ความคิดเห็นที่ 1 คุณ  NickyNick มาชวนคนเข้าวัดแต่ไม่เห็นมีใครตามเข้ามา ในฐานะนักธรรมตรี และคนชื่อคล้ายกัน จะเข้ามาคุยเรื่องวัดเรื่องวาด้วย แต่เรื่องศาสนานี่ ถ้าคุยไม่ดีแล้วมักจะตีกัน พันทิปเขาเลยจัดเวทีมวยราชดำเนินไว้ให้ที่ห้องศาสนาอย่างไรล่ะครับ เรื่องที่ผมจะคุย0tเอาเรื่องประวัติความเป็นมาของคริสตศาสนา  เพราะคริสตศาสนานี่ กินความหมายกว้างมาก แรกเริ่มเดิมที ก็มี Roman Catholic Church มีศูนย์กลางของศาสนจักรอยู่ที่กรุงโรม และ Eastern Orthodox Church  อยู่ที่ Constatinople ทั้งนี้เพราะ เดิมที Roman Empires  มีสองแห่ง คือ Western Roman Empire ศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม และ Eastern Roman Empire อยู่ที่กรุง Constantinople Eastern Orthodox Church อยู่ที่ กรุง Constantinople ต่อมากรุง Constatinople ถูกพวก Ottoman Empire ตีได้ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Istanbul คือเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน ต่อมาก็เกิดพวก protestant ขึ้นในยุโรปเหนือ คัดต้านไม่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของสันตปาปาที่กรุงโรม หลังจากนั้นพวกที่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสันตปาปาที่กรุงโรมก็แยกออกเป็นหลายนิกาย ใครอยากจะตั้งนิกายอะไรก็ได้ ไม่ว่ากัน นอกจากพวก protestant ดั้งเดิมแล้ว ก็มีพวก Mormon หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า สิทธิชนยุคสุดท้าย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Church of the Latter Day Saints  นิกายนี้เกิดที่อเมริกา จะเรียกว่านิกาย made in USA ก็ยังได้ จากคุณ : nickycharles - [ 21 พ.ค. 50 00:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่เกาหลีนี่คริสตศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก มีหลายนิกาย มีผู้นับถือมาก คนที่ไปเกาหลีมาเขาบอกว่ามีโบสถ์คริสต์ศาสนามากพอ ๆ กับร้านกาแฟ บางที่โบสถ์เขาก็เช่าห้องแถวเอาไว้สอนศาสนากันอยู่ตรงข้างถนนนั่นเอง แต่มีนิกายใหญ่มากนิกายหนึ่ง หัวหน้าเป็นคนเกาหลี ชื่อ Reverend Moon โบสถ์หรือนิกาย made in Korea แห่งนี้ มีสมาชิกมากที่สุดในโลก ที่ว่าสมาชิกนี่ หมายถึงตามปกตินี่แต่ละโบสถ์ก็มีสมาชิกเป็นคนในละแวกไกล้เคียง แต่โบสถ์ของ  Reverend Moon นี่แกมีสมาชิกทั่วโลกเลย ที่อเมริกาก็มีสมาขิกแยะ ร่ำรวยมาก แกเคยมีปัญหากับสรรพากรสหรัฐเกี่ยวกับเรื่องภาษีเงินได้ ที่เมืองไทยก็มาสอนศาสนาเหมือนกันที่เชียงใหม่และทางเหนือ ลืมบอกไปว่า หลวงพ่อมูนนี่ แกตั้งชื่อนิกายของแกว่า Unification Church กิจกรรมของ Unification Church ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาคือจัดการสมรสหมู่  ไครอยากมีเมียมีผัวไปบอกแก แกก็จัดการแต่งงานหมู่ให้ ผู้ชายผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเคยพบหรือรู้จักกันมาก่อน มาเจอคู่ก็วันที่จะแต่งงาน พิธีแต่งงานหมู่นี่แกจัดทั่วโลก แกเคยมาเช่าหอประชุมสิริกิตจัดด้วย มีคนไปร่วมพิธีมากมาย คุณน้าแอ๊ด สมบัติ เมทะนี (ไม่ใช่แอ๊ดปากเกร็ดนะครับ) ยังไปร่วมทำพิธีแต่งงานกับภรรยาของแกเลย ไม่ใช่แต่งกับคนใหม่นะครับ แต่งกับคนเดิมที่เคยอยู่ด้วยกันมาจนลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองนี่แหละ จากคุณ : nickycharles - [ 21 พ.ค. 50 00:43:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ข่าวว่า หลวงพ่อมูนกะจะจัดพิธีสมรสหมู่ให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือจัดหลาย ๆ แห่งพร้อมกัน กะว่าจะจัดให้ได้เป็นล้านคู่เลย แล้วมีการถ่ายทอดทีวี โดยมีหลวงพ่อมูนกับภรรยาเป็นคนทำพิธีผ่านทางทีวี ใครอยากแต่งงานก็คอยฟังข่าวแล้วกัน ว่าเขาจะจัดเมื่อไหร่ หรือใครที่มีคู่อยู่แล้วจะมาแต่งงานกันอีกอย่างคุณสมบัติก็ย่อมได้ เอาละครับ เมื่อออกแขกโหมโรงมาแล้ว จะได้ค่อย ๆตอบปัญหาของคุณ NickyNick ไปทีละข้อ ตามแต่ความรู้ของนักธรรมตรีจะทำได้ งานนี้เป็นงานใหญ่ ต้องขอเวลาไหว้ครูก่อนพอสมควร ขืนพูดสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ค้นคว้าข้อมูลให้ดีจะเสียชื่อนักธรรมตรีหมด จากคุณ : nickycharles - [ 21 พ.ค. 50 00:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณรอบแรกก่อนครับ เพราะคงจะใช้คำนี้อีกหลายครั้งแน่ ไม่อยู่ซะ 3 วัน ไม่เห็นคนอื่นเข้ามาตอบ อาจแปลความหมายได้หลายอย่างเช่น - เป็นคำถามที่ง่ายเกินไป หรือเสาะหาได้ไม่ยาก - หรือถ้าจะตอบให้ดี ก็ซับซ้อนพอควรละมั้ง ความจริงจุดเริ่มต้นของความสนใจมีแค่อย่างเดียว คือ ความแตกต่างกันของ monk กับ priest  แต่จะถามแค่นี้ก็กลัวว่าจะน้อยไป ไม่สมกับภูมิรู้ของหลายท่านในนี้ จึงขยายความเพิ่มไปอีก พอตั้งกระทู้ออกไปแล้วจึงมานึกดูว่า ขอมากไปอ๊ะเปล่า การเกริ่นนำเรื่องนิกายศาสนาดังข้างบน ก็เป็นความรู้ให้กับผมซึ่งไม่มีโอกาสได้เรียนชั้นนักธรรมกับเขา  รวมถึงเรื่องน่ารู้ของศาสนาคริสต์ในเกาหลีใต้ด้วย ไม่เคยรู้จริงๆ ครับ แต่เรื่องเมืองหลวงของตุรกีขณะนี้รู้สึกว่าจะเป็น อังการ่า (Ankara) แล้วนะครับท่าน กรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือกรุงอิสตันบูล ที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่านริมช่องแคบบอสพอรรัส ตรงทะเลจิ๋วมาร์มะราต่อกับทะเลดำอันใหญ่โต กลายเป็นเมืองหลวงเก่าซะแล้ว  แต่ก็ยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของตุรกีอยู่ดี  ฟังเขาเล่ามานะครับ ไม่เคยไปหรอก มารอรับชมไหว้ครูบทต่อไปครับ จากคุณ : NickyNick - [ 22 พ.ค. 50 08:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับที่เตือนมาเรื่องกรุงอิสตันบุล เดี๋ยวนี้ไม่ไช่เมืองหลวงของตุรกีแล้ว เป็นอดีตเมืองหลวง เมืองหลวงของตุรกีปัจจุบันคือกรุงแองการา โปรดทราบโดยทั่วกันด้วย ไครเห็นอะไรผิดพลาดที่ไหนก็ช่วยกรุณาทักท้วงมาด้วย ที่ออกแขกไหว้ครูมาเสียยืดยาว จุดประสงค์ก็เพื่ออยากจะบอกว่า การที่พูดเหวี่ยงแหว่า ศาสนาคริสต์ ก็เหมือนพูดว่ายา antibiotic มันเป็นการเหวี่ยงแหรวมกันไป ตอนนี้ขอสรุปว่า ศาสนาคริสต์ หรือ christianity นั้นแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่ม และแต่ละกลุ่มยังมีแยกซอยออกไปอีกเยอะแยะแบบยา antibiotic ที่มีหลายสายตระกูลนั่นแหละ 1. Roman Catholic Church เห็นขื่อ  Roman ก็ต้องรู้แล้วว่า อยู่ที่กรุงโรม  เป็นของดั้งเดิม ภายหลังจึงแยกออกเป็น 2 และ 3 ข้างล่าง หลังจากที่กรุงโรมเสียให้แก่พวกอนารยชน barbarian ไปแล้ว ปรากฎว่าพวกอนารยชนที่นับสือผีสางนางไม้ ต่างหันมานับถือศาสนาคริสต์แบบ Roman Catholic ยุโรปตะวันตกทั้งหมดจึงได้นับถือคริสตศานานิกาย Roman Catholic จนถึงการแตกออกเป็นนิกาย  Protestant  ในข้อ 3 ข้างล่าง จากคุณ : nickycharles - [ 22 พ.ค. 50 15:27:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 2. Eastern Orthodox Church เกิดจาก อาณาจักรโรมันแบ่งตัวออกเป็นอาณาจักรโรมันตะวันออก และ ตะวันตก เพราะว่าอาณาจักรใหญ่เกินไป ปกครองดูแลและป้องกันศัตรูไม่ทั่วถึง ตอนแยกกันใหม่ ๆ ข้อวัตรปฏิบัติ ขนบธรรมเนียมปฏิบัติและความเชื่อ ก็เหมือนกับ Roman Catholic แต่หลังจากที่แยกตัวเป็นเอกเทศต่างคนต่างอยู่นานหลายร้อยปีเข้า ตวามเชื่อการตีความในพระคำภีร์ ก็แตกต่างกันมากเข้าจนมองหน้ากันไม่ติด ประมุขของสองนิกายขาดการติดต่อไม่พบปะเจรจากันเป็นเวลาหลายร้อยปี เพิ่งมีสันตปาปาPope Benedict XVIองค์ปัจจุบันที่ไปเยือนประมุขของ Eastern Orthodox Church ที่กรุง Istanbul หรือ Constantinople เดิม หลังจากเสียกรุง Constantinople ให้กับ Ottoman Empire ซึ่งเป็นมุสลิมแล้ว ก็แยกย้ายกันไปอยู่หลายแห่ง โปรดสังเกตชื่อ Eastern เอาไว้ด้วยว่า จะอยู่แถวทางตะวันออกของยุโรป นับตั้งแต่ กรีก เรื่อยไปจนถึงรัสเซีย โบสถ็ชองนิกายนี้สังเกตเห็นได้ง่ายคือมีหลังคาเป็นโดมกลมปลายแหลมเหมือนหัวหอมฝรั่ง แบบหลังคาวังเครมลิน จากคุณ : nickycharles - [ 22 พ.ค. 50 15:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การที่เสียจักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือเสียกรุง Constantinople และเสียดินแดนอัสศีกดิ์สิทธิ The Holy Land คือกรุงเยล฿ซาเล็ม ให้กับพวกมุสลิม จึงเป็นเหตุให้เกิดสงครามซึ่งทางฝ่ายคริสเตียนเรียกว่าสงครามครูเสด เป็นสงครามทางศาสนาระหว่าง คริสเตียนกับมุสลิม คำว่าครูเสด crusade ก็คือ cross หรือไม้กางเขน หมายถึงคริสต์ศาสนา ธงชัยนำทัพของฝ่ายคริสเตียนหรือเกราะและโล่ของอัศวินจะมีรูปกางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสำคัญ ทางฝ่ายมุสลิมคงไม่เรียกว่าสงครามครูเสด เครื่องหมายของมุสลิมคือเดือนเสี้ยงกับดาว มุสลิมจะเรียกสงครามนั้นว่าอะไรไม่ทราบ ใครทราบช่วยบอกด้วย สงครามครูเสดที่ว่าจบลงไปแล้วที่จริงก็ยังไม่จบ สงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็เกิดที่คาบสมุทร์บอลข่านซึ่งมีคริสเตียนและมุสลิมปะปนกันอยู่ สงครามกลางเมืองการสู้รบหลังการล่มสลายของยูโกสลาวียก็เกิดแถวนั้นเป็นการสู้รบระหว่างคริสเตียนกับมุสลิม การโจมตีตึกเวิร์ลดเทรดที่นิวยอร์ค ด้วยเครื่องบินโดยสาร การก่อการร้ายทั่วโลก  แม้แต่สงครามในอีรัคในปัจจุบันก็เป็นภาคต่อเนื่องของสงครามครูเสดทั้งสิ้น แต่อาวุธและวิธีการรบได้เปลี่ยนไปเท่านั้น จากคุณ : nickycharles - [ 22 พ.ค. 50 15:39:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 3. Protestant ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นพวกที่ประท้วง protest เรื่องนี้แม้แต่ฝรั่งหลายคนก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เรียก Protestant สักแต่เรียกตาม ๆ กันมา ที่ว่าประท้วงก็คือประท้วงไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสันตปาปา Pope ที่กรุงโรม พวกคาธอลิคจะเรียกพวกนี้ว่าพวกขบถ พวก Protestant นี่หลังจากแยกตัวเองไมยอมขึ้นกัลสันตปาปาแล้ว ก็แตกแขนงออกมาอีกมากมาย ในจำนวนนิกายต่าง ๆ ที่แยกตัวจาก  Roman Catholic Church ที่น่าสนใจคือ Church of England หรือ Anglican Church ที่แยกออกมาโดยพระเจ้าเฮนรี่ ที่ แปดของอังกฤษ พระองค์ทรงขัดพระทัยกับสันตปาปาที่กรุงโรมเพราะพระสันตปาปาไม่ยอมอนุมัติให้พระองค์ทรงหย่าจากพระมเหษีเพื่อสมรสใหม่ ที่จริงก็มีวิธีอื่นที่พระองค์เคยทำคือ เอาขวานกุดหัวพระมเหษีเสียที่ Tower of London ก็ทำได้อยู่แล้ว จากคุณ : nickycharles - [ 22 พ.ค. 50 15:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 <<<มือไวไปหน่อย ส่งสองที ซ้ำกับข้างบนจ๊ะ เลยลบออกเสียอันหนึ่ง โปรดทราบด้วย ไม่ได้ถูกเซ็นเซอร์หรอก>>> แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 50 22:27:42 จากคุณ : nickycharles - [ 22 พ.ค. 50 15:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พระเจ้าเฮนรี่ที่แปดก็เลยประกาศไม่ขึ้นกับสันตปาปาที่กรุงโรม แล้วตั้งพระองค์และกษัตริย์ของอังกฤษต่อ ๆ มาให้เป็นประมุขของนิกาย Church of England ขนบธรรมเนียมตลอดจนการเรียกตำแหน่งนักบาช ของChurch of England ก็ไกล้เคียงกับของ Roman Catholic Church หลังจากอ่านคำนำพอเป็นแนวทางย่อ ๆ แล้ว จะเอาลิ้งค์ต่าง ๆ มาให้อ่านรายละเอียดต่อไป ก็จะได้ทราบคำตอบของคำถามได้หมด แล้วยังได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เพิ่มเติมอีกมาก รับรองว่าสนุก แต่ต้องขอเตือนไว้สักหน่อยว่า จะพบศัพท์ในทางศาสนาที่มาจากภาษาลาตินมากมาย ต้องค่อย ๆ อ่านใจเย็น ๆ ถ้ามีเวลาว่างก็ไปค้นหาเรื่องสงครามครูเสดจากอินเทอร์เนทเอามาอ่านด้วย แล้วอย่าลืมเรื่องพระเจ้าอาเธอร์กับอัศวินโต๊ะกลม ริชาร์ดใจสิงห์ เมื่ออ่านเรื่องเหล่านี้แล้วจะเข้าใจวรรณคดีของอังกฤษ อ่านภาษาอังกฤษเข้าใจขึ้นอีกมาก จากคุณ : nickycharles - [ 22 พ.ค. 50 15:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วู้ๆ ได้ความรู้มากมายเลย จากคุณ : KeepTryin' - [ 22 พ.ค. 50 22:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สนุกดีครับ ป.ล. เสริมคำลาตินมาก็ดีนะครับ จากคุณ : FxxkNoEvil - [ 22 พ.ค. 50 22:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาอ่านต่ออย่างเงียบกริบ และเจียมตัวครับ น่าสนใจมาก จะมาขอรับความรู้เสริมทุกเช้าเลยครับ จากคุณ : NickyNick - [ 23 พ.ค. 50 08:46:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มารออ่านด้วยคนค่ะ .....ขอบคุณนะค๊ะ จากคุณ : OJ (Rashel 9620) - [ 23 พ.ค. 50 21:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ FxxkNoEvil ชวนคุยเรื่องภาษาลาติน ได้เลยครับ มีคนมาชวนคุยอย่างนี้ชอบ เป็นการ interactive หรือภาษาแขกที่แปลงสัญชาติเป็นไทยไปแล้วเรียกว่า ปฏิสัมพันธ์ ภาษาลาตินถือเป็นภาษาทางการของคริสต์ศาสนา Roman Catholic พระคำภีร์ไบเบิลมีเป็นภาษาลาติน พวกพระระดับบิ๊ก ๆ ท่านก็พูดภาษาลาตินกัน สมัยก่อนการเทศนาสั่งสอนสัปปุรุษก็เป็นภาษาลาติน เดี๋ยวนี้คงจะมีคนฟังรู้เรื่องเพียงไม่กี่คนคงจะเลิกไปแล้ว นอกจากตอนที่พระสันตปาปาท่านจะให้พรสั้น ๆ เนื่องในโอกาสสำคัญ ท่านคงใช้ภาษาลสตินเพราะฟังแล้วขลังดี เหมือนพระไทยให้พร ภะวะตุสัพพะม้งคะลัง ... พระที่ศึกษาภาษาลาตินชักจะน้อยจำนวนลง   ภาษาลาตินก็เหมือนภาษาบาลีในพุทธศาสนา พระเปรียญ 9 ประโยคของไทย เวลาเจอกับพระระดับเปรียญ 9 ประโยคของลังกาและพม่าท่านก็พูดภาษาบาลีกันเฉยเลย แต่ถ้าเจอพระลาว พระเขมรท่านพูดภาษาไทย เพราะส่วนใหญ่พระลาวและเขมรเดิม ก่อนที่จะเป็นคอมมูนิสต์ ท่านมาศึกษาบาลีในเมืองไทย เพราะฉะนั้นท่านพูดไทยเก่ง จากคุณ : nickycharles - [ 23 พ.ค. 50 21:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ที่พูดค้างไว้ตอนต้นว่า พระคำภีร์ไบเบิลของคริสต์ศาสนา Roman Catholicเป็นภาษาลาติน แบ่งออกเป็น  พระคำภีร์เก่าThe Old Testamant  กับพระคำภีร์ใหม่ The New Testament เรื่องราวในพระคำภีร์เก่าเป็นความเชื่อของคนยิวบันทึกสืบต่อกันมา เป็นเรื่องราวตั้งแต่สมัยพระเจ้าสร้างโลกและสร้างมนุษย์คู่แรกขึ้นมาคืออาดัมกับอีวา  ตอนแรกท่านสร้างอาดัมขึ้นมาก่อนโดยใช้ว้ตถุดิบที่หาได้ง่ายไม่มีราคาคือดินเหนียว ต่อมาพระเจ้าทรงสงสารอาดัมที่อยู่คนเดียวคงจะเหงาเลยสร้างมนุษย์ผู้หญิงให้มาเป็นเพื่อนคืออีวา ตอนที่สร้างอีว่า พระองค์ทรงใช้วัตถุดิบที่ดีกว่าดินเหนียวมากคือใช้ organic material ซึ่งก็คือกระดูกซี่โครงของอาดัม อาจจะเป็นเพราะตอนสร้างผู้หญิงพระเจ้าใช้วัตถุดิบที่ดีกว่า ผู้หญิงก็เลยสวยกว่าผู้ชาย ผู้หญิงเป็นผลิตภัณท์รุ่นใหม่กว่าก็เลยมีส่วนโค้งส่วนเว้าสวยกว่าผู้ชาย เหมือนกับรถยนตร์รุ่นใหม่มีส่วนโค้งส่วนเว้า ไฟหน้าโต กันชนหน้าหลังใหญ่ ย่อมสวยกว่ารถรุ่นเก่าเป็นธรรมดา จากคุณ : nickycharles - [ 23 พ.ค. 50 21:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุยเข้าใจง่ายดีครับ ช่วงนี้ขออ่านอย่างเดียว ยังไม่กล้ามีปฏิสัมพันธ์ครับ จากคุณ : NickyNick - [ 24 พ.ค. 50 08:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กลับไปถึง Old Testament เลยหรือครับ? ไม่ย้อนไกลไปนิดเหรอครับ ป.ล. จริงๆ ผมอยากเสริมตรงนี้นะแต่กลัวจะหลุดไปไกล จากคุณ : FxxkNoEvil - [ 24 พ.ค. 50 10:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรียนคุณ NickyNick   ตอนนี้ผมกำลังคิดจะแปลหนังสือ mystery อยู่เล่มหนึ่ง ที่เขียนตอบกระทู้นี่ถือเป็นการซ้อมมือ หลักการของเรื่อง mystery สมัยใหม่เป็นการเล่าเรื่อง ให้เข้าใจง่าย ๆ ไม่ใช้ศัพท์แสงและใช้สำนวนการเขียนที่ยาก ผิดกับนักเขียนนิยาย mystery รุ่นเก่า อย่างคุญยาย Agatha Christie ที่คนอ่านจะต้องพิจารณาทุกคำพูด ทุกประโยคเพื่อหา clue ของเรื่อง ทำให้อ่านเรื่องได้ช้าเพราะต้องคอยระวังคิดตาม ตีความหมายของภาษา แต่ก็เหมาะกับ life style ของคนรุ่นเก่าซึ่งมีเวลามาก   นักเขียนรุ่นใหม่พยายามใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย คนอ่านก็อ่านได้ง่าย เรื่องดำเนินเร็ว แต่เคล็ดลับของเรื่อง mysteryคือใช้ plot ของเรื่องซ่อนความเป็น mystery เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ระหว่างที่เล่าเรื่องก็จะให้ clue ออกมาด้วยเป็นระยะโดยที่คนอ่านไม่สงสัย แต่ถ้าปล่อย clue ออกไปมาก จนคนอ่านทายเรื่องตอนจบถูกก็ไม่ใช่เรื่อง mystery ที่ดี ป.ล. ขอต้อนรับคุณ  OJ (Rashel 9620) มาเข้าแฟนคลับด้วย ถ้ามีอะไรอยากปฏิสัมพันธ์ก็เชิญเขียนเข้ามาเลย อาจจะได้ sub plot ดี ๆ เขียนต่อไปอีกได้ จากคุณ : nickycharles - [ 24 พ.ค. 50 12:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่อง mystery ก็เหมือนกับระบำโป๊ ถ้าเปิดฉากเพลงขึ้นก็เปิดเผยมาหมดอย่างนี้ถือว่าเป็นระบำโป๊ที่ไม่ดี ไม่มีศิลป์ เผลอ ๆจะถูกตำรวจจับข้อหาอนาจาร   ระบำโป๊ที่ดีก็ต้องค่อย ๆ เปลื้องไปทีละชิ้น เปิดเผยไปทีละเล๊กทีละน้อย บางชิ้นตั้งใจจะให้เปลื้องยาก ยังลงมาจากเวทีให้คนดูช่วยแกะให้ก็มี ถือเป็นการ interactive สร้างอารมณ์ร่วม ให้คนดูมีส่วน participateด้วย ค่อย ๆ เปิดไปทีละชิ้นจนเปิดหมดเอาตอนจบ แต่ก็มีระบำโป๊บางเรื่องที่พลอตเรื่องไป  twist เอาตอนสุดท้าย คือเปิดออกมาแล้วคนดูก็คิดว่าจะได้เห็นอะไรที่อยากเห็น แต่กลับกลายเป็นผู้ชายไปก็มี อย่างนี้ค้องอาศัยความเก่งของผู้แสดง หลอกคนดูให้เชื่อว่าเป็นผู้หญิงมาโดยตลอด แล้วไปหักมุมเอาตอนหลังสุด เรื่องของ Dan Brown คนเขียนเรื่อง Davinci Code เนื้อเรื่องดำเนินเร็ว พลอตเรื่องดี ซ่อนความเป็น mystery เอาไว้อย่างมิดชิด ไปเปิดเผยในตอนท้าย แต่พออ่านไปมาก ๆ เกิดไปจับไต๋ได้ว่า เรื่องของ  Dan Brown  ถ้าตัวละครคนไหนบรรยายเอาไว้ให้เข้าใจว่าเป็นคนดี  ยิ่งดีมาก ๆ อย่างชนิดที่เรียกว่า Too good to be true ก็มักจะเดาได้ก่อนเลยว่า นั่นแหละคือผู้ร้ายตัวจริง พอเดาได้ก็เลยอ่านไม่สนุกเพราะจิตไม่ว่าง คอยไปจับผิดตัวละครที่ตามท้องเรื่องบรรยายไว้ว่าเป็นคนดี แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 50 13:06:44 จากคุณ : nickycharles - [ 24 พ.ค. 50 13:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อันนี้ผิดกับนิยายน้ำเน่าของไทย นางเอกต้องเป็นคนดีอยู่แล้ว รักษาความดีเอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องมิไยที่จะถูกกลั่นแกล้งสารพัด จนคนดูน้ำตาไหลด้วยความสงสารจนเกือบจะท่วมจอทีวี   ส่วนนางอิจฉาก็รักษาความร้ายตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง คนที่เปลี่ยนคือพระเอก ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนปัญญาอ่อนไม่ค่อยเห็นความดีของนางเอก แล้วแถมเป็นผู้ชายเลี้ยงไม่โตอยู่ใต้อำนาจของแม่ คือแม่ผ้วในเรื่อง ที่อยากจะให้พระเอกเลิกกับนางเอกมาแต่งงานกับนางอิจฉาซึ่งเป็นเด็กในคาถาของแม่ผ้ว ตอนจบของนิยายน้ำเน่า ก็ต้องเดาออกอยู่แล้วว่าต้องแฮปปี้เอ็นดิ้ง  คือแม่ผ้วเกิดมีองค์อะไรมาเข้าก็ไม่ทราบ เกิดไปรู้ความเลวร้ายของนางอิจฉา แล้วที่สำคัญเกิดไปรู้มาว่าท่านเจ้าคุณอะไรที่เป็นลุงของนางเอก เสียชีวิตไปโดยไม่มีทายาท สมบัติมหาศาลก็ตกมาอยู่กับนางเอก แม่ผัวก็เลยเปลี่ยนใจมารักนางเอก แล้วเฉดหัวนางอิจฉาออกไปจากชีวิตของพระเอกกับนางเอก พล๊อดเรื่อง่าย แต่ไปเขียนออกมาได้หลายเรื่อง คนดูก็ชอบ สปอนเซอร์ก็ชอบเพราะคนดูชอบ ผู้สร้างก็ชอบ เพราะทำง่าย ตกลงเรื่องแบบนี้มีแต่ได้กับได้ไม่มีใครขาดทุน จากคุณ : nickycharles - [ 24 พ.ค. 50 13:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอปฎิสัมพันธ์กับเจ้าของกระทู้หน่อย ที่จริงกระทู้ของคุณ Nicky Nick <<ลำดับชั้นของพระในศาสนาคริสต์ เช่น Monk - Priest - Bishop >> ถ้าจะตอบง่าย ๆ ก็ตอบโพสท์เดียวจบไปตั้งนานแล้ว นี่ตั้งใจจะเขียนแบบเรื่อง mysteryเขียนมาตั้งนานเพิ่ง เข้าเรื่องศาสนาคริสต์ แล้วออกลูกไปเป็น Old Testament และ New Testament ยังไม่มีพระโผล่ออกมาเลยสักรูป  แถมยังมี sub plot เรื่องภาษาลาตินเข้ามาขั้นไว้อีก แค่ sub plot ก็คงจะเขียนได้อีกยาวหลายตอน เพราะภาษาลาตินเป็นเรื่องน่าสนใจ ที่คุณ Nicky Nick ปฏิสัมพันธ์มาว่า  "คุยเข้าใจง่ายดีครับ" อันนี้มีประโยชน์มาก ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่ง ตรงกับความประสงค์อยู่แล้วที่จะเขียนให้เป็นเรื่องเบาสมองเหมือนกับคุยกันเองระหว่างเพื่อนฝูง  อ่านเข้าใจง่าย ไม่ต้องปีนต้นตาลอ่านแบบเรื่องปรัชญา จากคุณ : nickycharles - [ 24 พ.ค. 50 13:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มามุงๆด้วยคน ผมเคยคุยกับเพื่อนมอรมอน เขาบอกว่า นิกายของเขาก็คือโปรเตสแตนท์พวกหนึ่งนั่นแหละ คิดว่าโปรเตสแตนท์คือคำเรียกรวมๆของนิกายที่ไม่ขึ้น (หรือประท้วง protest) กับระบบศาสนจักรโรมันคาทอลิก หรือออทอดอร์ก น่ะครับ อย่างนี้เชิร์ชออฟอิงแลนด์ก็น่าจะเป็นโปรเตสแตนท์เหมือนกัน จากคุณ : เชษฐา - [ 24 พ.ค. 50 13:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอแลกเปลียนประเด็นเรื่องงานปรัชญาครับ จริงๆ ผมคิดว่างานปรัชญาตะวันตกจำนวนมากจริงๆ มันอ่านไม่ยากนะครับ ถ้าเรามีพื้นฐานดีๆ แล้วพื้นฐานดังกล่าวนั้นคืออะไร? ผมว่าส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือพื้นฐานทางด้านปรัชญา งานปรัชญานั้นถูกเขียนขึ้นมาในไลน์แบบงานปรัชญา มีบทสนทนากับงานปรัชญาด้วยกัน ถ้าคุณไม่เคยอ่านงานที่เขากำลังคุยด้วยคุณก็อาจไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ พื้นฐานทางบริบทวัฒนธรรมที่รายล้อมงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสังคม, ค่านิยม, วรรณกรรม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นความเข้าใจพื้นฐานที่ปกติผู้อ่านต้องมีเพื่อจะเข้าใจงานอย่างเหมาะสม ในบางกรณีงานวรรณกรรมเป็นคู่สนทนาที่สำคัญด้วยซ้ำของปรัชญาตะวันตก ซึ่งก็ทำให้ผมต้องมานั่งอ่านงาน Classic อยู่ นอกจากนี้แล้ววัฒนธรรมที่สำคัญมากๆ ที่เป็นรากฐานก็คือ Judeo-Christian และ Greek โบราณ โดยส่วนตัวผมเลือกที่จะศึกษาอันแรก (เนื่องด้วยนักคิดที่ผมชื่นชอบหลายๆ คนนั้น เองเอียงไปในฐานแบบแรกมากกว่าแบบหลัง) สิ่งที่ผมพบได้เลยหลังจากอ่าน Torah และ New Testament จบ ก็คือ ผมมีความเข้าใจใน Sentiment หลายๆ อย่างในงานปรัชญาขึ้นมาอย่างชัดเจน ผมเข้าใจเลยว่าทำไมหลายๆ อย่างที่ผมไม่เคยเห็นว่ามันเป็นประเด็น มันถึงเป็นประเด็น นอกจากนี้ผมก็เจ้าใจ Biblilical References ต่างๆ ใน Pop Culture อีกมากมาย ตอนนี้งานปรัชญาที่อิงกับคริสเตียนจำนวนมากเลยอยู่ใน Reading List ของผม นอกจากนี้แล้วผมยังอยากจะศึกษาวัฒนธรรมยิวเป็นอย่างมากอีกด้วย ป.ล. จริงๆ มันก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้นะครับ แต่เห็นประเด็นมันไหลไปแล้ว ก็เลยไหลมาด้วย จากคุณ : FxxkNoEvil - [ 24 พ.ค. 50 14:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอปฏิสัมพันธ์กับคุณ FxxkNoEvil  ความคิดเห็นที่ 18 สักหน่อย ที่จริง  Old Testament  กับ  New Testament เนื้อเรื่องมันติดต่อกัน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ จะพูดถึงแล้วก็พูดเสียทั้งสองเลย นี่ยังดีนะ ไม่ไปเอาคำภีร์ Torah ของยิวมาร่วมด้วย ความเชื่อใน Old Testament เป็นความเชื่อคล้าย ๆ กันของสามศาสนาใหญ่ของโลกคือ ศาสนายูดายของยิว ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามนี่คนมักจะเข้าใจผิด รวมทั้งผมด้วย บางทีเผลอไปเรียกว่าศาสนามุสลิม ที่ถูกคือศาสนาอิสลามนะครับ ศาสนิกชนผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามคือมุสลิม ความข้องเกี่ยวระหว่างพระคำภีร์เก่าและพระคำภีร์ใหม่ ที่ถือเป็นข้อใหญ่ใจความของความเชื่อของคริสตศาสนิกชนคาธอลิคก็คือ ความเชื่อในบาปกำเนิด หรือ birth sin หรือ original sin ที่ทุกคนมีติดต้วมา เพราะต้นตระกูลมนุษย์คืออาดัมกับอีวา ขัดโองการของพระผู้เป็นเจ้า ไปกินผลไม้หวงห้ามในสวนสวรรค์อีเด็นเข้า จากคุณ : nickycharles - [ 24 พ.ค. 50 14:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความเชื่ออีกข้อหนึ่งจากพระคำภีร์เก่าคือพระผู้เป็นเจ้าจะส่งพระบุตรของพระองค์มาช่วยถ่ายบาปมนุษย์  ซึ่งคริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าคือพระเยซู แต่ศาสนาอิสลามเชื่อว่าพระนบีมูฮัมหมัด คือผู้ที่พระองค์ส่งมาเพื่อสั่งสอนมนุษย์ให้ดำเนินชีวิตตามโองการของพระองค์ ยังมีคนยิวอีกบางกลุ่มไม่เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะสร้างรัฐยิวคือประเทศอิสราเอลขึ้น พวกนี้ถึงแม้อาศัยอยู่ในอิสราเอลก็ไม่ยอมรับนับถือความเป็นประเทศของอิสราเอล บอกว่ายังไม่ถึงเวลา ผิดความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า แถมตอนเวลาพวกมุสลิมไปประชุมไม่ยอมรับประเทศอิสราเอลที่อิหร่านก็ไปประชุมกับเขาด้วยเฉยเลย นี่คือความเชื่อถือของคน เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตามใจ เพียงแต่รู้เอาไว้ว่าคนอื่นเขาเชื่ออะไร ก็พอแล้ว อย่าไปคัดค้านเข้าเดี๋ยวจะมีเรื่อง ว่าแต่คุณ FxxkNoEvil แขวนจตุคามหรือเปล่า ล่ะ ถ้ามีหลายองค์ก็ไม่ต้องเอามาแบ่งผมหรอก แต่ถ้าอยากจะแบ่งให้จริง ๆ ก็ช่วยเลี่ยมทองมาสักสามบาทด้วย จากคุณ : nickycharles - [ 24 พ.ค. 50 14:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คือ ผมไม่แน่ใจนะครับว่าข้อความของผมมันเข้าไปเชื่อมดโยกับจตุคามได้อย่างไร แต่ผมไม่ได้ห้อยนะครับ ผมไม่ค่อยแต่ใจนะครับว่าคุณเห็นอะไรที่มีปัญหาในข้อความของผม แต่สิ่งที่ผมแลกเปลี่ยนก็คือ ปัญหาในการอ่านงานปรัชญาตะวันตกของคนไทย (และคนที่ไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมตะวันตก) และอีกข้อที่ผมแลกเปลี่ยนคือประโยชน์ในการอ่าน Bible ในการเข้าใจปรัชญาตะวันตก ผมไม่เห็นข้อความของผมตรงไหนมีปัญหาและมีนัยยะในการคุกคามเลย ผมตระหนักดีว่าประเด็นหลายๆ ประเด็นผมไม่ควรจะแตะถ้าผมไม่อยากมีปัญหา ผมคิดว่าผมรู้ limit ในการพูดถึงสิ่งพวกนี้ในบริบทหนึ่งๆ แต่เท่าที่ผมเขียนไปผมคิดว่าไม่มีอะไรน่าจะมีปัญหา ผมจึงไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณไม่พอใจอะไรในข้อความของผม (อย่างน้อยๆ ผมก็คิดว่าข้อความของคุณค่อนข้าง Offensive กับผมนะ ผมจึงคิดว่าคุณต้องไม่พอใจอะไรบางอย่าง) ป.ล. เท่าที่ผมทราบ Torah คือ 5 Book แรกของ Old Testament ครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดยิวจะเรียกสิ่งที่คริสเตียนเรียกว่า Old Testament ว่า Tanakh และจะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ Torah, Nevi'im และ Ketuvim จากคุณ : FxxkNoEvil - [ 24 พ.ค. 50 18:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ ผมคิดว่า ย่อหน้ารองสุดท้ายของข้อความที่ 26 คุณกำลังวิจารณ์ผม เพราะ ย่อหน้าสุดท้ายคุณเขียนข้อความที่มุ่งมาที่ผมตรงๆ ซึ่งผมไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่เราๆ พูดกันอยู่ ณ ที่นี้อย่างไร ให้ตรงกว่านั้นอีกคือผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องกวนผมด้วย ผมกลับไปอ่านข้อความผม ผมก็ไม่พบว่าอะไรน่าจะมีปัญหา ผมก็เลยสงสัยว่าคุณไม่พอใจอะไร หรือ ถ้าเกิดคุณโยงข้อความของผมให้ไปเข้ากับจตุคามได้ด้วยวิธีคิดอะไรบางอย่างก็ช่วยบอกผมด้วย เพราะ ผมไม่เข้าใจ จากคุณ : FxxkNoEvil - [ 24 พ.ค. 50 18:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เอ่อ... ผมว่าเข้าใจผิดมั้งครับ ^^""""" จากคุณ : เชษฐา - [ 24 พ.ค. 50 20:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอ่อ... คือว่า กำลังงง...... จากลำดับชั้นพระในศาสนาคริสต์ทำไมเป็นเรื่องที่ไกลออกไปเรื่องๆ ได้ล่ะจ๊ะ จากคุณ : NoxNoctis - [ 24 พ.ค. 50 23:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมชอบอ่านครับ แรกๆ ที่ตั้งขึ้นมาก็ไม่มั่นใจว่าจะได้รับความรู้ท่วมท้นขนาดนี้ มารีเฟรชอ่านทุกเช้าครับ และอ่านเฉพาะความรู้ที่ได้รับเพิ่มเติมอย่างมีความสุข จากของทุกๆ ท่าน แล้วก็ยินดีที่จะอ่านต่ออีกเรื่อยๆ ความจริงก็อยากจะมีปฏิสัมพันธ์ที่มากกว่านี้ แต่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถนัด จึงขอเป็นผู้อ่านไปพลางๆ ส่วนบางเรื่องที่เสริมเข้ามา ตรงนู้นนิ้ดดด ตรงนี้หน่อยยยย  คงเป็นการเสริมบรรยากาศ  ถ้าปฏิสัมพันธ์กับผมโดยตรง ผมรับได้ครับ และไม่เคืองเลยแม้แต่นิด  ขอเรียนอย่างคนที่ผ่านโลกมาอย่างไม่โชกโชนว่า  น่าจะเป็นความเข้าใจผิดมากกว่าครับ จากคุณ : NickyNick - [ 25 พ.ค. 50 08:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เท่าที่ผมรู้นะครับ monk-นี่ก็แนวๆพระพวกฤาษีนี่แหละ ประเภทถือความสันโดษและเรียบง่าย มักจะบำเพ็ญภาวนาตามป่าครับ เน้นการสวดภาวนาและถือความสงบเป็นหลักครับ ไม่เน้นเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ศัพท์นี่ใช้เรียกหมายถึงพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาด้วยครับ priest-บาทหลวงที่เราเห็นๆกัน วัตรปฏิบัติจะยืดหยุ่นกว่า ไม่เคร่งครัดเท่าพวก monk หน่อยครับ เน้นเป็นผู้นำในพิธีกรรมทางศาสนามากกว่าการสวดภาวนา ถือสันโดษครับ bishop-ผู้ปกครองสังฆมณฑลครับ หมายถึงประมาณว่า คล้ายๆผู้บัญชาการภาคของตำรวจหรือแม่ทัพภาคของทหาร(น่าจะเทียบเท่าตำแหน่งเจ้าคณะหรือพระราชาคณะของพระพุทธศาสนานี่แหละครับ)เพียงแต่เป็นพระเท่านั้นแหละ จากคุณ : สนิมเหล็ก - [ 25 พ.ค. 50 21:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 1. ศาสนาคริสตร์คือ ศาสนายิว ที่พัฒนาการทางความเชื่อมาตาม Bible 2. พระในศาสนาคริสตร์ จึงมีมรดกหลายอย่างมาจากยิว เช่น ผ้าคุลม หมวก คทา 3. การเรียงลำดับเรียงจาก Monk (คนที่ถวายตัวในงานรับใช้ในโบสถ์) Priest (คนที่มีสิทธิอำนาจเต็มในโบสถ์นั้น หรือเจ้าอาวาสนั่นเอง) Bishop (เจ้าคณะ จังหวัด  หรือประเทศ มาจาก Priest) ในอังกฤษ King รหือ  Queen มีอำนาจมากกว่าพระ 4. พระคัมภีร์ Bible 5 เล่มแรก เป็นเล่มที่ใช้ร่วมกันกับ ยิว คริสต์ อิสลาม อิสลาม และยิวเชื่อเรื่องผู้ที่จะกลับมาในวันสุดท้ายเพื่อพิพากษามนุษย์เหมือนกันกับคริสต์ ต่างกันตรงที่ว่าคริสต์เชื่อว่ามาแล้วรอบหนึ่ง(พระเยซู) อิสลามกับยิวรออยู่ (นบีอีซา ก็คือพระเยซู แต่ออกเสียงต่างกัน) จากคุณ : tanoy_delphi - [ 27 พ.ค. 50 03:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องนิกาย 1. ความเชื่อเรื่อง พระเยซูเป็นพระเจ้า และ พระเจ้ามีองค์เดียว แต่แสดงองค์ในสามพระภาค คือ พระเจ้าพระบิดา พระผู้สร้าง พระเจ้าพระบุตร พระผู้ไถ่ พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ (Holy Spirit แปลอย่างนี้มั้ง) พระผู้ช่วยสนับสนุน จึงจะนับว่าเป็นคริสเตียนิตี้  (Christian = เหมือนพระคริสต์ = เหมือนพระเยซู คนที่เป็นคริสเตียนจึงหมายถึง เขาอยากเป็นเหมือนพระเยซู) แต่... มูนี่ และ หลายๆนิกายไม่เข้าข่ายนี้ มูนี่ไม่นับเป็นคริสเตียนิตี้ครับ จากคุณ : tanoy_delphi - [ 27 พ.ค. 50 03:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 35 บางความเชื่อ เช่น มอร์มอน ของโจเซฟสมิธ ไม่นับพระเยซู และ Bible เป็นความเชื่อหลักด้วยซ้ำไป มอร์มอน จึงไม่ใช่คริสเตียนิตี้เช่นกัน จากคุณ : tanoy_delphi - [ 27 พ.ค. 50 03:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เชิร์ชออฟอิงแลนด์ ไม่ได้เกิดจาการแยกเพราะ ความเชื่อขัดแย้ง แต่เป็นการแยกเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง (กษัตริ์ต้องการหย่า และเป็นอิสระจากโรม) จึงแยกตัว  นับได้ว่า เป็นคริสเตียนิตี้ แต่ไม่ใช่โปรแตสเต้นท์ตามความหมายดั้งเดิม โรปแตสแต้นท์ความหมายเดิมคือ ผู้ที่ประท้วง และแยกออกจากศาสนจักรคาธอลิค เนื่องจาก มีความเชื่อที่ขัดแย้ง โรปแตสเต้นท์แม้ว่าจะต่างนิกายทั่วโลก แต่ถ้ารากมาจากมาร์ติน ลูเธอร์ จะมีความเชื่อหลักเหมือนๆกันตาม Bible 1. เชื่อว่า มนุษย์สามารถพูดคุยกับพระเจ้าได้โดยตรงไม่ต้องผ่านบาทหลวงคนกลาง (เชิร์ชยังเชื่อเรื่องนี้อยู่) 2. มนุษย์สารภาพบาปเองได้ ไม่ต้องผ่านคนอื่นๆ 3. การพ้นจากบาปเกิดจากการตัดสินใจเชื่อพระเยซู ไม่ได้เกิดจากพิธีกรรม 4. เชื่อในพระคัมภีร์ทุกข้อทุกตอน 5. เชื่อในพระเจ้าแท้องค์เดียว ซึ่งแสดงในสามพระภาค 6. การทำดีไม่ได้ทำให้บาปหายไป บาปต้องได้รับการชดใช้ การซื้อใบแก้บาป ไม่ได้ทำให้บาปหายแทน (ต้องมีคนใช้หนี้แทน คือพระเยซู ตายเผื่อไถ่หนี้แทนเรา) 6. ทำดีเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย ไม่เน้นการทำดีให้มนุษย์เห็น (เช่น Good Samaritan, YMCA) คร่าวๆนะครับ คิดว่าคงตอบเจ้าของกระทู้ จากคุณ : tanoy_delphi - [ 27 พ.ค. 50 03:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณมากครับ ความรู้ล้วนๆ เลยครับ จากคุณ : NickyNick - [ 27 พ.ค. 50 09:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ระดับชั้นของพระในศาสนาคริสต์มี 3 ระดับ คือ 1. Bishop เช่น Pope, Patriarch, Metropolitan Archbishop, Bishop 2. Priest monk ก็อยู่ในกลุ่ม priest 3. Deacon เป็นผู้ช่วยบาทหลวง สามารถถวายมิซซาได้ แจกศีลมหาสนิทได้ แต่ไม่สามารถเสกศีลได้ ไม่สามารถฟังแก้บาปได้ จากคุณ : AlleluiA - [ 29 พ.ค. 50 00:54:42 ]