ความคิดเห็นที่ 1 คุก คุก คุก กระทู้เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง สมควรลบ ขอรับ คุก คุก คุก จากคุณ : เซี่ยวเฮ้ง - [ 9 พ.ค. 50 11:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จัดไป ... ตาราง     เง้ออ จากคุณ : รักเป็นคำกริยา - [ 9 พ.ค. 50 11:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ใช่อันนี้ป่าวครับ ถ้าไม่ใช่ขออภัยด้วย... 1. มหากาฬ 2. พาลยักษ์ 3. รักมิตร 4. สนิทธรรม 5. จำแขนขาด 6. ราชโจร 7.ชนร้องทุกข์ 8. ยุคทมิฬ 9. ถิ่นกาขาว 10. ชาววิลัย ไม่แน่ใจว่าอันนี้หรือเปล่าครับผิดถุกยังไงผู้รู้จริงแก้ไขทีครับ รู้สึกจะเป็นของพระ อาจารณ์โต พรหมรังษี...นะครับ จากคุณ : @LLTimE - [ 9 พ.ค. 50 12:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1.เคยอ่านเจอเกี่ยวกับพระราชประวัติร.1 มีการใช้กฎอัยการศึก แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เอาง่าย ๆ ในกฎหมายตราสามดวง เช่น ถ้าสามัญชนมองขบวนเสด็จ ให้เอาปืนยิงลูกตา แถมออกกฎแต่ละอย่างเข้มงวดมาก??? 2.โรคห่าระบาด มีการสวดภาณยักษ์ 3.มีการค้าขายกับต่างชาติ 4.ท่านศรัทธาพระพุทธศาสนามาก ๆ และบวชจนชราครับ 5.เมืองไทยเสียดินแดน 6.ผู้คนเห่อของนอก 7.เปลี่ยนแปลงการปกครอง 8.ไม่กล้าพูดอะ.....:X 9.ถิ่นกาขาว คือยุคกา(เทยหัว)ขาวเป็นใหญ่(ขิงแก่มั้ง???) ล้อเล่นนะครับ ถิ่นกาขาว คงหมายถึงมีต่างชาติมาลงทุนเยอะมั้ง 10.ชาววิไล ก็มีความเจริญไงครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 50 14:34:29 จากคุณ : เมื่อไรจะหายเหงา - [ 9 พ.ค. 50 15:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เท่าที่เคยเห็นมาจะมีอยู่ 2 สำนวน ครับ ๑. เป็นคำทำนายของ "เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม กทม" (พ.ศ.2331 - 2415) มีคำทำนายว่า ๑. มหากาฬ ๒.พาลยักษ์ ๓.รักมิตร (รักบัณฑิต) ๔. สนิทธรรม ๕. จำแขนขาด ๖.ราษฎร์โจร (ราชโจร) ๗.ชนร้องทุกข์ ๘.ยุคทมิฬ ๙. ถิ่นตาขาว (ถิ่นกาขาว) ๑๐.ชาวศิวิไลซ์ ๒. เป็นคำทำนายของ สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ (ใย) สมัยอยุธยา ๑.มหากาฬผ่านมหายักษ์ ๒.รู้จักธรรม ๓.จำต้องคิด ๔.สนิทธรรม ๕.จำแขนขาด ๖.ราษฏร์ราชาโจร ๗.นั่งทนทุกข์ ๘.ยุคทมิฬ ๙.ถิ่นกาขาว ๑๐.ชาววิไล http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=23371 สำนวนของ หลวงพ่อใย ยังมีการเพิ่มเติม อีก 2 ยุค คือ  ไทยมหารัฐ และ จักรพรรดิราช ******************************** ในเวป วิชาการนั้น คนเขียนเขาอ้างว่า คนเล่าคือ "ลูกศิษย์" ไม่มีหลักฐานว่า พระเถระทั้ง ๒ ท่าน ได้พูดถึงเรื่องนี้แต่ประการใด แต่จริง ๆ แล้ว หลักฐานสำนวนของ หลวงพ่อใย นั้น พระท่านได้ถวายให้กับ คนที่อยู่ในแบงค์ไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ส่วนคนที่อยู่ในแบงค์จะเอาหนังสือนั้นไปเก็บไว้ที่ไหน ไม่มีรายงานครับ   ในสำนวนของ หลวงพ่อใย แต่ละยุค ท่านอธิบายไว้ว่า ๑.มหากาฬผ่านมหายักษ์ หมายถึง  การที่ ร.1 ทรงชนะศึกพม่า และ มาสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ได้อีกรอบหนึ่ง ๒.รู้จักธรรม  การที่ ร.2 ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการพระพุทธศาสนามาก ยกตัวอย่างเช่น ทรงเกาะสลักบานประตูพระอุโบสถ วัดสุทัศน์เทพวราราม เป็นต้น ๓.จำต้องคิด  เป็น ยุคของ ร.3 ที่เริ่มมีการคุกคามจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากยุโรป ๔.สนิทธรรม ยุคของ ร.4  ที่ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการพระพุทธศาสนา อย่างที่เราท่านทราบกันดี ๕.จำแขนขาด  เรื่องสมัย ร.5 ของการเสียดินแดน ๖.ราษฏร์ราชาโจร  ยุค ร.6 ที่ ราษฏร์เริ่มมีพฤติกรรมเป็นโจร ๗.นั่งทนทุกข์  ยุคสมัย ร.7 ที่ ต้องทรงผจญกับสถานการณ์ต่าง ๆ จาก ผู้ที่เป็น "กบฏ" ต่อพระองค์ ๘.ยุคทมิฬ  ยุค ร.8 ก็เราทราบ ๆ กันดี สงครามโลกครั้งที่ 2 และ ความเลวร้ายของ รัฐบาลในยุคนั้น ๙.ถิ่นกาขาว  ยุคสมัยปัจจุบัน ท่านว่า ฝรั่งจะเข้ามามีอิทธิพลต่อประเทศไทยเยอะ ๑๐.ชาววิไล  ก็เป็นยุคต่อไป  คนไทยจะมีศีลธรรมที่ดีขึ้น ใน หนังสือที่ยกให้ ท่านที่อยู่ในแบงค์นั้น ท่านบอกว่า พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์นี้ จะมีเป็นร้อย ๆ รัชกาล ไม่ได้จบแค่ 10 หรือ แค่ 9 นะครับ วิธีการจะพิสูจน์ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น ผมว่าไม่ยาก เราก็ทำตนให้อายุยืน ๆ อยู่เป็นร้อย ๆ ปี เสียก็หมดเรื่องครับ ไม่ยากอย่างที่คิด จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 9 พ.ค. 50 17:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถิ่นกาขาว ก็คือ คนไทยนี่แหละ ที่ทำตัวตามตะวันตก เป็นทาสทุนนิยมกันทั้งประเทศ ไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง จากคุณ : Dr.slump - [ 9 พ.ค. 50 22:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วสำนวนคำทำนายของสมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์(ใย)ไม่กล่าวถึงสมัยธนบุรีหรือครับ? ???? งง งง งง สงสัย สงสัย จากคุณ : aquillie - [ 10 พ.ค. 50 01:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่มีคำทำนายสมัยธนบุรีครับ  อันนี้แล้วแต่คนจะตีความนะครับ ถ้าพวกมองโลกแง่ร้าย เขาก็ต้องบอกว่า เห็นไหม นี่หละ ทำกันขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ ยกย่องเทินทูนกันเอง  แบบนี้เขาก็มีสิทธิจะคิดของเขาได้ครับ  ก็ว่ากันไปครับ แต่ในมุมมองของผม ผมมองว่า ท่านหลวงพ่อใย ท่านคงมองในภาพรวมทั้งหมด รอยต่อระหว่างธนบุรี กับ รัตนโกสินทร์ มันก็ใกล้เคียงกันมาก  สถานภาพโดยรวมก็ยังเอาแน่นอนเท่ากับ สมัยรัตนโกสินทร์ไม่ได้  ท่านก็เลยมองไปในยุคที่ค่อนข้างจะมั่นคงมากกว่าครับ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 10 พ.ค. 50 11:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คำว่า "มหากาฬผ่านมหายักษ์" นั้น เกี่ยวเนื่องด้วยสมัยกรุงธนบุรี  ซึ่งกล่าวถึงกษัตริย์ ๒ พระองค์ คือพระเจ้ากรุงธนฯ และพระพุทธยอดฟ้าฯ กล่าวคือในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสมัยนั้น "มหากาฬผ่านมหายักษ์" หมายถึง พระพุทธยดฟ้าผ่านพระเจ้ากรุงธน  ผู้ทำนายใช้คำว่า"ผ่าน" มิได้ใช้คำว่า"ราน" หรือ "ล้ม"  ดังนั้นในกรณีนี้จึงสมควรมีการวินิจฉัยใหม่อีกจนกว่าจะพบความจริง จากคุณ : กรรมกรแบกหาม - [ 10 พ.ค. 50 15:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 น่านน่ะสิ ไม่เห็นว่าคำทำนายไหนจะพูดถึง การไ ม่มี ต่อไป ของ ... เลย แล้วข่าวลือทั้งหลายแหล่มาจากไหนนะ ทำให้คนกลัว จากคุณ : พันราตรี - [ 10 พ.ค. 50 16:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 -+- คำทำนายอาจถูกตีความหมายผิดก็ได้ -+- จากคุณ : รวีช่วงโชติ - [ 11 พ.ค. 50 12:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 .......การตีความก็เหมือนนอสตราดามุสนั่นแหละ... หวยออกแล้ว..ค่อยตี..ตีความเข้าข้างตนเอง... เอาประวัติศาสตร์แท้ ๆ มาเป็นที่ตั้ง....ก่อนดีกว่า... 1.ร.1  ปราบดาภิเษกขึ้นมาเป็นกษัตริย์นะครับ.... หมายถึงการล้มราชวงศ์ของพระเจ้าตากสิน....ดังนั้น.. ต้องยอมรับว่าล้มราชวงศ์.....ดูหนังสือการเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีของ สำนักพิมพ์มติชน-ศิลปวัฒนธรรมสิ .....มีผู้ถูกประหารชีวิต..ที่จงรักต่อพระเจ้ากรุงธนฯกว่า 100 คนนะครับ...    แม้ว่าภายหลัง...คณาจารย์ทางวิปัสนาจะมาบอกว่า..ได้คุณกับพระวิญญาณแล้ว..เป็นกลที่ทำขึ้นเพื่อหลอกเจ้าหนี้ ....( จีน)...ที่เกรงจะทวงบ้านเมืองแทนเงินที่ยืมมาใช้กู้เอกราช..เอาง่าย ๆ ภาษษาชาวบ้านนะ....     น่าเชื่อมากกว่ากันตรงไหน...   ยุคที่ 1 ที่บอกว่ามหากาฬ  ถ้าจะตีความว่าต้องรักษาราชอาณาจักรที่เป็นเอกราช..ก้ได้..ถ้าจะตีความว่าปราบดาภิเษกก็ได้...เพราะต้องประหารพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน...ไม่ว่าจะมีการประหารจริงหรือปลอม..... ( ถ้าปลอม...เรื่องนี้เกี่ยวข้องกันพระโศโถฝามงกุฏที่ร.4พระราชทานให้เจ้าพระยานคร....แต่ตอนยกขึ้นโกศหล่นมาทับคนตาย..เรียกกันว่าสโกศผีสิง...เพราะร.4เชื่อว่า เจ้าพระยานครเป็นเชื้อสายพระเจ้ากรุงธนฯ ซึ่ง...ตอนที่เกิดเรื่อง ร. 4 ก็ยังไม่เกิดอ่ะ..จริงไหม...     พาแฟนไปทานข้าวก่อนนะ...ค่อยมาวิเคราะห์ใหม่ จากคุณ : ปัญคุง (หมีสีน้ำเงิน) - [ 11 พ.ค. 50 18:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กลับมาเร็วๆน้า รออ่านอยู่ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 11 พ.ค. 50 22:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไปทานข้าวที่ร้านสปรินที่เลียบทางด่วนรามอินทรามาครับ...อร่อยดี..แต่ค่อนข้างแพง...คนหน้าตาดีตรึมและ..รีเซฟชั่นทำนมต้มหกด้วย..คนนึง..กรี๊ดดดดดดด โกศโถมี 2 ประเภทครับ...คือโกศฝาปริก...ที่พระราชทานให้กับข้าราชการผู้ได้รับสายสะพายเส้นที่ 1 ..ถือว่าเป็นโกศในลำบต่ำสุดเมื่อเทียบกะโกศอื่น... อันที่ 2 คือโกศโถฝามงกุฏ...เคยอ่านเจอว่าตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นะครับ...อันนี้แหละโกศผีสิง... ๒.รู้จักธรรม การที่ ร.2 ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการพระพุทธศาสนามาก ยกตัวอย่างเช่น ทรงเกาะสลักบานประตูพระอุโบสถ วัดสุทัศน์เทพวราราม เป็นต้น ก็ถูกครับ...การที่ให้ ร. 4 ทรงผนวชก็ถูก..ถ้าตีความแบบนั้น...แต่ถ้ารู้จักธรรม...ทำไมถึงทรงลักลอบได้กับพี่สาวตน...เจ้าฟ้าบุญรอด...จน ร.1 โกรธ....( ลูกที่เกิดมาคือ ร.4กะพระปิ่นไง)......อ่ะนะ..นี่ตีความนะครับ..แบบไหนก็ได้..ตามใจคิด ๓.จำต้องคิด เป็น ยุคของ ร.3 ที่เริ่มมีการคุกคามจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากยุโรป ถ้าคิดอีกแง่.....ท่านทรงเจียมตนว่ามิใช่หน่อพระพุทธเจ้านะ....เป็นลูกเมีย 2 เมียแรกคือเจ้าคุณพี..ลุกสิ้นหมด..ท่านเป็นลูกชายคนโตมีศักดิ์เดิมเพียงหม่อมเจ้า... แต่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแม้ว่ามีแม่เป็นสามัญ.....ท่านจึงต้องคิว่าทำไงถึงต้องรักษาอัลลังก์ให้คงอยู่...ผมว่าตอนนั้นยุโรปเข้ามาไม่มากนะ...ไม่เหมือน ร.4,5..หรือแม้นปัจจุบัน....ก็ความไป... ๔.สนิทธรรม ยุคของ ร.4 ที่ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการพระพุทธศาสนา อย่างที่เราท่านทราบกันดี อันนี้ไม่เถียง....แต่อีกอย่างนึงคือตอนนั้นท่านก็ถูกต่อต้านเหมือนกันนะครับ..ว่าทำตามพระ..ไม่แน่ใจว่าเขมรหรือพม่า..ประมาณนี้ ง่วงแล้วตับ..... ไปนอนแล้วนะ...เด๋วว่าง ๆ มาตีความแบบนอสตรามุสอีก... จากคุณ : ปัญ - [ 12 พ.ค. 50 00:45:31 A:58.136.202.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 แฟนขอดูหนังเกาหลีอ่ะ...เรื่องสโนควีน... วุนบินกะ...ใครก็ไม่รู้..หล่อชะมัด... เหมือนหนังเกย์เลยอ่ะ...แต่ไม่ใช่...มาว่ากันต่อนี๊ดนึง.. จึงเป็นที่มาของธรรมยุตินิกายไงครับ...จำได้แล้วทรงเลื่อมใสพระรามัญ มอญไง... จนปัจจุบันนี้แปลกไหม..ประเทศไทยแบ่งนิกายเป็น 2 แบบคือมหานิกายกับธรรมยุตินิกาย.... ถ้าอ่านหนังสือเชิงวิเคราะห์ประมาณศิลปวัฒนธรรมแล้ว...จะเห็นว่าการที่ทรงตั้งธรรมยุตินิกายขึ้น...ก็เพราะเหตุเลื่อมใส...และเคร่งครัดกว่าเดิม..ถ้าคิดในอีกแง่..( ตาปัญเงาหัวหายรึเปล่า)...ทรงประลองกำลังทางการเมืองเล็ก ๆอยู่ก็ได้..จริงไหม..เพราะสิทธิในราชบัลลังก์เป็นของพระองค์ในฐานะพระราชโอรสอันบังเกิดแด่พระอัครมเหสี..แต่ผู้ได้ครองกลับเป็นพระโอรสองค์ใหญ่...ในเจ้าคุณจอมมารดา...( เรียม...ซึ่งเป็นเมียพระราชทานจากเจ้าคุณเสือ...ซึ่งเป็นเมียเอกใน ร.1 แม่ ร.2 นั่นเอง......ซึ่งตอนที่ ร.2 สิ้น ผู้มีกำลังทางการเมืองสุดและรอบรู้ในสรรพวิชาการเมืองคือ พระองค์เจ้าทับ..ร.3 ส่วน ร.4 บวชอยู่มั้ง..และพระปิ่นก็ทรงเป็นเด็กอยู่อีก )เพราะปรากฎว่ามีคนเลื่อมใสในธรรมยุติพอสมควร..และเป็นที่เล่าลือกันประมาณว่า ร.3 ก็ไม่ทรงโปรดสักเท่าใด... ( มีคำทำทายก็ลองตีความกันแบบหวยออกแล้ว..แหม่..กูว่าแล้วนะครับ...ในใจผมยังคงจงรักพระราชวงศ์อยู่เสมอ...) ว่าง ๆ จะเล่าให้ฟังแบบภาษาชาวบ้านถึงน้ำใจอันประเสริฐของ ร. 3 ให้ฟัง.....และเหตุที่ได้มาซึ่งราชบัลลังก์ของ ร.4 ........... 5. จำแขนขาด เรื่องสมัย ร.5 ของการเสียดินแดน ก็ถูก..และการสูญเสียสยามมกุฎราชกุกมารองค์แรก..เจ้าฟ้าวชิรุณหิศ..ก็ถือว่าแขนขาดไหม..ก็ใช่.. การสูญเสียลูก..เสียค่าสงคราม รศ.112 ที่ต้องนำถุงแดงมาให้ฝรั่งเศส...ถือว่าแขนขาดไหม..ก็ประมาณกันนั่นแหละฮะ.. ( ตรงนี้ผมสงสัยจังว่าทำไมเราปลูกฝังให้เด็กเรียนว่า..พม่าเป็นศัตรู...ซึ่งในความเป็นจริง...พม่าทำเราเสียเอกราชเพียง 2 ครั้ง...แต่ฝรั่งเศสทำเราแสบกว่านะครับ ทั้ง 112 ทั้งนครวัด...ทั้งน้ำหอม..และค่านิยมที่ว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศที่น่าเรียนน่าศึกษา.... ศาลปกครองก็เอาแบบฝรั่งเศส....เราเสียเอกราชตราบทุกวันนี้ครับ...ไม่ต้องดูไกล...แฟนผมเนี่ย..ฟังแพลงฝรั่ง หนังเกาหลี......ผมเปิดเพลงไทยเดิมให้ฟังก็ไม่ชอบกัว...และว่าเหมือนอยู่งานศพ....กรรมของปัญคุงครับ..มีแฟนทันสมัยมากไป....) . ๖.ราษฏร์ราชาโจร ยุค ร.6 ที่ ราษฏร์เริ่มมีพฤติกรรมเป็นโจร ตรงนี้ผมไม่เห็นด้วยกับการีความแบบนี้นา ราษฎร์เป็นโจรตรงไหนเหรอครับ.....ถ้าตีความตัวตรง ๆ ว่า ราษฎร์ราชาโจรล่ะก็..ราชากต้องโจรด้วย...โจรไหน..ในเมื่อพระจริยวัตรก็ทรงเป็นสมควรที่สมมุติราชาอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะท่านทรงใจดี พระราชทานเงิน ของ ทรพัย์ให้กับขุนนางที่ทรงพอพระทัย..ขุนนางก็ไม่เกรงพระทัยขอพระราชทานอยู่ตลอด...จนทรงกับเปรยว่าเป็นหนี้....และนี่คือสาเหตุหนึ่งของการถูกดุลย์ ( ดุลยภาพ ให้ออกข้าราชการ ) เพราะท้องพระคลังมีเงินไม่พอเพียง ใน ร.7 และเป็นสาหุหนึ่งของการกบฏ ( อย่าให้เรียกปฏิวัติเลยครับ....เพราะกบฎกือกบฎ จนประเทศไทยล้มลุกคลุกคลานทางการเมืองจนถึงปัจจุบัน..มีตังค์เข้าหน่อยก็ซื้อเสียง..ครอบครองประเทศ...โควต้าข้าว การก่อสร้าง งบแผ่นดินถูกกินกันทุกสมัยแหละ...เราชาวบ้านไม่ว่าใครครอบครองประเทศก็เสียภาษีเหมือนเดิม..ไม่เปลี่ยน...คนไทยจึงไม่ใคร่มีจิตสำนึกทางการเมืองไงครับ....เพราะการกบฏและคราว..ชาวบ้านไม่ได้ร่วมด้วย...มีเพราะทหารกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่คิด..และสั่งให้ทหารที่อยู่ในกำลัง..ไปเฝ้าประจำการ...ทหารที่ไปเฝ้า..ก็ต้องทำตามคำสั่ง...ใครเรียน รด.เป็นทหารมาก่อนก็คงรู้ว่า....คำสั่งของนาย.คือคำสั่ง...ชิ เกียรติ วินัย กล้าหาญ อดทนไง...วินัยนี่คือตัวสำคัญ..ที่ทหารออกนอกแถวไม่ได้เลย...ยกเว้นไปคุมบ่อน บาร์และให้ผลประโยชน์นาย.....ที่บอกได้เพราะอยู่ในสังกัดทหารมาก่อน พ่อก็เป็นทหาร...ได้แฟนก็ลูกทหารอีก....เฮ้อออออ) ๗.นั่งทนทุกข์ ยุคสมัย ร.7 ที่ ต้องทรงผจญกับสถานการณ์ต่าง ๆ จาก ผู้ที่เป็น "กบฏ" ต่อพระองค์ ตรงนี้ก็เป็นเหตุการณ์สำคัญนะครับ.....ผมเคยคิดเล่น ๆ ว่า...ถ้าตอนนั้น ร. 7 ทรงแข็งแล้วไม่ยอม..แล้วทรงได้ชัยชนะเหนือกบฎ การเมืองไทยเปลี่ยนไปแน่นอน....เพราะทุกคนรู้กันดีครับว่า...ทูลกระหม่อมเอียดน้อย....ทรงเป็นนักประชาธิปไตย..และทรงไม่มีลูก....ทรงมีหัวคิดทันสมัย...มาก. ( .ดูได้จากการดุลย์ข้าราชการสมัยนั้น...ก็คือการประเมินในปัจจุบันนั่นเอง..ทรงเอาคนที่ไม่สำคัญออกไป...พวกนั่นกินนอนกินถิ่นพระยานาหมื่น...ก็ออกไป.. ลองอ่าน 4 แผ่นดินดีดีสิครับ...คิดว่าผัวแม่พลอยทำไรบ้างวัน ๆ .....ตอนหลังเลยตกม้าตายเพราะว่างจัด.... สมัย ร. 6 ทวดเล่าให้ฟังว่า..ถ้ามีใครได้เป็นพระยา..แล้ว...คนฟังก็ถามต่อไปว่ากระทรวงไร..ถ้ากระทรวงวัง ก็ฟังก็หน้าเบ้..ถึงกับเรียกว่า พระยากระทรวงวัง....อุอุ..เพราะเป็นกันง่าย...อาศัยการทำตัวดีดีก็ได้เป็นแล้ว.... ยศมากกว่านายอำแภอหรือเจ้าเมืองเล็ก ๆ อีกนะ........) ต่อมาจึงสละราชย์สมบัติไงครับ..... ๘.ยุคทมิฬ ยุค ร.8 ก็เราทราบ ๆ กันดี สงครามโลกครั้งที่ 2 และ ความเลวร้ายของ รัฐบาลในยุคนั้น ตรงนี้เห็นด้วยครับ...แล้วค่อยมาตีความกัน ๙.ถิ่นกาขาว ยุคสมัยปัจจุบัน ท่านว่า ฝรั่งจะเข้ามามีอิทธิพลต่อประเทศไทยเยอะ .ก็จริง..แต่ผมว่าหุสำคัญที่วิกฤตสุดของไทยตอนนี้คือสถานะการณืการเมืองในปัจจุบันนี้แหละ... ๑๐.ชาววิไล ก็เป็นยุคต่อไป คนไทยจะมีศีลธรรมที่ดีขึ้น ไม่เห็นด้วย...ผมว่าตรงนี้คือการเป็นทาสทางความคิของต่างชาตินะครับ...วิไล..คือศิวิไลย์..คือต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่ง..และประเทศมหาอำนาจมากกว่า..... ตอนนี้ต้องยอมรับนะครับว่า..เราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าของจีน อ่านการ์ตูนญี่ปุ่น....ดูหนังเกาหลี...หาแฟนฝรั่ง เรียนเมืองนอก.....ฟังเพลงต่างชาติ..เรามีอะไรเป็นของเรามั่ง.... ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์..ไม่เคยสักคร้ง..ที่จะเอาวัฒนธรรมไทยหัดให้เด็กดู....โขน ละคร..เพลงไทยเดิม..ถ้าไม่มีการเสด็จทรง...ก็ไม่ถ่ายทอดหลอก... วันที่ 2 เมษ.50 ที่ผ่านมา....พระเทพ..ฯเสด็จไปเปิดงานร.2 ที่สมุทรสงคราม...ถ่ายทอดสดช่อง 9 กันแต่ 3 โมงเย็น....พอ 6 โมงจะแสดงโขน..ให้ไปดูรายการโทรทัศน์ตามปกติ...นั่นมันอะไรกันนี่....ตอนนี้คนดูโขน ละคร ..คงมีแต่ มล.เนื่อง กัลคนเก่า ๆ รุ่น 80 อัพเท่านั้น ผู้ดีเก่า ๆ เท่านั้นแหละครับ.... เด็ก ๆ เกาหลีเช่นเราเรา....ไปดูอย่างอื่น.... ตัวไทย ....ใจเกาหลีไง....อินเทรนหนักหนา..เวทนาไหม..ประเทศไทย เกิดเป็นไทยมีอะไรเป็นไทยบ้าง งามสร้างพราวพรรณวรรณศิลป์ ศิลปวัฒนธรรมไทยในแดนดิน งามเลอถิ่นแดนใดในโลกา แต่ตอนนี้กายเป็นไทยใจเกาหลี เครื่องไฟฟ้าประดามีมีแต่จีน อุหวะหวา???? สวยแต่รูปจูบไม่หอม..ถูกราคา ฝรั่งจ๋ามาเผยแพร่..เพลงสากล เต้นดุกดิ๊ก..กระทิกเท้าเขย่าร่าง ทำตัวกร่างอ่างเบิ้มเสริมสืบผล นี่แหละหนาตัวไทยใจสากล นี่แหละคนถิ่นวิไล....อาลัยจัง... ไปนอนกลางวันแหล๋ววววว..ปัญคุงฮะ จากคุณ : ปัญ - [ 12 พ.ค. 50 11:41:00 A:203.113.36.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ชาววิไล คงไม่ได้มาจาคำว่าศิวิไลซ์ดอกกระมังค่ะ เพราะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ใย) ในสมัยกรุงศรีฯ ท่านคงยังไม่ใช้คำ "ศิวิไลซ์" กัน หรือถ้าลองมองอีกมุมหนึ่ง วิไล, วิลัย วิไล แปลว่า งาม วิลัย แปลว่า ย่อยยับ สลาย ถ้าแปลอย่างหลังจะได้ความว่า ถึงคราวล่มสลาย ก็หมายความอย่างนั้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าต้นฉบับโบราณที่สุดที่เป็นลายมือในสมุดข่อยเขียนอย่างไร ซึ่งเป็นไปได้ว่ารุ่นแรก ๆ เป็นการท่องบ่นตาม ๆ กันมาไม่ได้เน้นในด้านอักขระวิธี ดังนั้นในปัจจุบันความหลากหลายทางอักษรศาสตร์ทำให้สามารถตีความคำแต่ละคำที่อ่านเหมือนกันแต่เขียนไม่เหมือนกันไปได้คนละความหมาย   ดังนั้นคำตอบสุดท้ายจะเป็นเช่นไร ต้องรอให้เวลามาถึงทุกคนก็จะได้รู้กัน....  ส่วนปัจจุบันก็ลองตีความกันไปตามความน่าจะเป็นเถอะค่ะพี่น้องฯ จากคุณ : กระเรียนน้อยโบยบินกลางหิมะ - [ 12 พ.ค. 50 14:48:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณกระเรียนน้อยพูดถูกแล้วครับ อย่างที่ผมได้บอกไป เรื่องแบบนี้พูดยาก แล้วแต่ คติ ความเชื่อของแต่ละท่าน ทางที่ดี ต้องทำตัวให้อยู่จนถึงยุคนั้นให้ได้ครับ ถึงจะรู้เองว่าเป็นอย่างไร ********************* ไม่งั้นอาจต้องทำแบบ พราหมณ์ทั้ง 7 ตระกูล ที่สั่งเสียลูกหลาน ให้คอยการทำนายของตัวเองว่า ผลการทำนายที่ทำนายกันว่า พระพุทธเจ้า สมัยยังทรงเป็น เจ้าชาย จะทรงออกบวชหรือเปล่า **************************** ส่วนเรื่อง คำว่า วิไล ที่หลายท่าน ตีความเป็นคำว่า ศิวิไล นั้น ก็เป็นอย่างที่คุณกระเรียนน้อยบอกนั่นหละครับ มีเหตุผลดี ********************************* จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 12 พ.ค. 50 19:35:08 A:124.120.144.206 X: TicketID:025907 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมคิดว่า ถิ่นกาขาว น่าจะหมายถึง ยุคปัจจุบันที่ภราดรได้แต่งงานกับนาตาลี ซึ่งถือว่าเป็นคนสวยที่สุดในโลก กาก็คือภราดรซึ่งชาวไทยถือว่าไม่หล่อตัวดำเหมือนอีกา ขาวในที่นี้ก็คือ นาตาลี นั่นเองซึ่งเป็นคนผิวขาวสวย แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 50 20:29:21 จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 12 พ.ค. 50 20:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ่อ เข้ามาไม่รู้เรื่องไรเลยค่ะ งงๆ  55+ จากคุณ : เหวอ เหวอ - [ 13 พ.ค. 50 18:33:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ติดใจสำบัดสำนวนคุณ ปัญ- มาต่อเร็วๆนะค้ะ ชอบกับความคิดเห็นของคุณมาก เกี่ยวกับการอนุรักษ์ศิลปไทย ถ้าคนรุ่นใหม่ ให้ความสนใจเรื่องเก่าๆแบบนี้มากๆคงจะดี ที่ญี่ปุ่น เก่าใหม่ ผสมกันได้อย่างลงตัว สุดโด่งทางเทคโนโลยี แต่ไม่ลืมวัฒนธรรมโบราณ เราควรภาคภูมิใจ ที่ประเทศไทยของเรา มีหลาบสิ่งหลายอย่างที่ชาติอื่นไม่มี จากการงานเทศกาลไทย ที่จัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจในประเทศไทยของเรา ที่เป็นที่นิยมชื่นชอบของคนหลายชาติหลายภาษา ต่างมาร่วมงานกันแน่นทั้งวัน เคยไปงานประเทศอื่นที่ญี่ปุ่น ไม่ยิ่งใหญ่เท่างานของประเทศเรา เมื่อเรามีของดีอยู่ในมือมากมาย ทำไมคนไทยเราต้องไปนิยมชมชอบประเทศอื่นมาก ประเทศไทยเราดีกว่าเกาหลี หรือประเทศอื่นมาก อยากให้คนไทย ภูมิใจกับประเทศไทยให้มากๆ จากคุณ : พนอจัน - [ 15 พ.ค. 50 07:17:33 ]