 ม.ค. 50 23:14:04 A:203.107.196.180 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 127 A drop in the ocean in 2007 เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ผมเคยใช้มาก่อนหน้านี้แล้วครับ ชอบความหมายนี้จริง ๆ เพราะมันตรงกับสถานการณ์ที่ผมประสบอยู่ เหมือนกับ----------- โครงการเมาไม่ขับ ยังไงยังงั้นครับ----------------- ในฐานะคนไทยด้วยกัน มีหรือ tonmelb จะไม่เข้าใจนิสัยคนไทย ๑. คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบให้ใครมาว่า ต้องแนะแบบอ้อม ๆ ๒. คนไทยส่วนใหญ่รู้แต่ไม่ทำ และดื้อรั้นมาก แบบว่า ไม่ทำแล้วใครจะทำไม จึงต้องขอร้องกันอย่างมา ๓. คนไทยส่วนใหญ่ขาดวินัย และอีกหลาย ๆอย่าง คนไทยผมเชื่อว่าจิตใจยังดีอยู่ แต่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ไม่ชอบอยู่ในระเบียบวินัย ( เก่งแต่แก้เกมส์ แต่ไม่ชอบป้องกัน) มิเช่นนั้น โครงการเมาไม่ขับ คงจะ Work กว่านี้นะครับ ผมไม่ดื่ม แต่ผมก็เข้าใจคนดื่ม เพราะเพื่อน ๆผมดื่ม(บ้าง)และขับรถ ผมก็ด่า/ว่า/ตักเตือนแล้ว มันก็ไม่เคยฟังผมเลย มีอีกหลายปัจจัยที่เป็นเหตุคุณไม่ประสบความสำเร็จทางการเรียนภาษา คือ ๑. ภาษาแม่เราห่างกับภาษาอังกฤษ แบบมันห้ามห้วยเลยครับ อาจารย์ฝรั่งผมก็บอกแบบนี้ และหนังสือที่ผมอ่านหลาย ๆๆๆเล่มก็บอกแบบนี้ ภาษาแม่ถ้าใกล้เคียงมีรากเดียวกัน จะง่ายกว่า ๒. Skill learning. Relevant practice of life skills and the skills necessary for business and academics เราไม่เคยได้มีโอกาสเรียน ที่เรียนอยู่ไม่ใช่ English tips ไม่ค่อยรู้กับเค้าหรอก ที่ถูกสอนก็ไม่ใช่ หาคนสอนที่ให้ข้อแนะนำดี ๆ และถูกต้องยาก ( ลองมาอ่านงานผมดูครับ) ๓. Language use. หาฝรั่งใจดี คนดี ฝึกภาษาไม่ได้ และแก้ไขให้ โอกาสในการใช้น้อย ข้อ 1 และ 2 คงแก้ไม่ได้ แต่ข้อ 3 ยากหน่อยนะครับ เช่น หาฝรั่งฝึกภาษา ผมมี น ร หญิงมาเล่าให้ฟังว่า เจ้าฝรั่งมันจะคิดอย่างอื่นเรื่อยเลยครับ ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 6 ม.ค. 50 21:43:54 A:203.209.117.113 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 128 tonmelb อยากฝากไว้ด้วยความจริงใจและห่วงใย ภาษาคือ ๑ ในหลาย ๆ ปัจจัยที่จะทำให้คุณมีโอกาสมากกว่าคนอื่น อย่าเถรตรงเลยครับ อย่ารั้นเลยครับ โดยพูดว่า ฝึกไปให้ตาย ก็สู้ฝรั่งไม่ดี หรือคนไทยยังไง ๆ ก็เห็นฝรั่งเก่งกว่า อยากให้คุณอ่าน เพราะคนเขียนตั้งใจ ถึงแม้ว่าคุณบางคน อาจจะไม่ชอบใจนักที่ผมเหมือนจะไม่ให้ความหวังคุณเลย ที่บอกความจริงกับผู้อ่านเสมอ ว่าถ้าคุณไม่เห็นความสำคัญ ไม่ใส่ใจ ไม่ตั้งใจ คุณไม่มีทางเก่งแน่นอน ผมอยู่ข้างคุณเสมอ ผมพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้เสมอ แต่จะให้พูดหรือเขียนเพื่อให้คุณชอบผม ผมไม่ทำ ผมและคนที่เข้าใจ มองออกว่า การพูดชัด เป็นเพียงการเริ่มต้นที่ดีมาก แต่มันไม่จบตรงนี้ Stage ที่ 2 สำคัญยิ่งยวดกว่า ยากกว่า ใช้เวลานานกว่า ต้องใช้ความอดทนมากกว่า ------------นั่นคือการต่อยอดจากตรงนี้ เดินจากตรงนี้ นั่นคือ สานต่อจากหลักการพูดที่ได้เรียนมา จนพูด(ประโยคที่ได้ Drill มาหลายรอบจนคล่อง) ได้ชัด ได้คล่อง แล้วมาสู่ Content เนื้อหา จะพูดอะไรบ้างในสถานการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ informal ถึง very formal เจรจาเป็นงานเป็นการ เป็นเรื่องราว สานสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ ปรับความเข้าใจ ถ่ายทอดความรู้ให้กันและกัน งานลุล่วงไปด้วยดี -------------------------------------- นี่คือสิ่งที่ผมมอง การพูดให้ชัด ไม่เป็นการยากอีกต่อไปแล้ว ทั้งครูเคท, ครูคริส, K. Andrew, อาจารย์ชุมศักดิ์จากเวป pantip (ลองเข้าไปอ่านดูครับ http://www.navy.mi.th/dockyard/knowledge.htm) แม้แต่ tonmelb แนะการออกเสียงไว้หมดแล้ว แต่นี่คือ----------- จุดประกายแห่งความหวัง-----------เท่านั้น มันสร้างความประทับใจแน่นอน แต่อีกไม่นาน ถ้าคุณไปทึกทักกับตรงนี้ ว่าเก่งแล้ว คุณจะเจ็บมาก เมื่อในระยะเวลาต่อมา ไม่นานครับ คุณจะรู้ว่า ถ้าคุณไม่ศึกษา Grammar หรือคิดจะต่อยอดเลย ----------------มันจะตัน มันจะไม่มีอะไรจะพูด จะไม่มีอะไรจะเขียน ไปเรียนต่างแดน จะเกิดความยากลำบากเลือดตาแทบกระเด็น จะคิดถึงครั้งที่เคยถูกชมว่าพูดชัดจัง เพราะที่ต่างแดน การพูดชัด พูดให้เข้าใจ พูดให้ดี มันถูกคาดหวังอยู่แล้วครับ มันเป็น Requirement อยู่แล้วครับ เพราะคุณคิดหรือว่า ฝรั่งที่เมืองเค้าอยากจะฟัง broken English จากคุณ ฝรั่งที่ศูนย์ในเมืองไทยต่างกันกับฝรั่งในต่างแดนครับ------------------------------- ถึงคุณไม่ไปต่างแดน การต่อยอดมันก็สำคัญ เพราะยิ่งนานวัน คุณจะมานั่งภูมิใจกับ—ก้าวแรกที่ทำให้คนประทับใจคุณไม่ได้แล้ว-------- ก้าวที่ 2 ไม่ใช่การสร้างความประทับใจแล้ว ----------------------------มันคือการสื่อสารที่แท้จริง คือการทำงาน คือการพูดคุยบอกเล่าเก้าสิบ แก้ปัญหา แก้ความเข้าใจผิด It is no longer a talk or conversation. Stage 2 is about to give you: successful communication. ใช่ครับ เมืองไทย เรายังอยู่ที่ Talk และ everyday conversation วุ่นกันอยู่ตรงนี้ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ จากคุณ : tonmelb - [ 6 ม.ค. 50 21:48:28 A:203.209.117.113 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 129 Tonmelb ต้องการให้คุณ move ไปที่ successful communication. (จากง่าย ๆ ไปก่อนก็ได้ แต่คุณควรจะแสดงถึงการพัฒนาการ You can do it. I can help you.) คุณคิดเองแล้วกันว่าผมเป็นคนอย่างไร? ผมเป็นคนอย่างไร ข้อเขียนผมก็ออกมาอย่างนั้น นี่คือการแบ่งปันความรู้ ไม่ใช่ Mass marketing นะครับ You make up your mind, then. I am a wet blanket. I am. I am your helper. I am too. ครับ But I do know who I am. โอ้! วันนี้เขียนดี เข้าใจดี Talk / conversation >>>> successful communication. ไม่ใช่ Talk หรือ conversation ไม่สำคัญนะครับ ผม tonmelb ยังไงก็ได้ ยินดีไม่มีปัญหาครับ เพราะเต็มใจจะช่วยอยู่แล้ว ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพยายาม มันยาก มันใช้เวลา ยังไม่เห็นผลตอนนี้หรอก ผมปฏิเสธที่จะ give up on you โอ้โห โคตรรรรรรรรรซึ้งเลยครับ ป ล จะเลิกกินลูกท้อ มากินลูกยอแทน และขายขนมจีบ จากคุณ : tonmelb - [ 6 ม.ค. 50 21:52:27 A:203.209.117.113 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 130 thank you for your share experience.I like too . I will conference 1 weeks.When I finish that I will seach to study essay agian. I try to improve English langauge.If you have spare time .Would you mind to change wrong langauge?(I mean everybody pass to read.) ขอบคุณมากสำสหรับการแลกเปลี่นยประสบการณ์ ผมชอบมากครับ ผมต้องไปประประชุม 1 สัปดาห์ เมื่อผมเสร็จภารกิจแล้วจะกลับมาอ่านบทความนี้อีก ผมพยายามจะพัฒนาภาษาอังกฤษ หากคุณมีว่างพอ รบกวนช่วยแก้ภาษาที่ผมเขียนผิดด้วย(ผมหมายถึงทุกคนที่ผ่านมาอ่านเจอครับ) จากคุณ : adgj - [ 7 ม.ค. 50 12:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 131 Thank you for sharing your experience. I like it very much. I will be away for a week to attend a conference then I will come back to read this again. I will try to improve my English. I would be very much obliged if anybody who is reading this can spare some time to correct my writing. Thank you. จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 7 ม.ค. 50 19:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ขอบคุณครับ thank จากคุณ : adgj - [ 7 ม.ค. 50 20:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 133 O-O' สายตาสั้นเข้าไปอีกหลายร้อย อิอิ จากคุณ : รักปิดรักเปิด - [ 11 ม.ค. 50 22:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 134 หวัดดีคุณต้นครับ ชื่นชมที่มีคนอยากให้อะไร กับสังคมแบบคุณ ผมเพิ่งเข้ามาแถวๆ นี้หลังจากไม่ได้แวะเวียนมานาน กระทู้ยาวมาก คงอ่านไม่ไหว เท่าที่อ่านช่วงต้นๆ ก็ทราบว่าคุณต้นเป็นครู ผมเองก็เพิ่งได้งานเป็นครูบาอาจารย์ที่วิทยาลัยนานาชาติของมหาลัยแห่งหนึ่ง คงต้องขอคำแนะนำจากคุณอีกมาก ติดใจอยู่นิดหนึ่งคือเรื่องการใช้ไทยคำ อังกฤษคำของคุณ ผมเป็นคนเรื่องมาก และคิดว่าถ้าจะใช้ภาษาใดก็ใช้ภาษานั้น ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรใช้สลับกันในประโยคเดียวกัน แค่นั้นหละครับที่อยากฝากไว้ ส่วนเรื่องสำเนียง ผมเป็นแบบลุงแอ๊ดเลยครับ เปลี่ยนไปมาเอง แล้วแต่ว่าคุยกับใครอยู่ ไม่ชอบตัวเองเท่าไหร่ มันทะ:-)ๆ ผมอยู่ออสเตรเลียสองปีกว่าๆ ก็ได้สำเนียงมา แต่พอกลับมาเจอสำเนียงไทย อเมริกัน หรืออังกฤษ ก็เปลี่ยนไปอีก สงสัยจะได้เชื่อจิ้งจก ไม่ใช่นกขุนทองอย่างลุงแอ๊ด ฮ่าๆ จากคุณ : g9h - [ 17 ม.ค. 50 15:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Esprite - [ 22 มี.ค. 50 10:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 136 I love the way you are teaching ka, thank you for ur awesome articles . Keep writing and i will keep reading, too. จากคุณ : AuM (TaLkaTiVe GaL) - [ 27 มี.ค. 50 02:26:29 ]