ความคิดเห็นที่ 1 - ตำราจินดามณีเลขที่ ๑๑ ของหอสมุดแห่งชาติมีข้อความตรงกับจินดามณีฉบับพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  ซึ่ง ศ.ขจร  ได้มาจากบริติชมิวเซียม  มีข้อความว่า “อนึ่งมีในจดหมายแต่ก่อนว่า  ศักราช ๖๔๕  มแมศก (พ.ศ.๑๘๒๖) พญาร่วงเจ้าได้เมืองศรีสัชนาไลยได้แต่งหนังสือไทย  แลจได้แต่งรูปก็ดี  แต่งแม่อักษรก็ดี มิได้ว่าไวแจ้ง” และ “อนึ่งอักษรแต่ง ก กา กน ฯลฯ ถึงเกอย  เมืองขอมก็แต่ง  มีอยู่แล้ว  เหนว่าพญาร่วงเจ้าจะแต่งแต่รูปอักษรไทย” จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 22 เม.ย. 50 12:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 - กรณีของตรีบูร  ก็ไม่น่าจะหมายความว่ากำแพงสามชั้นตามรูปศัพท์  เพราะเมืองต่างๆ ก็มีการกล่าวถึงตรีบูร  เช่น กรุงศรีอยุธยา  ปรากฏว่ามีการกล่าวถึงตรีบูรใน “กำสรวลสมุทร” หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “กำสรวลศรีปราชญ์”  ความว่า  “อยุธยาไพโรจน์ใต้ตรีบูร”  แต่ก็ปรากฏว่ากรุงศรีอยุธยาก็ไม่มีกำแพงพระนครถึง ๓ ชั้น  ซ้ำกำแพงพระนครยังสร้างในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ   นอกจากนี้เชียงใหม่ก็ยังปรากฏว่ามีตรีบูร  แต่กลับมีกำแพงเพียงชั้นเดียวเช่นกัน   ส่วนกำแพงเมืองกรุงสุโขทัยที่มีกำแพงสามชั้นก็น่าจะเป็นกำแพงที่สร้างเมื่อมีการขยายเมืองครั้งหลังๆ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 22 เม.ย. 50 12:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 - ประเพณีการสั่นกระดิ่งร้องทุกข์ที่ว่าได้เค้ามาจากการตีกลองวินิจฉัยเภรีนั้น  ก็ไม่น่าเชื่อถือนัก  เพราะปรากฏว่าการสั่นกระดิ่งร้องทุกข์มีมานานและปรากฏในหลายชนชาติแล้ว  เช่น ใน  นิทานสิบสองเหลี่ยม (นิทานอิหร่านราชธรรม)  ก็ปรากฏเรื่องว่าพระเจ้าจักรพรรดิจาหันกีร์โมกุล  ก็มีการทำกลไกสั่นกระดิ่งให้ราษฎรร้องทุกข์ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 22 เม.ย. 50 12:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 - ประเพณีการบูชา พระขพุงผี  ว่าได้เค้ามาจากการบูชาพระสยามเทวาธิราชของรัชกาลที่ ๔ ก็สามารถอธิบายได้ว่าสังคมของสุโขทัยสมัยนั้นยังมีความเชื่อเรื่องผีรักษาเมืองอยู่  เพราะความเชื่อเรื่องผีมีมากับสังคมไทยก่อนที่พุทธศาสนาเข้ามาเจริญในดินแดนนี้  ดังที่พบว่ามีการใช้ตุ๊กตาเสียกบาลสะเดาเคราะห์ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 22 เม.ย. 50 12:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่งมาช่วยคุณเกนหลงฮะ ************ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ ๑ ไม่มีปัญญาชนผู้ใดปลอมได้ โดย ธวัช ปุณโณทก จากนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนตุลาคม ๒๕๔๓   จากบทความเรื่อง "ศิลาจารึกหลักที่ ๑ กับปัญญาชนรุ่นรัชกาลที่ ๓-๔ พิมพ์เขียวสำหรับอนาคตที่นำมาใช้งานไม่ได้" ของคุณไมเคิล ไรท์ ในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๒๑ ฉบับเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๓            ใจความโดยสรุปก็คือ คุณไมเคิล ไรท์ ต้องการเสนอความเห็นว่า ศิลาจารึกหลักที่ ๑ สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๓ โดยพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ (รัชกาลที่ ๔) กับผู้รู้และสานุศิษย์ของพระองค์ โดยนำเหตุการณ์การขยายอำนาจของจักรวรรดินิยมอังกฤษเข้ามาสู่ดินแดนประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ ๓ มาอธิบายว่าปัญญาชนและชนชั้นปกครองของไทยเริ่มกังวลถึงความมั่นคงของชาติ จึงได้สร้างรัฐในอุดมคติของไทยเรียกว่า "สุโขทัย" และบันทึกในศิลาจารึกหลักที่ ๑            พูดง่ายๆ ว่า ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๓ นี่เอง          เรื่องศิลาจารึกหลักที่ ๑ สร้างปลอมขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๓ นั้นมีผู้เสนอมาเมื่อ ๑๐ กว่าปีมาแล้ว ในครั้งนั้นได้มีการจัดเวทีสัมมนาถกเถียงกันหลายครั้งหลายคราระหว่างนักวิชาการที่เห็นด้วยและคัดค้าน เรื่องราวก็น่าจะจบลงไปแล้ว (แต่ยังไม่มีผู้ใดสรุปได้ชัดเจน) ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลแต่ไม่มีหลักฐานด้านศิลาจารึก โดยเฉพาะรูปอักษรสมัยสุโขทัย (อักษรพ่อขุนรามฯ อักษรสมัยพระเจ้าลิไท อักษรภาคเหนืออักษรอีสานล้านช้าง อักษรมอญโบราณ และอักษรขอมโบราณ ที่เป็นอักษรต้นแบบของอักษรพ่อขุนรามฯ) เรื่องตัวอักษรนี้ผมจะกล่าวชี้แจงตอนท้าย          ตอนนี้ผมจะกล่าวถึงการล่าอาณานิคมของจักรวรรดิ นิยมอังกฤษ ที่ คุณไมเคิล ไรท์ นำมาอธิบายเป็นเหตุผลว่า ปัญญาชนและชนชั้นผู้ปกครองไทยต้องการจะแสดงหลักฐานให้นานาชาติรู้ถึงความมีอารยธรรมของไทยมาช้านาน อย่างน้อยสมัยสุโขทัย โดยสร้างศิลาจารึกหลักที่ ๑ ไว้ และนำมาแสดงให้ฝรั่งรู้และเข้าใจว่าชนชาติไทยนั้น มีอารยธรรมอย่างทันสมัยมาเนิ่นนานเพื่อฝรั่งจะได้เกรงใจยับยั้งชั่งใจบ้าง ไม่ผลีผลามส่งกองทัพเข้ายึดเมืองไทยเหมือน ประเทศพม่าและมาเลเชีย          เหตุผลข้างต้นนั้นเป็นความเห็นของคุณไมเคิล ไรท์ โดยใช้แนวความคิดของคนในปัจจุบันไปส่องหาอดีต ซึ่งนักวิชาการเราทำผิดพลาดกันมามากแล้ว ทำไมไม่อธิบายอดีตโดยวิธีคิดแบบโบราณว่าคนสมัยนั้นเขามีความคิดกันอย่างไร เขาเข้าใจเหตุการณ์ของเขาอย่างไร สังคมของเขาเป็นอย่างไร โดยใช้ข้อเขียนของคนสมัยนั้นเป็นหลักฐานในการอธิบาย ไม่ถูกต้องกว่าหรือ          คุณไมเคิล ไรท์ ก็ทราบดีว่ากำลังกองทัพเรืออังกฤษสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรียนั้นเกรียงไกรเพียงใด เพียงแต่ปัญญาชนไทยเสนอว่าชนชาติไทยมีอารยธรรมทันสมัย (ดังเนื้อความศิลาจารึกหลักที่ ๑) เพียงเท่านี้จะชะลอการปฏิบัติการของกองทัพเรือได้อย่างไร   ไม่มีเหตุผลพอเพียง ดังตัวอย่าง อังกฤษรู้จักชาวอียิปต์ว่ามีอารยธรรมรุ่งเรืองมาแต่โบราณเป็นอย่างดี ไม่เห็นว่ากองทัพเรืออังกฤษจะยกเว้น ยังปฏิบัติการช่วงชิงอียิปต์มาจากฝรั่งเศส ดังที่ทราบกันทั่วไป          ฉะนั้นการที่ประเทศไทยพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ในสมัยนั้น น่าจะด้วยเหตุผลอื่นๆ และที่แน่นอน ก็ไม่ใช่เพราะปัญญาชนไทยสร้างศิลาจารึกหลักที่ ๑ ดังที่คุณ ไมเคิล ไรท์ พยายามอธิบายโดยนำมาผูกพันกับศิลาจารึกหลักที่ ๑ ซึ่งไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอจะรับฟังได้ ... จากคุณ : Babatov - [ 22 เม.ย. 50 21:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอร่วมด้วยอีกแรงครับ ข้อ ๑. สาส์นสมเด็จฉบับลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาฯ กราบทูล สมเด็จกรมพระยาฯ          .....ไม้เอก โท นั้น  ได้พบหนังสืออันแก่ที่สุดก็ที่ศิลาจารึกของขุนรามคำแหงเมืองสุโขทัย  แต่ไม่โทเขียนเป็นกากบาทเหมือนไม้จัตวาที่เขียนกันในเวลานี้  ตามที่เขียนเช่นนั้นเป็นสมด้วยชื่อ  ไม้เอกแปลว่าไม้อันเดียวขีดเดียว  ไม้โทแปลว่าไม้สองอันขีดก่ายกันเป็นกากบาท  ต่อมาภายหลังเขียนอย่างง่ายๆไม่ยกเหล็กจาร  ทุกวันนี้จึงกลายรูปเป็นไม้สองอันต่อกันเป็นมุมฉาก  ข้อความในหนังสือที่จารึกในหลักศิลาอันนั้นมีว่าแต่ก่อนหนังสือไทยไม่มี  ขุนรามคำแหงได้คิดบัญญัติขึ้น  แต่ฟังตามนี้มิได้  ทำให้เข้าใจไปว่า  แต่ก่อนไทยเขียนหนังสือไม่เป็นเลย  เข้าใจเพียงว่าแต่ก่อนไทยใช้หนังสือขอมตามเขมรซึ่งเวลานั้นเขมรกำลังมีอำนาจรุ่งเรือง  มีพยานที่หลักศิลาในเมืองสุโขทัยรุ่นราวคราวเดียวกันจารึกหนังสือขอมอยู่  ขุนรามคำแหงดัดแปลงตัวหนังสือขอมให้เป็นรูปอื่น  บัญญัติให้เป็นหนังสือไทย  คงจะได้คิดและบังคับให้ใช้มานานแล้ว  เมื่อแรกคิดแปลงเป็นหนังสือไทยขึ้น  จะคิดไม้เอกโทขึ้นพร้อมกันทีเดียว  หรือจะคิดเติมขึ้นต่อภายหลังนั้นทราบไม่ได้  แต่คิดว่าจะคงจะยังไม่มีไม้เอกโท  มาก่อนเหมือนกันกับหนังสือขอม  เมื่อเห็นความจำเป็นที่ควรมีจึ่งคิดเติมขึ้นทีหลัง  แต่อย่างไรก็ดั  เมื่อจารึกหนังสือไทยลงหลักศิลานั้นมีไม้เอก โทแล้ว  หลักศิลานั้นเป็นหนังสือไทยที่จารึกในแผ่นดินขุนรามคำแหงและมีความปรากฏว่าขุนรามคำแหงเป็นผู้คิดหนังสือไทย  ก็ต้องถือว่าเอกโทมีมาพร้อมแต่แรกคิดหนังสือไทยในครั้งขุนรามคำแหงนั้น... ข้อ ๒. ตรียัมพวาย ข้อ ๓.  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดวิธีตีกลองร้องฎีกา  แต่ทรงเสด็จออกรับฎีกาเอง          ทรงพิจารณาเห็นว่า  วิธีตีกลองร้องฎีกาซึ่งมีมาแต่ก่อนนั้น  ไม่ได้ผล          เพราะมักถูกผู้มีอำนาจกีดกันไม่ให้ราษฎรเข้าถึงกลองได้          พระองค์ทรงรู้ปัญหานี้ตั้งแต่ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ แล้วล่ะครับ          จะโยงวิธีสั่นกระดิ่งร้องทุกข์ของพระเจ้ารามคำแหง  กับพระองค์  คงต้องถูกหัวเราะแน่  ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า ข้อ ๔. ใน "โองการแช่งน้ำ" ก็มีจ้า   ฟ้ากระฉ่อนเรือนผยองช่วยดู                       เอาธงเป็นหมอกหว้าย เจ้าผาคำสามเส้าช่วยดู                                 แสนผีพิงยอมท้าว   เจ้าผาดำผาเผือกช่วยดู                             หั้นย้าวปู่สมิงพราย เจ้าผาหลวงผากลายช่วยดู  ดีร้ายบอกคนจำ                                   ผีพรายผีชรหมื่นคำช่วยดู กำรูคลื่นเป็นเปลว                                    บซื่อน้ำตัดคอ   ตัดคอเร็วให้ขาด                                   บซื่อบล้างออเอาใส่เล้า บซื่อน้ำหยาดท้องเป็นรุ้ง                            บซื่อแร้งกาเต้าแตกตา   เจ้าเพาะพุงใบแบ่ง                                 บซื่อหมาหมีเสือเข่นเขี้ยว เขี้ยวซาชแวงยายี                                     ยมราชเกี้ยวตาตาวช่วยดู   ชื่อทุณพีตัวโตรด                                   ลมฝนฉาวทั่วฟ้าช่วยดู ฟ้าจรโลดลิวขวาน                                     ขุนเกล้าแกล้วขี่ยูงช่วยดู   เคล้าฟ้าเคลือบเปลวลาม                          สี่หน้าเจ้าอสุรช่วยดู พระรามพระลักษณชวักอร                          แผ่นทูลเขาเงือกปล้ำช่วยดู     ปล้ำเงี้ยวงอนรานรงค์  ผีดงผีหมื่นถ้า  ล้ำหมื่นผา มาหนน้ำหนบก  ตกนอกขอกฟ้าแมน  แดนฟ้าตั้งฟ้าต่อ  หล่อหลวงเต้าทังเหง้าภูตพนัสบดี  ศรีพรหมรักษยักษกุมาร  หลายบ้านหลายท่าล้วนผีห่าผีเหว  เร็วยิ่งลมบ้าหน้าเท่าแผง  แรงไกยเอาขวัญ  ครั้นมาถึงถับเสียง  เยียงชรแรงชรแรงแฝงข้าวยินเยียชรรางชรราง  รางชางจุบปากเยียจเจี้ยจเจี้ยว  เขี้ยวสรคานอานมลิ้น  เยียลลายลลายตรบมิในในฟ้าในดิน  บินมาเยียพพลุ่ง  จุ่งมาสูบเอาเขาผู้บซื่อ  ชื่อใครใคคดขบถเกียจกาย  ว่ายกทู้ฟาดฟัด  ควานแควนมัดศอก  หอกด้นเด้าเท้าหก  หลกเท้าหายไปมิทันตาย  หงายระงมระงมยมพบาลลากไป  ไฟนรกปราบปลิ้นดิ้นพลาง  เขาวางเหนืออพิจี  ผู้บดีบซื่อ  ชื่อใครคดขบถแก่เจ้า  ผู้ผ่านเกล้าอยุธยา  สมเด็จพระรามาธิบดินทร์  ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิศราชาธิราช  ท่านมีอำนาจมีบุญ  คุณอเนกา  อันอาไสรยร่ม  และอาจข่มชักหักกิ่งฆ่า  อาจถอนด้วยฤทธานุภาพ  บาปเบียนตนพันธุ พวกพ้องญาติกามาไส้  ไขว้ใจจอดทอดรัก  ชักเกลอสหายตนทั้งหลายมาเพื่อจะทำขบถทดโทร่ห์แก่เจ้าตนไส้  จงเทพยดาในฝูงนี้ให้ตายในสามวัน  อย่าให้ทันในสามเดือน  อย่าให้เคลื่อนในสามปี  อย่าให้มีความสุขสวัสดิ์เมื่อใด  อย่ากินข้าวเพื่อไฟจนตาย ฯ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/02/K4083816/K4083816.html แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 10:20:24 จากคุณ : กัมม์ - [ 23 เม.ย. 50 10:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณเหงามากไปไหนครับ  ได้อ่านรึยัง  อุตส่าห์ค้นงานมาตอบข้อสงสัยของคุณเหงามากแล้วนะครับ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 23 เม.ย. 50 16:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ค.ห.1 ในจารึกไม่มีคำไหนที่แปลว่า"ประดิษฐ์"มีแต่"ใส่" คืออักษรมัน แล้วเอามาใส่ในจารึกไงครับ ค.ห.2 "3400วา"คงเป็นเลขหวยกระมัง ค.ห.3 มันเป็นนิทาน และคนละยุคสมัย ค.ห.4 ในจารึกบอกให้ขุนที่ครองสุโขทัยรุ่นต่อมาบูชาพระขผุง(บางทีเรียกขพุง) เพื่อไม่ให้เมือง(ฉิบ)หาย กษัตริย์องค์ต่อจากพระจอมเกล้า ก็ได้บูชาพระสยามฯเป็นพระราชประเพณีสืบมา ค.ห.5 แล้วทำไมไม่คิดถึงพระปรีชาสามารถของพระจอมเกล้าท่าน และทำไมไม่คิดว่าจารึกหลักนี้มีส่วนที่ทำให้ชาติรอดจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พระจอมเกล้าท่านมองการณ์ไกลไง ไม่ได้อ้างลอย ๆ แต่อาศัยจารึก(ที่ทำขึ้นเอง)มาอ้างให้ประชาชนและผู้ปกครองต่อมาปฏิบัติตาม การปกครองแบบพ่อปกครองลูก มันเป็นไปได้หรือไม่ และปฏิบัติได้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการปกครองในอุดมคติเท่านั้น? แล้วมีอักษรชาติไหนที่เขียนสระทั้งหมดไว้ข้างหน้า ช่วยยกตัวอย่างมา1ภาษาหน่อย นอกจากจารึกหลักที่1 แล้วการที่จารึกมีคำว่า"อร่อย"มันน่าคิด เพราะอร่อยเป็นคำสมัยใหม่มาก ๆ และไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องเอามาจารึก *** คุณเหงามากฝากมาตอบ จากคุณ : HuaChieu - [ 23 เม.ย. 50 16:47:30 A:61.47.25.252 X:61.47.25.250 TicketID:143717 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า เป็นอย่างไรครับ คุณ เกนหลงหนึ่งหรัด ผมว่าขังแกไว้ใน ตรีบูร นั่นแหละครับ ดีที่สุดแล้ว ก็สุดแล้วแต่นะครับ  ผมขออำลาครับ ถึงแกจะว่ายอม  ก็ช่างแกเถอะครับ  สวัสดี จากคุณ : กัมม์ - [ 24 เม.ย. 50 08:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ อ๋อเหรอออออ จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 24 เม.ย. 50 09:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โธ่! คุณกัมม์  ทิ้งผมไปซะแล้ว      เอาเป็นว่าผมขออธิบายคุณเหงามากอีกสักตั้งนะครับ ทั้งที่ใจจริงอยากให้คุณเหงามากลองไปตามอ่านรายงานการอภิปรายที่จัดโดยคณะโบราณคดี  มหาวิทยาลัยศิลปากร  เพราะข้อสงสัยที่คุณเหงามากสงสัยก็ล้วนแล้วแต่มาจาก ดร.พิริยะ  ไกรฤกษ์  ทั้งสิ้น  แล้วก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณเหงามากได้อ่านงานวิจัย (วิจัยรึเปล่า?) ศิลาจารึก : การศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลป์  (แต่เนื้อหาด้านในกลับไม่มีอะไรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลป์เลย) ซึ่งเป็นที่มาของข้อสงสัยทั้งหมดของคุณเหงามาก     ครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ  เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนาฯ ทรงเป็นประธาน  ผู้ร่วมอภิปรายมีทั้งฝ่ายที่เชื่อว่าศิลาจารึกหลักที่ ๑ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ คือ ดร.พิริยะ และฝ่ายขัดค้าน      ข้อสงสัยทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่ตรงกับที่คุณเหงามากสงสัย   และมีคำตอบที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือ  (เว้นแต่คนที่จะพยายามไม่เชื่อ)       ถ้าคุณเหงามากมีใจเป็นนักวิชาการที่เป็นธรรมจริงไม่พยายามที่จะปิดกั้นข้อมูลที่จะทำลายล้างความเชื่อเดิมของตนเอง  ผมเชื่อว่าคุณเหงามากน่าจะได้คำตอบที่สงสัยไปนานแล้ว        แต่อย่างไรก็ดีผมจะพยายามเสนอข้อมูลที่คุณเหงามากสงสัย (ซึ่งคนอื่นเขารู้กันหมดแล้ว)   โดยหวังว่าคุณเหงาจะพยายามทำความเข้าใจ  หรือไปสอบทานหาข้อมูลเพิ่ม         อนึ่งข้อมูลบางอย่างเช่นพัฒนาการทางภาษา  ความทั่วไปเกี่ยวภาษา  ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คุณเหงามากเข้าใจ  เพราะคุณไม่ใช้ผู้ที่ศึกษามาทางสายวิชานี้  จึงเป็นมากยากที่จะทำความเข้าใจด้วยการอธิบายเพียง 2-3 บันทัด       เอาละครับ ทุกๆ ท่านครับ  ผมจะพยายามครั้งสุดท้าย  ขอแรงใจอย่างสูงเลยครับ   ด้วยความเคารพ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 14:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ  คุณเหงามาก  คุณกัมม์  และทุกท่านๆ ครับ ขอตอบบางประเด็นก่อนนะครับ ค.ห.2 "3400 วา"คงเป็นเลขหวยกระมัง               ประเด็นนี้มีคนตอบไปมากแล้ว  ไม่ทราบว่าคุณเหงามากได้อ่านบางหรือเปล่า  หรือได้แต่เสนอความคิดของตัวเองแล้วไม่อ่านของคนอื่น  หรืออ่านแล้วไม่คิดตาม  หรือพยายามตีกรอบความคิดของตัวเอง  คล้าย ดร.พิริยะ   ตัวเลข 3400 วา  “วา”  เป็นหน่วยบอกจำนวนนับของระยะทางหรือความยาวเทียบได้ว่า 1 วา เท่ากับ 2 เมตร ฉะนั้น 3400 วา  จึงมีขนาด  6800 เมตร     จำนวนที่ว่านี้ไม่ใช้พื้นที่อย่างแน่นอนเพราะพื้นที่ต้องเป็น (กว้าง X ยาว หรือ ด้าน X ด้าน)  ดังนั้นหน่วย “วา” จึงเป็นหน่วยบอกระยะทางที่มีความยาว  นั้นก็คือความยาวของกำแพงเมืองสุโขทัย  เมื่อนำจำนวนความยาวของกำแพงทั้งสิ้นคือ 3400 วา มาหาร ด้วย 4 ซึ่งก็คือจำนวนกำแพงทั้งสี่ด้าน  ก็จะได้ด้านละ  850 วา (1700 เมตร)  ซึ่งก็มีขนาดใกล้เคียงกับกำแพงเมืองเชียงใหม่ที่พระยามังรายเป็นผู้สร้าง (พระยามังรายเกี่ยวอะไรกับพ่อขุนรามคำแหงกรุณาอ่านบทความเรื่องสามกษัตริย์สามัคคีเองนะครับ)  โดยกำแพงเมืองเชียงใหม่มีขนาด 1000 วา x 900 วา  ดังนั้น  ตัวเลขที่ว่า 3400 วา ไม่ใช่เลขใบ้หวยแน่นอน  แต่คือขนาดความยาวโดยรอบของกำแพงเมืองสุโขทัย จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 16:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ประเด็นต่อมาเรื่อง นิทานการสั่นกระดิ่งร้องทุกข์ที่ปรากฏในนิทานสิบสองเหลี่ยมที่พระเจ้าจักรพรรดิจาหันกีร์โมกุล  ก็มีการทำกลไกสั่นกระดิ่งให้ราษฎรร้องทุกข์   คุณเหงามากบอกว่ามีมันเป็นตำนานคนละยุคละสมัย  ผมทราบครับว่าคนละยุค  แต่กำลังจะบอกว่าเรื่องตีกลองร้องทุกข์สั่นกระดิ่งร้องทุกข์มันเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับนักปกครองที่ใครๆ ก็คิดได้  ที่บอกว่ารัชกาลที่ ๔ ทรงปฏิบัติแล้วนำไปปลอมไว้ในศิลาจารึก  เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 16:28:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ค.ห.1 ในจารึกไม่มีคำไหนที่แปลว่า"ประดิษฐ์"มีแต่"ใส่" คืออักษรมัน แล้วเอามาใส่ในจารึกไงครับ คุณเหงามากมั่นใจได้อย่างไรครับว่า  ความหมายของคำว่า “ใส่”  ในสมัยนั้นกับในสมัยนี้จะเป็นความหมายเดียวกัน   เพราะทุกวันนี้นักวิชาการยังแปลศัพท์ของศิลาจารึกหลักที่ ๑ ยังไม่หมดทุกคำเลยครับ    คุณเหงามากเคยศึกษาเรื่องคำที่ปรากฏในศิลาจารึกมากน้อยแค่ไหนครับ ?? ถึงกล้าฟันธงว่า  “ในจารึกไม่มีคำไหนที่แปลว่า"ประดิษฐ์"มีแต่"ใส่" คืออักษรมัน แล้วเอามาใส่ในจารึกไง” จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 16:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ค.ห.4 ในจารึกบอกให้ขุนที่ครองสุโขทัยรุ่นต่อมาบูชาพระขผุง(บางทีเรียกขพุง) เพื่อไม่ให้เมือง(ฉิบ)หาย กษัตริย์องค์ต่อจากพระจอมเกล้า ก็ได้บูชาพระสยามฯเป็นพระราชประเพณีสืบมา กรณีเรื่องพระขพุงผี  ไม่น่าจะแปลกตรงไหนเพราะความเชื่อเรื่องผีประจำถิ่น  เป็นเรื่องธรรมดาของชนชาติไทยมานมนามก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนาเข้ามา  แม้พระพุทธศาสนาจะเข้ามาเจริญแล้วก็ยังมีการนับถือผีควบคู่กันไป  ไม่เฉพาะสุโขทัยเท่านั้นเมืองอื่นๆ  ก็มี เช่น เชียงใหม่ก็มีการไหว้ผีปู่ ผีย่า  ที่ต้องสังเวยด้วยควายผู้ทุกปีที่ยังคงปฏบัติถึงปัจจุบัน  ส่วนลาวก็มีการบูชาผีที่เรียกว่า “ปู่เยอ – ย่าเยอ” ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ช่วยให้โลกพ้นภัย   ฉะนั้นจะแปลกอะไรที่สุโขทัยจะมีการบูชาพระขพุงผี  ผีประจำเมืองที่ช่วยรักษาเมืองให้รอดปลอดภัย   อนึ่งเรื่องพระขพุงผีปัจจุบันยังคงมีอยู่เพราะชาวสุโขทัยยังคงบูชาเทพารักษ์ที่สถิตอยู่ยังภูเขาทางทิศตะวันตกของเมืองสุโขทัยเดิม   ส่วนเรื่องพระสยามเทวาธิราชนั้น   เป็นเรื่องจริงที่รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดให้สถาปนาขึ้นสำหรับบูชา  แต่เทวดาที่นามว่า “พระสยาม” นั้นมีอยู่ในความรับรู้ของคนไทยมาก่อนรัชกาลที่ 4 แน่นอนเพราะปรากฏในบทละครในเรื่องอุณรุท  ตอน  นางศุภลักษณ์วาดรูปมีกลอนบทละครบทหนึ่งกล่าวว่า  “วาดทั้งพระสยามเจ้าดุสิตฤทธิรอน” ในทัศนะของผมอะไรในโลกล้วนจะมีความบังเอิญได้ทั้งสิ้น   ถ้าเราจงใจจะโยงเรื่องสองเรื่องให้เป็นเรื่องเดียวกันก็ย่อมทำได้ไม่ยากเลย จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 16:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 “การปกครองแบบพ่อปกครองลูก มันเป็นไปได้หรือไม่ และปฏิบัติได้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการปกครองในอุดมคติเท่านั้น?” ระบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก  เป็นชื่อที่นักวิชาการเรียกกันภายหลัง  ถ้าหากถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง  ผมขอตอบในทัศนะของผมว่าเป็นไปได้มาก  เพราะ 1. ประชากรยังมีน้อยกษัตริย์สามารถดูได้ทั่วถึง 2. สุโขทัยเป็นรับใหม่ที่คนไทยสถาปนาขึ้นหลังให้พ้นอำนาจของขอมที่ปกครองแบบกษัตริย์คือสมมุติเทพ  การที่กษัตริย์สุโขทัยปรับสภาพตนเองเป็นพ่อของลูก  ไม่ใช่เทพเจ้าผมว่าก็เป็นกุศโลบายอันแยบยลที่จะช่วยบำรุงขวัญประชาชน  แสดงความชิดเชื้อและแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ปกครองและประชาชน  อีกประการหนึ่งอย่าลืมว่าสุโขทัยพยายามเลี่ยงการแสดงออกหรือรับวัฒนธรรมของขอมมาโดยตรง จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 17:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วมีอักษรชาติไหนที่เขียนสระทั้งหมดไว้ข้างหน้า ช่วยยกตัวอย่างมา1ภาษาหน่อย นอกจากจารึกหลักที่1 แล้วการที่จารึกมีคำว่า"อร่อย"มันน่าคิด เพราะอร่อยเป็นคำสมัยใหม่มาก ๆ และไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องเอามาจารึก ************** ประเด็นข้างต้นนี้มีคนมาตอบไว้เยอะแล้วนะครับ ไม่ขออธิบายอีก  เพราะอธิบายยังไงคุณเหงามากก็ไม่เข้าใจ เพราะพัฒนาการทางภาษาและลักษณะทางภาษา  นักศึกษาอักษรศาสตร์  และ โบราณคดี เขาเรียนกันเป็นเทอมๆ  ถ้าคุณเหงามากข้องใจจริงๆ แล้วอยากทราบก็คงต้องขอเข้ามานั่งเรียนร่วมในรายวิชานี้ ว่าแต่วิชาพัฒนาการภาษาไทยที่ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ  มีเปิดสอนรึเปล่าวครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 17:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 “ค.ห.5 แล้วทำไมไม่คิดถึงพระปรีชาสามารถของพระจอมเกล้าท่าน และทำไมไม่คิดว่าจารึกหลักนี้มีส่วนที่ทำให้ชาติรอดจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พระจอมเกล้าท่านมองการณ์ไกลไง ไม่ได้อ้างลอย ๆ แต่อาศัยจารึก(ที่ทำขึ้นเอง)มาอ้างให้ประชาชนและผู้ปกครองต่อมาปฏิบัติตาม” คุณกำลังเอาความคิดของคุณไปมองการกระทำหรือเปล่าครับ  ผมเคยกล่าวไว้แล้วประการหนึ่งว่า “อย่าลืมนะครับว่าในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงพบศิลาจารึกในสมัยที่ยังทรงผนวชอยู่  หากทรงปลอมศิลาจารึกจริงๆ นั้นหมายความว่าพระองค์เป็น “พระทุศีล”  พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงวัตรปฏิบัติอันงดงาม  โดยเฉพาะทรงเคร่งครัดในพระพุทธศาสนาจะทรงทำเช่นนั้นหรือครับ” ส่วนที่ว่าเรารอดพ้นการเป็นอาณานิคมเพราะศิลาจารึกหลักนี้  จริงหรือครับ ?? นักประวัติศาสตร์ทั่วไปก็ทราบว่าเพราะอะไรคงไม่ต้องกล่าวซ้ำ พระปรีชาสามารถของพระองค์ทั้งด้านอักษรศาสตร์และการป้องกันประเทศมีอีกมากมายครับ  ไม่จำเป็นที่พระองค์จะลงนั่งลงทุนปลอมศิลาจารึกให้เสื่อมเสียพระเกียรติของพระองค์ดอกครับ   ผมว่าการที่คุณๆ พยายามจะแสดงและยัดเยียดว่ารัชกาลที่ 4 ทรงคุณกับประเทศโดยการปลอมศิลาจารึก  ผมว่าหยุดเถอะครับ  มันไม่ใช่เชิดชูพระเกียรติหรอกครับผมว่าคุณกำลังทำให้กษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐกลายเป็น “ทรราชที่หลอกลวงโลกและประชาชนในชาติของพระองค์เอง” จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 17:30:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 -"แม่gooชื่อนางเสือง" แล้วทำไมหลักอื่น ๆ เรียกเมียกษัตตริย์มีคำนำหน้าล่ะ เช่น ท้าว... หรือพระนาง...และการเรียกนาง ปรากฎในวรรณคดีรัตนโกสินทร์เยอะมาก ๆ” อธิบายที่เดียวเลยนะครับ  นางกษัตริย์เมืองอื่นๆ ในยุคเดียวกันก็มีการออกพระนามว่านาง  เช่น  นางอั้วสิม  นางอั้วเชียงแสน  ไม่ได้ปรากฏว่ามีแต่นางเสืององค์เดียว จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 17:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สุดท้ายนะครับ   ขอเป็นผู้ถามบ้าง  หลังจากที่เป็นผู้ตอบมาตลอด ************* ถ้าในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงปลอมศิลาจารึกจริงจะทรงปลอมที่ไหน  เมื่อไร  อย่างไร  ที่ไม่ให้คนรู้คนเห็น  อย่าบอกว่าปลอมที่สุโขทัยนะครับ  เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะปลอมเสร็จใน 2 วัน แถมยังเป็นวันที่ฝนตกและพระองค์เองทรงประชวรเวียนพระเศียรด้วย    รอคำตอบด้วยใจจดจ่อครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 17:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาแล้วครับ คุณ เกนหลงหนึ่งหรัด ขอบพระคุณที่แวะไปเยี่ยมทางไมค์นะครับ ตัวเลข ๓๔๐๐ วา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  เสด็จประพาสสุโขทัยตามจารึกในศิลา  ทรงวัดกำแพงเมืองชั้นในสุโขทัย  ด้านเหนือใต้ได้ ๔๔ เส้น ๑๕ วา  ด้านตะวันตกตะวันออกได้ ๓๗ เส้น ๕ วา เป็นระยะที่ใกล้เคียงกับ ๓๔๐๐ วา  ทรงทราบว่ากำแพงเดิมของสุโขทัยมีชั้นเดียว ศิลาจารึกหลักที่ ๑ นี้  ยังช่วยไขรหัสในการค้นหาเมืองโบราณของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  อีกหลายเมือง "รอดสระหลวงสองแคว  ลุมบาจายสคาเท้าฝั่งของ  ถึงเวียงจันทน์เวียงคำเป็นที่แล้ว  เบื้องหัวนอนรอด  คนทีพระบาง  แพรกสุพรรณภูมิ" เมืองโบราณที่ว่านี้ สระหลวง - สองแคว  คนที - พระบาง  แพรก - สุพรรณภูมิ ก็ทรงค้นพบด้วยศิลาจารึก  เมืองเหล่านี้ตั้งอยู่ตามลำดับระยะจากเมืองสุโขทัย "จารึกอันหนึ่ง  มีในเมืองชเลียง  สถาบกไว้ด้วยพระศรีรัตนธาตุ  จารึกอันหนึ่งมีในถ้ำรัตนธาร" ทรงรู้ที่ตั้งเมืองเชลียงศรีสัชนาลัย  ด้วยประโยคในจารึกนี้   ทรงรู้ที่ตั้งเมืองเพราะทรงรู้คำแปลว่า "มี" ที่เชียงใหม่ ถ้ำรัตนธาร กับแม่น้ำสํพาย  พระพยุหภิบาลค้นพบที่ตั้งในรัชกาลที่ ๕  และยังได้เห็นศิลาจารึกในถ้ำรัตนธารอีกด้วย  เสียแต่ว่า  เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพราะชาวบ้านต่อยไปเข้ายาเสียมาก ค้นเมืองโบราณ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=rattanakosin225&group=2&date=15-03-2007&gblog=8 "เหงามาก" ตอนนี้แปลงชื่อเป็น "เมื่อไรเหงาจะหาย(ไป)" คุณ เกนหลงหนึ่งหรัด  ชี้แจงถึงเพียงนี้ คอยดูว่าเหงามากแกจะตอบว่าอย่างไร คงไม่พ้น .....   คุณเกนหลงฯ เราไปหาอย่างอื่นทำกันเถิด ผมว่า ดร. แกจ่ายด้วยชื่อแกมาแพงแล้วล่ะ หมดตูด เคยดูรายการช่อง ๑๑  เห็นคนกล่าวหาโดนผู้ว่าสุโขทัยอัดซะเละออกอากาศ  ว่าเป็นโวหารว่า "จ๋อย on ari" ถ้าย้อนเวลาได้  ผมว่าแกคงไม่คิดออกหนังสือเล่มนี้แน่ๆ จากคุณ : กัมม์ - [ 24 เม.ย. 50 19:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เรียนคุณกัมม์       พูดถึง ดร. มีชื่อท่านนั้นก็ค่อนข้างน่าเห็นใจนะครับ  โดนไปหลายดอก  กลายเป็นหัวข้อขบขันแก้เครียดกันไปนาน   มีคนเคยพูดว่า  มรว.คึกฤทธิ์  โกรธ ดร. ท่านนี้จนเอ่ยปากว่า  ไม่ใช่คนในสกุล "........."        แต่ที่น่าเห็นใจกว่าก็คือคนที่คิดดำเนินรอยตาม  แต่ไม่ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนสิครับ  น่าเห็นใจจริงๆ            อามิตตาพุทธ  จำเริ๊ญ  จำเริญ ด้วยความเคารพ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 24 เม.ย. 50 21:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณทั้งคุณ กัมม์ และ คุณเกนหลงหนึ่งหรัด ครับ ที่ช่วยกันประมวลความรู้เรื่องนี้กันอีกครั้ง เคารพในความพยายามของคุณเกนหลงหนึ่งหรัด อย่างสุดซึ้งครับ อิอิ หลายๆ ท่าน "หน่าย" กันไปแล้ว แต่เห็นการตอบของคุณเกนหลงหนึ่งหรัดแล้วทึ่งครับ ปรากฏการณ์ "เหงาๆ" นี้ เกิดมาจาก การตั้งคำถามสงสัย ขอความเห็นเกี่ยวกับจารึกหลักที่ ๑ ว่าปลอมขึ้นในสมัย ร.๔ ใช่หรือไม่ โดยยกข้อสังเกตส่วนใหญ่จาก ดร.พิริยะ กับ คุณไมเคิล ไรท์ จากนั้น ก็มีคนมากมายเข้ามาช่วยกันชี้แจง ช่วยกันแนะนำให้ไปอ่านหนังสือเล่มนั้น เล่มนี้ โดยเฉพาะคำชี้แจงของ ดร.ประเสริฐ ณ นคร ซึ่งก็ไม่มีความเห็นจากคุณเหงาฯ ว่า ทำไมคุณเหงาฯ ถึงไม่เชื่อว่า คำชี้แจงของ ดร.ประเสริฐ และ นักวิชาการท่านอื่นๆ มีเหตุผลกว่าของ ดร.พิริยะ กับ คุณไมเคิล ไรท์ จากนั้น Loop คำถามเดิมๆ ก็วนกลับมาอีก คนที่ชี้แจงแนะนำ (ซึ่งก็เรื่องเดิมๆ) ก็ค่อยๆ หายไปทีละคน ทีละคน แต่ "Loop เหงา" ก็จะวนมาอีกกับข้อสงสัยเดิมๆ ที่ไม่เคยตอบว่า เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย กับคำอธิบาย และมีเหตุผลอะไรที่ไม่เห็นด้วย ... จากคุณ : TA (Hotacunus) - [ 25 เม.ย. 50 03:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถล่มให้เละพวกตะแบงนี่ หายเหงาเลย [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : นักเลงสวรรคโลก - [ 25 เม.ย. 50 03:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พระทุศีลเอาอะไรมาวัดครับ พระถือศีล300กว่าข้อ ผิดสักข้อนึงไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ทุศีลทำเพื่อชาติ คงไม่ใช่ความผิดมากมาย -แล้วพระองค์มานั่งหลังขดหลังแข็งจารึกเองหรอไง ********** ตอนนี้เรียนภาคฤดูร้อนคับ ยังไม่เปิดสอน ถ้าสอนจริง ๆ จัง ๆ ก็ปริญญาโทโน่น โอเค เอาสระมาไว้ข้างหน้าใช่ไหม??? แล้วทำไมพ่อขุนรุ่นต่อมาทำไมไม่ทำตาม กลับวิวัฒนาการ"ถอยหลังเข้าคลอง"ไปใช้แบบเดิมอีกล่ะครับ แล้ว"ภาษีจังกอบ"มีในสมัยสุโขทัยหรอครับ ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา-เป็นสำนวนอังกฤษ และสำนวนภาษาไทย ไม่นิยมใส่คำบุพบทมากมาย และไม่จำเป็นต้องใส่ มี และ ที่ แล้วสมัยสุโขทัยก็ไม่ได้เรียกศาสนาพุทธว่า"พระพุทธศาสนา"ก็เป็นคำสมัยใหม่เช่นกัน แต่เขาเรียกว่า ศาสนาพุทธ พระศาสนา ศาสนาพระศาสดา(ไม่ใช่จารึกสุโขทัย แต่เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนี่แหละ) ศาสนาพระเจ้า ศาสนาพระพุทธเป็นเจ้า ศาสนาพระพุทธ งานเผาเทียนเล่นไฟนี่มันอะไรครับ เคยอ่านในประวัติลอยกระทง บอกว่าบูชาพระธาตุจุฬามณีบนสวรรค์ บูชาพระธาตุบนสวรรค์แต่เอาไปลอยแม่น้ำเนี่ยนะ??? ช่วยอธิบายคำว่าเผาเทียนเล่นไฟหน่อยครับ สมัยสุโขทัยไม่มีดินปืนใช้ ในเรื่องนางนพมาศ ก็ว่าเผาเทียน คือจุดเทียนบูชาพระ เล่นไฟ คือลอยโคมบูชาพระธาตุ นึกถึงพิธีจองเปรียง??? และไม่มีคำว่าลอยกระทงในเอกสารสุโขทัยครับ --- นางเสือง ในจารึกคงบอกว่านางเสืองของพ่อขุนฯเป็นสามัญชน ไม่มียศอะไร มีแค่"นางเสือง"ในขณะที่หลักอื่นมี"พระ"แต่ลงท้าย"เทวี"เช่น พระนางสุขรมหาเทวี และการใช้นาง ปรากฏในวรรณคดีรัตนโกสินทร์ เช่น นางละเวง นางวันทอง นางสีดา นางแก้วกิริยา นางลาวทอง นางนั่น นางนี่ สมัยอยุธยาเรียกนางเอกว่า พระ หรือไม่ก็เรียกพระนาม เช่น องค์สีดาเจ้า พระเพื่อนพระแพง บุษบา จินตหรา ไม่เคยได้ยิน นางเพื่อนนางแพง นางบุษบา นางจินตหรา จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 25 เม.ย. 50 07:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มีคำว่า"เมืองไทย"ในจารึกหลัก1 มันหมายความว่าไงครับ ทั้ง ๆ ที่ในสมัยสุโขทัย อยุธยา ยังไม่มีคำว่า"ไทย"มีแต่ สุโขไท(ทัย) อยุธยา ล้านนา ล้านช้าง นครศรีธรรมราช...แต่มีคำว่า"เมืองไทย"ในจารึกหลัก1 ในน้ำมีปลาในนามีข้าว-เคยดูสภาพภูมิศาสตร์สุโขทัย เป็นพื้นที่แห้งแล้ง ปลูกอะไรไม่ขึ้น(มีคนเอาดินไปตรวจแล้ว) ไม่สอดคล้องกับ"ในน้ำมีปลาในนามีข้าว"น้ำนะมีครับ แต่มันไกลจากตัวเมืองมาก ๆ มีแม่น้ำยมไหลผ่านสายเดียว เคยถามคนสุโขทัย ถามว่าดินสุโขทัยเป็นยังไง เขาบอกว่าแห้งมาก ๆ???? เขาถามทำไม ก็บอกว่าถามเฉย ๆ ทำไมต้องจารึกว่า"เมื่อก่อนลายสือไทนี้บ่มี"จะบอกให้คนรุ่นหลังทราบใช่ไหม ว่าเมื่อก่อนสุโขทัยไม่มีอักษรใช้ เลยต้องประดิษฐ์อักษรมาใช้กัน อาณาจักรอื่นเขามีอักษรใช้กัน ทำไมมีสุโขทัยที่เดียวที่มีอักษรใช้ทีหลัง??? จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 25 เม.ย. 50 07:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คำว่า "นาง" ในสมัยโบราณอาจจะใช้เรียกสตรีชั้นสูงก็ได้นะครับ การใช้ศัพท์สูงสละสลาวยอาจเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นภายหลังจากที่ลัทธิเทวราชามีบทบาทต่อการเมืองการปกครองของไทยแล้ว ดังนั้นผมจึงไม่เห็นว่าการใช้คำว่า "นาง" จะเป็นข้อให้สงสัยแต่อย่างใด ในครั้งนั้น "ศรีสรัทธา" ผู้เป็นหลานของพ่อขุนผาเมือง ได้จารึกข้อความสำคัญนั้นไว้ว่า "พ่อขุนผาเมืองจึงอภิเษกพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองสุโขทัย ให้ทั้งชื่อตนแก่พระสหายเรียกชื่อ ศรีอินทรบดินทราทิตย์ นามเดิม กมรเตงอัญผาเมือง เมื่อก่อนผีฟ้าเจ้าเมืองสรีโสธรปุระให้ลูกสาวชื่อนางสิขรมหาเทวีกับขันไชยศรี ให้นามเกียรติแก่พ่อขุนผมเมือง" (เล่าเรื่องเมืองสยาม : ผลาดิศัย สิทธิธัญกิจ) จะเห็นว่าในจารึกนี้ก็ออกพระนามพระนามพระนางสิขรมหาเทวีว่า "นางสิงขรมหาเทวี" หรือบางแห่งก็ออกพระนามเพียงว่า "นางสิงหเทวี" เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 08:16:27 จากคุณ : รอยใบลาน - [ 25 เม.ย. 50 08:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อาณาจักรอื่นเขามีอักษรใช้กัน ทำไมมีสุโขทัยที่เดียวที่มีอักษรใช้ทีหลัง??? นั่นอาจเป็นเพราะเมื่อพ่อขุนศรีนาวนำถม ทรงสถาปนาแคว้นสุโขทัยขึ้น ทรงมีเชื้อสายราชวงศ์สิงหนวัติ แห่งอาณาจักรโยนกนาคนคร ฉะนั้นผมสันนิษฐานว่าในช่วงแรกๆ ของสุโขทัยก็คงได้รับวัฒนธรรมและภาษามาจากทางเหนือ ต่อมาเมื่อดินแดนแถบนี้ถูกครอบครองโดยขอม ภาษาขอมก็เลยเข้ามามีอิทธิพลพอๆ กับภาษาเดิมของชาวสุโขทัย ดังนั้นหากจะมามีการแต่งรูปอักษรไทยขึ้นใหม่ก็ไม่เห็นว่าจะแปลกอะไรนี่ครับ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 08:24:24 จากคุณ : รอยใบลาน - [ 25 เม.ย. 50 08:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรียน คุณกัมม์   คุณTA (Hotacunus) และทุกๆ ท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณกัมม์ที่ไม่ยอมฟังคำเตือนแต่แรก  ตอนนี้ผมทราบแล้วครับว่าเป็นอย่างไร   ผู้มีความรู้เพียงหางอึ่งอย่างผมคงไม่สามารถจะไปอธิบายให้ปราชญ์ใหญ่อย่างท่านเหงาเข้าใจได้ แต่ก่อนจากไปขอกล่าวอะไรสักนิดว่าวันนี้ตื่นมาผมก็ได้รู้เงากะลาหัวตัวเองว่างานที่พยายามไปค้นคว้ามาตอบข้อสงสัยให้มันไม่มีประโยชน์เลย  เพราะท่านเหงาอ่านผ่านๆ แบบไม่ใส่ใจคิดตาม  หรือไม่อ่านเลย  เพราะถ้าอ่านเหตุการณ์เช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น นั้นคือ ถามซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่ผมมั่นใจแล้วว่าอธิบายได้อย่างกระจ่างแล้ว  เช่น นางเสืองพระมารดา  ผมได้เคยกล่าวไปแล้วว่านางกษัตริย์ของชนชาติไทยในยุคนั้นก็มักออกพระนามว่านาง  เช่น นางอั้วสิม  นางอั้วเชียงแสน  การที่คุณไปยกพระนางสิงขรเทวี  คุณลืมไปแล้วหรอครับว่าพระนางเธอเป็นราชธิดาขอมไม่ใช่ไทย   เรื่องเมืองไทยผมก็ตอบไปแล้วอย่างชัดเจนว่า คำว่าเมืองไทยปรากฏใน “จารึกที่เชียงตุง พ.ศ.1994 ว่า "ไปเอาศาสนาลังกามาเมืองไทย" ” ดังนั้นที่ว่าคำว่า “เมืองไทย”  เป็นสำนวนรัตนโกสินทร์ก็เป็นอันตกไป  (ได้อ่านบ้างรึเปล่าครับ) ส่วนเรื่องดินปืน   เผาเทียนเล่นไฟ  เค้าก็ตอบไปหมดแล้วครับหนังสือมีเป็นตั้งลองไปหาอ่านดูนะครับ  (ผมเข้าใจที่คุณกัมม์บอกแล้วครับที่ว่า ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า) “พระถือศีล300กว่าข้อ ผิดสักข้อนึงไม่เป็นไรหรอกครับ” <------------ อลัชชีทั้งหลายก็คงคิดอย่างนี้ละครับ ผมเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วครับว่าท่านเหงาเป็นปราชญ์ผู้ทรงภูมิรู้  ความรู้และข้อมูลถูกต้องแน่นปึ๊ก เช่น “พระถือศีล300 กว่าข้อ”  (อพิโถ  พระถือศีล 227 เท่านั้นละคุณ  หรือพุทธองค์บัญญัติไว้ 300 กว่าข้อ  แล้วรัชกาลที่ 4 ทรงปลอมพระวินัยให้เหลือ 227 ข้อ  - -“) นอกจากนี้แล้วท่านเหงาก็เป็นปราชญ์นักถาม  ถามยิบถามย่อย  แต่ก็ไม่สนใจใส่ใจอ่านเวลาคนอื่นตั้งใจมาตอบ  แถมพอคนอื่นถามบ้างท่านเหงาก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการหาคำตอบมาตอบผู้อื่นว่า “แล้วพระองค์มานั่งหลังขดหลังแข็งจารึกเองหรอไง”   เฮ้อ  อ่อนใจครับ  เอาเวลาไปเตรียมสอน นศ.ดีกว่า  อย่างน้อยเวลาที่เสียไปจะได้เอาไปอบรมกระบวนการคิดหาเหตุผลให้ นศ. ดีกว่า  กลัวว่าถ้าปล่อยออกมาแสดงความฉลาดอย่างยอดยิ่งอย่างนี้จะนำชื่อเสียงมาสู่สถาบัน   “ข้าแต่พระรัตนตรัยผู้ทรงคุณ  อันประกอบไปด้วย  พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  กรมการเมืองทั้งหลาย  ตลอดจนฝูงทวยราษฎร์ประชา  ข้าพเจ้าขอบอกศาลาเลิกยุ่งเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง   ซึ่งพระคุณเจ้าจะกลับตาลปัตรหรือจะคว่ำบาตรก็สุดแล้วแต่เจ้าค่า  สาธุ” จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 25 เม.ย. 50 09:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีนางได้ แต่มันต้องมีคำลงท้ายนะครับ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มานางเสือง แล้วศีลใน200ข้อนั่น มันมีย่อยอีกใช่ไหม??? ศีลอย่างเดียวไม่ได้บอกสถานะของพระ ว่ารักษาครบทุกข้อ แล้วต้องเคารพยกย่อง หรอกนะครับ และไม่ช่วยให้บรรลุมากกว่าเดิมหรอกนะ เหมือนพระเดินห้างอะ พระเดินได้ครับ และมีสิทธิ์เดิน จะไปทำอะไรก็อีกเรื่อง ถ้าเดินแล้วไม่เกิดกิเลส ก็เดินไปเถอะ ไม่มีใครว่า ไม่ผิดศีลด้วย แล้วการที่ว่าพระจอมเกล้าเป็นพระทุศีลหน่ะ ไม่เกี่ยวกันนะ แค่ไหนถึงเรียกว่าพระทุศีล ลองให้คำนิยามพระทุศีลหน่อยสิครับ ขอถามบ้างว่า การที่พระเส้าหลินจับอาวุธ รบกับต่างชาติที่มารุกรานจีน เป็นพระทุศีลหรือไม่ ซึ่งพระวินัยบัญญัติว่าห้ามพระภิกษุจับอาวุธ ห้ามยุ่งเรื่องทางโลก อย่างงั้นหรอ??? การที่มีต่างชาติมารุกราน แต่พระเอาแต่สวดมนต์ภาวนา พอเช้าก็ออกบิณฑบาต แล้วก็กลับวัดไปฉันอาหาร มันไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ อย่างน้อยควรมีส่วนร่วมสักนิด บ้านเมืองเกิดสงคราม พระก็ควรมีส่วนในการขับไล่ศัตรู ก่อนปรินิพพาน พระพุทธเจ้าท่านบอกเลย สิกขาบทบางข้อละบ้างก้ได้ ไม่จำเป็นต้องยึดทุกข้อ การที่พระจอมเกล้าทำจารึกนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องพระทุศีล ทุศีลหรือไม่อยู่ที่เจตนา....... ******** นางเสืองปรากฎในจารึกสุโขทัย ก็ต้องอ้างเฉพาะจารึกสุโขทัยก่อน เราคงไม่ไปอ้างจารึกอยุธยา จารึกลาว จารึกล้านนา หรือไม่ก็จารึกชวาโน่น ทำไมอ้างจารึกเชียงตุงมาหลักเดียวล่ะ ******** สุโขทัยคนน้อย เหรอครับ ลองดูประโยคนี่"เที้ยนย่อมเสียดกันดูท่านเผาเทียน..."คนน้อยหรอ??? เสียดกันนี้คนน้อยใช่ไหม??? อาณาจักรสุโขทัยอยู่ได้เป็นร้อยปี แต่บอกว่าคนน้อย ถ้าคนน้อยไม่ได้อยู่ถึงร้อยปีหรอกนะ... แถมมีอาณาเขตไปถึงหงสาวดี เวียงจันทน์ และนครศรีธรรมราช ผมกำลังจินตนาการแผนที่สุโขทัยสมัยพ่อขุนรามฯ มันคงจะใหญ่โตมากเลย แสดงว่าสุโขทัยเก่งมาก มีคนนิดเดียว แต่อาณาเขตกินนครศรีธรรมราช หงสาวดี และเวียงจันทน์ ******* อย่าลืมว่าสุโขทัยพยายามเลี่ยงการแสดงออกหรือรับวัฒนธรรมของขอมมาโดยตรง หรอครับ แล้วทำไมยังมีจารึกสุโขทัยภาษาเขมร ภาษาบาลี แถมใช้อักษรขอมจารึก ไหนว่าไม่แสดงออกการรับวัฒนธรรมขอม แล้วทำไมยังใช้อักษรขอมมาเขียนจารึกศาสนา??? กรณีดร.ประเสริฐ ท่านไม่ได้เชื่อว่าสร้างสมัยพ่อขุนรามฯ แต่สร้างสมัยพญาลิไทครับ จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 25 เม.ย. 50 10:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์คนนึงอะ บอกว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ โลกเป็นบริวารดวงอาทิตย์ เรื่องนี้ได้ยินไปถึงศาสนจักร จะเอานักวิทยาศาสตร์คนนี้ไปเผาทั้งเป็น ข้อหาประพฤติตนนอกรีตครับ เพราะตอนนั้นคนเชื่อไบเบิลมากกว่าวิทยาศาสตร์ ไบเบิลมาจากพระวัจนพระเจ้า เขียนโดยพระเจ้าดลใจ ต้องเชื่อตามนั้น ห้ามบิดเบือนหรือตีความส่งเดช??? เช่น พระเจ้าสร้างโลกใน7วัน ดวงอาทิตย์สร้างวันที่4(ขอยกตัวอย่างนะ)ต้องเชื่อ ห้ามสงสัยอะไรทั้งนั้น ถ้าสมัยก่อน ลองมีใครไปบอกดูสิ ว่าโลกเป็นบริวารดวงอาทิตย์ ดีไม่ดีถูกจับไปเผาทั้งเป็นครับ จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 25 เม.ย. 50 10:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า   คุณ รอยใบลาน ถอยด่วนครับ คุณ เกนหลงหนึ่งหรัด ขนาดวิทยาศาสตร์ยังเอาแกไม่อยู่ นับประสาอะไรกับศีล ๓๐๐ ข้อ มีรึแกจะแถไม่ได้ ดูถูกกันเกินไป และทุกท่านที่พลาดโอกาสนี้  ไม่ควรเสียใจ อีกเดี๋ยวก็จะมีกระทู้                 "3400วา"คงเป็นเลขหวยกระมัง ออกมาให้ได้ติดตามเช่นเคย  ไม่ต้องเสียใจไม่ต้องเสียใจ คุณ เกนหลงฯ  รอด้วย รอด้วย แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 50 13:20:37 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 เม.ย. 50 13:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โธ่ถัง!  ยังจะมาตะแบงอีกนะครับ   พระมีศีล 227 ไม่มีแตกอีกแล้วละครับท่านเหงา  ไปศึกษาจากวัดไหนมา  ไอ้ที่มี 300 กว่านั้นอะของภิกษุณี  ตลกจริงๆ          ศีล  ----> สมาธิ ----> ปัญญา  ศีลคงไม่สำคัญมั้งครับทำบ้างละบ้าง   แล้วพระเส้าหลินกับพระไทยเอามาเทียบกันได้หรอครับ  แนวปฏิบัติก็ต่างกันแล้วไหนลองบอกมาสักข้อสิครับที่ว่าแนวปฏิบัติของพระทั้งสองตรงกัน       "กรณีดร.ประเสริฐ ท่านไม่ได้เชื่อว่าสร้างสมัยพ่อขุนรามฯ แต่สร้างสมัยพญาลิไทครับ" ครั้งสุดท้ายนะครับ  ดร.ประเสริฐท่านไม่ได้เชื่อว่าสร้างในสมัยพระลิไท  ผู้ที่เชื่อว่าสร้างในสมัยพระยาลิไทคือ ท่านจันทร์  (มจ.จันทร์จิรายุ)      เชื่อรึยังละครับว่าท่านเหงาแม่นข้อมูลแค่ไหน  ผมว่าก่อนจะมาเสนอข้อคิดเห็นกลับไปอ่านหนังสือให้ถ้วนก่อนดีกว่าไหมครับ       อ้อแล้วการที่สำรวจหลักฐานจากจารึกในภูมิภาคเดียวกัน  ยุคสมัยใกล้เคียงกันทางการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป  (อาจจะมีคุณคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย  เหมือน ดร.ท่านนั้นที่เมื่อมีหลักฐานมาหักล้างก็จะบอกว่าหลักฐานนั้นใช้ไม่ได้  ตลกมากมาย)       อีกประการหนึ่งนะครับการที่คุณเอาเรื่องของคริสตจักรมานำเสนอมันไม่เข้าอะไรเลยกับสถานการณ์นี้  เพราะถ้านักวิชาการประวัติศาสตร์ทั้งหลายเป็นอย่างนั้นป่านนี้แม้แต่คุณก็คงไม่มีโอกาสมีแสดงความคิดแบบ... อย่างนี้หรอกครับ         เกือบลืม  ถ้ารัชกาลที่ ๔ ทรงปลอมจริงคงไม่แปลความผิดพลาดเสียหลายตอนให้บาวริ่งหรอกครับ  ความสมบูรณ์ของศิลาจารึกเพิ่งจะมาแปลถ้วนได้ความในยุดหลังๆนี้  ถ้าทรงปลอมทำไม่ไม่แปลให้ถูกไปซะทีเดียวเลยละครับ.......... จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 25 เม.ย. 50 13:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พระมีศีล 300 ร้อยข้อ  (ขอขำอีกรอบ  แถซะหลังเป็นแผลไปรึป่าวท่าน)          โอ้ย!  หลวงตาไม่ปลื้มเลยโย๊มมมม            ในนามของเพื่อนอาจารย์ลูกศิษย์ใครมารับไปด่วนครับน่าอับอายจริงๆ เลย  พระมีศีล 300 กว่าข้อ               ฮ่ะ ฮะ ฮ่ะ 5555+ รู้แล้วครับว่าคุณกัมม์ขำอะไร  ขอขำด้วยคนครับ   คุณกัมม์ครับ  เราไปหาอะไรทำที่มีประโยชน์มากกว่านี้     พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ก่อนปรินิพาน (รึป่าว)  ว่าบัวมี 4 เหล่า  แต่ผมว่าเดี๊ยวนี้มีเหล่าที่ 5 แบบบัวใต้ตมแถมมีคอนกรีตทับแม้แต่จะเป็นประโยชน์เป็นเหยื่ออาหารปูปลาก็ไม่ได้  ในโลกมีเวไนยสัตว์ (สัตว์ที่สอนได้) เราไปทำประโยชน์ให้เวไนยสัตว์กันดีกว่าครับ             อามิตตาพุทธ  จำเริ๊ญ จำเริญ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 25 เม.ย. 50 13:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ้าว พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกหรอไง ว่าสิกขาบทบางข้อละได้ ศีลพระทุกนิกาย ไม่เหมือนกันสักข้อมันมากไป มันต้องมีบางข้อที่เหมือนกัน คือ รับอาหารจากชาวบ้าน โกนหัว นั่งสมาธิ ฯลฯ สมมติว่าผมอยากถือศีล8 สักวันนึง แต่ผมเมื่อย อยากนอนเตียงนุ่ม ๆ มันคงไม่ทำให้ศาสนามัวหมองหรอกนะ จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 25 เม.ย. 50 13:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พระวัดเส้าหลินไม่บิณฑบาตครับ   วัตรปฏิบัติแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน           พระที่ผมเคารพท่านบอกว่าการละเมิดศีลก็เหมือนทำศาสนาให้มัวหมองครับ "สมมติว่าผมอยากถือศีล8 สักวันนึง แต่ผมเมื่อย อยากนอนเตียงนุ่ม ๆ มันคงไม่ทำให้ศาสนามัวหมองหรอกนะ "             อุจจาสยนะ  มหาสยนา  เวรมณี  งดเว้นจากการนอนบนที่นอนอ่อนประณีตอ่อนนุ่ม        ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแต่ละวันจึงเกิดกรณีของพระอลัชชีมากขึ้นทุกวันเพราะความคิดเช่นนี้นี่เอง  เฮ้อ กรรมแท้ๆ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 25 เม.ย. 50 13:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าพระไม่บิณฑบาตนี่ ทุเรศครับ จะบอกว่าไม่เคยนี่ มันยังไงอยู่ครับ ยังไงพระก็ต้องรับอาหารจากชาวบ้านวันยังค่ำ เพราะพระห้ามรับเงิน(ต้องดูรายละเอียดปลีกย่อย) แล้วถ้าผมปวดหลัง จะต้องนอนพื้นใช่ไหมครับ ห้ามนอนที่นุ่มใช่ไหม??? จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 26 เม.ย. 50 08:52:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พระวินัยให้พระต้องบิณฑบาต  แต่พระวัดเส้าหลินไม่บิณฑบาต  ท่านหุงต้นไว้ขบฉันเอง         วัดเส้าหลินอยู่บนภูสูงห่างไกลบ้านคน  หากบิณฑบาตย่อมเป็นการลำบากแน่นอน  เรื่องนี้ใครก็ทราบ  ลามะในธิเบตก็ไม่บิณฑบาต  ซึ่งวัตรสำคัญของพระมหาญาณคือการบำเพ็ญด้วยการสาธยายมนต์เป็นหลัก                      ในวัดเส้าหลินมีโรงครัวไว้สำหรับหุงต้มเองดังนั้นพระมหาญาณจึงฉันอาหารเจ  เพราะเลี่ยงการต้องฆ่าสัตว์มาทำอาหาร ส่วนพระเถรวาท(หินญาณ) สามารถฉันเนื้อสัตว์ได้  เว้นเพียง 10 อย่าง           ส่วนคุณเจ็บหลังถือศีล 8 จะนอนที่นอนอันอ่อนนุ่ม  ขออธิบายโดยยกคำพูดของพระอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งว่า "เราจะยอมตามดีกว่าละเมิดศีล  เราจะยอมตาดีกว่าปรามาสพระรัตนตรัย"            คุณย่าผมถือบวชเป็นรูปชีจนเสียชีวิต  ท่านปวดหลังตามประสาผู้สูงอายุแค่ไหน  ผมก็ไม่เคยเห็นท่านนอนที่นอนอ่อนนุ่มเลยสักครั้ง......... จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 26 เม.ย. 50 09:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ้อ  ลืมไปครับ  วัดเส้าหลินมันไกลไปเอาวัดมหาญาณในไทยดีกว่า        พระวัดเล่งเน้ยยี่ (วัดมังกรกมลาวาส) ก็ไม่มีการบิณฑบาตประจำวัน  พระท่านจะหุงหาไว้ขบขันเองเพราะเกรงว่าอาหารนั้นจะไม่สะอาด (หมายถึงมีของชอเจือบนอยู่)       วัดโพธิ์เย็น (ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี)  ก็ไม่บิณฑบาต  หุงหาขบฉันเองด้วยเหตุผลเดียวกัน       วัดญวน (อ.เมือง กาญจนบุรี) ก็เช่นกันครับ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 26 เม.ย. 50 09:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สรุปว่าคุณหายเหงาอยากลบสุโขทัยออกจากหน้าประวัติศาสตร์ใช่ไหมครับ ไม่ว่ากันพยายามเข้าเผื่อมันจะสำเร็จสักวัน อย่างน้อยๆนี่ก็ดังนะคนแบบนี้ พยายามผ่าเหล่าผ่ากอเข้าไว้ก่อน ไม่ฟังความคิดคนอื่นเลย ข้าถูกที่ซู้ด ตามประสาเด็กมีปัญา  เปลี่ยนชื่อเถอะ เป็น...                 เมื่อไหร่จะหายตะแบง อ้อ..ที่บอกว่าสุโขทัยปลูกอะไรไม่ขึ้น แหมไม่ขาดนั้น เป็นงั้นจริงก็อดตายกันหมดแล้วสิ แค่เขตอับฝนเฉยๆ  ถ้าไม่เคยอยู่สุโขทัยถึง20ปี อย่ามามั่ว ขอร้อง ถ้ายังไม่ได้ช่วยตัวเองก็ไปทำซะให้เสร็จนะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ผมจะไม่มากระทู้นี้อีกแล้ว ลาก่อน จากคุณ : นักเลงสวรรคโลก - [ 26 เม.ย. 50 12:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทำอาหาร ก็ทำทั้งเดือนทั้งปีใช่ไหม??? แล้วพระไม่มีสิทธิ์เลือก ยังไงก็ตามต้องรับอาหารที่ชาวบ้านบริจาค พระทิเบตก็ต้องรับอาหารจากชาวบ้าน ยังไงพระเลือกกินไม่ได้ ถ้างั้นบาตรพระที่เห็นกันนี่ เอาไว้โยนเศษสตางค์ใช่ไหม??? แล้วศีล8นี่ ใครรักษาครบทำให้เป็นพระโสดาบันใช่ไหม??? ค.ห.40 หรอ กรมศิลป์เคยเอาดินไปตรวจสอบแล้ว *** ลืมเรื่องนึง มีกษัตริย์พระองค์ไหนว่าราชการกลางป่าตาล นึกภาพแล้วขำครับ ป่าตาลมันทั้งรก มีแมลง และมีแต่ฝุ่น สุโขทัยยังไม่มีการเก็บภาษีจังกอบ จะมีก็ตั้งแต่พวกฝรั่งเข้ามา ถึงมีการเก็บภาษีจังกอบ ช่วยชี้แจงด้วยครับ ลืมเรื่องนิทานอิหร่านฯ ที่อ้างเรื่องแขวนกระดิ่งอะ อันนั้นมันเป็นนิทาน อ้างอิงไม่ได้ และไม่ใช่วรรณคดีสำนวนสุโขทัยหรืออยุธยา...ก็เรื่องแขวนกระดิ่ง มันมีในวรรณคดีอิหร่านราชธรรม เขาถึงสงสัย สมัยพ่อขุนรามฯคนน้อย ปกครองแบบพ่อปกครองลูกได้??? คนน้อย แต่ราชวงศ์พระร่วงอยู่ได้ร้อยกว่าปี เมืองไหนคนน้อย ถูกกลืนง่ายนะ อย่าลืมสิ แล้วมีอาณาเขตยันหงสาวดี เวียงจันทน์ นครศรีฯ ใช้คนน้อยมากหรอ??? "เที้ยนย่อมเสียดกัน..."ไหนว่าคนน้อย คำว่า"เสียดกัน"หมายความว่าไง??? แล้วจารึกหลัก1 เนื้อความเหมือนจารึกหลัก4มาก ๆ จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 26 เม.ย. 50 13:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 42 บิณฑบาต - ก้อนข้าวที่ตกลง การรับของบริจาคถ้าเป็นทานแต่ไม่ใช่บิณฑบาต เพราะการบิณฑบาตนับแต่ขอที่ปรุงสำหรับแล้ว ให้ด้วยความเคารพ ซึ่งไอ้การที่มาตักบาตรของแห้งทุกวันนี้ถือว่าผิดพุทธบัญญัติ          ใช่ครับพระที่ไม่เลือกของขบขันมีแต่พระเถรวาทเท่านั้น (เว้นเนื้อสิบอย่างและของเป็นโทษที่ห้ามรับ) เพราะท่านต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีพ จะเรื่องมากไม่ได้ แต่พระมหาญาณท่านเลือกฉันไม่ฉันเนื้อสัตว์เพราะถือว่าเป็นการเบียดเบียนชีวิต บาตรพระมหาญาณไม่เหมือนเถรวาทนะครับ กรุณาตรวจสอบข้อมูลด่วน           การถือศีลแปดครบถ้วนอย่างเดียวก็ไม่สามารถทำให้คนเป็นโสดาบันได้ นางวิสาขา ถือศีล 5 ดำรงชีพอย่างธรรมดา แต่ก็เป็นโสดาบัน โสดาบันยังมีองค์ประกอบอื่นรวมด้วยไม่ใช่แค่ศีล 8 บริสุทธิ์ เท่านั้น "มีกษัตริย์พระองค์ไหนว่าราชการกลางป่าตาล นึกภาพแล้วขำครับ ป่าตาลมันทั้งรก มีแมลง และมีแต่ฝุ่น"        ท่านเหงาเคยเข้าไปพักในป่าตาลหรอครับถึงรู้ว่ามันรก มีแมลง และฝุ่น อพิโธ่ ผมเคยอยู่เพชรบุรีหลังหอพักเป็นป่าตาล อยากจะบอกว่าตอนเที่ยงแดดร้อน แต่ป่าตาลมันร่มเย็นมาก อ้อลืมบอกไปนะครับ ต้นตาล 10 ปีขนาดความลำต้นสูงจะได้ประมาณช่วงคนยืนพอดี อะไรที่ไม่รู้จริงอย่ามาพูดดีกว่ามั้งครับ           คุณเคยเห็นพิธีเทกระจาดไหมครับ คนเสียดกันไหม แล้วคนที่ไปเสียดกันนั้นมีถึงหลักหมื่นหลักแสนหรือป่าว แล้วทำไมเรียกเบียดเสียดละครับ อาการเบียดเสียดไม่จำเป็นว่าต้องมีคนเยอะ แต่เกิดจากจำนวนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับปริมาณจึงมีการยัดเยียดดังนั้นคำว่าเสียดคำเดียวจึงไม่สามารถบอกได้ถึงจำนวนที่มาก           กรุณาศึกษาที่มาของนิทานอิหร่านราชธรรมใหม่นะครับ หรือสักแต่เห็นว่าเค้าเรียกว่านิทานก็เลยเชื่อว่าเป็นนิทาน           นิทานอิหร่านราชธรรมได้จากข้อความที่จารึกในมณฑปครอบพระศพ ซึ่งมณฑปนั้นมี 12 เหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมกล่าวถึงพระอัจฉริยภาพ ความทรงคุณธรรมของกษัตริย์ในอดีต ซึ่งมีพระองค์จริงๆ นิทานนี้เข้ามาพร้อมกับชาวเปอร์เซียร์ในสมัยอยุธยา แต่ที่ผมยกมานี้กำลังจะบอกว่า "เรื่องสั่นกระดิ่งร้องทุกข์ ผู้ปกครองที่ไหนก็คิดได้ คุณคิดหรอคับว่าเรื่องง่ายๆ แบบนี้พ่อขุนรามฯท่านคิดไม่ได้" กรุณาตอบตรงประเด็นหน่อยครับไม่ใช่แถไปข้างๆ คูๆ   "ค.ห.40 หรอ กรมศิลป์เคยเอาดินไปตรวจสอบแล้ว " ท่านเหงาครับผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพดิน คือกรมทรัพยากรธรณีครับไม่ใช่กรมศิลป์ อย่ามั่วบ่อยนัก แล้วคุณทราบได้อย่างไรว่าเมื่อสมัย 700 ปีที่แล้วเมืองสุโขทัยเป็นเมืองที่แห้งแล้ง แล้วอีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือสุโขทัยมีระบบการชลประทานเก็บกักน้ำไว้ใช้แล้ว ............................. ก่อนที่อยากจะเป็นนักวิชาการที่ดีกรุณาศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบด้านก่อนจะดีไหมครับ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 26 เม.ย. 50 14:03:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สุโขทัยยังไม่มีการเก็บภาษีจังกอบ จะมีก็ตั้งแต่พวกฝรั่งเข้ามา ถึงมีการเก็บภาษีจังกอบ ช่วยชี้แจงด้วยครับ สมัยพ่อขุนรามฯคนน้อย ปกครองแบบพ่อปกครองลูกได้??? คนน้อย แต่ราชวงศ์พระร่วงอยู่ได้ร้อยกว่าปี เมืองไหนคนน้อย ถูกกลืนง่ายนะ อย่าลืมสิ แล้วมีอาณาเขตยันหงสาวดี เวียงจันทน์ นครศรีฯ ใช้คนน้อยมากหรอ??? จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 26 เม.ย. 50 15:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พระรามคำแหง ไม่ปรากฏในจารึกหลักอื่น มีแต่"รามราช" ช้างมาสเมืองของขุนสามชน เหมือบกับช้างมิ่งเมือง ซึ่งเป็นของร.2 ช้างรูจาครีในจารึกพ่อขุนฯ ในขณะที่ช้างพญาลิไทชื่อeแดงพุเลิง สังเกตได้ว่าภาษาคนละยุคสมัย และปรากฏในพระราชนิพนธ์ของร.4เรื่องช้างเผือก คือ คีรีเมฆ เทพคีรี... ไม่มีพนมดอกไม้ในจารึกสุโขทัยหลักอื่น มีแต่พนมเบี้ย พนมหมาก ตระพังโพยศรี ไม่พบในจารึกสุโขทัยหลักอื่น แต่พบในพงศาวดารอยุธยาฉบับบริติชมิวเซียม ของร.4 ที่ให้จอห์น เฮย์ ขนาดแตกต่างกับจารึกสุโขทัยหลักอื่น เพราะสูงแค่45เซนติเมตร ในขณะที่หลักอื่นสูงร้อยกว่าเซนติเมตร แต่ขนาดเท่ากับจารึกวัดโพธิ์ จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 26 เม.ย. 50 15:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอช่วยคุณเกนหลงหนึ่งหรัดอีกคนนะครับ พระเส้าหลินจับอาวุธได้ ก็เขานับถือมหายานนี่ครับ สามารถเปลี่ยนแปลงธรรมวินัยได้ตามความเหมาะสม ส่วนไทยนับถือเถรวาท(หินยาน) ที่ยึดถือธรรมวินัยทื่พระพุทธองค์บัญญัติให้เคร่งครัด แล้วเวลามีสงครามพระไทยอย่างดีก็ให้ของดี หรือคาถาอาคม(เปนอิทธิพลความเชื่อไสยศาสตร์ ที่อยู่ปนคู่กับพระไทยมาตั้งนานแล้ว) ไม่ต้องไปรบหรอกครับ การโกหก หลอกลวง ผิดศีลมุสาวาทา อย่างชัดเจน ไม่เกี่ยวกับการไปในที่อโคจร ซึ่งห้างก็ไม่ได้มีระบุว่าเปนที่อโ คจร เพราะสมัยก่อนมีแต่ตลาด โอเค้ ตีกล้องร้องทุกข์ มันมีที่หลังหรือไงครับ เคยดูเปาปุ้นจิ้นมั่งป่ะ สมัยราชวงศ์ซ้องหน่ะ กี่ร้อยปีแล้วครับ การร้องทุกข์มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะกำหนดให้ใช้วิธีการใดในการร้องทุกข์มากกว่า อย่าเอาไปโยงให้มั่วเลยครับ เรื่องพระขพุงผี ขอถามหน่อยว่าต่างจากพระเสื้อเมืองพระทรงเมือง ศาลหลักเมืองตรงไหน ขนาดเจ้าที่เจ้าทางศาลพระภูมิยังมีเลย แล้วเทวดาดูแลเมืองจะไม่มีได้ไง ถ้าเมืองสุโขทัยปลูกอะไรไม่ได้ แล้วเขาจะตั้งเมืองทำบ้าอะไรครับ ก็ไปตั้งที่มันปลูกขึ้นสิครับ จะไปอยู่ทำไมและก็อย่าไปเทียบกับนครนายก เพราะที่เขาทำนาได้มันก็มี แล้วขนาดมีแม่น้ำไหลผ่าน มีสรีดภงค์ แสดงว่ามีการใช้ระบบชลประทานแล้วมันจะแล้วได้ไง เอาดินไปตรวจ อย่ามาอ้างลอยๆ ครับไม่มีหลักฐาน ถามชาวบ้าน คุณถามไงครับ ถ้าปีนั้นดันฝนแล้วหล่ะครับชาวบ้านเขาคงตอบว่า โหอุดมสมบูรณ์นำมากใช่ปะ จากเหตุการณ์ในรอบสิบปี ที่ผ่านมามี่นำท่วมในล่มนำยมบ่อยมาก จนโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้นโดดรื้อปัดฝ่นแล้วก็เก็บเข้าลิ้นชักไม่รู้กี่รอบ ไม่ทราบว่ามันแล้งตรงไหน ขอเสริม ตามที่นักวิชาการบางคนบอกว่า สุโขทัยมีอานาเขตทางใต้แค่นครสวรรค์??? ประวัติศาสตร์ที่เอาไปให้เด็กมัธยมเรียนบอกว่า ช่วงอยุธยาตอนต้น อยุธยาส่งกองทัพไปยึดเมืองชัยนาทที่เป็นเมืองของสุโขทัย???? ชัยนาทอยุ่ต่ำกว่านครสวรรค์ลงมาทางใต้นะครับ แล้วสุโขทัยจะมีอาณาเขตแค่นครสวรรค์ได้ไง???? จากคุณ : แมวเซา - [ 26 เม.ย. 50 23:38:26 A:203.113.33.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ในจารึกวัดศรีชุมมีกล่าวถึง  "พระยาคำแหงพระราม"  ด้วยนะครับ คำว่า "ไทย"  มีปรากฎทั้งในจารึกวัดช้างล้อม  และจารึกกฎหมายลักษณะโจร  เช่น  คำว่า  เจ้าไทย  หนไทย  เป็นต้น อีกอย่าง  "อีแดงพุเลิง"  เป็นช้างของพ่อขุนศรีนาวนำถม  นะครับไม่ใช่ช้างของพญาลิไท แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 50 09:53:16 จากคุณ : รอยใบลาน - [ 27 เม.ย. 50 09:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว จะมีชลประทานทำไม แสดงว่ามีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำนะ ถึงต้องทำชลประทาน ในเรื่องเปาบุ้นจิ้น ตีกลองร้องทุกข์กับขุนนางเฉย ๆ ********* เราพยายามตอบดี ๆ แล้ว กรุณาใช้คำสุภาพหน่อยนะ "ถ้ายังไม่ได้ช่วยตัวเองก็ไปทำซะให้เสร็จนะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น ผมจะไม่มากระทู้นี้อีกแล้ว ลาก่อน" ภาษาส่อสกุลจังเลยนะ ระวังเป็นหนองในนะ ********* ก็คำแหงพระรามไง แต่ไม่มี"พระรามคำแหง"ในหลักอื่น ********* ตั้งเมืองทำบ้าอะไร เหตุผลเรื่องชัยภูมิก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอุดมสมบูรณ์เสมอไป ส่วนเรื่องตรวจดิน มีคนตรวจจริง ขอยืนยัน เขาบอกว่าเอาดินไปตรวจแล้วปลูกอะไรไม่ขึ้น??? ป่าว พอดีมีเพื่อนที่คณะเขาเกิดที่สุโขทัย เลยถามเฉย ๆ เรื่องอาณาเขตสุโขทัยถึงแค่นครสวรรค์ อันนี้ไม่ทราบนะ เพราะเราทราบอาณาเขตสุโขทัยจากจารึกหลัก1 จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 27 เม.ย. 50 09:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 48 *** จากคุณ : NickyNick - [ 27 เม.ย. 50 11:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เรียนคุณกัมม์  คุณแมวเซา  คุณรอยใบลาน  คุณNickyNick คุณTA (Hotacunus) และทุกท่านครับ     เพิ่งรู้นะครับว่าคุณกัมม์และคุณTA (Hotacunus) นั้นดูหมอแม่นยิ่งว่า หลวงตาเซ่งซะอีก  ในที่สุดที่ทำนายก็เป็นจริง  555+     ผมปลงตกซะแล้วละครับ  เราปล่อยเขาไปตามยถากรรมเถอะครับ  ที่ว่าปล่อยนี้ไม่ใช่เพราะเราอธิบายไม่ได้นะครับแต่อธิบายแล้วท่าเหงาเธอก็ไม่พยายามคิดหาเหตุผลเลยพยายามอ้างอะไรที่มันไปข้างๆ คูๆ บางครั้งเหตุผลและข้อมูลที่เสนอมามันก็น่าขำ  เพราะมันทั้งผิดและประกอบไปด้วยมิจฉาทิฐิ  และอคติอย่างน่ากลัว (เรื่องอะไรคงไม่ต้องพูดนะครับ)          กระทู้นี้ถ้าท่านอาจารย์นามแฝงว่า "สว่าง" (ผู้ซึ่งละโลกนี้ไปแล้ว) และดร.มีชื่อท่านนั้นได้เห็นก็คงปลื้มใจที่เมล็ดพันธุ์ที่ได้หว่านไว้เมื่อเกือบสิบปีที่แล้วมันออกดอกผลเสียงดงามในกระทู้นี้         ผมเพิ่งรู้สึกว่าวันนี้เองความเป็นครูของผมมันลดลงอย่างน่ากลัว  เพราะผมรู้สึกเบื่อที่จะอธิบายให้ท่านเหงาเข้าใจต่อไป  เพราะใจผมมันบอกว่าต่อให้อธิบายอีกร้อยพันครั้งท่านเหงาก็ไม่คิดจะเปิดใจมาเข้าใจหรือพยามทำความเข้าใจกับเหตุผลของคนอื่น  อย่างที่เคยๆ ทำมา  ตั้งแต่เขายังใช้ชื่อว่า "เหงามาก" แล้วถูกถอนชื่อไปเพราะความหยาบคายอันร้ายกาจ----       วันนี้ผมยังนึกเห็นใจเพื่อนร่วมอาชีพที่ต้องสอนท่านเหงามากไม่รู้ว่าเขาจะกลุ้มใจแค่ไหนในการที่จะพยายามสั่งสอนเด็กที่อุดมไปด้วยอคติในตัว          เอาละครับพระพุทธเจ้าเคยโปรดแบ่งคนไว้ 4 จำพวกอย่างที่รู้ๆ กัน  เราก็พยายามทำใจแล้วกันครับเพราะเราไม่สามารถจะแก้ไขความคิดของใครได้  โดยเฉพาะคนที่มีทิฐิสูง         กรรรมใคร  กรรมมันละครับ สาธุ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 27 เม.ย. 50 17:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 50 กบเอ๋บกบน้อย ความรู้เจ้ายังด้อยเร่งศึกษา โลกนี้ใช่จะมีเพียงกะลา ที่ครอบตาครอบหัวให้มัวเมา เจ้าจงเร่งจงรู้ดูโลกกว้าง หลายสิ่งหลายอย่างให้รู้เท่า อย่าอวดอ้างไม่ตริสติเบา ใครเขาจะหัวเราะเยาะถึงครู มัวพายเรือในอ่างแต่อย่างนี้ ที่ไหนมีเขาทำอย่างเจ้าหนู ยกเรื่องออกอ้างกว้างกว่าคู แต่ก็ไพล่ลงรูเอาเรื่องเดิม    กบเอ๋ยกบใหญ่ เร่งคิดใหม่ให้โลกทัศน์กว้าง รู้จักเปิดโลกนิดทิฐิวาง ใจสว่างสมองเปิดประเสริฐคน จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 27 เม.ย. 50 17:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สวัสดีครับคุณ เกนหลงหนึ่งหรัด วันนี้บางแคกลับมาร้อนอีกครา  หลังจากที่ฝนตกเมื่อคืน ชอบฝนตก  แต่ดันลืม...  ฝนสาดจนหนังสือเปียกไปหลายเล่ม น้ำตาตกเพราะความเสียดาย  ฟาดงวงฟาดงาไปทั่วทิศ สำหรับกระทู้นี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความดีอยู่เลย บางกระทู้เจ้าของกระทู้ตั้งกระทู้ไว้แล้วไม่เคยเข้ามาเลยก็เยอะครับ พันทิปก็เป็นบอร์ดสาธารณะ  ผมเชื่อว่าหลายคนได้เข้ามาอ่านกัน สิ่งที่ตอบไปไม่ใช่เพื่อเหงามากคนเดียว  คนที่เข้ามาอ่านก็ได้เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องที่เปล่าประโยชน์เลย  เป็นประโยชน์ที่กว้างขวางออกไปอีกมาก อนึ่ง  เหงามากเคยตั้งกระทู้เรื่องจารึกศิลาหลักที่ ๑ ปลอมหลายครั้งหลายหน แต่เพื่อนสมาชิกไม่เห็นสาระ  จึงไม่ได้เก็บเข้าคลังกระทู้  กระทู้เหล่านั้นจึงสูญไป จึงไม่มีหลักฐานว่าเหงายังถูกขังอยู่ใน ตรีบูร ไปไหนไม่ได้เสียที ทั้งคุณ เกนหลงหนึ่งหรัดและหลายๆท่าน ได้ช่วยกันค้นข้อมูลจากหลายๆ เล่ม มาชี้แจงเรื่องศิลาจารึกหลักที่หนึ่ง  ให้ทุกคนที่เข้ามาได้พิจารณากัน ดูถึงความตั้งใจแล้ว  นับว่าเป็นกระทู้ที่ดี  อีกกระทู้หนึ่ง ได้เห็นความตั้งใจของคุณ เกนหลงหนึ่งหรัด แล้ว รับรู้ได้ว่าคุณมีวิญญาณของครูแท้จริง   ขอให้กุศลกรรมที่ได้ทำในครั้งนี้  ได้ส่งผลกลับคืนให้ท่านมีความสุขความเจริญต่อไป ครั้งนี้เป็นโอกาสอันดี จึงขอความกรุณาทุกๆ ท่าน  ช่วยกันคลิกเก็บเข้าคลังด้วยนะครับ และขอความกรุณาคุณ เหงามาก  อย่าแก้ไขข้อความในความคิดเห็นที่นำเสนอ เพราะถึงอย่างไร  ความคิดเห็นของคุณถูก Copy ไว้หมดสิ้นแล้ว จะเสียมากกว่าได้นะครับ คุณ เหงามาก แก้ไขเมื่อ 27 เม.ย. 50 20:04:03 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 เม.ย. 50 20:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรียนคุณกัมม์  และทุกๆท่าน ขอบคุณยิ่งสำหรับกำลังใจครับ   ผมลืมไปเสียสนิทว่ายังมีหลายท่านที่จะได้อ้านกระทู้นี้ ดังนั้นการค้นหาข้อมูลมาตอบก็คงไม่ใช่เรื่องที่เสียแรงเปล่า เพราะอย่างน้อยก็คงมีผู้สนใจเรื่องศิลารึกหลักที่หนึ่งและมีวิจารณญาณอีกหลายท่านได้คิดและตัดสินใจเอง ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 27 เม.ย. 50 21:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เรียนคุณกัมม์  อย่าเสียใจเรื่องหนังสือไปเลยครับ  เพราะผมก็ประสบชะกรรมเดียวกัน  หนังสือล็อตใหม่ที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ โดนน้ำฝนเข้าไปซึมเสียทุกเล่ม  สาเหตุขากความสะเพร่าที่ปิดกระโปรงหลังรถไม่สนิท  กรรมแต้ๆ  แต่ที่แย่กว่านั้นหลังรถมีหนังสือที่ยืมมาจากมหาวิทยาลัยด้วย  อันนี้กรรมกว่าเพราะต้องหามาใช้ให้ได้ เฮ้อ  นึกว่าฝนตกลงมาจะช่วยให้เย็นใจที่ได้ได้ร้อยใจกว่าเดิม   เฮ้อ........... จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 27 เม.ย. 50 21:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เรื่องพระนามพ่อขุนรามฯ การออกพระนามกษัตริย์ไม่จำเป็นต้องมีพระนามเดียวเสมอไปนี่ครับ  อย่างรัชกาลที่  5  เราก็เรียกกันหลายพระนาม  เช่น  พระจุลจอมเกล้าฯ  บ้าง  พระพุทธเจ้าหลวงบ้าง  พระปิยมหาราชบ้าง  อย่างพระเจ้าเอกทัศน์  ก็เรียกพระเจ้าเอกทัศน์บ้าง  สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทรบ้าง  หรือแม้แต่ขุนหลวงขี้เรือนก็เรียกกัน  พ่อขุนรามคำแหงมหาราชก็เช่นกัน  จารึกบางแห่งก็ระบุชื่อ  พ่อขุนรามราชบ้าง  พระยารามราชบ้าง  ฉะนั้นหากจารึกหลักที่  1  ออกพระนามว่าพ่อขุนรามคำแหง  ก็ไม่ได้หมายความว่าจารึกหลักอื่นจะต้องออกพระนามเหมือนกันหมด  ยิ่งจารึกวัดศรีชุมมีการออกพระนามว่า  “พระยาคำแหงพระราม”  ด้วยแล้ว  ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระนาม  “พระรามคำแหง”  มิได้เป็นคำที่แต่งขึ้นใหม่  แต่มีการออกพระนามคล้ายๆ  กันว่า  “คำแหงพระราม”  มาแล้ว เพียงแต่มีการสลับคำระหว่าง  “พระราม” กับ “คำแหง”  เท่านั้น  อีกอย่างการออกพระนามว่า  “พระยาคำแหงพระราม”  เท่าที่ผมค้นดูตอนนี้ผมก็เห็นมีแต่จารึกวัดศรีชุมเท่านั้นที่ออกพระนามเช่นนี้  แต่นั่นก็ไม่ได้ความหมายว่าจารึกศรีชุมเป็นของปลอมใช่มั๊ยครับ จากคุณ : รอยใบลาน - [ 27 เม.ย. 50 21:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณเกนหลงหนึ่งหรัดอย่าน้อยใจเลยครับ คุณไม่เสียแรงเปล่าหรอก อย่างน้อยผมคนนึงที่มาอ่านก็ได้รับความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับศิลาจารึก และเป็นแรงบันดาลใจให้ศึกษาต่อไป คิดว่าอีกหลายๆคนที่มาอ่านกระทู้นี้ก็เช่นกัน เป็นกำลังใจให้คุณครูครับ จากคุณ : เชษฐา - [ 27 เม.ย. 50 23:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ครับคุณ เกนหลงฯ ขอเสริมเรื่อง ในน้ำมีปลาในนามีข้าว เผื่อท่านอื่นสงสัย เรื่องทางน้ำที่เหงาเห็น  เป็นทางน้ำใหม่   ทางน้ำเดิมมีอยู่ในพระอธิบายในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตอนท้ายของเรื่อง เที่ยวเมืองพระร่วง พระราชนิพนธ์แล้วครับ และที่สุโขทัยยังมีทะเลหลวงด้วยครับ  มีอยู่ในพระอธิบายเช่นกัน คำว่า "สุโขทัย" อาจมีความหมายเช่นเดียวกับ "กรุงศรีอยุธยา" ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่เพียงเกาะเมืองอย่างเดียว  แต่หมายถึงทั้งพระราชอาณาจักร จะแปลกอะไรหนักหนา ถ้า "...เมืองสุโขทัยนี้ดี  ในน้ำมีปลาในนามีข้าว...." ตอนที่ท่านผู้ว่าสุโขทัยอัดคนๆ นั้นออกอากาศ ท่านว่า "ในน้ำมีปลาในนามีข้าว" เป็นสำนวนมีความหมายว่า อุดมสมบูรณ์ ในเมื่อเรายังไม่รู้ความหมายที่แท้  ท่านว่าอย่างนี้ก็ชอบกลอยู่นะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 28 เม.ย. 50 09:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ผมว่าเมื่อไม่มีใครเสนอความเห็นเราก็วมควรปิดกระทู้ลงได้นะบัดนี้ครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 29 เม.ย. 50 14:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นด้วยครับ เพราะว่านี่เป็น ปรากฏการณ์ "เหงาๆ" อิอิ จากคุณ : KHA (Hotacunus) - [ 12 พ.ค. 50 07:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอเชิญท่านๆไปว่ากันต่อที่ หว้ากอครับ ที่โน่น หากพูดกันแบบ "แถศักดิ์" มีหวังถูกกระทืบจมดินคับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5485455/X5485455.html จากคุณ : น้าพร - [ 8 มิ.ย. 50 10:25:37 ]