ความคิดเห็นที่ 1 การลอกทอง เนี่ย ต้องเผานะครับ เป็นได้ ทั้งลอกไปฝังไว้เอง และ ลอกไปบรรณาการเพื่อให้รอดโทษตาย รวมทั้งผู้ชนะ เป็นฝ่ายลอก จากคุณ : greeny pony - [ 23 ก.พ. 50 23:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 24 ก.พ. 50 03:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นสินะ เป็นไปได้ทั้งนั้น ถ้าไทยทำเองจะกล้าบอกลูกหลานรึก็คงไม่ จากคุณ : ขอซักชื่อเหอะ - [ 24 ก.พ. 50 05:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วจะบอกต่อๆ กันว่า ทองที่ลอกได้ เอาไปห่อชเวดากอง แล้วจะมาคนออกมาด่าเจดีย์ชเวดากอง แบบไร้สติ ทั้งๆ ที่ ชเวดากองคือที่บรรจุเส้นพระเกศาของพุทธองค์ เหมือนพระธาตุองค์อื่นๆ จากคุณ : Viengวิไล - [ 24 ก.พ. 50 11:07:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องค้นหาวัตถุประงสงค์ที่พม่ามาตีกรุงฯ กร่อน ว่าอยากได้อยุธยาในฐานะอะไร ถ้าเอาไว้เป็นเมืองบรรณาการ เมืองขึ้นก็ไม่เผา ถ้าไม่ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้  ในบันทึกของบาทหลวงฝรั่งเศสก็บันทึกตรงกันว่า เมื่อพม่าเคลื่อนกำลังเข้าใกล้เมืองมากเท่าไหร่ ก็เผาทำลายอาคารสิ่งปลูกสร้าง เช่น โบสถ์ของชาวฝรั่งเศสก็โดนเผา จากคุณ : น้องหมูแดง - [ 24 ก.พ. 50 12:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ยังไงก็กรรมตามสนองเค้ามาแล้ว อย่าไปว่าเค้าเรย ว่าแต่ ประเทศเราไปทำอะไรไว้กับประเทศอื่นหรือเปล่า พวกก่อการร้ายนอกศาสนาถึงเยอะขนาดนี้ จากคุณ : natthaset - [ 24 ก.พ. 50 13:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วคนไทยเล่าบางอย่างเกี่ยวกับพม่า เล่าได้ทุเรศมาก ๆ เล่าว่าพม่าให้คนไทยขนทอง โดยเอาเหล็กเจาะที่เท้า แล้วให้ลาดทองไป.........คิดตามตรรกะนะ ลากไปกี่ชาติ ก็ไม่มีทางถึงหรอกครับ ลำพังพม่า มันขนทองไปไม่หมดหรอก ทำได้แค่ขนทรัพย์สมบัติของชาวบ้าน และที่ตกตามพื้น แล้วก็เผากรุงตามธรรมเนียมผู้ชนะสงคราม ส่วนลอกทองคงไม่ต้องบอก พม่ามันไม่หันกลับมาเอาหรอก เผาเมืองไปเรียบร้อยแล้ว มีนักประวัติศาสตร์บางท่านลงความเห็น ว่าอาจจะเป็นฝีมือพวกคนไทย และคนจีนแถวนั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 06:49:39 จากคุณ : NgaoMak - [ 24 ก.พ. 50 17:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องเผากรุงศรีฯ เมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ ๒ นี่น่าคิดครับ เพราะเอกสารทางฝ่ายไทยนั้นยืนยันกันเป็นแม่นมั่นว่าพม่าเผาจริงๆ (ให้ดิ้นตาย) และยังว่าพม่าขนเอาทองและทรัพย์สมบัติจากกรุงศรีฯ ไปยังพม่าอีก อย่างที่เรียกว่าเก็บเรียบซะทุกอย่างไม่ให้เหลือ และไม่ให้มีกรุงศรีอยุธยาได้อีกต่อไป ความมุ่งหมายในการตีกรุงศรีฯ ครั้งที่ ๒ ของพระเจ้ามังระ ต่างไปจากการตีกรุงศรีฯครั้งที่ ๑ ของพระเจ้าบุเรงนองอย่างชัดเจน กล่าวคือ ในขณะที่พระเจ้าบุเรงนองตีกรุงศรีฯ เพื่อที่จะเผยแผ่พระบารมีให้เป็นที่ประจักษ์อย่างพระราชาธิราช, แต่พระเจ้ามังระกลับต้องการที่จะทำลายกรุงศรีฯ เป็นสำคัญ ผลของสงครามทั้งสองครั้งจึงออกมาแตกต่างกัน ในครั้งแรกนั้นพม่าไม่ได้หมายทำลายกรุงศรีฯ แต่ต้องการให้กรุงศรีฯ ยอมรับพม่าในฐานะ "พี่ใหญ่" ในอุษาคเนย์ พม่าจึงไม่ได้เผาทำลายบ้านเมืองให้ราบ ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจตรงกันระหว่าไทยและพม่า แต่ในครั้งที่ ๒ นี้แตกต่างไป, เอกสารไทยกล่าวว่าพม่าจุดเผาทำลายเมือง ปล้นสะดมทรัพย์สิน ลอกทอง ทำร้ายราษฎรผู้บริสุทธิ์ เป็นมารศาสนา ฯลฯ (ด่าแบบสาดเสียเทเสีย) แต่เอกสารพม่ากลับบอกว่า พม่าตีกรุงศรีฯ โดยไม่ได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เผาเมือง ไม่ได้ลอกทอง เพียงแต่เห็นว่าได้เมืองแล้วก็ตั้งคนไว้รั้งเมือง แล้วก็ยกทัพกลับ (เก็บความจาก "History of Burma" ของ หม่องทินอ่อง) แต่ก็อย่างว่าละครับ, เอกสารมันต่างกัน ทางฝ่ายเอกสารฝรั่งเองที่ตรงกับไทยก็มี ที่ตรงกับพม่าก็มี เลยยังสรุปกันจริงๆจังๆได้ลำบาก... จึงยังคงรอผู้รู้มาตัดสินต่อไปครับ จากคุณ : รัตนาดิศร - [ 24 ก.พ. 50 20:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบ     ความคิดเห็นที่ 6   ที่ถามว่า "ว่าแต่ ประเทศเราไปทำอะไรไว้กับประเทศอื่นหรือเปล่า พวกก่อการร้ายนอกศาสนาถึงเยอะขนาดนี้" ตำรวจไปจับ ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ ที่วางระเบิดบาหลี (รึที่ใหนนี่แหละ) ปีก่อนนู้น~ ไงครับ ที่เสธ.แดง ว่า "ตำรวจ ได้รางวัลนำจับ/ประชาชน ได้ลูกระเบิด"  น่ะครับ จึงกลายเป็นการ "นำเข้า การก่อการร้าย" ไปซะงั้น จากคุณ : หมออาคม - [ 24 ก.พ. 50 20:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอ้า ทำมา ทำไปเดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นการเมืองซะนั่น คืองี้ครับ เอาสั้นๆ...เนาะ..พม่าและอยุธยา เป็นรัฐในอุษาคเนย์ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ในเวลาไล่เลี่ยกัน ในสมัยนั้นรัฐที่มีพระเจ้าแผ่นดินปกครองอาณาจักรนั้น จะมีโลกทัศน์ในเรื่องของจักพรรดิราช ตามคติไตรภูมิ คือจักรพรรดิราชในโลกที่เชื่อกันนั้นคือเจ้าผู้ครองอาณาจักรที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ฉะนั้นถ้าหากอยู่ร่วมจักรวาลเดียวกันแล้วจะมามีศูนย์กลางสองแห่งไม่ได้ โดยเฉพาะระยะหลังก่อนเสียกรุง ทางรามัญประเทศ คือมอญ เริ่มออกมาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารของเจ้าทางอยุธยา เท่ากับว่ากษัตริย์พม่าไม่ใช้ศูนย์กลางอีกต่อไป ซึ่งเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศอย่างมากในความหมายของฅนโบราณ เมื่อมีการยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อตีได้ จึงต้องทำการทำลายเสีย ทั้งวัดและวัง ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของจักรวาลให้หมด ผมมองว่าการเผาลอกทองนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ไม่สามารถนำพระพุทธรูป หรือทองนั้นไปได้ จึงต้องทำการเผาเพื่อให้ทองหลอมละลายและนำไปได้ ส่วนที่บอกว่าเอาไปปิดยอดชเวดากองนั้น คงไม่จริงหรอกครับ เพราะยอดของชเวดากอง ชเวนันดอ หรือ ชเวมอดอ นั้น ปิดทองมานานแสนนานด้วยกษัตริย์พม่าและชาวพม่ามานานก่อนหน้านั้นแล้วครับ เอาแค่นี้ก่อนเนาะ... จากคุณ : orcahappy (orcahappy) - [ 24 ก.พ. 50 21:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ร่วมกันเผาครับ (ม่าน เจ๊ก ฝรั่ง บัง ไทย) เพราะเมืองจะแตกย่อมเกิดจราจล ดังนั้นการเผาลอกเอาทองไว้เป็นทุนอำนาจ หรือทุนสงครามย่อมเป็นธรรมดาครับ เผลอ ๆ เริ่มเผาก่อนพม่าเข้าเมืองด้วยซ้ำครับ ง่าย ๆ นะครับ ถ้าพม่ากวาดเรียบจริง กลุ่มต่าง ๆ ที่แตกจากอยุธยาจะเอาทุนรอนที่ไหนมาสร้างอิทธิพลหรือทำสงครามล่ะครับ จากคุณ : Roh_Z - [ 24 ก.พ. 50 22:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมก็คิดว่าร่วมกันเผามันทุกคนนั่นแหละ อย่างอิรัก ที่โดนอเมริกายึด ชาวอิรักเองยังเข้าไปขโมยสมบัติในวัง ซัดดัมเลย จากคุณ : MRT - [ 24 ก.พ. 50 22:37:06 A:58.8.63.160 X: TicketID:113511 ]

ความคิดเห็นที่ 13 วันที่ ๗ เมษายน ๒๓๑๐ กำแพงพระนครศรีอยุธยาก็ถูกทำลายลง พม่ายกเข้าเมือง  บุคคลในรัฐบาลอยุธยาที่เหลืออยู่พากันหลบหนีไปเท่าที่จะทำได้ บ้างก็ถูกจับกุม  ซึ่งพระราชพงศาวดารพม่าได้กล่าวไว้ (Relationship with Burma, Selected Articles From the Siam Society Journal, V - VI, Bangkok, 1959, p. 50) พม่าเข้าเมืองได้แล้วก็กวาดต้อนผู้คนและเก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติ "สั่งให้เผาพระนครและปราสาททั้ง ๓ องค์ และให้เผาอารามและวิหารเสียให้หมดด้วย และสั่งให้ทำลายกำแพงเมือง และบรรดาเข้าของที่มีอยู่ในกรุงศรีอยุธยา มีพระไตรปิฎกคือพระธรรมวินัย เป็นต้น สั่งให้ทำลายเสียแล้วก็กลับมายังพระนครแห่งตน" นี่เป็นคำบรรยายของบุคคลผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเห็นเหตุการณ์ (วนรัตน์, พระ, พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาภาษามคธและคำแปล, พระยาพจนสุนทร แปล, พระนคร, พิมพ์ในงานศพท่านเลื่อม บุนนาค, ๒๔๕๙, หน้า ๒๗) การทำลายล้างอย่างบ้าคลั่งเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของพม่า คือ ทำลายแหล่งที่เป็นปัจจัยบั่นทอนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของราชอาณาจักรอังวะให้สิ้น  เพื่อมิให้มีกำลังที่จะมี "พระบรมโพธิสมภาร" ให้แก่หัวเมืองพม่าพึ่งพาได้อีกต่อไป   เพราะฉะนั้น การทำลายศูนย์กลางอันศักดิ์สิทธิ์ของไทยนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายทางการเมืองพม่า  มิใช่เป็นความโหดร้ายทารุณของกองทัพโจรอย่างที่เข้าใจกันมา   พระนครศรีอยุธยาจึงถูกทำลายทางวัตถุ เช่น เผา กวาดต้อนผู้คน รื้อป้อมปราการ และอาจมีการทำลายทางไสยศาสตร์ผสมอยู่ด้วย ได้แก่ การเผาทำลายพระอาราม, เจดีย์, วิหาร และพระพุทธรูป ซึ่งล้วนเป็น "ขวัญ" ของเมือง (คือการทำลายขวัญของคนกรุงศรีอยุธยานั่นเอง) ทั้งนี้ เป็นไปตามพระบรมราชโองการของพระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่าในเวลานั้นที่บอกถึงจุดมุ่งหมายของกองทัพพม่าที่โปรดให้ยกมาตีกรุงศรีอยุธยา ซึ่งพระราชพงศาวดารพม่า ฉบับหอแก้วกล่าวไว้ชัดเจนในคราวที่พระเจ้ามังระได้รับข่าวจากเนเมียวสีหบดีว่าจะตีอยุธยาได้อยู่แล้วว่า "เมื่อได้อยุธยาแล้ว ให้ทำลายเมืองลงจงย่อยยับ แล้วจับพระเจ้าแผ่นดินกับพระบรมวงศานุวงศ์ส่งไปเมืองพม่าให้หมด" (Relationship with Burma, Selected Articles From the Siam Society Journal, V - VI, Bangkok, 1959, p. 43-44) (ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือ "การเมืองไทย สมัย พระเจ้ากรุงธนบุรี" โดย ศาสตราจารย์ ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์, กรุงเทพฯ, มติชน, ๒๕๔๖) .................... ส่วนสาเหตุของความโกรธเคืองของพระเจ้ามังระได้เคยเล่าไว้แล้วในกระทู้เกี่ยวกับพระเจ้าตากสินครับ จากคุณ : วศินสุข - [ 24 ก.พ. 50 22:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมมองว่ากรณีนี้ก็คงคล้ายๆกับกรณีนานกิงครับ คงไม่มีใครอยากเป็นผู้ร้ายทางประวัติศาสตร์ พม่าเผาก็มีเหตุผล เพราะมาเพื่อทำลายล้าง แต่ผมยังสงสัยว่าทำไมไม่เชิญเป็นองค์ๆไป จะได้ประดิษฐานที่พม่าด้วย ทำไมต้องลดค่าองค์พระให้เหลือเพียงแค่เศษทอง คนไทยด้วยกันทำก็มีเหตุผล ถ้าเรามองในมุมของlaw of nature(ใช่ป่าวหว่า) เพราะในตอนนั้นกฏของสังคมไม่น่าจะใช้ได้ เรื่องแบบนี้ ก็เป็นสิ่งธรรมดาไปในสังคมที่ยุ่งเหยิง จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา - [ 25 ก.พ. 50 03:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ องค์พระและสถาปัตยกรรมทางศาสนาในกรุงศรีอยุธยาไม่ใช่สิ่งบูชาในทางศาสนาอย่างเดียวค่ะ เป็นการแสดงถึงอำนาจราชศักดิ์ของเจ้าผู้ปกครองในขณะนั้น การเผาทำลายนั้นโดยจริงแท้คือการทำลายสัญลักษณ์ทางอำนาจของราชวงศ์ผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาและตัวกรุงศรีอยุธยาเองที่มีต่อเมืองอื่นๆ จากคุณ : AntiSpam - [ 25 ก.พ. 50 08:08:55 A:124.120.95.190 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลองอ่านเพลงยาวรบพม่าท่าดินแดงดูก็จะรู้ว่าใครเผา จากคุณ : คนโบราณ - [ 25 ก.พ. 50 18:01:06 A:203.147.20.138 X: TicketID:139368 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณความเห็นที่ 8 (คุณรัตนาดิศร) นี่ อ้างอิงข้อมูลมาจากหนังสือเรื่อง "การเมืองไทยในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี" ของ นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์ หรือเปล่าครับ? โดยส่วนตัวผมก็เห็นด้วยกับเหตุผลนั้น เรื่องความแตกต่างของจุดหมายในการตีกรุงศรีอยุธยา ของพม่าทั้ง 2 ครั้ง และผมขอเสริมต่อว่า... 1. ในการเสียกรุงครั้งที่ 2 นั้น เนื่องจากพม่าต้องการทำลายกรุงศรีอยุธยาให้สิ้นซากไปเลย จึงเผาทุกอย่างที่ยึดได้ ทำให้หลังพระเจ้าตากกู้อิสรภาพได้ต้องทำการย้ายเมืองหลวง เพราะยากจะบูรณะได้ในระยะเวลาอันสั้น 2.ในการเสียกรุงครั้งนั้น พมากวาดต้อนเชลยไทยไปเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดว่า ปัจจุบันนี้ ยังมีชุมชนชาวไทยขนาดใหญ่อยู่ในประเทศพม่า (จำไม่ได้แล้วว่าเมืองอะไร) 3. ในการตีกรุงศรีฯ ได้ในครั้งนั้ ทำให้พม่าเหลิง และ คิดว่าตัวเองแน่ จึงไม่เปิดรับความเปลี่ยนแปลงของโลก (ที่กำลังเริ่มเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคม) ทำให้พม่าเสร็จอังกฤษในที่สุด  ส่วนไทยหลังจากแพ้ครั้งนั้น จึงยอมรับว่า สิ่งต่างๆ ที่เรียนรู้มาไม่ได้ดีพอ จึงเปิดประเทศรับความเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้ไม่เป็นเมืองขึ้นใคร 4. ขอเสริมนอกเรื่องหน่อยนะครับ คุณลองไปอ่านหนังสือ "ผู้ชายที่ตามรักเธอทุกชาติ" ของ  รินทร์ เรียววารินทร์(ไม่รู้สะกดถูกหรือเปล่า สิครับ มีเรื่องราวจากจินตนาการสนุกๆ แบบน่าจะเอามาทำพลอตเรื่องหนัง  "รหัสลับการเสียกรุ.ครั้งที่ 2"  ในชวงการเสียกรุงครั้งนั้น.. ......ผิดถูกประการใดขออภัยด้วย... จากคุณ : eskimo_man - [ 6 มี.ค. 50 13:49:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พี่ๆ ที่เรียนเอกประวัติศาสตร์บางคนเล่าให้ฟังว่า... ไทยเราเผาเราเองนี่ล่ะค่ะ เอ่อ...เค้าว่าพวกพ่อค้าช่างทองสมัยนั้นล่ะค่ะตัวดีนักเชียว จากคุณ : รักกันรักกัน - [ 8 มี.ค. 50 21:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ที่รัสเซียเผามอสโก แต่สุดท้ายก็เอาชนะทัพพระเจ้านโปเลียนได้ แล้วอยุธยาละ???? จากคุณ : sutthisan - [ 9 มี.ค. 50 19:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าร่วมด้วยช่วยกันเผาล่ะ แต่ที่ทรุมโทรม หักพังๆ เพราะตอนต้นกรุงมีการรื้อนำหินจากอยุธยามาสร้างกำแพงเมืองด้วย จากคุณ : Zorro - [ 11 เม.ย. 50 07:16:44 ]