ความคิดเห็นที่ 1
ผมเคยวิเคราะห์ไว้นานแล้วดังนี้ครับ
... ... ...
เป็นที่ทราบกันว่ารูปแบบ 'ยุทธจักร' ของจีนโบราณจริงๆนั้น แตกต่างจากยุทธจักรในนิยายกำลังภายใน (ซึ่งส่วนใหญ่ จัดอยู่ในแนวแฟนตาซี) มาก
โดยยุทธจักรในความเป็นจริงจะมีรูปแบบคล้ายๆที่ปรากฏ ในเรื่องผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน จอมยุทธทุกคนมี อาชีพ เช่นรับราชการ, พ่อค้า, ชาวประมง แต่เชื่อมโยง กันด้วยความชื่นชอบวิชาบู๊ คบหากันด้วยน้ำใจ รู้จักกัน ด้วยชื่อเสียงและฉายา
ส่วนใหญ่หากไม่ใช่ขุนนางบู๊จะเป็นนักเลงและเป็นโจร ซึ่ง เป็นอาชีพที่ต้องใช้วิทยายุทธโดยตรง ไม่ใคร่มีสำนักหลากหลาย และไม่มีไอ้พวกอาวุธวิเศษ, คัมภีร์วิเศษ, สาวงามวิเศษ และปาฏิหาริย์ต่างๆที่คนรุ่นหลัง ฝันกันเอง
อย่างไรก็ตามผมมานั่งคิดดูว่าหลังจากคนรุ่นหลังแต่งนิยาย แนวนี้ไปมากๆเข้า ก็ได้สร้างโลกในจินตนาการแห่งหนึ่ง
เป็นโลกที่ไม่มีอยู่จริง (แม้บางครั้งจะอิงประวัติศาสตร์ บ้าง) แต่หากวิเคราะห์ดีๆเรื่องส่วนใหญ่จะมี pattern ที่ คล้ายๆกันอยู่ สามารถจับต้องได้
ข้างล่างนี้เป็นความพยายามของผมที่จะถอด pattern นั้น ออกมา วิเคราะห์ให้ข้อมูลประกอบ เพื่อให้สามารถมอง รูปแบบโลกแฟนตาซีกำลังภายในได้ชัดเจนขึ้น
โลกยุทธจักรเป็นอย่างไร?
โกวเล้งเคยกล่าวชื่นชมสังคมของพวกจอมยุทธทำนองว่า "ในโลกกำลังภายใน หากท่านมีศัตรูที่สังหารบิดา ท่านสามารถไปแก้แค้นฆ่ามันได้เลย แต่ในโลกปัจจุบัน ท่านต้องขึ้นศาล ต้องดำเนินคดีทำการยุ่งยาก ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ"
ผมชื่นชมโกวเล้ง แต่ผมเห็นว่าเฉพาะคำดังกล่าวเป็นด้วยความไร้เดียงสามาก
ในโลกปัจจุบันถ้าคุณจะไปฆ่าศัตรูที่สังหารบิดาตรงๆก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้ เพียงแต่มีสิทธิถูกตำรวจจับมากกว่าเมื่อก่อนเท่านั้น ในทำนองเดียวกัน ตำรวจก็สามารถมีสิทธิจับศัตรูของคุณได้มากกว่าเดิมเช่นกัน เพราะระบบศาลได้รับการพัฒนามามากกว่า
โลกกำลังภายในก็ไม่ใช่ว่าไม่มีศาล ไม่มีมือปราบ ไม่มีกฏหมาย แต่สิ่งเหล่านี้มักอ่อนแอ มักฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำให้ชาวบ้านทั่วไปไม่ได้รับความเป็นธรรม ชาวบ้านจึงต้องพัฒนาวิชาฝีมือขึ้นมาป้องกันตนเองเพราะไม่อาจพึ่งหลวงได้
การพัฒนาฝีมือขึ้นมาของพวกชาวบ้านนี้เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ยุทธจักร ซึ่งค่อนข้างเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ใครจะฆ่าใครก็ไม่ค่อยถูกจับ ไม่ค่อยมีความผิด ใครเข้มแข็งก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ ข่มเหงคนอ่อนแอกว่าได้ง่ายๆ
เมื่ออำนาจกลางอ่อนแอเช่นนี้ คนก็เป็นตั้งตัวเป็นนักเลงกันทั้งประเทศ ทำการยึดพื้นที่ เก็บค่าคุ้มครอง ขยายอิทธิพลวุ่นไป บ่อยครั้งก็เข่นฆ่าสังหารกันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ ทางการมิอาจทำอย่างไรได้
อย่างไรก็ตามในหมู่นักเลงก็ย่อมมีนักเลงที่ดีอยู่ นักเลงเหล่านี้ทำการปกครองชาวบ้านในเขตตนด้วยความยุติธรรม ไม่ทำเรื่องชั่วช้าปล้นฆ่าข่มขืน และปกป้องชาวบ้านจากนักเลงที่ชั่วร้าย นักเลงพวกนี้มักตั้งสำนักเรียกว่า สำนักฝ่ายธรรมะ
ถ้าสำนักนั้นเป็นวัดของศาสนาต่างๆ ไม่ได้เก็บค่าคุ้มครองโดยตรงแต่เป็นโดยการรับบริจาคทาน คนในสำนักถือศีลบางอย่าง จะเรียกว่า วัดฝ่ายธรรมะ
และสำหรับนักเลงกลุ่มที่ชอบปล้นฆ่าชาวบ้าน ทำตัวเป็นโจรนั้นหากตั้งสำนักจะเรียกว่า สำนักฝ่ายอธรรม
มีกรณีที่วัดบางแห่งนั้นนับถือนิกายที่คนจีนไม่ใคร่นับถือกัน เช่น ลัทธิโซโรอัสเตอร์ (เม้งก่า) ลัทธิแมนนี ลัทธิบัวขาว คนในลัทธิแต่งกายไม่เรียบร้อย ถือศีลธรรมที่ไม่ใช่พุทธ เต๋า หรือ ขงจื้อ มีพิธีกรรมแปลกๆ ทำให้ชาวยุทธทั่วไปไม่ยอมรับ จะเรียกว่า พรรคมาร น่าสังเกตว่าพรรคมารไม่จำเป็นต้องเลว หลายๆเรื่องก็เป็นฝ่ายดี เพียงแต่นับถือคนละศาสนาเท่านั้น
มีชาวยุทธอีกส่วนหนึ่งที่เป็นผู้คลั่งไคล้ในมรรคาวิชาบู๊ มุ่งแสวงหาความเป็นเลิศในวิชาบู๊ ก็มิได้ตั้งสำนักเรียกหาผลประโยชน์ แต่ออกเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อขัดเกลาตัวเอง เดี่ยวบ้างเป็นกลุ่มบ้าง พวกนี้เรียกว่า จอมยุทธพเนจร ซึ่งมีทั้งที่เป็นธรรมะและอธรรม
รายได้ของชาวยุทธ
ในนิยายกำลังภายในส่วนใหญ่ กล่าวถึงชาวยุทธว่าร่ำรวยอย่างนั้นอย่างนี้ ใช้จ่ายเงินมือเติบอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่บอกว่าหาเงินมาอย่างไร ในที่นี้ผมจะลองวิเคราะห์ลู่ทางการหาเงินของพวกจอมยุทธออกมาบ้าง
๑. เรียกค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน (หรือแม้แต่ข้าราชการ) ในพื้นที่ ดังที่กล่าวมาแล้วนี้เป็นลู่ทางหลักที่เกือบทุกสำนักทำกัน การณ์นี้แม้ไม่พูดตรงๆ แต่หลายๆเรื่องก็จะกล่าวเป็นนัยน์ เช่นมีการให้ลูกศิษย์ไปเก็บค่าคุ้มครอง หรือเมื่อเจ้าสำนัก (ฝ่ายธรรมะ) เดินทางผ่านตำบลหนึ่งพอกำนันผู้ใหญ่บ้านในตำบลนั้นไม่ออกมาต้อนรับ ก็ส่งจดหมายไปบอกว่า ท่านไม่ให้เกียรติเราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีใครมาโจมตีบ้านท่าน ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน ๒. รับสมัครศิษย์ สำนักมีชื่อเสียงที่อยู่ในเมืองใหญ่มักจะรับลูกหลานของเศรษฐีคหบดีของเมืองนั้นเป็นศิษย์ คหบดีก็มักจะให้เงินอุปถัมภ์สำนักเป็นการตอบแทน เป็นผลประโยชน์พึ่งพากัน สำนักได้เงิน ลูกเศรษฐีก็ได้ชื่อเสียงหน้าตาว่าเป็นศิษย์สำนักใหญ่ อันนี้จะคล้ายๆด้านมืดของระบบมหาวิทยาลัยในปัจจุบันเหมือนกัน ๓. ทำไร่ไถนากินเอง เคยมีการกล่าวถึงวัดเส้าหลินว่ามีแปลงปลูกผักใหญ่มาก ปลูกผักไว้ทำอาหารเจกินเอง ความนี้ต้องกับวัฏปฏิบัติของศาสนาพุทธนิกายเซนที่เน้นให้พระพึ่งพาตัวเองแบบเศรษฐกิจพอเพียง แม้กระนั้นสำนักอันดับหนึ่งอย่างเส้าหลิน ต่อให้ไม่ง้อใครก็คงจะมีคนจำนวนมากยินดีมาทำบุญอุปการะวัดนั่นเอง ในลักษณะเดียวกันนี้ เข้าใจว่าพวกสำนักที่เป็นวัดอื่นๆก็ปลูกผักกินเองเช่นกัน ๔. ขอทาน อันนี้ใช้กับพรรคกระยาจกเท่านั้น เป็นพรรคที่ไม่เก็บค่าคุ้มครอง อาศัยอยู่กินอย่างอัตคัต แต่มีศักดิ์ศรีว่าไม่ข่มขู่ หรือ ปล้นเอาจากใคร อย่างไรก็ตามในช่วงที่สำนักเจริญมากๆเช่นช่วงที่อั้งชิดกงเป็นหัวหน้าพรรค ก็มีการระบุว่ามีสมาชิกพรรคสามในสี่เป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่ขอทาน เพียงแต่มาขอฝึกวิชากับสำนักเพราะเลื่อมใสในฝีมือ คนกลุ่มนี้เรียกว่า ยาจกเสื้อสะอาด เข้าใจว่าเป็นคนออกทุนส่วนใหญ่ให้สำนักด้วย ๕. ปล้น ซึ่งเป็นการกระทำของพรรคมาร มักจะปล้นคนธรรมดา อย่างไรก็ตามในแปดเทพมีตอนหนึ่งกล่าวว่า เคียวฮงอับจนต้องการเงินรักษาอาจื่อ ก็ลอบเข้าที่ว่าการอำเภอหยิบฉวยเงินมาจำนวนหนึ่ง ความนี้ตอนแรกผมอ่านแล้วตกใจ เพราะไม่คิดว่าจอมยุทธที่มีคุณธรรมอย่างเคียวฮงจะทำอย่างนี้ได้ แต่เมื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมแล้วเห็นว่ายุคนั้นคนจีนจะมองข้าราชการไม่ดีนัก เห็นว่าชอบคอรัปชั่น ทำนาบนหลังประชาชน ดังนั้นการที่เคียวฮงเลือกปล้นหลวง จึงไม่นับว่าเลวนัก ๖. ค้าขาย มีชาวยุทธบางคนที่มีอาชีพหลักเป็นพ่อค้า ก็ทำการค้าขายเป็นหลัก และเอาเงินมาซื้อจอมยุทธอื่นๆมาเข้าสังกัดตน เลี้ยงไว้ใช้งานต่างๆ ก็ตั้งเป็นสำนักได้เช่นกัน นอกจากนั้นชาวยุทธที่ไม่ตั้งสำนักแต่ทำธุรกิจขนาดเล็กเช่นเปิดโรงเตี้ยม เปิดร้านขายของก็มีมาก ๗. เก็บภาษี ชาวยุทธบางคนเป็นข้าราชการ บางคนเป็นเชื้อพระวงศ์ พวกนี้อยู่กินโดยเงินภาษีประชาชน ๘. ล่าสัตว์ หาของป่า พวกจอมยุทธพเนจร บ่อยครั้งเดินทางผ่านป่าเขา ก็ล่าสัตว์กินเอง หรือเก็บของป่ามาขายในเมือง
เป็นชาวยุทธทำอย่างไร
การเป็นชาวยุทธทำได้ค่อนข้างหลากหลาย แต่หลักๆคือชาวยุทธจะนับถือกันด้วยชื่อเสียงและน้ำใจ
ดังนั้นเพื่อให้มีชื่อเสียงขึ้นมาคุณควรสร้างคาแรคเตอร์ของตัวเองให้เด่นชัด เช่นหาอาวุธที่เด่นๆ ใส่เสื้อสีเดียวกันกันบ่อยๆให้คนจำได้ แสดงนิสัยให้ชัดเจน เช่นชั่วก็ชั่วเลย ดีก็ดีเลย พิกลก็พิกลเลย (ถ้านิสัยอย่างหนึ่งแล้วแกล้งทำอย่างหนึ่ง จะถูกหาว่าเป็นวิญญูชนจอมปลอม คนจะไม่นิยมนัก) อ้อ แล้วอย่าลืมตั้งฉายาเท่ห์ๆให้ตัวเองด้วยล่ะ เพื่อให้คนจำได้ เช่น ตะขอเหล็กเสื้อแดง หรือ มือมีดอำมหิต
การหาข่าวนั้นทำกันที่โรงเตี้ยม แม้จะยอมรับหรือไม่ก็ตามแต่พวกชาวยุทธนั้นจริงๆมีนิสัยชอบนินทาและชอบเรื่องอื้อฉาว มีอะไรมักจะมาพูดกันในโรงเตี้ยม ข่าวคราวใครเก่ง ใครรบชนะใคร ใครเป็นชู้กับใครจะแพร่เร็วมาก ส่วนใหญ่เป็นข่าวลือประโคมๆเอานั่นแหละ แต่ถ้าไม่อัพเดทข่าวนี้เรื่อยๆจะตกรุ่น จะถูกดูถูกและกีดกันออกจากสังคมชาวยุทธ
เนื่องจากกฎหมายพึ่งไม่ได้อย่างที่บอก ชาวยุทธซึ่งมีชีวิตอยู่กับการฆ่าฟันจึงมีระบบป้องกันตัวอย่างหนึ่งโดยการคบหาสหายทั่วไป จริงใจกับสหาย บ่อยครั้งสาบานเป็นพี่น้อง ทั้งนี้ลึกๆก็เพื่อสร้างเครือข่ายให้ตัวเอง ให้มีความมั่นคงมากขึ้นนั่นเอง
Career Path ในยุทธจักร
อันนี้ผมเขียนขึ้นเองคลายเครียด สำหรับบอกว่าคุณจะสามารถเลือกทำอาชีพอะไรในยุทธจักรได้บ้าง และจะมีขั้นตอนการเจริญเติบโตตามปกติอย่างไร
๑. เสี่ยวเอ้อ/คนรับใช้ ๐ คุณจะเริ่มงานตั้งแต่อายุประมาณสิบหก ๐ คุณจะถูกนายจ้างของคุณกดขี่ไปเรื่อยๆ ๐ เมื่ออายุประมาณยี่สิบคุณจะตกเหว ๐ ถ้าคุณไม่ตกเหว คุณก็จะเป็นเสี่ยวเอ้อไปจนตาย ๐ ถ้าคุณตกเหวแล้วไม่เจอคัมภีร์คุณจะต้องตาย ๐ ถ้าคุณตกเหวแล้วเจอคัมภีร์ คุณจะกลายเป็นจอมยุทธ ๐ คุณจะกลับมาข่มนายจ้างเก่าของคุณ ๐ เมื่อผาดโผนยุทธจักรไปได้สักปีสองปี คุณจะได้อาวุธวิเศษ ๐ เมื่อผาดโผนยุทธจักรไปได้อีกสักปีสองปี คุณจะมีชื่อเสียงไปทั่ว ๐ เมื่อมีเชื่อเสียงคุณจะได้ฆ่าจอมมารของยุทธจักรหรือประกอบวีรกรรมบางอย่าง ๐ คุณจะได้แต่งงานกับลูกสาวของคนใหญ่คนโต ๐ ถ้าคุณไม่ออกไปอยู่อย่างสันโดษตามป่าเขาก่อนคุณจะเป็นเจ้ายุทธภพ
๒. ศิษย์สำนักยุทธ ๐ คุณจะถูกอาจารย์เก็บมาเลี้ยงเมื่ออายุน้อยๆ ๐ เมื่อผ่านไปสักสิบปี ถ้าคุณฝึกซ้อมวิชาได้ดีคุณจะได้เป็นศิษย์คนหนึ่ง ๐ เมื่อผ่านไปอีกสักสิบปี ถ้าคุณฝึกซ้อมวิชาได้ดีอีก คุณจะได้เป็นศิษย์เอก ๐ เมื่อผ่านไปอีกสักสิบปี ถ้าคุณฝึกซ้อมวิชาได้ดีเสมอต้นเสมอปลาย คุณจะได้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ ๐ เมื่อผ่านไปอีกสักสิบปี ถ้าอาจารย์คุณเผอิญตาย และคุณยังฝึกซ้อมวิชาได้ดีกว่าคนอื่นในสำนัก คุณจะได้เป็นเจ้าสำนัก ตอนนี้คุณจะอายุสักสี่สิบห้าสิบปีแล้ว ๐ คุณอาจจะรักกับศิษย์น้องของคุณ ซึ่งเป็นลูกสาวของอาจารย์ ๐ แต่ต่อให้ฝึกซ้อมวิชาของสำนักได้ดีไปจนตาย คุณก็จะหยุดอยู่แค่เจ้าสำนักธรรมดาๆนั่นแหละ ส่วนศิษย์น้องของคุณถูกเสี่ยวเอ้อข้างบนคาบไป dax ตั้งนานแล้ว
๓. จอมมาร ๐ ตั้งแต่เกิดชีวิตคุณจะบัดซบ บ้านแตกสาแหรกขาด สังคมจะทำร้ายคุณ ทำให้คุณเป็นเด็กมีปัญหาเก็บกด ๐ เมื่ออายุได้ประมาณห้าขวบ คุณจะเริ่มอาชีพโดยการลักเล็กขโมยน้อย ๐ จากนั้นสิบปี ถ้าคุณยังเลวอยู่ คุณจะเป็นจอมโจร ๐ จากนั้นสิบปี ถ้าคุณยังเลวอยู่ คุณจะได้เป็นเจ้าสำนักโจร ๐ จากนั้นสิบปี ถ้าคุณยังเลวมากขึ้นเรื่อยๆ คุณอาจเปลี่ยนสำนักโจรเป็นพรรคมารได้ ๐ จากนั้นสิบปี ถ้าคุณเลวสุดๆ คุณจะมีอำนาจพอยึดครองยุทธจักรมาเป็นของคุณ ๐ แต่เสียใจ คุณไม่มีทางเป็นเจ้ายุทธภพได้ เพราะเสี่ยวเอ้อข้างบนจะมาปราบคุณและเป็นเจ้ายุทธภพแทน นอกจากนั้นลูกสาวของคุณยังจะเนรคุณคุณและไปเป็นเมียมันอีกต่างหาก
๔. สาวงาม ๐ ถ้าคุณเป็นสาวงามคุณจะสวย ๐ และคุณจะไปเป็นเมียของเสี่ยวเอ้อข้างบน
๕. พระ ๐ ถ้าคุณเป็นหลวงจีน คุณจะชอบกินเหล้าและเนื้อสุนัข ๐ ถ้าคุณไม่กินเหล้าและเนื้อสุนัขคุณจะชอบฆ่าคน ๐ ถ้าคุณไม่ผิดศีลอะไรเลย จะไม่มีใครนับถือคุณ และชีวิตคุณก็จบลงด้วยการนั่งเอาไม้ตีป๊อกๆหน้าพระพุทธรูปไปจนตาย
สรุป
โลกแฟนตาซีของกำลังภายในนั้นเป็นสถานที่ๆน่าหลงไหล มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมาย แต่นั่นเป็นสำหรับกรณีของคนที่เข้มแข็งเท่านั้นนะ ถ้าคุณเป็นคนธรรมดา ชีวิตคงไม่น่าอภิรมย์นักหรอก ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด อดมื้อกินมื้อ มีชีวิตอยู่กับหอกดาบไปวันๆ
***สรุปแล้วถ้าคุณรักจะอยู่ในยุทธจักร คุณควรประกอบอาชีพเป็นเสี่ยวเอ้อและหมั่นตกเหวบ่อยๆ***
จากคุณ :
เชษฐา
- [
25 มี.ค. 50 18:24:00
]
|
|
|