ความคิดเห็นที่ 7
ในแง่มุมของ วิชาอาวุธไทย
1.. อาวุธไทย โดยเฉพาะดาบ เท่าที่เคยทราบมาเกือบทุกสำนักดาบ จะมีการควงฟัน และ ฟันสะพายแล่ง ดังนั้นเมื่อเข้าศึกสงครามจริง ๆ ย่อมไม่เป็นการสะดวกหากจะต้องสวมเกราะเหล็กหนักถึง 30 กิโลกรัมขนาดนั้น อย่างที่คุณ KAPPA บอกไป
1.1 ลักษณะของ ดาบไทย หรือ แม้แต่ ง้าว หรือ ทวน ไม่ได้มีขนาดใหญ่ และ หนา เหมือนทางยุโรปใช้กัน
อีกประการ เกราะเหล็กจากยุโรป ก็มีส่วนที่ปิดบังรอยต่อคอเอาไว้ ดังนั้น ข้อสันนิษฐานของบางท่าน ที่บอกว่า F=ma นั้น ไม่น่าจะเป็นจริงได้ เพราะอย่างที่ผมบอกไปครับ
การที่ง้าวจะผ่าน เกราะถึง 3 ชั้นลงไปได้ ก็ค่อนข้างจะยาก ยิ่งเป็นง้าวแบบสยาม หรือ พม่า ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
2.. ก็เหตุผลที่คุณ KAPPA บอกอีกข้อคือ ภูมิอากาศแบบบ้านเรา อยู่ในเขตร้อนชื้น เหล็กขึ้นสนิมได้ง่าย ไม่เหมาะกับการดูแลรักษา
แต่ถ้าเป็นหนัง ถึงแม้จะผุไป แต่ก็สามารถทำใหม่ขึ้นมาได้ เพราะอยุธยาก็ส่งหนังสัตว์ออกขายเป็นสินค้าหลัก ดังนั้นการทำเกราะจากหนังจึงไม่ใช่เื่รื่องยาก
เอกสารของพม่าเอง ก็ระบุไว้ว่า เมื่อตีกรุงศรีแตกครั้งที่2 ก็มีการกวาดต้อน ช่างฟอกหนังจากอยุธยาไปด้วย
2.1 ใน มหายาสะวิน หรือ มหาราชวงษ์พงศาวดารพม่า ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า (ฉบับที่พิมพ์ขึ้นใหม่โดยสำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม)ถ้าผมจำไม่ผิดหน้า 212 ระบุว่า
คราวศึกเสียกรุงศรีฯ ครั้งที่ 2 มางของนรทา นายทัพพม่า เอาทวนแทงถูก นายทัพสยามที่กั้นสัปทนแดง เสียชีวิต
ถ้าคติความเชื่อการใ่ส่เกราะเหล็กมีอยู่จริง นายทหารท่านนี้คงไม่เสียชีวิตเป็นแน่แท้
3..จากข้อคิดของคุณยอดมนุษย์ ที่ว่า พบเกราะเหล็กในเรือเดินสมุทร ซึ่ง ทางทีมงานบอกว่า เดินทางไปที่ ฟิลิปปินส์
ผมมีข้อคิดว่า
3.1 ตอนนั้น ฟิลิปปินส์ ยังเป็นเมืองขึ้นของ สเปน ชาวสเปนใส่เกราะเหล็กไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
3.2 ยังไม่ทราบเหมือนกันว่า เรือที่พบนั้นเป็นของคนสยามจากอยุธยาจริงหรือไม่
หรือเป็นแต่เพียงเรือของบริษัท อีสต์ิอินเดีย ของ ฮอลันดา ที่ไปค้าขายกับ ฟิลิปปินส์ เพราะสำนักงานใหญ่ของ อีสต์ อินเดีย ตั้งอยู่ที่ เกาะชวา
แม้แต่ หลักฐานการค้าขาย ของ เยเรเมียส ฟาน ฟลีท หรือ วันวลิต ก็ยังไม่มีระบุถึง เสื้อเกราะเหล็กจากยุโรปส่งเข้ามาขายในสยามตอนนั้นแต่อย่างใด
คงมีแต่เพียง การส่งเป็นเครื่องราชบรรณาการ เข้ามาเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องนำมาใช้จริงในสนามรบ
3.3 เกราะเหล็กที่มีใส่ ก็แต่เฉพาะอาสาต่างชาติ จากยุโรป ถ้าจะบอกว่า พุพังจนหมด ก็ยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเกราะเหล็กของอัศวินยุโรป ในยุคเดียวกันกับ สมัยพระนเรศวร ก็ยังมีตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในภาคพื้นยุโรปเกือบทุกประเทศ
4.. เกราะเหล็กจากยุโรป ที่ราชการไทยเก็บไว้ ปัจจุบันเท่าที่ทราบมีอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ทหารสรรพวุธ ที่ กรมสรรพวุธทหารบก กทม. ครับ
...แต่...
ก็ยังมีข้อให้สงสัยอีกดังนี้
4.1 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เริ่มเก็บของสะสมตั้งแต่ สมัย ร.5 4.2 เกราะเหล็กนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ ก็ยังไม่ทราบประวัติความเป็นมาว่า มีมาแต่สมัยใหม่ อย่างไร ซึ่งอาจก่อนสมัย ร.5 หรือ หลัง สมัย ร.5 ก็ได้
4.3 หรือ แม้แต่ หนังสือเรื่องวิวัฒนาการการแต่งกายของชาวไทย เล่มที่ 2 จัดพิมพ์โดย สำนักงานเอกลักษณ์แห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา
เล่ม 2 นี้ มีการกล่าวถึง เครื่องแบบทหารบก , ทหารเรือ , ทหารอากาศ , ตำรวจ ของไทยตั้งแต่โบราณ
ซึ่ง ก็ไม่ได้มีการกล่าวถึง เกราะเหล็กแบบยุโรป แต่อย่างใด
หรือแม้แต่ หนังสือ ยุทธโกษ ยุทธสมโภช ซึ่ง เป็นหนังสือข่าว ของกองทัพบก เริ่มพิมพ์ตั้งแต่สมัย ร.ศ.111 หรือ เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ก็ไม่ได้มีการกล่าวถึง เกราะเหล็กของพระนเรศวรแต่อย่างใด หรือ แม้กระทั่งเกราะเหล็กของขุนศึกท่านอื่น ๆ ก็ตาม
*** ด้วยข้อสรุปเหล่านี้ ความเห็นส่วนตัวของผม จึงคิดว่า ไม่น่าจะมีการใช้เกราะเหล็ก(แบบยุโรป)กันจริง ในการรบแถบภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะกับ ไทย และ พม่า ครับ
จากคุณ :
ศรีสิทธิสงคราม
- [
22 ม.ค. 50 09:16:39
A:58.10.222.97 X: TicketID:108376
]
|
|
|