ความคิดเห็นที่ 1 พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วย ความเป็นห่วง ประชาชนชาวไทยของพระองค์ในตอนท้าย ความว่า "...ข้าพ เจ้าจึงหวังอย่างยิ่งว่า  คนไทยทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีความหวังอย่างมากจะ ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หวังว่าท่านจะสามัคคีปรองดองพร้อมใจกัน ตอบ แทนพระคุณแผ่นดิน เพื่อสร้างประเทศไทยที่น่าอยู่   ไว้ให้ลูกหลานไทย สืบต่อไป " พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดัง กล่าว เป็นความหมายแห่งธรรมะ เป็นความหมายแห่งธรรมะที่ลึกซึ้ง ที่อาต มาซึ่งเป็นพระสงฆ์ได้พิจารณาแล้วเห็นควรแก่การนำมาเตือนสติท่านทั้งหลาย ว่าผู้เป็นพ่อของแผ่นดิน  เป็นแม่ของแผ่นดิน พยายามเรียกร้อง  ให้ลูกๆของ ท่านก็คือ ประชาชนทั้งหลาย รวมกันในการที่จะกระทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์ เป็นไปเพื่อความสงบสุข คำว่าอะไรสักอย่าง หนึ่งนั้น คือ ต้องรวมกันคิด พิจารณาและ ช่วยกันทำตามหลักแห่งพระธรรม ในพุทธศาสนา จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 28 พ.ค. 50 23:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บัดนี้หลักการดังกล่าวนั้นได้มากระทำ  ณ วัดช้างไห้แห่งนี้  โดย การบูขาซึ่งสักการะ เพื่อขออำนาจแห่งพระรัตนตรัย อันสำเร็จด้วยจิตของ ท่านทั้งหลายจนตั้งมั่นและเป็นอำนาจแห่งธรรมาวุธ และขออนุภาพบารมี ของหลวงพ่อทวด อันเป็นที่สักการะของประชาชนชาวไทย และ โดย เฉพาะประชาชนในภาคใต้ ซึ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของชาวโลกทั้งปวง ขอภัยพิบัติใดๆที่พึงมี และ บังเกิดอยู่ ณ ขณะนี้ จงจบสิ้นดุจดังภัยพิบัติที่ เกิดขึ้นในอดีตกาล ในเขตแดนประเทศต่าง ๆ เช่น ในเมืองเวสาลี  ใน แคว้นโกศล  และอีกในหลาย ๆ แห่งในอดีต  สืบเนื่องมาจนถึงกาลปัจจุบัน ซึ่ง ภัยอันตรายเหล่านั้นดับสิ้นด้วยการกระทำสัตยาธิษฐานที่ต้องรวมพลังจิต จากท่านทั้งหลาย แม้ว่าไม่มีใครหนีกฎเกณฑ์ที่เรียกว่า ผลของกรรม  แต่ พุทธศาสนาไม่ใช้กรรมลิขิตที่จะเป็นไปตามกรรม พุทธศาสนาเป็นกรรม คติคือ ให้รู้ ให้เข้าใจในกรรมนั้น เพื่อออกมาจากกรรมที่ไม่ดี ด้วยการกระทำ คุณความดี พระพุทะศาสนา เป็นศาสนาว่าด้วยความสงบ    ความสุข สันติ ธรรมและ อาตมาเชื่อมั่นว่า ทุกศาสนาก็สอนให้มีความสงบสุขด้วยหลักสันติ ธรรมเช่นเดียวกัน แต่พุทธศาสนานั้นสอนเราลึกซึ้งเข้าไปในความหมาย ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร   ไม่ว่าในสมัยใดและกาลใด เพราะเข้า ใจถึงเหตุปัจจัยที่มาว่า  มันมีสิ่งนี้เกิดขึ้นในอดีต   สิ่งนี้จึงมีมา ณ ในปัจจุบัน นี้  และสิ่งนี้ ผลต้องเกิดต่อไปในเบื้องหน้าเช่นเดียวกัน  จึงให้เห็นคุณของ ความดี เห็นโทษของความชั่ว  ระงับยับยั้งการกระทำสิ่งที่ไม่ดี  ตั้งมั่น รักษาตนอยู่ในความดี  ความสงบ  แต่ไม่ใช่สงบอย่างเดียว   พระพุทธศาส นา สอนให้ท่านทั้งหลายมีความกล้าหาญ  ออกมาจากโทษภัยทั้งหลายทั้ง ปวงอย่างกล้าหาญ อย่างองอาจ  บนอำนาจของศีลธรรม จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 28 พ.ค. 50 23:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีเรื่องในอดีตเล่าไว้เป็นอนุสติเพื่อประกอบความเข้าใจ ในสมัย พุทธกาลพระมหาโมคคัลลานะ ได้ไปนั่งพิจารณาธรรมในหุบเขาแห่งหนึ่ง ในเวลาเย็นก่อนพระอาทิตย์อัสดง   เห็นกองวัวเดินกลับเข้าคอก  และ ใน ขณะนั้นมีแม่เสือเหลืองตัวหนึ่ง ซึ่งจะคอยตะปบวัวตัวสุดท้ายเป็นอาหาร ในวันนั้น ขณะที่ฝุงวัวเดินกลับเข้าคอกซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขา   มีแม่วัวรั้งท้าย อยู่ปลายแถว   แม่วัวตัวสุดท้ายเผชิญกับแม่เสือเหลือง และพยายามอ้อน วอนยกธรรมะขึ้นกล่าวเพื่อร้องขอชีวิตจากแม่เสือเหลือง แต่เสือเหลืองตัว นั้นไม่ยอมปล่อย และได้กระโดดเข้ากัดคอจนแม่วัวตัวนั้นถึงแก่ความ ตาย      วัวตัวอื่น ๆ ที่เข้าคอกไปก่อน ไม่ได้เห็นไม่ได้รู้เพราะเดินกลับเข้า คอกไปหมดแล้ว    วัวตัวสุดท้ายในฝูงจะถูกลอบทำร้ายอย่างนี้อยู่เสมอ พระมหาโมคคัลลานะยกเรื่องดังกล่าวขึ้นทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   ซึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า มิใช่มีแต่เหตุการณ์เช่นในปัจจุบันนี้   แม้ใน อดีตก็มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ณ หุบเขาแห่งนี้ เช่นเดียวกัน แต่กาลครั้ง นั้นแม่วัวตัวนั้นไม่ตาย   ที่ไม่ตายเพราะแม่วัวที่เป็นตัวสุดท้ายนั้นใช้ความ หาญกล้าวหันหน้าเข้าหาและกระโจนพุ่งเข้าใส่ แม่เสือตกใจกลัวและวิ่งถอย ออกไป แม่วัวตัวสุดท้ายนั้นจึงได้ผ่านอันตรายวิ่งกลับเข้าคอกตามหมู่ คณะได้ทัน จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 28 พ.ค. 50 23:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ธัมมะ  ดังกล่าวนี้ สอนให้เราใช้ความกล้าหาญออกจากปัญหา โดยอำนาจแห่งธัมมะ   พระพุทธศาสนานั้น   มีอำนาจลุ่มลึก  ละเอียดลึก ซึ้ง และ มีความหมายธรรมมาก พระพุทธศาสนาสอนให้เรารู้จักคำว่าผล กรรมหรือวิบากแห่งกรรม   เชื่อและกระทำในความดี ละความชั่วโดยการ กระทำความดี   และเชื่อว่า   เวรนั้นต้องระงับด้วยการไม่จองเวรและต้องอยู่ อย่างชาญฉลาด  มีการรวมจิตรวมใจกัน สามัคคีกัน มีสามัคคีธรรม ดังพระ ราชเสาวณีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  หรือของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเรียกร้องให้ชาวไทยสมานฉันท์สามัคคีกัน  และ ลุกขึ้นมารวมตัวกัน รวมจิตกันพิจารณาร่วมกัน คิดและทำร่วมกัน ทำโดยเริ่มต้นที่ตัวเรา ที่ครอบครัวเรา   และที่หมู่บ้านของเรา  สร้างความ มั่นคงอย่างยั่งยืนถาวร  โดยการสร้างความพร้อมในฐานะต่างๆตามหลัก แห่งธรรมะ ทั้งในฐานะการครองตน ครองตัว และ ในการป้องกันภัยทั้งปวง อย่างชาญฉลาด และร่วมมือร่วมใจกันไม่เรียกร้องเพียงส่วนเดียว   ไม่เรียก ร้องให้คนนั้นคนนี้มาช่วยเรา เราต้องเรียกค้องที่ตัวเราเอง กระทำ ตั้งมั่น ยอมรักเข้าใจ   และประพฤติตนอย่างถูกต้องตามหลักธรรมใน พระพุทธศาสนา ซึ่งสอนให้เราเริ่มที่ตัวเรา ให้เริ่มต้นกระทำคุณความ ดี จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 00:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พระสงฆ์อย่างอาตมาเมื่อต้องเดินทางเข้าป่า เข้าภูเขานั้น   การ ประพฤติธรรมตามป่าเขานั้นอธิษฐานตายไว้เป็นที่ตั้ง เพราะเมื่อเดินทาง เข้าไปแล้ว  ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญอะไรในป่า   ในเขตแดนที่มีสัตว์ร้ายทั้ง หลาย อาตมาเคยอยู่ทั้งใน พม่า  ศรีลังกา  และในประเทศอินเดียในที่ที่ หลีกเร้น เป็นที่ที่คนทั่วไปไม่พึงจะเข้าไป สิ่งที่อาตมาพบ  คือ อำนาจ ธรรมาวุธที่ยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่ามีอานุภาพที่จริงๆ สามารถ ขจัดภัยทุกขืได้อย่างแท้จริง แม้สัตว์ร้ายกลับกลายมาเป็นดี แม้คนที่ มีความคิดที่จะเบียดเบียนต่าง ๆ นานา  ก็กลับความคิดทั้งหมดเป็นความคิด ที่ดีได้ ไม่เบียดเบียนกัน กลับมาสงเคราะห์กัน แม้ยาพิษก็กลายเป็น ยาที่บำรุงได้   พระพุทธวัจนะ ไม่ใช่พูดโดยไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 00:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พระพุทธเจ้าตรัสคำใดไม่คลาดเคลื่อนต้องเป็นจริงอย่างนั้น  ต้อง บริสุทธิ์ทั้งอรรถและพยัญชนะ พระปริตต์นั้นมีอานุภาพยิ่งนัก แค่เพียง บทเดียวที่เรามาประชุมสวดบูชาสักการะด้วยดวงจิตที่ตั้งมั่น  ย่อมเกิดพลัง นำสู่ทางพ้นทุกข์ได้ หากว่าไม่เป็นครุกรรม หากว่าดวงจิตเราไม่ลามก หรือ กิเลสกำเริบ  ขณะกำลังเจริญธรรมนั้นอยู่ และหากว่าเรามีความเชื่อมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริงแล้ว  แต่หากเป็นครุกรรม กิเลส กำเริบและ มีอกุศลจิต   จิตมีความเศร้าหมอง  และเราไม่เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แม้ให้คุณวิเศษใด ๆ ที่เป็นเลิศก็ย่อมไม่สามารถที่ จะมาปกป้องคุ้มครองเราได้ เพราะทุกอย่างสำเร็จที่จิต จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธาน   และความจริงของสัตว์โลกทั้งหลาย ทุกคนต้องไปสู่ความ ตาย และ มีความตายเป็นเบื้องหน้า  รูปกายนี้แตก จิตจึงสำเร็จด้วยผล ของการกระทำไปตามความดี ความชั่ว ทุคติ สุคตินั้น เราต้องเดินทาง กันต่อไป ไม่มีใครหลีกหนีพ้น หนีกรรมนั้นพ้น   แม้พระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งมีคุณวิเศษเหนือพระเถระทั้งหลายทางด้านอิทธิฤทธิ์   แต่สุดท้ายต้อง ยอมรับกรรมที่เคยทำกับพ่อแม่ของตนในอดีตชาติมา และหลังจากกราบ ทูลลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว กลับไปให้โจรทั้งหลายทุบตีตามผลของ กรรม แม้จะมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้  แต่หนีไม่พ้นความจริง คือ กฎเกณฑ์ของกรรม พระมหาเถระดังกล่าว ได้ละวางร่างไว้ แต่ตายแบบ ไม่ตาย ด้วยการยอมรับความเป็นไปที่ต้องเป็นเช่นนี้ แม้พระสัมมาสัม พุทธเจ้า ก็มีเศษบูรพกรรมเก่าที่ติดตามมา จนกว่า จะมีคำว่า อโหสิ และ จนกว่ารูปกายนั้นจะ ละ วาง  เป็น  อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ  กรรมนั้น จึง จะเป็นอโหสิกรรม จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 00:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การสร้างประเทศชาติมาจนถึงทุกวันนี้ เกิดจากวิบากกรรม ของมหาชนทั้งหลายสืบเนื่องจนถึงปัจจุบันนั้น   ต้องยอมรับว่า เรามีการ กระทำต่าง ๆ นานา เมื่อถึงวันนี้  ประเทศชาติสร้างไว้ด้วยสภาวะธรรม หลายอย่าง มีทั้งดี ทั้งชั่วคละเคล้ากัน ตามวิสัยของปุถุชนทั้งหลาย และ บัดนี้เมื่อมีสถานะการณ์ มีความทุกข์ ความเร่าร้อนเกิดขึ้น  เราต้องมองหา เหตุที่เป็นปัจจัยให้เกิดเรื่องต่าง ๆ นานา และแม้ว่า เราไม่สามารถรู้ถึงเหตุ ของเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ แต่พระพุทธเจ้าสอนให้เราเข้าใจว่า ถ้าเราทำ ความดี ผลของความดีนั้น ก็ย่อมทำให้เราดียิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อผลของกรรม คือ ความดีมากขึ้น ๆ  ปรากฏเกิดขึ้น ก็ค่อยลดลงไป ดุจดังที่กล่าวว่า เติม น้ำที่จืดลงไป ในน้ำเค็ม น้ำที่เค็ม ย่อมที่จะกลายเป็นน้ำจืดได้   ความดีนั้น อาจจะไมได้สำเร็จสมบูรณ์ในวันเดียว แตต้องทำอย่างต่อเนื่อง มีสติ มี ปัญญา   มีศรัทธาตั้งมั่น และ ประกอบด้วยความเพียรอันยิ่งใหญ่ ย่อมนำมาสู่พลังธรรมอันเป็นไปเพื่อความสุข ซึ่งยิ่งใหญ่ และ ไม่มีอำนาจ ใดเหนืออำนาจแห่งพลังธรรม ไม่มีพลังใดเป็นเลิศเหนือพลังธรรม เพราะ ธรรมในพุทธศาสนาเป็นสัจธรรมที่ไม่ผันแปร ไม่ว่าจะในอดีตกาล  ปัจจุบัน ในอนาคต ไม่มีใครจะสามารถมาเปลี่ยนแปลง พระสัจธรรมของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าได้  จึงทำให้พุทธศาสนาดำรงอยู่มาถึงกาลปัจจุบัน ๒๕๕๐ ปี พุทธศักราช จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 00:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สาธุ สาธุ สาธุ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 29 พ.ค. 50 00:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดังนั้น ภัยพิบัติเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราเคยพบเห็นนั้นมีมาทุกกาล ทุกสมัย บัณฑิตทั้งหลาย แนะนำให้มหาชนทั้งหลายออกมาร่วมกันกระทำ คุณความดี แม้แต่พระมหากษัตริย์ พระราชินี ก็ออกมาแนะนำให้ท่านทั้ง หลายทำคุณความดี มีความกล้ากหาญในการป้องกันตน ที่ไม่เบียดเบียน ผู้อื่น และ เชื่อมั่นในกฎเกณฑ์ของการกระทำ  การรวมตัวกัน การกระทำ ความดีให้เกิดขึ้นมีความสมานฉันท์ ในการประพฤติปฎิบัติธรรม  วันนี้เรา ถาม ต้องถามตัวเราเองว่า เราเริ่มต้นทำคุณความดีหรือยัง   หรือมัวแต่นั่ง เรียกร้องให้คนนั้นคนนี้ว่าฉันเดือดร้อน  แต่เราไม่เคยรวมตัวกันคิดกันที่หมู่ บ้านของเรา  ที่พื้นที่ของเราและ เชื่อมโยงหาบุคคลที่พอช่วยเหลือเกื้อกูล กันได้  จัดทำรูปแบบที่เป็นองค์กร และ ป้องกันตนเองอย่างถูกต้องด้วยกฎ หมายและทางธรรม อาตมาเชื่อมั่นว่า แผ่นดินนี้ สร้างด้วยคุณความดีของบรรพชน ชาติไทยไม่ใช่ชาติของความดุร้าย   ชาวไทยเป็นชาติของ สันติโดยธรรม มาโดยตลอด  และ สร้างชาติมด้วยคุณความดี  ที่เราเดือดร้อน เพราะ เหตุปัจจัยอยุ่ตรงที่คุณความดีเราน้อยลงเพราะเราทั้งหลายห่างไกลจากศีล ห่างไกลจากธรรมะ  และล่วงล้ำจาบข้วงพระพุทธศาสนา  มีการบูชา ในสิ่งที่ ไม่ควรบูชา เช่นบูชา เทวะ เทพเทวดาทั้งหลายมากขึ้นอย่างน่ากลัว และ ลุ่ม หลงอย่างไม่มีที่สุด  หันเข้าไปสู่วัตถุ  มีการหาปัจจัย ลาภสักการะ สรรเสริญ แม้กระทั่งในเขตบุญของพระศาสนา ปรุงแต่งด้วย ลัทธิดิรัจฉานคาถา  และ ปฏิเสธคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ไม่ประพฤติ ปฏิบัติ  ไม่เชื่อมั่น ไม่ทำคุณ ความดีให้เกิดขึ้น  ไม่เคยรักษาศีลอย่างบริสุทธิ์  ไม่เคยรักษา ศีลอุโบสภในวันพระ ไม่เคยทำบุญ ทาน เข้าวัดวา อย่างปกติ อย่างบรรพชน พึงทำ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 00:25:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หากเป็นเช่นนี้ พยาการณ์ตรงนี้ได้เลยว่า ไม่เพียงแค่นี้ ถ้าเรายัง ขาดศีลธรรมอย่างนี้ มีขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามพระไตรลักษณ์  ขณะนี้เราไม่มี อำนาจใด ๆ มารักษาเราเลย   เราเริ่มที่จะออกไปนอกแนว เริ่มพูดกันไม่รู้ เรื่อง  แม้บวชมาแล้ว ในพุทธศาสนา  หรืแม้แต่ผุ้เข้ามาบวช บางท่านก็ยัง ไม่เข้าใจในเรื่องพระสัจธรรมความจริง  ไม่เข้าใจในความหมายของการสวด บูชา  พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  ว่ามีคุณค่าอันยิ่ง  เป็นการรวมจิต เป็น ความสามัคคีที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องถามว่า ที่มารวมตัวในวันนี้ได้อะไร  ได้ ความสามัคคี ในเบื้องต้น  ได้การบูชาธรรมอันยิ่งใหญ่ ได้ คุณธรรม ได้การชะล้าง ซักฟอกจิตใจ ละจาก โลภะ  โมหะ โทสะ  ยึด มั่นในคุณความดี ตามที่ได้ ปฎิญาณตนเป็น พุทธมามกะ  ในพุทธศาสนา ความดีนั้น ย่อมที่จะรักษาเรา ที่พึ่งอย่างอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระผู้มีพระ ภาคเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ด้วยคำกล่าว ความจริงนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ข้าพเจ้า เมื่อเรามีภัย  เมื่อเรามีทุกข์ เราไม่เคยนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  เราไม่เคยสอนลูกให้ไหว้พระ ก่อนนอน  เราไม่เคยรักษาศีล  ประพฤติธรรม  ประพฤติ อุโบสถ  ดุจดัง บรรพชนเคยที่เคยทำ   เราหลุดจากศีลธรรม   เริ่มยึดวัตถุ  กามคุณที่หนา แน่นด้วยกิเลส  และผูกไว้ด้วย อำนาจ ตัณหาราคะ ที่ไม่มีที่สิ้นสุด  สุดท้าย ต้องแสวงหาแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น เบียดเบียนกัน ไม่รู้จบ  เราเอง เริ่มไม่ เคารพกัน  ไม่สามัคคีกัน  และไม่เคยพึ่งพาเกื้อกูลกัน  เมื่อมีภัยพิบัติ ดุจดังมัสัตว์ร้ายเข้ามา  ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เคยเกื้อกูลกัน  จึงทำให้สัตว์ร้ายดัง กล่าวกัดกินสังคมได้อย่างไม่ยาก  เพราะเราไม่เคยรวมพลัง ไม่เคยรวมตัว ไม่เคารพ  ไม่สามัคคี ไม่พึ่งพา  ไม่เกื้อกูลกันอย่างแท้จริง จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 00:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ณ บัดนี้ เราท่านทั้งหลาย พึ่งทำความดีจนเป็นผู้ไม่เสียโอกาส เป็น ผู้ไม่สูญเปล่า และ ย่อมส่งผลให้เรานั้น เป็นผู้ที่ตายอยางไม่ตาย จะไม่ พบความหายนะในเบื้องหน้าแน่นอน เพราะ เราพบ เราเข้าใจเรื่องกรรม และ วิบากกรรม เพราะเราเข้าใจเรื่องกรรม จึงเข้าใจพุทธศาสนา เพราะเรา เข้าใจพุทธศาสนา ชีวิตจะมีความสุข และดำรงด้วยคุณธรรม  คุณธรรมจะ กลับมาอภิบาลรักษา บุคคลที่เคารพรักษาในพระรัตนตรัย  เทวดาจะมา อภิบาลรักษาในทุกสถานที่  และเมื่อมีการอภิบาลรักษาร่วมกัน จึงเกิดมี ความร่มรื่น ร่มเย็น ฝนฟ้า ชุ่มฉ่ำ ทั่วดินแดน  เกิดความร่วมมือเกื้อกูล ช่วย เหลือซึ่งกันและ กัน   และ หากบุคคลทั้งหลาย มีความเมตตา กรุณาต่อกัน แต่หากขาดศีลธรรม มนุษย์ชาวโลกทั้งหลาย ก็ย่อมพบความทุกข์ แม้พระ พุทธเจ้ายังกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า กาลเบื้องหน้า  มนุษย์เราขาดศีลธรรม มากขึ้น  มากชึ้น ออกมาเจอกันจะใช้อาวุธ ใช้ศาสตราวุธทำร้ายกัน ฆ่ากัน มากขึ้น  คนกลุ่มหนึ่ง หลบหลีกหนีเข้าป่าเข้าภูเขา รักษาศีลประพฤติธรรม จึงรอดพ้นจากเหตุร้ายดังกล่าวได้  หลังจากนั้นจึงออกมด้วยความยินดีดัง กล่าว เท่ากับว่า เราปฏิเสธความจริง อันเป็นสัจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้   ดังนี้ จึงควรเริ่มต้นที่ตัวเรา เริ่มต้นทำความจริง  บัดนี้ท่านทั้งหลาย ควรรวมจิตรวมใจกันจนเกิดเป็นพลังจากความสามัคคีอันเป็นไปเพื่อความ สันติสุข  หลักธรรมดังกล่าวนั้น พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้กับ พระอานนท์ว่า " หากเจ้าลิจฉวี ได้ประพฤติ ปฏิบัติธรรมข้อใดข้อหนึ่งในหลักธรรมทั้ง ๗ ข้อ ในหลักอปริหานิยธรรม แคว้นวัชชีก็จะไม่แหลกสลาย ซึ่งหลักธรรมในข้อใดข้อหนึ่งนั้นเน้นสาระธรรม ที่ทำให้เกิดความ สามัคคี ความพร้อมเพรียงกันในการกระทำและเกื้อกูลกันในกิจอันพึงกระทำ มีความสามัคคีกัน ย่อมนำมาซึ่งความสุข และองค์กรนั้น ย่อมไม่ย่อยสลาย แต่ว่าหากเราทั้งหลาย แตกความสามัคคีกัน  หวาดกลัว ตกใจ แตกตื่น และที่สุด แยากย้ายกัน ต่างฝายก็ต่างหวังเอาตัวรอด อย่าว่าแต่ประเทศไทย เลย  โลกก็อาจวิบัติดได้ ด้วย อำนาจของความเขลา    ด้วยอำนาจของความ กลัวของสัตว์โลกทั้งหลาย  อำนาจธรรมและ ความกล้าหาญอย่างบัณฑิตนั้น ทำให้ออกจากปัญหาได้อย่างองอาจ  และ ออกจากปัญหาอย่างไม่เบียดเบียนใคร  ทุกอย่างมีวิธีการ   ทุกอย่างมีการประพฤติปฏิบัติ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 00:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สังคมประเทศชาติ  สร้างมาจนถึงปัจจุบัน ต้องผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย กว่าที่เราพบยิ่งกว่าที่เราเห็น แต่ทำไมบรรพชนจึงรักษาประ เทศชาติ  ส่งต่อมาจนถึงเราได้ นั้นเป็นความหมายที่ท่านทั้งหลาย ต้องไป ศึกษาในคยามจริง  และ ความจริงที่แท้คือ สัจธรรม ความจริงที่แท้นั้นคือ ท่านต้องดำรงไว้ซึ่งศีบธรรม  ซึ่งวันนี้เราพบว่า ชาวพุทธกราบไหว้พระไม่เป็น ชาวพุทธบูชาพระไม่เป็น และที่สุดคือ มิใช่บูชา พระพุทธ  พระธรรม พระ สงฆ์   แต่กลายเป็นนักบวงสรวง วิงวอน คลุ้มคลั่ง คล้ายพวกนอกศาสนา บุชาสักการะเทพเทวดา  ภูมิเจ้าที่  ผีสางนางไม้ทั้งหลาย คล้ายยุคที่จะ ย่อยสลายของพุทธศาสนาของมนุษยื ในชมพูทวีปทั้งหลาย   ที่เกิดขึ้น ประมาณ ๖๐๐-๗๐๐ ปี หลังพุทธศักราช  มนุษย์ของชมพูทวีปยุคนั้นเริ่ม หันเห ไปสู่ลัทธิการบวงสรวง วิงวอนเรียกร้องขอเทวดาให้มาช่วยเหลือ แต่ไม่ทำคุณความดี  พระพุทธศาสนาจึง อันตระานจากชมพูทวีป มาจน ถึงปัจจุบันนี้ บ้านเมืองเรานั้น เป็นเมืองพุทธศาสนา  ดำรงตั้งมั่นมาเป็นเวลา นาน แต่บัดนี้ชาวพุทธในประเทศไทย นั้นอ่อนด้อย แล ะขาดการเรียนรู้ใน หลักศาสนธรรม  ไม่ประกอบศาสนกิจอันถูกต้อง  เมื่อท่านทั้งหลายขอให้ อำนาจธรรมจงทำให้ข้าพ้นทุกข์เถิด  จึงไม่มีธรรมที่ไหนเลยที่จะมารักษา ท่าน   บางคนอาจเป็นคนดี แต่ดีแบบโลก ๆ   และ ถ้าคนดีไม่รวมตัวกันอีก พลังความดีที่มีอยู่น้อยย่อมขาดพลังอันเป็นไปเพื่อขจัดทุกช์   จึงยิ่งต้องมี การรวมตัวให้มากขึ้น   ในกลุ่มคณะบุคคลทั้งหลายที่เป็นพุทธศาสนิกชน ชาวไทย จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 01:08:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อาตมาให้สติท่านทั้งหลายในครั้งนี้ เพื่อขอให้ทำความตั้งมั่น ในศีลธรรม  ประพฤติปฏิบัติตนตามบรรพชนของเราและรู้จักการประกอบ กิจอันควร มีสามัคคีในธรรม   และเกื้อกูลต่อกัน  เชื่อมั่นในอำนาจพลัง แห่งธรรม อำนาจดังกล่าว จะนำกลับมาซึ่งพลังแห่งความสุขและสันติ ภัยร้ายทั้งปวง  อำนาจใด ๆ ที่เป็นไปอย่างเร่าร้อน และ สภาวะที่เบียด เบียนกัน ทำให้เกิดความทุกข์ ย่อมหมด และ สูญสิ้นได้   ดุจเมฆหมอก ทั้งหลายก็จะผ่านพ้น และเราจะพบกับทางออกที่ จะแก้ปัญหาได้อย่าง แท้จริง ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป   จึงขอให้ท่านทั้งหลายมีสติ ตั้งมั่น หมั่นทำคุณความดี สืบเนื่องต่อไป จึงขออนุโมทนาท่านทั้งหลาย ให้ถึงซึ่ง ความสุข ความเจริญ พบกับสิ่งที่ตนเองปราถนา ในทางสัมมาทิฏฐิ  นำพา บ้านเมืองแผ่นดิน ประเทศชาติ  ไปสู่ความรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป และ ขอศรัทธา สาธุชนทั้งหลาย จงประพฤติปฎิบัติ สืบทอดรักษาพระพุทธศาสนาให้มั่นคง ดำรงอยู่ในแผ่นดนนี้ต่อไป ชัว่กาลนาน เพื่อความสุข ความเจริญ และความสันติสุข ตามหลักธรรมวินัย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทอญ                          (พันตำรวจโทหญิง สายสวาท ปัจวิทย์ ถอดเทปถวาย) พระวิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์อารยะวังโส บรรยายธรรม เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๐ ณ วัดช้างไห้ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี   ลิขสิทธิ์ ของ วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน ๕๑๐๐๐ โทร.๐๕๓-๕๖๑๔๒๗  ๐๘๑-๙๘๓-๗๖๖๗ คัดจากหน้า3-24 ถึง 3--31 หนังสือ สวดและบริกรรมพระปริต  พุทธานุภาพ มงคลธรรมของแผ่นดิน สายสัมพันธ์ สืบสายธรรม รักษาแผ่นดินไทย น้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา                       ขออนุญาตนำมาลงในเว็บไซต์แห่งนี้โดยมิได้บอกกล่าว ล่วงหน้า เนื่องจากเป็นเทศกาลวิสาขะบูชาโลก และ เป็นเวลาที่ จังหวัดสงขลาก็กลายเป็นเป้าหมายความไม่สงบไปด้วยอีกจังหวัด ก็ขอให้ทุกท่าน สงบใจ ต่อสู้ เข้มแข็งอดทน ด้วยกันทุกคน                       tiki_ทิกิ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 29 พ.ค. 50 01:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : arasun - [ 29 พ.ค. 50 19:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สาธุครับ อ่านแล้วประทับใจ ขออนุญาตเซฟเก็บไว้นะครับ จากคุณ : พลายแป้ง - [ 1 มิ.ย. 50 09:03:32 A:210.203.176.205 X: TicketID:120371 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ : arasun  - [ 29 พ.ค. 50 19:35:59 ]            ขอบคุณที่มาขอบคุณ   ความคิดเห็นที่ 15   สาธุครับ อ่านแล้วประทับใจ ขออนุญาตเซฟเก็บไว้นะครับ จากคุณ : พลายแป้ง - [ 1 มิ.ย. 50 09:03:32 A:210.203.176.205 X: TicketID:120371 ]   คุณ พลายแป้ง เผยแพร่กรุณา ลงคำว่าลิขสิทธิ์เป็นของวัดดังกล่าวด้วย เพราะ เราไม่ได้ขอนุญาตมาเผยแพร่ตรงนี้ ค่ะ แต่พอดีเห็นท่านผุ้แจก หนังสือมาให้ เป็นพี่น้องแท้ๆกันกับท่านผู้จัดทำหนังสือนี้ด้วยเลยถือ โอกาสนำลงด้วยคารวะในธรรมะที่ท่านแจงไว้ ได้ ขาวสะอาดดี ขอบคุณมาก จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 2 มิ.ย. 50 13:53:28 ]