ความคิดเห็นที่ 2
จนกระทั่งเมื่อรัฐบาลอินเดียจัดฉลองพุทธชยันตี เขาจึงได้ชักชนชนวรรณะจัณฑาลราว ๕ แสนคน ปฏิญาณตนเอง เป็นพุทธมามกะ ที่เมืองนาคปูร์ เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๐๐ (ตรงกับ พ.ศ.๒๔๙๙ ของไทย) เป็นอันว่าพุทธศาสนาก็กลับมายังมาตุภูมิอีกครั้ง ผู้ที่สาบานตัวเป็นชาวพุทธ ได้กล่าวคำปฏิญญา ๒๒ ข้อของ ดร.เอ็มเบ็ดการ์ดังนี้
๑. ข้าพเจ้าจะไม่บูชาพระพรหม พระศิวะ พระวิษณุต่อไป ๒. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระรามและพระกฤษณะเป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เคารพต่อไป ๓. ข้าพเจ้าจะไม่เคารพบูชาเทวดาทั้งหลายของศาสนาฮินดูต่อไป ๔. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อลัทธิอวตารต่อไป ๕. ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าอวตารมาของพระวิษณุ การเชื่อเช่นนั้นก็คือคนบ้า ๖. ข้าพเจ้าจะไม่ทำพิธีสารท และบิณฑบาต (แบบฮินดูต่อไป) ๗. ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ๘. ข้าพเจ้าจะไม่เชิญพราหมณ์มาทำพิธีทุกอย่างต่อไป ๙. ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีศักดิ์ศรีและฐานะเสมอกัน ๑๐. ข้าพเจ้าจะต่อสู้เพื่อความมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน ๑๑. ข้าพเจ้าจะปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ โดยครบถ้วน ๑๒. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศให้ครบถ้วน ๑๓. ข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก ๑๔. ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมยคนอื่น ๑๕. ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม ๑๖. ข้าพเจ้าจะไม่พูดปด ๑๗. ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรา ๑๘. ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญตนในฌาน ศีล ภาวนา ๑๙. ข้าพเจ้าจะเลิกนับถือศาสนาฮินดู ที่ทำให้สังคมเลวทราม แบ่งชั้นวรรณะ ๒๐. ข้าพเจ้าเชื่อว่าพุทธศาสนาเท่านั้นเป็นศาสนาที่แท้จริง ๒๑. ข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่ข้าพเจ้าหันมานับถือพุทธศาสนานั้นเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง ๒๒.ตั้งแต่นี้เป็นต้น ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำสอนของพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด
หลังจากปฏิญาฌตนเป็นพุทธมามกะแล้ว เขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน"
เมื่อนักหนักสือพิมพ์ ถามเหตุผลในการนับถือศาสนาพุทธ เขากล่าวว่า "เพราะการกระทำอันป่าเถื่นของชาวฮินดู ที่มีต่อวรรณะหริจันทร์เช่นเรามานานกว่า ๒๐๐๐ ปี" พร้อมกันนั้นท่านกล่าวต่อว่า "พอเราเกิดมาก็ถูกตราหน้าว่าเป็นวรรณะหริจันทร์ซึ่งมีค่าต่ำกว่าสุนัข อะไรจะดีเท่ากับการผละออกจากสัทธิป่าเถื่อน ปลีกตัวจากมุมมืดมาหามุมสว่าง พุทธศาสนาได้อำนวยสุขให้ทุกคนโดยไม่เลือกหน้า โดยไม่เลือกว่าเป็นวรรณะกษัตรย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ความจริงข้าพเจ้าขอกล่าวว่าระบบวรรณะควรจะสูญไป จากอินเดียเสียที แต่ตราบไดที่ยังนับถือพระเวทอยู่ ระบบนี้ก็ยังคงอยู่กับอินเดียตลอดไป อินเดียก็จะได้รับความระทมทุกข์ ความเสื่อมโทรมตลอดไปเช่นกัน พวกพราหมณ์พากันจงเกลียดจงชังพุทธศาสนา แต่หารู้ไม่ว่าพระสงฆ์ในพุทธกาล ๙๐% เป็นคนมาจากวรรณะพราหมณ์ทั้งนั้น ข้าพเจ้าอยากจะถามพวกพราหมณ์ในปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาหรือ"
หลังจากประกาศตนเป็นพุทธมามกะได้ ๓ เดือน ดร.บาบา สาเหบ เอ็มเบ็ดการ์ ก็ถึงแก่มรรณกรรม เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๐ (ตรงกับพ.ศ.๒๔๙๙ ของไทย) สร้างความยุ่งเหยิงให้แก่คนวรรณะต่ำเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้นำทางพวกเขาเดินยังไม่ถึงจุดหมายก็พาลสะดุดเสียก่อนเหมือนเรือขาดหางเสือ ในเหตุมรณกรรมนี้บางคนเชื่อว่าถูกเขาวางยาพิษโดยภรรยาเพราะหล่อนเป็นฮินดูวรรณะ พราหมณ์ ปัจจุบันพวกอธิศูทรให้มีฐานะ สูงขึ้นในอินเดียจึงมีบทสวดต่อจากสังฆรัตนะว่า พิมฺพํ สรณํ คจฺฉามิ ข้าพเจ้าของถึงพิมเป็นที่พึ่ง (พิมเป็นชื่อเดิมของดร.เอ็มเบ็ดการ์) อินเดียก่อนได้รับเอกราชมีชาวพุทธไม่ถึงแสนคน จนในปัจจุบันมีประมาณสิบล้านคนเศษ เป็นเพราะผลพวงของการปฏฎิญาณตนเป็นชาวพุทธของ ดร. เอ็มเบ็ดการ์ นั้นเอง ส่วนสถานการณ์พุทธศาสนาในปัจจุบัน เหมือนคนที่ฟื้นไข้ยังไม่สมบูรณ์ ยังต้องการแรงพยุงเกื้อหนุน จากชาวพุทธทั่วโลก เพื่อให้พวกเขามีความภูมิใจในศาสนาของเขาเพราะส่วนมากเป็นคนวรรณะต่ำที่ถือตามดร.เอ็มเบ็ดการ์บิดาผู้นำชาวพุทธยุคปัจจุบัน
นอกจากท่านเหล่านี้แล้ว ยังมีนักปราชญ์ทางพุทธศาสนาชาวอินเดียหลายท่าน ที่ช่วยงานด้านพุทธศาสนาให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เช่นท่านอโยธยา ทาส, ท่านโปรเฟสเซอร์ พี ลักษมี นาราสุ, ดร.อานันทราวแอล.แนร์,ท่านซี กฤษณัน, โปรเฟสเซอร์เอ็น.เค.ภควัต, ดร.บี.เอ็ม บารัว ดร.อาร์.แอล. โซนี่, โปรเฟสเซอร์ดีซี อฮีร์ เป็นต้น
จากคุณ :
เชษฐา
- [
27 พ.ค. 50 23:13:53
]
|
|
|