ความคิดเห็นที่ 1 เพราะเป็นธรรมชาติของเรามั้งครับ เหมือนที่เราต้องการความรัก ต้องการสันติ จากคุณ : ชาเขียว - [ 25 พ.ย. 49 14:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะ...มันสอดคล้องกับศักยภาพของมนุษยชาติ และในปัจจุบันมนุษยชาติเพียงแค่เริ่มตั้งใช้ความสามารถที่มีติดตัวมาเท่านั้น ถ้า...ยึด ถ้า...ติด ถ้า...ไม่คิด จะเสียดาย... แต่ถ้าเหนื่อยที่จะพัฒนา...หรือไปคิดในทุกเรื่อง ที่บางเรืองพี่เก่งๆคิดวิธีให้แล้ว-ไม่ต้องก็ได้ โดยที่ทั้งระบบรวมต้องมองหาเสรีภาพ มองหาอิสระภาพ...เพราะ...มันสอดคล้องกับ ศักยภาพของมนุษยชาติ และถ้าไม่ใช่เราก็เป็นรุ่นต่อไปทำ...เท่านั้นเอง เป็นหน้าที่ของคน... เด็กมีหน้าที่โต+เรียน หลังจากนั้นมีหน้าที่สืบต่อเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ หลังจากนั้นอีกมีหน้าที่เพิ่มศักยภาพของมนุษยชาติ ทั้งหมดนี้...เดาจากการอ่านหนังสือหลายแนวทางมาสังเคราะห์ว่าคงออกแนวนี้ ( ตอบอย่างอยู่ในห้องสมุด...ถ้าอยู่หว้ากอจะตอบออกแนวนิยายวิทยาศาสตร์...สนุกเลย ) จากคุณ : About a Book (SS) - [ 25 พ.ย. 49 14:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นสิ ทำไมเราต้องการ ไม่เห็นจำเป็นกับชีวิตของเรา เราก็มีชีวิตอยู่ได้ ไม่เห็นต้องไปเรียกร้อง เสรีภาพ และอิสระภาพเลย ยกตัวอย่าง - ทำไมคุณมาพิมพ์ข้อความสงสัยอย่างจนปัญญาได้นะ ถ้าคุณไม่มีเสรีภาพในการพิมพ์ ในกรณีที่ถ้าี่รัฐ ออกกฏหมายห้าม นั่นก็คือการจำกัดเสรีภาพ - ทำไมคุณมีชิวีต ตามที่คุณต้องการได้ นั่นคือเสรีภาพไหม ถ้าเกิด คุณเป็นทาสคุณจะมีเสรีภาพไหม ถ้ามี เลิกทาสทำไม - คุณเลือกจีบ เลือกเป็นแฟน เลือกรักใครก็ได้ นั่นใช่เสรีภาพหรือเปล่า ถ้าใช่่ คลุมถุงชนล่ะ เสรีภาพไหม เลิกทำไม - บรรพบุรุษเรา เสียเลือดเสียเนื้อ ได้มาซึ่งแผ่นดิน ความเป็นชาติให้เรา รวมไปถึงเสรีภาพด้วยไหม เป็นเมืองขึ้นมีเสรีภาพหรือเปล่า ไม่เป็นเมืองขึ้นต่อล่ะ เสรีภาพจะมีกันไปทำไม ไม่เข้าใจเลย จนปัญญา ในเมื่อตัวเราเองมีแล้ว ไม่เห็นต้องไปสนใจคนอื่นเลย อย่างพวกเรียกร้องเสรีภาพ มันพวกไร้สาระ ไม่เห็นมีประโยชน์ เราต้องการมันไปทำไม ในเมื่อเรายังไม่ตระหนักเลยว่า ที่ๆเรายืนอยู่นี้ มีการต่อสู้เพื่อสิ่งเหล่านี้มา เค้าน่าจะคิดเหมือนกันนะ ว่าเราต้องการมันทำไม เราจะได้ไม่มีชีวิตอยู่ หรือมีชีวิตอยู่เยี่ยงทาส จากคุณ : KongMing - [ 25 พ.ย. 49 15:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แล้ว จขกท.ต้องการป่ะครับ? จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี - [ 25 พ.ย. 49 16:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาอ่านเฉยๆค่ะ คิดไม่ออก ขี้เกียจคิด แต่ถ้าจะให้ตอบตามความรู้สึก ก็อาจจะเป็นเพราะเข้าข่ายความต้องการ ขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั่วๆไป ก็เหมือนกับที่คนเราทุกคน ต้องการความรักความเข้าใจอย่างที่คุณชาเขียวว่าอะนะคะ (สรุปคือลอกคำตอบ คห.1 มาค่ะ แฮ่ๆ) ชื่อเราก็เข้าข่ายคล้ายๆคุณ จขกท กะคุณคห.ที่ 2 นะเออ จากคุณ : About a Girl (แก๊ซซ่า) - [ 25 พ.ย. 49 16:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าไม่มีเสรีภาพชีวิตก็ไม่มีอะไร ในปรัชญา พวก อัตถิภาวะนิยม ให้คำตอบว่า แท้จริงแล้วมนุษย์(ชีวิต)  เป็นสิ่งที่ว่างเปล่าและไม่ได้มีความหมายอะไร ภายในของมนุษย์นั้นกลวงเปล่า และมีเพียง ความรู้สึกเท่านั้น ที่เป็นแก่นแท้ของมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ต้องการความมีตัวตน มนุษย์เกิดมาว่างเปล่า แต่มนุษย์ก็กลัวความว่างเปล่า เพราะมันไร้ความหวัง ไร้การมีอยู่ของมนุษย์(ลองคิดว่าโลกนี้ไม่มีมนุษย์ดูสิ) สิ่งเดียวที่จะทำให้มนุษย์มีตัวตนขึ้นมาได้ก็คือ การตัดสินใจ เลือกที่จะทำ เลือกที่จะเป็น  เลือกที่จะเชื่อ เลือกที่จะไม่เชื่อเท่านั้น แต่ละการตัดสินใจนั้นนำมาสู่ทางเลือก ความหวัง และความมีตัวตน(ปรัชญาลัทธินี้อธิบายว่าทุกครั้งที่เราตัดสินใจด้วยความจริงใจกับตัวเองแล้วเราจะมีแก่น โครงสร้างของตัวตนค่อยๆปรากฏมาทีละน้อยที่จะมาแทนที่ความว่างเปล่าในชีวิต) เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรในชีวิต จงตัดสินใจเสียเถอะ เพราะมนุษย์ถูกสาปให้มีเสรีภาพ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่มีอะไร ปล.โลกยุคนี้มาร์กซิสกับอัตถิภาวะนิยมมันไปด้วยกันได้จริงๆนะ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 17:59:57 แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 49 17:54:47 จากคุณ : the author - [ 25 พ.ย. 49 17:51:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดค่อนข้างขัดกับคุณความคิดเห็นที่3น่ะ พูดให้ดูดีคือเสรีภาพคือการอยู่โดยไม่มีการเบียดเบียนกัน ไม่มีการบังคับฝืนใจ หรือให้พูดอีกอย่างคือ การที่เราอยู่โดยทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เป็นการอยู่รวมกันโดยไร้กฎเกณฑ์ ไม่มีการควบคุม ไม่มีการบังคับ ถ้าเรานำมันมาใช้ในทางที่ดี...ก็ดีไป แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดล่ะ... หากเราสร้างโลกแห่งเสรีภาพได้จริง โลกนี้อาจกลายเป็นอารยธรรมเถื่อน หาความผิดความถูกไม่ได้ เพราะทุกคนมีเสรีในการกระทำ ในสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำ หากมีเสรีภาพในการจะทำอะไรก็ได้แบบนี้ คงไม่มีใครคิดว่า...สิ่งที่ตัวเองทำผิด แต่มนุษย์ก็ยังคงเรียกร้องเสรีภาพ คิดว่า....เพราะมนุษย์เราไม่เคยมีทั้งเสรีภาพและสันติภาพอยู่ในมือจริงๆ ซึ่งเราจะรู้สึกเองได้ ทำให้เราพยายามขวนขวายหา และบางครั้งเราก็หาในวิธีที่จะไม่มีทางหาเจอ เพียงเปิดทีวีเราก็จะเห็น...การเรียกร้องขอเสรีภาพและสันติภาพ.... โดยการริดรอนมาจากผู้อื่น ตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้มีทั้งบุคคลและกลุ่มบุคคลมากมาย ที่ใฝ่ฝันอยางลมๆแล้งๆ กับอุดมคติที่จะสร้างโลกแห่งสันติ ถ้าหากเสรีภาพเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้และมีอยู่จริง ผู้คนเหล่านั้นคงไม่ต้องต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ สับสนจริงๆว่า.... บุคคลที่ออกตัวว่าเป็นผู้ฝักใฝ่สันติ เหตุใดจึงใช้วิธีการทำลายสันติภาพของผู้อื่น แล้วบอกด้วยเสียงอ่อนโยนว่า...สันติภาพกำลังจะเกิดขึ้น ทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริง... ................................................................................ ยังไงทั้งหมดนี้มันก็แค่ความคิดเห็นที่solieอยากลองแสดงในแง่กึ่งบวกกึ่งลบดู เพราะยังไงก็ไม่มีอะไรที่จะถูกไปหมด ดีไปหมด แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะแย่ไปหมดอยู่ดี หากคนเรายังไม่เคยได้ครอบครองเสรีภาพแท้ๆดูสักทีก็คงไม่มีวันรู้จริงๆ ว่ามันจะดีหรือจะแย่ยังไง จากคุณ : solie (solie) - [ 25 พ.ย. 49 18:54:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพราะเราแต่คนละคนไม่เหมือนกัน และต้องการสิ่งที่ไม่เหมือนกันน่ะสิ ผัสสะแห่งการรับรู้ของแต่ละคนแปลค่าออกมาไม่เหมือนกัน เสรีภาพคือการบอกว่า คุณสามารถเลือกในสิ่งที่ต่างออกไปจากคนอื่นได้อย่างปลอดภัย จากคุณ : AntiSpam - [ 25 พ.ย. 49 19:52:40 A:124.120.109.170 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ชักๆจำความรู้สึก บรรยากาศของห้องสมุดได้แล้ว... คุณ About a Girl...ครับ ไม่ใช่ชื่อจริงหรอกครับ...เป็นชื่อล้อ-เล่นแบบคุณ About a Boy เจ้าของกระทู้อีกที About a Book น่าจะเป็นชื่อร้านหน้าสือเล็กๆ...ทำเลไม่ดีแบบคนรักหนังสือไม่รู้ธุรกิจ เลือกทำเล...ขายน้อย...นั่งนาน เที่ยงปิดร้าน ประมาณนั้น... ทำไมเราถึงต้องการ "เสรีภาพ" ...ตอบได้เพิ่มอีก... เพื่อที่เราจะได้ตอบหรือแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ ไปทางในใดก็ได้ไง... "เสรีภาพ"...ดีก็ได้ "เสรีภาพ"...ไม่ดีก็ได้ เพราะเรามี "เสรีภาพ" ไง... ถ้าไม่มี..."เสรีภาพ"...เราอาจแสดงความคิดเห็นไม่ชอบ...อะไรดี...ไม่ชอบคุณมานะ ก็แล้วกัน...แต่คุณมานะนอกจากเป็นพี่คุณมาลีแล้วเป็น...อะไรดี...หัวหน้าหมู่บ้าน ก็แล้วกัน...โดยที่คุณมานะจำกัด"เสรีภาพ"ไม่ให้มีการเลือกตั้งหัวหน้าหมู่บ้าน... เราจึงต้องจำยอมไปติดต่อคนที่เราไม่ชอบเพื่อขอเอกสารนู่นนี่...ประมาณนี้...นะ ถ้าทนได้...มันก็อะไรก็ได้ทั้งนั้น...แต่เรื่องสำคัญไม่ควรยอม(เช่น...เรื่องคู่ครอง เป็นต้น) โดยทั่วๆไป...เรื่องที่คนส่วนใหญ่ของโลกให้ความเห็นว่าดี...มักเป็นเรื่องดี-ถูกต้องจริง ถ้าเชื่อตามโลกเรียกว่าใช้ความศรัทธา...ศรัทธาตามส่วนใหญ่ของโลกมักจะผิดยาก... มีเพิ่มนิด...ติดตามด้วย ถามปรึกษาผู้รู้ ครูบาอาจารย์ หรือปรึกษาพ่อแม่สักนิด...ผู้คน เหล่านี้หวังดีกับเราแน่นอน...รวมกับอ่านกระทู้บ้าง(พี่หวังร้ายต้องมีบ้าง...) จากนั้นก็ พิจรณาออกซ้าย-ขวา หน้า-หลัง ก็ตามนั้น อย่างนี้เรียกใช้ปัญญา...(ใช้บ่อย...มีเก่งได้) แต่ถ้า...มีคำถามมา...ไม่เคยคิดไว้ก่อน...ไม่ค่อยรู้ไม่ค่อยเข้าใจ...แต่ตัดสินใจตอบออก ไป...เรียกใช้ใจตัดสิน ว่าชอบหรือไม่ชอบ ก็ตอบไปตามนั้น... ( ใช้ใจว่าชอบไม่ชอบ-ใช้ศรัทธา-ใช้ปัญญา...เรียงกันมา...ว่างั้น ) นี่คงเริ่มแก่แล้ว...เหมือนบ่นเลยนะ... สรุปว่า...เสรีภาพทำให้ตอบกระทู้อย่างนี้ได้ โดยที่คนที่ตอบอย่างอื่นซึ่งอาจตรงข้าม ไปเลย...ก็มีเสรีภาพเหมือนกันที่จะคิดอย่างนั้นได้...ถ้าให้ทุกคนต้องคิดเหมือนกัน ( สำคัญมาก...ไม่ว่าบังคับให้คิดเหมือนกันและถูกต้องด้วย หรือเหมือนแต่ผิด ) อย่างนี้เรียกไม่มีเสรีภาพ... เสรีภาพจึง...สร้างการเรียนรู้มากว่า...ชี้ถูกชี้ผิด และโลกไม่อยากรู้ว่าใครถูก-ใครผิด โลกอยากรู้ว่า...เรากำลังไปไหน...โลกอยากเห็นความก้าวหน้าทั้งจิตใจทั้งความรู้... หรือโลกอยากรู้...ว่าเราจะอยู่ยังไง (จริงๆยังเด็กอยู่...ช่วงนี้ต้องบ่นตามภาคบังคับ) About a Book...อีกที จากคุณ : แค่นี้นะ... (SS) - [ 25 พ.ย. 49 23:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบกันมาน่าฟังทั้งนั้น ผมว่า เพราะ ความหลากหลายคือหัวใจของวิวัฒนาการ การไร้อิสระ ก็คือการทำซ้ำ สุดท้ายก็สูญพันธุ์ ไม่ใช่มนุษย์เท่านั้นหรอก ที่ต้องการอิสระ สัตว์ก็ต้องการ จากคุณ : masked v - [ 25 พ.ย. 49 23:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่า เพิ่งเคยเข้ามาโต๊ะนี้อะครับ ขอสวัสดีทุกท่านและขออนุญาตแสดงความเห็นนะครับ บังเอิญผมเรียนคณะนิติศาสตร์ ซึ่งสิ่งที่ผมเรียนมันก็เกี่ยวข้องกับคำว่า "เสรีภาพ" พอสมควร ตามทฤษฎีทางนิติศาสตร์แล้ว คนเราเกิดมาพร้อมเสรีภาพครับ แต่การใช้ชีวิตของเราในฐานะ "ปัจเจกชน" จำเป็นต้องถูกจำกัดเสรีภาพเพื่อให้เราทุกคนใน "สังคม" มีเสรีภาพอย่างแท้จริง (คำพูดนี้อาจดูขัดแย้งกันในตัวเองนะครับ) เช่น คุณย่อมมีเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งเสรีภาพนี้รวมถึงการตีหัวชาวบ้านด้วย แต่ถ้าคุณใช้เสรีภาพอย่างสุดโต่งเช่นนี้ ย่อมทำให้เสรีภาพในร่างกายของคนอื่นถูกทำร้ายลงไปด้วย เราจึงต้องยอมสละเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกายของเราออกไปบางส่วนเพื่อเคารพเสรีภาพของผู้อื่น ซึ่งกฎหมายจะเป็นตัวบังคับการสละเสรีภาพของเราออกไป การใช้เสรีภาพด้านอื่นๆก็เช่นกัน ถ้าใช้อย่างสุดโต่งเกินไปก็จะเป็นการทำร้ายเสรีภาพของผู้อื่นด้านใดด้านหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า อันที่จริงทุกคนก็มีเสรีภาพมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้วครับ แต่คุณอาจถูกสังคมจำกัดเสรีภาพลงไปบางส่วน ที่ถามว่าทำไมเราต้องการเสรีภาพ จริงๆ แล้วคือการที่เราเรียกร้องไม่ให้สังคมมาจำกัดการใช้เสรีภาพของเรา แต่การเรียกร้องนี้ต้องพิจารณาด้วยว่า ถ้าเราได้เสรีภาพของเรากลับมาใช้ เราจะใช้มันโดยไม่ทำร้ายเสรีภาพของผู้อื่นได้หรือเปล่า ก็ตามหลักทางสายกลางอะครับ เสรีภาพที่เรามีนั้น ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี มีเท่าที่เราพอจะใช้ได้โดยไม่ทำร้ายผู้อื่นก็พอครับ จากคุณ : vice (vice) - [ 26 พ.ย. 49 00:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เจี๊ยกๆ อ่านไปอ่านมาแล้วก็งง แต่เอาเหอะ คำว่าเสรีภาพในความหมายของแต่ล่ะคนมันอันเดียวกันรึเปล่าเอามาพูดกันเนี้ย? " ทำไมเราถึงต้องการ "เสรีภาพ" หลายต่อหลายคนมองหาเสรีภาพ มองหาอิสระภาพ " เรานี่หมายถึงใคร และเสรีภาพของคุณนี้หมายถึงอะไร ไม่มีนิยามตายตัวคงพูดอยาก หลายประเด็น น่ะ 1 เสรีภาพ ถ้าความของผม คือ ช่องว่างระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและการตอบสนองของเรา เรามีอิสระ ที่จะเลือกการตอบสนอง ยังไงก็ได้ (มันไม่อยู่กับสถานการณ์น่ะถึงแม้จะมีผลกระทบจาก สาถานการณ์ก็ตาม) 2 จึงมีเรื่องต่อมา คือเรามีเสรีภาพกันอยู่แล้ว ผมจึงไม่ได้ ต้องการเสรีภาพ (ก็มันมีอยูแล้วนิ) ผมว่ามันไม่ใช่needs ของมนุษย์หรอก ผมจึงถามว่าใครต้องการ และอะไรคือเสรีภาพสำหรับเขา เสรีภาพที่เขาต้องการ จริงแล้วมันจะมีneeds อื่นๆ อยู่ "แต่ทำไมเราต้องการมัน" 3คำถามดี ถ้าสรุป ความต้องการง่ายๆของมนุษย์เป็น2อย่างคือ หลีกเลี่ยงความทุกข์ และเข้าหาความสุข สำหรับ คนที่ต้องการมัน เสรีภาพ อาจะมีความหมายว่าถ้าเขาได้มันมาแล้วเขาจะมีความสุข(ในทางใดทางหนึ่ง)มากกว่าความทุกข์(ปริมาณ ของความรู้สึก นี้มันก็ขึ้นกับว่าเราใส่ลงไปแค่ไหนด้วยน่ะ) ตัวอย่างเช่น สมัยเลิก ทาส คนที่ต้องการให้เลิกทาสเพราะ คนไม่พอใจต่อระบบทาส เขาอาจจะไปเห็การข่มเหงหรือถูกข่มเหงเอง(ซึ่งมันสร้างความทุกข์ให้เขา) เขาก็ต้องการให้เลิกระบบทาส 4เสรีภาพ และ การควบคุม(การไร้เสรีภาพ) มันก็มีอยู่ทั่วๆ ไปนั่นแหล่ะ ไม่ได้หมายความว่าเรามีอย่างหนึ่งอย่างใด มันก็มีปนๆ แล้วแต่ความเหมาะสมในแต่ล่ะเรื่อง คนเรามันก็ต้องการการควบคุมเหมือนกัน "การทำซ้ำ สุดท้ายก็สูญพันธุ์" ขอ ค้าน คร้าบบ มันไม่ใช่อย่างง้านเสมอไปไป(ย้ำคำว่าเสมอไปน่ะครับ อาจจะจริงบางกรณี) เคยได้ยินหรือ law of use and disuseมั้ยครับ (ถึงมันจะเป็นฤษฎีทีผิดเกี่ยวกับเรื่องวิวัฒนการของสิ่งมีชีวิตก็เหอะ) มันว่า ว่า อะไรที่ใช้บ่อยๆ(ก็คือทำซ้ำ จะคงอยู่)ส่วนอะไรที่ไม่ได้ใช้ จะหายไป ถ้าอ้างอิงโดยเฉพาะ การกระทำของมนุษย์ อะไรที่ทำซ้ำบ่อยๆ จะยิ่งถนัด และทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมอาจจะเข้าใจผิดน่ะ การทำซ้ำของคุณ อาจจะหมายความว่า การที่ทำเหมือนๆกันไม่มีvariaty อย่างไรก็ตาม ผมว่าหลักการเหล่านี้ เป็นเครื่องมือ มันแล้วแต่สถานการณ์ที่จะใช้ สมมุติ เรามีสีอยู่2สี คือขาวกับดำ แล้วเราจะวาดรูป มันไม่มีน่ะ ที่ "ยี้ สีดำไม่ดีไม่ใช้" มันขึ้นอยู่กับอย่างอื่นด้วย สรุปคำตอบของผม คือ การตีความหมายของสิ่งต่างๆ การที่เราให้ความรู้สึกับสิ่งนั้น ซึ่งมันหมายถึงความเจ็บปวด หรือความพึงพอใจ ป.ล. อ่านความคิดเห็นที่9 ม้ายย เข้าใจเย้ย งง? จากคุณ : keatju@hotmail.com - [ 26 พ.ย. 49 01:13:18 A:58.9.138.92 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านผ่านๆ อะคับ คุยกันเรื่อง เสรีภาพ ทำให้นึกถึง อำนาจ อะคับ  แบบว่า.... เสรีภาพ คือ การทำอะไรได้ตามใจ ใช่ไม่คับ ? ... เมื่อทุกคนให้ความหมายของเสรีภาพทำนองนี้แล้ว เสรีภาพของคนหนึ่งอาจไปกระทบกับอีกคนหนึ่ง ใช่ไม่คับ...การที่เราต้องการแผ่เสรีภาพออกไปได้เพื่อให้เหนืออีกคนหนึ่ง นั่นคือ อำนาจ ใช่มั้ยคับ ?... การควบคุมเสรีภาพให้อยู่เพียงภายในกรอบ น่าจะเรียกว่า สิทธิ ใช่มั้ยคับ ?... แต่ผู้ที่สร้างกรอบขึ้นมาก็คือ ผู้มีอำนาจ ใช่มั้ยคับ ? แค่นี้ก่อนนะคับ ต้องการจะหาประเด็นถกเถียงเท่านั้น แหละคับ ใช่นะคับ 5 5 5 จากคุณ : ณ. ลังค่าย - [ 26 พ.ย. 49 02:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพราะมนุษย์มีความอยากครับ และเป็นความอยากที่ไม่ได้เป็นไปตามสัญชาตญาณด้วย เป็นความอยากที่เกิดจากความคิดหนือการทำงานของสมอง ต่างจากสัตว์ มนุษย์อยากรู้อยากเห็น อยากคิด อยากทำ เมื่อความอยากเหล่านี้ ถูกจำกัด ก้อคล้ายว่า " สิทธิพิเศษ " ในฐานะมนุษย์หมดลง เหตุนี้ เราจึงต้องการอิสระ เสรี มาตอบสนองความอยากครับ จากคุณ : Radames - [ 26 พ.ย. 49 08:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เสรีภาพ คือ "อำนาจ" ในโลกเสรี ความรุนแรงคือ"อำนาจ"ในโลกเผด็จการ จากคุณ : the author - [ 26 พ.ย. 49 08:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ห้องสมุดมันมันส์อย่างนี้นี่เอง... แทบทุกคนที่ให้ความเห็นเข้าใจกรอบในการคิด (บางคนกว้างมากไปไกลใหญ่โต-บางคน เฉพาะเจาะจง) และนิยามของคำ รวมทั้งหัวข้อกระทู้เปิดกว้างมาก จึงได้เกริ่นเรื่องนี้ก่อน ที่จะแสดงความคิดเห็น ชอบมาก... ( เป็นธรรมชาติของการเรียนรู้...ถ้าไปห้องราชดำเนินจะมีธรรมชาติของการเมือง ) ( สนุกไปอีกแบบ...ถ้าห้องนักกีฬาคงออกแนว " มาทำอะไรให้เหงื่อออกดีกว่า..." ) ( " ลืมเรื่องแพ้-ชนะซะบ้าง...ลองมาทำความรู้จักกับน้ำใจนักกีฬาบ้างดีกว่าไหม... " ) ( ในฐานะศิษย์เก่าห้องสมุดต้องโต้..." ใช้เหงื่ออย่างเดียว ระวังต้อใช้ใช้เหงื่อทั้งชีวิตนะ " ) ( " ส่วนให้ลืมเรื่องแพ้-ชนะบาง ก็เห็นด้วย...แต่ห้ามลืมเรื่องเสมอนะ มีด้วย " ) ศิษย์เก่าเข้าไปอินในห้องอื่นมา ก็มาเล่าสู่กันฟัง... ในประเด็นตามหัวข้อกระทู้ คิดแง่มุมอื่นๆได้อีก (ทั้งปี) แต่พอแล้วขอเป็นคนอ่านดีกว่า ชอบบรรยากาศห้องสมุด...นะครับ (ใครทันตอนห้องสมุดเกือบเปลี่ยนเป็นห้องพระบ้าง...) ขำชื่อดี... จากคุณ : In the name of About a Book (SS) - [ 26 พ.ย. 49 10:49:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตลกตัวเอง... " มาทำอะไรให้เหงื่อออกดีกว่า..." ห้ามนำไปใช้พูดกับเพื่อนต่างเพศนะครับ... น่าเกลียด... จากคุณ : About a Book...the 4th (SS) - [ 26 พ.ย. 49 11:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านหลายๆ ความเห็น ทำให้นึกถึงสมัยที่ยังเยาว์ ยังเขลา ยังทึ่ง อยู่โรงเรียนอนุบาลวัดมหาธาตุ เริ่มต้นที่คำว่าเสรีภาพคืออะไร (เอกภพ จักรวาล ระบบสุรยะ โลกมนุษย์ ก้อนหิน แม่น้ำ ภัสมธุลี....ชักแถวมากันหมด) แล้วก็ตามด้วยประโยคศักดิ์สิทธิ์ว่า "แต่...เสรีภาพต้องมีขอบเขต เพราะมิเช่นนั้นทุกคนก็จะทำตามใจเดือดร้อนผู้อื่น" ถ้าเช่นนั้นแปลว่า... โดยเนื้อแท้ มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ใฝ่ต่ำและบ้าเลือด และโง่เง่า...ค้านกับสิ่งที่รุสโซคิด เพราะรุสโซบอกว่า มนุษย์เดิมทีเป็นสิ่งที่ดี แต่ที่ชั่วร้ายเพราะสังคม (อ่านแล้วก็ให้สงสัยว่า สังคมของรุสโซมิได้เกิดจากคนหรอกรึ) ก็เลยถามต่อมาว่า กฎหมาย และ กฎเกณฑ์ต่างๆ (ที่ถูกนำมาใช้เพื่อตัดแต่งเสรีภาพมิให้เกินงาม) ทำหน้าที่อะไร ระหว่าง "แจ้งให้ทราบว่า ถ้าคุณทำสิ่งนี้ คุณจะต้องเผชิญกับสิ่งนั้น" หรือ "กำหนดไว้ว่าห้ามทำ" (กฎหมายเคยทำหน้าที่นี้สำเร็จหรือเปล่า) ===================== ในพื้นที่ของเสรีภาพ การที่เราตัดสินว่าจะทำหรือไม่ทำสิ่งที่อาจนำไปสู่ความทุกข์ทุรนของผู้อื่นนั้นเป็นเพราะ เรามีความรู้ มีความรับผิดชอบ มีปัญญารู้ได้ว่า ทำไปแล้วนำมาซึ่งผลร้าย เราไม่อยากทำ ไม่สบายใจที่จะทำ หรือ ในพื้นที่ของเสรีภาพ การที่เราตัดสินใจว่าเราจะทำหรือไม่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเพราะเราหวาดกลัวกฎเกณฑ์ที่สังคมตั้งขึ้นเพื่อลงโทษเรา เราจึงต้องพินิจให้ดีว่า เราทำอะไรได้บ้าง จากคุณ : AntiSpam - [ 26 พ.ย. 49 11:58:25 A:124.120.101.172 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 19 "เสรีภาพ คือ "อำนาจ" ในโลกเสรี" อืม... มันจริงเหรอ?ครับ มันเท่ากันเสมอเหรอครับ? "โดยเนื้อแท้ มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ใฝ่ต่ำและบ้าเลือด และโง่เง่า" มันจะเป็นขาดนั้นเชียวเหรอครับ "แต่...เสรีภาพต้องมีขอบเขต เพราะมิเช่นนั้นทุกคนก็จะทำตามใจเดือดร้อนผู้อื่น" อันนี้ผม แปลได้ยังงี้น่ะ ลองจินตนาการว่าเสรีภาพเป็นขอบเขตของวงกลม วงกลมหนึ่งคือเสรีภาพของคนหนึ่ง มีวงกลมหลายๆอัน ย่อมมีการซ้อนทับกันของขอบเขต เพื่อไม่ให้มีปัยหาระหว่างส่วนที่ทับซ้อนกันจึงได้มี เงือนไขออกมาเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ อันนี้ก็ลองคิดดูเล่นๆน่ะ บางทีมีกฎบางมันอาจจะลดเสรีภาพ แต่มันเพิ่มคุณภาพ และประสิทธิภาพ ได้พลังจากการอยู่ร่วมกันเพิ่มขึ้น "เกิดจากความคิดหนือการทำงานของสมอง " ผมยังไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสมองแล้วคิดได้น่ะ อย่างน้อยมันก็ต้องมีระบบประสาท แต่ผมว่ามันเกิด จากจิตใต้สำนึกที่ทำงานไปเอง(โดยไม่ต้องใช้สติควบคุม) โอ้ว มันส์ครับๆ โปรดชี้แนะเพิ่มเติมด้วย จากคุณ : keatju@hotmail.com - [ 26 พ.ย. 49 12:42:41 A:58.9.138.92 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ในความจริงเสรีภาพ ไม่ใช่อำนาจที่สร้างความเท่าเทียม 100 เปอร์เซ็นต์กับทุกคน(ในเชิงปริมาณ) แต่เสรีภาพ หรือ "ความรู้เฉพาะบุคคล" คืออำนาจที่มีคุณภาพที่สูง เราสามารถใช้ความรู้ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โน้มน้าวจูงใจให้คนอื่นทำเรื่องต่างๆโดยไม่หวังผลตอบแทน ที่ต่างจาก อำนาจจากปากกระบอกปืน ที่มีไว้เพื่อ ขู่เข็ญ บังคับ ห้ามปราม(หรือยึดครองอำนาจ) ที่จริงอะไรมันก็ไม่ได้เท่าเทียมหรือประชาธิปไตยสักอย่างหรอก แต่สิ่งนี้มันมีคุณภาพสูงสุด  หรือคุณว่าไง อะไรดี ถ้าโลกนี้มี ความดี ความงาม ความจริง สูงสุด ก็ไม่มีเสรีภาพ จากคุณ : the author - [ 26 พ.ย. 49 13:22:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอแย้ง คุณ : the author ที่กล่าวว่า ถ้าโลกนี้มี ความดี ความงาม ความจริง สูงสุด ก็ไม่มีเสรีภาพ ไม่น่าใช่นะครับ ถ้ามี ความดี ความงาม ความจริง สูงสุด สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เกิดเสรีภาพสูงสุดมากกว่าครับ ความงาม ก่อให้เกิดความซาบซึ้งแห่งความงามหรือ ศิลปะ ซึ่งสิ่งนั้นจะช่วยยกระดับ จิตใจผู้คนขึ้นมาได้ และเมื่อผู้คนมีระดับจิตใจ ที่สูงขึ้น ระดับของเสรีภาพความงามก็ย่อมสูงขึ้นด้วย ความดีก่อให้เกิด ศีลธรรมดีงาม คือย่อมไม่ไปเบียดเบียน หรือ ละเมิดสิทธ์เสรีภาพผู้อื่น นั่นก็คือเสรีภาพที่ดีสูงสุด ความจริง คือ การสะท้อนความจริงแห่งเหตุผล ก็คือเข้าใจถึง ตนเอง ผู้อื่น รวมไปถึงโลกที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย และนั่นน่าจะทำให้ รู้จักเสรีภาพที่จริงได้ เมื่อความงาม ดี และจริง ที่ทั้งหมดช่วยยกระดับจิตใจ ความคิด เหตุผล ของผู้คนขึ้นมา น่าจะทำให้ ระดับเสรีภาพที่ สะท้อนภาพความเป็นตัวมันเอง ออกมาได้ชัดเจนกว่า ที่เราเข้าใจ กล่าวคือ เมื่อมนุษย์ไปถึงถึงจุด ดี งาม จริง สูงสุด เสรีภาพ ก็จะไปที่จุดสูงสุดด้วย จากคุณ : KongMing - [ 26 พ.ย. 49 13:46:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ก็อาจจะจริง เพราะเคยได้ยินเรื่อง "จิตสำนึกโลก" ในปรัชญามาร์กซ์เหมือนกัน เขาบอกว่า ถ้ามนุษย์พัฒนาไปถึงที่สุดแล้ว ก็จะเดินไปถึงความเป็น วัตถุวิสัยสูงสุึด จากคุณ : the author - [ 26 พ.ย. 49 13:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณthe author       ผมมองว่าเสรีภาพนั้นเปรียบเสมือนความไร้ระเบียบ และความงาม ความดี ความจริงสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นไปอย่างมีระเบียบ หากทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระเบียบก็จะไร้ซึ่งความไร้ระเบียบนั้นคือเสรีภาพก็ไม่มี จากคุณ : เซียนแห่งmath - [ 26 พ.ย. 49 14:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 24 #23 แต่มันก็มีระเบียบที่เกิดจากความไร้ระเบียบไม่ใช่หรือครับ แฮ่ะ แฮ่ะ แซวเล่นนิดหน่อยละนะครับ เห็นชื่อคุณกับสิ่งที่คุณโพสต์ทำให้นึกถึง chaos theory ขึ้นมา แต่ที่คุณเซียนแห่งmath พูดมาก็เข้าทีครับ การที่จะให้สังคมมีระเบียบก็จำเป็นที่จะต้องตัดทอนเสรีภาพของบุคคลไปบ้างใช่ไหม เช่นการบังคับไม่ให้ขับรถเร็วเกิน 100 กม./ชม. นั่นเพื่อความปลอดภัยของคนในสังคม แต่ก็เป็นการจำกัดเสรีภาพของเราที่จะขับรถของเราเองตามใจเราเอง แต่คุณAntiSpam ก็ถามว่าไอ้เสรีภาพนี่มันตัดทอนกันได้จริงหรือ ถึงแม้มีกฎหมายห้าม แต่เราจะทำก็ทำได้ ไม่ใช่ว่าพอเราขับรถเร็วเกิน 100 กม./ชม. แล้วกฎหมายจะลอยมาเหยียบเบรคให้เราซะเมื่อไหร่ กฎหมายเพียงแค่บอกว่าถ้าคุณขับรถเร็วเกิน100 กม./ชม. แล้วจะต้องโทษดังนั้นดั้งนี้เท่านั้นเอง เคยอ่านมาว่าเสรีภาพนั้นมี 2 แบบ คือเสรีภาพจากการบังคับจากสิ่งภายนอก กับเสรีภาพในการที่เราทำอะไรเอง ควบคุมตัวเองได้ ไม่มีอะไรมาอยู่เหนือการตัดสินใจของเรา กฎหมายริดรอนเสรีภาพอย่างแรกของเรา แต่เสรีภาพอย่างที่สองก็ถูกริดรอนได้จากหลายปัจจัย เช่นกฎหมายห้ามไม่ให้เราไปตีหัวใคร แต่ถ้าเราโกรธจนขาดสติ ไปตีหัวคนอื่น เสรีภาพอย่างที่สองของเราก็หมดไป เพราะเราให้ความโกรธครอบงำ ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง การที่เราอยากได้เสรีภาพนั้นก็ไม่แปลก เราอยากได้เสรีภาพอย่างแรกก็เพราะไม่อยากให้มีใครมาขัดขวางเรา จะทำอะไรก็ไม่อยากมีอุปสรรค เราอยากได้เสรีภาพอย่างที่สองก็เพราะเราอยากเป็นเจ้าของตัวเราเอง จากคุณ : HotChoc - [ 26 พ.ย. 49 17:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เคย อ่านหนังสือ Power Shifts เขาจับความสัมพันธ์ ระหว่างเสรีภาพ กับความสัมพันธ์เชิงอำนาจของมนุษย์ตามทฤษฎี chaos เขาบอกว่า โครงสร้างของทุกส่วน ทั้งสังคม และระบบต่างๆภายในตัวมนุษย์เอง จะถูกถอดรื้อ แล้วก็ จัดรูปแบบใหม่ แล้วก็ ถอดรื้ออีก แล้วก็จัดรูปแบบใหม่อีก เป็นพัฒนาการที่ต่อเนื่อง(ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ)อ่ะ  ทั้ง มนุษย์ และสังคม โดยมีตัวแปรหลักคือ เสรีภาพของคนในยุคใหม่ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 49 03:42:30 จากคุณ : the author - [ 26 พ.ย. 49 18:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับ ได้แง่คิดที่หลากหลายทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ได้คำตอบ ผมคิดว่าคงต้องศึกษาไปทั้งชีวิต อาจตอบได้หรือไม่ บางทีอาจไม่สำคัญก็ได้ สำหรับผมยังติดยึดอยู่ว่าเสรีภาพนั้นแท้จริงเป็นแต่เพียงภาษา และไม่มีเสรีภาพสมบูรณ์อยู่จริงใน "สังคม" เพราะนิยามเสรีภาพในความหมายของผมนั้นคือการที่เรามีสิทธิที่จะทำสิ่งใดก็ได้ และมีสิทธิที่จะถูกทำร้ายด้วยเช่นกัน ข้อหลังทำให้เสรีภาพสมบูรณ์ไม่มีทางมีอยู่ เช่นเดียวกับความจริงสูงสุด หลายคนมองเสรีภาพในแง่ของการพัฒนา มองในแง่ของพื้นฐานความต้องการของมนุษย์ และหลากหลายมุมมองอีกมากมาย สรุปได้ว่า "เสรีภาพนั้นมีเสน่" บางทีอาจเพราะเหตุนี้ทำให้เราโหยหามันก็เป็นได้ จากคุณ : About a Boy - [ 26 พ.ย. 49 18:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบความเห็นที่ 12 ไม่ทราบรู้จักยุทธศาสตร์สามขาหรือเปล่าครับ คนเราจะชำนาญอะไรแต่เพียงอย่างเดียวนั้นเห็นทีจะไปไม่รอดหรือรอดยาก ดูอย่างเขมรแดงที่จับคนมาทำนากันหมดกะว่าจะให้ทุกคนมีข้าวกิน สุดท้ายก็ไปไม่รอด สังคมนั้นต้องการความหลากหลาย กับสิ่งมีชีวิตก็เช่นกัน เสือเขี้ยวดาบก็สูญพันธุ์ลงด้วยความเลือกกินของตน ผิดกับมนุษย์ที่กินดะ หมูหมากาไก่ฯลฯ ทุกวันนี้เราจึงครองโลก ที่กล่าวมาก็กลัวจะลากออกไปไกล เรื่องของเรื่องก็คือ เสรีภาพทำให้เราเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนสนใจ เพราะฉะนั้นจึงมีการริเริ่มในสิ่งใหม่ๆ สังคมที่ไม่มีเสรีภาพก็มีแนวโน้มที่ล่มสลายนั่นเอง จากคุณ : masked v - [ 27 พ.ย. 49 00:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตามความเข้าใจง่ายๆของผม มันเป็นสิ่งที่ติดตัวมากับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกครับ . . สิ่งมีชีวิต ไม่ชอบถูกบังคับ ขู่เข็ญ จำกัดสิทธิ์ หรือ กักขังครับ สิ่งมีชีวิต  ต้องการ เสรีภาพ อิสระภาพ ในสัญชาติญาณ อยู่แล้วครับ . . ตอนนี้ผมก็ต้องการมันอยู่ครับ เพราะตอนนี้ผมไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีอิสระภาพ ผมถูกปล้นครับ จากคุณ : WoulD yOu KnOw mY namE ?? - [ 27 พ.ย. 49 15:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โอ้ว ได้เห็นความคิดเห็นต่างๆมากมาย เลย เรียนรู้อะไรเพิ่มเยอะ เออ แต่ไม่ทราบว่ามีใคร จะพออธิบายเรื่อง จิตสำนึกโลกให้ฟังได้บ้าง "ไม่ทราบรู้จักยุทธศาสตร์สามขาหรือเปล่าครับ " ไม่รูจักครับ ถ้าช่วยอธิบายมากกว่านี้จะดีมาก อืม ที่ผมว่าทำซ้ำ เนี้ยคือในเชิง repetition ครับ แต่ถ้ามันเป็นหมายความว่า ไม่มีความหลากหลายเลย นี้ก็คือ คำพูด ตรงนั้นของผมก็ตกไป เพราะ ผมเข้าใจผิด แต่ถ้าไม่มีการทำซ้ำเลย ก็คงไม่มนุษย์ล่ะครับ d.n.a ของเราก็เกิดจากการทำซ้ำ (โดยส่วนใหญ่แล้วมันจะเหมือนกันเลยน่ะ มีผิดพลาดบ้าง ) แต่ถ้าไม่มีความหลากเลยก็คงไม่มีวิวัฒนาการ อืม นอกประเด็นไปหน่อย คุณ about a boy ความจริงสูงสุด คืออะไรเหรอ? จากคุณ : keatju@hotmail.com - [ 27 พ.ย. 49 18:25:57 A:58.9.139.19 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ keatju@hotmail.com นี่ไม่มีอะไรมาแลกเปลี่ยนเลยหรือครับ หยั่งงี้ผิดหลักเศรษฐศาสตร์นะครับ เล่นเรียกร้องอย่างเดียวเลย โอเคในเมื่อไม่รู้ ก็จะอธิบายคร่าวๆตามที่พอเข้าใจเกี่ยวกับจิตสำนึกโลกก็แล้วกัน ปรัชญามาร์กซ์บอกว่า เป้าหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ก็คือ"การรับรู้วัตถุวิสัย" ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยจะเกิดจาก การทำงาน และการติดต่อสื่อสารกันระหว่างมนุษย์(dialectic) โดยมีแนวคิดว่า เมื่อมนุษย์ทำงานตามหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง แก้ปัญหาชีวิต พูดคุยติดต่อสื่อสารกัน ก็จะทำให้เกิดการพัฒนาการ ของกระบวนการชีวิตและสังคม และมองว่าทุกอย่างจะเติบโตแผ่ขยายออกจากปริมาณไปสู่คุณภาพ จากความเป็นเด็กไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่และเป็นวัตถุวิสัยขึ้นเรื่อยๆ  จนไปถึงขึ้นสูงสุดในระดับ จิตสำนึกโลก ที่คนๆนั้นจะทำงานเพื่อโลก(โดยที่เงินซื้อไม่ได้) แต่น่าเสียดายที่แนวคิดของมาร์กซ์ห่างไกลจากโลกแห่งความเป็นจริงในระบอบอุตสาหกรรมหนักเข้าไปทุกทีๆ ว่างๆก็มาแลกเปลี่ยน(ความเป็นวัตถุวิสัย)กันบ้างสิครับ จากคุณ : the author - [ 27 พ.ย. 49 18:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ความจริงสูงสุด มันถูกกล่าวไว้ในฐานะที่ที่เป็นความจริงแท้ที่ไม่มีใครค้นเจอ สิ่งที่ที่เราเห็นว่าจริง เห็นว่ามีอยู๋มันคือ ความเป็นจริง มิใช่ความจริง จากคุณ : About a Boy - [ 27 พ.ย. 49 21:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาอ่านอีกรอบหนึ่ง ไม่ขอพูดเรื่องในประเด็น เพียงขอตั้งขอสังเกตว่า ผู้หญิงไม่นิยมที่จะคุยเรื่องอะไรอย่างนี้...มีคุณอะไรคนเดียวเข้ามาตอบ ดันไปลอกคนอื่นอีก จึงอยากพอสรุปว่าเรื่องทำนองนี้เหมาะที่จะคุยกัน เฉพาะผู้ชายเท่านั้น... ในวงการเมืองมีผู้หญิงประมาณหนึ่งในสิบ ก็ยังมากกว่าเรื่องแนวความ คิด-ปรัชญาอย่างนี้ แต่เรื่องงานบุญงานกุศล ผู้หญิงจะมากกว่ามีในราว สามในสี่ของทั้งหมด พอสรุปได้ว่าผู้หญิงชอบทำมากกว่าผู้ชาย... ผู้ชายอาจเป็นนักวางแผนงานที่ดี มีหลักการ มีระบบกว่า แต่ผู้หญิง อดทนกว่าชอบทำมากกว่า รักสันติกว่า แต่ความอดทนต่อการรังแก อาจไม่มากเพราะอาจคิดว่าน่าจะเด็ดขาดเพื่อความสันติได้ โดยอาจ เห็นใจสงสารผู้สูญเสียมากเป็นพิเศษ... คุยกันมาอย่างที่อยากจะอธิบายให้เหล่าสุภาพสตรีได้มองในมุมกลับบ้าง ว่าที่ผู้ชายออกไปพบปะสังสรรนั้นส่วนใหญ่ร้อยละเก้าสิบห้าขึ้นไปก็เห็น คุยกันเรื่องอย่างนี้ มันเป็นธรรมชาติของผู้ชาย...บางคนจดโน๊ตย่อมานั่ง เถียงกันยังมี... ตัวร้ายห้าเปอเซนต์นี่...ใครอยู่ด้วยก็ช่วยไม่ได้ แต่บอกใบ้ให้ ใครเข้าตอบ กระทู้นี้รับประกันซ่อมฟรีตลอดอายุใช้งาน...ผู้หญิงไว้ใจได้ ในชีวิตไม่เคยได้คุยเรื่องความคิด-ปรัชญาอะไรกับผู้หญิงเลยแปลกมาก... เพิ่งคิดได้เลยมาเล่าสู่กันฟังครับ จากคุณ : About a Book...5 (SS) - [ 27 พ.ย. 49 21:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 33 บางทีเสรีภาพที่เราคิดว่ามันมีอยู่จริง มันอาจจะถูกกรอบของสังคมกำหนดว่าเราควรจะมีก็ได้นะ ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ควรจะมี จากคุณ : webew210 - [ 27 พ.ย. 49 21:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ้าวเฮ้ย คุณ คคห.ที่ 32 เราก็ผู้หญิงนะคะ ผู้หญิงจริงๆ แล้วไม่ได้ลอกคำตอบใครมาด้วย พูดงี้หมายความว่าไงฟะ Lady Liberty ก็ผู้หญิงนะคุณ จากคุณ : AntiSpam - [ 27 พ.ย. 49 23:21:41 A:124.120.94.188 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ่า... บางความเห็นออกจะรุนแรงไปหน่อย เอาเป็นว่าขอเลี่ยง ตอบเฉพาะคุณ keatju@hotmail.com ก็แล้วกัน ยุทธศาสตร์สามขา ก็คือการเพิ่มความชำนาญในด้านอื่นๆ วยแนวคิดที่ว่า การยืนให้ได้สามขาจึงจะมั่นคง เรื่องนี้น่าจะรู้กันดีในแวดวงธุรกิจ บริษัทใหญ่ๆมักจะมีผลิตภัณฑ์หลักมากกว่าหนึ่งอย่าง ลองสมมุตว่าถ้าโกดักทำฟิล์มสีอย่างเดียวทุกวันนี้จะอยู่รอดหรือไม่? การจำลองดีเอ็นเอของมนุษย์ แท้จริงแล้วน่าจะเรียกว่าการจับคู่มากกว่า คือเรามักจะมีสัญชาติญานในการตามหา"บางสิ่งที่เราขาดหาย" คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมคนบางคนทำให้เรารู้สึก"รัก"ได้ ในขณะที่บางคนไม่ สิ่งอิสระที่จะเลือกนี้ก็ทำไห้เราค้นหาสิ่งใหม่ๆและลบจุดด้อยที่มี ตรงกันข้าม หากเราใช้วิธีโคลนนิ่ง เรียกว่าเอาดีเอ็นเอต้นแบบมาเป๊ะๆ ผลก็คือเราจะได้ประชาการที่มีจุดเด่นและจุดด้อยเหมือนต้นแบบทุกประการ ซึ่งแน่นอนว่ามีผลดีที่สุดในสภาพแวดล้อมหรือในห้วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่หากเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่นมีโรคระบาดที่ไม่เคยพบมาก่อน ผลก็คือตายเหี้ยน จากคุณ : masked v - [ 28 พ.ย. 49 00:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ AntiSpam ... ครับ หมายความว่าดูไม่ออกเลยว่าเป็นผู้หญิง... ทั้งเนื้อหาการแสดงออกทางตัวหนังสือ " อ้าวเฮ้ย " กับ " พูดงี้หมายความว่าไงฟะ " คงตอบได้ดี งงๆกับ " เราก็ผู้หญิงนะคะ " ยังไง ขอโทษทีนะครับ... คงไม่เห็นเจตนาร้าย... " Lady Liberty ก็ผู้หญิงนะคุณ " หมายความว่าอย่างไรครับ คุณ AntiSpam แสดงความคิดเห็นได้น่าสนใจแต่เข้าใจยาก ไปนิดนะครับ ( สังเกตความสุภาพปนความกลัวอยู่ไหม )... คงได้มีโอกาสสนทนากันอีกนะครับ ( อันนี้ถ้ามีภาพให้เห็นได้...วิ่งไปโน้นแล้ว ) เอ...แต่มีอะไรพิสูจน์ว่าเป็นผู้หญิงจริง ( ล้อเล่น... ) ยังไงก็ขอบคุณที่สนใจ...และชวนคุยมานะครับ ( คำว่าสนใจอาจไม่ตรงนัก-ชักระแวง ) จากคุณ : About a Book...6 (SS) - [ 28 พ.ย. 49 01:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 5555 เราแกล้งพูดวะเว้ยไปงั้นอ่ะค่ะ ไม่มีไร อ่านที่ตัวเองเขียนไว้ในกระทู้นี้ก็ดูแข็งๆ จริงๆ แหละ ถ้าคุณจะตีความว่าเราเป็นผู้ชายก็ไม่แปลกใจ (แต่ใจจริงแล้ว...ฮึ่มมมมมมม) ยังไม่ต้องวิ่งค่ะ AntiSpam ไม่น่ากลัวนะเออ ออกจะคิกขุ (หลายคนคงคิดในใจ...น่ากลัวซะขนาดนี้ ยังพูดออกมาด๊ายยยยยยยยว่าตัวเองคิกขุ) ก็ให้สงสัยค่ะคุณ SS คะ ว่าการแสดงออกทางตัวหนังสืออย่างเป็นผู้หญิงแล้ว นอกจากคำว่า คะ, ค่ะ, ขา ฯลฯ แล้ว คุณ SS มองว่า ผู้หญิงควรพูดจาพาทีเช่นไร ป.ล. เรื่อง Lady Liberty ก็ตามนั้นแหละค่ะ เธออาจไม่พูด แต่เธอประกาศเสรีภาพเลยล่ะ เห็นด้วยกับคุณ SS ว่าผู้หญิงไม่ค่อยชอบคุยเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ อาจเพราะเธอเห็นความสำคัญของเสรีภาพอย่างปรุโปร่ง จึงไม่เห็นความจำเป็นต้องมานั่งเจรจา ตอนปฏิวัติฝรั่งเศสซึ่ง "เสรีภาพ" เป็นหนึ่งในปณิธานสูงสุดของการปฏิวัติ ผู้หญิงก็ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเสรีภาพไม่น้อยหน้าผู้ชาย...เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/delacroix/liberte/ จากคุณ : AntiSpam - [ 28 พ.ย. 49 11:39:03 A:192.165.213.18 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ฮ่ะๆ ขอ'ณุญาตเข้ามาตอบคำถามคุณ About a Book โดยเฉพาะนะคะ เพราะมีการพาดพิงถึงบุคคลที่สามอันหมายถึงตัวข้าพเจ้าเอง หากเป็นผู้หญิงเขาก็อาจใช้คำว่า เม้าท์หรือนินทาง่ะ อิอิ เพราะเป็นคนที่ลอกความคิดเห็นคุณชาเขียวเขามา ตามที่พูดไป ก็คิดไม่ออกจริงๆง่ะ คือ เรื่องที่ว่าผู้หญิงส่วนน้อยจริงๆที่สนใจปรัชญา อันนี้ดิฉันไม่ทราบเกณฑ์ที่คุณใช้ในการวัดหรือตัดสิน อาจวัดจากการตอบกระทู้ ส่วนตัวแล้วก็สนใจปรัชญาอยู่บ้างค่ะ แต่ก็ศึกษาได้ไม่ถึงแก่น คือแล้วแต่โอกาส เวลา และอารมณ์น่ะค่ะ ที่ไม่ได้มาแลกเปลี่ยนความรู้กับคุณทุกคนก็ด้วยเหตุนี้แหละ ก็ แหม เห็นความคิดคุณๆแต่ละคน น่าสนใจทั้งนั้น ไว้ให้เชี่ยวเมื่อไหร่คงมีโอกาสได้มาเสวนาเรื่องเหล่านี้นะคะ (แต่คงอีกนานล่ะค่ะ) ตอนนี้ก็ขออาศัยอ่านความคิดจากคุณๆไปพลางก่อน คงมิว่ากันใช่ไหมคะ คืออ่อนด้อยเรื่องนี้จริงๆ สรุป ไม่มีคำตอบให้กับคำถามของเจ้าของกระทู้จริงๆด้วย ผิดตั้งกะเสนอหน้าเข้ามาแต่แรกแล้วเชียว ว่าแล้วก็ขอ เดินคอตกจากกระทู้ไปอย่างเงียบเชียบ จากคุณ : แก๊ซซ่า - [ 28 พ.ย. 49 14:34:46 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เพราะเสรีภาพคือชีวิต หากขาดเสรีภาพก็เท่ากับไม่มีชีวิต เป็นหุ่นยนต์ เป็นเครื่องจักร มนุษย์เรามีเสรีภาพอยู่แล้วส่วนหนึ่งตามธรรมชาติ เสรีภาพนี้อาจลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ได้ ผู้ที่มีเสรีภาพน้อยก็เช่นทาสหรือนักโทษ ผู้มีเสรีภาพปานกลางก็เช่นเสรีชนในดินแดนเสรี ผู้มีเสรีภาพมากที่สุดคือผู้ตื่นขึ้นจากความหลง ผู้หลุดจากเครื่องจองจำกับภพชาติ ผู้ได้ปลดปล่อยตนจากคุกแห่งสังสารวัฎฏ์ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 28 พ.ย. 49 15:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อืมม ผู้หญิง กับ ปรัชญา ฟังดูน่ารักทีเดียว จากคุณ : About a Boy - [ 28 พ.ย. 49 18:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ แก๊ซซ่า...ครับ วิ่งหนีไปแล้วลองกลับเข้ามาดู ( ก็สมัยนี้มันง่าย... ) ก็ทำให้รู้ได้ว่าสุภาพสตรีปัจจุบันมีความมั่นใจตัวเอง สูงมาก ในกรณีนี้สูงสุดหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ที่เดียว.... ( พาดพิงสอง โดนสองเต็มๆ... ) ว่าแล้วก็ขอ เดินคอตกจากกระทู้ไปอย่างเงียบเชียบ ... เราคงนิสัยคล้ายๆกันสังเกตที่ " ว่าแล้วก็ขอ เดินคอตกจากกระทู้ไปอย่างเงียบเชียบ " ใช้ประจำ เป็นท่าไม้ตาย คิดในใจว่ายังไงต้องมีเสียงเรียกตามทำนอง อเบาท์...อย่าไป หรือจะ เดี๋ยว...A Book คิดเสมอต้องมีวันนี้อย่างนี้ แต่ปัจจุบันคอยังไม่ตั้งเลย... คุณ แก๊ซซ่าลองพิจรณาดูนะครับ...ควรเดินคอตกเพียงลับตาคนที่เราตั้งใจให้เห็น จากนั้นอกผายไหล่ผึ่งจะดีกว่า...สมารท์กว่าว่างั้น... นิสัยคล้ายกันแล้วคงพอคุยง่ายขึ้นนะครับ...เรื่องที่ว่าผู้หญิงส่วนน้อยจริงๆที่สนใจปรัชญา ก็เป็นข้อสังเกตอย่างง่าย ยกตัวอย่างง่ายๆใกล้ตัว ใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นโดยใช้เหตุผลว่า สุภาพสตรีอาจชอบทำมากกว่า ไม่ชอบคุยกันอย่างเป็นนามธรรมเกินไป คนไม่เข้าใจ หรือ เข้าใจยาก ก็อาจผิดใจกันง่ายๆ ออกแนวเจี๋ยป้าบ่อสื่อ ประมาณนั้น (ขออภัยใช้สุภาษิตจีน) เสริม:เรื่องสุภาพสตรีอาจชอบทำมากกว่าไม่ขอยืนยัน...(เริ่มเกรงใจ...เดี๋ยวมีพี่บอกไม่จริง ผมชอบทำมากกว่า...ก็จะยุ่งไปใหญ่) ก็เอาเป็นว่าไม่สรุปอย่างนั้น...เพียงตั้งข้อสังเกต... จริงผสมผสานกันน่าจะดี...ได้เปลี่ยนท่าทาง...ไม่ใช่ ท่าทีบางก็เป็นสิ่งเป็นประโยชน์กับ การคิด... ประเด็นนิทากาเลเหมือนเทน้ำ และมีอิอิด้วย เข้าใจได้ครับ เพราะตอนเทน้ำน้ำจะไหลลง เร็วเป็นสายแรงขึ้นอยู่กับความสูงและปริมาณน้ำ ส่วนสาดน้ำจะได้เปียกกระจายออกข้าง ไม่แรงไม่เร็ว เทมีเป้า...สาดเปียก ทำให้นิทาจึงเหมือนกาเลดังว่า...คงไม่เข้าใจนะครับ... เขียนออกยังนึกว่า ทำไปได้... ขอบคุณที่ชวนคุยมาครับ คุณ แก๊ซซ่า...(เดา...coke ถ้าผิดก็ อีโน ถ้าผิดอีกยอม...) จากคุณ : About a Book...7 (SS) - [ 29 พ.ย. 49 10:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ AntiSpam...ครับ คงพอเข้าใจกันขึ้นแล้วนะครับ... ถ้ามีเจตนาเปิดเผยคุณสมบัติพื้นฐาน (ซึ่งในเขิงวิชาการไม่จำเป็น เพราะเพื่อความก้าวหน้า อย่างแท้จริง ควรตัดทุกส่วนออกให้มากที่สุด ตัดชาย-ตัดหญิง ตัดความเป็นเด็ก ตัดแม้กระ ทั่งตัวตน และกรณีนี้เชิงวิชาการด้วย)...ผู้หญิงควรพูดจาพาทีเช่นอะไรก็ได้ ที่แสดงความอ่อน โยน...อาจจะถึงอ่อนหวานได้(ให้ระวังผึ้งมาตอม...)แล้วแต่สารเคมีแสดงผล อ่อนไหวเล็กๆ น่ารักดีสำหรับสุภาพสตรี-พวกผู้ชายมักขี้เพาว์และหลงมาช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจกันไปไม่น้อย โดยทั่วๆไปอาจแค่...ตรงไปตรงมาอย่างอ้อมๆ(ยังไง) ประมาณยกตัวอย่างเรื่องการทำอาหาร ไทย-จีน-ฝรั่ง-ญี่ปุ่น-ภูฏานได้อะไรอย่งนี้...ไม่ยกตัวอย่างการขับรถ หรืออาจเป็นว่าไม่สันทัดการ ขับรถ ไม่ชำนาญเส้นทาง-อยากได้คนช่วยขับสลับกันบ้าง-ออกแนว car pool - งานสวนก็ว่าหนัก ประมาณนี้ ให้ยกเว้นเรื่องซักผ้า-รีดผ้า ใช้กันมากไม่เทรนด์(เชย...) อาจเป็นในแนวอื่นๆ...ไม่ใช่ การแนะนำอย่างผู้ชำนาญ ในทางตรงกันข้ามออกแนวด้อยโอกาส ขาดปัจจัยเสริม ต้องเติมความ มั่นใจอีกมาก ฝันถึงพอไหว...ถ้าใกล้คงเหลว (อย่างนี้แสดงว่าเป็นผู้ชาย...คล้ายการบอกว่า สนใจ แต่ขาดอะไรๆ...ประมาณนี้...นี่คือการยกตัวอย่างเพื่อสร้างความเข้าใจนะครับ...ชักระแวงอีกแล้ว) สรุปว่าควรพูดจาพาทีที่มักเป็นความรู้สึกอย่างว่า... " อ่อนโยน หรือ อ่อนหวาน "... ซึ่งก็ต้องพิจรณาในทางกลับกันด้วยว่า...บางคนอาจมองว่าสิ่งที่แสดงออกมาคือความอ่อนแอ ได้...ในสังคมเปิดอย่างโลกเสมือนต้องใช้ปัญญาเหมือนโลกทั่วไป ส่วนเรื่อง " ปฏิวัติฝรั่งเศส... " ไม่ขอแสดงความคิดเห็น (ง่ายๆก็คือไม่รู้จัก...รู้จักแต่เอมิลี่กับแฟชั่น) ก็ตั้งใจตอบมาอย่างที่พอทราบว่าไม่จำเป็นต้องจริงจังอะไรขนาดนี้...หนุกๆ คงเป็นพื้นฐานนิสัย และก็พอรู้ว่าคุณ AntiSpam เองคงเข้าใจเรื่องที่ชวนคุยมาได้ดีกว่า เพียงอยากได้เห็นมุมมองผู้อื่น บ้าง...เป็นความรู้สึกดีนะครับ...ที่ได้คุยกัน แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 49 10:46:39 จากคุณ : About a Book...8 (SS) - [ 29 พ.ย. 49 10:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขออภัยทุกท่านที่นอกประเด็นน่ะค่ะ คุณ About a Book...8 (SS) คะ (จะฮะด้วยก็มิกล้าเดี๋ยวเจอเทศนาคำฉันท์เช่นคุณ Antispam เข้าให้อีกคน) ขอพาดพิงถึงคุณ Antispam นะคะ ในกรณีนี้ไม่ใช่การออกมาปกป้องผู้หญิงด้วยกัน เพียงแต่มาแย้งนิดหน่อยว่า บางทีคนบางคนคำพูดคำจาอาจจะตรงข้ามการกระทำก็เป็นได้นะคะ คือยกตัวอย่างตัวเอง เป็นต้น อันที่จริงแล้ว ปกติก็เป็นคนแข็งๆ พูดจาขวานผาซากน่ะค่ะ และที่สำคัญห้าววววซะ มาเจอไม้นวมคุณเข้าให้ทำเอาเคลิ้มไปประมาณนึง คล้ายเมาหมัดเคลือบน้ำผึ้ง (พูดไปงั้นแหละค่ะ เพราะทราบดีว่าคุณไม่ได้สวนหมัดใส่หรอก)   นึกภาพตัวเองเป็นสุภาพสตรีที่บอบบางอะไรเทือกนั้นน่ะ (การแซวกันไปกันมาบนเน็ตฯเนี่ย ดิฉันเข็ดอยู่เหมือนกัน ไม่ค่อยอยากแต่มันก็อดไม่ได้ ถือเสียว่า คุยกันสนุกสนาน เคยมีประวัติจากความนึกสนุกขึ้นมาเนี่ยแหละคะ แต่ว่าไม่ขอเล่านะคะ ทราบแต่ว่า ถ้าหากคุณเจอดิฉันไปเหน็บใครในห้องราชดำเนิน นานๆที อาจจะไม่คิดว่าดิฉันมีความเป็นผู้หญิงเอาเสียเลยก็เป็นได้ และก็ต้องรีบสรุปว่านิสัยอาจไม่คล้ายกัน)   ที่จริงแล้วไม่อยากให้มีการเน้นมากมายเลยกับเรื่อง หญิง - ชาย  น่ะค่ะ ขอรวบรัดนะคะ เรื่องอื่นๆ อาจมีเวลาคุยกันภายหลัง งานรุมอยู่ค่ะ สำหรับคำว่า แก๊ซซ่า คุณเดามาผิดหมดเลยล่ะ รู้แล้วจะเหวอหรืออาจจะงง อิอิอิ ตั้งตามฉายาของ นักฟุตบอลสดโปรดโคตรตะระทึ่ง สมัยวัยกระเตาะน่ะค่ะ ฉายาของพอล แกสคอยน์อะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 49 12:23:52 จากคุณ : แก๊ซซ่า - [ 29 พ.ย. 49 12:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เสรีภาพ คือ สิ่งจอมปลอม หรือ อย่างมาก ก็มีเพียงแค่ในระดับหนึ่ง ในรูป ของ "อำนาจการควบคุม"เท่านั้น สิ่งที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ นั้นคือ คุณค่า(หรือ คุณูปการ)ของตนเอง ที่มีต่อตนเอง และ/หรือ ผู้อื่น ในสายตา ของตนเองและ/หรือ ผู้อื่น นอกจากนั้น ก็เป็นเรื่องของความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ที่เสรีภาพ เป็น เครื่องมือ อันหนึ่งที่ทำให้ได้มาซึ่ง ปัจจัยเหล่านี้ เสรีภาพจะมีประโยชน์ก็จากการนำมาซึ่งสิ่งนี้ ในรายบุคคลเท่านั้น การนิยมเสรีภาพแบบสุดโต่ง เอะอะ อะไรก็เสรีภาพ มาก่อนสิ่งอื่นๆ แท้จริงเป็นการเอาฟันเฟือง มากราบไหว้บูชา เป็นการยกตัวตน จนถึงขั้นสร้างเป็นรูปร่าง ว่า เสรีภาพ ประหนึ่ง เป้าหมาย ที่สำคัญเท่าเทีย่มหรือสำคัญกว่า เรื่องสำคัญเรื่องอื่น เช่น เรื่องปากท้อง,สันติภาพ เป็นต้น เสรีภาพนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่เกินเหตุ ป.ล. คุณ About a Book...7 (SS) มั่นใจในการประเมิน เกินไปนิดหนึ่งหรือไม่? จากคุณ : มานิเฟสโต้ - [ 1 ธ.ค. 49 22:13:43 A:124.121.11.248 X: TicketID:098379 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า "คนเราจะต้องการอะไรอีกนะ นอกจากอาหารอร่อย มีไวโอลินให้เล่น มีที่ให้นอน มีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งเขียนหนังสือ" จากคุณ : มานิเฟสโต้ - [ 1 ธ.ค. 49 22:19:25 A:124.121.11.248 X: TicketID:098379 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มีอีกมากครับที่มนุษย์เราต้องการ :) จากคุณ : About a Boy - [ 2 ธ.ค. 49 17:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มนุษย์เราต้องการอะไรมากมาย มีสักกี่อย่าง ที่มนุษย์ต้องการจริงๆ มีสักกี่อย่าง ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง แล้วปลุกปั่นให้ความสำคัญ จากที่ไม่รู้สึกอะไรจนกลายเป็นต้องการมัน คนรุ่นก่อน ชอบเคี้ยวหมาก และดูเหมือนจะขาดมันไม่ได้ เพราะฉะนั้น การเคี้ยวหมาก คือหนึ่งสิ่งหลัก ที่มนุษย์ต้องการหรือเปล่า จากคุณ : มานิเฟสโต้ - [ 2 ธ.ค. 49 20:32:33 A:124.121.1.175 X: TicketID:098379 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เราคิดว่า "ความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวบุคคล"เป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับ ทุนที่มีชื่อว่า"มนุษย์" ธาตุแท้ของมนุษย์ ไม่ใช่ธาตุแท้ที่สร้างมาเพียงเพื่อ"ความจำเป็น" ในชีวิต มนุษย์เรายัง แย่งชิง ฉกฉวย กระหายที่จะครอบครองไม่ว่าเขาจะมีอยู่เท่าไร ในทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดบนโลกใบนี้ มนุษย์ จึงเต็มไปด้วยความอยากที่ไม่สิ้นสุด "ความรู้" คือทุนที่มีคุณภาพสูงที่สุด หนำซ้ำ ยิ่งใช้เท่าไรมันก็ยิ่ง ทวีค่า ทุกคนสามารถใช้มันพร้อมๆกันได้ ไม่สูญสลายและที่สำคัญทุกคนสามารถเป็นเจ้าของครอบครองมันได้ ทั้งคนรวยหรือคนจน เสรีภาพจะทำให้มนุษย์รวมกลุ่มกัน สร้างค่านิยมใหม่ๆ จัดสรรค์โครงสร้างอำนาจที่เข้าอกเข้าใจทุกเรื่อง และทลายรูปแบบการผลิต ซ้ำซาก ไปสู่การผลิตในแบบนวัตกรรม เหมือนเล่นดนตรีแจ๊ส แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 49 03:20:16 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 49 03:18:39 จากคุณ : the author - [ 3 ธ.ค. 49 03:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สวยงามครับ ดนตรีแจ๊สเป็นตัวแทนของเสรีภาพที่ดีจริงๆ ส่วนสิ่งที่เราต้องการนั้นมากมายครับ อย่างน้อยๆ ต้องรวม "ความรัก" เข้าไปด้วย หากไม่มีแล้วชีวิตนี้ก็ไม่มีวันสมบูรณ์หรอกครับ จากคุณ : About a Boy - [ 3 ธ.ค. 49 14:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คนที่ต้องการอิสรภาพคือคนโง่ แต่คนที่ไม่ต้องการอิสรภาพนั้นยิ่งโง่กว่า..ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ต้องการหรือไม่..สำคัญอยู่ที่การตระหนักรู้ถึงอิสรภาพที่มีอยู่ในตัวตนต่างหาก จากคุณ : E_kant (E_kant) - [ 4 ธ.ค. 49 23:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เสรีภาพที่เลวร้ายที่สุด  ยังดีกว่าสงครามที่สงบที่สุด  จากไหนหว่าจำไม่ได้ จากคุณ : ออกญาสน - [ 8 ธ.ค. 49 16:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาอ่าน จากคุณ : :) - [ วันรัฐธรรมนูญ 19:22:09 A:66.98.130.204 X: TicketID:014420 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ มานิเฟสโต้...ครับ ไม่นึกว่ากระทู้ยังเดินอยู่... คงเป็นอย่างคุณ มานิเฟสโต้ ว่ามั่นใจเกินไปครับ คงติดมาจากการที่เข้าไปในห้องการเมือง เป็นคำชวนสนทนาที่ค่อนข้างสั้น และมาต่อเรื่องราวล่าช้าไปซะแล้ว...ก็แค่นี้นะครับ ด้วยความยินที่ได้แลกเปลี่ยนอะไรกันบ้าง แม้เพียงเล็กน้อย จากคุณ : About a Book...9 (SS) - [ 11 ธ.ค. 49 21:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ยินดี โอกาสหน้า มาเสวนากันใหม่ จากคุณ : มานิเฟสโต้ - [ 17 ธ.ค. 49 23:09:16 A:124.121.5.162 X: TicketID:098379 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ใช่แล้ว มนุษย์เรานี่มันต้องการไปเสียแทบทุกอย่าง ใจมันกระหายไปหมด ทั้ง ๆ ที่ความอยากและการสนองความอยากนั้น ถึงที่สุดแล้วก็ไม่ได้ทำให้มนุษย์มีความสุข กลับเพิ่มทุกข์เข้ามาอีก เช่น ไม่มีเสรีภาพ ก็เป็นทุกข์ ครั้นได้เสรีภาพแล้วก็เป็นทุกข์อีก ด้วยกลัวว่าวันหนึ่งเสรีภาพจะหมดไป หรือมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ลบ มนุษย์เราจึงควรคิดถึงการลดความอยากจะดีกว่า เพราะเป็นเรื่องในใจที่ทำได้โดยลำพัง (จัดการง่าย) ขณะที่การสนองความอยากนั้นทำได้ไม่ง่ายเลย จากคุณ : ธาร - [ 23 ธ.ค. 49 01:33:38 A:203.146.63.187 X: TicketID:131937 ]