ความคิดเห็นที่ 1 จองที่ จากคุณ : นู๋เองง่ะ - [ 7 ธ.ค. 49 11:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามมาติดๆ ฮิๆๆ เจ้ามิคกี้ได้สะอึกตกเก้าอี้ แต่อาทิตย์หน้าเขาสัญญาจะกลับไปรื้อวงแล้วนะคะ (ไชโย้!) แล้วนกก็เก็บเกมส์เขาไปแอบ เฉพาะเกมส์ต่อสู้นะคะ rated T, rated M (นับได้ 32 แผ่น!!) วันแรกๆ ถึงกับน้ำตาเผาะแผะค่ะ นกลืมไปเลยค่ะว่า ตอนนี้แถบนั้นเป็นหน้าฝนแทนที่จะเป็นหน้าหนาว (คราวที่แล้ว ยัยน้องสาวมองหัวจรดเท้าถามว่าพี่นกมาทำไมตอนนี้ อิอิ) ช่วงเดือนไหนคะพี่หวาน ที่อากาศดีตีกอล์ฟสนุก เย็นสบาย ฝนไม่ตกและไม่ร้อน ?? (ไม่ถามน้องเพราะเขาไม่เล่นกอล์ฟค่ะ เขาไม่เข้าใจหรอก) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 7 ธ.ค. 49 11:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อดเปรียบเทียบวิธีการคิดของฝรั่งที่เรียกได้ว่าเป็นชาติที่พัฒนาแล้ว  กับการสอนให้เด็กไทยคิด ของคนไทย  ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาไม่ได้ค่ะ ความแตกต่างที่เห็นได้ก็คือ   พี่วิบอกว่า เขาสอนให้รู้จักมารยาทในการเข้าไปในสนสมกอลฟ์   สอนให้มีระเบียบในการจัดเก็บสัมภาระ   และสอนให้รู้จักการแนะนำตัวอย่างอย่างฉลาด  ด้วยการเข้าไปขอลูกกอลฟ์  กับผู้ดูแลสนาม  ด้วยประโยคที่เฉียบคม...... แต่สุภาพ  และให้เกียรติแก่ผู้ดูแลสถานที่   แต่ต่างจากบางสังคมค่ะ   ที่ไม่รู้ผู้ใหญ่เอาอะไรคิด  ปลูกฝังให้เด็กวางกล้าม เบ่งบารมีพ่อ  โดยถือว่า ตัวเป็นคนรวย ส่วนคนดูแลสถานที่ ก็คือพนักงานคนหนึ่งที่มาทำงานเพื่อกินเดือนที่เราจ่ายนั่นแหละ  จึงไม่ต้องมีความเกรงอกเกรงใจอะไร เวลาไปทานอาหารที่ร้าน  สิ่งที่สร้างความหงุดหงิดให้ได้มากก็คือ  การที่พ่อแม่  ปล่อยให้เด็กๆวิ่งไล่จับกันทั่วร้านอาหารโดยไม่ห้ามปราม   แต่กลับเห็นว่า เป็นการแสดงออกตามธรรมชาติของเด็ก (โถ...) จริงอยู่ค่ะ  ถ้าเป็นที่บ้าน  จะไม่มีใครว่าเลยกับการที่เด็กจะวิ่งซนขนาดไหนก็ตาม   แต่กับสถานที่ที่เป็นที่สาธารณะอย่างร้านอาหาร   ทุกคนเสียเงินเข้ามาทานอาหารไม่ได้เข้ามากินฟรี    จึงคิดว่า  น่าจะเคารพสิทธิของผู้อื่นบ้างนะคะ เคยได้ยินคุณแม่คนหนึ่งพูดเปรียบเทียบ  เมื่อมองไปเห็นลูกสาววัยสามขวบของโต๊ะข้างๆนั่งทานอาหารกับพ่อแม่บนเก้าอี้นั่งสำหรับเด็กอย่างเรียบร้อย  โดยที่พ่อแม่  ไม่ต้องคอยดึงไม้ดึงมือเพื่อไม่ให้แม่หนูเอาช้อนเคาะจานเล่นส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น แล้วก็หันมามองลูกตัวเอง ที่วิ่งเล่นจ๊ะเอ๋กับคนอื่นไปทั่วร้าน  พลางเปรียบเทียบว่า  ลูกของเธอนั้น ฉลาดหลักแหลมเหลือเกิน   ดูสิ กล้าแสดงออก  ด้วยการไปทักทายผู้อื่น แต่กับเด็กที่นั่งนิ่งๆเฉยๆนั้น  น่าจะเป็นเด็กที่ผิดปกติ เพราะไม่ซนตามวิสัยเด็ก  สงสัยจะเกิดก่อนกำหนด พี่วิคิดดูสิค่ะ   ความรัก (ลูก)  ทำให้พ่อแม่ตาบอดไปแล้วหรือไร? จากคุณ : Gasalong - [ 7 ธ.ค. 49 11:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หวัดดีค่ะ คุณนู๋เองง่ะ มาเป็นคนแรกเชียว..จะมาเล่าต่อว่า วิถีทางของไวน์ในปีนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด  คะแนนของเหล่าเกจิไม่มีมนต์ขลังเรียกสตังค์ได้อย่างแต่ก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้คนต้องรัดเข็มขัด หรือว่าเป็นเพราะเริ่มเชื่อมั่นใจตัวเองมากขึ้น.. ตัวอย่างคือ.. 1998 Mouton-Rothschild Bordeaux Blend 750ml - $189.99 Robert Parker, Apr 2001, 96 points: ขายไม่ค่อยออก..ยังเหลือค้างตามร้านอีกเพียบ.. แต่.. 1997 Cos d'Estournel Bordeaux Blend 750ml - $59.99 1998 Cos d'Estournel Bordeaux Blend 750ml - $57.99 (ทั้งสองนี้..คะแนนจากเกจิไม่ค่อยดี..แต่ขายหมดไปแล้ว ตั้งแต่ราคาออกมาใหม่ๆ) ผู้คนส่วนใหญ่ที่ชอบไวน์บอร์คโดซ์พวกนี้ เขาเอาไปเก็บ ไปบ่มกันอีกหลายปี กว่าจะเอาออกมาเชยชม ราคานี้..แย่งกันซื้อเลยเชียว จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ธ.ค. 49 11:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณกาสะลองคะ พี่ก็ไม่ได้คิดเพียงด้านเดียวหรอกนะคะ ว่า  แหม..อะไรมันช่างดีเลิศประเสริฐศรีไปเสียหมด พวกฝรั่งเนี่ย.. ในด้านมืดที่พี่คิด..นั่นก็คือ เป็นการส่งเสริมยอดขายของอุปกรณ์ที่มีสารพัดชนิด เป็นการสนับสนุนให้คนสร้างสนามกอล์ฟเยอะๆ (เพราะที่ดินมีออกบานเบิก ถมถืดไป ประเทศออกจะกว้างใหญ่ไพศาล) และในระยะหลังๆมานี่..นักกอล์ฟต่างชาติได้เข้ามารับเงินรางวัลในการแข่งแมทช์ใหญ่ๆของอเมริกาออกบ่อยไป มันได้แสดงออกถึง สมรรถนะของเด็กอเมริกันเริ่มถดถอยลงไป รัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องจึงอยู่เป็นปรกติสุขไม่ได้แล้วค่ะ ต้องออกมาทำให้เด็กทุกคนมีอนาคตอย่างไทเกอร์ วูดส์ ให้ได้ เพราะหลังจากไทเกอร์ไปแล้ว..มองไม่เห็นนักกอล์ฟคนไหนเลยที่จะมาเป็นดาวรุ่งพุ่งแทน.. เกาหลี..กำลังจ่อคอยครองบัลลังค์อยู่รอมร่อ.. แต่ประหลาดใจว่า..ทำไมเขาถึงคิดได้..พร้อมแก้สถานะการณ์ได้ไวนัก..กลไกช่างเป็นลูกโซ่รับช่วงต่อกันได้อย่างเหมาะเจาะ เรื่อง Etiquette นั้นคือผลพลอยได้ เพราะถ้าไม่มีตัวนี้บรรจุลงไปในหลักสูตร  บรรดาสนามกอล์ฟต่างๆคงไม่ให้ความร่วมมือ   เพราะใครๆก็รู้ว่า เด็กไอ้กันซนยิ่งกว่าลิง.. เขาเลยเอาเข้ามาผนวกกันเสียเลย..ดีไปแปดอย่าง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ธ.ค. 49 11:50:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องไวน์ก็เหมือนกันนะ..ไปงานไหนๆ พี่ไม่กล้าที่จะเอากล้องไป เพราะว่า ไม่ใช่ผู้สื่อข่าว ครั้งหนึ่ง อยากจะถ่ายรูปมาให้ ในกระทู้ต้นๆตอนที่ไป work shop   และ wine tasting ยังต้องไปรบกวนขอใช้ในนามของนิตยสารหญิงไทย  จาก Thailand  มาห้อยคอหราเลย เห็นเดานชัดเพราะแผ่นสีเหลืองเบ้อเริ่มเทิ่ม เนื่องจาก..มันเป็นการไม่เหมาะไม่ควรที่จะไปเที่ยวถ่ายรูป คนที่กำลัง"ดื่ม"  ทั้งๆที่เราไม่ตั้งใจจะถ่ายคน แต่ไม่มีทางเลี่ยงได้ เนื่องจากความหนาแน่น แออัด ในธรรมเนียมฝรั่งแล้ว..เขาค่อนข้างจะระวังตัว เกรงว่า อาจจะไปใช้ในทางที่มิชอบ เนื่องจากภาพนั้นอาจไม่ได้บอกให้เด่นชัดว่า กำลังชิมไวน์ ในงานของเทศกาล  อาจจะเอาไปครอป หรือ หญิงที่ยืนข้างๆมาร่วมชิม เป็นใครก็ไม่รู้จัก แต่ภาพออกมากลายเป็นสองคู่ชู้ชื่น ที่กำลังกรึ่มกันได้ที่.. อะไรอย่างนี้เป็นต้น.. ขนาดติดบัตรนักข่าว..ยามเล็งกล้องไปทางไหนที ผู้คนเบี่ยงตัวหนีทันที.. เนี่ย..เพราะวิธีการคิดมันช่างต่างกันอย่างเนี้ย..เราก็เลยได้คนคิดภาษีไวน์แบบกบในกะลาครอบ !!!! แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 00:54:26 จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ธ.ค. 49 12:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับคุณอาวิ  ยังเฝ้าหน้าจออยู่เหมือนเดิมครับ คุณอาอ่านหนังสือเรื่อง A History Of The World In 6 Glasses ของ Tom Standage หรือยังครับ  คิดว่าคุณอาคอหนังสือประวัติศาสตร์คงไม่พลาดอยู่แล้ว  ตอนแรกนึกว่าเป็นหนังสือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทั่วไป  ที่ไหนได้ข้นเข้มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ  เอาเรื่อง เบียร์ , ไวน์  ,เหล้า  ,กาแฟ , ชา และสุดท้าย โคล่า มาเชื่อมโยงเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม การปฏิวัติ ได้เป็นฉากๆต่อเนื่องกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากคุณ : sofatboy - [ 7 ธ.ค. 49 12:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เจ้าของไอเดียที่ว่านี้  คิดแบบบูรณาการเลยค่ะพี่วิ หนูไม่อยากเดาว่า เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับกอลฟ์ หรือเกี่ยวกับที่ดิน แต่อาจจะเป็นรัฐมตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก็ได้นะคะ เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ตัวที่หนึ่ง   เป็นการต่อยอดธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์กอลฟ์ ตัวที่สอง  ขับเคลื่อนธุรกิจค้าขายที่ดินรวมทั้งนายหน้าทั้งหลาย ตัวที่สาม สร้างทัพยากรมุษย์ที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ เรียกว่า คิดใหญ่  ไม่คิดเล็กค่ะ เคยมีคนคิดใหญ่แบบบูรณาการเช่นนี้   ด้วยการเข้าไปสร้างรายได้ให้กับรากหญ้า โดยการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน  ให้กับคนจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้มีรายได้พออยู่พอกิน แต่การคิดแบบบูรณาการของผู้จ่ายเงิน เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ว่าส่วนใหญ่ยังยึดติดกับกิเลสสิ่งยั่วเย้าภายนอก   จึงนำเอาเงินอุดหนุนเหล่านั้น ไปซื้อหาสิ่งของที่เป็นปัจจัยที่ห้า อย่างโทรศัพท์มือถือกันอย่างถั่วหน้า   แล้วกลับมาเป็นคนจนระดับรากหญ้าเพื่อรอเงินสนับสนุนก้อนต่อไป การคิดอย่างบูรณาการ  จึงเป็นการคิดแบบเบ็ดเสร็จว่า  จะมีวิธีใดที่จะดึงเงินจากกรเป๋าของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ออกมาให้ได้มากที่สุดโดยที่ผู้จ่ายไม่รู้ตัวได้หรือเปล่าคะ จากคุณ : Gasalong - [ 7 ธ.ค. 49 12:52:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาแย้วคับผม จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 7 ธ.ค. 49 12:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาต่อแถวด้วย วิธีคิดแบบบูรณาการแบบนี้แหละครับ ที่ผู้ใหญ่ในเมืองไทย ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ คือต่อให้มีคนคิด ก็ไ่ม่สนใจทำต่อ ปล่อยให้มันเน่าไป ลำบากแทนเด็กๆ รุ่นต่อไปจริงๆ -_________-" จากคุณ : Ace striker - [ 7 ธ.ค. 49 13:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอฝากตัวเป็นแฟนคุณ WIWANDA ด้วยอีกคนนะครับ จากคุณ : ปฏิบัติดี - [ 7 ธ.ค. 49 14:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับผม จากคุณ : jearjear - [ 7 ธ.ค. 49 14:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หนูมาปูเสื่อ รอ อ่านอย่างใจจดใจจ่อ หนูว่า โครงการ อะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้เด็ก หลุดออกจาก จอทีวี จากเกมส์ กด ให้ได้มาใช้ชีวิต และ มีกิจกรรม หมู่ มันดีนะคะ เท่ากับฝึกให้เค้ารู้จักเข้ากับผู้อื่น และ เป็นการเตรียมตัวสู่ระบบการทำงานแบบเป็นทีมในอนาคต ไม่ใช่ ข้าต้องเก่งว ข้าต้องเด่น อยู่คนเดียว จนประเทศชาติเกือบจะพังพินาศอยู่ทุกวันนี้ อุ๊ยยย หนูเปล่าแขวะ อดีตนักการเมืองนะคะพี่ จากคุณ : นางกอแบกเป้ - [ 7 ธ.ค. 49 15:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นาน ๆ มาเร็วที ก็ขอลงชื่อนิดนะครับ ว่ายังตามอ่านอยู่.... อ่านเรื่องการอบรมเด็กของ ตปท. แล้ว คิดอยู่ว่า.... เค้าเข้าใจในการใช้กุศโรบาย (เขียนผิดแหง ๆ เลย ขออภัยนะครับ) ดีนะครับ ไม่เหมือนที่เคย ๆ เห็นแถวนี้ ที่เก่งแต่เหน็บจิกอย่างเดียว ว่าเด็กของเราเป็นอย่างนั้น อย่างนี้.... หรือไม่ พอใครเริ่มนโยบายอะไรที่ดูเป็นรูปธรรม (ซึ่งจะผิดบ้างถูกบ้าง ก็ยังไม่รู้ผลของมัน) ก็คอยแต่จะตั้งป้อมเรียกร้องแต่ให้กลับสั่งสอน ปลูกจิต สำนึก ฯลฯ วนเป็นวงจรเดิมอยู่นั่นแหละ..... เฮ้อ ว่าแต่ใครพูดเรื่องจะแก้ปัญหาแบบบูรณาการนี่ ผมอยากบอกว่า เดี๋ยวนี้ ปัญหามันบูรณาการไปก่อนเรียบร้อยแล้วนะครับ.... แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 49 16:52:25 จากคุณ : Thirdwave - [ 7 ธ.ค. 49 16:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตามมาสวัสดีตอนเย็นๆครับพี่วิ ตอนนี้กำลังติดหนังสือเรื่อง noble rot อย่างงอมแงมเลยอะครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 7 ธ.ค. 49 17:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดีใจจริงๆค่ะที่คุณ Phantom กำลังอ่าน Noble Rot: A Bordeaux Wine Revolution  คนเขียนคือ William Echikson อย่างสนุก เพราะว่า หนังสือเล่มนี้ต้องคนที่สนใจและรู้ประวัติของไวน์มาบ้าง..จึงจะเข้าใจ เพราะว่าคนเขียน จะเล่าไปแบบตามใจฉัน กระโดดไปมา ไม่ต่อกัน ต้องอ่านไปจนจบเล่ม กว่าจะนำมาผนวกได้หมด ซึ่งความจริงแล้ว ครึ่งหนึ่งในหนังสือเล่มนั้น ก็อยู่ในกระทู้ไวน์นี้  นั่นคือเรื่องของดีเคมไงล่ะ.. (เรียบเรียงมาให้อ่านอย่างเรียบโร้ยยย) ...................................... หลาน sofatboy คะ.. หนังสือ A History Of The World In 6 Glasses  เคยกองอยู่แถวๆนี้ละค่ะ  เปิดพลิกไปมาหลายมื้อแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาอ่าน  ตอนนี้เพื่อนร่วมงานยืมไป.. ......................................... ขอต้อนรับคุณปฏิบัติดี เข้ากระทู้ในฐานะสมาชิกใหม่ด้วย ความยินดีค่ะ  อย่าอ่านอย่างเดียวน้า..มีความเห็นหรือข้องใจอะไรถามมาได้เลยค่ะ กระทู้นี้มีผู้รู้เยอะแยะ ............................................ คุณ Thirdwave หายไปนานเชียว ดีใจค่ะ ที่แวะกลับมาเยี่ยมเยียนกันบ้าง.. ........................... นางกอของพี่.. หายเจ็บหายไข้แล้วหรือแม่คุณ...ขวัญเอ๊ย..ขวัญมา เพื่อนพาไปซดไวน์มากี่ไหล่ะคะ ..................................................... ทักทายทุกคนด้วยนะคะ คุณเจี่ย  คุณนิค  ตาเอก คุณกาสะลอง...และผู้ที่แอบอ่านอยู่ในมุมมืด..อิอิอิอิ แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 01:22:54 จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ธ.ค. 49 01:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลืมรูปหนังสือ เอามาแปะให้ดูจะได้รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ธ.ค. 49 01:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีตอนสายๆครับทุกคน ใช่ครับหลายๆส่วนในหนังสือเล่มนี้ พี่วิได้เคยเล่ามาแล้วอะครับ อิอิ หนังสือเล่มนี้ดีจริงๆครับพี่วิ มัน เหมือนแฉๆดี แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 11:46:42 แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 10:54:41 จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 8 ธ.ค. 49 10:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีครับทุกๆ คน  (ออกมาจากมุมมืด) ช่วงนี้ ไวน์อะไรๆ ดื่มไปก็ขม ครับ..... (กลับเข้าสู่มมุมมืด ต่อ) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 8 ธ.ค. 49 10:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 วนเวียนอยู่สองสาม เวปนี่แหล่ะคับพี่ วิ จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 8 ธ.ค. 49 15:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 งั้นโผล่จากมุมมืดมาทักค่ะ สวัสดีค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 8 ธ.ค. 49 21:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คนที่ตามอ่านก็จะเห็นว่า..ในประวัติศาสตร์การเดินทางของไวน์ฝรั่งเศสนั้น ช่างมีอุปสรรคหนักหนาสาหัสนัก ยิ่งเรื่องของการส่งออกไปขายให้กับอังกฤษเจ้าประจำ.. ยิ่งแล้วใหญ่  โดนกีดกัน รังคัดรังแคสารพัด ทำไมจึงทนได้.. ความจริงก็ไม่ทนหรอก..คิดอยากจะเอาคืนอยู่ทุกขณะจิตแหละ แต่โอกาสมันไม่อำนวย  ฝรั่งเศสไม่ได้รวมตัวกันเป็นปึกแผ่นเหมือนอย่างอังกฤษ  มักมีสงครามตามชายแดนกับประเทศโน้นประเทศนี้อยู่เป็นเนือง การเอาคืนกับอังกฤษจึงรอไปก่อน.. ครั้นมาถึงสมัยของนโปเลียน..ที่ได้ก้าวขึ้นมามีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จนั้น  แน่นอน การคิดบัญชีได้ตามมา.. โดย นโปเลียนกะตัดแขนขา ขุดรากถอนโคนของอังกฤษให้สิ้นซาก  โดยการจัดระบบที่เรียกว่า The Continental System ขึ้นมา..นั่นคือ การทำสัญญาค้าขายต่อกันแค่ในยุโรปในแผ่นดินใหญ่ โดยฝรั่งเศสจะเป็นศูนย์กลาง ไม่รวมอังกฤษ และถ้าใครขัดขืน ยังทำมาค้าขายอยู่กับอังกฤษละก้อ เป็นได้เห็นดีกับนโปเลียนนั่นเชียว.. แต่การที่จะแสดงแสนยานุภาพนี้ได้ ฝรั่งเศสต้องแสดงความเป็นมหาอำนาจในการยึดครองน่านน้ำ เส้นทางการเดินเรือฝั่งสเปนให้เป็นประจักษ์เสียก่อน.. และนั่นคือ ที่มาของยุทธการสงครามทางน้ำที่ลือลั่น The Battle of Talfagar   (21 ตุลาคม 1805)  ที่แหลม  Trafalgar, Spain คงไม่ต้องเล่า..เพราะว่า เรื่องนี้นั้นได้บันทึกเป็นประวัติศาสตร์โลก ในทุกแง่ทุกมุมอยู่แล้ว.. ที่ว่า..แม่ทัพเรือของฝรั่งเศส ภายใต้การนำของนโปเลียน และแม่ทัพเรือของสเปน รวมกันเป็นกองเรือใหญ่ เข้ารุมประจันบาญ กองทัพเรือของอังกฤษภายใต้การนำของ ลอร์ด เนลสัน (British commander Admiral Lord Nelson) ผู้ซึ่ง มีเพียงแขนเดียว และ ตาเดียว อันเป็นการทุพพลภาพจากสงครามครั้งก่อนๆ.. และ นโปเลียน ได้พ่ายแพ้ในการสู้รบครั้งนี้อย่างยับเยิน สูญเสียเรือไปหลายสิบลำ ไม่สามารถประกาศแสนยานุภาพทางน่านน้ำให้เป็นที่เกรงขามอย่างที่ตั้งใจไว้ได้.. (ท่านลอร์ดเนลสัน ก็ได้เสียชีวิตในการรบครั้งนี้เช่นกัน แต่หลังจากที่ได้รับชัยชนะแล้ว..) ดังนั้น..สนธิสัญญาการค้าชนิดผูกขาดจึงไม่เป็นผลสำเร็จ ไม่ได้รับการร่วมมือจากประเทศอื่นๆ อย่าง โปรตุเกส และ สเปน รวมไปถึงกลุ่มนอร์ดิค ที่ยังหันไปเดินเรือค้าขายกับอังกฤษเช่นเดิม.. ครั้นนโปเลียนเอากำลังเข้าไปย่ำยี ในฐานะที่สั่งแล้วไม่ทำกับประเทศเหล่านั้น..อังกฤษก็ยกทัพไปต่อสู้ป้องกันให้ สนามรบในโปรตุเกส..ก็คือ พื้นที่ปลูกองุ่นนั่นแหละ เรียกว่า ไล่ยิงกันระหว่างแนวต้นเลยทีเดียว.. การซุ่มโจมตี ก็ใช้แนวองุ่นเป็นที่กำบัง..นับว่าเป็นการได้เปรียบข้าศึก ทำให้ทหารฝรั่งเศสไม่สามารถเดินทัพผ่านไร่องุ่นได้ ต้องหันไปใช้การเลียบแม่น้ำแทน.. แต่มันก็ทำให้พื้นที่ดีๆของ Douro (โปรตุเกส)ยับเยินเสียหายไปในแนวกว้าง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ธ.ค. 49 06:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หลังจากหมดยุคของนโปเลียน..การทำไวน์ของฝรั่งเศสได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย จนกลายเป็นผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคือผลพวงที่เกิดจากการแบ่งสันปันส่วนที่ดินหลังจากการปฏิวัติครั้งใหญ่ ที่ประชาชนรากหญ้าได้มีโอกาสมีไร่องุ่นของตัวเอง แม้จะน้อยนิด แต่ก็ปลูกกันเต็มที่ พื้นที่การปลูกได้ขยายออกไปทั่วประเทศ   มาถึงตรงนี้..ลูกค้ารายใหญ่ของไวน์ดีๆ คือ เยอรมัน ส่วนไวน์ที่ด้อยคุณภาพลงไปหน่อย กลุ่มลูกค้าคือ เนเธอแลนด์ เรียกว่า..มีเท่าไหร่ รับซื้อหมด อังกฤษ..ยังคงเป็นลูกค้าชนกลุ่มน้อย..หลังจากหมางกันมาในเรื่องของสงคราม ไหนจะค่าภาษีการท่า ที่แพงจนเกินเหตุ แต่..คนอังกฤษชั้นไฮโซ ยังเหนียวแน่นอยู่กับไวน์ฝรั่งเศส แม้ว่ามันจะแพงแสนแพง..เพราะว่า.. พวกเขาเชื่ออย่างหมดใจว่า ไวน์นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ที่บำรุงสมอง หัวใจ ดังนั้นไม่นานต่อมา..อังกฤษก็โอนอ่อน ยอมทำสนธิสัญญาทางการค้าใหม่กับฝรั่งเศสในปี 1860 โดยการยอมลดภาษีการท่าให้ แต่ฝรั่งเศสก็ไม่ยอมง่ายๆอย่างเช่นแต่ก่อน เพราะ กำลังได้ลูกค้ารายใหม่ที่"ตั๋ง"กว่า.. นั่นคือ ประเทศสหรัฐอเมริกา.. มาถึงตอนนี้..ผู้ดีอังกฤษต้องมาไล่ง้องอนฝรั่งเศสกันจ้าละหวั่น.. หมายเหตุ..ตอนนี้นะคะ มีหนังสือขายดี  ที่ใครต่อใครหมายถึงกลุ่มผู้หญิงถึงขั้นแย่งกันซื้อ  นั่นคือ French Women Don't Get Fat เลยแวะมาส่งข่าวให้ทราบทั่วกัน..สำหรับพวกที่ชอบทำกับข้าวทั้งหลาย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ธ.ค. 49 06:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในสมัยของ 1800s มานั้น การเขียนถึงเรื่องไวน์จากเกจิต่างๆก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เช่น Andre Jullien และ Cyrus Redding  แต่เป็นการพูดถึงแต่ไวน์ชั้นดีเลิศ เช่น โรมาเน-กองติ  ที่มีราคาแพง และ จำเป็นที่จะต้องมีผู้รู้จริงคอยให้คำแนะนำ ไม่งั้นอาจจะเจอกับของปลอม หรือ ของปน ซึ่ง เรดดิ้ง ได้กล่าวไว้ว่า.. "การปลอมไวน์อย่างไวน์โรมาเน นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย.. เพราะ สี  รส..รวมทั้งกลิ่น  ไม่มีไวน์ใดจะมาเลียนแบบได้เลย.." และเขากล่าวต่อไปด้วยว่า "พวกชาวอังกฤษนั้น ดื่มแต่เหล้า พอร์ต จนลิ้นด้านชาไปหมด จนไม่รู้จักว่าไวน์ไหนของจริง หรือของปลอม ทั้งๆที่เป็นตัวแทนการขายแท้ๆ.." เมื่อมาถึงยุคนี้  ดังที่ได้เล่ามาว่า ไวน์ของฝรั่งเศสได้ออกมาท่วมตลาด จากฝีมือของโอท๊อป หรือ กลุ่มชาวบ้าน และคหบดี ที่เราเรียกว่า โบจวาส์ ( bourgeois) ที่ต้องแข่งกันขาย จนผู้คนเริ่มสับสน.. ทำให้ฝรั่งเศสต้องรีบแก้สถานะการณ์อย่างเร่งด่วน โดยการจัด งาน Universal Exposition ในปี 1855 กรุงปารีส โดยเลียนแบบจากงาน Great Exhibition 1851 กรุงลอนดอน ที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก.. ในงานนี้  กษัตริย์นโปเลียน (ที่สาม) ได้ตั้งพระทัยจะโชว์ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของไวน์ฝรั่งเศส ให้เป็นที่ประจักษ์  และ ทรงมีพระประสงค์ที่จะจัดระเบียบไวน์ของบอร์คโดซ์ อันเป็นพื้นที่ผลิตรายใหญ่ที่สุดในขณะนั้น.. เพื่อผู้บริโภค(นอกประเทศ) ได้ไม่สับสน และเป็นการกำหนดอัตราราคาควรจะเป็นเท่าใด และ เพราะเหตุใด.. ทั้งหมดนี้ คือที่มาของ Growths และ Crus ต่างๆ.. หรือที่เรียกว่า 1855  Bordeaux Classification เบื้องหลังการจัดระเบียบไวน์นี้ เป็นไปอย่างเร่งรีบ.. ไวน์แดง 58 ยี่ห้อ  ได้ถูกเร่งจัดลำดับชั้น.. สี่ชนิด..ได้เข้าไปในชั้นที่หนึ่ง อันถือว่าเป็นระดับยอดเยี่ยม สิบสองชนิด..เข้าไปในชั้นที่สอง สิบสี่ชนิด..เข้าไปอยู่ในชั้นที่สาม สิบเอ็ดชนิด..อยู่ในชั้นที่สี่ สิบเจ็ดชนิด..ไปอยู่ในชั้นที่ห้า.. ไวน์ขาว ยี่สิบชนิด ได้เข้าไปแบ่งเป็นชั้นที่หนึ่ง และที่สอง และ..สุดท้าย ยี่ห้อที่ 21 นั่นคือ Chateau D'Yquem ได้ถูกยกให้เป็น ที่สุดของที่สุด หรือ Premier cru superieur ทั้งหมดได้ถูกคัดเลือกมาจากความเก่าแก่ของไร่..และ เส้นสายของเจ้าของไร่ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นข้าราชการ หรือ ข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด ในระยะเวลาที่รีบเร่งให้ทันกันกับงาน.. ในภาพคือ..งาน Great Exhibition 1851 กรุงลอนดอน ขณะที่สมเด็จพระนางวิคตอเรียกำลังเสด็จเปิดเป็นองค์ประธาน จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ธ.ค. 49 07:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องของไวน์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ในสมัยก่อน อย่างชื่อ..จะมาเรียกส่งเดชไม่ได้ ถ้าไม่มีคฤหาสน์อันเป็นที่ใช้เก็บไวน์และสามารถรับรองแขกให้สมฐานะได้ละก้อ จะมาเรียกมั่วๆ ว่าเป็น ชาโต..ไม่ได้เด็ดขาด ในสมัยปี 1833 นั้น..ไวน์บอร์คโดซ์ มีเพียง หนึ่งเดียวที่สามารถใช้คำว่า Chateau ได้ นั่นคือ Margaux พอมาถึงตอนจัดลำดับ..1855 ได้เพิ่มขึ้นมาอีก เป็น ห้า แต่ทางอังกฤษ..จนถึงปี 1870 ยังให้เพียง สี่ชาโต (แต่ในยุคนี้..ชาโตกันเป็นแถวๆ..ใครใคร่เรียก..เรียก) เมื่อตลาดไวน์ของฝรั่งเศสได้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอยู่นั้น อิตาลีก็ชักเมียงๆมองๆ เพราะเรื่องการผลิตก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คุณภาพหรือก็ไม่ได้เป็นรอง เพียงแต่หม่อมยังไม่มาชิม ช้อยยังไม่มารำ อีกทั้ง ไวน์ในเขตของเขต Italian Penninsula นั้นก็ต่างกระจัดกระจาย เป็นเอกเทศของใครของมัน แถมยังอิงอยู่ในอำนาจการปกครองของ อาณาจักรออสเตรียอีกต่างหาก การค้าขายจึงต้องขึ้นอยู่กับทางด้านนั้นเป็นส่วนใหญ่ จนร้อนถึงกลุ่มนักการเมืองที่มองเห็นอนาคตของการค้าไวน์ขึ้นมา..นักการเมืองที่ว่านี้ คือกลุ่มคนหนุ่มสองคน นามว่า Camillo Cavour  Baron กับ Bettino Ricasoli ที่มองเห็นว่า..ไวน์ของ เพียตมองต์ และ ทัสคานี (Piedmont, Tuscany) นั้น..มีคุณภาพไม่เป็นรองใคร.. แม้แต่ชาโตดังๆของฝรั่งเศส.. ริกาโซลี นั้น มุ่งที่จะพัฒนาไวน์เกียนติ อันเป็นไวน์พื้นบ้านอเนกประสงค์ของคนในประเทศให้มีระดับขึ้นมา โดยจะใช้ทดลองกับไร่องุ่นของเขาเอง ใน Brilio ซึ่งเขาจะต้องออกเดินทางไปยังฝรั่งเศสเพื่อหาข้อมูล และ ไปดูเป็นแบบอย่างในการผลิต.. การเดินทางของเขานั้น คือ ปี 1851 ที่เริ่มต้นจาก Rhone, Beaujolais และ Burgundy หลังจากที่เขาได้ลองชิมโบโชเลส์ 1846 แล้ว..เขาได้บันทึกไว้ว่า.. "ก็พอใช้ได้ อ่อนไปนิด ไม่หอม ไม่แน่น.." เมื่อจะมาเทียบกับกับเกียนติของเขาแล้ว..เขาคิดว่า เกียนตินั้นเหนือชั้นกว่ามาก เพียงแต่ จะออกรสขมกว่า.. และสีเข้มกว่า.. แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 49 11:05:50 จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ธ.ค. 49 08:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พี่วิคับ Chateau D'Yquem ได้ Premier cru superieurนี่ เหนือกว่า 4 อรหันต์ ที่ได้ Premier cru ในตอนนั้นป่ะคับ จากคุณ : nic (Nic Nenin) - [ 9 ธ.ค. 49 09:29:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Chateau D'Yquem ได้เป็น Premier cru superieur ในฐานะของไวน์สุดเลิศที่ทำจากองุ่นเขียว(ไวน์ขาว) น่ะค่ะ และเพื่อเป็นเกียรติยศอันสูงสุด เพราะขั้นตอนการทำนั้น ไม่ธรรมดา อัตราการเสี่ยงก็มีสูงกว่า.. อีกทั้งเวลาหมักบ่มก็นานกว่าใครเพื่อน ไวน์แดงจะมาเทียบชั้นไม่ได้  เพราะขั้นตอนการผลิตไม่เหมือนกัน..ขนาด Premier cru ยังมีเข้าแถวติดอันดับตั้งสี่.. แต่..ดีเคม นั้น..มีหนึ่งเดียว..ไม่มีใครมาเทียบรัศมี หมายถึง ที่สุดของที่สุด จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ธ.ค. 49 11:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เอาข้อสอบวิชาประวัติศาสตร์ลาว  ฉบับออกไปเป็นไกด์มาฝาก  ลองช่วยกันตอบหน่อยนะ 1. เมื่องหลวงของสหพันธ์รัฐอินโดจีนคือเมืองอะไร  อยู่ในประเทศอะไร 2. ประเทดลาวเป็นแขวงที่เท่าไรของสหพันธ์อินโดจีน 3. ลาวเหนือและลาวใต้มีรูปแบบการปกครองภายใต้อาณานิคมของฝรั่ง (ลาวเขาเรียกฝรั่งเศสว่าฝรั่งเฉย ๆ ก็เข้าใจ ถ้าเป็นอเมริกัน ก็เรียกอเมริกันเลย)แตกต่างกันอย่างไร 4. สนธิสัญญาเซอแนว ทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น 5. อธิบายความสำคัญของกองพันที่ 2 ลองตอบกันดูครับ  โดยเฉพาะข้อ 4 อยากรู้จริง ๆ ว่า ใครจะเดาได้ว่ามันคือสัญญาอะไร พอตอบแล้ว เราก็ควรรำลึกถึงพระปิยะมหาราชด้วยนะครับ ที่ทำให้พวกเราไม่ต้องมานั่งตอบข้อสอบแบบเขา  ว่าประเทศไทยเป็นแขวงใดของสหพันธ์รัฐอินโดจีนของฝรั่งเศส อ้อ  เรื่องเหล้าองุ่นจากเปอร์เซีย  ขอบคุณครับพี่  ผมอ่านเอมาหลายหน ก็สงสัยว่ามันคือไวน์หรือเปล่า แต่เห็นว่าถ้าใช่ทำไมเขายังคงเขียนว่าเหล้าองุ่นอยู่นั่นแหละ เลยคิดว่ามันน่าจะคนละอย่างกัน  วันนี้เลยได้คำตอบเลย ในประวัติศาสตร์อยุธยา กษัตริย์หลายพระองค์ "ทรงโปรด" นะครับ  โดยเฉพาะพระเจ้าเสือ ซึ่งพอทรงเสวยเข้าไปได้ที่แล้ว มีเรื่องสนุก ๆ เยอะ แต่ต้องหลังไมค์ถึงจะเขียนได้นะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ธ.ค. 49 12:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องพรบ.ห้างโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สรุปได้นิดเดียวเองครับ คือถ้า "กระแดะ" แล้วแก้ปัญหาได้ พรบ.นี้ก็แก้ปัญหาได้ครับ แวดวงการใช้ชีวิตคนกลางคืน อยู่ในวงเหล้าเมายา หรือพวกเด็กเชียร์เบียร์อะไรนี่ ถ้าไม่เซนเซอร์ จะเล่าให้ฟังว่าการห้ามโฆษณาอะไรเนี่ยนะ มันไม่เวิร์กหรอก คนที่กระทบจริง ๆ คือคนที่อยู่ในแวดวงสื่อหรือโฆษณา เพราะเม็ดเงินมันหายไป แต่พวกขายเหล้าเขาไม่กระเทือนเลย  ดีเสียอีก ไม่ต้องใช้งบโฆษณา  แค่ไทยเบฟ เขายุบ บ.ทศภาค ทิ้งเลย เห็นไหม ประหยัดงบไปได้ตั้งเยอะ ถามว่าเหล้าขายได้น้อยลงไหม  ไม่ละครับ เพราะคนซื้อคนกันจริง ๆ เขาจำยี่ห้อได้แล้ว แล้วอย่าหวังว่าจะไปปิดกั้นคนรุ่นใหม่ท่จะเข้ามาอย่างที่เขาอ้าง ถามจริง ๆ เถอะ พ่อลูกผู้ชายคนกินเหล้าทั้งหลาย สมัยเด็ก ๆ ที่เริ่มครั้งแรกนะ กินเพราะดูโฆษณาในทีวี หรือกินเพราะเพื่อนพาไปขึ้นครูครับ พูดไปก็เท่านั้นแหละ  ตราบใดที่เขายังเห็นว่า การ "กระแดะ"คือ การเป็นคน "ดูดี"  เราก็ต้องทนอยู่กับความบิดเบี้ยวแบบนี้แหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ธ.ค. 49 12:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคับ สิ้นปีนี้คงได้ทาน Premier cru superieur แล้วจะเล่าให้ฟังคับผม จากคุณ : nic (Nic Nenin) - [ 9 ธ.ค. 49 12:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณพี่สื่อศิลปจะไปสอบเป็นไกด์หรือคะ..คุณพี่ขา... ถ้าถามถึงเมืองหลวงของสหพันธ์รัฐอินโดจีน น่าจะอยู่ในกรุงฮานอย เวียดนาม ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่รู้จริงๆ ยิ่ง..สนธิสัญญาเซอแนว อะไรนั่น..ไม่เคยได้ยินเลยง่ะ เรื่องการห้ามโฆษณาเหล้านี่..ไม่รู้ว่าเขาคิดกันได้ยังไง แถมมันแสดงให้เราได้เห็นว่า  ผลบังคับในภาคเอาโทษทางกฏหมายกับคนเมาขาดสตินั้น..มันคือศูนย์ จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ธ.ค. 49 13:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องการห้ามโฆษณาเหล้า เป็นสนธิสัญญาของ ผู้ใหญ่แนว ครับ จากคุณ : หุ หิ (jearjear) - [ 9 ธ.ค. 49 21:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แว๊ปมาบอกว่า ในทีวี โรงหนัง ช่วงนี้โฆษณาโซดากันใหญ่..... น่าจะช่วยให้เฮลบลูบอยขายดีไปด้วย เพราะใครจะมานั่งดื่มโซดาเปล่า ๆ 555 จากคุณ : Thirdwave - [ วันรัฐธรรมนูญ 12:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แวะมา say HI ครับ ต้องไปหาหนังสือที่พี่วิ แนะนำ มาอ่านซักหน่อยแล้ว จากคุณ : ชอบทำกบข้าว (Phantom of the Cellar) - [ วันรัฐธรรมนูญ 12:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เจ๊จ๋าเจ๊........อยู่แถวนั้นช่วยถามให้หน่อยดิ  First Tee Club เขาไม่รับเยาวชนวัยใกล้เจ็ดสิบบ้างหรือครับ? อีต่งอีติคก็ไม่ค่อยจะได้เรียนรู้หรอกแอบดูคนอื่นเขาบังเอิญคนที่เราแอบดูเขามารยาทดีมั้งก็เลยรอดไป เคยมีแม่พาเด็กวัยรุ่น(14)มาขอออกรอบด้วยแล้วแม่เดินตามลุ้นทุกช็อต ลูกแรกเสริฟโจ๊ะเด่กลางแฟร์เวย์ไกลลิบช็อตสองดันชึ่กขุดดินก็ได้ยินคำแรกเลย"...แม่" เดินเข้าไปจรดลูกด้วยความโมโหหวดไปออนไกลสามคันธงคราวนี้กลายเป็นอ้ายเชี่ย... พัตต์ยาวเลยหลุมมาร่วมครึ่งคันธงเดินตามมาจบพัตต์ทันทีโดยไม่ดูเลยว่าเหยียบไลน์คนอื่นหรือเปล่า สรุปว่าทำไปห้าช็อตแต่ตอบว่า"พาร์"ทั้งที่หลุมนั้นเป็นพาร์4 ทุกการกระทำและทุกคำพูดแม่เขาเห็นและได้ยินตลอดเวลาแต่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย หนำซ้ำยังคุยทับอีกว่าลูกเพิ่งจะหัดมาห้าเดือนตีเกือบอันเดอร์แล้วกำลังลุ้นติดเยาวชนทีมชาติ เล่นเอาวันนั้นเล่นกอล์ฟไม่สนุกเลยแม้ภายหลังจะไม่สนใจมองไม่ฟังแล้วก็ตาม ตอนแรกว่าจะสอนจะเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่แต่พอเห็นว่าแม่เขายังเฉยแล้วเราจะไปเจือกได้ยังไง เรื่องไวน์บ้างดีกว่า...เราเพิ่งกลับมาจากโฮโนลูลูเมื่อวานนี้เอง ไม่ได้ไปเดินดูบิกินี่อะไรหรอกนะครึ่งเมืองมีแต่คุณยุ่นเดินกันให้ควั่ก ตกเย็นก็แวะร้านABCโฉบไปเลือกไวน์มาจิบที่ระเบียงห้อง บางวันก็ได้นาป้าบางทีก็ได้389สองอย่างนี้ราคาไม่ถึงสามสิบเหรียญถูกกว่าบ้านเราเยอะเลย บางวันก็ลองของฝรั่งเศสบ้างแต่จำยี่ห้อไม่ได้เพราะรู้สึกมันจะผสมยาลบความจำไว้ด้วยมั้ง(เมาอ่ะ) เรื่องห้ามโฆษณาเป็นอะไรที่เรารับไม่ได้จริงๆว่ะ  มันเหมือนยุคข้าใครอย่าแหยมยังไงยังงั้นเลย อำนาจอยู่ในมือข้า  ข้าจะทำใครจะทำใม?  นกกระสาตัวใหม่มันกินกบไม่เลือกหน้าเลยนะ ดีใจที่ยังได้เห็นข้อเขียนดีดีจากอาจารย์สื่อศิลปอยู่  ท่านยัง"เข้มและคม"จนเรานับถือจริงๆ Aloha... จากคุณ : Uncle Tee - [ วันรัฐธรรมนูญ 15:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กลับมาแล้วครับพี่วิ พี่วิโรจ และทุกๆท่าน เหนื่อยมากๆเลยครับ แถมป่วยอย่างหนักตอนอยู่เบอร์กันดีซะอีก ฝนก็ตก เลยแทบไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่เลยครับ นี่ยังโชคดีตอนชิมไวน์จมูกไม่คัดเท่าไหร่ แต่ก็ถึงกับต้องขอยกเลิกนัดกับบาง domaine ครับ นี่อยูบ้านได้สองสามวันก้อเริ่มฟื้นตัว เช็คเมล์ อ่านข่าวได้บ้าง ไว้เดี๋ยวเริ่มหายดีแล้วจะมาเ่ล่าให้ฟังครับ ว่าที่ไปมาเป็นยังไงบ้าง กระทู้ไปเร็วมากเลยครับ ต้องกลับมาค่อยๆตามอ่านอีกแล้ว จากคุณ : LaGrandeRue - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:52:05 A:213.39.203.96 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เย้ๆ คุณ LaGrandeRue กลับมาแล้ว พักผ่อนให้สบายก่อนคับ ค่อยมาเล่าประสบการ์ณดีๆให้พวกเราฟังคับ จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 11 ธ.ค. 49 00:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หนูมาเชียร์ คุณ สื่อศิลป สุดลิ่มทิ่มประตูค่ะ นักการเมืองไทย นับวันจะ"กระแดะ" อย่างที่คุณพี่ เธอว่าจริงๆ วันนี้ ผ่านไปทางศาลากลางหลังเก่า ที่อยุธยา ขึ้นป้ายว่า"ลูกอยุธยา ยิ้มไหว้ ทักทายกัน" นี่ถึงขนาดต้องสอนให้เด็ก ไหว้ และ ยิ้ม กันแล้วเหรอเนี่ย พี่วิขา พูดถึงโปรตุเกส แล้วหนูนึกถึงสมัยละอ่อน ไปเที่ยว เมือง Porto จังค่ะ เฮ้อ ตอนนี้จะมีวาสนาไปไหมเนี่ย จากคุณ : นางกอแบกเป้ - [ 11 ธ.ค. 49 20:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 งานที่สั่งส่งไปให้ที่หลังไมค์แล้วครับพ้ม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ธ.ค. 49 10:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ...สามวันของวันหยุดยาวที่ผ่าน ...ได้มีโอกาสไปพักผ่อนกับครอบครัวของเพื่อนฝูง ...การไปเกาะเสม็ด...ครั้งนี้มีเรื่องใหม่ ๆ ให้คิด หนึ่ง...หลังสามสิบปีให้หลัง เกาะเสม็ดดูแปลก ๆ ไป ...อาจเป็นด้วยถูกรุมโทรมอย่างทารุณ สายตาเธอเหม่อลอยพิกล สอง...ได้พบว่าเพื่อนที่เอาแต่กระซวกสุรากลั่น และคบหากันมากว่ายี่สิบห้าปี ...วันนี้ก็หันชื่นชอบไวน์กันถ้วนหน้า สาม...ต้องกล้ำกลืนดื่ม Penfold ของเพื่อน ๆ ที่นำติดตัวมา(จำนวนมาก) อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ...ถือเป็นการดื่มน้ำโอ๊กที่น่าเบื่อสุดในชีวิต จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 12 ธ.ค. 49 11:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สาม...ต้องกล้ำกลืนดื่ม Penfold ของเพื่อน ๆ ที่นำติดตัวมา(จำนวนมาก) อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ...ถือเป็นการดื่มน้ำโอ๊กที่น่าเบื่อสุดในชีวิต ........................... โอ้..สะใจจริงๆเชียว...และขอถามนิดหนึ่งเถอะว่า. เหนื่อยไหม (ดาว...?) ยามที่เพื่อนรินใส่แก้วส่งมาให้ และขอเทสติ้ง โน๊ต ด้วย.. ฮา.. จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ธ.ค. 49 11:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42 555ไม่รู้ว่าพี่วิโรจ บินได้ยัง คงเจอไปหลายบิน เสม็ดตอนนี้อยู่ในขั้นรวิกฤติคับ ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ และบุคคล จากคุณ : nicky (Nic Nenin) - [ 12 ธ.ค. 49 13:56:04 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้ามีรูปคุณ วิโรจ กำลัง ริน Penfold's ใส่แก้วอย่างตั้งใจ.. ...คนคงนึกว่า ต้องเป็นรูปตัดต่อแน่ๆ เลยครับ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 12 ธ.ค. 49 16:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านแล้วเลยไปเปิด 389 มาชิมดูอีกทีหลังจากไม่ได้ดื่มเพนโฟลด์มาตั้งสามเดือนกว่า โอ๊คแรงจริงๆ ด้วยค่ะ แต่โอ๊คไม่นุ่มเหมือนไวน์ฝรังเศส แถมได้กลิ่นแปลกๆ เหมือนส้วมสาธารณะ (ไม่ได้ตั้งใจจะว่านะคะ รู้สึกได้กลิ่นอย่างนั้นน่ะค่ะ) << มันเป็นกลิ่นอะไรเหรอคะพี่วิโรจ??  นกสงสัยค่ะ . . เชื่อแล้วว่าพี่หวานงานยุ่งจริงๆ หายไปไหนไม่รู้   จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 12 ธ.ค. 49 22:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 45 โผล่หน้ามาทักทายป้าหวานครับ........ จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 13 ธ.ค. 49 02:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ยุ่งพอประมาณเชียวค่ะ น้องนก.. วันนี้ตื่นขึ้นมา..ก็เปิดเมล์อ่าน ได้รับข่าวไม่เป็นมงคล นั่นคือ อดีตบก.หญิงไทย  คุณสุมาลี..เป็นผู้ที่มาอ่านเจอข้อเขียนของพี่ในพันทิบห้องไกลบ้านเมื่อสาม สี่ปีก่อน และชวนให้ไปร่วมทีมนักเขียนของนิตยสาร  นับว่าเป็นผู้ที่ได้เปิดโอกาสให้เป็นคนแรก   สองปีต่อมา เธอก็ป่วยด้วยอาการเนื้องอกในหน้าอก ที่คลำเจอว่าเป็นแค่เมล็ดถั่วเขียว แต่ตรวจไปตรวจมา ต้องฉายแสงกันหลายครั้ง จนถึงขั้นต้องผ่า.. จนในที่สุด เธอได้ไปบวช ทำใจให้สงบสบาย เพื่อที่จะต่อสู้กับโรคร้าย  จนข่าวล่ามาถึง..ว่า คุณป้อมได้จากพวกเราไปแล้วด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา ใจหาย..จนหยิบจับอะไรไม่ถูก เพราะ ไม่คาดคิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้ อายุอานามยังน้อยอยู่แท้ๆ  อนิจจัง สังขารนี้ไม่เที่ยงเลยจริงๆ เลยถือโอกาสไม่ไปทำงาน..ตลอดช่วงเช้าขออยู่บ้าน อ่านเมล์เก่าๆของคุณป้อมที่ส่งมา ด้วยความอาลัยรักและคิดถึง แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 49 06:49:41 จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ธ.ค. 49 06:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ".......แถมได้กลิ่นแปลกๆ เหมือนส้วมสาธารณะ ......มันเป็นกลิ่นอะไรเหรอคะพี่วิโรจ??  นกสงสัยค่ะ" ...Bin 389 ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น Shiraz Cabernet ...บ่มด้วยอเมริกันโอ๊ก ...ซึ่งแน่นอนว่า...ย่อมจะกระโชกโฮกฮากกว่าโอ๊กฝรั่งเศส ...แต่ตรงกลิ่นคล้ายส้วมนั่น...หมดปัญญาวิเคราะห์จริง ๆ ...เพราะไม่อยู่ในเหตุการณ์ ...น่าจะ Post แล้ว Attach กลิ่นมาด้วยนะ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 13 ธ.ค. 49 07:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ลุงทีเป็นคนหนึ่งที่ดื่มPenfoldบ้างตามแต่โอกาสที่เพื่อนรักเป็นธุระจัดหาให้... ไม่เคยบอกใครว่ามันวิเศษเลอเลิศหรืออย่างใด มีปัญญาซื้อได้แค่ไหนก็แค่นั้น... พอมีคนมาทำท่าคลื่นใส้สะอิดสะเอียนก็เลยต้องพิจารณาตัวเองเสียแล้ว... เวลาดื่มก็จะแอบดื่มที่บ้านไม่บอกใคร  ดีไม่ดีจะดื่มควบกับเหล้าขาวให้สมกับฐานะซะเลย... Bye... จากคุณ : Uncle Tee - [ 13 ธ.ค. 49 08:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คุณวิโรจที่รัก รายน้องนกนั่น ขอความกรุณาเก็บไว้ใกล้ๆตัวหน่อย.. เพราะเป็นอันตรายต่อธุรกิจไวน์จริงๆ  มีทั้งรสขม กลิ่นส้วม อุแม่เจ้า..!! อีตาเด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วยนั่น..ถ้าอยู่ใกล้ๆนะจะหยิกให้เนื้อเขียว หายหน้าหายตาไปไม่ส่งข่าวคราวเลย ลุงทีก็อีกคนนึง เอาฉันไปนินทาอีกแล้ว....ไปอ่านมาแล้วนะยะ ที่เขียนถึงน่ะ อ้อ..สนามกอล์ฟที่ฮาวายก็สวยดีนะ แล้วสรุปว่า..ตีออกมาสกอร์เท่าไหร่ล่ะ..ตะเอง..?? ความจริง Penfolds ไม่มีอะไรเสียหายค่ะ รสชาติถูกปากคนไทย เข้ากับอาหารได้หลากหลาย รสชาติกลมๆ ราคาก็พอไหว..ยังอยากให้ไวน์ไทยทำรสชาติออกมาใกล้เคียงแบบนั้นเลย (หรืออาจจะดีกว่า ยังไม่เคยชิมเลย) ขายในราคาที่ถูกกว่าหน่อย  ทำการตลาดให้ดีๆ คนไทย 60 ล้านคน อุดหนุนใช้ไวน์ไทยในงานแต่งงาน งานวันเกิด งานมงคลอื่นๆ แค่นี้ก็จะพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์อย่างไปโลด.. จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ธ.ค. 49 08:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เอ..กลับไปอ่านเสียงของลุงทีมีแววน้อยใจอะไรอยู่หรือเปล่า..? ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะลุง..เห็นว่าเพื่อนๆชอบซื้อ เพนโฟลด์กันแบบยกลัง เหมาคันรถ ลงขันกันซื้อยกโกดัง เพราะด้วยเหตุผลอย่างที่ว่ามา.. อยากให้ลองซื้อไวน์อื่นๆ ที่มีราคาใกล้เคียงกันบ้าง อาจจะเป็นไวน์ของอิตาลี ฝรั่งเศส ชิลี  มาลองบ้าง แบบหาไปเรื่อยๆน่ะ  อาจจะเจอเพชรน้ำงามก็ได้ อย่างวันนี้นะ เราไม่ได้ไปทำงาน แต่มีผู้หวังดีส่งไวน์มาให้ชิมถึงบ้าน บอกว่าให้ลองตัวนี้หน่อย เพราะขายดีในช่วงของเทศกาลนี่ ราคาย่อมเยา เป็นไวน์ฝรั่งเศสของ Lanquedoc 2003 ชื่อว่า Lodez แถมเก๋ซะอีก คือจุกแบบบิดเกลียว ส่วนผสมคือ Syrah 50% Grenache 30% Carignan 20% (12.5% By Vol.)แถมบอกว่า ค่ำๆจะโทรมาถาม ก็เลยเปิดลอง พร้อมกับอบพิซซ่าเตรียมไว้ ลองชิมโดดๆ.. เนื้อแน่นแบบกลางๆ รสดรายเกินไปนิด กลิ่นเครื่องเทศนำ เบอร์รี่ตามหลัง ไม่ลงตัวดีนัก แต่พอแกล้มกับพิซซ่า..โรยหน้าด้วยพริกป่นหน่อยๆ ใช้ได้เลย.. เพนโฟลด์ เป็นไวน์แห่งเทคโนโลยี  ไม่ต้องรีบซื้อ กินปีไหนก็เหมือนกันหมด.. แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 49 10:50:04 จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ธ.ค. 49 09:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ้อ.ไหนก็ถ่ายรูปแล้ว  จำได้ว่าคุณนิดเคยพูดถึงเรื่อง wine tag  และอยากรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร  เลยเอามาแปะให้ดู  มันจะมาเป็นกล่องค่ะ กล่องละสองร้อย หรือ ห้าร้อย เป็นพลาสติคแผ่นสีขาวตามภาพ เรียงมาเป็นตั้ง ตั้งละร้อย ยามใช้ก็เขียนด้วยเมจิค และนำมาคล้องกับคอขวด จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ธ.ค. 49 09:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แว๊ก ขออภัยค่ะ  พี่ลุงทีก็ ขี้น้อยใจจัง นกก็ชอบดื่มนะคะ 389 น่ะ ไม่งั้นจะซื้อมาทำไม 407 ยิ่งชอบค่ะ วันนั้นเห็นพี่ได้ไป 2 ลังนกยังน้ำลายไหลอยากขอแบ่งซักลังนึงเลย แต่เกรงใจท่านที่แบกมาน่ะค่ะเลยไม่กล้าขอ แต่ตอนนี้กำลังหัดดมหัดดื่ม ก็ลองไปเรื่อยๆ ได้กลิ่นอะไรได้รสอะไรก็ถามไปเรื่อย เขียนให้สวยสดกว่าที่รู้สึกจริงๆ ก็ทำไม่เป็น ท่าทางจะไม่รุ่งแถมจะทำเขาเจ๊งแบบที่พี่หวานว่าน่ะค่ะ อิอิ พี่วิโรจคะ ตอนดื่ม Pinot Noir ขวดโน้น ก็ได้กลิ่นเหมือนกันนี้ค่ะ มันต้องเป็นกลิ่นอะไรซักอย่างแต่นกเรียกไม่ถูกน่ะค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 13 ธ.ค. 49 10:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เอามาฝาก  ใครอยากจะซื้อของขวัญไปใหม่ก็เชิญได้เลยค่ะ..หรือจะรวมกัน"ลงขัน"ก็ได้..ดีม๊ะ ....................................... Pingus Vertical Collection This is very rare. Spain's hot cult wine. Lot 1010 - One bottle each vintage 1995-2001 Estimate: $3,500.00 – $4,200.00 Masseto Vertical Collection This is very rare. The Petrus of Italy. Lot 1011 - One bottle each vintage 1986-2002 Estimate: $8,000.00 – $10,000.00 Sassicaia Imperial (6L) Vertical Collection The first super Tuscan wine made in Bolgheri region long before that area became fashionable. This is very rare. Lot 1012 - One Imperial (6L) each vintage 1997-2003 Estimate: $40,000.00 – $50,000.00 Sassicaia Vertical Collection The first super Tuscan wine made in Bolgheri region long before that area became fashionable. This is very rare. Lot 1013 - One bottle each vintage 1968-2003 (except vintages 1969 & 1973 not produced) Estimate: $25,000.00 – $32,500.00 Cheval Blanc Melchior (18L) Vertical Collection St. Emilion’s premier estate. There are only a few Melchiors made each year. 2004 and 2005 will be delivered on release from the Chateau. Lot 1031 - One Melchior (18L) each vintage 1995-2005 Estimate: $700,000.00 – $875,000.00 Lafite Rothschild Vertical Collection 2005 and 2006 will be delivered on release from the Chateau. Lot 1032 - One bottle each vintage 1945 - 2006 (2-1978 and 2-1993) Estimate: $40,000.00 – $50,000.00 Mouton Rothschild Vertical Collection 2005 and 2006 will be delivered on release from the Chateau. Lot 1033 - One bottle each vintage 1945 - 2006 (2-1978 and 2-1993) Estimate: $60,000.00 – $75,000.00 Lot 1034 - One bottle each vintage 1945 - 2006 (2-1978 and 2-1993) Estimate: $60,000.00 – $75,000.00 Lot 1035 - One bottle each vintage 1945 - 2006 (2-1978 and 2-1993) Estimate: $60,000.00 – $75,000.00   Individual Bottles Chateau Palmer Margaux 1961, 6L Directly from Chateau Palmer in impeccable condition. Only two of this size bottle were produced, which explains the high price due to extreme rarity. This is the definition of provenance. Lot 1036 - Chateau Palmer Margaux - 1961, 6 Liter Estimate $180,000.00 – $225,000.00 Chateau Petrus Pomerol 1959, 5L From the private collection of a Swiss banker. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1037 - Chateau Pétrus Pomerol 1959, 5 Liter Estimate $75,000.00 – $93,750.00 Chateau Petrus Pomerol 1959, 3L From the private collection of a Swiss banker. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1038 - Chateau Pétrus Pomerol 1959, 3 Liter Estimate $50,000.00 – $62,500.00 Chateau Petrus Pomerol 1959, 1.5L From the private collection of a Swiss banker. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1039 - Chateau Pétrus Pomerol 1959, 1.5 Liter Estimate $20,000.00 – $25,000.00 each Chateau Petrus Pomerol 1961, 5L From the private collection of a Swiss banker. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1040 - Chateau Pétrus Pomerol 1961, 5 Liter Estimate $125,000.00 - $156,250.00 Chateau Petrus Pomerol 1961, 3L From the private collection of a Swiss banker. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1041 - Chateau Pétrus Pomerol 1961, 3 Liter Estimate: $80,000.00 – $100,000.00 DRC Romanee Conti 1875, Bottle From the private collection of a Swiss Banker. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1042 - DRC Romanée Conti 1875, Bottle Estimate: $50,000.00 – $75,000.00 DRC Romanee Conti 1962, Bottle From the private collection of a Swiss banker. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1043 - DRC Romanée Conti 1962, Bottle Estimate: $20,000.00 – $25,000.00 Chateau Yquem Sauternes 1811, Bottle This is the rarest bottle of wine in the world! From the private collection of a Swiss banker’s collection. In impeccable condition. This is the definition of provenance. Lot 1044 - Chateau Yquem Sauternes 1811, Bottle Estimate: $180,000.00 – $200,000.00 ทั้งหมดนี่มาจาก The Big Gift Holiday Auction From Aabalat   ที่ส่งเมล์มาเชิญชวน แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 49 11:27:39 จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ธ.ค. 49 11:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 54 หนีงานตามมาอ่านค่ะ.... จากคุณ : Sentimentally Smooth - [ 13 ธ.ค. 49 18:43:04 A:172.20.100.164 X:203.150.235.247 TicketID:105578 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มาสวัสดียามค่ำครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 13 ธ.ค. 49 20:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คณลุงที...ที่นับถือ ...หงุดหงิดกับผมหรือเปล่า ...ผมไม่ได้ตั้งใจอะไรเลยนะครับ ...ถอยกลับไปอ่านย้อน...ก่อน คคห.ของผม ...ตายล่ะหว่า...ไปเกี่ยวโดนเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว ...ขอโทษด้วยครับ...ไม่มีเจตนาจริง ๆ ครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 13 ธ.ค. 49 23:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ก่อนที่จะเล่าถึงความสามารถในการผลิกผันไวน์เกียนติของทัสคานีให้มามีชื่อเสียงกระเดื่องโลกของริกาโซลี ก็ต้องบอกภูมิหลังเขาสักนิดหนึ่ง ว่า เขาไม่ใช่เกษตรกรองุ่นธรรมดาๆ แต่..เขาคือ Baron Bettino Ricasoli (1809-1880) อดีตนักการเมืองระดับแนวหน้าที่มีประวัติการต่อสู้รวบรวม อิตาลีที่แตกแยกเป็นรัฐเล็กรัฐน้อยให้มารวมกันเป็นปึกแผ่น  จนได้รับสมญาว่า Iron Baron หลังจากที่เขาได้หลุดออกมาจากวงจรการเมืองในช่วงเกษียณแล้วนั้น เขาได้หันมา ใส่ใจทำไวน์แบบสุดตัว.. หลังจากที่เคยไปเที่ยวฝรั่งเศสคราวนั้น  เขาได้นำพันธ์องุ่นหลายชนิดมาปลูกในเมือง Brolio เขาไม่เคยเชื่อในคำกล่าวที่ว่า ไวน์ดีต้องมาจากองุ่นดีเพียงอย่างเดียว  เขาเชื่อว่า ฝีมือและมันสองในการดัดแปลงของมนุษย์สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น เขาจึงค้นหาทุกวิธีที่จะนำมาพัฒนา เช่น การรอเก็บองุ่นยามที่สุกจัด และเขาคนเดียวคือผู้ที่สามารถเป่านกหวีดปี๊ด..ลงมือ การหมัก..เขาใช้วิธีหมักในถังปิด ไม่ใช่ระบบเปิดฝาอย่างที่ใครๆทำ  และ ทำการเติมน้ำองุ่นที่รีดเอามาจากองุ่นงอมจนเละเข้ากับไวน์ในถัง ที่หมักใกล้เสร็จ เป็นการเพิ่มรส และเพิ่มแอลกอฮอลให้กับไวน์ วิธีนี้ เรียกว่า governo อันเป็นความคิดริเริ่มของริกาโซลีเป้นคนแรก ต่อมา..governo ได้รับความนิยมไปทั่วพื้นที่การทำไวน์ของอิตาลีเพราะคุณภาพได้พัฒนาขึ้นอย่างเป็นที่ยอมรับ ในช่วงปี 1870s ไวน์ของเมืองโบรลีโอได้ผลิตมากกว่าสมัย 1830s ถึงห้าเท่า และเป็น 70 เปอร์เซนต์ของไวน์ที่ขึ้นชื่อของประเทศ เพราะเหตุที่เล่าถึงการพัฒนาของไวน์อิตาลี ด้วยฝีมือของกสิกรไวน์ระดับนักการเมืองมาแรงนั้น ทำให้เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งในการผลักดันให้นโปเลียนที่สาม รีบจัดการทำการยกระดับไวน์บอร์คโดซ์ 1855 อย่างเร่งด่วน..เพราะการตลาดข้ามทวีปนั้นรอช้าไม่ได้ อิตาลี ก็เริ่ม  สเปนก็น่ากลัว  ออสเตรเลียกำลังไล่หลัง.. (เบื้องหน้าเบื้องหลังนั้น นโปเลียนที่สามกับท่านบารอนเหล็กนั้น  รู้จักฝีมือและตัวตนกันดี เพราะท่านบารอนได้รับเลือกให้เป็นอัศวินเจ้าครองนคร หรือที่เรียกว่า Gonfaloniere ตั้งแต่อายุเพียง 40) จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ธ.ค. 49 06:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 58 หลังจากการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศสก็คือการพลิกผันของไวน์ไปด้วย..ไร่ไวน์ของขุนนางได้ถูกเปลี่ยนมือไปโดยนักธุรกิจ อย่าง Marquis de las Marismas นายธนาคารใหญ่ที่ซื้อ Ch. Margaux ในเมดอค ปี 1836 นั้น ซื้อเพราะต้องการที่จะสร้างกำไรด้วยเม็ดเงินเท่านั้น ไม่ได้สนใจหรือมีความรู้ในเรื่องไวน์มากไปกว่าการชอบดื่ม หรือ Haut-Brion ที่ขายในปี 1825 จากนักลงทุนที่นำมาขายต่อในปี 1836 ให้กกับกลุ่มเงินทุนธนาคารเช่นกัน เมื่อเงินเข้ามามีอำนาจ..กฏข้อบัญญัติก็หย่อนยานลงไป ใครนึกจะใช้คำว่า ชาโต ลงไปหน้าชื่อไวน์ก็ตามสบาย ต่อมา คำว่า ชาโต ก็ขยายไปทั่วฝรั่งเศส ข้ามไปถึงออสเตรเลีย  ตัวอย่างเช่น ไวน์ Tabilk ใน Victoria ที่จู่ๆก็มาเปลี่ยนชื่อเป็น Chateau Tabilk ตามแฟชั่นในปี 1879 ด้วยฝีมือของผู้อำนวยการที่เป็นชาวฝรั่งเศสที่ถุกว่าจ้างไปทำงาน เพราะเหตุผลง่ายๆว่า..คำว่า ชาโต นั้นมันขายได้ ทำให้ไวน์ดูดี มีคุณภาพ (สำหรับชาวฝรั่งเศส) เมื่อไวน์ได้เดินทางข้ามทวีปมาถึงออสเตรเลียในช่วงของปลายศตวรรษที่  18 และได้มีการทำเกษตรองุ่นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงกลางศตวรรษที่  19 ที่มีการล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูกกันไปจนมากลายเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการไวน์ในปัจจุบัน ก็นับว่าเป็นการเดินทางที่ทรหดไม่ใช่น้อย ในปี 1801 ไร่องุ่นเล็กๆในพื้นที่ของ Parramatta (ปัจจุบันอยู่ใกล้ๆกับนครซิดนีย์) การควบคุมผลิตไวน์อยู่ในความดูแลของนักโทษสงครามชาวฝรั่งเศส สองคน ที่ลงมือลงแรงปลูกองุ่นถึง 12,000 ต้น และได้ผลิตไวน์ออกมาสำเร็จเป็นครั้งแรกในปี  1803 แต่มันเป็นไวน์ที่เข้าขั้นเลวร้าย แหลดม่ายล่าย.. ด้วยสาเหตุที่มาทราบในตอนหลังว่า นักโทษสองคนนั้น ไม่มีความรู้เรื่องไวน์ แต่ถูกส่งไปทำงาน เพราะใครต่อใครคาดหวังว่า เป็นชาวฝรั่งเศส ก็น่าจะรู้บ้าง.. ภูมิอากาศของออสเตรเลียนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงกับยุโรป หรือแม้แต่ในประเทศเอง Southern Hemisphere ก็ยังต่างกับ ทางเหนือ การปลูกองุ่นจึงต้องหนุนตัวไปตามครรลองของของภูมิอากาศ หนาวในยุโรป ช่วงมกรา-กุมภา กลายมาเป็นร้อนในออสเตรเลีย ไวน์ที่ผลิตออกมาแรกๆจริงๆ ก็โดยนาย George Blaxland (เป็นชาวอังกฤษที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ใน New South Wales) ที่มีความกล้าหาญอย่างสุดขั้ว ยอมลงทุนทำไวน์เพื่อการส่งเข้าประกวดในงาน The Royal Society of Arts ใน London เมื่อปี 1822 เพราะว่า ทางสมาคมได้เปิดโอกาสให้ประเทศไหนก็ได้ที่ส่งไวน์จำนวนเพียงยี่สิบแกลลอนเข้าประกวดจากพื้นที่ใหม่ๆ ก็มีสิทธิที่จะได้รับรางวัล (นี่คือแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ในเมื่ออังกฤษทำไวน์ไม่ได้ ก็ต้องสนับสนุนพื้นที่ของประเทศราช) ซึ่ง จอร์จ ได้รับรางวัลเหรียญเงิน  มาครองให้ชื่นใจ  และหกปีต่อมา เขาส่งไวน์เข้าประกวดอีกครั้ง  คราวนี้ได้รับเหรียญทอง เพราะ กรรมการว่า  ดีกว่าคราวก่อน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ธ.ค. 49 06:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 59 จึงถือได้ว่าไวน์ออสซี่มาปักหลังจริงจัง ก็เมื่อ ช่วงของ 1820s ที่มีคนอย่างจอร์จ และ การมาของนาย James Busby (ชาวสก๊อต) ที่หันมาทุ่มชีวิตจิตใจให้กับการทำไวน์ใน NSW เพราะมีความรู้เรื่องไวน์และองุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งได้มีการนำกิ่งองุ่นหลายๆพันธ์เข้าไปทดลองปลูก อย่างจริงจัง  เขาได้นำไวน์ที่ผลิตได้จำนวนสิบแกลลอนกลับไปที่อังกฤษ ครึ่งหนึ่งอยู่ในถังเล็ก ครึ่งหนึ่งบรรจุลงในขวด  กันเหนียว.. และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  ไวน์ในขวดนั้นเสียหมด (เชื่อว่าไม่ได้ทำความสะอาดให้หมดจด และ ไม่ได้ฆ่าเชื้อก่อน) แต่ในถัง..ปลอดภัยดี ไวน์นั้นได้มาเสริฟในการเลี้ยงดินเนอร์ของกลุ่มพ่อค้าไวน์ และ ชนิดของไวน์ที่บันทึกไว้ คือ ปิโนต์ นัวร์  และได้มีเทสติ้ง โน๊ต ไว้ว่า..รสชาติดี  เนื้อแน่นเข้มข้น.. เท่านั้นไม่พอ เพื่อเป็นการพิสูจน์การเดินทางของไวน์ เจมส์ได้นำไวน์ส่วนหนึ่งกลับไปออสเตรเลียด้วย และพบว่า มันยังอยู่ดี ไม่เสีย..เป็นอันพิสูจน์ได้ว่า ไวน์ออสซี่นั้นสามารถเดินทางข้ามทวีป(ไปขาย)ได้อย่างปลอดภัย เจมส์ได้หันมาพัฒนาเรื่องเกษตรองุ่นอย่างไม่ลดละ เขาได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง Foundations of Viticulture ที่ NSW ในปี 1830s ซึ่งต่อมา การทำไวน์ของออสเตรเลียได้ขยายไปเหนือจนถึง Hunter Valley และได้ขยายต่อไปอย่างไม่มีหยุดยั้ง จากกิ่งองุ่นไม่กี่ร้อยกิ่งที่เจมส์ได้นำติดตัวมาจากยุโรป   จนทุกวันนี้  ชาวไวน์ออสซี่ ได้ถือว่า..James Busby คือ ผู้ที่ให้กำเนิดไวน์ออสเตรเลีย จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ธ.ค. 49 06:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ผู้ที่มาสานต่อ รับช่วงไปทำให้ไวน์ออสซี่รุ่งโรจน์จนมากลายเป็นยักษ์ใหญ่ในปัจจุบัน นั่นคือ Dr. Christopher Penfold ผู้ซึ่งมาถึงออสเตรเลียใต้ในปี 1840's และมาเปิดคลีนิคทำการรักษาคนใข้ในบริเวณบ้านพักของตัวเอง ที่เขาเรียกมันว่า "The Grange" คุณหมอได้นำกิ่งองุ่นติดมือมาจากฝรั่งเศสตอนใต้ รวมทั้งพันธ์ grenache อีกนานาชนิด เพื่อเอามาปลูกทำไวน์เล่นๆ แจกให้คนใข้ไปกินแทนยาบ้าง เพราะว่า คุณหมอทราบดีว่าไวน์นั้นมีแร่ธาตุ อันเป็นวิตามินธรรมชาติที่ เหมาะสำหรับคนใข้พวกยูโรเปี้ยนอพยพที่มักเป็นโรคโลหิตจาง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มสอนศาสนาจาก Silesia ก็ไปปักหลักปลูกองุ่นทำไวน์เช่นกัน ที่ Barossa Velley ซึ่งนาย Johann Gramp ได้ประสบความสำเร็จในการปลูกองุ่น  Rhine Reisling ในไร่ของเขา Jacob's Creek (ตอนนั้น ออสเตรเลียได้เปิดประเทศให้กับชาวยุโรปที่ต้องการอพยพไปสู่แผ่นดินใหม่  จึงมีการหลั่งไหลไปหมด ทั้งประชาชน และ เทคโนโลยีอื่นๆ) แต่ผลิตได้ก็ผลิตไป..ไวน์ออสซี่ไม่สามารถทำการตลาดในกลุ่มประเทศกลุ่มยุโรปได้เลย เพราะว่า ไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเกจิ หรือ เหล่า connoisseurs ในงานแสดงสินค้าระดับโลกที่อังกฤษ ในปี 1851 ที่เคยเล่ามาแล้วคือ The Great Exhibition ที่ชาวไวน์ออสซี่ต่างหวังว่าผลิตผลจะได้ออกสู่สายตาชาวโลก จึงมีการส่งกันเป็นยกใหญ่ เมื่อไปถึงงาน จึงได้ทราบว่า ห้ามมีการโฆษณาเครื่องดื่มของมึนเมาใด ..ห้ามแม้แต่การวางหรือแจกแผ่นพับซึ่งถือเป็นการโฆษณา แต่ในแคตตาล๊อคของงานได้มีการบอกขานเล่าถึงการทำไวน์ในเชิงของเทคนิคการเกษตร  ซึ่งเอ่ยผ่านๆถึงรสชาติของไวน์จาก NSW อย่างเสียไม่ได้ และ บอกแถมด้วยว่าควรจะเก็บไว้สักสามปีก่อนดื่ม เล่นเอาชาวไวน์ที่อุตส่าห์ส่งไวน์ข้ามทวีปไปต่างชีช้ำกันถ้วนหน้า.. ความหวังได้มาเรืองรองอีกครั้ง เมื่อ งาน Universal Exhibition 1855 ที่กรุงปารีส ที่จัดโดยพระราชดำริของนโปเลียนที่สาม ชาวออสซี่ได้ขนไวน์ไปร่วมออกงาน ซึ่งไม่มีการห้ามแต่อย่างใด  แต่..แทบไม่ได้รับสนใจเลย เพราะดาวดวงเด่นนั้นคือ ไวน์ที่ทำการยกระดับของฝรั่งเศส ที่เป็นอรหันต์ ที่เป็น Growths ต่างๆ ได้บดบังรัศมีจนหมดสิ้น ในภาพคือ บ้าน "The Grange"  ของคุณหมอ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 49 06:34:49 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ธ.ค. 49 06:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 61 Baron Bettino Ricasoli ( ภาพจาก vitruvio.imss.fi.it ) จากคุณ : sofatboy - [ 14 ธ.ค. 49 10:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 62 นโปเลียนที่สาม ( ภาพจาก tocqueville.culture.fr ) จากคุณ : sofatboy - [ 14 ธ.ค. 49 10:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 63 Gregory  Blaxland  1778 - 1853 ( ภาพจาก australia dictinary of biography online ) จากคุณ : sofatboy - [ 14 ธ.ค. 49 10:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 64 James Busby 1802 - 1871 จากคุณ : sofatboy - [ 14 ธ.ค. 49 10:23:21 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณวิโรจขา.. สอบลิงค์ winescale ให้ด้วย เพราะเข้าไม่ได้เลย มีอาการเดี้ยงหรือเปล่าคะ..? และลุงทีไม่งอนหรอกค่ะ  เธอต้องมี"โวย"นิดหน่อย เพราะเพิ่งไปยกมาสองลัง นี่ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากมาทางหลังไมค์ แล้วค่ะ บ่นเรื่องภาษาชื่อไวน์ที่เรียกยาก ก็น่าเห็นใจนะคะ เพราะลุงทีเป็นนักเรียนสายเยอรมัน..ไม่รู้ป่านนี้คืนครูไปหมดหรือยัง.. หลาน sofatboy กลับมาสู่อ้อมใจของพวกเราแล้ว.. ดีใจจริง มือ"แปะ"หายไป กระทู้เฉาไปทันตาเห็นเชียวนะ คนเขียนก็เลยพลอยขี้เกียจไปด้วย.. ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ธ.ค. 49 12:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ลุงทีที่รัก ไอ้ที่เหลือในสองลังที่เพิ่งแบกไปนั่นนะ..จะบอกให้ว่า เย็นไหนว่างๆ ชวนคุณหมูทำกับข้าวอร่อยๆทานกันสองคน ในยามค่ำ  ตั้งโต๊ะ..จุดเทียนวับแวม ..เอามาไวน์(ที่ว่า)นั่นมาเปิด  (อ้อ..ไล่ลูกไปอยู่บ้านเพื่อนก่อน เดี๋ยวมันจะนึกว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา)  รินใส่แก้วไวน์สองใบ  อาหารพร้อม สบตาคุณหมูแบบเมื่อครั้งยี่สิบปีก่อน..กระทบแก้วกันกรุงกริ๊ง.. และ..ขอให้เปิดเพลงนี้เบาๆ..(นี่..เป็นเพลงโปรดของชั้นเลยนะ  ไม่ค่อยกล้าบอกใครเขาหรอก.. อายง่ะ) http://www.petalia.org/Songs/urmyeverything.htm ให้ตายซิ..ขอบอกเลยว่า..ไวน์อะไรก็ตามแต่..หรือต่อให้เป็นอาหารฝีมือบ้านๆ  มันก็จะมีรสชาติที่ประเสริฐสุด และจะประทับใจอย่างไม่มีวันลืมเลย ..เพื่อนเอ๋ย..!! แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 49 14:08:27 จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ธ.ค. 49 14:06:09 ]

ความคิดเห็นที่ 67 พี่หวานครับ ...เช็คแล้วครับ เว็บ www.winescale.com ก็ปกติดีนี่ครับ ...น่าจะเป็นปัญหาจากเคเบิลข้ามทวีปหรือเปล่า...เมื่อก่อนเจอบ่อย ...ลองดูอีกทีนะครับ ลองดู ...เรื่องลุงที ผมล่ะก้อ...แว๊บสันหลัง...เชียว ...ขอบคุณครับที่หัวเราะแล้ว จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 14 ธ.ค. 49 14:45:19 ]

ความคิดเห็นที่ 68 http://www.geocities.com/drsak/ อัพเดทแล้วครับ หลังจากติดงานหลวงงานราษฏร์จนไม่ได้เข้ามาเกือบเดือน ยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ พรุ่งนี้จะมาจัดการแก้ไขให้ครับ ไปทำงานก่อน จากคุณ : ha ha yee - [ 14 ธ.ค. 49 16:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 69 สวัสดีครับ ป้าวิครับ ไม่ทราบว่าป้าวิรู้จักร้านไวน์ที่ชื่อว่า Hart david hart wine co., ไหมครับ http://www.hdhwine.com/ ไม่ทราบว่าไวน์ของร้านนี้เป็นไงมั่งครับ เก็บดีไหมครับ และหากผมสั่งให้เขามาส่งที่ la ผมควรสั่งแบบไหนดีครับ 2 day 3 day ground ครับ กลัวว่าไวน์จะเสียหนะครับ ก่อนหน้านี้ฝากเพื่อนซื้อ เขาซื้อจากร้าน wineexchang มาให้ แต่มีบวก vat 8.25 แต่ถ้าสั่งร้านนี้ไม่เสีย vat แต่เสียค่าขนส่งแทน แถมไวน์ถูกกว่า และหลากหลายกว่า ขอบคุณครับ ปล.วันก่อนเห็น ch.latour 9x หนึ่งขวด ( ปีจำไม่ค่อยแม่น)ราคา 160 us แต่มาดูอีกวันหายไปแล้ว จากคุณ : พรุ่งนี้ได้กินไวน์แล้ว (jearjear) - [ 14 ธ.ค. 49 16:41:01 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สวัสดีครับคุณอา กลุ่มสอนศาสนาจาก Silesia  นี่พวกเดียวกับ German Lutherans หรือเปล่าครับ.. พอดีผมชอบอ่าน ประวัติศาสตร์ ของ Barossa Valley เขาบอกว่า ช่วงปี 1930' 95% ของประชากร เป็น German Settler, Migrants จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 14 ธ.ค. 49 16:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 71 _/l\_ กราบขอโทษทุกท่านและคุณวิโรจฯด้วยครับที่ทำให้สะดุ้ง ลุงทีไม่ได้ใจน้อยหรอกครับจะแกล้งแหย่"ยัยอ้วน"เล่นก็เลยเถิดไปหน่อย ขออภัยด้วยครับ... เจ๊จ๋าเจ๊... ทุกวันนี้ก็นั่งจิบไวน์จ้องหน้ากันทุกมื้อเย็นอยู่แล้วละเจ๊ ถ้าลูกสาวอยู่ด้วยเธอก็แย่งจิบซะจนขวดเดียวไม่พออีกด้วย จ้องหน้าไปจ้องหน้ามาก็จะมีคำถามว่าแก่ป่านนี้แล้วทำใมไม่ต้องใส่แว่นน้า? แล้วก็จ้องอีกหาว่าตาเราเริ่มเป็นต้อลมต้อเนื้อเพราะตากแดดบ่อย ฯลฯ อีกสักพักก็เริ่มสูงขึ้นไปอีกนิด  เธอก็รู้ว่ากระบาลฉันน่ะมันเกือบจะเหม่งอยู่รอมมะร่ออยู่แล้ว ต่อให้เปิดเพลงเลิฟเวอร์คอนแชร์โต้ก็คงไม่สำเร็จหรอกว่ะ นินทาเมียลับหลังนี่ถึงตายทีเดียวนะเพื่อนอย่าไปบอกล่ะ... จากคุณ : Uncle Tee - [ 14 ธ.ค. 49 17:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ตอบคุณ JJ Hart david hart wine co อยู่ในใจกลางเมืองชิคาโก ไว้ใจได้ค่ะ  แต่ขอทำความเข้าใจนิดหนึ่ง ว่า.. การส่งข้ามรัฐ..นั้น..ไม่คิด sales tax ค่ะ นี่คือกฏหมาย sales tax  คือภาษีบำรุงรัฐ กิจกรรมซื้อขายใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นภายในรัฐจะต้องมีการบวกด้วยภาษี  แต่การสั่งซื้อทางไปรษณีย์ข้ามรัฐ  ไม่เสียค่ะ ถ้าผู้ขาย ผู้ซื้อในรัฐเดียวกัน ถึงจะซื้อทางไปรษณีย์ ก็ต้องเสีย.. ใน CA  อัตราพื้นฐานคือ 7.25%  แต่ในแต่ละพื้นที่ อาจมีการเพิ่ม 1% หรือ .50 หรือ .25 ตามแต่ความจำเป็น ซื้ออะไรก็เสียทั้งนั้น  ไม่มีการคืนกันที่สนามบินเหมือนกับ vat ในฤดูหนาวแบบนี้ ส่งทาง ground ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าในฤดูร้อน ทางบริษัทขายไวน์จะบอกคุณว่า เขาจะไม่รับรองคุณภาพ  อันนี้คุณจำเป็นต้องเลือกทางอากาศ เพื่อความมั่นใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ......................................... ตอบคุณพ่อหมี.. ใช่ค่ะ  กลุ่ม Lutherans Silesia คือชาวคริสต์เยอรมันที่อาศัยอยู่ใน ไซลีเชีย มาช้านาน ไซลีเชีย คือ แคว้นหนึ่งของ Kingdom of Prussia ซึ่งต่อมาก็รวมอยู่ใน German Empire  เพราะว่า ทั้งเยอรมัน เอมไพร์ และ ปรัสเซีย ขยันทำสงครามกันบ่อยครั้ง หญ้าแพรกชายแดนอย่างไซลีเชีย ที่เป็นกลุ่มเคร่งศาสนา จึงต้องหาทางขยับขยายสู่แผ่นดินใหม่ เพื่อหาความสงบสุข   ดังนั้น จึงมีการย้ายถิ่นฐานกันยกใหญ่ไปออสเตรเลียในช่วงของ 1900s หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้คนต่างละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนออกไปจากพื้นที่ เพราะเยอรมันแพ้สงคราม เกรงว่า รัสเซียจะต้องมาแก้แค้นเอาคืนอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อยักษ์ใหญ่ฝ่ายชนะสงครามได้จับมือกัน นั่นคือ สตาลิน เชอร์ชิลล์ และรูสเวลต์ ในการพบปะสังสรรการแบ่งเค้กที่ Yalta ผลคือ ไซลีเชีย ได้ถูกเฉือนออกไปอยู่ในโปแลนด์เป็นส่วนใหญ่และ ส่วนที่เหลือนิดเดียวไปอยู่ในเชคโก ตามภาพ ในเส้นที่วาดไว้สีฟ้า..นั่นคือ ไซลีเชียในอดีต จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ธ.ค. 49 01:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอรายงานอีกทีเรื่อง 389 ขวดเดิมดื่มไม่หมด วันต่อมาเลยแบ่งอาจารย์สื่อดื่มด้วย ปรากฏว่าวันต่อมานี้ ตอนกลืนไม่มีกลิ่นที่ว่านั้นแล้วค่ะ แต่พอใกล้หมด ไวน์มีตะกอนมากๆๆๆ ค่ะ อาจารย์สื่อว่าอาจจะเก็บไม่ดี? (เพื่อนที่เป็นแอร์กี่ซื้อมาฝากจากออสเตรเลียเมื่อเดือนที่แล้วค่ะ) แล้วอาจารย์สื่อก็เลยเปิด 389 ปี 2002 ให้ชิมตาม (ของนก 2003 ค่ะ) ปรากฏว่า 2002 หวานกว่าและนุ่มกว่านิดหน่อยค่ะ (น่าจะล้อตเดียวกับของพี่ลุงทีค่ะ) ขอแอบเล่า เมื่อวานน้องต่อแกล้งตีเททิ้งที่อมตะค่ะพี่หวาน แต่ได้เบอร์ดี้หลุม signature hole ด้วยค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 15 ธ.ค. 49 09:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณมากครับป้าวิ มิติใหม่ของบ tasting note จากคุณ : tasting clip (jearjear) - [ 16 ธ.ค. 49 00:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ยังแอบอ่านอยู่ตลอดทุกวันน่ะคับ อาวิ จากคุณ : Nic (Nic Nenin) - [ 16 ธ.ค. 49 10:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เสียใจอย่างที่สุดที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณป้อม ขอให้เธอไปสู่สวรรค์ของนักเขียนเถอะครับ เพราะเธอรักนักเขียนอย่างมาก...... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 16 ธ.ค. 49 20:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีครับทุกคน จากคุณ : ยังอยู่นิ (Phantom of the Cellar) - [ 16 ธ.ค. 49 22:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 78 พี่หวานคะ! เจ้าชายจิกมีท่านได้เป็นพระราชาแล้วค่ะ! จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 17 ธ.ค. 49 07:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 79 กลับมาแล้วครับทุกคน  เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ  หลังจากไปผ่าไหล่มาอีกครั้ง   คราวนี้ขยับปากพูดจาชัดขึ้นพอฟังได้เป็นภาษามนุษย์ เพิ่งกลับเข้ามาดูสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นเยอะแยะมากมาย   ใกล้สิ้นปีแล้ว   ทุกคนดูแลร่างกายหน่อยนะครับ  เทสหักโหมมากไม่ดี  ที่สำคัญ  เมาไม่ขับนะครับ จากคุณ : รักทุกคนเลย (Master_Indy) - [ 17 ธ.ค. 49 19:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ...เป็นข่าวน่ายินดีมากครับ คุณ Master_Indy ...ขอให้กลับมาเหมือนเดิม อ่อ...ต้องดีกว่าเดิมนะครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 17 ธ.ค. 49 20:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คุณ Master_Indy .... ดีใจทีได้ข่าว และดีใจที่ทราบว่าปลอดภัย....มากขึ้น อย่างคุณวิโรจว่าค่ะ .... กอปปี้ ... ขอให้กลับมา +ดี+ กว่าเดิม ค่ะ จากคุณ : nijja - [ 18 ธ.ค. 49 08:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Master_Indy อีกคนค่ะ จะได้มาดมต่อ (แก้พิมพ์ผิด) แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 49 11:08:16 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 18 ธ.ค. 49 10:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 83 แข็งแรง แข็งแรง ครับ จากคุณ : jearjear - [ 18 ธ.ค. 49 11:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 84 Master_Indy นายแน่มาก เยี่ยมคับ:) จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 18 ธ.ค. 49 13:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอให้หายไวๆครับ สวัสดีทุกคนด้วยครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 18 ธ.ค. 49 20:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 86 แวะมาให้กำลังใจคุณ Master_Indy เช่นกันครับ ขอให้หายกลับมาดีมากๆๆกว่าเดิมนะครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 18 ธ.ค. 49 21:12:38 A:134.28.141.5 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มากระทู้ใหม่ช้ากว่าเพื่อนครับเพราะไปงานพืชสวน(ลวง)โลกมา ไม่รู้ว่าสวนผักชีหรือสวนนงนุชกันแน่ เห็นพูดถึง 389 กันผมก็เลือกหอบไปเชียงไหม่นะ ดูๆแล้วน่าจะลุยกะขันโตกได้เลยเอาไป ไปคุ้มขันโตกมาครับ การแสดงใช้ได้ ไวน์ก็เวิร์คกะขันโตกดี บุกถิ่นคุณ Master_Indy ยังไงก็ให้หายไวๆนะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 49 22:04:34 จากคุณ : d19 (D19) - [ 19 ธ.ค. 49 21:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 88 หามุมถ่ายรูปยากมาก คนเยอะครับ จากคุณ : D19 - [ 19 ธ.ค. 49 21:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 89 วันนี้ก็ออสเตรเลียอีกแล้วล่ะครับ Grant Burge ชื่อรุ่นน่าจะเป็นผู้สร้างสวนลอยบาบิโลนนะครับ อยู่คนละทวีปไม่รู้มาอยู่ด้วยกันได้ไง ส่วนมุมกล้องยืมคุณวิโรจน์มาใช้นะครับ จากคุณ : D19 - [ 19 ธ.ค. 49 21:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ...ผมเคยดื่ม Grant Burge มาครั้งสองครั้ง ...ยังไม่เคยค้นหาประวัติ เดาว่าน่าจะเป็นสายเยอรมัน ...พอมาเจอตัวนี้ที่คุณ D19 โพสต์ ...ชัวร์ป้าบเลย...เยอรมันชัวร์ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 19 ธ.ค. 49 22:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เออ...แล้วบรรยายหน่อยสิครับ ลงรูปฟรี ๆ ...กระทู้นี้ไม่ปลื้ม จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 19 ธ.ค. 49 22:47:58 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ยังไม่ละความพยายาม (แฮะๆ พี่หวานพี่วิโรจอย่าเพิ่งทำหน้ายังง้านนนน น่า..เผื่อนกจะดื่มสุขสมดมหอมกะเขามั่ง) เมื่อวานไปหอบมาหนึ่งลังค่ะ ไวน์แคลิฟอร์เนียร์ต่างชนิดทั้งโหล ขวดนี้เจ้าของร้านชอบที่สุดสำหรับดื่มง่ายๆ ประจำวัน นกจะไปเปิดชิมกับเพื่อนพรุ่งนี้ค่ะ แต่ทำเทสติ้งโน้ตไม่เป็นค่ะ ปกติจะมีแค่ 2 ช่องค่ะ ชอบกับไม่ชอบ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 ธ.ค. 49 00:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ก่อนอื่น..  คุณ D19 คะ กระเป๋าแก้วรีเดล พี่จะเอาให้คุณยังไงดีคะ? พี่วิโรจคะ สองวันก่อนไปรื้อตู้ไวน์บ้านเพื่อนออกมาดูค่ะ สามขวดนี้ เพื่อนฝากมาถามว่าเกรดเป็นยังไงค่ะ (บอกเขาแล้ว ว่าก็เปิดให้ชิมสิ อิอิ โดยเฉพาะขวดข้างหลัง รอมาหลายเดือนแล้วนะเธอ) ช่วยวิจารณ์ให้หน่อยค่ะพี่วิโรจ (เว็บพี่แปะรูปไม่ได้นะคะ) (ไปดูกระทู้นกอีกที เห็นมีอะไร 'คนไทยไม่ทิ้งกัน' เหอๆๆ ถ้าหลอกกันก็ทิ้งแน่นอนละเนอะ) พี่หวานไปไหนน้อ.... หนูทำกระทู้พี่จับฉ่ายไปหมดแล้ว อิอิ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 ธ.ค. 49 00:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 94 "........ขวดนี้เจ้าของร้านชอบที่สุดสำหรับดื่มง่ายๆ ประจำวัน นกจะไปเปิดชิมกับเพื่อนพรุ่งนี้ค่ะ..." ...ผมมีเทสติ้งโน๊ตตัวนี้ไว้ในเว๊ปโน้นเหมือนกัน ...แต่เป็นปี 2003, Alexander Valley ...Cabernet Sauvignon, Napa Valley , California ...ลองลอกไปเปรียบเทียบดูก็ดีนะครับ น้องนก ...เผื่อจะเป็นไกด์ไลน์ได้ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 10:10:29 จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 20 ธ.ค. 49 07:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เพิ่งโงศรีษะได้บ่ายๆวันนี้เองค่ะ เพราะไม่สบายไปสองสามวัน  กินยาแบบกระหน่ำ  นอนยาวๆ  ดื่มน้ำเยอะๆ นี่ขนาดเตรียมรักษาตัว..ยังแทบแย่.. ป่วยจริงๆค่ะ เพราะชิมไวน์ไม่รู้รสเลย.. ตอนนี้พอนั่งไหว..เลยตลุยอ่านย้อนหลังจนตาแฉะ สามขวดที่น้องนกเอามาเรียงแถวให้ดูนั่น.. พี่ชอบ Ferrari-Carano (Merlot) มากที่สุด..ถ้าเมืองไทยมีขาย ก็ไปหามาเก็บไว้เถอะ ไม่มีผิดหวัง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 20 ธ.ค. 49 09:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ส่วน BV นั่น..บอกตรงๆว่า อาศัยขายชื่อเสียงเก่ากิน มันเป็นไวน์ประจำตู้กับข้าวของคนอเมริกัน  ราคาก็มาตรฐานชนิดไล่ไปตามคุณภาพ  เพราะออกมาเอ่อล้นตลาด แต่ถ้าจะซื้อจริง..และเป็นของดี ที่คุ้มค่าเงิน ขอแนะนำ BV Tapastry .... หมายถึงว่า รองลงมาจาก  George de Latour Reserve  ที่ยังสามารถเชิดชูศักดิ์ศรีของไวน์แห่งนาปาได้อย่างเต็มภาคภูมิ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 20 ธ.ค. 49 09:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 97 นี่...ได้ตัวจริงมาตอบแล้ว ...ดูแลสุขภาพด้วยครับ พี่หวาน จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 20 ธ.ค. 49 11:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผ่านไปเจอเลยเก็บมาฝากครับ   ใครสนใจเชิญเลยนะครับ  ล้านเดียวเอง แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 15:47:54 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Master_Indy - [ 20 ธ.ค. 49 15:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 99 WOW! เปิดเข้าเวบมาก็ เจอดี (แปลว่า วันจันทร์ป่าวคะ) จากคุณ อินดี้ มาสเตอร์เลย ... โอ้โห้ .... คนละล้านเองง่ะ ..... ง๊ง งง .... เมืองไทยนะคะเนี่ย   เจ้าตัวสุดท้าย .... ดีเคม หกเจ็ด .... อึ้ง .... อยากชิมอ่ะ ... คุณวิคะ ... อาการฟังดูหนักหนาเหมือนกันนะคะ เทคแคร์ค่ะ .... จากคุณ : nijja - [ 20 ธ.ค. 49 17:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณคุณนกมากเลยนะครับ เอาไว้ให้ตอนเจอกันงานหน้าก็ได้ครับ เมื่อวานไปเดินพารากอนมา ผมก็อยากจะเดินๆดูเผื่อจะมีอะไรมาเตะตาจะได้ซื้อกลับบ้านบ้าง แต่รำคาญคนขายอ่ะ เข้ามาถามอยู่นั่นแหละว่าจะซื้ออะไร แล้วก็พยายามจะขาย 389 อยู่นั่นแหละ ที่บ้านเราก็มีเยอะแยะ เลยเดินออกมาเลยไม่ซื้อมันแล้ว ช่วงนี้หนาวแพ้อากาศครับ เลยไม่อยากลงtesting note เมื่อวานดมได้กลิ่น ราสเบอร์รี่นิดๆ แล้วก็รสเผ็ดๆตามสไตล์ออสเตรเลียเบลนทั่วๆไปแหละครับ (ไม่มีกลิ่นส้วมนะครับ อิอิ) ชาวเว็บเรานัดฉลองปีใหม่กันดีใหมครับ ใครมีความคิดเห็นยังไงช่วยบอกด้วยนะครับ จากคุณ : D19 - [ 20 ธ.ค. 49 19:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ชาวเว็บเรานัดฉลองปีใหม่กันดีใหมครับ ใครมีความคิดเห็นยังไงช่วยบอกด้วยนะครับ จากคุณ : D19  - [ 20 ธ.ค. 49 19:55:15 ] ดีค่ะ ในกรุงเทพนะคะ  ... จะพยายามไปจอยค่ะ จากคุณ : nijja - [ 20 ธ.ค. 49 20:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 102 :(  สงสารพี่หวานจัง แถวโน้นหาสะเดาได้มั้ยคะ? สะเดาน้ำปลาหวาน แก้ไข้หัวลมดีค่ะ แกงเลียงก็ได้ค่ะ แต่จะลุกมาทำไหวหรือเปล่านี่ซี ว้า ขอบคุณพี่หวานที่วิจารณ์สองขวดนั้นให้ค่ะ เพื่อนซื้อที่แคลิฟอร์เนียค่ะ ไม่ได้ซื้อที่นี่ วันนี้ชิม Alexander ขวดนั้นแล้วค่ะ ก็อร่อยดีค่ะ เบาๆ สบายๆ ตอนแรกเปิดปุ๊บโอ๊คแรงเลยค่ะ ทิ้งไว้สิบห้านาทีจึงหวานและนุ่มขึ้นค่ะ ได้รสขื่นนิดๆ เรียกว่าแทนนินหรือเปล่าคะ? กลิ่นแอลกอฮอล์แรง (14%) แต่สีค่ะ ม่วงประหลาด ออกม่วงแบบไม่เคยเห็นค่ะ เหมือนแดง crimson red ผสมม่วง dioxazine (รูปที่ถ่ายมาไม่ค่อยเห็นม่วงค่ะ) ส่วนตัว..รู้สึกเนื้อเบาบางไปหน่อยสำหรับนกค่ะ รู้สึกมันใสๆ ไป (เรียกไม่ถูกค่ะ) แต่ก็นับว่าอร่อยค่ะ เดี๋ยวไปดูโน้ตพี่วิโรจดีกว่าค่ะ จะได้รู้ว่ามีกลิ่นอะไรบ้าง และเรียกว่าอะไรบ้าง ขอบคุณค่ะ (แก้พิมพ์ผิดหลายทีค่ะ) แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 21:18:23 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 49 20:57:40 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 20 ธ.ค. 49 20:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เพึ่งได้เข้ามาอ่านครับ  เลยย้อนไปแต่ต้น พึ่งเจอ เลยของเฉลยคำตอบแล้วกัน สัญญาเซอแนว คือ สัญญาซูริกครับ  เขาไปประชุม 3 ฝ่าย และตั้งรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายที่นั่น มีเนื้อหาสำคัญ คือ ให้ทุกฝ่ายยุติการให้ส่งทหารเข้าไปสนับสนุนการทำศึกในลาว และตั้งรัฐบาลผสมขึ้น ด้วยสัญญานี้ทำให้อเมริกันต้องส่งทหารไปในนามของซีไอเอ และทหารรับจ้างชาวไทยไงครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงออกเสียงเป็นเซอแนว  ใช่สำเนียงฝรั่งเศสหรือเปล่าก็ไม่รู้  เคยเรียนแต่ไม่ได้คืนครับ  เพราะไม่ได้เอามาตั้งแต่ต้นเลยแหละ จริง ๆ เรื่องการเรียนในลาวนี่น่าปวดหัวครับ  ไม่รู้เขาเอาตำราอะไรมาสอน  อย่างเรื่องศิลปวัฒนธรรม  เรื่องของเทพในศาสนาฮินดู ที่เรารู้จักกันในนาม ตรีมูรติ  เขาดันสอนว่า พระพรหมมี 3 หน้า มีอิศวร พระพรหม และพระนารายณ์ เวรกรรมจริง ๆ เอาอีกข้อครับ  เขาสอนว่า ที่พระพุทธเจ้าเดินบนดอกบัว 7 ดอกนั้น  ให้สังเกตุดูว่าพระองค์จะเหยียบบนบัวดอกที่ 6 เสมอ  เพราะพระมารดา สวรรคตวันที่ 7 หลังประสูติ  เลยไม่เหยียบบนดอกที่ 7 อะไรฟะ ส่วนของคุณลุงที ขอบคุณครับสำหรับคำนิยาม  แต่อยากจะบอกว่า ตอนนี้ เข้มไม่ไหวแล้วครับ  กำลังระทวย เพราะตอนนี้เลิกเป็นลูกจ้างเขาแล้ว เลยได้มีโอกาสซาบซึ้งกับอีกด้านของการทำงานหาตังส์มากขึ้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 ธ.ค. 49 23:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เป็นกำลังให้คับ หายไวๆน่ะคับอาวิ จากคุณ : nicky (Nic Nenin) - [ 21 ธ.ค. 49 09:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 105 สุขภาพกายน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ..แต่สุขภาพจิตมันทรุดไปด้วยน่ะซิ.. แม๊..ตัวเองที่ไม่รู้เป็นอะไร ต้องไปชงกับเหล่าโจรได้บ่อยๆ จะเล่าให้ฟัง ... เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว งานยุ่งยิ่งกว่ายุงตีกัน ทีนี้..ความที่เป็นคนชอบทำงานด้านเอกสารให้เสร็จก่อนสิ้นปี  เดี๋ยวเกิดปุบปับอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมาอดหลับอดนอน  เอาเอกสารของยอดบัญชีธนาคารมาตรวจดู ปรากฏว่า มีอยู่สามรายการที่ไม่มีการสั่งซื้อ ไม่มีอินวอยซ์ แต่มียอดตัดออกไปจากบัญชี  จำนวนที่ไม่น้อย รวมกันเป็นเลขสี่หลัก ที่มาของผู้ที่มาตัดยอดนั้น  ชื่อว่า Alibris อันเป็นบริษัทขายหนังสือที่เราซื้ออยู่เป็นประจำ  เพียงแต่ไม่ใช่จำนวนมากมายขนาดนี้  นับว่าผิดปรกติ เพราะเรื่องการซื้อหนังสือนี้..ดิฉันเป็นคนซื้ออยู่คนเดียว ไม่มีใครมาสนใจ และ ไม่มีวันที่จะซื้อหนังสือราคาแพงชนิดน่าตกใจ วันรุ่งขึ้น จึงรีบนำบัญชีไปที่ธนาคาร..ขอให้ตรวจสอบไปปลายทาง ขอเอกสารการสั่งซื้อเพื่อเอามายืนยัน ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ถามว่า เครื่องคอมพิวเตอร์มีสิ่งใดที่บ่งบอกถึงความผิดปรกติบ้างหรือเปล่า..? คิดไปคิดมา..ก็เหมือนกันจะไม่มี แต่เผอิญนึกขึ้นได้ ว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้  เข้าไปยาฮูเพื่ออ่านอีเมล์ไม่ได้ ทางยาฮูปฏิเสธ password ของเรา และขอให้ตั้งใหม่ เจ้าหน้าที่..ก็บอกว่า มีคนได้ทำการแฮคข้อมูลของเราเอาไปจากเครื่องแล้ว และได้นำเบอร์บัญชีไปลักลอบใช้ ก็เลยต้องเสียเวลา กรอกแบบฟอร์มกันวุ่นวาย ยกเลิกบัตรธุรกรรมทั้งหมด (จนกว่าจะได้ใบใหม่) หยุดการใช้บัญชีจนกว่าจะได้คำตอบของเงินที่หายไป โชคดีว่า ที่นี่คืออเมริกา ที่ทุกบัญชีจะมีการค้ำประกันโดยสถาบันการเงินแห่งชาติ สามวันต่อมา..ก็ได้รับการโอนเงินมาคืนให้ทั้งหมด.. มันไม่ได้จบแค่นั้นน่ะซิ.. มีต่อ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 49 09:27:33 จากคุณ : WIWANDA - [ 21 ธ.ค. 49 09:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เมื่อวานเช้า..ได้รับจดหมายจาก FedEx ที่ส่งบิลมาว่า เป็นหนี้อยู่ ร้อยกว่าเหรียญ ..ขอให้จ่ายด้วย.. แหม..ไม่เคยมีบัญชีกับบริษัทนี้..ส่งอะไรก็จ่ายกันตรงนั้นทุกครั้ง และ ไม่เคยรู้จักกับชื่อของผู้รับตามที่ระบุ.. ก็เลยต้องโทรไปตรวจสอบกันวุ่นวาย..หลังจากที่โอนสายกันไปมาสามสี่แผนก..ใช้เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง.. ก็ยังไม่ได้ใจความ แต่..ที่แน่ๆคือ ทาง FedEx ได้โดนเข้าแล้วอย่างจัง.. ไอ้ผู้ร้ายรายเดียวกันนี่แหละ ที่จัดการส่งของที่(ขโมยเงินจากบัญชี)ซื้อ และ จัดการส่งทางไปรษณีย์โดยอ้างการจ่ายเป็นเบอร์บัตรเครดิต(ของเรา) ทีนี้ คงเป็นช่วงที่ธนาคารได้ระงับบัญชีกลางอากาศพอดี เลยเก็บเงินไม่ได้  จึงต้องส่งมาเป็นบิลให้เห็นเป็นหลักฐาน มีที่อยู่ของผู้รับและผู้ส่งเป็นหลักฐานชัดเจนด้วยละ.. หวังว่า ทางกฏหมายคงจะเอาผิดได้.. ที่นำเมาเล่านี้ เพราะ อยากจะถ่ายทอดให้น้องๆได้ระมัดระวังกันไว้ โจรไฮเทคแบบนี้ นับวันจะมีมากขึ้นทุกที.. ถ้าเป็นคนอื่นๆที่มีกระแสเงินเข้าออกอย่างยุ่งเหยิง บางทีกว่าจะรู้สึกตัวก็เนิ่นนานออกไปจนหาตัวกันยาก.. หรือ.. ถึงแม้จะได้เงืนคืน..แต่ทำให้เสียเวลา และเสียอารมณ์ วุ่นวายไปหลายวัน..ทั้งๆที่เราเป็นผู้ที่ถูกกระทำแท้ๆ จะว่าไปนะ..ไอ้หมอนี่มันไม่ค่อยฉลาด..เลือกเอาไปซื้อหนังสือ(แพงๆ) เพราะคงเห็นว่า เรามีบัญชีเข้าออก ซื้อหากันอยู่ อาจจะไม่สนใจ.. แต่..จำนวนเงินมันมากเกินไป มากจนผิดปรกติ.. ลองถ้าเป็นบริษัทไวน์นะ...ป่านนี้ไอ้หมอนั่น ลอยนวลไปถึงไหนๆแล้ว....... จากคุณ : WIWANDA - [ 21 ธ.ค. 49 09:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เรื่องที่พี่วิเล่ามาข้างบน  ทีแรกหนูนึกว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากเสียอีก   เพราะการซื้อสินค้าผ่านเนท โดยให้เบอร์บัตรเครดิตนั้น   หลายๆคนบอกว่า  เค้ามีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความลับของลูกค้า สรุปว่า  เรื่องแบบนี้  ไม่มีอะไรที่ต้องกัวล แต่ฟังพี่วิเล่า  หนูว่า มันน่ากังวลมากค่ะ เอาเป็นว่า  อย่าพยามซื้อของผ่านเนท  แบบต้องบอกเลขบัญชีบัตรเครดิตใช่ไหมคะ จากคุณ : Gasalong - [ 21 ธ.ค. 49 10:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ช่วงนี้อากาสหนาวเริ่มมาเยือนเมืองไทยแบบสบายๆแล้วค่ะ เมื่อวานดูข่าวของคุณสรยุทธ์ บอกว่าคนไทยพากันไปเที่ยวรับอากาศหนาวจนล้นสถามที่ เห็นบอกว่าเฉพาะที่เขาใหญที่เดียว  ปกติ minimum แค่600 คน   แต่คราวนี้ มีนักท่องเที่ยวทะลักเข้าไปตั้งพันกว่าคน หนูว่าถ้าเป็นอีหรอบนี้  แทนที่จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ  กลับกลายเป็นการไปบั่นทอนกำลังมากกว่าค่ะ เพราะแออัดยัดเยียดขนานนั้น  เหนื่อยแทบกระอักเลือดเลยละค่ะคุณพี่ขา   เรื่องห้องสุขาที่พี่กังวลเป็นนัหนา  ก็ต้องเป็นที่น่ากังวลต่อไปค่ะ   พี่คิดดูสิค่ะว่าถ้ามันรองรับไม่เพียงพอกับนักท่องเที่ยวแล้ว    เมื่อถึงเวลที่ทุกคนต้องปฏิบัติภาระกิจพร้อมๆกันในตอนเช้า แล้วอะไรจะเกิดขึ้นคะ? ลำพังหนุ่มๆก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ   เพราะหนูเห็นพวกเขาพากันเดินหายเข้าไปในราวป่ากลุ่มใหญ่   พร้อมกับกลุ่มที่เดินกลับออกมาด้วยหน้าตาสดใส แต่พวกผู้หญิงยิงเรืออย่างหนูนี่สิค่ะ  จะเฮ็ดจะได๋ได้ มันทรมานนะคะพี่ หนูก็เลยตั้งปนิธานไว้ว่า   ถ้ามีใครมาชวนไปแบบนั้นอีกในหน้าหนาว   หนูก็จะชวนให้มากางเต้นที่สนามหญ้าหน้าบ้านหนูนี่แหละค่ะ รับรองค่ะ    หนาวเหมือนกัน จากคุณ : Gasalong - [ 21 ธ.ค. 49 10:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 110 รักษาสุขภาพนะครับ หายวันหายคืนนะครับ จากคุณ : jearjear - [ 21 ธ.ค. 49 11:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คุณjearjear อ่านหลังไมค์แล้วใช่ไหมคะ? ดีใจด้วยกับคุณ Master_Indy ที่หายวันหายคืน ส่วนเมนูหัวละล้านนั่น..ทำไมดูรายการวางรูปแบบของเมนูแล้ว ช่างไม่สมราคาเลยเสีบจริงๆ ล้านนึง..นี่ต้องสลักเมนูลงในแผ่นสุพรรณบัตร 55555 น้องนกก็หัดชิมไปเรื่อยๆก่อน อีกหน่อยสมองก็จะบันทึกความทรงจำให้เองแหละ คุณกาสะลองคะ.. เรื่องส้วม..คือเรื่องใหญ่ ถึงใหญ่มากสำหรับพี่  อย่าคิดมาชวนไปแค้มปิ้ง หรือ ทุรกันดารที่ไหนเลย..ไม่มีทาง.. ขอบคุณค่ะ คุณนิค  พี่หายแล้ว..พรุ่งนี้จะไปตีกอล์ฟแต่เช้า ตาสื่อศิลป..กรุณากลับไปประจำที่ด่วน..!! จากคุณ : WIWANDA - [ 21 ธ.ค. 49 12:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 112 พี่นก เรียนรู้ได้ดีวันดีคืนนะคะ สงสัยได้ครูดี เห็นทีถ้าหนูจะเอาดีทางด้านนี้  คงต้องรบกวนพี่บ้างแล้วละคะ   จากคุณ : Gasalong - [ 21 ธ.ค. 49 12:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เพิ่งได้อ่านหลังไมค์ครับ โทษทีครับป้าวิ ขอบคุณมากๆๆครับ ปล.วันก่อนได้กิน grappa gaja มาอร่อยจริงๆเลย เหมาะแก่หน้าหนาวอย่างมาก จากคุณ : jearjear - [ 21 ธ.ค. 49 12:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เฮ่อ พี่หวานโดนเข้าแล้ว นกละพารานอยด์สุดๆ ป่านนี้นกยังไม่ยอมไปทำบัตร ปชช แบบ smart card (ติดชิป) เลยค่ะ ไม่ยอมทำธุรกรรมกับธนาคารผ่านเน็ต ซื้อของทางเน็ทที่เดียวเวลาซื้อหนังสือจากอามะซอนค่ะ เดี๋ยวนี้นะคะ ถ้าของไม่เกินสองหมื่นก็ไม่ใช้บัตรเครดิตเลยด้วยค่ะ เดบิทการ์ดก็ไม่ยอมทำค่ะ ขอเอทีเอ็มธรรมดา กดได้ไม่เกินสองหมื่น ตอนที่ยังไม่เปลี่ยนรัฐบาลนะคะ นกเกือบเอาเงินในแบงค์ไปซื้อทองฝั่งตุ่มแล้วล่ะค่ะ กลัวแบงค์เจ๊ง ดูเหมือนบ้า แต่ไม่ได้ทำใครเดือดร้อนนี่นา นกอยากให้พี่หวานซื้อหนังสือเกี่ยวกับ identity theft มาอ่านค่ะ เล่มที่นกอ่านมันอาจจะเก่าแล้ว สองปีมาแล้ว ยังอยู่ที่บ้านเก่าด้วยค่ะ จำชื่อคนแต่งไม่ได้ แต่มีคนเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะค่ะ ลองหาดูนะคะ แต่พี่หวานต้องอ่านนะคะ please please น้องกาละลองขา แถวๆ เนี้ย ครูหมดเลย ท่าทางเหนื่อยหน่ายพี่กันจะตายอยู่แล้ว อิอิ พี่ก็ยังทู่ซี้ ตื๊อไปตื๊อมา เทียวไล้เทียวขื่อ อาศัยว่ามีแต่คนใจดี เลยยังไม่โดนไล่ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 49 15:48:43 จากคุณ : . (Tweety สี่ตา) - [ 21 ธ.ค. 49 15:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 115 อายครู บ่รู้วิชาค่ะพี่นก แต่ในที่นี้  เห็นทีต้องบอกว่า หมั่นริน (ไวน์) ให้ครูถ่ายทอดวิชา   หากครูยังไม่เมาหรา  ตำราว่า อย่าเพิ่งเลิกริน..... เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  ทุกครั้งที่ไปคุกเข่าขอวิชาจากอาจารย์  ท่านว่าไว้ว่า ควรหนีบของชอบของอาจารย์ไปด้วยครั้งละขวด สองขวดค่ะ หมั่นเติมให้อาจารย์รีบๆเมา  เราจะได้ล้วงความลับ   เอ้ย ล้วงเอาวิชาต่างหากละคะ  ฮิ ฮิ ฮิ   จากคุณ : Gasalong - [ 21 ธ.ค. 49 16:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 116 น้องกาสะลอง ท่านอาจารย์ทุกท่านในนี้น่ะ คอแข็งกว่าพี่ทั้งนั้นเลยค่ะ พี่จะต้องหาทางไปคร้อกฟี้ก่อนทุกทีแหละ และไวน์ของพี่ก็สู้ของคนอื่นไม่ได้ซักขวด โดนเกทับทุกที :p จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 22 ธ.ค. 49 13:37:00 ]

ความคิดเห็นที่ 117 โดนเปลี่ยนพาสเวิร์ดยาฮูนี่เป็นต้นเหตุให้โดนแฮกหรือพี่ เพราะผมพึ่งโดนยาฮูให้เปลี่ยนพาสเวิร์ดเหมือนกัน  มีสิทธิจะโดนบ้างไหมเนี่ย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 22 ธ.ค. 49 22:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ต้องขึ้นใหม่ซะที..เพราะชักจะหาไม่เจอแล้ว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 23 ธ.ค. 49 05:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ฟื้นไวไวครับ พี่หวาน ตอนนี้กรุงเทพฯเย็นชุ่มฉ่ำไปด้วยสีชมพูครับ จฉาคนแต่งงานหน้านี้อ่ะ..... จากคุณ : ด.เด็ก - [ 23 ธ.ค. 49 14:27:11 ]