ความคิดเห็นที่ 82
เรื่องเกี่ยวกับของหลวง ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นของหลวง มีในบ้านแม้แต่ชิ้นเดียว เจ้าคุณพี่กำชับเด็กรับใช้ที่อยู่ด้วยในวังเป็นหนักหนา มิให้นำอะไรติดมือมาบ้านเลย ตอนหลังเมื่อในหลวงสวรรคตแล้ว พบช้อนกาแฟมีตรา ร.๖ อยู่ที่บ้าน ๑ คัน เจ้าคุณพี่ถึงกับสอบสวนหาคนที่เอามา และให้รีบนำเอาไปคืนทันที
นึกขึ้นได้อีก เจ้าคุณพี่ติดบุหรี่มาเต่เด็ก เพราะได้รับการควบคุมน้อย ห่างพ่อห่างแม่ก็ถลำสูบจนติด สมัยนั้นสูบบุหรี่ตรานกอินทรี สูบเรื่อยมา จนกระทั่งไปทำงานในวัง จึงได้พยายามอด แต่ก็อดยากเพราะสูบมานาน ต้องใช้วิธีชบเม็ดแตงโมแข่งกัน คือ ซื้อเม็ดแตงโมมาไว้มาก ๆ พออยากสูบบุหรี่ก็เรียกเด็ก ๆ คนใช้ในวังของตนเองบ้าง ของคนอื่นบ้าง มาขบเม็ดแตงโมแข่งกันว่า ใครจะขบได้กองโต กว่ากัน พอให้ลืมอยากบุหรี่ ทำอย่างนี้อยู่ไม่นานก็อดบุหรี่ได้ เรื่องการอดบุหรี่นี้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ไม่ต้องการให้ขึ้นชื่อว่า ทำงานในวัง สูบบุหรี่ของหลวง เพราะบุหรี่ที่ในหลวงทรงนั้น มีมากมายหลายอย่าง มีบริษัทบุหรี่ชื่อ ซีปาปายาโนบูโร๊ส ตั้งอยู่ที่ถนนสี่พระยาเป็นผู้สั่งผ่านเข้ามา บุหรี่ซิกาแรต ตัวแบน ๆ ก้นหุ้มแพรสีแดง จำชื่อได้ชนิดหนึ่ง ชื่อ ชวนชื่น ส่วนบุหรี่ซิก้าก็มีปลอกตราครุฑ ตรามงกุฎ และตราคิงยอร์ช เคยเห็นเด็กเก็บปลอกมาให้ดู โดยเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดพระยุคลบาท ถ้าจะซื้อสูบของตนเองตามชนิดที่ชอบในท้องตลาด ก็คงป้องกันการครหานินทาไม่ได้ว่า สูบบุหรี่ของหลวง เจ้าคุณพี่จึงเลิกสูบบุหรี่แต่นั้นมา
เจ้าคุณพี่เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์มั่นคง ไม่ยอมเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว อุทิศชีวิตเพื่อราชการ ภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัวตลอดมา มิได้หาความสุขส่วนตัวเป็นใหญ่ ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงพิจารณาเห็นว่า พระยานรรัตนราชมานิตเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์มั่นคง ทั้งสูงด้วยความกตัญญูกตเวที ทั้งมีความรู้สูงสมควรเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย จึงได้ทรงแต่งตั้งให้เข้ารับราชการ ดังที่ข้าพเจ้าได้อัญเชิญบางตอนในสัญญาบัตรตอนหนึ่ง มีใจความว่า เราได้ตั้งใจให้จางวางตรี พระยานรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ป.ม., ท.จ., ว.ม.ล., ว.ป.ร. ๓ ซึ่งเป็นที่รักใคร่ไว้วางใจของเรา เป็นองคมนตรี รับปรึกษาราชการในตัวเรา เพิ่มศักดินาขึ้นอีก ๑,๐๐๐ เพื่อจะได้ช่วยเราคิดทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นคุณประโยชน์มีความเจริญสมบูรณ์ ฯลฯ
แต่เจ้าคุณพี่ยึดมั่นในทางหลักสัจธรรมพุทธศาสนา อุทิศกายถวายตัวถวายชีวิตแก่ทางศาสนาเสียแล้ว จึงไม่ได้ยินดีลาภยศสรรเสริญในทางโลก แม้จะใหญ่โตเพียงใด ก็ยังอยู่ในกองทุกข์ หนีไม่พ้น นอกจากทางหลักสัจธรรม มีศีล สมาธิ ปัญญา ที่สามารถจะหลุดพ้นความทุกข์ไปได้ เพราะตัดขาดทางโลก ไม่ยินดียินร้ายในสิ่งใด จึงไม่ได้รับตำแหน่งตามพระราชประสงค์ที่ทรงพระกรุณาแต่งตั้งให้ตามสัญญาบัตร
จากคุณ :
WIWANDA
- [
2 เม.ย. 50 11:43:30
]
|
|
|