ความคิดเห็นที่ 1 Duke Marquess Count (Earl สำหรับอังกฤษ) Viscount Baron จากคุณ : ชาเขียว - [ 20 ธ.ค. 49 03:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 http://en.wikipedia.org/wiki/Royal_and_noble_ranks จากคุณ : ชาเขียว - [ 20 ธ.ค. 49 03:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สงสัยค่ะว่า ทำไมหลานหลวงชั้นพระองค์เจ้า ลูกเจ้าฟ้าของไทยทำไมไม่ใช่ HRH นำหน้า ไปใช้ HSH หรืออะไรเนี่ย ค่ะ อย่างที่อังกฤษเจ้าหญิงอเล็กซานดรา ว่าไปก็เป็นชั้นพระองค์เจ้า ลูกเจ้าฟ้า อาของควีนอลิซาเบท เค้ายังยกเป็น HRH เป็นเจ้านายชั้นสูง แต่พระองค์เจ้าลูก เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ ซึ่งเป็นเจ้าฟ้าชั้นเอก ยังไม่ได้เป็น HRH เลยใช่มั้ยคะ หรือเราจะยกย่องเพียงพระองค์เจ้าหลาน โดยตรงของแต่รัชกาลนั้นๆ จากคุณ : รุจิเรข - [ 20 ธ.ค. 49 08:47:07 A:203.144.198.246 X: TicketID:111593 ]

ความคิดเห็นที่ 4 #คุณ vikvikky ครับ คุณถามการเรียงลำดับเชื้อพระวงศ์ฝั่งยุโรป ถ้าถามอย่างนี้น่าจะหมายถึงลำดับยศคือจะถามโปเจียมใช่ไหมครับ? แต่เท่าที่อ่านดูเหมือนอยากจะถามเรื่อง "ยศ" มากกว่า ขออนุญาตตอบตามที่เข้าใจดังนี้ครับ 1.พระราชโอรส พระราชธิดาของพระเจ้าแผ่นดิน มียศเป็น HRH "the" Prince(ss) ตามด้วยพระนามของพระองค์เอง 2.พระเจ้าหลานเธอไม่ว่าพระองค์ชายหรือหญิง ที่เป็นพระราชนัดดาผ่านทางสายพระราชโอรส มียศเป็น HRH Prince(ss) ตามด้วยพระนามของพระองค์เอง 3.เฉพาะพระราชปนัดดา (เหลน) ที่เป็นพระโอรสพระธิดาในพระโอรสองค์ใหญ่ของเจ้าชายแห่งเวลส์ เป็น HH Prince(ss) ตามด้วยพระนามของพระองค์เอง 4.หญิงที่เสกสมรสกับเจ้าชายของอังกฤษ จะมียศเป็นเจ้าหญิงตามที่พระสวามีเป็นเจ้าชาย แต่ไม่ใช้นามของตนเองหลังคำว่า Princess ครับ เช่น Sophie พระสุณิสาองค์เล็กของสมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงเป็น HRH "the" Princess "Edward", Countess of Wessex ตามที่พระสวามี(พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถฯทรงเป็น HRH the Prince Edward, Earl of Wessex) 5.สำหรับ "ยศ" (Title) นั้น มีหลายลำดับขั้นแบ่งได้ตามลำดับสูงมาต่ำดังนี้ครับ Duke - Duchess Marquess - archioness Earl (Count) - Countess Viscount - Viscountess Baron - Baroness Lord (Sir) - Lady ประมาณนี้อะครับ เฉพาะ Duke และ Duchess ใช้คำนำหน้าว่า His/Her Grace ครับ เนื่องจากบรรดาศักดิ์ของยุโรปเป็นยศสืบตระกูล ดังนั้นลูกชายคนโตจึงเป็น Heir และมียศรองของบิดา ดังเช่นเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ ที่ 2 พระราชทานยศให้กับ Brother-in-law ของพระองค์ให้มียศเป็น Earl of Snowdon ก็ได้พระราชทานยศรองเป็น Viscount Linley ด้วย (นั้นแท้จริงก็เพื่อให้พระกนิษฐาของพระองค์มียศเป็น Countess of Snowdon นั่นเอง) พระโอรสของเจ้าฟ้าหญิงมากาเร็ตนั้น ในฐานะบุตรคนโตของ Earl of Snowdon จึงมียศสืบตระกูลเป็น Viscount Linley ครับ 6.แต่เจ้าชายนั้น จะไม่ใช้ยศสืบตระกูลของบิดาดังเช่นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์นั้น พระองค์ทรงมียศรองมากมาย แต่พระโอรสองค์ใหญ่ของพระองค์ก็ทรงใช้ยศเพียงว่า HRH Prince William of Wales ก่อนที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธจะเสด็จขึ้นทรงราชย์นั้น พระองค์ทรงเป็น Duchess of  Edinburgh (ตามพระสวามี) เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ซึ่งประสูติขณะนั้นทรงเป็น Grandchildren of the monarch through female line (หลานผ่านสายลูกสาว) จึงไม่ได้เป็นเจ้า ถ้าหากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ไม่ได้ทรงสถาปนาล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ก็จะประสูติเป็น Earl of Merioneth และเจ้าฟ้าหญิงแอนน์จะเป็น เลดี้ แต่ในเมื่อทรงสถาปนาให้เป็นเจ้าไว้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จึงทรงเป็นHRH Prince Charles of Edinburgh ไม่ใช้ HRH Earl of Merioneth ครับ แต่ถ้าเป็นชั้นพระราชปนัดดาซึ่งไม่ใช้เจ้าแล้ว ใช้ยศรองได้ครับ ดังเช่นเมื่อตอนที่สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงสถาปนาพระราชโอรสพระองค์เล็กให้มียศเป็น Duke of Gloucester พร้อมกันนั้นได้พระราชทานยศรองให้เป็น  Earl of Ulster และ Baron Culloden นั้น เมื่อเจ้าชายริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์องค์ปัจจุบันยังไม่ได้รับยศ ก็ทรงเป็น HRH Prince Richard of Gluocester หาใช่ HRH Earl of Ulster ไม่ครับ แต่พระโอรสของพระองค์ซึ่งเป็น Heir Apparent to the Dukedom of Gloucster นั้นไม่ใช่เจ้าชายแล้วก็รับยศสืบตระกูลไปเป็น Earl of Ulster 7.หญิงก็สามารถมียศของตัวเองได้นะครับแต่น้อยมากที่จะเป็นเช่นนั้น ตัวอย่างเด่นๆ ก็อย่างเช่นป้าของ Duke of Fife คนปัจจุบันคือเจ้าหญิงอเลกซานดร้านั้นก็เป็น Duchess of Fife ด้วยพระองค์เองมาก่อน เพราะพระบิดาของพระองค์ไม่มีบุตรชายเลย แต่ในกรณีนี้เมื่อตอนที่พระเจ้าแผ่นดินสถาปนายศขึ้น จะต้องมีพระบรมราชโองการสั่งไว้ด้วยนะครับว่าให้ยศนั้นสืบทางสายบุตรสาวได้ ถ้าไม่เช่นนั้นยศนั้นจะสืบทางสายลูกสาวไม่ได้เด็ดขาด และในกรณีนี้พระสวามีของเจ้าหญิงอเลกซานดร้าคือเจ้าชายคอนนอต ก็ไม่ได้ทรงเป็น Duke of Fife ตาม Coursetesy title ด้วยครับ 8.ธรรมเนียมการสถาปนาพระราชวงศ์ให้มียศเหมือนขุนนางนั้น เป็นเพราะอังกฤษได้แบ่งคนไว้ 3ประเภท คือพระมหากษัตริย์ (คือ King และ Queen ถ้า Queen ทรงปกครองประเทศเอง พระสวามีของพระองค์ก็ไม่นับรวมครับ) ขุนนาง (ผู้มียศแต่บารอนขึ้นไป) และประชาชน คือไม่มีพระราชวงศ์ ดังนั้นพระเจ้าแผ่นดินเพื่อป้องกันไม่ให้พระราชวงศ์ตกต่ำลงกลายเป็นประชาชนธรรมดา ก็จะทรงสถาปนาให้มียศเหมือนขุนนางได้ แต่โดยปกติแล้วจะทรงสถาปนาเป็น Duke พร้อมด้วยยศรองเสมอ เพิ่งจะมีเจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ดพระราชโอรสองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถองค์ปัจจุบันเท่านั้นที่ได้รับสถาปนาเป็นเอิร์ล ไม่ใช่ดยุค (แต่ก็มีพระราชโองการพิเศษไว้ด้วยครับว่า หากดยุคแห่งเอดินบะระสิ้นพระชนม์ลงเมื่อใด แทนที่ยศจะสืบไปให้แก่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์พระราชโอรสองค์โต ก็จะสืบมาที่เจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ดแทนเป็นกรณีพิเศษครับ) (แหะๆ ลืมตัวเผลอตอบซะยาวเลย ขออำภัยครับ) #คุณรุจิเรขครับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า (คือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าในรัชกาลก่อน)นั้นทรงมียศเป็นHRH Royal Highness Prince(ss) ครับ นอกจากนี้ HRH Royal Highness ยังใช้กับบรรดาพระราชโอรส พระราชธิดา (ไม่ว่าเจ้าฟ้าหรือพระองค์เจ้า) และใช้กับพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ(พระราชโอรสพระราชธิดาในวังหน้า) ด้วยครับ HSH Prince(ss) ใช้กับหม่อมเจ้าครับ ไม่ว่าจะเป็นหม่อเจ้าหลานหลวงหรือหม่อมเจ้าวังหน้าก็ตาม จากคุณ : Oh~my goDnesS (ohmygodness) - [ 21 ธ.ค. 49 15:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อีกอย่างครับคุณรุจิเรข เจ้าหญิงอเลกซานดร้าที่คุณว่านั้นผมเข้าใจว่าหมายถึง HRH Princess Alexandra,the Hon.Lady Ogilvy ถ้าเช่นนี้พระองค์ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องของควีนครับ ไม่ใช่อา พระบิดาและพระมารดาของพระองค์(คือดยุคและดัชเชสแห่งเค้นท์พระองค์ก่อน) ต่างหากครับที่เป็นอาของสมเด็จพระราชนีนาถฯ จากคุณ : Oh~my goDnesS (ohmygodness) - [ 21 ธ.ค. 49 15:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Just some addition to Khun OhMyGodness krab, 3.  Following King Geoge V’s letters patent issued in 1917, children AND grandchildren in the male line of the sovereign AND the eldest living son of the eldest son of the Prince of Wales enjoy the title of Prince or Princess of Great Britain with the style of Royal Highness (HRH).   Other great-grandchildren in the male line can no longer use the title Prince/Princess with the style Highness (HH) but instead enjoy only the style of a Duke’s children (Lord/Lady + First Name + Windsor). So only Prince William’s eldest son will be a HRH Prince, his other children will only be Lord(s) and Lady(s), until the Queen is gone. 5. The 5th rank in the British peerage is EITHER Baron/Baroness (but ALWAYS referred to as Lord/Lady XXX ) – in the British (Great Britain’s) and English Peerages, OR Lord/Lady (of the Parliament, never a Baron/Baroness) – in the Scottish Peerage. BOTH are of the same rank krab. 7. The Fifes were also significant in the other way krab. HRH The Princess Louise, 3rd child but eldest daughter of Edward VII, married the 1st Duke of Fife and became Duchess of Fife, as a wife of the Duke.  Queen Victoria granted her husband a second Dukedom with a special remainder to allow it to pass to their daughters in the absence of a son.  At that time the couple had only 2 surviving daughters, Lady Alexandra and Lady Maud. In 1905, Edward VII created Louise Princess Royal AND also declared her 2 daughters Princesses of Great Britain & Ireland with the style of Highness.  They, therefore, became HH Princess Alexandra of Fife and HH Princess Maud of Fife. It was the 1st time that grandchildren in the female line of a British sovereign that did not marry into other foreign reigning families became a British royal prince/princess. HH Princess Alexandra of Fife succeeded her father and became HH the Duchess of Fife in 1912. A year later, she married her cousin, HRH Prince Arthur of Connaught (the son and Heir to HRH the Duke of Connaught, 3rd son of Queen Victoria), and took her husband’s title as HRH Princess Arthur of Connaught (Duchess of Fife). Their only son, following the old tradition, was styled at first HH Prince Alastair of Connaught.  After 1917 Letters Patent, he ceased to be a prince and was styled the Earl of MacDuff, his mother (Duchess of Fife)’s subsidiary title.  He later succeeded to his paternal grandfather as the 2nd Duke of Connaught.  He died before his mother, so never became the Duke of Fife.  The Fife title passed to his cousin, the son of Princess Maud.  The Connaught title became extinct. Because King George V personally disapproved of his father’s decision on elevating his nieces princesses, once married to Lord Carnegie (eldest son and heir to the Earl of Southesk), HH Princess Maud of Fife simply stopped using the title princess and styled herself just Lady Carnegie.  After her husband inherited the earldom, she became The Countess of Southesk.  Because there was no royal decree or letters patent to change her status, just like Lady Louise Windsor, she legally remained a princess for life. Her son, James (Lord Carnegie), succeeded his maternal aunt in 1959 as the 3rd Duke of Fife and Earl of MacDuff, even before succeeding his father as the 12th Earl of Southesk in 1992. From then on, the heir to the Duke of Fife is NO LONGER using the subsidiary title of Earl of MacDuff, but instead is styled Earl of Southesk, which is actually a separate peerage by itself.  His eldest son is styled Lord Carnegie. 8. People are still debating about how the title Duke of Edinburgh will pass to Prince Edward krab. When a modern British Peerage (Duke, Marquess, Earl, Viscount, or Baron) is created by letters patent, it is almost always created to be passed to “heirs male of his body lawfully begotten and to be begotten”. Once created, the succession to that peerage will always follow that rule and nobody can change it, not the title holder himself, NOT even the sovereign. If the sovereign really wishes to change the provision, usually to add female or collateral line(s) to the succession, he/she usually created another peerage of the same name and rank with a special remainder (like the Dukedom of Fife or the Earldom of Nelson), or allowed it through a special act of parliament (like the Dukedom of Marlborough). The Heir male of the Duke of Edinburgh is certainly Prince Charles.  If the Queen passes before Prince Philip, Charles will become king and the title Duke of Edinburgh will remain with the Prince Philip until he himself passes.  Then the title will merge with the crown.  Charles, as king, can then regrant it to whomever he wants, possibly Edward, but not before that. If Prince Philip dies before the Queen and no special provision was issued before, then the Prince of Wales will automatically become the 2nd Duke of Edinburgh.  Legally, even the Queen will not be able to give it to Prince Edward if she wants. (She cannot take the title away from Charles, she has to do it before Prince Philip dies.)  Again, the title will merge with the crown once Charles becomes king There is no such thing like a special personal preference for the succession to a title krab.  Succession always follows laws and rules.  Any special entailment has to be formally issued as a rule to follow.   Succession to the British throne is automatic (the King is dead, Long Live the King!) and follows the Act of Settlement.   The British Crown was settled in the person of Sophia, Electress of Hanover and entailed on her Heirs, being neither Catholic nor married to one.  Please observe that it is not for Heirs Male, so female can succeed but the male takes precedence.  When Edward VIII abdicated in 1936, an Instrument of Abdication had to be enacted to remove Edward VIII himself AND his line from the Line of Succession. The Queen herself could NOT stop Prince Charles from succeeding her even if she wanted to. แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 49 05:08:06 จากคุณ : Dr Pong (Dr Pong) - [ 22 ธ.ค. 49 00:52:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าจากสถานการณ์ตอนนี้นะครับ ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษที่ทำให้เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ไม่ได้ครองราชย์ เพราะฉะนั้นก็น่าจะมีอะไรแปลกกว่าธรรมเนียมเมื่อก่อนหลายอย่างอะครับ 1.ถ้าเป็นสมัยสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดซึ่งทรงพระราชประสงค์จะเสกสมรสกับมิสวอลิสล่ะก้อ พระองค์ต้องสละราชสมบัติก่อน ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยยังเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์อยู่ละก้อ ผมสงสัยว่าพระองค์ต้องสละสิทธิ์ในราชสมบัติเป็นแน่ แต่ในปัจจุบันนี้กระแสต่อต้านมิได้รุนแรงถึงขนาดนั้น (แม้จะมีบางเสียงอยากให้เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ หรือเจ้าชายวิลเลี่ยมขึ้นครองแทนก็ตามที) และถ้าชาร์ลส์ขึ้นครองราชย์ละก็ ผมค่อนข้างจะมั่นใจว่าคามิลล่าจะได้เป็นควีนนะครับ 2.เรื่อง Duke of Edinburgh นั้น ผมเข้าใจดีครับว่าปัจจุบัน Heir ก็คือเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แต่รู้สึกเหมือนเคยอ่านเจอที่ไหนก็ไม่ทราบ ก็เลยเขียนไปข้างต้น ต้องขออภัยในความผิดพลาดครับ ความจริงจะว่าไปแล้วDukedom ที่ไม่ใช่ York นี่ไม่ค่อยเห็นพระราชทานให้พระราชโอรสพระองค์ใดเลยนะครับ ทั้งๆ ที่ Dukedom ที่สงวนไว้ให้พระราชวงศ์ก็มีหลายอยู่ แต่ก็มักจะไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ การที่คน(พยายาม)คิดว่าเจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ดจะได้สืบยศของพระราชบิดาเป็น Duke of Edinburgh นั้นก็คงมีเหตุผลในข้อที่ว่านี้ละมั้งครับ มีเรื่องจะเรียนถามคุณ Dr Pong ดังนี้ครับ 1.ธรรมเนียมปกติในปัจจุบันนี้ ถ้าพระราชโอรสทรงเสกสมรสก็มักจะได้รับพระราชทานยศ แต่สำหรับพระราชนัดดาล่ะครับ มีธรรมเนียมบ้างไหม อย่างเช่นถ้าเจ้าชายวิลเลี่ยมทรงเสกสมรส พระองค์ควรจะได้รับยศอะไรเป็นพิเศษไหมครับ แล้วพระชายาของพระองค์(ในฐานะพระสุณิสาองค์ใหญ่ในเจ้าชายแห่งเวลส์)ควรจะมียศเป็นพิเศษหรือไม่ครับ หรือว่าก็จะเป็น HRH Princess William of Wales ตามธรรมดา 2.ยศ Duke of Cornwall นั้นเป็นยศที่พระราชทานให้กับพระราชโอรสพระองค์ใหญ่สุดโดยอัตโนมัติใช่ไหมครับ แล้วยศนี้มีการสืบตระกูลไหมครับ ถ้าสมมติว่าองค์ Duke of Cornwall สิ้นพระชนม์ไปก่อนพระเจ้าแผ่นดิน แต่ว่าทรงมีพระโอรส (ดังนี้พระโอรสองค์นั้นย่อมเป็นรัชทายาทลำดับหนึ่งแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ) พระโอรสพระองค์นั้นจะสามารถรับยศเป็น Duke of Cornwall ผ่านทางการสืบตระกูลได้ไหมครับ 3.เจ้าชายพระสวามี (เจ้าฟ้าชายอัลเบิร์ต) ในสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียนั้นจริงหรือไม่ครับที่ทรงถูกกันไม่ให้ได้รับยศ King Consort? 4.Queen Consort แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า สมเด็จพระราชินี Queen Regnant แปลไทยได้ว่า สมเด็จพระราชินีนาถ Princess Consort ก็ เจ้าหญิงพระชายา Prince consort ก็เจ้าชายพระราชสวามี ถ้า King (Regnant) ก็คือสมเด็จพระราชาธิบดี ดังนี้แล้ว King Consort จะแปลว่าอะไรดีครับ? ขอบคุณล่วงหน้าครับ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 49 11:25:42 จากคุณ : Oh~my goDnesS (ohmygodness) - [ 22 ธ.ค. 49 11:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Answers to Khun OhMyGodness krab, 1. The major reason to create a British sovereign’s grown-up sons Dukes (or and Earl) is exactly what you have answered in the opinion #4, to make them part of the nobility estate.  Also, it is to make sure that the heirs male of these princes inherit the titles and become part of the British hereditary peerage as long as the male lines still exist. Except for the sons of the Heir Apparent (Prince of Wales), there actually has been no need to grant the other male-line grandsons peerages because they are already in line to succeed to their fathers (younger brothers of the Heir Apparent)’ peerages. The Prince of Wales will have no other peerages to pass on to his younger sons because, once he becomes king, all title will merge into the crown.   Therefore, if the sovereign lived long enough to see grown-up sons of the Prince of Wales, these princes were granted Dukedoms.   The short list is; Son of George II when he was Prince of Wales (Grandsons of George I); - Frederick Louis – born when his grandfather (King George I) was still Elector of Hanover, styled “Duke of Gloucester” without being created (his father was Prince of Wales at that time), created “Duke of Edinburgh” by George I, became “Duke of Cornwall & Rothesay” on his father (George II)’s accession, created “Prince of Wales”, and died before his father. - George – born when his father was Prince of Wales, created “Duke of Cumberland” by George I. Sons of Frederick Louis, Prince of Wales (Grandsons of George II); - George III – born when his father was Prince of Wales, succeeded him as “Duke of Cornwall* (see below), Rothesay & Edinburgh”, created “Prince of Wales” by grandfather (George II), and succeeded George II. - All of George III’s younger brothers were too young to be made dukes by George II.   All were later created Dukes by George III. George IV, when he was Prince of Wales, had only a daughter, Princess Charlotte of Wales.  She grew up, got married, and died in childbirth during her father’s lifetime. Sons of Edward VII when he was Prince of Wales (Grandson of Victoria); - Albert Victor - born when his father was Prince of Wales, created “Duke of Clarence & Avondale” by grandmother (Victoria), died just 2 years later. - George V - born when his father was Prince of Wales, created “Duke of York” by Victoria, became “Duke of Cornwall & Rothesay” on his father (Edward VII)’s accession, created “Prince of Wales” 9 months later, and succeeded Edward VII. All of George V’s sons when he was Prince of Wales were too young to be created Dukes by Edward VII.  All were later made Dukes by their father. If the Queen lives long enough, I would expect Princes William and Harry to be created Dukes just right before their wedding krab. There is one other thing I would like to point out.  That is, if for some reasons, Prince Charles does NOT succeed to the throne, Prince Harry will never get to be a son of a sovereign, and, according to the letters patent of 1917, his children will NOT be HRH Princes or Princesses of Great Britain, but instead be born Lords or Ladies as great-grandchildren of a sovereign. 2. I did some research on this question and, interestingly, there were 2 sources contradicting each other krab. According to Wikipedia which I still would like to know the original source; “Under a charter of 1421, the dukedom passes to the Sovereign's eldest son and heir. If the eldest son of the Sovereign dies, his eldest son does not inherit the Dukedom. However, if the eldest son should die without children, his next brother obtains the Dukedom. Underlying these rules is the principle that only a son of the Sovereign—never a grandson, even if he is the Heir Apparent—may be Duke of Cornwall. It is possible for an individual to be Prince of Wales and Heir Apparent without being Duke of Cornwall. For example, King George II's heir-apparent, the future George III, was Prince of Wales, but not Duke of Cornwall (because he was the King's grandson, not the King's son).” *BUT Burke’s Guide to the Royal Families (1973), which is quite a reliable source, stated that George III succeeded his father (Frederick Louis, Prince of Wales) as Duke of Cornwall, Rothesay & Edinburgh in 1751 when Frederick died. I will have to research more on this topic krab. 3. Queen Victoria once wanted Prince Albert to be created “King Consort” but was prevented by the government because he was a “foreigner”. The Tory party was quite mean to Prince Albert.  He was given an annual income less than a Queen Consort would have got.  They did not want to grant him the precedence next to the Queen, but after all other royal dukes (her uncles), but they evetually had to. When his son, Bertie, the Prince of Wales – later Edward VII, reached the age of 17, they wanted to claim precedence of Berie above his own father. Prince Albert was married to Queen Victoria in 1940 when he was only 20 years old.  Since then, he had done tremendous amount of works for Great Britain, in addition to giving the Queen 9 children.  He eventually became king in all but name.  Still, he had been just “Prince Albert” until Victoria successfully gave him the Prince Consort title 17 years later in 1957.  Just less than 5 years later, he passed away.  If you look at his most recent pictures, he looked much older than 42. Anyway, both England and Scotland used to have King Consort in the past. Mary I of England married her cousin, King Philip II of Spain and made him “King of England”. Mary, Queen of Scots, first married Francis II, King of France (son of Catherine de Medici).  He became King Consort of Scotland.  He died shotly after.  She then married her english cousin, Henry, Lord Darnley, and proclaimed him King without the consent of the parliament. 4. This question is too difficult for me because we have 2 sets of terminology for Thai Royalty and foreign Royalties krab. For Thai Royalty; ?? (Never have) = Queen Regnant Somdej-pra-Boroma-Rajinee-NART  =  Queen Consort who used to be a Regent Somdej-pra-Boroma-Rajinee  =  Queen Consort For Foreign Royalties; Queen Regnant  =  Somdej-pra-Rajinee-NART   Queen Consort who used to be a Regent OR Queen Consort = Somdej-pra-Rajinee   Maybe others (like Khun UP, etc.) would be a more qualified person to select or coin the words krab. จากคุณ : Dr Pong (Dr Pong) - [ 23 ธ.ค. 49 01:58:55 ]