ความคิดเห็นที่ 1 techer แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 50 02:18:01 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 50 02:17:49 จากคุณ : Rasia - [ 11 พ.ค. 50 02:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ตันหรอก มีทางไปอีกเยอะ พยายามเข้านะครับ จากคุณ : Try to Remember - [ 11 พ.ค. 50 03:41:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเป็นคนหนึ่งที่จบสาขาประวัติศาสตร์มาโดยตรง ตลอดเวลา 4 ปีที่เรียนนั้นมักมีคนตั้งคำถามตลอดว่าเรียนประวัติศาสตร์ไปทำไม จบมาจะหาอะไรทำ มันทำเงินได้ไม่มากหรอก และอีกหลายคำถามที่ตามมา แต่ผมก็มักตอบคำถามเหล่านั้นกลับไปเสมอว่า "ที่ผมเลือกเรียนเพราะผมชอบและคิดว่าน่าสนุกกับการศึกษาเรื่องราวในอดีตของมนุษย์ที่หลายคนมองข้าม ประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องคร่ำครึ แต่ประวัติศาสตร์สอนให้รู้ถึงอดีตและอนาคต เพราะอดีต ปัจจุบันและอนาคตล้วยมีเหตุปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกัน ส่วนคำถามว่าจบมาและจะทำอะไร ตอบง่ายยยยยยยยยยยมาก จบมาถ้าไม่เลือกงานหรือมีอีโก้สูงว่าชั้นจบมาจะต้องทำงานตรงกับสายวิชาที่เรียนมาก็สามารถหางานทำได้สบายๆ แล้วค่อยๆขยับขยายหาช่องทางการทำงานที่เรารัก อย่างผมจบมางานแรกที่ทำคือคีย์ข้อมูลลงคอม เวลาผ่านไปเกือบปีถึงจะได้ทำงานที่ตรงสายที่เรียนมากที่สุดคือ อยู่สำนักพิมพ์ซึ่งสามารถนำความรู้ที่เรียนมาใช้ได้             น้องครับถ้าน้องเรียนประวัติศาสตร์มาก็คงจะรู้ขั้นตอนวิธีการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งพี่อยากจะบอกว่ามันสามารถนำมาใช้ในสายงานได้ทุกๆงาน มันจะสอนวิธีการมองโลก วิธีการคิดเรื่องราวต่างๆอย่างมีเหตุและผล ใกล้จบแล้วก็พยามยามเรียนต่อไปอย่าคิดอะไรมาก น้องมีพื้นฐานที่ดีนะที่มองว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสนุกผิดกับหลายๆคนที่เขาเรียนเพราะไม่มีอะไรจะให้เรียนเลยมาเรียนประวัติศาสตร์ แบบนั่นค่อนข้างประสบความสำเร็จยาก เรื่องงานถ้าเราไม่เลือกงานก็จะมีงานทำแน่นอนครับ เป็นกำลังใจให้นะ *****จากรุ่นพี่ที่จบประวัติศาสตร์มาเหมือนกัน***** จากคุณ : พ ณ.ลำพู - [ 11 พ.ค. 50 07:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณอย่าตีกรอบตัวเองค่ะ คนจบประวัติศาสตร์ทำอะไรได้มากมาย - เป็นนักข่าว นักสื่อสารมวลชน คุณจะเป็นนักข่าวที่มีมุมมองของเรื่องราวที่ลึกซึ้ง นักข่าวหลายคนวิเคราะห์ข่าวไม่ลึก เพราะขาดความรู้ด้านประวัติศาสตร์ - เป็นไกด์ คุณอาจจะไปอบรมวิชามัคคุเทศก์เพิ่มเติม - เป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ ฯลฯ จบตรี+โทวิชาอื่น.....ทุกวันนี้ก็ยังคิดอยากไปเรียนวิชานี้อยู่นะ (แต่เราเป็นคนขี้เกียจเรียนหนังสืออ่ะ :p) จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 11 พ.ค. 50 10:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็เป็น นร.ประวัติศาสตร์ ที่มหา'ลัยแห่งหนึ่ง ก็ใกล้จะจบแล้วเหมือนกัน ประวัติศาสตร์ ไม่ได้สอนให้เราเอาไปทำงาน อย่างเช่นวิชาชีพอื่นๆ EX. จบสื่อสารฯ ก็ทำงานข่าว นสพ. จบวิศวะ ก็ไปเป็นวิศวะ จบบริหาร ก้ไปทำธุรกิจ ฯลฯ เพราะว่าประวัติศาสตร์ไม่มีทฤษฎี (ไม่มีกรอบ) แต่ว่า ***ประวัติศาสตร์สอนให้เราเอาวิธีคิดไปใช้ในการทำงาน เพราะว่าวิชาประวัติศาสตร์มีแต่วิธีคิด และวิธีการทางประวัติศาสตร์ (Historical Thinking&Method) เพราะฉะนั้นเราสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างมากมาย รุ่นพี่ของผมแต่ละคนก็ทำงานหลายสายมากๆ (ตั้งแต่สายวิชาการ สื่อสารฯ ธุรกิจ ฯลฯ) คุณลองคิดให้ลึกกว่านี้นิดนึงนะครับ ถึงแม้ว่าสายสาขาที่เรียนมา จะจบมาทำอาชีพต่างๆ เขาก็ยังต้องพึ่งพากลุ่มที่จบสาขาที่ไม่ตรงกับความรู้ของตนเองอยู่เป็นจำนวนมาก (ลองนึกถึงถ้าคุณจบนิเทศ ฯ ต้องการจะทำสารคดีซักเรื่องนึง เขาก็ต้องให้คนที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาอื่นที่ตรงกับสารคดีเรื่องที่เขาจะทำ โดยตัวเขาเองเป็นผู้ที่ทำให้สารคดีเรื่องนั้นๆ มีความน่าสนใจขึ้น โดยใช้ความรู้ที่เขาเรียนมา EX. มุมกล้อง การถ่ายทำ ฯลฯ หรือแม้กระทั่ง นักเขียน อย่าง ทมยันตี กฤษณา อโศกสิน จะเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์ซักเรื่อง เขาก็ต้องให้ผู้เชียวชาญทางประวัติศาสตร์มาช่วยอธิบายให้เขาเข้าใจ ก่อนที่เขาจะเขียนนิยาย) หรือว่าคุณจะเรียนต่อป.โท ในสาขาอื่นๆ ก็ได้ คุณก็มีวิธีคิดจากสาขาใหม่ๆ ที่คุณเรียน เอามาช่วยพัฒนาวิธีคิดของคุณที่ประวัติศาสตร์ได้ให้กับคุณแล้ว มันจะทำให้คุณพัฒนาตนเองได้อีกไกลเลย (คุณลองอ่านงานวิจัยของอาจารย์หลายๆ ท่าน ที่จบประวัติศาสตร์ในช่วงหนึ่งของชีวิตการศึกษา อย่างเช่น อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (ปวศ.ป.โท/เอก) ศรีศักร วัลลิโภดม (ปวศ.ป.ตรี) อานันท์ กาญจนพันธุ์ (ปวศ.ป.โท) ฯลฯ แต่ละคนได้ผลิตงานวิชาการที่ทำให้เราเข้าใจมุมมองของความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งหมดที่ผมคิดมานี้ มันจะไม่สำเร็จเลย ถ้าคุณ*ไม่กล้า*ที่จะเอาสิ่งที่เรียกว่า วิธีคิดและวิธีการทางประวัติศาสตร์มาใช้ในการทำงาน (ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็แล้วแต่) หลังจากการเรียนอย่างยากลำบากมา 4 ปี ผมว่ามันน่าเสียดายมากนะ สำหรับคนๆ นึงที่มีโอกาสได้เรียนประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งในชีวิต จากคุณ : Hist_Life - [ 11 พ.ค. 50 12:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทุกความเห็นได้บอกสิ่งสำคัญๆที่คุณควรเอาไปทบทวน และลองนึกดูหมดแล้วอ่ะค่ะ สำหรับเรา อยากบอกว่าทุกวันนี้เราไม่เคยนึกเสียใจเลยค่ะ ที่เรียนจบประวัติศาสตร์มา ประวัติศาสตร์สอนให้เรามอง และคิดอะไรได้ลึกซึ้งกว่าเดิมอย่างเป็นเหตุเป็นผล  เพราะประวัติศาสตร์คือการเรียนรู้อดีต มนุษย์ทุกคน เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์มีประวัติศาสตร์ด้วยกันทั้งนั้น เราจะเรียนรู้เหตุการณ์ปัจจุบันได้อย่างไร ถ้าเราไม่มีพื้นฐาน และการเรียนรู้จากอดีต? และวิธีคิดพวกนั้นไม่ใช่เพียงการนำมาใช้ในงานของคุณได้เท่านั้น แต่คุณสามารถนำไปใช้กับชีวิตประจำวันของคุณได้เลยทีเดียวล่ะ ก่อนอื่นคุณคงต้องลองมองอะไรให้กว้างๆกว่านี้ก่อนอ่ะนะคะ แล้วลองคิดดูว่าจบไปแล้วอยากทำงานอะไร (เพราะจะเริ่มได้ยังไงล่ะคะ ถ้าคุณยังไม่รู้เลยว่าจบไปแล้วจะทำอะไร) หลังจากนั้นก็เดินไปตามความต้องการของคุณเอง คุณได้เรียนรู้วิธีคิดจากประวัติศาสตร์มาแล้ว และนี่แหละจะเป็นบททดสอบนึงให้คุณเก็บไปคิดว่า คุณสามารถเอาสิ่งที่คุณเรียนมา มาใช้ และปฏิบัติจริงได้อย่างไร... จากคุณ : Hist'CMU (Good Earth) - [ 11 พ.ค. 50 13:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอเสนอความเห็นจากคนที่ไม่ได้เรียนประวิติศาสตร์โดยตรง แต่ชอบประวิติศาสตรนะครับ คุณต้องถามตัวเองก่อนนะครับว่าคุณจะทำงานอะไร ถ้าจะทำงานตรงสายประวิติศาสตร์ ก็ต้องทำใจว่างานจะหายากและค่าตอบแทนไม่สุง ถ้าจะทำในสายงานอื่นคุณต้องยอมรับว่าความรุ้คุณยังมีไม่พอ คุณต้องรีบขวนขวายตั้งแต่วันนี้ไม่ว่าจะเป็นภาษาต่างประเทศ คอมพิวเตอร์ หรือความรุ้ด้านธุรกิจ หรืออื่นๆที่สายงานนั้นต้องการ ยิ่งมีความรุ้ด้านอื่นมากเท่าไรโอกาสของคุณก็มากขึ้นนะครับ จากคุณ : BSKCN - [ 11 พ.ค. 50 15:05:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จบ ประวัติศาสตร์ มา แต่ว่าตอนนี้ทำบัญชี  T_T กว่า เจ้านายบอกว่า  การทำบัญชี=เหมือนกันการบันทึกประวัติศาสตร์ของบริษัท T_T อีก อยากเป็นพวกนักวิชา ภัณฑารักษ์ ก็สอบไม่ได้กะเขา เพื่อนก็หลากหลายมาก แล้วแต่ว่าตอนจบมาสมัครได้งานอะไร   บางคนก็ทำธนาคาร ไกด์ ฝ่ายส่งออก โรงแรม ฯลฯ อย่าคิดมาก จบมาเดี๋ยวก็รู้เอง จากคุณ : ymmlap - [ 11 พ.ค. 50 15:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเองก็อยากเรียนประวัติศาสตร์นะครับ เหตุผลเดียวเลยคือชอบ ตอนนี้เรียนวรรณคดีอยู่ เหตุผลก็คือชอบเหมือนกันครับ คนก็ถามเหมือนกันว่าเรียนวรรณคดีไปทำไม (ก็คนมันชอบอ้ะ) จากคุณ : Alovera - [ 11 พ.ค. 50 15:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อยากเรียนประวัติศาสตร์ แต่โดนบังคับให้เรียนภาษอังกฤษ แต่ตอนี้มาขายกาแฟที่เกาะลันตา หุนส่วนก็จบโบรษณคดี เห็นมั๊ย ไม่มีใครทำงานตรงกะที่เรียนเลย ทุกวันนี้ก็ยังเสียใจที่ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ จบมาเดี๋ยวก็รู้เองว่าจะทำอะไร จากคุณ : ลันตาฟ้าเทา (Playa del son) - [ 11 พ.ค. 50 21:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อืม ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งครับที่กำลังจะจบปริญญาตรีประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าอยากทำงานสายตรง แต่ก็สามารถทำงานอื่นได้ครับ เพราะประวัติศาสตร์สามารถศึกษาได้จากการศึกษาด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องมาจากการทำงานอย่างเดียว จากคุณ : ภัทรฉัตร - [ 11 พ.ค. 50 21:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ่า...ให้คำแนะนำกันไปหมดแล้ว แล้วเราจะให้คำแนะนำว่าไงดีละ ถ้าเรียนประวัติศาสตร์เพราะชอบคุณน่าจะหาหนทางของคุณได้นะว่าอยากไปทำอะไรต่อ หรือบางทีคุณอาจจะรู้สึกว่าไม่มีงานที่เหมาะสมเลย ก็ไม่แปลก ตอนผมจบก็รู้สึกแบบนี้แหละ เพื่อน ๆ ของผม ยังไม่เห็นมีใครได้ตรงสายเลยถ้าไม่เรียนต่อระดับปริญญาโทถึงเอก  ถ้าจะจบการศึกษาแค่ระดับปริญญาตรีก็คงต้องหางานด้านอื่น ๆ ทำละครับ มันเป็นเหมือนสัจธรรมเลยแหละ แต่จริง ๆ ชีวิตคนมันไม่มีทางตันหรอกครับ ที่ตันเพราะเราคิดไปเองต่างหาก สู้ ๆ นะครับ จากคุณ : Mr.Learning - [ 11 พ.ค. 50 22:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาอ่าน และเข้ามาให้กำลังใจคะ สู้ ๆ คะ จากคุณ : intimacy - [ 12 พ.ค. 50 00:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ประวัติศาสตร์ เป็นศาสตร์พิเศษที่ว่า มีให้เราเรียนรู้ทั้งสิ่งที่เรียกว่าประสบวามสำเร็จ และ อีกด้านหนึ่ง คือ ความล้มเหลว  ประวัติศาสตร์เป็น วิชาที่ช่วยเราปรับทิศและมุมมองของชีวิต มากกว่าจะเป็นวิชาที่นำพาสู่อาชีพ แต่ไม่ได้หมายความว่า จบประวัติศาสตร์จะหาอาชีพอะไรไม่ได้ แต่เชื่อไหมครับว่า ทุกครั้งที่เกิดปัญหา สาขาวิชานี้ที่เราเรียนมาจะช่วยเราได้ เช่น ยามที่คนในทีมเราท้อ เรายกบุคคลในประวัติศาสตร์มาอธิบาย มา เล่าให้เขาฟัง มายกตัวอย่างในเหตุหารณ์ต่างๆ ที่เราต้องแก้ไขเฉพาะหน้า ประวัติศาสตร์คือ สัจธรรมของชีวิต ที่สามารถหยิบยกมา หว่านล้อม ต่อรอง สร้างเสน่ห์ ขึ้นกับเราหยิบยกมาปรุงแต่ง เวลาเราไปเจรจานะ สำหรับผมแล้ว ประวัติศาสตร์ คือ ความรักและศรัทธาเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ ซุนปินเป็นคนพิการ ป็นจอมทัพได้ อเด็นนาว เป็นคนแก่ใกล้โรง เป็นผู้นำเยอรัมนหลังสงครามได้ ล๊กซุนเป็นแค่เด็ก เอาชนะ เล่าปี่ที่เจนศึกได้ และ คนที่ไม่ได้จบปริญญาอย่าง บิล เกตต์ ยังเป็น เศรษฐีอันหนึ่งของโลกได้ เอาเป็นว่า สู้เค้าครับน้อง พี่เป็นกำลังใจให้ ้ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 50 15:53:41 จากคุณ : X-trail - [ 12 พ.ค. 50 15:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณทุกคนนะครับ ที่เข้ามาตอบ ผมคงมองอะไรๆแคบเกินไป ตอนนี้ก็ตั้งใจเรียนให้จบก่อน หลังจากนั้นก็ จะพยายามให้ดีที่สุดครับ จากคุณ : ไม่เอาไม่ห่วย - [ 12 พ.ค. 50 17:27:17 A:58.64.102.101 X: TicketID:122640 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์  แต่อยากบอกว่าท่านทูตญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน  ท่านจบประวัติศาสตร์   และทราบว่าบางบริษัทของญี่ปุ่น  ผู้จัดการต้องจบประวัติศาสตร์ อาจารย์คณะคุณไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือ  จึงปล่อยให้ศิษย์มีความรู้สึกอย่างคุณ ปรัชญาการเรียนจบปริญญาตรีนั้น  คือรู้จักแก้ปัญหาหรือแก้ปัญหาเป็น   สำคัญว่าเรียนวิชาอะไรต้องเรียนให้ดี  ไม่ใช่เรียนเพื่อให้จบๆไปนะ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 50 19:55:32 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 50 19:55:32 จากคุณ : CALAVERITE - [ 12 พ.ค. 50 19:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่าน คคห. ข้างบนแล้วนึกได้ว่า กุนซือใหญ่ของลุงโฮสมัยสงครามเวียดนามฝรั่งเศสก็จบประวัติศาสตร์นะ จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 12 พ.ค. 50 22:59:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อโท ประวัติศาสตร์ แล้วลองไปสมัครที่ UN ดูจิ UNESCO อ่า จากคุณ : sHOrT_LEg - [ 16 พ.ค. 50 00:13:07 A:58.147.94.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 My major was History when I was undergrad. student. Now I have become second year student of Faculty of Economics in Japan. The historical knowledgements are useful for me to learn and study economics, of course, my thesis theme is related to Thailand economic history . Dont be afraid of unemployment condition, just make it advance or go to study history in deep. you might see that History is still attractive and challengeable. จากคุณ : ron (ronsan) - [ 17 พ.ค. 50 13:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 น่าอิจฉาออกนะคะ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ใครหลายคนอยากรู้แต่ไม่มีโอกาส ขออนุญาติบอกเล่าประสบการณือันน้อยนิดในการทำงานว่าประวัติศาสตร์ช่วยได้มากเลยนะถ้า.... 1. คุณเป็นผู้เขียน Scrip / ครีเอทีฟ / โปรดิวเซอร์ /ผู้สื่อข่าว รายการโทรทัศน์ วิทยุ นสพ. นิตยสาร ประเภทสารคดี (คุณต้องถนัดเรื่องการใช้ภาษาและรักงานเขียน) 2. คุณเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานหรือทำโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งมีหน่วยงานหลายแห่งทั้งภาครัฐ / เอกชน ที่ปัจจุบันยังดำเนินงานอยู่อย่างต่อเนื่อง (คุณมีทักษะในการประสานงาน) 3. คุณเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยว (คุณรักการเดินทาง ถนัดเล่าเรื่อง เก่งภาษา ) ปล. ยังมีอีกหลายอาชีพให้คุณเลือกตามความถนัดอีกแน่นอน แต่ ข้อ 1 - 3 นั้น เป็นอาชีพที่ดิฉันเคยทำมาแล้วและยังคงทำอยู่ในปัจจุบัน ขอยืนยันว่าความรู้ในเรื่องประวัติศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีค่ะ จากคุณ : ธิดารามัญ (ธิดารามัญ) - [ 18 พ.ค. 50 17:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมอิจฉา คนเรียนประวัติศาสตร์ เข้าใจว่าคนเรียนส่วนใหญ่นั้นเรียนเพราะชอบและคิดว่าสนุก การได้เรียนในสิ่งที่ชอบ นั้นน่าอิจฉามาก สนธิ แห่งผู้จัดการจบประวัติศาสตร์ นางแบบ ซารา มาลากุลเรน เรียนประวัติศาสตร์ เจ้าชายองค์โตของอังกฤษ เรียนประวัติศาสตร์ ไม่แน่ใจว่าจบหรือยัง เรื่องงาน หากชอบงานนิตยสารก็สามารถทำได้ เคยเห็นคนจบประวัติศาสตร์ก็ทำงานด้านนี้ดังด้วยแต่จำชื่อไม่ได้ มีประโยคๆหนึ่งซึ่งผมชอบมาก ที่เห็นใน พันทิพนี้คือ "ทำอย่างกับว่าสิ่งที่เราเรียนจะกำหนดสิ่งที่เราเป็นได้ทั้งหมดอย่างงั้นแหละ" มีอีกคือที่ได้อ่านมา  มหาวิทยาลัยสอนให้เราเป็นบัณทิต รู้จักคิด  รู้จักอภัย  ใจเย็น  สุมคุม  รอบคอบ  แก้ปัญหา แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 10:04:27 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 10:03:51 จากคุณ : อหิงสาอโหสิ - [ 19 พ.ค. 50 10:03:17 ]