| C:\Users\Draconiz\Documents\knight.jpg (0 คน) |
| C:\Users\Draconiz\Documents\members_257_zingLogo_pos.jpg (0 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 0 คน |
ช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมานี้ เรียกได้ว่าตลาดวรรณกรรมไทยค่อนข้างเเน่นไปด้วยผลงาน(เเม้ในสายตาหลายๆท่านอาจเรียกว่าด้อยคุณภาพ...ก็ตาม)
โดยเฉพาะวรรณกรรมเยาวชนเเฟนตาซีที่เรียกได้ว่าเดินเข้าร้านไปตอนต้นเดือนก็จะต้องได้เจอเรื่องใหม่ๆจากสำนักพิมพ์หลากหลายจนเลือกซื้อเเทบไม่ถูก
เเต่เมื่อไหร่ได้พลิกมาอ่านด้วยความสงสัยใคร่รู้หรือเพราะหนังสือที่บ้านหมด ก็มักจะเจอเรื่องที่นำไปสู่ข้อครหาในหมู่วงการนิยายว่า"ลอก","จินตนาการตัดแปะ" อย่างดาษดื่น
น่าเเปลก เพราะเเต่ก่อนข้อหาลอกหาได้ยากมากๆในนักเขียนรุ่นลายคราม เเต่ละท่านต่างต้องพิสูจน์ตัวเองมามากปากกัดตีนถีบ ไส้เเห้งอดอาหารกว่าผลงานจะได้รับการยอมรับ ตีพิมพ์ เเละอยู่ค้างฟ้าให้เราๆท่านๆได้หยิบมาอ่านจรรโลงใจด้วยความเพลิดเพลินเเละชื่นชมในเนื้อหาสาระ อันเป็นกระจกสะท้อนปรัชญาที่ผู้เขียนต้องการสื่อออกมาผ่านความสละสลวยของภาษาไทย
หรือเป็นเพราะนักเขียนรุ่นใหม่ไม่ต้องพิสูจน์อะไรมากมาย ขอเพียงมีอายุน้อยสักหน่อยพอเรียกได้ว่าอัจฉริยะรุ่นจิ๋ว เคาะเเป้นพิมพ์เป็นเรื่องเเฟนตาซีเเนวตลาด(โรงเรียน พล็อตคล้ายเกมส์ การ์ตูน)ได้สักเล่ม สำนักพิมพ์ก็รับไปพิมพ์ทันทีโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
คนเหล่านี้จะลองหันกลับมามองไหมหนาว่าได้บ่อนทำลายวงการหนังสือไทยขนาดไหน เพราะหากหนังสือเปรียบเสมือนครูอาจารย์คนหนึ่ง ลูกศิษย์ผู้เรียนรู้วิชาจากครูที่ด้อยวิชาการเเละคุณภาพก็จะยิ่งทำอนาคตสังคมวรรณกรรมตกต่ำลงเรื่อยๆ
ไม่ใช่ลอกอย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งหากรวมเนื้อหาทางเพศที่โจ๋งครึ่มหรือหมิ่นเหม่ศิลธรรมเข้าไปด้วยเเล้ว ผลกระทบเเท้จริงอาจลามไปถึงสังคมวงนอก...ในเเบบที่เเม้คนเขียนเองอาจคาดไม่ถึงหรือไม่พร้อมจะรับผิดชอบเลยก็เป็นได้
เกริ่นมาพอสมควรเเล้ว ก็ขอพาท่านผู้อ่านรับทราบเกี่ยวกับวงการวรรณกรรมเมืองนอก ซึ่งค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่เเละมืออาชีพกว่าเรามากบ้าง ว่าเขาเองเจอปัญหาเรื่อง "ลอก" หรือ "จินตนาการตัดแปะ" เช่นเดียวกับเราหรือไม่ เเละผลกระทบสำหรับเขาคืออะไร
ในที่นี้จะไม่ขอบังคับให้เชื่อ ว่าผู้เเต่งอายุน้อย(ซึ่งมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกับนักเขียนบ้านเราคนหนึ่ง) รายนี้ลอกหรือไม่...จุดนั้นเป็นวิจารณญานของผู้อ่านบทวิจารณ์เเละนิยายว่าจะสรุปเช่นไร ถ้าเป็นได้ขอให้ตอบเป็นข้อความเเละให้ความเห็นด้วยจะเป็นการดียิ่งสำหรับการถกเถียงอย่างมีเหตุผล เเละเป็นความรู้ให้ผู้อ่านต่อไป
"Eragon" ชื่อนี้ต้องคุ้นหูทุกคนเป็นเเน่ ไม่ว่าจะในรูปนิยายหรือภาพยนต์ซึ่งเพิ่งออกโรงไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ตามความรู้สึกส่วนตัวเเล้ว Eragonเป็นหนังที่พอดูได้ ส่วนหนังสือนั้นก็อ่านได้สนุกพอควร...หากผู้อ่านเลือกจะปิดหัวสมองส่วนที่จดจำเรื่องราวอื่นๆที่เคยผ่านหูผ่านตาเเละอ่านไปอย่างไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
เน้นย้ำ...โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง...หากผู้อ่านเลือกจะปิดหัวสมองส่วนที่จดจำเรื่องราวอื่นๆที่เคยผ่านหูผ่านตาเเละอ่านไปอย่างไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
เพราะการวัดว่าลอกไม่ลอกนั้น นอกจากทางกฏหมายเเล้ว ยังขึ้นกับความโชกโชนทางวรรณกรรมของคนอ่านด้วย ว่าจะจับได้ไล่ทันคนเขียนหรือเปล่า
ซึ่ง Eragonเป็นตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งของการก้าวข้ามเส้นเเบ่งคำว่า"เเรงบันดาลใจ"จนกลายเป็นคำว่า"ลอก" ไปเสีย
สิ่งที่ตามมาไม่ว่าจะเป็นการออกมาปกป้องของเเฟนคลับ หรือข้ออ้างที่นักเขียน Christopher
Paoloniเเละนักเขียนไทยหลายคนใช้เหมือนกันคือ "เเฟนตาซีเป็นงานที่ได้รับเเรงบันดาลใจอยู่เเล้ว ไม่สามารถตัดสินว่าอะไรคือการลอกได้" นับเป็นกรณีศึกษาที่ดีของทั้งคำว่า"ลอก" เเละปัญหาที่เกิดกับนักเขียนอายุน้อยเมื่อมีกลไกหวังผลกำไรของสำนักพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
จะไม่ขอวิพากษ์โวหารของ Eragon หรือความสมจริงของเรื่อง เนื่องจากไม่ใช่ประเด็นเเละสำนวนที่ใช้ในฉบับภาษาอังกฤษเเละไทยก็ต่างกันอย่างเลี่ยงไม่ได้(ซึ่งถามความเห็นส่วนตัว ภาษาไทยยังดีเสียกว่า)
ประเด็นคือ"การลอก"ของ Eragon เพื่อผู้อ่านได้เป็นวิทยาทานเเละนักเขียนได้เอาไปเตือนตัวเองต่อไป เพราะบ่อยครั้งการ"ลอก"เป็นเรื่องจิตใต้สำนึกเเละมโนธรรม อีกทั้งในตลาดที่ฐานวรรณกรรมหลากหลายเเล้ว ผู้เขียนย่อมเอาเปรียบปัญญานักอ่านได้เสมอ
ฉะนั้นผู้เขียนต้องเป็นเข็มทิศให้ตัวเองด้วยในการสื่อเรื่องราวลงบนกระดาษ
หลายคนบอกว่า Eragon ได้เเรงบันดาลใจจาก Lord of the rings ซึ่งตรงนี้เป็นเพียงส่วนย่อยเท่านั้น กลิ่นอายLOTRที่พอสังเกตได้ง่ายๆ คือเผ่าพันธุ์ต่างๆ(ซึ่งอาจจะถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลยเนื่องจากใครๆก็เอามาใช้) เเละชื่อคน สถานที่ที่เอา LOTR มาตัดนิดเเก้หน่อย
ตัวอย่าง
Aragorn -----> Eragon
Arwen -----> Arwden,Arya
Isengard -----> Isenstar
Elessar -----> Elessari
Morgoth -----> Morgothar
Imladris -----> Imiladris
Caranthir-----> Ceranthor
Isildur -----> Isidar
Mithril -----> Mithrim
ซึ่งตรงนี้หากมองอย่างเป็นกลางก็อาจจะอยู่ในขอบข่ายหมิ่นเหม่เสียมากกว่า ข้อบกพร่องอาจอยู่ที่การไม่ให้เครดิตเเก่ผู้คิดซึ่งคืออาจารย์โทลคีน มิหนำซ้ำที่ร้ายเเรงคือ Christopher Paolini ยังให้สัมภาษณ์อีกว่าตนเองเขียนได้งดงามสละสลวยเท่าหรือเหนือกว่า(ซึ่งก็คล้ายกับนักเขียนไทยท่านหนึ่งซึ่งเคยยกนิยายตัวเองขึ้นเชิดชูกลางงานหนังสือทั้งที่มีนักเขียนมือครูคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย)
หากจะเลี่ยงประเด็น"ชื่อ"เเละ"เผ่าพันธุ์"ที่ค่อนข้างอยู่ในพื้นที่สีเทาออกมา เมื่อวิเคราะห์ส่วนอื่นของนิยายเเล้ว"การลอก"ที่เรียกได้ว่าดิ้นไม่หลุดของ Eragonนั้นปรากฏชัดออกมาในพล็อตเรื่องนั่นเอง
กรุณาลองคิดตามเนื้อเรื่องนี้เเล้วนึกในใจดูว่ามันคุ้นหูท่านหรือไม่?
----Spoiler----
1.มีเด็กชาวนาผู้ไม่รู้กำพืดตนเองอาศัยอยู่กับลุงในชนบทห่างไกลของจักรวรรดิชั่วร้ายเเห่งหนึ่ง
2.เจ้าหญิงเลอโฉมหลบหนีการตามล่าจักรวรรดิพร้อมของที่ฝ่ายกบฎต้องใช้ในการต่อสู้
3.ขบวนของเจ้าหญงถูกไล่ตามทัน ลูกน้องโดนสังหาร มือขวาของจักรพรรดิชั่วจับตัวเจ้าหญิงได้
4.เเต่เจ้าหญิงได้ทิ้งของสำคัญนั้นไปทันเวลาก่อนถูกจับ
5.เด็กชาวนาไปพบของชิ้นนี้เข้าโดยบังเอิญ
6.จักรวรรดิมาตามของที่ว่า เเต่พระเอกไม่อยู่ ลุงจึงถูกทหารจักรวรรดิฆ่าเเทน บ้านก็ถูกเผา
7.พระเอกไม่มีที่ไป เเต่พบชายชราคนหนึ่งซึ่งใครๆมักหาว่าบ้าบอ เเต่จริงๆซ่อนความลับเอาไว้
8.พระเอกพบความจริงว่าของสำคัญที่ว่า เเท้จริงต้องส่งให้ชายชราผู้นี้
9.ชายชราผู้นี้เเต่ก่อนเคยเป็นหนึ่งในเป็นอัศวินพลังพิเศษที่เคยปกป้องโลก
10.เเต่กลุ่มอัศวินก็โดนทรยศโดยคนในเเละจักรพรรดิ โดนฆ่าหมด เหลือดาบของพ่อให้ตัวเอกไว้ดูต่างหน้า
11.พระเอกเเละชายชราออกเดินทางไปช่วยเจ้าหญิง โดยได้รับการช่วยเหลือโดยคนหล่อ เก่งที่ไม่รู้ว่าดีหรือร้ายกันเเน่
12.ทั้งสามเดินนทางไปจนถึงฐานทัพจักรวรรดิเเละช่วยเจ้าหญงออกมาได้ เเต่ชายชราถูกฆ่าโดยมือขวาจักรพรรดิเพื่อช่วยพระเอก
13.พระเอกเริ่มเรียนรู้"พลัง"
14.ทั้งสามเดินทางไปพบฐานทัพกบฏเเละเอาข้อมูลกับของสำคัญตอนต้นไปให้ จากนั้นจึงรู้ว่าฝ่ายจักรวรรดิกำลังส่งทัพมากวาดล้าง
15.พระเอกร่วมกับกบฏเอาชนะเเม่ทัพที่จักรวรรดิส่งมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของสุดหล่อที่ไม่รู้ว่าร้ายหรือดี
16.พระเอกกลายเป็นวีรบุรุษของฝ่ายกบฏเเละออกเดินทางไปฝึกวิชากับอัศวินคนสุดท้ายตัวจริง
----Spoiler ends here----
ถามท่านผู้อ่านว่านี่คือพล็อตของ Eragon...หรือภาพยนต์ไซไฟคลาสสิกเมื่อสามสิบปีที่เเล้วที่มีชื่อว่า Starwars Episode 4: A new hope กันเเน่?
เพียงสับชื่อ Eragon-->Luke,Brom-->Obi-wan
Murtagh-->Han Solo,Arya-->Leia,Saphira-->The Force เเละเปลี่ยนจากเรื่องไซไฟมาเป็นเเฟนตาซีเท่านั้น เชื่อว่าคงดูเป็นหนังม้วนเดียวกันได้
นี่คืออาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดของ Eragon ในความเห็นนักวิจารณ์รุ่นใหญ่ในต่างประเทศ การไม่ย่อยเเรงบันดาลใจออกมาให้ละเอียด ขอเเต่สักทำจินตนาการตัดเเปะจนเกือบเรียกได้ว่าลอกทั้งเรื่องออกมาขาย โดยสำนักพิมพ์เองก็ถือโอกาสจากการที่หนัง LOTR ออกในช่วงนั้นมาเก็งกำไร ประกอบกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นเด็กเสียส่วนใหญ่ ไม่รู้จักผลงานวรรณกรรมเรื่องอื่นมากนัก
เเน่นอนว่า Christopher Paolini ตอบข้อกล่าวหานี้เเบบไทยๆคือ "ได้เเรงบันดาลใจ" เเถมยังยกปรัชญาของ โจเซฟ เเคมป์เบล เกี่ยวกับ "วีรบุรุษพันหน้า" ("วีรบุรุษพันหน้า" นี้หากมีโอกาสจะเอามาเล่าสู่กันฟัง) มาอ้างด้วยว่างานของตนไม่ได้ลอก เเต่เป็นเพียงการเอาคุณสมบัติของฮีโร่ที่มีในทุกวัฒนธรรมเเละตำนานปรัมปรามาเล่าต่างหาก ซึ่งนิยายเเละหนังมากมายก็ได้นำทฤษฐีนี้มาใช้
เเต่ข้อเเก้ตัวนี้ก็ฟังไม่ขึ้นนัก เพราะถึงThe Matrix,Star wars เเละอีกหลายเรื่องจะมีเเก่นคือ"วีรบุรุษพันหน้า" ทฤษฐีของเเคมป์เบลไม่ได้ระบุว่าตัวเอกต้องเป็นเด็กชาวไร่หรือเดินเรื่องตามพล็อตStar wars เเทบจะเป๊ะๆอย่าง Eragonสักนิด
นักเขียนไทยหลายคนเองก็อ้างตามอย่าง Christopher Paolini ทั้งที่ตนขโมยรายละเอียดปลีกย่อยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวของนักเขียนงานต้นฉบับ ไม่ใช่เเก่นหรือข้อความอันเป็นสากลมาใช้
ตั้งเเต่ชื่อตัวละคร คำพูดติดปาก หน้าตาท่าทาง หน่วยเงินตรา หรือฉากเเละเนื้อเรื่อง
ขอเพียงเคยดู Starwars มาก่อน Eragon ก็จะกลายเป็น Fan fiction ที่เกิดในโลกเเผนตาซีเท่านั้น
เมื่อความรับรู้ทางวรรณกรรมของผู้อื่านกว้างขึ้นเเล้ว ก็ลองตัดสินดูเอาเถิด ว่าเทียบกันเเล้ว กรณีEragonกับนักเขียนไทยหลายคนถือเป็นการลอกหรือไม่?
จริงๆหากมองชีวิตนักเขียนอายุสิบห้าผู้นี้ เราอาจไม่ควรกล่าวหาเขามากนักก็ได้ Christopher Paolini มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนเเละได้รับการผลักดันจากพ่อเเม่ถึงขั้นจ่ายเงินพิมพ์หนังสือให้ลูกในตอนเเรกๆจนได้สำนักพิมพ์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าชื่นชมเเละสรรเสริญมาก หาได้ยากที่พ่อเเม่จะสนับสนุนลูกให้มาในทางยากลำบากนี้
เเต่การทำเช่นนี้ถือเป็นการพ่อเเม่รังเเกฉันทางอ้อมหรือเปล่า? เพราะสำหรับนักอ่านรุ่นใหญ่ เด็กชายคนนี้จะมีจุดด่างพร้อยไปตลอดอาชีพงานเขียน ว่าลอกงานผู้อื่นเเม้จะไม่ตรงจนเป็นคดีความ เเต่งานต่อไปในอนาคตของเขา(เเม้จะดี)ก็จะถูกมองด้วยอคติเเละการจับผิด
เสียงชื่นชมเเละเเฟนคลับมากมายบ่มเพาะอีโก้ของเขาจนไม่มีโอกาสได้พัฒนาฝีมือมากอย่างที่โอกาสอำนวยให้
การได้เขียนงานเรื่องเเรกอายุน้อยเท่านี้ถือว่าได้เปรียบมาก กระทั่งทมยันตียังออกนิยายเรื่องเเรกได้ไม่เร็วเท่านี้ เเต่คำชื่นชมว่างานดีเเล้วกลับทำให้ไม่ได้ปรับปรุงฝีมืออะไร ผลคือEldestที่ตามมาก็ยังขโมยเนื้อหา The Empire strikes back อันเป็นตอนต่อของ A New Hope มาตามอีหรอบเดิม
ยังดีที่ตลาดงานภาษาอังกฤษใหญ่มากเเละมีนิยายคุณภาพออกมามากมายจนไม่ทำให้วงการโดยรวมด่างพร้อยง่ายๆเช่นเดียวกับไทย
จะดีกว่าไหมถ้า Christopher Paolini จะเขียน Fan fiction เเจกตามเนต ฝึกฝนฝีมือตนเอง ? จะดีกว่าไหมถ้าสำนักพิมพ์ไม่โลภมาก ปล่อยงานหวังเงินออกมาทำลายตลาดเเละนักเขียนรุ่นต่อไป? จะดีกว่าไหมถ้าคนเขียนไม่ปล่อยตัวตามอีโก้ เเละเคารพครูบาอาจารย์ด้วยการเป็นลูกศิษย์ที่ดี กลั่นเเรงบันดาลใจออกมาจนได้งานชิ้นเอกที่เป็น Original?
คนอ่านเองก็เช่นกัน ถ้ารักการอ่านก็ควรต้องรักวงการโดยรวม ต้องช่วยสอดส่องดูเเลเเละไม่เชิดชูนักเขียนคนใดเป็นฮีโร่จนลืมดูข้อผิดพลาด เพราะถ้าสุดท้ายเหลือเเต่งานจินตนาการตัดเเปะออกมามากๆ คนรุ่นหลังที่ต้องการอ่านผลงานของบรรพบุรุษ จะหยิบอะไรออกมาชื่นชมด้วยความภาคภูมิกัน?
สุดท้ายนี้คิดว่าคำตอบที่ผู้อ่านได้ในใจ คงช่วยนำทางการตัดสินใจอ่านเเละเขียนในอนาคตได้ขอรับ
ถ้าชอบ ขอฝากนิยายผมด้วยนะครับ http://my.dek-d.com/draconiz/story/view.php?id=280910 ขอบคุณทุกท่านที่อ่าน
จากคุณ :
The Repentant
- [
19 พ.ค. 50 10:17:24
]