สวัสดีครับ ท่าน จำปูน
สวัสดีครับ คุณ ปริยวาที
สงสัยจะแห้วทั้งคู่ ตานี้ไม่ได้กิน ก็ล้มโต๊ะละครับ
"แต่ลูกสอง ต้องเลี้ยงทั้งวันทั้งคืน ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นมากไปกว่านี้อีกแล้ว"
ทำเนียนนะพี่ทิด ไม่รู้ล่ะถ้าไม่ได้เล่มนี้ ...ฟ้องซ้อ...
อย่าเคืองนะจ๊ะ ล้อเล่น (แต่จะฟ้องจริง)
ขอไถ่โทษก็แล้วกันนะครับ เราลองมาดูว่าผู้หญิงชาววังเขาเป็นอย่างไรบ้าง
แล้วคุณพลอยอยู่ตรงไหนกันนะครับ (ชอบคุณอุ้มเล่นบทนี้จัง (ตกหลุมรักทีเดียว))
.....ที่เรียกว่า "ผู้หญิงชาววัง"นั้น ที่จริงมีต่างกันเป็น ๓ ชั้น จะเรียกอย่างง่ายๆว่า ชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นต่ำ มีฐานะและโอกาสกับทั้งการศึกษาอบรมผิดกัน
ชั้นสูง คือ เจ้านายที่เป็นพระราชธิดา ประสูติและศึกษาในพระบรมมหาราชวัง เมื่อทรงพระเจริญวัยก็ได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในวัง บางพระองค์ได้พระราชทานอนุญาตให้เสด็จออกไปอยู่วังกับเจ้านายพี่น้องก็มี เจ้านายพระองค์ชายที่เป็นพระราชบุตรประสูติในพระราชวัง ก็ทรงศึกษาวิชาชั้นปฐมที่ในวังจนพระชันษา ๑๓ ขวบ โสกันต์แล้วจึงเสด็จออกไปอยู่นอกวังต่างหาก ในชั้นสูงนั้นต่อมาถึงหม่อมเจ้าอันเกิดที่ในวังพระบิดา ถ้าพระบิดาสิ้นพระชยนม์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระกรุณาโปรดฯรับเข้าไปเลี้ยงไว้ในพระราชวัง หรือมิฉะนั้นเจ้านายบางพระองค์ส่งหม่อมเจ้าโอรสธิดาที่ยังเยาว์เข้าไปศึกษาอยู่กับเจ้าพี่น้องหญิงที่ในวังแต่ในเวลาที่ดำรงพระชนม์อยู่ก็มี ถ้าเป็นหม่อมเจ้าหญิงโตขึ้นก็มักเลยรับราชการอยู่ในวัง ถ้าเป็นชายพอชันษาได้ราว ๑๐ ขวบ ก็ต้องออกไปอยู่นอกวังในพวกเจ้านายนับว่าเป็นชาววังโดยกำเนิดพวก ๑
ต่อลงมาถึงชั้นลูกผู้ดีมีตระกูล คือพวกราชินิกูลและธิดาข้าราชการเป็นต้น หม่อมราชวงศ์ก็นับอยู่ในพวกนี้ เป็นชาววังด้วยถวายตัวนับอยู่ในชั้นสูงเหมือนกัน ลักษณะการถวายตัวเป็นชาววังนั้น ถ้าผู้ปกครองสกุลปรารถนาจะให้ลูกหลานหญิงเล่าเรียนศึกษาในพระบรมมหาราชวัง ต้องหาที่สำนักหลักแหล่งฝากกับท่านผู้ใหญ่แห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติหรือเคยนับถือกันมาแต่ก่อน แล้วส่งธิดาเข้าไปอยู่กับท่านผู้เป็นเจ้าสำนักนั้นแต่ยังเป็นเด็ก เจ้าสำนักบางแห่งฝึกสอนให้เองบ้าง บางแห่งส่งไปฝากกับท่านผู้อื่นซึ่งชำนิชำนาญการฝึกสอนบ้าง ลักษณะการฝึกสอนเด็กผู้หญิงชั้นสูงเมื่อแรกเข้าไปอยู่ในวัง เบื้องต้นฝึกหัดมารยาททั้งกิริยาวาจาและให้รู้จักสัมมาคารวะก่อน แล้วให้เรียนหนังสือหรือการเรือนอย่างที่เด็กจะทำได้(ตรงกับชั้นประถมศึกษา) รู้แล้วจึงให้เรียนชั้นสูงกว่านั้นต่อขึ้นไป(เป็นชั้นมัธยมศึกษา)คือฝึกสอนการต่างๆอย่างเดียวกับชั้นต้นแต่เป็นขั้นสูงขึ้นไป ดังเช่นการฝึกสอนกิริยามารยาทและสัมมาคารวะ ถึงตอนนี้เวลาท่านผู้สอนไปยังที่สมาคม มักให้ลูกศิษย์ถือหีบหมากตามไปด้วย เพื่อจะให้เห็นกิริยามารยาทและลักษณะการสมาคม ของท่านผู้หลักผู้ใหญ่ในกิจการต่างๆทั้งจะได้รู้จักเพื่อนเด็กลูกผู้ดีที่อยู่ในวังด้วยกัน
การเรือนก็สอนชั้นสูงขึ้นไป เช่นให้ทำเครื่องแต่งตัวได้เอง และเริ่มสอนเย็บปักถักร้อยทำกับข้าวของกิน ทั้งสอนให้รู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาด้วย แต่การสอนหนังสือนั้น เมื่ออ่านออกเขียนได้แล้วก็เป็นยุติเพียงนั้น การศึกษาถึงขั้นกลางที่ว่ามานี้ มีข้อสำคัญอย่างหนึ่งที่เป็นเวลาท่านผู้ใหญ่ในวังพิจารณาเลือกฝึกหัดทำราชการอย่างใดโดยเฉพาะต่อไปในภายหน้า แล้วนำถวายตัวเป็นข้าราชการฝ่ายในได้รับราชการเบี้ยหวัดแต่นั้นมา ราชการอันเป็นหน้าที่ฝ่ายหน้าสำหรับชาววังที่เป็นชั้นสูงนั้น ถ้าว่าอย่างกว้างมี ๔ ประเภท คือ
๑. เรียนวิชาประเภท ๑ เช่นหัดเขียนหนังสือและเรียนอักษรศาสตร์ถึงชั้นแต่งโคลงฉันทกาพย์กลอน กระบวนช่างก็เรียนถึงชั้นฝีมืออย่างปราณีต เช่นร้อยดอกไม้สดและปักสดึง ซึ่งไม่มีที่ไหนอื่นจะทำได้งามดีเหมือนที่ในวัง การพยาบาลไข้เจ็บก็ฝึกหัดในขั้นนี้ ถ้าเป็นผู้มีอุปนิสัยชอบเรียนเลข หรือความรู้เรื่องพงศาวดารก็เริ่มเรียนในตอนนี้ เจ้านายชั้นพระราชธิดาทรงศึกษาประเถทนี้เป็นพื้น จึงมักเป็นพระอาจาริณีฝึกสอนคนชั้นหลังต่อๆกันมา
๒. เป็นนางพนักงานประเภท ๑ คือการทำงานต่างๆในราชสำนัก เช่น เป็นพนักงานพระภูษา พนักงานพระศรีเป็นต้น และมีการอย่างอื่นอีกหลายอย่าง หม่อมเจ้าและหม่อมราชวงศ์มักรับราชการในประเภทนี้ นอกจากนั้นก็เป็นผู้ดีที่เคยรับราชการแต่รัชกาลก่อนนๆมาจนอายุเป็นกลางคน ที่ยังเป็นสาวมิใคร่จะมี
๓. เป็นนางอยู่งานประเภท ๑ คือสำหรับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้สอย เช่น เชิญเครื่องราชูปโภคตามเสด็จและผลัดเวรกันประจำอยู่บนพระราชมณเทียรคอยรับสั่งเป็นต้น ล้วนเป็นสาวทั้งนั้น
๔. เป็นมโหรี หรือหัดฟ้อนรำเป็นระบำและละคร ซึ่งเรียกกันว่า "ละคร(ฝ่าย)ใน" ประเภท ๑ ใน ๒ พวกนี้มักเลือกที่มีแววฉลาดแต่อายุยังเยาว์ เพราะเป็นการยากต้องฝึกหัดนานมากจึงจะทำได้
ราชการฝ่ายในทั้ง ๔ ประเภทที่กล่าวมา ก็เป็นประเพณีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาบางอย่าง เช่น มโหรี ระบำ และละครใน ดูเค้ามูลอาจจะเป็นวิชาได้มาจากอินเดียแต่ดึกดำบรรพ์ ที่ว่าดังนี้ เพราะเมื่อข้าพเจ้าตามเสด็จสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงไปเมืองชวาได้เห็นเจ้านครยกยาและเจ้านครโซโลรับเสด็จ ให้มีระบำนางในและละคร ซึ่งราชบุตรเล่นเป็นตัวละครรำถวายทอกพระเนตร นึกพิศวงว่าระบำและละครหลวงของชวาช่างละม้ายคล้ายคลึงกับของเราเสียจริงๆ จะว่าใครเอาอย่างใครก็ไม่มีหลักฐานที่จะคิดเห็นได้ ครั้นภายหลังข้าพเจ้ามีภาระกิจต้องคิดค้นเรื่องการขับรำของไทยแต่โบราณ จึงพบเค้าเงื่อนของมโหรีและระบำกับละครใน ซึ่งเคยมีมาในต่างสมัยเป็นชั้นๆ ดังจะเขียนเรื่องตำนานแทรกลงไว้ที่ตรงนี้.....
.....บรรดาผู้หญิงสาววังชั้นที่ถวายตัวทำราชการ นอกจากที่เป็นเจ้าจอมมารดา พระเจ้าลูกเธอ ถ้าใครไม่สมัครจะอยู่เป็นข้าราชการฝ่ายใน แม้เป็นเจ้าจอมก็ทูลลาออกได้ตามใจสมัครไม่ห้ามปราม แต่สังเกตดูเหมือนที่ทูลลาออกจะมีน้อยและทูลลาออกเมื่อเปลี่ยนรัชกาล และมักอยู่ในชั้นที่เป็นสาว พวกที่อยู่ในวังมานานจนถึงอายุกลางคนแล้ว มักสมัครทำราชการอยู่ในวังต่อไปจนตลอดอายุ เพราะอยู่ในวังได้รับเบี้ยหวัด และมีที่อยู่เป็นสุขสบายไม่ต้องเสี่ยงภัยในความลำบากต่างๆเหมือนออกไปอยู่นอกวัง อีกประการ ๑ ตำแหน่งหน้าที่ของข้าราชการฝ่ายในก็มีหลายชั้นและหลายอย่าง แม้อายุเข้าขนาดกลางคนที่เป็นเจ้าจอม ก็รับราชการตามตำแหน่งเจ้าจอมไปจนตลอดรัชกาล
ต่อมาในรัชกาลหลังก็มักจะได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในวัง บางคนมีความสามารถรอบรู้ขนบธรรมเนียมในพระราชวังก็ได้เป็นตำแหน่ง "ท้าวนาง" เหนือนอย่างขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายใน ได้ว่ากล่าวชาววังและรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชวังสืบมา ที่ไม่ได้เป็นถึงชั้นท้าวนาง ถ้าเคยเป็นเจ้าจอมมาในรัชกาลก่อนๆก็เป็น "เจ้าจอมเถ้าแก่" สำหรับฝึกหัดนางในชั้นหลัง ที่มิได้เป็นเจ้าจอมมาในรัชกาลก่อนๆก็เป็นแต่ "เถ้าแก่" สำหรับควบคุมนางในเวลาออกไปนอกวัง และเป็นผู้สั่งกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายข้างฝ่ายหน้า แม้ที่เป็นพนักงานต่างๆเมื่ออายุเข้าเขตชราก็อาจจะได้รับตำแหน่งเป็น "ผู้รับสั่ง" สำหรับบอกขายนราชการที่มีพระราชดำรัสสั่ง มิฉะนั้นก็คงเป็นพนักงานต่อมาจนตลอดอายุ
ส่วนเจ้าจอมมารดานั้น ถ้ามีพระเจ้าลูกเธอเป็นพระองค์ชาย เมื่อลูกเธอเสด็จออกไปอยู่วังต่างหากแล้ว ก็พระราชทานอนุญาตให้เจ้าจอมมารดาออกไปอยู่ช่วยควบคุมดูแลการรั้ววังของพระโอรสได้เป็นครั้งคราว เมื่อล่วงรัชกาลนั้นก็เลยอยู่กับพระโอรสหรือหม่อมเจ้าที่เป็นนัดดาต่อไปจนตลอดอายุ เจ้าจอมมารดาที่มีพระเจ้าลูกดเธอแต่พระองค์หญิง หรือพระเจ้าลูกเธอที่สิ้นพระชนม์เสียแต่ยังทรงพระเยาว์ ที่อยู่ในพระราชวังต่อมาจนตลอดอายุก็มี ที่ออกไปอยู่นอกวังกับญาติในเวลาเมื่อแก่ชราก็มี ถ้าอยู่ในวังถึงรัชกาลหลังๆ ได้เป็นตำแหน่งท้าวนางผู้ใหญ่ก็มี เป็นแต้เจ้าสำนักฝึกสอนพวกชาววังชั้นหลังก็มี ที่เคยเป็นละครในเมื่อก่อนเป็นเจ้าจอมมารดาก็มักเป็นอาจารินี ฝึกหัดละครหลวงรุ่นหลังรักษาวิชาฟ้อนรำสืบกันมา บางคนถึงมีชื่อเสียงเลื่องลือ เช่นเจ้าจอมมารดาแย้มอิเหนา และเจ้าจอมมารดาลูกจันทร์ นางซึ่งเคยเป็นละครเมื่อรัชกาลที่ ๒ เป็นต้น
หญิงชาววังชั้นกลางนั้นไม่ได้ถวายตัวทำราชการ มักเป็นลูกคฤหบดี ผู้ปกครองปรารถนาจะให้ได้รับความอบรมและศึกษาอย่างชาววัง จึงส่งเข้าไปถวายตัวเป็น "ข้าหลวง" อยู่กับเจ้านายพระองค์หญิง หรืออยู่กับท่านผู้หลักผู้ใหญ่ที่ในพระราชวังแต่ยังเด็ก รับใช้สอยและศึกษาอยู่จนสำเร็จการศึกษาแล้ว พอเป็นสาวก็ลากลับออกไปมีเหย้าเรือนตามฐานะของสกุล แต่บางคนชอบอยู่ในวังเลยอยู่ต่อไปจนแก่ก็มี บางทีข้าราชการที่ถวายลูกหญิงทำราชการฝ่ายในคนหนึ่งหรือสองคน แล้วส่งลูกหญิงที่เป็นน้องเข้าไปอยู่ในวังกับพี่สาว เพื่อประโยชน์การศึกษาแล้วให้กลับออกไป ไม่ถวายตัวทำราชการก็มี
ยังมีผู้หญิงชาววังอีกพวก ๑ ซึ่งควรนับว่าอยู่ในชั้นกลาง คือพวกพนักงานที่ไม่ได้ถวายตัว เช่นพวกพนักงานกลางสำหรับเชิญเครื่องเสวยจากห้องเครื่อง ขึ้นไปส่งถึงพระราชมณเฑียรเป็นต้น พวกทนายเรือนและพวกจ่าโขลนซึ่งมักขึ้นจากชาววังชั้นต่ำ(ซึ่งจะพรรณนาต่อไปข้างหน้า) เมื่ออายุเป็นกลางคน ทำราชการดีมีความสามารถก็ได้เป็นตำแหน่งนั้นๆ ได้เบี้ยหวัด นับว่าเป็นข้าราชการฝ่ายใน หน้าที่พวกทนายเรือนสำหรับนำคำสั่งกิจการไปบอกตามตำหนัก และเรือนข้าราชการฝ่ายใน และเป็นพนักงานคุมผู้ชาย เช่น หมอเป็นต้น เข้าไปในวัง(แต่เจ้านายเถ้าแก่เป็นผู้ควบคุม พวกจ่าโขลนนั้นเป็นพนักงานดูแลบังคับบัญชาพวกโขลนรักษาพระราชวัง กับทั้งผู้หญิงชาววังที่มิได้เป็นข้าราชการด้วย)
พวกชาววังชั้นต่ำนั้น พวก ๑ เรียกว่า "โขลน"เป็นลูกหมู่คนหลวง(ผู้ชายเรียกว่า "ไพร่หลวง") ตามกฎหมายเก่าเกณฑ์ให้ต้องผลัดเปลี่ยนเวลากันเข้าไปรับราชการในพระราชวังตั้งแต่รุ่นสาว(เพิ่งเลิกการเกณฑ์เปลี่ยนเป็นจ้างคนตามใจสมัคร เมื่อรัชกาลที่ ๕) มีหน้าที่สำหรับรักษาประตูวังและรับใช้ เช่นกรรมกรในการงานต่างๆ แต่จะมีลูกผัวได้ไม่ห้ามปราม อีกพวก ๑ เป็นคนรับใช้ของชั้นผู้ดีที่อยู่ในวัง พวกชั้นที่ ๓ นี้ ถ้าจะว่าเป็นชาววังก็แต่ด้วยอยู่ในวังเท่านั้น ลักษณะชาววังตามที่ข้าพเจ้าจำได้เป็นดังพรรณนามา......
จากเพชรพระมหามงกุฎ - เจ้าจอมมารดาทับทิมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=rattanakosin225&date=16-03-2007&group=1&gblog=4
...น่ารักอย่างคุณอุ้ม เอ้ย คุณพลอย น่าจะได้รับพระราชทานกรงจิ้งหรีดบ้างดอกกระมัง...
แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 20:02:22
แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 19:59:39
แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 19:55:08