PANTIP.COM : K5157429 ถามน้าแอ็ดค่า ยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า [รวมพลนักแปล]

ความคิดเห็นที่ 8

ตอบ #6

อย่างนี้เขายังไม่เรียก ADR - Adverse Drug Reaction จ้ะ เขาเรียกว่า AE - Adverse Event เพราะมันยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากยาหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงบังคับให้คนทำการทดสอบยานั้นต้องรายงานเหตุการณ์ทุกอย่างที่เป็นผลเสียต่อคนไข้ เกี่ยวไม่เกี่ยวกับยาก็ไม่รับรู้ ต้องรายงาน แล้วค่อยว่ากันทีหลังว่าเกี่ยวกับยาหรือไม่ อย่างไร พอสรุปได้ว่าเกิดจากยาจริงๆแล้วก็กลายเป็น ADR ของยาตัวนั้นๆไป

สำหรับ steatosis พูดแบบฝรั่งชาวบ้านก็คือ fatty liver เป็นลักษณะที่มีไขมันไปสะสมพอกพูนแทรกอยู่ในเนื้อตับ เมื่อก่อนก็ว่ามันไม่มีอันตรายแต่เดี๋ยวนี้เขาถือเป็นพยาธิสภาพอย่างหนึ่งซึ่งจะนำไปสู่โรคที่ร้ายแรงขึ้นคือเป็นตับแข็ง เมื่อก่อนพูดถึงตับแข็งก็จะนึกถึงแต่คนกินเหล้าถึงเป็นได้ ไอ้ตับแข็งจากเหล้านี่เขาเรียกรวมๆว่า Alcoholic Liver Disease - ALD เดี๋ยวนี้เขายืนยันแล้วว่า ไม่กินเหล้าก็เป็นตับแข็งได้ ก็คือไอ้ที่หนูถามมานี่แหละ เขาเรียกว่า Nonalcoholic Fatty Liver Disease - NAFLD มันจะเกี่ยวข้องกับโรคพวก metabolic syndrome คือ ไขมันในเลือดสูง ความดัน เบาหวาน พวกนี้จะมี triglyceride ไปพอกที่เนื้อตับมาก เป็นนานๆก็จะทำให้ตับอักเสบจากไขมันอย่างที่เรียกว่า Nonalcoholic steatohepatitis - NASH ซึ่งก็จะไปลงเอยเป็นตับแข็งหรือ cirrhosis ได้เหมือนกันนั่นแล

ตอบ #7

ตรวจเลือดแล้วพบ anti-HIV +ve ก็คือ การตรวจพบแอนติบอดี้ต่อเชื้อไวรัส HIV ในเลือดนั่นเอง ก็หมายความว่า บุคคลผู้นั้นติดเชื้อเอดส์

อย่างไรก็ตาม บอกเขาว่าอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ตั้งสติให้ดีก่อน ถามเขาอย่างนี้

1.ไปตรวจเลือดที่ไหน กับใคร?
ที่ต้องถามเพื่อให้แน่ใจได้ว่าการตรวจและการรายงานผลเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เชื่อถือได้ ปกติแล้ว lab มาตรฐานเขาจะต้องตรวจเลือดด้วยวิธี ELISA ก่อน ถ้าเกิดบวก ก็จะต้องตรวจซ้ำด้วย ELISA อีก kit หนึ่งที่ไม่ใช่ของบริษัทเดิม ถ้ายังบวกซ้ำอีก ก็ต้องยืนยันด้วยการตรวจ Western Blot อย่างนี้จึงจะครบกระบวน การตรวจด้วยกรรมวิธีอื่นๆเป็นแค่ screening test หรือแม้แต่ home test ซึ่งทาง clinical เขาจะต้องตรวจซ้ำด้วยวิธีมาตรฐานอย่างว่าก่อนทั้งสิ้นเนื่องจากการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ HIV นั้นเป็นเรื่องยุ่งยากลำบากทั้งคนไข้ทั้งหมอเอาการอยู่ แม้ว่าผลการรักษาจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม ดังนั้นจึงต้องยืนยันกันให้แน่นอน

2. แล้วทำไมถึงไปตรวจ? ใครแนะนำให้ตรวจ
ปกติกระบวนการตรวจ HIV นั้นต้องเป็นกระบวนการที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าตัว ใครแอบตรวจนี่ถือว่าละเมิดนะครับ เพราะมันมีผลกระทบต่อเจ้าตัวรุนแรงมาก กรณีศึกษาอย่างในกรณีของคุณแก้วไงล่ะ ถ้าหมอแนะนำให้ตรวจก็ต้องมีกระบวนการแนะแนวให้คำปรึกษาอย่างที่เรียกว่า counseling ประกอบด้วยเป็นการประคับประคองจิตใจของเจ้าตัว ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมรายนี้ถึงโผล่มากุดๆ ไม่มีใครคอยดูแลเขา

บอกเขาว่าเดี๋ยวนี้โรคเอดส์รักษาได้แล้ว ในกรณีที่จำเป็นต้องกินยาต้านไวรัสนั้น รายที่ได้ผลนั้นถึงขนาดตรวจหาตัวไวรัสไม่เจอเอาเลย รู้ว่าติดเชื้อก็เพียงเพราะตรวจเจอ anti-HIV อย่างว่า ให้เขาไปหาคุณหมอเพื่อรับคำปรึกษาและการรักษาที่ถูกต้องแล้วจะอยู่ได้ด้วยความสุขสบายเกือบเหมือนคนปกติทุกอย่าง

จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 23 ก.พ. 50 00:24:23 ]