ความคิดเห็นที่ 1 ใช่ครับ แต่ ผมว่าที่ว่าการโต้แย้งทำให้ เราโตขึ้นนั้นไม่เสมอไปครับ อย่าง วิกฤตบ้านเมือง ก่อน 19 กันยานั้น ผู้คนโต้แย้งกันอย่างบ้าคลั่ง และไร้ซึ่งเหตุและผล แต่มันก็คือ การโต้แย้ง และการโต้แย้งนั้นๆ ไ่มได้ช่วยให้ ผู้คนเติบโตขึ้นมาเลย แม้แต่น้อยครับ การทำ "ความจริง" ให้ปรากฏและเป็นที่เข้าใจ ซึ่งรวมไปถึงการ "ยอมรับ" มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ในสังคมที่ผู้คนปราศจาก ความคิดที่เป็นเหตุผล อีกทั้งผู้คนส่วนใหญ่ มัก"ยอมรับ" เพียง "ความจริง"ของตน และปฏิเสธ "ความจริง"ของคนอื่นๆ เสมอ จากคุณ : KongMing - [ 11 ม.ค. 50 18:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าอย่างนั้น อย่างน้อยตัวเราก็สมารถเป็นปัจจัยในการมีตัวตนของคนอื่นๆเหมือนๆกัน ใช่รึเปล่าน้อ....... จากคุณ : อิสรภาพแลนด์ - [ 11 ม.ค. 50 20:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เออ จริงแฮะ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 50 23:06:49 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 50 23:04:14 จากคุณ : the author - [ 11 ม.ค. 50 22:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับทั้งคุณ the author และคุณ KongMing นะครับ กลับไปอ่านข้างต้นอีกที "มีเพียงการโต้แย้งเท่านั้นที่ทำให้เราเติบโตขึ้น" ผมก็ยังเห็นด้วยกับที่คุณ the author บอกไว้อยู่ครับ คือ มีเพียงการโต้แย้งเท่านั้นที่ทำให้เราเติบโตขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าการโต้แย้งจะทำให้เราเติบโตเสมอไป  ถ้าโต้แย้งแบบที่คุณ KongMing อธิบาย คงจะมีแต่แย่ลง แต่ถ้าจะเติบโตก็ต้องอาศัยการโต้แย้ง ถ้าขาดการโต้แย้งก็คงโตไม่ได้ เพราะความคิดมันจะนิ่งอยู่กับที่และไม่เคลื่อนไหว  แม้แต่การต่อยอดเองก็อาศัยการโต้แย้ง (ทางความคิด)  และการโต้แย้งที่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องไปโต้กับ "คนอื่น" แต่เป็นการโต้กับ "ความจริงอื่นๆ" โดยละความเป็นบุคคล ความเป็นเขาเป็นเรา และมุ่งหาคำตอบที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ครับ จากคุณ : คุณพีทคุง (พิธันดร) - [ 12 ม.ค. 50 07:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ชมว่า จขกท.เป็นผู้มีอารมณ์ของนักแสวงหา"ความจริง"............................ การเบื่อต่อความจริงที่แข็งทื่อ เป็นตัวบ่งบอกถึงวาระการที่น่าจะให้ความหมายใหม่ต่อความจริงตายซากเหล่านั้น (อย่างน้อยก็ในความหมายของเราเอง).. ความจริงคืออะไรล่ะ....มันคือสิ่งที่ดำรงอยู่หรือสิ่งที่กำลังหรืออาจเกิดขึ้นหรือ  ....... ความจริงมีหลายระดับ หลายวงชั้น หลายปริมณฑล.....? จริงในเวลาหนึ่งแต่อาจไม่จริงในอีกเวลาหนึ่งได้หรือไม่... มันอาจใช้อธิบายในระดับ-ขอบข่ายหนึ่งแต่พอแผ่กว้างใหญ่ขึ้น   มันอาจต้องทิ้งไปแล้ว  หาความจริงชุดใหม่มาตีความหรือให้ความหมายแทนใช่หรือไม่..?? ในระดับปัจเจกบุคคล  คงต้องอาศัยกระบวนการทางภาษาเพื่อจะค้นหาหรือเข้าถึง ความจริง.......   เพราะ ด้วยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนอื่นเท่านั้นที่เป็นหนทางสั้นสุดที่ทำให้เราเข้าถึงความจริงที่มนุษย์ค้นพบ   และกลายเป็นความจริงในเชิง "ข้อตกลง" เพื่อ พัฒนาการของความจริงใหม่ๆในการอยู่ร่วมกันระหว่างเรากับคนอื่นหรือของสังคม... ใช้คำว่า พูดคุยดีกว่าโต้แย้งนะ สำหรับสังคมไทยที่ไม่ชอบการความแตกต่างมากกว่า ความเป็นพวกพ้องหรือความเหมือน ความเกรงใจ และการร้องขอกัน.....   เพราะระบบหรือค่านิยม รักสนุกหรือบันเทิงเริงรมย์มีมากกว่า การเชื่อมั่นในเหตุผล-ความจริง-และการพูดคุยด้วยเหตุผลหรือที่แรงขึ้นเช่นการโต้แย้ง..... กรณี19กย.จะเรียกว่า ความขัดแย้งหรือการโต้แย้งของความจริงหรือ..........   คงต้องมอง"ความจริง" ในระดับของความชอบธรรมของระบบตัวแทน..... และคงต้องมองในระดับป่ามากกว่าต้นไม้....... สั้นๆก็ว่า  ปชช.แตกแยก มีการเลือกข้างเลือกฝ่ายอย่างชัดเจน ต่างยึดถือผลประโยชน์ที่ผู้แทนการเมืองมอบให้เป็นสรณะ..... องค์กรอิสระต่างๆที่ถือว่าเป็นระบบตรวจสอบทางสังคมถูกทำให้อ่อนเปลี้ยหมดสภาพแถมกลายเป็นเครื่องมือมุ่งบั่นทอนฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง........ แล้วอะไรล่ะคือความจริงที่แสวงหาหรือควรเคารพเพื่อยึดถือหรือปฏิบัติตาม  ....... เพราะเชื่อได้ว่าความจริงที่แท้น่าจะทำให้สังคมดีขึ้นอย่างยั่งยืนมากกว่า ความจริงเทียมที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อมอบเมาหรือบิดเบื่อนเจตนารมณ์แห่งอำนาจของปชช.หรือระบบปชต. ผู้แทนอำนาจปชช.ไม่ควรแสวงหาประโยชน์เพื่อกระเป๋าตนเองและพวกพ้องมากกว่าอย่างอื่น   ผู้แทนอำนาจปชช.ไม่ควรทำลายประชาสังคมด้วยการเอาทรัพยากรของสังคมไปขายหรือให้ต่างชาติดูแล เพียงเพื่อเหตุผลข้างต้น หรือจะเพียงคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ต้องเป็นไปของโลกาภิวัฒน์   ก็หาไม่   .... อื่นๆ .....ยังมีอีก  คงเป็นที่รู้กันในปริมณฑลทางการเมือง..... ก็เพราะมีนักคิดหรือปัญญาชนคอยตรวจสอบ  ทำให้ความจริงที่เป็นภาพป่าใหญ่ได้ค่อยๆถูกเปิดเผยขึ้นต่อภาคปชช. ทำให้พบ ความจริงว่า "เขา" ทำอะไรหรือได้ทำอะไรกับประเทศชาติหรือประชาสังคมจริงๆในห้วงหลายๆปีทีผ่านมา กระบวนการขัดแย้งหรือโต้แย้งหรือตอบโต้กันทางสังคมจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้.......เพราะมีแรงเหวี่ยงหรือโมเมนตั้มมายาวนาน  จะไปโทษว่า การโต้เถียงหรือการโต้แย้งเป็นสิ่งไม่ดีคงไม่ได้   เพราะในระดับสังคมแล้ว .....บางทีความจริงก็เข้าถึงหรือรู้ได้ยาก....... เพราะ ปชช.ส่วนใหญ่ต้องทำมาหากิน หาเงินหาทอง เพื่อตนเองและครอบครังชั่วนาตาปี  บ้างก็ยากจน ป่วยและไร้การศึกษา   ดังนั้น พวกเขาหรือปชช.ส่วนใหญ่จึงขาดจิตสำนึกทางสังคม-การเมืองซ้ำยังมีหลายระดับอีกต่างหาก   แต่อย่างไรก็ตามสังคมข่าวสารที่กล้าเผยความจริง...คงช่วยได้มากในขณะที่กระบวนการพูดคุยโต้เถียงกันเช่นสภากาแฟที่เกิดขึ้นมากๆ   ก็คงเป็นอีกดอกไม้บานทางความคิด ที่ช่วยขยายขอบข่ายการรู้เท่าทัน ความจริง ที่ครอบคลุมสังคมโดยอำนาจของนักการเมืองที่มักจะมีธรรมชาติโกง  เมือ ไม่มีกระบวนการตรวจสอบที่เพียงพอจากภาคปชช.   ร่ายมายาวเกินไปล่ะนี่...... เพียงจะบอกว่า  ......อารมณ์การแสวงหาความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มีในทุกคน...........   ความรู้สึกเบื่อ บ่งบอกถึงการวาระการสมควรให้ความหมายใหม่ต่อ ความจริงที่แข็งทื่อ ความแตกต่าง คือสิ่งที่ควรเคารพในโลกของการค้นหาความหมายแห่งการดำรงอยู่   การโต้เถียงมิใช่การโต้แย้งเพื่อเอาชนะด้วยอารมณ์หรือพวกมากลากไป..........   แต่คือกระบวนการค้นหาความจริงที่ถอดเอาอัตตาอารมณ์ออกก่อนแล้วมุ่งที่การหาข้อเท็จจริง เหตุผลและการเชื่อมโยงของเหล่าต้นไม้ทางความคิด........... กลายเป็นภาพป่าใหญ่ของเรื่องราวที่สนใจหรือแสวงหานั้น.... พื้นฐานการแสวงหาความจริง คือการพูดคุย การพบความแตกต่าง  การโต้แย้ง  การยอมรับความแตกต่างใหม่ที่พบ แต่ในปริมณฑลที่กว้างขึ้นกลับมีเรื่องผลประโยชน์ที่ขัดแย้ง..... จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการตัดสินใจร่วมกันเพื่อยุติความจริงที่ขัดแย้ง.........   เพื่อให้พอใจทุกฝ่ายมากที่สุดหรือทำความเสียหายน้อยที่สุด...........และนั่นอาจเป็นชัยชนะของความจริงที่เราต่างมุ่งหา   กำลังแสวงหาและไปให้ถึงกระมัง.......?   มันยาก ก็เพราะ เราต่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่แตกต่างในการหาและสร้างความจริงที่เราใฝ่หาด้วยกันทั้งนั้น................. แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 50 11:04:16 จากคุณ : dicky5 - [ 12 ม.ค. 50 10:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความไม่จริง คือ ความจริง ความจริง คือ สมมติ จากสังคม ว่าเป็นความจริง สรรพสิ่งที่มีอยู่ ล้วนแต่เป็นความจริง แต่ก็หาใช่ความจริง เพราะการใส่ชื่อ การให้ความหมาย ความจริงไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเพียงความจริงชุดเดียว หากแต่ความจริงหลายความจริงเกี่ยวพันกันเป็นปัจจัยส่งผลต่อกัน มองมุมหนึ่ง ด้วยสายตาหนึ่ง เห็นความจริงชุดหนึ่ง พอเปลี่ยนแว่นตาก็ได้ความจริงอีกชุดหนึ่ง ความเป็นชาย ความเป็นหญิงอยู่ที่วิทยาศาสตร์นั่นหรือ? นึกถึง คนคนหนึ่ง ที่ชื่อหนึ่ง ออกรายการทีวีช่องหนึ่ง ความจริงที่เราเห็น คือ ความจริงที่เป็นความจริงแท้ หรือเป็นภาพที่ตัดต่อลดทอนบิดเบือนกันแน่? เขา ผู้ตรวจดีเอ็นเอ ได้ชื่อว่าเป็นชาย แต่ เขา และบางคน คิดว่าเขา เป็นหญิง ร่างกายบางส่วน ในตัวเขาเอง ทำให้เขา เชื่อว่าเขาเป็นหญิง แต่วิทยาศาสตร์ บอกว่า เป็นชายแน่นอน มันคืออะไรกันแน่ ในความจริง กับความจริง มันคืออะไรกันแน่ ในสิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราเข้าใจ และความจริงคืออะไรกันแน่ เมื่อ อ่านสิ่งที่ผ่านมาแล้วคนอ่านแต่ละคนเข้าใจไม่เห็นกัน ทั้งที่เป็นอักษรชุดเดียวกัน? อะไรคือความจริง หรือในโลกนี้ล้วนไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ความจริง จึงได้ชื่อว่าเป็น ความจริง! จากคุณ : buaravong - [ 12 ม.ค. 50 16:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปราศจากความขัดแย้งความจริงก็ไม่เกิด ผมยังเชื่อว่า ภายใต้ "เจตุจำนง"(หรือความต้องการ,แรงปราถนา,เจตุนา,need) ถ้ามัน"ดีและมีประโยชน์"พอ ความขัดแย้งทั้งหลาย ก็จะเป็นเรื่องดีแก่ทุกฝ่ายนะครับ เพราะว่า เจตุจำนง เกิดก่อนอะไรทั้งหมด นั้นเป็นตัว กำหนดความจริง เป็นตัวกำหนดเนื้อหา เป็นตัวกำหนดรูปแบบ ไม่มีเจตุจำนง ก็จะไม่มีความขัดแย้งและที่แย่ไปกว่านั้นคือมันจะไม่มีอะไรเลย(เพราะขนาดการเคลื่อนที่ของสังคม ก็ยังต้องอาศัยเจตุจำนง) แม้ว่า "เจตุจำนง" จะเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดการปะทะของความขัดแย้งก็ตาม แต่ถ้าในเบื้องต้น เจตุนามันดีมันย่อมมีประโยชน์แก่คนรอบข้างแน่นอน เราจะได้ความ  "ขัดแย้ง"  "การตัดสินใจ" และ  "ความจริง"  ที่มีประโยชน์น่ะครับ วิธี อื่นๆ คุณภาพอื่นๆ ความจริงอื่นๆ ที่มีประโยชน์ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 16:56:50 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 15:00:15 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 14:56:12 จากคุณ : the author - [ 13 ม.ค. 50 14:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นานาจิตตังครับ เข้ามาอ่านประดับความรู้คับ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 15:23:25 จากคุณ : PREX - [ 13 ม.ค. 50 15:21:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หากโต้เพื่อแพ้ชนะคงไม่โตหรอครับมีแต่หดลง จากคุณ : 101 (NightLight) - [ 29 ม.ค. 50 09:31:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองเขียนให้มันอ่านง่ายๆดิครับ...หรือคิดให้มันง่ายๆสิครับ ความจริง... สิ่งที่เกิดขึ้นจริง... สิ่งที่ทำให้คิดว่าจริง... ที่น่าสนใจกว่าก็คือ ผู้สังเกตเป็นเช่นไร ... ... จากคุณ : หัดสร้างบ้าน - [ 6 ก.พ. 50 21:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ^ ผมไม่ได้บอก ว่า "ความจริง" มันเป็นยังไง ไม่ได้เอากรอบ วิทยาศาสตร์(แขนงไหนก็ตาม) มาจับ วิทยาศาสตร์ กับศิลปะ มันเหมือนกัน ตรงที่ ทั้ง2อย่างมันหาความจริงเหมือนกัน เพียงแต่จุดยืนมันต่างกัน จุดประสงค์จริงๆ ไม่ได้ ต้องการ จะพิสูจน์ความจริงอะไรอย่างเป็นรูปธรรม ในเชิงวิทยาศาสตร์ เพียงแต่กำลังจะบอกว่า ความจริงในเชิงศิลปะ ที่เชื่อในความเป็นมนุษย์แต่ละคน เป็นสิ่งที่สร้างความหมาย ในชีวิตก็แค่นั้นเอง ผมกำลังบอกว่า ความเชื่อในแบบ วิทยาศาสตร์ ลัทธิอุตสาหกรรม สื่อมวลชน มันเป็นความจริงเพียงด้านเดียว เพราะโลกเราผลิตความเชื่อ ความจริง ความงาม ซ้ำซากมาก เหมือนสินค้าที่ผลิตจากโรงงาน แล้วก็ให้ตระหนักว่า คนเราแต่ละคนก็สามารถจะเข้าใจความจริงของตัวเอง ความจริงของโลก(ความจริงอื่นๆ) ได้ด้วยตัวเองแค่นั้นเอง คุณอาจจะต้องย้าย กระบวนทัศน์ ทิ้ง เชื่อตัวเอง แล้วถึงจะเก็ทกระทู้นี้ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 50 02:23:50 จากคุณ : the author - [ 7 ก.พ. 50 02:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ่อ เมื่อกี้พิมพ์ผิดกระทู้นะครับเลยลบ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 50 19:57:10 จากคุณ : the author - [ 9 ก.พ. 50 19:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 fact truth reality ข้อเท็จจริง ความจริง ความเป็นจริง .......... จากคุณ : จริงๆนะ (philosophism) - [ 11 ก.พ. 50 17:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ก็ดีน่ะ.. แต่ถ้าจะมองหาความจริง ลองดูตรงนี่นิดนึงน่ะ  "ความจริงทั้งหลายทั้งมวล ล้วนมาจากการสมมุติมิใช่หรือ?" หากเราสมมุติว่านี่คือของจริงและยึดถือมันว่าจริง มันก็จะเป็นจริงสำหรับเรา แต่เมื่อวันนึงสิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปความจริงที่ผ่านๆมา อาจจะไม่ใช่ความจริงอีกต่อไปก็ได้น่ะ... จากคุณ : ปากกาทอง - [ 1 มี.ค. 50 22:10:58 ]