ความคิดเห็นที่ 1 บริติชนำชาวทมิฬจากรัฐทมิฬนาดู มาเป็นแรงงานสร้างทางรถไฟในศรีลังกา อยู่นานไปก็มีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น พอได้เอกราชก็เลยมีประชากรสองกลุ่มคือทมิฬกับสิงหล ทมิฬเป็นชนส่วนน้อยที่นับถือฮินดู นานวันเข้าก็อยากเป็นอิสระจากรัฐบาลกลางที่โคลัมโบ ฐานที่มั่นอยู่ในคาบสมุทรจัฟนาทางตอนเหนือของเกาะ จากคุณ : Viengวิไล - [ 2 มิ.ย. 50 14:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เก็บเกร็ดความรู้.... ท่านอื่นมีเพิ่มเติมไหมค่ะ อยากทราบ ข้อมูล มากกว่านี้ค่ะ ว่าเหตุที่จูงใจ ให้แยกออกจาก รัฐบาลกลางเพราะอ่ะไร หรือ รัฐบาลกลางดูแล ไม่ดี จากคุณ : fluffyboy101 - [ 2 มิ.ย. 50 16:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความขัดแย้งระหว่างชาวสิงหลกับชาวทมิฬ มีมานานเป็นตำนานเหมือนกันครับ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะก่อนอังกฤษจะเข้ามา บันทึกเป็นคัมภีร์ภาษาบาลี ชื่อ มหาวามสะ หรือมหาวามสะอรรถกถา เรื่องราวความขัดแย้งที่ดำเนินเรื่อยมา ผ่านยุคอาณานิคมจนถึงปัจจุบัน น่าสนใจครับ คิดว่า ทำเป็นสกุ๊ปยาวอีกเรื่อง ท่าทางจะสนุกเหมือนกัน. คงเอามาใส่ไว้ในกระทู้นี้แหละครับ จากคุณ : hummel - [ 2 มิ.ย. 50 16:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วจะรอคุณ hummel นะครับ หวังว่าคงได้ความรู้เพิ่มอีกมาก จากคุณ : KeepTryin' - [ 2 มิ.ย. 50 16:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ปูเสื่อรอ เลยแหละค่ะ... จากคุณ : fluffyboy101 - [ 2 มิ.ย. 50 19:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาเล่าเกร็ดในปัจจุบันครับว่า กลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ถือเป็นกลุ่มกบฏที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลกครับ  กลุ่มนี้มีกองทัพที่มีการจัดระเบียบอย่างเป็นระบบ แถมยังมีกองทัพเรือและอากาศยานไว้ในครอบครองด้วย ตามข้อมูลในเว็บของกลุ่มกบฏแล้ว กลุ่มมีรถถัง T-55 ถึง 9 คัน รถเกราะ 18 คัน เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ปืนใหญ่ขนาด 85 mm ไปจนถึง 155 mm เครื่องยิงลูกระเบิด ฯลฯ กองทัพเรือ (Sea Tiger) มีเรือดำน้ำขนาดเล็กที่กลุ่มสร้างเอง 1 ลำ เรือโจมตีต่าง ๆ อกีหลายสิบลำ แต่ละลำมีระบบอิเล็กทรอนิคที่น่าประทับใจทีเดียว กองทัพอากาศมีเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินที่ดัดแปลงเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด (ตามภาพ) เครื่องนี้เคยไปทิ้งระเบิดในสนามบินฝ่ายรัฐบาลมาแล้วด้วยครับ http://ttnet.netfast.org/ แต่กองทัพศรีลังกา ก้ไม่ได้มีแสนยานุภาพที่มากกว่ากลุ่มกบฏอย่างชัดเจนเหมือนกรณีขัดแย้งทั่ว ๆ ไปเลยครับ อาวุธที่ใช้ค่อนข้างเก่า... อย่างกองทัพอากาศศรีลังกามีเครื่องบิน Kfir ของอิลราเอล MiG-27 ของรัสเซีย และ F-7 ของจีนรวม ๆ แล้วไม่กี่ฝูง ซึ่งก็เคยถูกทิ้งระเบิดทำลายไปหลายลำ กองทัพเรือมี OPV 2 ลำ เครื่องเร็วโจมตี (อาวุธปล่อยนำวิถี) อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะได้เปรียบกลุ่มกบฏอยู่ในแง่ของความทันสมัย ส่วนกองทัพบกมีอาวุธคล้าย ๆ กลุ่มกบฏเลยครับ เพียงแต่มีจำนวนมากกว่าเท่านั้น จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไมมันจึงเป็นสงครามเต็มรูปแบบ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ 3 มิ.ย. 50 02:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีสมัยหนึ่งหลังจากที่ได้รับเอกราชที่รัฐบาลศรีลังกามีนโยบายชาตินิยมสุดโต่ง โดยยกย่องชาติ(สิงหล) และศาสนา(พุทธ) อย่างสูง จนทำให้ชาวทมิฬที่นับถือฮินดูกลายเป็นพลเมืองชั้นสองของประเทศ และสถานการณ์ก็รุนแรงมากขึ้น รออ่านสกู๊ปยาวอยู่เหมือนกันครับ จากคุณ : Humble - [ 3 มิ.ย. 50 07:46:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มารอท่าน ฮัมเมล อีกคนครับ ผมก็อยากรู้อีกประเด็นนึงเหมือนกันครับว่า ทำไมกองทัพทมิฬถึงสร้างกองกำลังได้แกร่งกว่าสิงหล จากคุณ : สนิมเหล็ก - [ 3 มิ.ย. 50 14:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มานั่งปูเสื่อรอเช่นกันค่ะ ^^ เพราะพอจะได้ยินมาบ้างตาม คห.7 ว่าส่วนนึงเพราะนโยบายนี้ด้วยน่ะค่ะ จากคุณ : Cheriez - [ 3 มิ.ย. 50 16:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กลัวรอกันนานครับ. พอดีเรื่องยาวและสลับซับซ้อน ผมเลยใช้เวลาศึกษานานหน่อย เพื่อให้เข้าใจจะได้ถ่ายทอดออกมาได้ถูกต้องที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอเสนอตอนแรกๆ ก่อนนะครับ ส่วนที่เหลือจะทะยอยตามมา. จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 07:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ศรีลังกา เป็นประเทศหนึ่งในเอเซียใต้ เป็นเกาะใหญ่อยู่ปลายสุดของประเทศอินเดีย มีพื้นที่ ๖๔,๗๔๐ ตร.กม. มีแนวชายฝั่งรอบเกาะยาว ๑,๓๔๐ กม. ปัจจุบันมีพลเมือง ๒๐.๙ ล้านคน หลังการปะทะกันระหว่างทหารฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายกบฏชาวทมิฬ พลเรือนเชื้อสายทมิฬ หลายแสนคนได้อพยพออกจากประเทศไปพักอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย อีกกว่า ๒ แสนคน เป็นผู้อพยพอยู่ในประเทศตะวันตก (*น่าจะเป็นกลุ่มที่มีความรู้ดี, ตรงนี้มองได้ว่า คนกลุ่มนี้น่าจะเป็นฐานทางการเงินให้กลุ่มกบฏชาวทมิฬด้วย) ประชากรวัยทำงาน (ในวัย ๑๕-๖๔ ปี) คิดเป็น ๖๗.๙% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แบ่งเป็นชาย ๖.๙ ล้านคน/หญิง ๗.๒ ล้านคน แบ่งตามเชื้อชาติ (ข้อมูลนี้ของปี ๒๐๐๑) ชนส่วนใหญ่คือ ชาวสิงหล มี ๗๓.๘%, ชาวศรีลังกาเชื้อสายมัวร์ ๗.๒% (พวกนี้สืบเชื้อสายมาจากแขกมัวร์ที่เดินทางค้าขาย แล้วมาตั้งรกรากที่ศรีลังกา ตั้งแต่โบราณ), ชาวทมิฬ(จากอินเดีย) ๔.๖%, ชาวลังกาเชื้อสายทมิฬ ๓.๙%, ที่เหลืออีก ๑๐% ไม่ระบุชัดเจน. การนับถือศาสนา (ข้อมูลปี ๒๐๐๑): ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ คิดเป็น ๖๙.๑%, มุสลิม ๗.๖%, ฮินดู ๗.๑%, คริสต์ ๖.๒% ที่เหลืออีก ๑๐% ไม่ระบุ. ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่คือ ภาษาสิงหล ซึ่งเป็นภาษาทางการและภาษาประจำชาติ มีผู้ใช้อยู่ ๗๔%, ภาษาทมิฬ ๑๘%, ภาษาอื่น ๘% ศรีลังกา ปกครองระบอบสาธารณรัฐ แบ่งการปกครองเป็น ๘ ภาค คือ ภาคกลาง, ภาคเหนือตอนกลาง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ, Sabaragamuwa, ภาคใต้, Uva, และภาคตะวันตก หมายเหตุ: ในเดือนตุลาคม ๒๐๐๖, ศาลสูงของศรีลังกาได้ตัดสินให้การรวมภาคเหนือและภาคตะวันออกเป็นภาคเดียวกันเป็นโมฆะ. หลายฝ่ายกล่าวว่า เพราะจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติรุนแรงยิ่งขึ้น ศรีลังกา ได้รับเอกราชจากอังกฤษในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๑๙๔๘. ซึ่งถือเป็นวันชาติด้วย รัฐธรรมนูญของศรีลังกา ฉบับแก้ไขล่าสุด ปี ๑๙๙๘. ศรีลังกาใช้ระบบกฎหมายแบบประสมประสานกันระหว่างกฎหมาย common law ของอังกฤษ, ระบบกฏหมายแบบโรมัน-ดัทช์, กฎหมายอิสลาม, กฎหมายฮินดู และกฎหมายที่เป็นแบบลังกาเอง นอกจากนี้ก็คือ การปฏิเสธที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลโลก. ประมุขของประเทศคือ ประธานาธิบดี มหินทา ราชปักษา (President Mahinda RAJAPAKSA, รับตำแหน่งตั้งแต่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๐๐๕ หลังชนะการเลือกตั้งครั้งหลังสุด) ประธานาธิบดีของศรีลังกาเป็นทั้งประมุขของรัฐและเป็นผู้นำรัฐบาลด้วย มีวาระอยู่ในตำแหน่งได้นาน ๖ ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน ๒ วาระ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้รับเลือกมาด้วยคะแนนเสียงคิดเป็น ๕๐.๓% ชนะ Ranil WICKREMESINGHE ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรค UNP ที่ได้รับคะแนน ๔๘.๔% รัฐสภาของศรีลังกามี ๒๒๕ ที่นั่ง ถือว่ารัฐบาลปัจจุบันผสม เพราะพรรค SLFP ของท่านประธานาธิบดีมี ๕๗ ที่นั่ง น้อยกว่าพรรคฝ่ายค้าน UNP ที่มี ๖๘ ที่นั่ง แต่พรรครัฐบาลได้กำลังเสริมจากพรรค JVP ที่มี ๓๙ ที่นั่ง พรรคการเมืองของศรีลังกา มีมากมายครับ เพราะมีชนกลุ่มต่างๆ ค่อนข้างหลากหลายกว่าเรา เอาเฉพาะพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาในรัฐสภาแล้วมีทั้งหมด ๑๖ พรรค จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 07:59:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ว่ากันด้วยเรื่องเศรษฐกิจ  ตั้งแต่ปี ๑๙๗๗ ศรีลังกาภายใต้การปกครองของพรรค UNP ค่อนข้างมีนโยบายปิดประเทศ เพิ่งจะเปิดประเทศภายใต้การเข้ามาของรัฐบาลปัจจุบันนี่เอง ทำให้เศรษฐกิจของศรีลังกามีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากโตในระดับ ๔% มาอย่างต่อเนื่อง วิบัติภัยซึนามิ ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๓๑,๐๐๐ คน สูญหายอีก ๖,๓๐๐ คน ไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า ๔ แสนคน โครงสร้างทางเศรษฐกิจของศรีลังกากำลังเปลี่ยนไป จากเดิมที่ ๙๐% ของการส่งออกมาจากภาคเกษตร ตอนนี้เหลือเพียง ๑๕% ทั้งนี้มาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมสิ่งทอที่ขยายตัวมาเป็นสัดส่วนกว่า ๖๐% ของการส่งออก ตรงจุดนี้อยากจะชี้ให้เห็นว่า โครงสร้างทางสังคมของศรีลังกากำลังเปลี่ยนไป แรงงานภาคเกษตรจากชนบท ย้ายเข้ามาหางานทำในเมือง ล่าสุด GDP ของศรีลังกา ปี ๒๐๐๖ โตขึ้น ๖.๓% รายได้ประชากรโดยเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ ๔,๖๐๐ ดอลล่าร์ต่อคนต่อปี (ของไทยเราอยู่ที่ ๙,๑๐๐ ดอลลาร์) สัดส่วนของรายได้ประชาชาติ มาจากภาคเกษตร ๑๗.๓%, อุตสาหกรรม ๒๗.๓%, ภาคบริการ ๕๕.๓% สัดส่วนของประชากรในภาคเศรษฐกิจต่างๆ แบ่งเป็น ภาคเกษตร ๓๔.๓%, ภาคอุตสาหกรรม ๒๕.๓%, ภาคบริการ ๔๐.๔% อัตราการว่างงาน ๗.๖% (ของไทยเราอยู่ที่ ๒.๑%) ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่สังเกตได้ถึงความสามารถในการหารายได้ของประเทศนะครับ, ประชากรในภาคเกษตรมี ๓๔.๓% ทำรายได้ ๑๗.๓% ของ GDP ส่วนในภาคอุตสาหกรรมมีประชากร ๒๕.๓% ทำรายได้ ๒๗.๓% และในภาคบริการมีประชากร ๔๐.๔% ทำรายได้ ๕๕.๓% ความสามารถของแต่ละประเทศเป็นอย่างไรวิเคราะห์จากจุดนี้ได้ ศรีลังกามีเงินเฟ้ออยู่ที่ ๑๒.๑% (ของเราอยู่ที่ ๕.๑%)  งบประมาณทางทหารของศรีลังกาอยู่ที่ ๒.๖% ของ GDP  ที่ผมนำเสนอตรงนี้มาเพราะผมถือว่า ทุกอย่างต้องใช้ทุนครับ ยิ่งเศรษฐกิจของศรีลังกาดีขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีทุนมาปราบปรามการก่อการร้ายมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลก่อนที่ครองอำนาจมายาวนาน เลือกใช้เศรษฐกิจแบบปิด ทำให้ทุนตรงนี้มีอย่างจำกัดเหมือนกัน ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจของศรีลังกายังขาดดุลงบประมาณและขาดดุลการค้าอยู่ครับ จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 08:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ศรีลังกา มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่เรารู้จักกันดีคือตำนานเรื่อง รามยณะ (หรือรามเกียรติ ของเรา) ที่ถือว่าเป็นเสมือนบันทึกในยุคก่อนประวัติศาสตร์ กรุงลงกา ก็คือลังกา นี่เอง ตำนานยุคต่อมาคือ เรื่อง เจ้าชาย วิชชายะ (Vijaya) ซึ่งบันทึกเป็นตำนานในภาษาบาลี คือ ดิภาวามสะ (Dipavamsa) , มหาวามสะ (Mahavamsa) และ จุลละวามสะ (Chulavamsa) ประวัติศาสตร์ตรงนี้คาดว่า เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ตำนานกล่าวว่า เจ้าชาย วิชชายะ (เรียกสั้นๆ แบบไทย คงเป็น วิชัย) อพยพออกจากดินแดนของตนพร้อมทั้งไพร่พล มาจากอินเดียโดยทางเรือ ตำนานกล่าวว่า เจ้าชายมีบิดาเป็นลูกครึ่งสิงห์-มนุษย์ เจ้าชาย วิชชยะ นี่เองคือที่มาของคำว่า สิงหล จากยุคของพระเจ้า วิชชยะ ซึ่งถือว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกของลังกา มาถึงยุคของราชวงศ์ อนุราชปุระ (Anuradhapura dynasty) ซึ่งเริ่มขึ้นในราว ๒๕๐ ปีก่อนค.ศ. ในยุคนี้ก็มีเริ่มมีการแย่งชิงอำนาจกันแล้วระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬ ต่อมากษัตริย์ เอลาร่า (ปี ๒๓๕-๑๖๑ ก่อนค.ศ.) แห่งราชวงศ์ โจละ (ชาวทมิฬ) ก็แผ่ขยายอำนาจเหนือลังกา แต่ก็ถูกกษัตริย์ Dutthagamani  ชาวสิงหล เอาชนะได้ในปี ๑๖๑ ก่อนค.ศ. ชาวสิงหลกับชาวทมิฬ ยังคงรบกันเรื่อยมา ก่อนฝรั่งชาติตะวันตกจะเข้ามา บนเกาะลังกามีอาณาจักรอยู่ ๓ อาณาจักร คือ ศรีชยวาเทนปุระ (Sri Jayawardenapura-Kotte) หรือเรียกสั้นๆ ว่า Kotte, มหานุวาระ (ชื่อเดิมคือ เซนคาทกาลปุระ) (Maha Nuvara (Senkadagalapura) ทั้งสองอาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรของชาวสิงหล และอาณาจักรจ๊าฟน่า หรือยาสปนัม (Jaffna or Yazhpanam) ของชาวทมิฬ ลังกา เป็นเมืองท่าสำคัญมาแต่ยุคโบราณ มีปรากฏในแผนที่โลกของปโตเลมี (Ptolemy World Map, ที่สร้างขึ้นโดย Claudius Ptolemaeus ชาวกรีกมีชีวิตอยู่ในค.ศ. ๙๐-๑๖๘ อังกฤษเรียก Ptolemy) ชาติตะวันตกเริ่มแผ่ขยายอำนาจมาสู่เกาะลังกา เริ่มจากโปรตุเกส Lourenco de Almeida มาถึงลังกาในปี ๑๕๐๕ ตอนนี้โคลอมโบ เป็นเมืองท่าของชนมุสลิม และเริ่มแผ่อิทธิพลครอบคลุมแถบชายฝั่งตั้งแต่ปี ๑๕๑๗  จนชาวสิงหลต้องย้ายเมืองหลวงไปยัง Kandy ที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ ชาวสิงหลบางส่วนเปลี่ยนศาสนาไปนับถือคริสต์ ต่อมาฮอลันดา เริ่มเข้ามาแผ่ขยายอำนาจในลังกาตั้งแต่ปี ๑๖๓๘ และยึดโคลอมโบได้ในปี ๑๖๕๖ และยึดได้เกือบทั้งเกาะนอกจากอาณาจักร Kandy ของชาวสิงหล ในปี ๑๖๖๐ ปี ๑๖๕๙ กัปตัน Knox มาขึ้นบกที่ลังกา ถูกชาวสิงหลจับกุมอยู่นานถึง ๑๙ ปี ตรงนี้เป็นหนทางให้อังกฤษเข้ามายึดครองลังกาในปี ๑๘๑๘ ในระหว่างอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ ชาวสิงหลกล่าวหาว่า ชาวทมิฬ ได้รับสิทธิที่ดีกว่า เพราะมิชชันนารี่ได้สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ถือว่า จ๊าฟน่า เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวอังกฤษ ตรงนี้ทำให้ชาวทมิฬ จึงได้รับประโยชน์ไปด้วย   อังกฤษยังขนชาวทมิฬจากอินเดีย มาเป็นคนงานในไร่ชา ซึ่งเป็นผลผลิตทางเกษตรที่สำคัญของลังกา (ที่ชาวอังกฤษลงทุน) ทำให้จำนวนประชากรชาวทมิฬในภาคกลางของลังกาขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ความเป็นอยู่ที่ยากจนซึ่งแม้ว่าจะอพยพมาจากรัฐทมิฬนาดู ทางตอนใต้ของอินเดียแล้วก็ตาม ชาวทมิฬจากอินเดียเหล่านี้ก็ยังมีความเป็นอยู่ที่ยากจนอยู่ ทำให้เป็นข้อแตกต่างระหว่างชาวทมิฬเชื้อสายลังกาที่อยู่ทางเหนือ กับกลุ่มชาวทมิฬจากอินเดียที่มาใหม่ ที่อยู่ทางตะวันออก ตรงนี้เองที่เป็นเป้าหมายอย่างแรกๆ ที่ถูกรัฐบาลชุดแรกของลังกา ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี D.S. Senaanyake นายกรัฐมนตรีคนแรกของลังกา ออกกฎหมายขับไล่ชาวทมิฬที่ไร้สัญชาติ (เรื่องนี้แม้แต่ชาวลังกาเชื้อสายทมิฬก็เห็นด้วย) ผลกระทบต่อเนื่องทำให้ดุลยภาพทางการเมืองของชาวทมิฬเปลี่ยนไป ในปี ๑๙๔๘ ที่ลังกาได้รับอิสรภาพ มีชาวทมิฬได้รับการเลือกตั้งเข้าสภา ๓๓% ในช่วงแรกๆ การเมืองของลังกาค่อนข้างวุ่นวายจากความเห็นที่แตกต่างกันทางการเมืองโดยเฉพาะในกลุ่มชาวสิงหล มีความพยายามจะร่วมมือกับพรรคการเมืองของชาวทมิฬ แต่ก็ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวสิงหลที่ไม่เห็นด้วย ความวุ่นวายทางการเมืองในศรีลังกาสงบลงหลังการเลือกตั้งปี ๑๙๖๐ นางสิริมาโว บันดารานายะเก ผู้นำพรรค Sri Lanka Freedom Party หรือ SLFP ได้นำประเทศไปสู่แนวทางสังคมนิยม แนวทางที่จะอพยพคนอินเดียเชื้อสายทมิฬออกไปจากศรีลังกาก้าวหน้าต่อไปเมื่อ นางสิริมาโว บันดารานายะเก ตกลงกับรัฐบาลอินเดียในเรื่องการนำคนอินเดียเชื้อสายทมิฬจำนวน ๖๐๐,๐๐๐ คน อพยพกลับอินเดียภายใน ๑๕ ปี ส่วนอีก ๓๗๕,๐๐๐ คน ตกลงจะให้สัญชาติเป็นศรีลังกา ซึ่งตามข้อตกลงฉบับนี้ไม่รวมถึงชาวอินเดียเชื้อสายทมิฬที่อพยพกลับอินเดียไปก่อนหน้านี้ แต่เรื่องการให้สัญชาตินี้ก็ยังไม่เริ่มดำเนินการจนกระทั่งถึงปี ๒๐๐๓ นอกจากความพยายามลดจำนวนชาวทมิฬโดยการนำชาวทมิฬที่มิได้เป็นคนสัญชาติศรีลังกาอพยพออกนอกประเทศไปแล้ว ทางการรัฐบาลซึ่งเป็นของชาวสิงหลยังได้พยายามนำชาวสิงหลอพยพเข้าไปอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยของชนเชื้อสายทมิฬมากยิ่งขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของท้องถิ่น จนกระทั่งในพื้นที่บางแห่งที่แต่เดิมเป็นของชาวทมิฬ กลายเป็นพื้นที่ที่มีชาวสิงหลเป็นประชากรส่วนใหญ่ไป ในปี ๑๙๕๖ รัฐบาลศรีลังกาได้เสนอกฎหมาย Sinhala Only Act of 1956 ซึ่งให้ใช้ภาษาสิงหลเป็นภาษาราชการแทนจากเดิมที่ใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งนี้โดยอ้างว่า มีประชากรชาวสิงหลเป็นชนส่วนใหญ่ถึง ๗๔% ของจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกประท้วงโดยชาวทมิฬ เพราะแต่เดิม ชาวทมิฬที่ได้รับการศึกษาดี จะใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาทางการ แต่หากกฎหมายฉบับนี้ออกมา เท่ากับทุกคนตกงาน ในทางปฏิบัติจึงยังคงใช้ภาษาอังกฤษต่อไป จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 08:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ร่างกฎหมาย Sinhala Only Act ทำให้พรรค Federal Party ซึ่งเป็นพรรคของชาวทมิฬออกมาประท้วง นายโซโลมอน บันดารานายะเก นายกรัฐมนตรีเชื้อสายสิงหลขณะนั้นต้องขอเจรจากับฝ่ายทมิฬ โดยจะยอมให้ใช้ภาษาทมิฬในเขตที่ชาวทมิฬเป็นคนส่วนใหญ่ สร้างความไม่พอใจให้กับพวกชาวสิงหล จากนั้นพวกชาวสิงหลก็เริ่มทำร้ายและทำลายทรัพย์สินของชาวทมิฬ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๑๙๕๗ ชาวสิงหลเริ่มโจมตีชาวทมิฬที่โดยสารรถไฟ จากนั้นก็โจมตีคนงานชาวทมิฬที่ทำงานในไร่อ้อยใน Polonnaruwa ซึ่งเป็นถิ่นของชาวสิงหลในคืนวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ทำให้ชาวทมิฬเสียชีวิตไปราว ๗๐ คน ที่เหลือรอดตายเพราะเข้าไปหลบในไร่อ้อย ตำรวจชาวสิงหลพยายามปกป้องชาวทมิฬที่หนีตาย แต่มีจำนวนน้อยมากจนทำอะไรแทบไม่ได้ เพราะตำรวจก็โดนตีหัวแตกไปหลายคน เช้าวันรุ่งขึ้น ทหารเริ่มเข้ามา แต่มาเพียง ๒๕นาย เมื่อมาพบว่า ม๊อบชาวสิงหลมีกว่า ๓,๐๐๐ คน ทหารจึงต้องยิง คราวนี้เจอของจริง ต่างคนต่างหนีกันกระเจิดกระเจิง กลุ่มม๊อบเสียชีวิตไป ๓ คน ถึงตอนนี้เหตุการณ์ยิ่งรุกลามขยายตัวต่อไปเมื่อนายกรัฐมนตรี นายบันดารานายะเก กล่าวว่า การจลาจลที่เกิดขึ้นทำให้นาย D.A. Seneviratne นายกเทศมนตรีเมือง Nuwara Eliya ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศที่สวยงามเสียชีวิต เรื่องนี้ยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้ชาวสิงหล กลุ่มม๊อบชาวสิงหลเริ่มลุยทำร้ายชาวทมิฬในเขตรอบนอกของเมือง โคลอมโบ และเริ่มมีการปล้นและเผาร้านค้าของชาวทมิฬด้วย ยังประสมโรงด้วยข่าวลือว่า ครูสตรีชาวสิงหลถูกพวกทมิฬล้างแค้นโดยการฆ่าตัดคอ ทำให้ชาวสิงหลโกรธแค้นและบุกเข้าเผาโบสถ์พราหมณ์ของชาวทมิฬที่ Kovil แต่เมื่อเผาโบสถ์ไม่สำเร็จก็จึงนำตัวพราหมณ์ที่อยู่ที่นั่นมาเผาแทน เหตุการณ์ในโคลอมโบยิ่งรุนแรงขึ้น ชาวสิงหลลุยค้นหาชาวทมิฬทุกวิถีทาง จับผู้ชายที่สวมเสื้อออกนอกกางเกงหรือผู้ชายที่เจาะหู ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นสิ่งที่ชาวทมิฬชอบทำ คนที่อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาสิงหลไม่ได้ก็โดนทำร้ายด้วย แม้กระทั่งปลอมเป็นตำรวจมาบอกให้ชาวทมิฬอพยพไปอยู่ที่สถานีตำรวจ ตอนนี้ชาวทมิฬโดนทำร้ายทุกรูปแบบทั้งปล้น, ฆ่า, ข่มขืน ชาวสิงหลที่เห็นใจชาวทมิฬต้องช่วยนำเพื่อนมาหลบซ่อนในบ้าน ถึงตอนนี้ ชาวทมิฬเริ่มรวมกลุ่มกันล้างแค้นบ้างแล้ว ใน Eravur ซึ่งเป็นเมืองชายทะเล ชาวประมงเชื้อสายทมิฬ รวมกลุ่มกันตีกับชาวประมงเชื้อสายสิงหล ทำให้ชาวประมงสิงหลเสียชีวิตไป ๕๖ คน คนขับรถยนต์ที่ถูกเข้าใจว่าเป็นชาวสิงหลถูกชาวทมิฬขว้างด้วยก้อนอิฐจนตาย ในจ๊าฟน่า มีการเผาร้านค้าของชาวสิงหล และม๊อบชาวทมิฬบุกเผาวัดนาคาวิหาเร. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลซึ่งเป็นชาวสิงหลไม่ได้ทำอะไรเลย จนกระทั่งวันที่ ๒๗ พฤษภาคม จึงมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน พรรค Federal Party ของชาวทมิฬถูกยุบ มีการจับกุมแกนนำของพรรค ทหารออกมารักษาการตามเมืองสำคัญๆ ชาวทมิฬกว่า ๑๒,๐๐๐ คน ต้องหลบภัยในค่ายอพยพใกล้โคลอมโบ และนำผู้อพยพเหล่านี้โยกย้ายทางเรือไปยังจ๊าฟน่าในต้นเดือนมิถุนายน หลังเหตุการณ์เริ่มสงบ ทหารก็ถอนกำลัง แต่ยังคงกำลังไว้ที่จ๊าฟน่า ซึ่งเป็นเมืองที่ชาวทมิฬอยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่อีกหลายปี (ยังมีต่อครับ) จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 09:02:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เจ๋งครับท่าน ฮัมเมล ขอบคุณที่ทำให้เห็นอีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์นี้ ปกติผมจะมองชาวทมิฬเป็นผู้ร้ายมากกว่า เพราะได้รับข้อมูลด้านเดียวมาตลอด จนผมนึกว่าชาวทมิฬเป็นพวกป่าเถื่อนที่มาแย่งดินแดนของชาวสิงหลมาตลอด จากคุณ : สนิมเหล็ก - [ 4 มิ.ย. 50 09:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สรุปว่า การจลาจลที่เกิดขึ้นมีชาวทมิฬเสียชีวิตไป ๑๕๐-๒๐๐ คน อีกหลายคนบาดเจ็บและต้องสูญเสียทรัพย์สิน อีกกว่า ๒๕,๐๐๐ คน อพยพไปทางตอนเหนือ การห้ามนำเข้าภาพยนตร์และสิ่งพิมพ์ภาษาทมิฬ จากรัฐทมิฬนาดู ปี ๑๙๗๐ รัฐบาลศรีลังกาต้องการตัดความสัมพันธ์ระหว่างชาวทมิฬในศรีลังกากับรัฐทมิฬนาดู ซึ่งเป็นรัฐของชาวทมิฬในอินเดีย จึงสั่งห้ามนำเข้าภาพยนตร์และหนังสือต่างๆ ที่เป็นภาษาทมิฬ รวมถึงปิดสาขาพรรค Dravida Munnetra Kazhagam (DMK) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของชาวทมิฬที่อยู่ในรัฐทมิฬนาดู และสมาพันธ์เยาวชนชาวทมิฬด้วย แต่เรื่องคำสั่งห้ามนำเข้านี้ อีกกระแสหนึ่งก็ว่า เป็นการกำจัดคู่แข่งของผู้ประกอบการชาวศรีลังกาเชื้อสายทมิฬ ปัญหาการรับคนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย ในปี ๑๙๗๐ การรับคนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยยังเป็นแบบทั่วไปคือ การสอบแข่งขัน ปัญหาก็คือ ชาวสิงหลซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรัฐทางตอนล่างและในชนบท ต้องเสียเปรียบ การศึกษาที่อังกฤษวางไว้คือ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก และศูนย์กลางของการศึกษาก็อยู่ที่จ๊าฟน่า ซึ่งเป็นเมืองของชาวทมิฬ ดังนั้นชาวทมิฬจึงได้เปรียบในเรื่องนี้  ทำให้บุคลากรที่เป็นกำลังสำคัญโดยเฉพาะที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอย่างเช่น แพทย์ และวิศวกร ส่วนใหญ่จึงเป็นชาวทมิฬ ดังนั้นรัฐบาลของศรีลังกาจึงออกกฎหมายให้การรับคนเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยใช้ระบบโควต้า ตรงนี้ทำให้จำนวนนักศึกษาที่เดิมเป็นชาวทมิฬต้องลดจำนวนลง ในตอนแรก, นักการเมืองชาวทมิฬ พยายามใช้หนทางต่อสู้กันทางการเมืองโดยผ่านพรรค Federal Party แต่ก็ได้รับการต่อต้านจากชาวสิงหล  ในปี ๑๙๖๐ รัฐบาลของนางสิริมาโว บันดารานายะเก (ภรรยาม่ายของอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ ๔ นายโซโลมอน ถูกชาวสิงหล ลอบสังหารเพราะไม่พอใจที่ไปยอมชาวทมิฬ) โดยรัฐบาลพยายามแทรกแซงการเรียนการสอนในโรงเรียนของมิชชันนารี ซึ่งเป็นโรงเรียนส่วนใหญ่ในประเทศ โดยพยายามเปลี่ยนแปลงการบริหารโรงเรียนและเปลี่ยนภาษาที่ใช้สอนกันจากเดิมที่ใช้ภาษาอังกฤษ มาเป็นการใช้ภาษาสิงหลและทมิฬแทน ซึ่งทำให้ลดความแตกต่างระหว่างเด็กสิงหลกับเด็กชาวทมิฬ ชาวสิงหลเริ่มมีโอกาสในการหางานทำมากขึ้น ทำให้ชาวสิงหลว่างงานมากขึ้น ปี ๑๙๗๐ รัฐบาลก็เปลี่ยนชื่อประเทศจาก Ceylon เป็นศรีลังกา ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมในภาษาสิงหล ตรงนี้ยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้แก่ชาวทมิฬ มากยิ่งขึ้น ความแตกแยกระหว่างชาวสิงหลกับชาวทมิฬยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามมา. แนวคิดที่จะแยกตัวเป็นอิสระเกิดขึ้นในปี ๑๙๗๖ โดยกลุ่มทมิฬอีแลม (Tamil Eelam) ซึ่งมีพรรคการเมืองของกลุ่มชื่อ Tamil United Liberation Front (TULF) ที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี ๑๙๗๖  และได้รับเลือกตั้งเข้าไปในสภา การเคลื่อนไหวในแนวทางการเมืองถูกต่อต้านจากชาวสิงหลที่มีที่นั่งในสภามากกว่าเช่นเดิม (ยังมีต่อครับ) แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 50 10:36:19 จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 10:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กลุ่มทมิฬอีแลมก็เริ่มใช้กองกำลังติดอาวุธโจมตีกำลังทหารและตำรวจ กลุ่มกองกำลังติดอาวธของชาวทมิฬนี้มีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและเรารู้จักกันดีคือ กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (Liberation Tigers of Tamil Eelam: LTTE) ในภาพ คือธง และเครื่องหมายของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ส่วนแผนที่แสดงเขตอิทธิพลของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ ที่แสดงไว้ในสีแดง, ส่วนสีเหลืองเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการแย่งชิงกันระัหว่างทั้งสองฝ่าย แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 50 12:08:12 จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 12:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๑๙๘๑ พรรค TULF ได้จัดให้มีการเดินขบวนครั้งใหญ่ แต่ถูกตำรวจศรีลังกายิง ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตไป ๒ ราย  คืนนั้นตำรวจและกองกำลังกึ่งทหารได้เข้าปิดล้อมและทำลายที่ทำการพรรค TULF, สำนักงานของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น, และสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวทมิฬ  ประชาชน ๔ คนถูกจับตัวออกมาจากบ้านแล้วสังหารทิ้ง ที่ทำงานและโบสถ์ของชาวฮินดูถูกทำลาย  ยังมีพยานจำนวนมากยืนยันว่า ตำรวจและกองกำลังกึ่งอาวุธได้ลงมือเผาหอสมุดสาธารณะของจ๊าฟน่า ที่รวบรวมหนังสือหายากและหนังสือโบราณ รวมถึงหลักฐานงานเขียนซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาวทมิฬ เหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างความเจ็บแค้นให้กับชาวทมิฬยิ่งขึ้น เพราะงานนี้เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๑๙๘๓ กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมได้ซุ่มโจมตีทหารรัฐบาลเสียชีวิตไป ๑๓ นาย ในจ๊าฟน่า เหตุการณ์รุนแรงได้เกิดขึ้นตามมา เมื่อศพของทหารถูกลำเลียงมาถึงโคลอมโบ ประชาชนชาวสิงหลที่โกรธแค้นได้ลุกฮือออกมาก่อม๊อบไล่ล่าและทำลายทรัพย์สินของชาวทมิฬอีกครั้ง เหตุการณ์ได้แพร่กระจายไปตามเมืองใหญ่อื่นๆ ของศรีลังกา แต่คราวนี้รัฐบาลรีบออกประกาศภาวะฉุกเฉินและประกาศเคอร์ฟิว นายกรัฐมนตรี อินทิรา คานธี ต้องส่งรัฐมนตรีมาหารือกับทางการศรีลังกาในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม เหตุการณ์จึงได้ยุติลง รายงานอย่างเป็นทางการระบุว่า มีชาวทมิฬเสียชีวิตไป ๒๕๐ คน แต่แหล่งข่าวอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า มีชาวทมิฬเสียชีวิตไประหว่าง ๔๐๐ ถึง ๓,๐๐๐ คน ในจำนวนนี้มีนักโทษการเมือง ๕๓ คน เสียชีวิตจากการสังหารหมู่ในเรือนจำ บ้านเรือนและร้านค้าของชาวทมิฬกว่า ๑๘,๐๐๐ แห่ง ถูกทำลาย ชาวทมิฬราวแสนคน กลายเป็นผู้ลี้ภัยออกนอกประเทศ ไปยังอินเดีย, ยุโรป, ออสเตรเลีย และแคนาดา. (ยังมีต่อครับ) จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 12:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อสู้กันทางการเมืองไม่ได้ ชาวทมิฬก็หันมาสู้โดยวิธีรุนแรง กองโจรพยัคฆ์ทมิฬ ใช้วิธีซุ่มโจมตีทหารรัฐบาลศรีลังกา แต่เหตุการณ์ใหญ่คือ การโจมตีของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมต่อประชาชนชาวสิงหลที่ฟาร์ม ๒ แห่ง ในคืนวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๑๙๘๔ การสังหารหมู่เป็นไปอย่างโหดร้ายคือ สังหารหมดไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่  ในจังหวัด Mullaitivu ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือนชาวสิงหลรวม ๖๒ คน(ทั้งสองแห่ง) ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๑๙๘๕ กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม ได้ทำการจี้รถโดยสารแล้วเดินทางเข้าเมืองอนุราชปุระ ตรงไปยังสถานีขนส่งแล้วทำการกราดยิงประชาชนที่กำลังรอขึ้นรถโดยสารอยู่ที่แห่งนั้น จากนั้นได้ขับรถต่อไปยังบริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นต้นที่นำมาหน่อมาจากต้นพระศรีมหาโพธิที่อินเดีย พวกกองโจรสังหารพระสงฆ์, แม่ชี และฆราวาสที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น รวมแล้ว ๒ แห่ง มีผู้เสียชีวิตไป ๑๔๖ คน ก่อนถอนกำลัง กองโจรกลุ่มนี้ยังบุกไปวนอุทยาน Wilpattu สังหารเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปอีก ๑๘ นาย ปี ๑๙๘๕ มีความพยายามเจรจากันระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ Thimphu เมืองหลวงของภูฐาน แต่ล้มเหลว ทั้งสองฝ่ายรบกันต่อไปจนถึงปี ๑๙๘๗ กองกำลังฝ่ายรัฐบาลผลักดันกองกำลังฝ่ายพยัคฆ์ทมิฬไปทางตอนเหนือของจ๊าฟน่า   ๕ กรกฎาคม ๑๙๘๗ กลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ เริ่มนำวิธีระเบิดฆ่าตัวตายมาใช้เป็นครั้งแรก โดยขับรถบรรทุกระเบิดเข้าไปในค่ายทหารรัฐบาลแห่งหนึ่งในเขตจ๊าฟน่า ส่งผลให้ทหารรัฐบาลเสียชีวิตไป ๔๐ คน ต่อมาพวกกองโจรยังคงใช้วิธีนี้ปฏิบัติการอยู่เรื่อยๆ เป็นจำนวนกว่า ๑๗๐ ครั้ง เป้าหมายสำคัญก็อย่างอดีตนายกรัฐมนตรี นาย ราจีป คานธี. มาถึงตรงนี้เห็นข้อมูลที่ยืดยาวอีกมาก รวมถึงรายงานการปฏิบัติการต่างๆ ของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ ที่ไม่มีทีท่าว่า การสู้รบของทั้งสองฝ่ายคงจะดำเนินต่อไป ผมว่า เราปล่อยให้เขารบกันไปต่อดีกว่าครับ ถ้ามีข้อสงสัยตรงไหนเกี่ยวกับเรื่องในศรีลังกา เราค่อยมาว่าเป็นเรื่องๆ ดีกว่า เราจะได้ไปต่อที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราดีกว่านะครับ หลายท่านอยากข้ามโขง ไปเยี่ยมเยียนเมืองลาวกันดีกว่า ม่วนซื่นกว่าเยอะ ... นะครับ จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 14:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 -ทำไมกองทัพทมิฬถึงสร้างกองกำลังได้แกร่งกว่าสิงหล เขาเอาเงินมาจากไหนมากมายมาซื้ออาวุธทันสมัยได้ อินเดียแอบสนับสนุนรึเปล่าครับ -เป็นเพราะรัฐบาลศรีลังกามีความสัมพันธ์ดีกับสหรัฐรึเปล่าครับ เขาถึงสร้างภาพพจน์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำได้มากกว่าฝ่ายทมิฬ ผมเองก็เพิ่งเคยได้รับรู้ด้านลบของชาวสิงหลมาจากคุณฮัมเมลนี่แหละ จากคุณ : สนิมเหล็ก - [ 4 มิ.ย. 50 16:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เงินทุนในการดำเนินการของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ น่าจะได้จากชาวทมิฬโพ้นทะเลครับ พวกนี้เป็นพวกที่มีความรู้ พอเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ต้องอพยพไปอยู่ต่างประเทศ มีงานทำ มีรายได้ดี ทุนจึงมีมาก ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นั้น แต่เดิมรัฐบาลเก่าแก่เดินตามแนวสังคมนิยมครับ ความสัมพันธ์ต่างๆ กับต่างประเทศไม่สู้ดีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับเสียมากมาย น่าจะเป็นเพราะตรงไหนที่ไม่ควรแตะ เขาจะไม่แตะ พวกนักการเมืองแม้จะเป็นพวกสังคมนิยม แต่การศึกษาก็มาจากอังกฤษ คงรู้ว่าอันไหนควร-ไม่ควร ท่าทีที่ผมเห็นแล้วดูท่าทางว่า สหรัฐฯจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวมากกว่า เพราะสหรัฐฯ เองในช่วงเวลาเดียวกันก็เล็งไปทางอินเดีย ซึ่งช่วงนั้นโปรรัสเซียอยู่ นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในเวลานั้นจะมีจุดอื่นให้สนใจมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เกาหลี คิวบา และอเมริกาใต้ครับ ข่าวทางศรีลังกาจึงไม่ค่อยมีเท่าไหร่ สำหรับพวกเราเองก็เป็นชาวพุทธ เหมือนชาวสิงหล ดังนั้นเรื่องอย่างนี้จึงไม่ค่อยได้ถูกนำออกมาพูดถึงกัน หากเราดูจากเนื้อหาที่อาจมามีบางส่วน เช่น การที่กบฏทมิฬบุกทำลายวัด ฆ่าพระภิกษุ, สงฆ์ แม่ชี ตรงนั้นฟังเท่านี้ ภาพความเป็นผู้ร้ายจะขึ้นมาทันที. แต่ถ้ามองเห็นภาพทั้งหมดแล้ว ฝ่ายสิงหลดูน่าจะโหดกว่า ผลในปัจจุบันคือ พอๆ กัน ทั้งสองฝ่ายต้องถอยคนละครึ่งแหละครับ แต่ตรงนี้ก็ยาก เหมือนปัญหายิวกับปาเลสไตน์ครับ จากคุณ : hummel - [ 4 มิ.ย. 50 18:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อยากทราบอีกครับว่าท่าน ฮัมเมล ได้ References เรื่องนี้จากไหนบ้าง ผมหาข้อมูลในด้านลบของชาวสิงหลไม่ค่อยได้เลยครับ มีแต่ข้อมูลด้านลบของทมิฬ ซึ่งผมเองก็เคยคิดเหมือน คห.2 มาตลอดวึ่งเป็นข้อมูลเพียงด้านเดียว จากคุณ : สนิมเหล็ก - [ 5 มิ.ย. 50 13:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข้อมูลทั้งหมดได้จาก Wikipedia ครับ ดูกันทุก detail เลย รวมถึง link ที่ไปยังเวบไซต์อื่นที่เกี่ยวข้องครับ คือต้องเก็บข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ต้องพยายามมองจากหลายๆ มุม ยิ่งข้อมูลมาก ยิ่งได้ความชัดเจนมากขึ้นครับ. พอดีเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนครับ. จากคุณ : hummel - [ 5 มิ.ย. 50 14:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ข้อมูลทั้งหมดได้จาก Wikipedia ครับ ดูกันทุก detail เลย รวมถึง link ที่ไปยังเวบไซต์อื่นที่เกี่ยวข้องครับ คือต้องเก็บข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ต้องพยายามมองจากหลายๆ มุม ยิ่งข้อมูลมาก ยิ่งได้ความชัดเจนมากขึ้นครับ. พอดีเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนครับ. Origins of the Sri Lankan civil war - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Origins_of_the_Sri_Lankan_civil_war Sri Lankan Civil War - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Sri_Lankan_civil_war Black July - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Black_July CIA - The World Fact book -- Sri Lanka https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/geos/ce.html History of Sri Lanka - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_Sri_Lanka Sri Lanka - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Sri_Lanka Kotte - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Kotte Kandy - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Kandy Jaffna - Wikipedia, the free encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Jaffna Sinhala Only Act http://en.wikipedia.org/wiki/Sinhala_Only_Act Sri Lankan state sponsored colonisation schemes http://en.wikipedia.org/wiki/Sri_Lankan_state_sponsored_colonisation_schemes Sri Lankan riots of 1958 http://en.wikipedia.org/wiki/Sri_Lankan_riots_of_1958 Federal Party (Sri Lanka) http://en.wikipedia.org/wiki/Federal_Party_%28Sri_Lanka%29 Solomon Bandaranaike http://en.wikipedia.org/wiki/Solomon_Bandaranaike Tamil Eelam http://en.wikipedia.org/wiki/Tamil_Eelam Sri Lankan riots of 1977 http://en.wikipedia.org/wiki/Sri_Lankan_riots_of_1977 Sri Lankan Tamil militant groups http://en.wikipedia.org/wiki/Sri_Lankan_Tamil_militant_groups Burning of Jaffna library http://en.wikipedia.org/wiki/Burning_of_Jaffna_library Eelam War I http://en.wikipedia.org/wiki/Eelam_War_I Operation Poomalai http://en.wikipedia.org/wiki/Operation_Poomalai จากคุณ : hummel - [ 5 มิ.ย. 50 14:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ ท่านฮัมเมล จากคุณ : สนิมเหล็ก - [ 5 มิ.ย. 50 14:53:46 ]