ความคิดเห็นที่ 9
<<รู้สึกว่ายิ่งอ่านมากก็เกรงจะยิ่งทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่>>
เรื่องนี้ผมเห็นตรงกันข้ามกับเจ้าของกระทู้ พูดถึงเรื่องภาษาถ้ายิ่งอ่านมาก ก็จะยิ่งเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องกลัวไปว่าจะเข้าใจผิดเป็นการใหญ ขอให้อ่านมาก ๆ เข้าไว้เถอะ อย่าเพิ่งไปกล้วตั้งแต่ทีแรก
<<โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นประเด็นใหม่ๆ ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย>>
ถ้าอ่านมาก ๆ ก็ได้รับรู้ซึมทราบเรื่องอะไรต่าง ๆ มากเข้า ประเด็นใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็จะน้อยลงไป
<<ทำยังไงถึงจะพัฒนาทักษะด้านการอ่านเพื่อทำความเข้าใจในภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น>>
ผมก็ไม่ทราบว่าเขามีทฤษฎีการอ่านกันอย่างไรบ้าง ผมอยากอ่านผมก็อ่าน ผมชอบอ่านผมก็อ่าน จำเป็นจะต้องเรียนทฤษฎีการอ่านด้วยหรือ
ก็เหมือนกับการกินซึ่งก็เป็นเรื่องแสนจะธรรมดา ผมก็ไม่เห็นจะต้องไปอ่านทฤษฎีการกิน วันไหนอยากกินไก่ย่างสัมตำ เนื้อน้ำตก ก็ไปหามากิน วันไหนอยากกินเสต๊กเนื้อนอกก็ไปเสาะแสวงทาที่กิน อยากกินหูฉลามก็ไปบุกเยาวราช อยากกินอาหารญี่ปุ่นก็ไม่ต้องไปไกลมีอยู่ทุกหัวระแหง รสชาติใช้ได้ คุณภาพซื่อสัตย์ราคายุติธรรม ของอย่างเดียวกัน ถูกกว่ากินที่ญี่ปุ่นตั้งครึ่ง
ผมอ่านทุกชนิดที่ผ่านสายตาไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหนังสือเป็นเล่ม ก็ในเมื่อคนเขียนเขาอุตส่าห์เขียนไว้ให้อ่านก็อ่านไป นั่งรถหรือเดินผ่านไปตามถนน เห็นห้างร้านเขาเขียนป้ายอะไรไว้ก็อ่าน เข้าไปในธนาคารเห็นป้ายเขาเขียนไว้ว่า teller exchange rate ก็อ่าน ไปที่สนามบินเขามีป้ายเขียนไว้ว่า domestic, international, arrival, departure, customs, passport control, plant quarantine, group tour, VIP longue, information เหลือบไปดูที่กำแพงมีตู้สีแดงเขียนไว้ว่า fire hydrant ก็อ่าน ที่กำแพงมีตุมอะไรเขาเขียนไว้ว่า fire alarm ก็อ่าน เห็นบนประตูเป็นกล่องสีเขียวเขาเขียนไว้ว่า emergency exit ก็อ่าน กำลังจะก้าวขึ้นเครื่องบิน เขาเขียนไว่ว่า mind your head ก็อ่าน
จะไปไหน จะทำอะไร ไม่ว่าจะขึ้นรถเมล์ รถไฟ รถใต้ดิน เครื่องบิน มีเรื่องที่จะอ่านเยอะแยะ อ่านแบบนี้จะเข้าใจภาษาได้ดียิ่งขขึ้น ดีกว่าเรียนท่องศัพท์ในชั้นเรียน
ไปต่างประเทศก็อ่านมันดะไปทุกภาษา จะเข้าไใจหรือไม่เข้าใจก็อ่านไปเรื่อย ๆ แล้วมันก็จะเข้าใจขึ้นมาเอง พอชักจะคุ้น ๆ อ่านมาก ๆ เข้าเห็นป้ายภาษาอะไรก็แทบจะเดาถูก
จากคุณ :
nickycharles 
- [
23 พ.ค. 50 10:21:20
]
|
|
|
เหตุที่อ่านภาษาอังกฤษได้คล่องเป็นเรื่องเป็นราวก็เพราะว่าในห้องสมุดโรงเรียนและห้องสมุดประชาชนนั้นคนแย่งยืมแต่หนังสือไทยไปอ่าน ผมขี้เกียจรอก็หยิบหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านไปพลางๆ เผอิญไอ้ที่มันมีให้หยิบอ่านนั้นมันเป็นแบบเรียนแบบที่เขาทำเป็นชุดเป็นขั้นตอนอย่างที่เรียกว่า graded exercise ผมก็เลยอ่านมันไล่มาตั้งแต่เล่มแรกยันเล่มสุดท้าย หนังสือเรียนสำหรับเด็กนั้นแน่นอนว่าศัพท์มันง่าย รูปเยอะๆสวยๆ มันก็ชวนอ่าน เราอ่านแล้วก็เข้าใจและสนุกก็ชวนให้อ่านต่อ ไอ้ที่ตรงไหนติดศัพท์มันก็ไม่จำเป็นต้องเปิดดิคเพราะว่าศัพท์ใหม่ๆนั้นเขาป้อนมาทีละน้อย ไม่งง ผมเรียนภาษาอังกฤษจนยัน ม.ปลาย ไม่เคยเปิดดิคเพื่อหาคำแปลเลย มันสามารถเดาความหมายของคำได้จากประโยคและรูปภาพประกอบนั่นแหละ