Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จากบทความ "ราว พ.ศ. 500 หรือ 2,000(+) ปีมาแล้ว เริ่มมีรัฐขนาดเล็ก ศาสนาพุทธ-พราหมณ์ พบ"ศาสนาผี"ที่สุวรรณภูมิ

    คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม


    ราว พ.ศ.400-500 พวกจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น ขยายการค้าแผ่เข้ามาสุวรรณภูมิทั้งทางบกและทางทะเล ทำให้สุวรรณภูมิกลายเป็นดินแดนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างตะวันตก คือชมพูทวีป กับตะวันออก คือจีนฮั่น เป็นเหตุให้ปริมาณการค้าขายแลกเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น มีผู้คนชนเผ่าชาติพันธุ์อื่นๆ จากที่ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกเคลื่อนย้ายเข้ามาติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

    นอกจากนั้น ยังมีบางพวกเข้ามาตั้งหลักแหล่งถาวรกลายเป็นคนพื้นเมืองต่อไปจำนวนไม่น้อย ส่งผลให้มีการประสมประสานเผ่าพันธุ์หลากหลาย

    ความเคลื่อนไหวทางการติดต่อแลกเปลี่ยนค้าขายครั้งสำคัญนี้ ทำให้มีเมืองท่าหรือสถานีการค้าทางทะเลที่สำคัญมากเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 แห่ง คือ

    คลองท่อม หรือตะโกลา (Takola ที่ควนลูกปัด อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่) ทางอ่าวพังงาฝั่งทะเลตะวันตก

    ออกแก้ว (Oc-eo) หรือฟูนัน (Funan) (ที่ปากแม่น้ำโขง) ทางเวียดนามฝั่งทะเลตะวันออก

    ในช่วงเวลานี้เอง บริเวณสุวรรณภูมิลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาก็เกิดบ้านเมืองสำคัญขึ้นทางฟากตะวันตกของอ่าวไทย (หรือสมัยหลังต่อมาคือฟากตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา) ตรงที่เป็นดินแดนระหว่างลำน้ำแม่กลองกับลำน้ำท่าจีน (ปัจจุบันมีลำน้ำสาขาเรียกลำน้ำจรเข้สามพัน) รู้จักกันต่อมาภายหลังในชื่อเมืองอู่ทอง (อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี)

    เมืองอู่ทองหรือจินหลิน (กิมหลิน) นี่เองที่ชนชั้นสูงอันมีหัวหน้าเผ่าหรือเจ้าเมืองเป็นผู้นำเลือกรับพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์พร้อมๆ กัน แล้วก็น่าจะเริ่มสร้างสถูปเจดีย์เป็นครั้งแรกและแห่งแรกขึ้นที่นี่ หลังจากนั้นอีกนานจึงสร้างสถูปเจดีย์อย่างเดียวกันแผ่กระจายกว้างขวางออกไปยังที่อื่นๆ อย่างสืบเนื่อง เช่น ที่เมืองนครชัยศรี (หรือนครปฐมโบราณ) ฯลฯ แต่บางแห่งก็รับทั้งพุทธ-พราหมณ์ผสมกัน เช่น ที่เมืองละโว้ (ลพบุรีโบราณ) ฯลฯ

    หนังสือมหาวงศ์ พงศาวดารลังกาทวีป ระบุว่าพระเจ้าอโศกทรงส่งสมณทูตออกเผยแผ่พุทธศาสนาหลายทิศทาง แต่ทิศทางหนึ่งมีพระสงฆ์ 2 รูป คือ โสณะและอุตตระ เดินทางโดยอาศัยเรือพ่อค้ามาถึงดินแดนสุวรรณภูมิ

    พระเจ้าอโศก ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.214 หรือ 218 ถึงราว พ.ศ.255 ฉะนั้น การเดินทางของพระสงฆ์ต้องมีขึ้นก่อน พ.ศ.255 เลียบชายฝั่งอ่าวเบงกอล ผ่านบังกลาเทศและพม่า แล้วตัดมาถึงฝั่งทะเลอันดามันบริเวณที่เป็นเมืองทวายหรือเมืองอื่นๆ ใกล้เคียง แล้วเดินบกเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ ลงลำน้ำแควน้อย-แควใหญ่ ต้นน้ำแม่กลอง เข้ามาถึงบริเวณอ่าวไทย ชายทะเลโคลนตม ที่ต่อมาคือลำน้ำท่าจีน และจะมีเมืองอู่ทองหรือเมืองจรเข้สามพันต่อไปข้างหน้าราวหลัง พ.ศ.500

    บริเวณลำน้ำท่าจีน-แม่กลอง มีชุมชนขนาดใหญ่ระดับเมืองตั้งแต่ 3,000 ปีมาแล้ว อยู่บริเวณดอนตาเพชร (อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี) และอู่ทอง (อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี) ที่ดอนตาเพชร-อู่ทอง นี่เอง ศาสนาพุทธจะแพร่หลายออกไปถึงที่อื่นๆ เช่น บริเวณลุ่มน้ำลพบุรี-ป่าสัก, ลุ่มน้ำบางปะกง-พานทอง, ลุ่มน้ำชี-มูน, ลุ่มน้ำโขง ฯลฯ

    คนพื้นเมืองดั้งเดิมนับถือ "ศาสนาผี" มาก่อนนานแล้ว มีผู้หญิงเป็นหัวหน้าทำพิธีกรรม เท่ากับผู้หญิงเป็นผู้สืบทอดพิธีกรรมในศาสนาผี เมื่อศาสนาพุทธ-พราหมณ์ที่มีผู้ชายสืบทอดพิธีกรรมแผ่มาถึงสุวรรณภูมิก็เกิดปะทะขัดแย้งก่อน แล้วประนีประนอมประสมประสานเข้าด้วยกันในภายหลัง โดยมีศาสนาพุทธ-พราหมณ์เป็นแกนนำหลัก และเป็นเครื่องมือทันสมัยในการปกครองรวบรวมผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ให้มีศูนย์รวมร่วมกันอยู่ที่พุทธ-พราหมณ์

    นับแต่นี้ไป คือราวหลัง พ.ศ.500 ชุมชนบ้านเมืองในศาสนาผีที่รับพุทธ-พราหมณ์ จะเติบโตขึ้นเป็นบ้านเมือง แล้วมีพัฒนาการขึ้นเป็นรัฐขนาดเล็กบริเวณทะเลโคลนตมอย่างน้อย 2 แห่ง คือบริเวณอู่ทอง ปากน้ำเจ้าพระยาในประเทศไทย และบริเวณออกแก้ว ปากน้ำโขงในประเทศเวียดนาม ที่ต่างรับอารยธรรมจากอินเดียและจีนเหมือนๆ กัน

    ผู้คนพลเมืองของ 2 บริเวณนี้ มีหลายเผ่าพันธุ์ผสมผสานอยู่ด้วยกันมาก่อน และจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีภาษาพูดคล้ายคลึงกัน ถือเป็นภาษาร่วมสุวรรณภูมิใช้สื่อสารกันได้ทั่วไป แต่จะเริ่มรับภาษาอื่นเข้ามาใช้งาน เช่น ภาษาจากอินเดีย ภาษาจากจีน ฯลฯ จากนั้นก็รับตัวอักษรที่มากับศาสนาพุทธ-พราหมณ์ ยกย่องเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรม ใช้สื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออำนาจเหนือธรรมชาติ แล้วยกย่องพิธีกรรมพุทธ-พราหมณ์มาผสมผสานกับพิธีกรรมพื้นเมืองดั้งเดิมเป็นแบบแผนเฉพาะสุวรรณภูมิ เช่น พิธีบวชนาค ที่จะมีต่อไปข้างหน้า

    บ้านเมืองและรัฐขนาดเล็กยุคนี้ยังไม่พบหลักฐานมีชื่อเรียกแท้จริงว่าอะไร? ที่เรียกอู่ทองกับออกแก้วเป็นชื่อสมมุติเรียกในปัจจุบันซึ่งไม่ใช่ชื่อจริงในอดีต ผู้คนพลเมืองดั้งเดิมเป็นใคร? ชนชาติเผ่าพันธุ์อะไร? ก็ไม่มีหลักฐานบอกได้ตรงๆ

    แต่มีร่องรอยต่อเนื่องบอกได้ว่าล้วนเป็นบรรพบุรุษทางสังคมและวัฒนธรรมของคนอุษาคเนย์ทุกวันนี้ รวมทั้ง "คนไทย" ในประเทศไทย

    ที่มา : www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra04090250&day=2007/02/09&sectionid=0131

    แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 50 14:34:50

    จากคุณ : วรณัย - [ 9 ก.พ. 50 14:21:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom