ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจุดมุ่งหมายของคุณมีเพียงแค่การเรียนเพื่อการจำความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้เท่านั้นนะ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องไปลงเรียนหลักสูตรภาษา Latin เป็นภาษาพูดภาษาเขียนหรอก เพราะพอไปเจอไวยากรณ์ Latin เข้าก็จะปวดหัวเอาเปล่าๆ......  คุณไปซื้อดิกชันนารีอังกฤษเป็นอังกฤษมาก็ได้ มีอยู่หลายยี่ห้อที่ให้ etymology (แปลว่า "นิรุกติศาสตร์" ก็ได้ แปลว่า "การแสดงประวัติความเป็นมาว่าคำศัพท์ตัวไหน ตัวไหน มีรากศัพท์ หรือมีความเป็นมาอย่างไร" ก็ได้) ไว้ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่มีแต่ภาษา Latin เท่านั้น แต่ยังมีภาษา Greek และรากศัพท์จากภาษาอื่นๆอีกมากมายด้วย ถ้าไม่อยากเสียเงินซื้อ ก็ลองหา dictionaries ฟรีบนเว็บดูก็ได้ มีเยอะแยะเลย เอา links มาแปะให้ดูข้างล่างว่า ภาษาอังกฤษ มีคำศัพท์ที่มาจากภาษาไหนในโลกบ้าง คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาญี่ปุ่น http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Japanese_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาจีน http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Chinese_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาเกาหลี http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Korean_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษามาเลย์ http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Malay_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาอาหรับ http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Arabic_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาเปอร์เซีย http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Persian_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษารัสเซีย http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Russian_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาตากาล็อก http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Tagalog_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาโปแลนด์ http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Polish_origin คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาอินเดีย (ข้างใน link นี้มีแตกแยกไปเป็นว่า เป็นภาษาแขกแบบตระกูลไหนอีกหลายภาษา) http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_of_Indian_origin ************************************************* อันนี้รวม links คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาต่างประเทศระดับอินเตอร์ (ซึ่งนอกจากจะมี lists ข้างบนที่ให้มาแล้ว ก็ยังมี lists ของภาษาของชาติอื่นๆอีกด้วย http://en.wikipedia.org/wiki/Lists_of_English_words_of_international_origin อันนี้รวม links คำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาต่างประเทศพวกตระกูลในยุโรปที่ใกล้เคียงกัน (ซึ่งก็มี links ไปหาคำในภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาต่างประเทศระดับอินเตอร์ด้วยเช่นกัน) http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_English_words_with_diacritics แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 50 20:09:52 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 50 20:03:11 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 28 พ.ค. 50 20:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณ คคห 1 มากเลยครับ จากคุณ : Alovera - [ 28 พ.ค. 50 21:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาษาละติน ไวยากรณ์ยากมากๆค่ะ ... ถ้าอยากรู้แค่รากศัพท์อังฤษ ทำตามคำแนะนำของ คคห 1 จะดีกว่าค่ะ ... จากคุณ : poockey - [ 28 พ.ค. 50 23:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมขอเเนะนำหลักสูตรหยึ่ง ของศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชือว่า  Vocab Development สอนโดย ดร.ประพัทธ์ มากชูชิต นะครับ คอร์สนี้เน้นภาษาอังกฤษที่มาจากรากละติน ลองสอบถามดูครับ ไปเรียนมาเเล้ว ได้ศัพท์ คราวละเกือบร้อยคำมั้ง ผมว่าดีคับ อาจารย์ท่านจาร่ายให้เห็นเลยครับว่ามีนผันราก ผันความหมายมายังไงอะครับ  เเต่ถ้าไงเวลาเรียนก็บอกอาจารย์เเกให้พูดช้าลงหน่อยก็ดีครับ จากคุณ : dhean - [ 29 พ.ค. 50 01:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ที่เรียนภาษา ละติน ในเมืองไทยไม่แน่ใจว่าจะมีนะครับ คุณเกิดช้าไปหลายร้อยปั ถ้าคุณเกิดในสมัยกลางประมาณคริสตศตวรรษที่ 12 มหาวิทยาลัยในสมัยนั้นสอนเป็นภาษาลาตินทั้งยุโรป  ตำราต่าง ๆ ก็เป็นภาษาลาติน นิสิตนักศึกษายุโรปสมัยนั้นนอกจากเรียนเป็นภาษาลาตินแล้วยังต้องเรียนภาษากรีกด้วย เพื่ออ่านวรรณคดีกรีก เพราะกรีกเป็นครูของโรมซึ่งใช้ภาษาลาติน ที่จำเป็นต้องเรียนเป็นภาษาลาตินเพราะภาษายุโรปในสมัยนั้น ไม่ว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอร์มัน เสปน อิตาลี ยังเป็นภาษาที่ด้อยพัฒนาอยู่ ใช้ขอข้าวขอน้ำ พูดคุยกับลูกเมียได้เท่านั้น แต่ถ้าจะใช้อธิบายเรื่องวิชาการ ปรัชญา เทววิทยา และเรื่องที่ยากอื่น ๆ ต้องใช้ภาษาลาตินเพราะไม่มีศัพท์เพียงพอ และข้อสำคัญไวยากรณ์ก็ยังไม่เข้ารูปเข้ารอย  คนเขียน เขียนว่าหมากัดคนแต่คนอ่านอาจเข้าใจว่าคนกัดหมาได้ ต่อมาถึงแม้ภาษาท้องถิ่นในยุโรปจะมีการจัดระเบียบไวยากรณ์โดยถือหลักของไวยากรณ์ลาตินแล้วก็ตาม แต่การเรียนภาษาลาตินและกรีกในมหาวิทยาลัยยังถือเป็นเรื่องสำคัญ วินสตัน เชอร์ชิลล์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษเป็นไม้เบื่อไม้เมากับภาษาลาติน มาก การเรียนภาษาลาตินในมหาวิทยาลัยเป็นภาษาหลักในมหาวิทยาลัยออคซฟอร์ด ยกเลิกไปแล้วนอกจากคนที่เรียนวิชา classic ถ้าอยากจะรู้ราก (root) ของภาษาลาตินเพื่อประโยชน์ในการเรียนและเข้าในภาษาอังกฤษให้ลึกซึ้ง ขอแนะนำให้ศึกษาจากดิกชันนารี The American Heritage Dictionary of the English Language online http://www.bartleby.com/61/ คนส่วนใหญ่ซ้อดิกชันนารีมาเอาแต่เปิดดูศัพท์ ไม่ค่อยอ่านบทความในนั้น นอกจากจะเป็นดิกชันนารีที่ดีแล้ว ยังมีบทความที่มีประโยชน์และมีรากศัพท์ Indo-European Roots รวมทั้งลาติน และ Semitic Roots ซึ่งมีอยู่ในภาษาอังกฤษอีกด้วย Entries with Notes   Regional Notes   Our Living Language Notes   Synonym Notes   Usage Notes   Word History Notes   Indo-European Roots   Indo-European and the Indo-Europeans  Calvert Watkins   Guide to Appendix I   Indo-European Sound Correspondences   Appendix I: Indo-European Roots   Semitic Roots   Proto-Semitic Language and Culture  John Huehnergard   Guide to Appendix II   Chart of the Semitic Family Tree   Appendix II: Semitic Roots จากคุณ : nickycharles - [ 29 พ.ค. 50 03:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปล. ผมมีตำราศัพท์ภาษาอังกฤษเก็บอยู่ใน Hard Disc หลายเล่ม จำไม่ได้แล้วว่าดาวโหลดมาากไหนบ้าง ถ้าเมล์ของคุณมีเนื้อที่มากก็บอกมาทางหลังไมค์ จะส่งเป็นไฟล์ไปให้ จากคุณ : nickycharles - [ 29 พ.ค. 50 03:42:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อสมัยตอนเป็นเด็กวัยรุ่นเราเคยไปอาศัยอยู่กับครอบครัวฝรั่งชาวอังกฤษซึ่งเป็นบาดหลวงและเป็นอดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนแห่งหนึ่ง  เวลาเราดูทีวีหรืออ่านหนังสืออะไรแล้วติดศัพท์ภาษาอังกฤษ พอวิ่งไปถามท่านบาดหลวง ท่านก็อธิบายคำศัพท์ตัวที่ถามเป็นประโยคภาษาอังกฤษแบบง่ายๆต่อการที่เด็กๆจะฟังเข้าใจได้ ...... พอรำลึกถึงลักษณะรูปแบบประโยคที่ท่านบาดหลวงอธิบายให้ฟังแล้วทำให้นึกขึ้นมาได้ว่า dictionary อังกฤษ-อังกฤษสมัยใหม่ที่มีคำอธิบายศัพท์เป็นภาษาพูดง่ายๆ และยกตัวอย่างประโยคง่ายๆ ที่เข้าใจได้ง่ายๆเหมือนที่ท่านบาดหลวงสอนเรา ซึ่งผู้เรียนในระดับ intermediate ควรหาซื้อมาไว้ใช้นั่นก็คือ Collins Cobuild Advanced Learner’s English Dictionary ทุกครั้งที่ท่านบาดหลวงอธิบายศัพท์แต่ละคำเป็นภาษาพูดง่ายๆเสร็จแล้ว ท่านจะตบท้ายแถมพกโดยการหั่นคำศัพท์ตัวนั้นออกเป็นท่อนๆ แล้วเล่าให้ฟังว่าท่อนไหนมาจาก Latin หรือ Greek หรือมาจากภาษาอะไรต่อมิอะไรจนเราเวียนหัวไปหมด ....แต่หลังจากยอมกลั้นใจทนฟังด้วยความเกรงใจไปเรื่อยๆ ก็ชักจะซึมเข้าไปในหัวได้มากพอสมควร .. ครั้นพอเห็นว่าท่านบาดหลวงเอาข้อมูลเรื่อง etymology มาจากไหน เราก้อจะสำลักตาย คาที....โอ้พระเจ้าจอร์จ!! ท่านเล่นอ่าน OED คือ Oxford English Dictionary ชุดใหญ่สมบูรณ์แบบครบทั้งชุดเลย ....เจ้า OED ชุดนั้นมันวางเรียงรายอยู่บนชั้นหนังสือมหึมา แต่ละเล่มรู้สึกว่าจะใหญ่พอๆกับสมุดโทรศัพท์ มันมีหลายเล่มเสียเหลือเกิน ซึ่งอีกหลายปีต่อมาจวบจนถึงวันนี้ OED พัฒนาไปเรื่อยๆ (เพิ่มเนื้อหาไปเรื่อยๆ ใช้เวลาพัฒนาไปประมาณ 200 ปีมาแล้ว) จนบัดนี้ได้กลายเป็น software อยู่บนแผ่น DVD ซึ่งถ้าใครอุตริคิดว่ากระดาษราคามันถูกนัก แล้วพิมพ์ออกมาวางกองกันเล่นๆนะ ก็น่าที่จะได้เนื้อหาสาระมากขนาดสมุดโทรศัพท์ประมาณ 23 เล่ม !!!   ตอนนี้ถ้าใครอาจหาญอยากที่จะเรียน etymologyระดับโปรเฟสเซ่อร์ แล้วไม่กลัวสำลักข้อมูลตายคาที่ ก็ไปซื้อ OED on DVD มาลองบริกรรมดูเล่นๆก็ได้ จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 29 พ.ค. 50 08:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้ย ถูกใจกระทู้นี่ ยิ้มแก้มปริเลยเรา... โดนใจทั้งคำตอบคุณ nickycharles และคุณ tansy ขอบคุณหลาย จากคุณ : etymo - [ 29 พ.ค. 50 13:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ซื้อตำรามาอ่านเองก็ได้นี่ครับ ของ Wheelock ก็ง่ายดี ผมก็อ่านอยู่ ละตินว่ายากแล้ว มาเจอภาษาสันสกฤต ละตินชิดซ้ายเลยครับ ภาษาสันสกฤตนี่สุดยอดแล้ว จากคุณ : พลายแป้ง - [ วันวิสาขบูชา 08:25:48 A:210.203.182.27 X: TicketID:120371 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ Mr.sang หาลิ้งค์เจอแล้วครับ หนังสือตำราแกรมม่าร์ภาษาอังกฤษ และหนังสือที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษเป็นสิบเล่ม เปิดไปดาวโหลดได้ที่เว็บรัสเซียแห่งนี้ครับ หนังสือเล่มสุดท้ายที่แต่งโดยนักวิชาการรัสเซียก็ไม่เลวนะครับ อ่านสนุกทีเดียว ตอนเว็บพันทิปล่ม เลยเป็นโอกาสดีอ่านจนจบ ขอบคุณที่เว็บล่ม จากคุณ : nickycharles - [ วันวิสาขบูชา 20:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอโทษทีครับบอกว่าหาลิ้งค์เจอแล้วลืมไป ไม่ได้ให้ลิ้งค์ไปด้วย คราวนี้ไม่ลืมแล้วครับ http://artefact.lib.ru/languages/eng_textbooks_eng.shtml จากคุณ : nickycharles - [ 1 มิ.ย. 50 11:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะครับ ^___^ จากคุณ : Mr.sang - [ 6 มิ.ย. 50 20:49:36 ]