ความคิดเห็นที่ 1 ผมโหวต ข้อ 8 ไป เหตุผล  คือ ผมคิดว่า การศึกษา บ้านเรา ถ้าเรายอมรับในความเป็นจริง ยังเปิดโอกาสน้อยไปให้คนหาความรู้ไปใช้เพื่อเลี้ยงชีพ คนจบจากสถาบันเก่งๆ มีชื่อเสียงมีเยอะ มาได้เป็นใหญ่เป็นโตก็เยอะ เป็นครูบาอาจารย์ก็เยอะ น่าจะช่วยๆ กันส่งเสริม เพิ่มจำนวนคนให้มีการศึกษา"แบบมีคุณภาพ" ให้มากๆ เพื่อประเทศชาติจะได้มีคนเก่งๆ และ "ดีมีคุณธรรม" มาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง กรณีไม่พูดถึงว่า เข้ามาแล้วไม่ตั้งใจเรียน นะครับ จะพูดแต่เฉพาะคนที่เขาอยากจะเรียน ใฝ่เรียนจริงๆ น่าจะเปิดโอกาสในทุกระดับให้มากๆ เพราะความจริงในสังคม เรายังมี "คนจน คนรวย คนปานกลาง" อยู่ บางคนไม่มีโอกาสได้เรียนตามวัย บางคนอยู่ในแหล่งที่ข่าวสารเข้าไปถึงได้น้อย บางคนอยู่ในแหล่งที่ไม่มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนในระดับที่สูง บางคนไม่มีเงินทุนจะไปกวดวิชา บางคนมีภาระช่วยทางบ้างตั้งแต่วัยเยาว์ บางคนก็เพิ่งจะรู้ความสามารถที่แท้จริงความถนัดความชอบที่แท้จริง ถ้าหากเขาเหล่านั้นเป็นผู้ใฝ่เรียน หรือเป็นคนที่คิดได้ว่าเราจะอยู่ในสังคมแบบพัฒนาชีวิตตัวเองได้ถ้าได้เรียนในสิ่งที่เราถนัด "มันจริงๆนะ ว่าบางอย่าง ทู่ซี้เรียนไปจบมาประยุกต์ใช้ไปไม่เป็นก็มันไม่ถนัดนี่นา" ผมว่าก็มี ก็เลยทำงานไม่รุ่งสักทีเพราะไอเดียมันไม่เกิด "ขาดเพียงแค่โอกาส เท่านั้นเอง" รัฐจะช่วยอะไรได้บ้าง จำกัดสิทธิ์งั้นหรือ จบแล้วจบเลย ผมว่าท่านๆ ผู้ใหญ่ ท่านๆ ผู้รู้ผู้มีความสามารถ ทั้งเก่งในระดับประเทศ ทั้งจบเมืองนอกโรงเรียนชั้นนำ น่าจะมีวิธีแก้ไข ที่ดี  ผมว่า ผมจบ ปวช.มา สมัยนี้ ค่อนข้างจะเกือบเป็นลูกเมียน้อยแล้ว (ว่ามั้ย) ม.รัฐก็รับนิดหน่อย ยิ่ง กศน. ยิ่งแล้วใหญ่ บางที่ไม่รับเลย แต่ก็ยังดีที่มีบางทีเขาเปิดโอกาสให้  ไม่สงสัยเลยว่า เย็นๆ กลับจากที่ทำงานจะเห็นเด็ก 16-17 มารอรถเข้ากะตอนเย็น ก็เพราะการศึกษาบ้านเรายังเป็นแบบนี้ เฉพาะกลุ่มเกินไป จากคุณ : ลิงสยาม - [ วันแรงงาน 12:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเลือก ข้อหก  เพราะผมถือว่าเราไม่ได้โกง  แต่สอบเข้าเหมือนกัน  ที่สำคัญการรักที่จะเรียน หลายๆสาขานั้นเป็นสิ่งที่ดี  ดีกว่าไม่ใส่ใจเรียน จากคุณ : karmapolice - [ วันแรงงาน 12:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากจะเลือก ข้อที่บอกว่า ขึ้นอยู่กับคนที่ย้ายนะคะ สาเหตุที่ย้าย ย้ายเพราะตามค่านิยิม หรือย้ายเพราะอยากเรียนและจะพยายามอย่างที่สุดที่จะเรียน ถ้าเป็นอันแรก ก็ถือว่าแย่งคนที่เค้าอยากเรียนนะคะ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็ถือว่าไม่แย่งนะคะ เพราะเค้าก็มีความพยายามและปัญญา จากคุณ : vita_tranquila (Vita_tranquila) - [ วันแรงงาน 14:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ขอโหวตนะครับ ตอบตามความรู้สึกของเด็กรอผลแอดมิชชั่นเลย "ขอที่ให้พวกผมได้เข้าเรียนเถอะครับ ถ้าพี่ๆที่มีความรู้สูงๆแล้วมาสอบข้อสอบเดียวกับพวกผม พวกผมก็แย่ซิครับ" จากคุณ : musixfeliz - [ วันแรงงาน 16:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมโหวต ข้อ 3   ผมจบแล้ว บางครั้งยังอยาก ent ใหม่ทุกๆปี เรื่องวุฒิภาวะ เราสูงกว่าแน่ แต่เราจะปรับตัวเข้ากับน้องๆ ได้หรือเปล่า ทุกคนมีสิทธิที่จะสอบเข้าเรียนต่อ ตามหลักการเท่าเทียมกันในสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่บางครั้งเราก็ควรให้โอกาสคนอื่นเค้าบ้างนะ ตอนสอบเข้าผมไม่เคยสนใจคณะวิศวะ เลย ผมสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ แต่พอมาปี 1 ผมอยากซิ่วมากๆๆ และได้ไปสอบใหม่ (ระบบเก่า สอบเก็บคะแนนไว้ได้) แต่สุดท้าย ตอนจะสมัครเลือกคณะจริงๆๆ เราก็ไม่ไปสมัคร ทั้งที่คะแนนก็ผ่านคะแนนต่ำสุด มาหลายสิบคะแนน ผมก็ยังทนเรียนสาขาที่ตัวเองเลือกเรียน แต่มารู้ว่าไม่ชอบแล้วล่ะ และไม่ถนัดด้วย จนจบ ปี 4 ปัจจุบันผมทำงานด้วยเรียน ป.โท วิดวะ IE ไปด้วย และกำลังจะจบ ปริญญาตรีใบที่สอง ที่ มสธ. ความจริงผมเห็นด้วยกับข้อ 6 คือ เห็นว่าไม่แย่ง ทุกคนย่อมมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ใครอยากเรียนอะไรก็เป็นสิทธิ์ที่จะเรียนได้ แต่โดย สามัญสำนึกของผม ผมเลือกข้อ 3  100 % และโหวตให้ ข้อ 3 ไปแล้ว จากคุณ : Ronal (โรคจิตนะเออ) - [ วันแรงงาน 22:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่แย่งหรอกครับ เพราะเดี๋ยวนี้รับเข้าไปก่อน แล้วไปเอาออกที่หลังอยู่แล้ว อย่างคณะที่จริงๆ จะรับ 40 คน เดี๋ยวนี้รับ 60 คน อีก 20 คน คือคนที่เค้าคิดว่าปีหน้าจะลาออกไปเอ็นใหม่ กับที่จะเรียนไม่จบไงครับ เดี๋ยวนี้ มหาลัยคิดอย่างนี้ครับ ในคณะที่ป๊อบๆ เพราะเค้ามีประสบการณ์ว่ารับมาพอดี พอปีหลังๆ เหลือน้อยอ่ะครับ เช่นเดมื่อก่อนรับ 40 คนพอดี ปีต่อมาลาออกไป 10 ไทรอีก 5 เหลือจบแค่ 25 คน มันไม่คุ้มครับ โดยเฉพาะคณธเป้าหมายที่ เด็กเข้าไว้ก่อนก่อนจะไปเอ็นใหม่ เช่นวิทยาศาสตร์ หรือที่ไทรเยอะๆ เช่นวิศว นะครับ สรุป ไม่แย่หรอกครับ แต่เปลืองงบประมาณหน่อยๆ นะครับ แต่ค่าเสียโอกาสทางเศรฐกิจอาจจะเยอะเหมือนกันนะครับ จากคุณ : master_zo (master_zo) - [ 2 พ.ค. 50 16:10:38 ]