ความคิดเห็นที่ 1 อีกประเด็นครับ เทพเจ้าเป็นกษัตริย์ กับ กษัตริย์เป็นเทพเจ้า มีความแตกต่าง โดยนัยสำคัญ ประการใดบ้างครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : สมบัติผู้ดี - [ วันสิ้นปี 05:16:45 A:203.156.85.153 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ทราบครับ ว่ามีรายละเอียดแตกต่างกันอย่างไร เข้ามารออ่าน รู้แต่ว่าประโยคนี้มีความหมายแตกต่างกัน "เทพเจ้าเป็นกษัตริย์ กับ กษัตริย์เป็นเทพเจ้า" จากคุณ : เข้ามาจอบ - [ วันสิ้นปี 10:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รู้แต่ประเทศสารขัณฑ์ กษัตริย์กำลังจะกลายเป็นพระโพธิสัตว์แล้ว จากคุณ : UnlimitedDreams - [ วันสิ้นปี 15:48:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "เทวราชา" ต่างจาก "สมมติเทวราชา" อย่างไร ตอบตามความเข้าใจ "เทวราชา" คือ พระราชาที่เป็นเทพปกครองสวรรค์และจักรวาล ส่วน "สมมติเทวราชา" คือ พระราชาที่สมมติให้เป็นเทพปกครองมนุษย์ การยกย่อง "ผู้นำ" ให้มีสถานภาพเป็น "พระราชา" หรือ "กษัตริย์" พร้อมทั้งยกย่องให้พระองค์เป็นผู้สนองโองการของเทพเจ้า หรือเป็นอวตารของเทพเจ้าลงมาปราบทุกข์เข็ญเพื่ออำนวยความสวัสดีแก่ปวงประชาราษฎร์และแผ่นดินนั้น เป็นคติความเชื่อโบราณที่บ้านเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคอุษาคเนย์ได้รับจากอินเดียมาแต่โบราณกาล นักวิชาการสันนิษฐานว่าความเชื่อดังกล่าวมีที่มาจากประเพณีดั้งเดิมของชาวอารยัน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอารยธรรมสูง อพยพโยกย้ายเข้ามาทางตอนเหนือของอินเดีย ต่อมาเมื่อชาวอารยันเรียนรู้วัฒนธรรมและผสมผสานอารยธรรมเข้ากับคนพื้นเมืองแล้ว ได้จัดการแบ่งระบบการปกครองคนในสังคมเป็น ๔ ชนชั้น (วรรณะ) ได้แก่ กษัตริย์ พราหมณ์ แพทย์ และสูตร เมื่อตำแหน่งผู้นำว่างลง หัวหน้าของคนทั้ง ๔ วรรณะจึงต้องประชุมกันเพื่อเลือก "ผู้นำ" คนใหม่ ซึ่งผู้นำคนใหม่ต้องผ่านพิธีสำคัญ ๓ ขั้นตอน คือ การอภิเษก การกระทำสัตย์ และการถวายราชสมบัติ การอภิเษก หรือ อินทราภิเษก ก็คือการสถาปนาผู้นำนั่นเอง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก จึงหมายถึง พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสถาปนาผู้นำขึ้นเป็นพระราชาอย่างเป็นทางการ และถือเป็นขั้นตอน "สำคัญ" ในการปรับเปลี่ยนสถานะจาก "บุคคล" ขึ้นสู่การเป็น "สมมติเทพ" เพื่อให้ทรงพระราชอำนาจในการปกครองราษฎรทั่วทั้งแผ่นดิน โดยถือประเพณีสืบเนื่องจากลัทธิพราหมณ์ ซึ่งพระพุทธศาสนาได้อนุโลมให้ใช้ได้ในด้านประเพณีเกี่ยวกับราชอาณาจักรมาแต่สมัยแรกเริ่ม และให้พราหมณ์มีส่วนสำคัญในพระราชพิธีนี้ตลอดมา ซึ่งนับจากนั้น จึงถือว่าพระองค์กลายเป็น "บุคคลศักดิ์สิทธิ์" ตลอดไป กล่าวเฉพาะความเชื่อทางพระพุทธศาสนา เชื่อว่าพระมหากษัตริย์ถือเป็น "พระอินทร์" โดยมักมีการเปรียบเทียบคุณสมบัติของกษัตริย์ให้ตรงกับบทบาทของพระอินทร์ ดังนี้ ๑. นักปกครอง พระอินทร์ทรงเป็น "เทวกษัตริย์" (หรือเทวราชาของคุณเจ้าของกระทู้) ทำหน้าที่ปกครองสวรรค์และจักรวาล ทรงมีความงามสง่าในคุณลักษณะของหัวหน้าฝ่ายบริหาร แท่นบัณฑุรกัมพลศิลาอาสน์นั้น ใช้เป็นที่สำหรับพระอินทร์ประทับเพื่อประกาศศักดิ์ของความเป็นพระราชาและบริหารเพื่อประโยชน์สุขของจักรวาล แม้ว่าพระอินทร์จะทรงมีอำนาจสูงสุด แต่พระองค์ก็มิได้ใช้อำนาจแบบเผด็จการ แต่ทรงรับฟังความคิดเห็นของเทพองค์อื่น ๆ ผ่านเทวสภา ซึ่ง ณ ที่นั้นจะมีการหารือเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ คุณลักษณะนี้เป็นคุณสมบัติของพระมหาจักรพรรดิราชด้วย ๒. พระโพธิสัตว์ พระอินทร์นั้นถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง  และจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตด้วย ดังนั้น พระอินทร์ในทางพระพุทธศาสนาจึงมีบทบาทและหน้าที่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นอันมาก จากคัมภีรบาลีทางพระพุทธศาสนานั้น จะเห็นว่าพระอินทร์เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและพระธรรมของพระองค์มาโดยตลอด โดยในปางที่เสวยพระชาติต่าง ๆ ในการบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อให้ได้มาซึ่งการเป็นพระพุทธเจ้า หรือแม้แต่หลังการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ตาม พระอินทร์ก็จะคอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่เสมอ (มีตัวอย่างอยู่มากมายในพระไตรปิฎก) และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีขั้นตอนสำคัญคือ พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่จะต้องไปประกาศพระองค์เป็น "เอกอัครศาสนูปถัมภก" ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ก็ถือเป็นการแสดงถึงการเป็นเอกศาสนูปถัมภกเช่นเดียวกับพระอินทร์นั่นเอง ๓. นักรบ พระมหากษัตริย์ย่อมมีหน้าที่อยู่ ๒ ประการ คือ บำบัดทุกข์ และบำรุงสุขในแผ่นดิน และกวาดล้างอริราชศัตรูมิให้มารบกวนย่ำยีแผ่นดิน ในกรณีหลังนี้ ถือว่าพระมหากษัตริย์ย่อมเป็นจอมทัพ เช่นเดียวกับพระอินทร์ซึ่งทรงเป็นจอมทัพในการสู้รบกับเหล่าอสูร นอกเหนือจากคติความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์คือเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ ซึ่งได้แบ่งภาคเสด็จลงมาบำรุงโลก ให้ความคุ้มครองอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุขแล้ว ในทางพุทธศาสนายังถือว่าพระองค์ทรงเป็น "พระโพธสัตว์" ผู้ประกอบด้วยทศพิธราชธรรมและบุญญาบารมี ซึ่งจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า (อย่างที่คุณ UnlimitedDreams พูดถึงประเทศ "สารขัณฑ์" นั้นถูกต้องแล้วครับ) สัญลักษณ์อันแสดงให้เห็นถึงคติความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็น "สมมติเทวราช" และ "พระโพธิสัตว์" นั้น ได้ถูกแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดในเรื่องการถวายพระนามองค์พระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยเป็นต้นมา ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือ การเสด็จขึ้นครองราชย์ พระราชพิธี คติ ความหมาย และสัญลักษณ์แห่ง "สมมติเทวราช" โดย นภาพร เล้าสินวัฒนา หัวหน้าฝ่ายข้อมูลพิธีการ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม ๒๕๔๙ สำนักพิมพ์มิวเซียมเพลส ......................... นอกจากนี้ ถ้าหากจะพูดถึงระบบการปกครองในโลกนี้ที่เป็นแบบรัฐสากลมีอยู่ ๓ รูปแบบ (จากหนังสือ Imagined Communities : Reflections on the Origins and Spread of Nationalism ของ Benedict Anderson แห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนล ได้ตั้งสมมติฐานและถกเถียงเกี่ยวกับรูปแบบของรัฐในสากลโลก) คือ ๑. ชุมชนศาสนา (religious communities) ซึ่งถือว่าเก่าแก่โบราณที่สุด ๒. รัฐราชวงศ์ (dynastic realm) ซึ่งเป็นรูปแบบของรัฐที่ต่อเนื่องมา ปกครองโดยระบบกษัตริย์ ๓. รัฐชาติ (nation-states) หรือรัฐประชาชาติ เป็นรูปแบบล่าสุดและทันสมัยที่สุด โดยอาจารย์เบ็นได้ให้คำนิยาม "รัฐชาติ" ว่าเป็น "ชุมชนจินตนาการ" (imagined communities) หรือชุมชน "จินตกรรม" โดยที่ "รัฐชาติ" อันเป็น "ชุมชนจินตนาการ" อุบัติขึ้นเป็นครั้งแรกใน "โลกใหม่" คือทวีปอเมริกา อิทธิพล หรือ "แฟชั่น" ของ "รัฐชาติ" ได้ข้ามกลับมายัง "โลกเก่า" คือ ยุโรปภาคพื้นทวีป ก่อให้เกิดรัฐชาติใหม่ ๆ ขึ้นพร้อม ๆ กับการล่มสลายของรูปแบบเก่าของ "รัฐราชวงศ์" (dynastic realm) โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับแต่หลังการปฏิวัติ French Revolution และแพร่หลายเข้าไปทั่วทวีปเอเชียและแอฟริกาประมาณช่วงต้นศตวรรษที่ ๒๐ ต่อมาก่อให้เกิดการล่มสลายของ "ลัทธิอาณานิคม/จักรวรรดินิยม" ของบรรดา "เมืองแม่" เอง (คัดจากหนังสือ "จากสยามเป็นไทยนามนั้นสำคัญไฉน?" โดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ พิมพ์ครังแรก : พฤศจิกายน ๒๕๔๘ สำนักพิมพ์มติชน) ............................ จะตอบแบบประวัติศาสตร์ก็กระไรอยู่เพราะคุณเจ้าของกระทู้ตั้งไว้ในห้อง "ปรัชญา" แต่ผมไม่เก่งและออกจะโง่มากเรื่องปรัชญา ก็เลยตอบตามประวัติศาสตร์คงไม่ขัดข้องนะครับ ที่ยกมาให้อ่านนี้เพื่อให้ทราบว่า ในโลกนี้มีระบบการปกครองอันหลากหลาย ตั้งแต่โบราณที่สุดคือ ใช้บรรดาผู้นำทางศาสนามาปกครอง (คงจะเป็นพวกพ่อมดหมอผี หรือ พวกราชครู ปุโรหิต) ต่อมาคือการปกครองโดยผู้นำ ซึ่งก็คือพระมหากษัตริย์ และการปกครองที่ทันสมัยที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ประชาชาติ หรือการปกครองโดยประชาชน แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 49 18:02:55 แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 49 18:02:07 จากคุณ : วศินสุข - [ วันสิ้นปี 17:53:03 ]