ความคิดเห็นที่ 2
จริงๆ วงการศิลปะ ไปจนถึงแวดวงทางความคิดของเยอรมันนั้น Boom สุดๆ เลยนะครับ
เพราะ นอกจากนักประพันธ์เพลงเหล่านี้ ยังมีพวกนักปรัชญา กวี และ นักวรรณกรรม อีกหลากหลาย ที่ยิ่งใหญ่ในช่วงนั้น
Goethe, Heine, Kleist, Herder, Schiller ... แล้วใครอีกหว่า? มีอีกนะผมจำชื่อไม่ได้ พวกที่อยู่ไวมาร์แหละ
http://en.wikipedia.org/wiki/Weimar
จะว่าไปพวกนักประพันธ์เพลงหลายๆ คนก็เคยอยู่นี่แฮะ
นอกจากนี้แล้วพวกปรัชญาสาย German Ideology ทั้งหมด ก็อยู่ๆ ช่วงราวๆ นั้น ตั้งแต่ Kant, Fichte, Schelling และ Hegel หนังจากนั้นตั้งแต่กลางๆ ศตวรรษที่ 19 โลกภาษา German ก็ผลิต Big Three ที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดทางปรัชญาต่างๆ ในภาคพื้นทวีปในศตวรรษที่ 20 สามคนดังกล่าวคือ Marx, Nietzsche, Freud (อันนี้ก็นับๆ ตามเขามานะครับ จริงๆ ก็มีคนอื่นๆ ที่มีอิทธิพลอีก)
สรุปว่าเยอรมันนี่สุดๆ ไปเลย ตั้งแต่ราวๆ ยุค Romantic
ผมว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับ Sense ของความเป็น Nation State ของ German ด้วยในตอนนั้น (จริงๆ ผมว่ามันเกี่ยวกับ Weimar บ้างนะ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเกี่ยวยังไง) ลองสังเกตุในงานหลายๆ ชิ้นจะมี Sense ทำนอง "German เจ๋งที่สุดในโลก" หรือ มี Sense แบบ Eurocentric มากๆ (ผมพึ่งอ่านงาน Kant ไปชิ้นหนึ่งแล้วผมพบข้อความเหยียดคนผิวดำที่ไม่น่าจะปรากฎได้ในโลกตะวันตกในยุคปัจจุบันที่แนวคิดเรื่อง Political Correctness เป็นเรื่องใหญ่)
... ซึ่งผลผลิตของการ Build พวกนี้จนถึงจุดสูงสุดส่วนหนึ่งก็ไม่น่าจะปฏิเสธได้ว่าคือ Nazi
แต่ผมว่านั่นก็เป็นราคาที่ต้องจ่ายแหละ กับความอุดมสมบูรณ์ทางวัฒนธรรมขนาดนั้น
มีการว่ากันว่าประเทศฝรั่งเศส, อังกฤษ และ เยอรมัน มันมีการปฏิวัติสามครั้งที่ต่างกัน ฝรั่งเศสนั้นปฏิวัติทางการเมือง (ปฏิวัติฝรั่งเศส), อังกฤษนั้นปฏิวัติทางเศรษฐกิจ (ปฏิวัติอุตสาหกรรม) และ เยอรมันนั้นปฏิวัติทางความคิด (การปฏิวัติปรัชญาของ Kant ... ไม่รู้ปกติเขารวมถึง Reformation ด้วยหรือเปล่า)
ภายใต้กรอบแบบนี้ก็ไม่แปลกเลยที่เยอรมันในช่วงนั้นจะอุดมไปด้วย ศิลปิน, นักคิด และคีตกวีมากมาย
จากคุณ :
FxxkNoEvil
- [
29 พ.ค. 50 21:59:43
]
|
|
|