ความคิดเห็นที่ 2
ตอน 1 ภาษาอังกฤษที่เรามักมองข้าม
1.เดี๊ยน / ผมขอฝากข้อความได้ไหม? Could I leave a message? My name is
บุญเปิง
Could you tell him /her I called? I will call back later. ผม / เดี๊ยน ชื่อ บุญเปิง หรือ คำเฉื่อย (ชื่อของคุณ) ช่วยบอกเขา / เธอ ด้วยว่าผมโทรมาได้ไหมครับ แล้วผม / เดี๊ยนจะโทรกลับมาอีก เป็นคำที่หลายคนอยากรู้ เพราะอาจจะได้ใช้กับเพื่อนชาวต่างชาติ หรือเวลาโทร.ไปแล้วเขาไม่อยู่
2.เมื่อเดือนที่แล้ว มีคนเมล์มาถามผมว่า เกรงใจ (to be reluctant to bother someone. หรือ not to want to impose on someone.) และ กตัญญู Grateful หรือ Obliging หมายถึง knowing the done favour. ภาษาอังกฤษว่าอะไร ผมเองก็ต้องบอกตามตรงว่า ผมเองก็ไม่เคยใช้เลย ก็เลยเก็บคำถามนี้ และพาร่างกายอันบอบบาง แต่ไม่อ่อนแอ ไปถามอาจารย์ อาจารย์ก็บอกว่ายังไม่ว่าง ขอเวลาไปจีน 3 อาทิตย์ แล้วจะกลับมาบอก....ดังนั้นผมจะเก็บคำถามนี้ มาตีหน้าเศร้า เล่าให้ฟัง หลังจากนี้อีก (ประมาณหรืออาจจะมากกว่านี้) 3 อาทิตย์ รอให้อาจารย์ผมกลับมาก่อน Im thankful for your help. ควรจะใช้คำว่า I m grateful for your help. คำว่า Grateful จะมีน้ำหนักและสุภาพกว่า thankful อย่างมาก ------------- เวลาฝรั่งถามคนไทยว่าพักอยู่ที่ไหน คนไทยบางคนชอบบอกว่าอยู่ แมนชั่น mansion ซึ่งแปลว่า คฤหาสน์ ซึ่งก็อาจจะทำให้ฝรั่งบางคนตาค้าง ในความรวยของเรา Mansion? ซึ่งเป็นศัพท์ที่คนไทยเอามาใช้แบบผิดๆ ถึงแม้ว่า หน้าหอพักเราจะเขียนว่า แมนชั่นก็ตาม หากมีคนถามก็บอกว่า Flat หรือ Apartment จะดีกว่าครับ. สำหรับคนอื่นผมไม่ทราบนะ แต่สำหรับผม มักจะโดนฝรั่งเตือนบ่อยๆ ว่า คุณไม่ควรใช้คำนี้.
3. มีอีกประโยคหนึ่งที่ค่อนข้างมีปัญหากับคนไทยเยอะนั่นก็คือ ประโยคให้คนอื่นทำ.......ซึ่งเราไม่ได้ทำเอง เช่น I have made a new suit ฉันได้ตัดเสื้อผ้าชุดใหม่ 1 ผืน หากดูตามประโยคก็ไม่น่าผิด แต่ประโยคแบบนี้แหละครับที่เรามักใช้ผิด เพราะเราตัดเสื้อผ้าเองไม่ได้ แต่ประโยคที่ถูกกลับเป็นในรูปของ I have had a new suit made. เช่นเดียวกับ I cut my hair yesterday. แต่ประโยคที่เรามักจะได้ยินฝรั่งพูดกันนั่นก็คือ I had my hair cut yesterday. อีกตัวอย่างหนึ่ง นั่นก็คือไปถอนฟัน I had a rotten tooth pulled out yesterday. และตามด้วยGo to the movies ไปดูหนัง เป็นภาษาอังกฤษ แบบอเมริกัน Go to the cinema ความหมายเหมือนกัน แต่ใช้แบบอังกฤษ แบบอังกฤษ ชอบแบบไหนก็นำเอาไปใช้ได้ครับ
4. Pull และ Push เวลาไปตามร้านซึ่งจะมีคำนี้ติดเอาไว้ประตูกระจก เคยสงสัยไหมว่า สองคำนี้หมายความว่าอย่างไร Pull ซึ่งมีความหมายว่า ดึง Please pull the door. กรุณาดึง Door. Push ซึ่งแปลว่า ผลัก Please push the door open. กรุณาผลัก Door ให้เปิดออก ซึ่งบางร้านก็ใช้คำว่า ผลัก และ ดึง เป็นภาษาไทยติดเอาไว้เลย เพื่อไม่ให้ลูกค้า งง ??? เพราะบางคนชอบดันอย่างเดียว ไม่ชอบดึง หากชอบลืมบ่อยๆ อยากให้นึกถึงจังหวัดเลยเอาไว้ครับ นั่นก็คือ ภู กะ ดึง ( Pull ดึง) เห็นไหมหละครับ ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว
5. May be กับ maybe Maybe ตัวนี้ใช้เหมือน perhaps บางที เช่น Maybe the meeting will be cancelled. บางทีการประชุมอาจจะถูกยกเลิกนะ May be ตัวนี้ ใช้เป็น กิริยา เช่น The meeting may be cancelled.การประชุมอาจจะถูกยกเลิก
6.มีบ่อยครั้งที่เรามักจะงง กับ กริยาประเภทที่มักจะแปลว่า ทำให้.... เช่น interest, interesting, interested, etc. ซึ่งทำให้บางคนแปลผิด และพูดผิดบ่อยๆ
6/1.ศัพท์จำพวกนี้ได้แก่ Interest สนใจ bore เบื่อ confuse สับสน delightยินดี please พอใจ puzzle งง convince เชื่อ tire เหนื่อย etc. หากพบอยู่ในรูปแบบธรรมดา โดยไม่มี -ing หรือ -ed ต่อท้าย ให้แปลว่า ทำให้.....เช่นคำว่า This picture interest me. รูปนี้ทำให้ผมสนใจ กริยาตัวอื่นก็เหมือนกันครับ
6/2.กริยาจำพวกนี้หากเติม ing ต่อท้าย ต้องแปลว่า น่า........เช่น คำว่า boring (ซึ่งคนค่อนข้างใช้ผิดเยอะ) My wife is boring. เมียของผมน่าเบื่อหน่าย (แต่หากจะบอกว่าผมเบื่อ ต้องใช้ คำว่า I am bored. ไม่ใช่ I am boring. ผมเป็นคนน่าเบื่อหน่าย) This book is interesting. หนังสือเล่มนี้น่าสนใจ This Japanese movie is interesting. หนังญี่ปุ่นเรื่องนี้เข้าท่าแฮะ อีกตัวอย่างหนึ่งนะครับ I have read an interesting story. ผมอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ exciting หมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เราตกใจ เช่น The football match was so exciting. ฟุตบอลนัดนี้ตื่นเต้นอย่างมาก หรือเร้าใจอย่งมาก
6/3.กิริยาจำพวกนี้ หากเติม -ed ต่อท้าย ให้แปลธรรมดา คือ I am interested in this Japanese movie. ผมสนใจหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ และ Are you interested in this work (job)? คุณสนใจงานนี้หรือเปล่า? Excited ก็เหมือนกันครับ เช่น She was so excited. หล่อนตกใจ (ตื่นเต้น) อย่างมาก.
7.Dear กับ My dear มีบ่อยครั้ง ที่คนไทย (โดยเฉพาะสาวไทย) เวลาได้รับจดหมายจากฝรั่ง เวลาเห็นคำขึ้นต้นจดหมาย Dear มักจะคิดว่า คำนี้แปลว่า ที่รัก แต่อันที่จริง คำนี้ว่า แปลว่า คุณ......เช่น Dear บุญเปิง คุณบุญเปิง ซึ่งคำนี้มักจะใช้กับคนที่อาวุโสกว่าเรา หรือบ่อยครั้งที่ใช้เขียนจดหมายหาครูอาจารย์มักจะใช้คำว่า Dear sir, Dear Madam, หรือ Dear Roy, ค่อนข้างออกไปทางเคารพ แต่หาก My dear คำหล้า.....คำหล้าที่รัก ซึ่งมักจะใช้กับคนรักมากกว่า ดังนั้นเมื่อเห็น Dear ก็อย่าเพิ่งมอบหัวใจให้กับเขาก่อนนะครับ จนกว่าเขาจะใช้คำว่า My dear หรือ My honey ซึ่งแปลว่า ที่รัก
8. I have no more to say. ผมไม่มีอะไรจะพูดอีก คือไม่รู้จะพูดอะไรอีก ไม่ใช่ I no have to say. ผมไม่รู้จะพูดอะไร จะได้ยินบ่อยๆ กับคำนี้ I no have money. ผมไม่มีตังค์ (ในภาษาอังกฤษมีประโยคค่อนข้างเยอะหากจะบอกว่าไม่มีเงิน แต่ความหมายจะแตกต่างกันไปว่า มีมากหรือมีน้อยแค่ไหน) ฝรั่งบางคนก็ชอบพูดว่า I have no dosh ผมไม่มีตังค์
9.เรามักจะยินบ่อยๆ เวลาคนไทยบอกว่า คนโน้นคนนี่ติดเหล้า เรามักจะพูดว่า He is Alcoholism ซึ่งก็มีความหมายคล้ายๆ กับ I am Buddhism นั่นแหละครับ คือเราเป็นพุทธศาสนาไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้เหมือนกัน หากจะพูดต้องบอกว่า He is an alcoholic. เขาติดเหล้า
10. practice vs practise practice เป็นคำนาม ตัวอย่างเช่น We need to put these ideas into practice. practise เป็นกิริยา เช่น To learn English well you have to practise. (นี้เป็นกฎตามภาษาอังกฤษแบบอังกฤษนะครับ หากเป็นแบบอเมริกันก็ใช้ practice และมีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ในภาษาอังกฤษ รูปแบบของนามจะอยู่ในรูปของ ......ice ส่วน รูปแบบของกิริยาจะอยู่ในรูปของ ....ise.
advice vs advise ก็เช่นเดียวกันครับ เช่น Advice เป็นนาม ซึ่งหมายถึงความคิดเห็นบางอย่างที่ใครก็ได้ให้เรา สิ่งที่เราต้องทำ หรือควรจะทำ For example: "I need someone to give me some advice." ผมต้องการใครสักคนที่พอจะให้คำปรึกษาผมได้ Advise เป็นกิริยา ซึ่งหมายถึงการปรึกษาหรือขอคำแนะนำ : "I advise everybody. ผมปรึกษาทุกคน
11. "How do you do?" vs "How are you?" How do you do? หลายคนมักจะคิดว่าเป็นประโยคคำถาม อันที่จริงแล้วไม่ใช่ครับ ซึ่งมีความหมายเท่ากับคำว่า Hello. หรือ Pleased to meet you. นั่นเอง โดยปกติเราจะใช้ประโยคนี้ เมื่อเราพบใครบางคนเป็นครั้งแรก. เช่น How do you do? Handsome. สวัสดี สุดหล่อ How do you do? ตอนเป็นเด็กผมชอบออกเสียงว่า อ้าว ดู ก็ ดู ส่วน How are you? ประโยคนี้เป็นคำถาม และต้องการคำตอบในตัวของมันเอง เช่น How are you? I am good. หรือ I am fine. Thank you and you?
12. Good vs Well Good เป็น adjective เราใช้ good เมื่อเราต้องการทราบเกี่ยวกับคุณลักษณะของคำนาม เช่น She didnt speak very good English. Her English isnt very good. ส่วน Well เป็น adverb เราใช้เมื่อต้องการทราบบางสิ่ง หรือคุณลักษณะที่เกี่ยวกับกิริยา เช่น She didn''''t speak English very well. If you say "You look good." It means they look attractive. If you say "You look well." It means they look healthy.
13. Borrow vs lend มีคนไทยบางคนนะครับ ยังสับสนกับสองคำนี้อยู่ว่า มันต่างกันอย่างไร borrow หมายถึง ยืม เช่น Can I borrow your some money. ผมพอจะยืมเงินคุณได้ไหม? (ซึ่งเป็นอะไรที่คนไทยชอบยืม) ส่วน Lend หมายถึงให้ยืม ซึ่งพวกโรคจิตชอบใช้ Please lend me your underwear for 3 days. (ลักนั่นแหละ) กรุณาให้ผมยืมลิงคุณสัก 3 วัน Please dont forget to return me my underwear and bra
14.มีอีกประโยคหนึ่งที่เรามักจะใช้ผิดบ่อยๆ ถึงแม้ประโยคจะใกล้เคียงกัน แต่ความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนั่นก็คือ 1.go to bed ไปและนอน (เช่น I am going to bed เดี๊ยนกำลังจะเข้านอน หรือกำลังจะไปนอน) go to the bed ไปแต่ไม่ได้นอนอาจจะเข้าไปเอาฟันปลอมที่ลืมถอดเอาไว้หัวเตียง ซึ่งจะพบบ่อยในประโยคเช่น Go to temple-go to the temple. Go to prison-go to the prison. Go to market-go to the market. Go to sea-go to the sea. Go to hospital- go to the hospital. Go to school-go to the school. (ผมเคยเสนอตอนนี้ไปแล้ว แต่ไม่ค่อยละเอียด)
15. สิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้เราฟังสิ่งที่ฝรั่งพูดไม่เข้าใจ อาจจะเป็นเพราะ มีศัพท์บางคำที่ค่อนข้าง ใกล้เคียงกันมาก (หากพูดไวๆ) อาจจะทำให้เราฟังไม่รู้เรื่อง สับสน ที่ค่อนข้างพบบ่อยนะครับ เช่น 1.foreword, forward, 11. lessen, lesson. 2. incidents, incidence 12. once, wants, 3. may be, maybe, 13. passed, past 4.poor, pore, pour, 14. plain, plane, 5.volume, volumn 15. principal, principle 6.which, witch, 16. quiet, quite 7.whos, who''s, whose 17. to, too, two, toe, tow, 8.allusion, illusion, 18. wander, wonder 9.choose, chose, 19. weather, whether, 10. it''s self, itself 20. say, se, เป็นต้น. 21. accept, except, 24. farther, further, 22.access, assess, 25. strait, streight, straight 23. scene, seen, 26. know, no, 27.vary,very 28. live, leave 29.rice, lice ส่วนมากประโยคนี้เรามักจะพูดผิด I eat lice. ผมกินเหาหรือเห็บ เป็นต้นครับ สิ่งที่จะช่วยให้เราจำแนกแยกแยะได้ นั่นก็คือ การฝึก การฝึก และการฝึกฝน และฟังบ่อยๆ ครับ เพราะสำเนียงบางกลุ่มใกล้เคียงกันมาก แต่ความหมายอาจจะแตกต่างกันไป และเราก็ต้องเดาเอาเองว่า ขาเมาเรา ไม่ใช่ ขาเม้าท์เรา กำลังคุยเรื่องอะไร แต่ก็มีบางครั้งที่อาจจะทำให้การสนทนา มึนได้ หากเรายังไม่เก่ง เพราะสระบางตัวในภาษาอังกฤษ คนไทยจำนวนมากไม่คุ้นเคยลิ้น
16.ใกล้เข้าฤดูร้อนแล้ว อีกหน่อยเราอาจจะได้พูดว่า บ้านหลัง / สำนักงานนี้ร้อนชะมัด อย่าพูดว่า Its too much hot in this house / office. แต่ควรจะพูดว่า Its too hot in this house/office. ดีกว่าครับ
17.ฉันไม่ชอบแฟนชั่นสมัยนี้เลย ไม่ควรพูดว่า I dont like nowadays fashions. แต่ควรจะบอกฝรั่งว่า I dont like todays/ modern fashions. หรือ I dont like todays uniforms of students.
จากคุณ :
Esprite
- [
10 มี.ค. 50 02:31:41
]
|
|
|