ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีรับกระทู้ใหม่ครับพี่วิ... จะรออ่านตอนใหม่ๆนะครับ จากคุณ : LaGrandeRue (LaGrandeRue) - [ 3 มิ.ย. 50 06:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ดีใจที่ได้แปะรูปส่งท้ายกระทู้อีกครั้ง แต่ดีใจยิ่งกว่าที่ทราบว่าคุณวิทำธุระเสร็จแล้วครับ เรานัดกันมา เพื่อเข้ากระทู้ใหม่ใช่ไหมครับ คุณ LaGrandeRue... จากคุณ : Einswasser - [ 3 มิ.ย. 50 06:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โอย ตามไม่ทัน... กำลังไล่อัพเดทเว็บอยู่ครับ ขออภัยครับ ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ จากคุณ : ha ha yee - [ 3 มิ.ย. 50 07:11:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับ อาวิและทุกๆท่าน ต้องขอขอบคุณอาวิ ล่วงหน้านะครับ ( กับการรับขวัญศิษย์หลาน ) ไว้อาวิมาเมืองไทยเมื่อไหร่ น้องวินนี่ บอก  อื้อ แอ้ อื้อ อื้อ  ( ขอเลี้ยงต้อนรับนะครับ  ) จากคุณ : jearjear - [ 3 มิ.ย. 50 13:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นใจทั้งคุณวิ และคุณหมอ ค่ะ คุณวิไม่ทานมะเขือเทศสดเหมือนกันเลย ... ถูกลูก หลอกล่อให้ทานอยู่เรื่อย .... ก็ หยวนๆ ยอมเค้ามั่ง เพราะเคยฝืนให้เค้าทานอาหารไทยเหมือนกัน นี่นั่งทำงานอยู่ค่ะ  ใน ลั้นแบ๊ก มีมะเขือเทศ เค้าใส่ให้มาหนึ่งแพ้ค หิวอ่ะค่ะ กลั้นใจ ทานไปแล้วค่ะ กับขนมปังอบชีสชิ้นน้อยนิด ก็ ... อร่อยใช้ได้ค่ะ สมัยนี้ หลายๆอย่าง รสชาดมันเปลี่ยน ปลูกปรุงซะนึกว่าทานผลไม้ประหลาด เพราะเดาไม่ถูก.... จากคุณ : nijja - [ 3 มิ.ย. 50 14:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาทั้งคุณนิจและคุณ jearjear กำลังดีใจว่า..บ่ายวันนี้จะโล่ง..อุตส่าห์นั่งหน้าจอ กะว่าจะร่ายยาวเสียหน่อย ตาเหลือบไปเห็นโน๊ตที่แปะไว้ที่ตู้เย็น ใจความว่า.. Dear Mom, I'll be leaving to Mark's tomorrow morning. Could you please make us some of that delicious creme caramel? Thanks a million and love you, Peter เอาละซิ..หาเรื่องให้ตูอีกแล้วไหมล่ะ..แต่ก็ต้องลุกขึ้นทำ เพราะบ้านเพื่อนลูกคนนี้เขามักจะเลี้ยงอาหารกลางวันกันหลังจากที่กลับจากโบสถ์ และ ลูกชายเราก็มักจะไปร่วมวงอยู่เนืองๆ ก็จำเป็นต้องมีของติดไม้ติดมือไปมั่ง ทีนี้..ของที่ว่านี่..ถ้าจะไปหาซื้อมันก็จะง่ายอยู่หรอก ขนมมีขายออกบานเบิกไป แต่..ตามธรรมเนียมฝรั่ง..อะไรก็ไม่สู้กับการที่นำของที่เรียกว่า home made ไปให้ลิ้มรส.. อาหารไทยนั้นตัดออกไปได้เลย เพราะ ฝรั่งผู้สูงวัยแถวๆนี้ มักจะมีปัญหาสารพัด แป้งเยอะ หรือ รสจัดไป ก็ไม่ได้ เคยส่ง creme caramel ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ทำแบบแอบใส่กระทินิดหนึ่ง หมายถึงประมาณ 1/4 ผสมกับนมสด คือ 3/4 ปรากฏว่า แตกตื่นกันทั้งบาง !! ว่ากันว่า อร่อยมากกกกก....ถึงกับเลื่องลือ ลูกชายเลยได้รับอานิสงฆ์จนหน้าบานเป็นกระด้ง.. ถึงได้มีจดหมายน้อยมาแปะให้เห็นต่อหน้าต่อตานี่ไง.. ลุกขึ้นไปเคี่ยวน้ำตาล..เพราะต้องเตรียมขั้นตอนนี้เป็นอย่างแรกของพิธีการ คือ น้ำสองส่วน น้ำตาลหนึ่งส่วน.. นี่คือการทำ caramel หรือ น้ำตาลใหม้ ที่จะต้องใช้หม้อชนิดพิเศษ คือ ทางส่วนก้นจะต้องหนา..เป็นเหล็กสองชั้น พอเอาน้ำตาลกับน้ำอุ่นผสมกัน(ตามส่วน) ก็ตั้งไฟเลย จากนั้นไม่มีการคนด้วยอุปกรณ์ใด นอกจากเราจะจับหูให้หมุนตะแคงไปมา หากว่า น้ำตาลมักเริ่มออกสีเข้มอย่างไม่เท่ากัน เมื่อใกล้งวด..ก็จะเป็นฟองโตๆ ซึ่งเราต้องเตรียมพร้อมให้ดี กระพริบตาไปไหนไม่ได้เลย ไม่งั้นถ้าน้ำตาลแก่ไฟไป จะออกรสขม จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 50 14:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วก็ราดลงบนถ้วยขนมที่เตรียมไว้ ที่ต้องทำตรงนี้ก่อน เพราะต้องรอให้น้ำตาลเย็นจนจับตัวที่ก้นถ้วย.. จากนั้นก็ไปตีใข่(แบบเบาๆ)กับน้ำตาลให้เข้ากัน พยายามอย่าให้ใข่เป็นฟอง กรีดแท่งวานิลลาสองไปสักสองแท่ง.. สัดส่วนก็แล้วแต่ชอบแบบไหน หวานมาก หวานน้อย ปรกติขนาดถ้วยเล็กจะใช้คำนวนง่ายๆคือ ใข่ครึ่งฟองต่อหนึ่งถ้วย ถ้าทำ 12 ถ้วย ก็ใข่หกฟอง เพิ่มได้สักหนึ่งฟองหรือสองฟอง ถ้าหากว่าใบเล็ก น้ำตาลก็ประมาณ 2 1/2ช้อน โต๊ะ ต่อขนมหนึ่งถ้วย นมก็ตวงเอาตามขนาดว่าทำกี่ถ้วย..ใช้ถ้วยที่ทำนั่นละค่ะ ตวงเอาเลย บอกอย่างนี้จะเข้าใจดีกว่า บอกตามปริมาตร ชั่ง ตวง วัด พอใส่นมลงไปในใข่กับน้ำตาลที่ตีแล้ว..ต้องกรองด้วยกระชอนละเอียดอีกครั้งหนึ่ง..เพราะกากใข่นั้นจะมีอยู่เสมอ จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 50 15:03:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนผสมที่เพิ่งกรอง จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 50 15:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รินใส่ถ้วยที่มีน้ำตาล..ตาม คคห.ที่ 7 จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 50 15:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แหม คุณวิคะ .... อื้อฮือ .... เมื่อไรคุณวิย้ายมาเมืองไทย ก็คงแตกตื่นกันทั้งบาง(น้ำเปรี้ยว ... ปาก)อีก ... แน่ๆค่ะ  หัวบันไดจะไม่แห้ง ด้วยแรงปลายจวักค่ะ ขอเตือน ....อุ อุ รูป ด้วย เทคนิคด้วย ... ขอบคุณค่ะ เด๋ว ว่างๆอีกหน่อย จะขอตามบ้างค่ะ ครีมชีสบริเอครั้งก่อน ลูกสาวไม่ยอมทานเลยค่ะ นั่งมองน้ำลายสอ  กลัวเอวจะยิ่งหลามขึ้นไปอีก .... อร่อยมากกกกก  ... ค่ะ รูปก็มี แต่ อายค่ะ ไม่สวย ... รู้ลึกจะลบไปแล้วค่ะ จากคุณ : nijja - [ 3 มิ.ย. 50 15:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่สำคัญคือ เตรียมน้ำอุ่นจัดใส่ลงในถาด ให้สูงประมาณครึ่งของถ้วย.. และนำเข้าเตาอบ ที่ต้องเตรียมเปิดไว้ก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง ด้วยความร้อน 325 องศา (เตาอบไฟฟ้า)   ตั้งนาฬิกา ประมาณ 40 นาที   แต่ถ้าเป็นเตาแก๊สอาจจะต้องบวกอีกสิบนาที.. ครบตามเวลา  เอาออกได้เลย..อย่าคิดว่าขนมไม่สุก เพระอาจจะเห็นว่าหน้าขนมยังไหวกระเพื่อมเหมือนวุ้น (เพราะมันจะต้องเป็นเช่นนั้น) ออกมาวางทิ้งไว้ให้เย็น ก่อนที่จะเอาเข้าตู้เย็น.. ดิฉันจะส่งไปให้ทั้งถ้วย..เพราะจะได้ไม่เละเวลาเดินทาง ผู้รับมักจะรู้งาน คือ จัดการเสริฟแบบถูกต้อง นั่นคือ ใช้มีดปลายแหลมกรีดไปตามขอบถ้วย จับคว่ำลงบนจาน..ถอดถ้วยออก จัดแต่งข้างด้วยเบอร์รี่ อาจจะมีวิปครีมสักนิดหนึ่ง แถมเสียบด้วยใบสะระแหน่จิ๋วๆ.. ก็กลายเป็นขนมโฮมเมดที่ฮือฮา ตื่นตาตื่นใจ จนชาวบ้านเขาลือไปสิบสองคุ้งน้ำอย่างที่ว่ามานี่ละค่ะ สาเหตที่เอามาเล่า เพราะเห็นว่า นี่คือสิ่งที่ไม่ยากเย็นอะไรเลย ทีเรื่องของ baked brie ขนาดเล่าเล่นๆ ตาชอบแช้งค์ยังรับนโยบายไปทำกินแกล้มไวน์อย่างรวดเร็วทันใจ.. ขนมอย่างนี้..น้องๆหลานๆเอาไปทำได้ไม่ยาก  แสนที่จะประหยัด อีกทั้งจะได้ความภูมิใจในฝีมืออีกต่างหาก ขนมเสร็จแล้ว...ออกมาจากเตาอบหมาดๆนี่เอง เอาออกมาจากถาดที่มีน้ำร้อน มาวางบนถาดธรรมดา เพราะไม่งั้นมันจะสุกเกินไป จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 50 15:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ป้าหวานครับ รูปงานบวชผมเดี๋ยวย่อให้เล็กลงหน่อยแล้วจะส่งให้ทางเมล์นะครับ ตอนนี้เรียนปริญญาโทแล้วครับ ที่เมืองไทยเนี่ยหละ วันนี้พึ่งโดนยัดเยียดให้เป็นประธานรุ่นแบบเอ๋อๆ ไม่รู้ว่าเป็นบุญกรรมทำมาตอนไหนนี่สิป้า เหมือนหาเรื่องเหนื่อยเพิ่มจากเรียนจริงๆ จากคุณ : ประธาน TIP ป.โทรุ่น1 (Ace striker) - [ 3 มิ.ย. 50 19:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามกลิ่นขนมมาค่ะ อูยยยย พรุ่งนี้ทำเลย ขอบพระคุณค่ะ มีการบ้านวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญมาแบ่งพี่หวานอ่านด้วยค่ะ อิอิอิ.... สรุปคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ ๑-๒/๒๕๕๐ http://www.concourt.or.th/download/news/news300550_2.pdf สรุปคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ ๓-๕/๒๕๕๐ http://www.concourt.or.th/download/news/news300550_1.pdf จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 4 มิ.ย. 50 00:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อุ๊บส์!! แหม เห็น cream caramel เลยลืมเลย เบอร์มือถือพี่หวานน่ะค่ะ ขอด้วยนะคะ ยิปปี้   ตาม (ไปเกาะติดๆ) พี่หวานได้แย้ว แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 50 01:08:17 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 4 มิ.ย. 50 00:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ป้าหวานครับ ขอด้วย...หลังไมค์อ่ะ..... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 4 มิ.ย. 50 03:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Sign up Kub จากคุณ : Natt_ac121 - [ 4 มิ.ย. 50 10:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ๊ะ!! น้องปาล์มNatt_ac121 !!   หายไปเลย ตอนที่น้องปาล์มกลับมา น้าส่งเบอร์โทรทางหลังไมค์แล้วทำไมหายไปเลยคะ? ดีวีดีของพี่หวานก็ยังเก็บไว้ให้อยู่ค่ะ ตอนนี้น้องชายคนเล็กของน้าไปอยู่เมืองจีนค่ะ เดือนหน้าน้าก็อาจจะไป ช่วยส่งที่อยู่มาด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้ไปเองก็จะฝากไปส่งให้ค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 4 มิ.ย. 50 11:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดีๆๆ จากคุณ : jujeeja - [ 4 มิ.ย. 50 12:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อิอิ จากคุณ : jujeeja - [ 4 มิ.ย. 50 12:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่ได้เข้ามาดูหลายวัน เห็นคุณ WIWANDA มาดีใจจังค่ะ คราวนี้มีขนมมาฝากด้วย เห็นหน้าตาแล้ว กลิ่นก็ลอยมาจากไหนไม่ทราบค่ะ หิวกันเลยที่เดียวเชียว ดีใจจริงๆค่ะที่ได้พบอีก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคนนะคะ จากคุณ : ไฟกลางธาตุ - [ 4 มิ.ย. 50 17:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตามมานั่งริงไซด์คับ จากคุณ : nicky (Nic Nenin) - [ 4 มิ.ย. 50 20:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่ อลาสกา ท่าทาง เขา จะ มี symposium กัน ชิมิครับ.... อิอิ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 5 มิ.ย. 50 12:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอแสดงความยินดีกับคุณ Ace striker ด้วยค่ะ ที่มีข่าวดีมาบอก.. คุณพ่อหมีคะ.. ตอนนี้คงปาร์ตีซิมโพเซี่ยมกันไม่ไหว เพราะว่า ฉุกละหุกมาก เมื่อสองวันก่อน ตาลีตาเหลือกโทรมาหาแต่เช้าตรู่ เพราะว่า เครื่องคอมพ์ที่นั่น ใช้การไม่ได้ ข้อมูลลูกค้าวีไอพีทั้งหลาย  บัญชีและอื่นๆหายหมด ต้องวิ่งกันวุ่นเลยค่ะ ปวดหัวไปหมด สวัสดีค่ะ คุณไฟกลางธาตุ  แฟนคลับคนสำคัญ..ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทาย..เรื่องขนมยังทำบ่อยๆค่ะ เพราะมักจะมีราขการ"ขอมา" อยู่เรื่อยๆ คุณ jujeeja นี่พูดน้อยจังนะคะ ..ยินดีต้อนรับเข้ากระทู้ค่ะ คุณ nicky นั่งนาน เห็นทีจะเมื่อยแย่.. คุณ Natt_ac121 สอบเสร็จแล้ว เป็นไงบ้าง ส่งข่าวหน่อยซิ.. น้องนก กับ ตาเด็กน้อย (เรตเอ๊กซ์)   อ่านหลังไมค์ค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 5 มิ.ย. 50 14:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตครับพี่หวาน... มีของมาฝากน้องนก......เอ้า ! รับด้วย Grgich Hills 2005, Fume Blanc Estate Grown, Napa Valley, USA ...เนื้อสีเหลืองทองอ่อน ดูสดใส สะอาดตา ...โชยกลิ่นน้ำแร่ชั้นดี คลุกเคล้ามากับผลไม้เขียวเหลืองจัดจ้าน ...ฝรั่งเวียดนามสุก หญ้าสดเจือจาง และรักแร้สะอาดสาวรุ่น ...โครงเนื้อเต็ม ให้สมดุลที่ปนมากับความสดชื่นชั้นยอด ...โอ๊กอ่อน ๆ สวยงาม พร้อมช่วงจบที่ตราตรึง ...ไวน์ขาวจากองุ่น Sauvignon Blanc เต็มร้อยตัวนี้ ...บ่มในถังสเตนเลสและโอ๊กเก่าอย่างละครึ่ง เป็นเวลาสี่เดือน ... Grgich Hills เป็นสาวกร้านโลก สวย สง่า โวหารสูง ...และบริหารเสน่ห์เก่งเหลือร้าย...ไม่รู้เหมือนใคร...แถว ๆ นี้ ...ไปหามาดื่มเสียดี ๆ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 5 มิ.ย. 50 18:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มีคำถามนิดนึงครับ ฝรั่งเวียดนาม  ไม่เหมือนฝรั่งบ้านเราเหรอครับ และก็ Fume Blanc คืออะไรครับ  ผ่านตาหลายครั้งหลายหน  แต่ไม่ทราบเบื้องลึก จากคุณ : M_indy (Master_Indy) - [ 5 มิ.ย. 50 19:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตัวข้างบน นี่ มีที่พาราก้อนครับ และ ตามร้านไวน์ ที่รับไวน์จาก California wine ครับ บนเว็บ พันหกห้าสิบ ขาดตัว เข้ากะอาหารเอเชียได้ดีเหลือหลาย จากได้ลองครั้งที่แล้ว ยังคิดว่า เป็นมื้ออาหารจีนที่อร่อยที่สุดในรอบปี เพราะไวน์ช่วยดัน (ภาษา เทคนิคัลผมไม่รู้ฮี่ๆ รู้แต่มันอร่อย) คนขาย การันตี ฮาๆๆ ปล.น้านกคร้าบบ ผมคิดว่า น้านก ถามจาก ลุงชาลีได้ครับ ขวดนี้้ จากคุณ : SJTU kiddo (Natt_ac121) - [ 5 มิ.ย. 50 20:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ Master_Indy ...Fume Blanc นี่เป็นชื่อองุ่นที่สลับคำเลียนชื่อไวน์ในแคว้น Loire ...ฝรั่งเศสเขาเรียก "Blanc Fume" ซึ่งก็คือองุ่น Sauvignon Blanc ...แต่จะเทียบง่าย ๆ ก็คือ Pouilly-Fume กลาย ๆ ...มาเกิดในอเมริกาโดยฝีมือ Robert Mondavi ...โดยเพิ่มเติมการบ่มด้วยโอ๊กเข้าไป ...ก็เลยเป็น Sauvignon Blanc ที่มาทางสาย Bordeaux ...มากกว่าที่จะเป็น Sauvignon Blanc จาก Loire ...ที่อ้างถึงฝรั่งเวียดนามนั่น ...ฝรั่งเวียดนามเป็นฝนั่งเนื้อละเอียด ฝรั่งไทยมีเนื้อหยาบกว่า ...เพราะเวลาสุกจะมีกลิ่นหอมต่างกันจริง ๆ ครับ ...ต้องลองเทียบเองครับ คุณ Natt_ac121 ข้อมูลแน่นและแม่นแล้ว จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 6 มิ.ย. 50 07:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ.วิโรจครับ แล้วผมจะหาซื้อจากไหนอ่า เจ้่าฝรั่ง เหงียน เนี่ยคับ จากคุณ : สอบๆๆๆ แล้วก็ว่างๆๆ (Natt_ac121) - [ 6 มิ.ย. 50 09:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พี่วิโรจแปะอะไรทีไร ของขาดตลาดทุกที หนูละเบื่อจริงๆ (ย้ำว่า เบื่อจริงๆ เพราะไปซื้อไม่ทัน อดทุกที ทุกทีทุกอยางเลย) โก๊ดโกดแหละ แต่เจ้าเนี้ย หนูไม่กัว หนูโทรสับไปชิงจองไว้ก่อน พี่ชาลีน่าร้ากกกกกกก อิอิอิ ยี่ห้อนี้นกซื้อไวน์แดงมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ชิม เมื่อคืนเปิด Pino Noir ของ Alexander ค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ไม่ได้เอาขวดกลับมาจากที่ร้านด้วยค่ะ ชอบมากค่ะ อร่อยดี เป็น Pino Noir ที่ไม่บางเกินไป เรื่องฝรั่ง ที่ขายอยู่ตามซุปเปอร์ลูกโตๆ ก็เวียดนามทั้งนั้นนี่คะ ฝรั่งไทยลูกเล็กจิ๋ว ฝาดๆ เขาไม่ปลูกไม่เอามาขายกันแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 50 11:27:56 จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 6 มิ.ย. 50 11:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าน้านกชอบ ไล้ - มีเดียมบอดี้ของ ปิโนต์นัวร์ แต่อยากได้รสชาติจัดจ้านแบบ พวก เมอโลต์ หรือ แคบ ซาว แนะนำให้ตัวนี้ครับ Archery Summit, Pinot Noir ,Oregon แพงนีสนึง แต่รับประกันความพอใจครับ ตัวเล็กต่อยหนัก จากคุณ : เดกเฝ้ากราทู้ (Natt_ac121) - [ 6 มิ.ย. 50 11:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Just the news from Singapore krab... I baught the Beringer Private Reserve Chardonnay 12 bottles from duty free shop in Changi and they gave me 12 Vacuum vin from Beringer krab... Nice quality Vacuum vin krab ... So I guest they have promotion for Beringer wines now .. จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 6 มิ.ย. 50 20:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Archery Summit Oregon Pinot Noir ในอเมริการาคาพอๆกันกับ Grgich Hills , Fume Blanc  ละค่ะ ห่างกันนิดเดียว  แต่ถ้าราคาต่างกันมากในเมืองไทย อาจเป็นเพราะค่านิยมของไวน์แดงกับไวน์ขาวมากกว่า.. ส่วน Beringer Private Reserve Chardonnay  ราคาเหมาะกับเป็นของดี ราคายุติธรรม ยินดีด้วยที่คุณพ่อหมีได้มาเก็บไว้ทั้งลัง.. บอกน้องนกเสมอว่า ขอให้ชิมไวน์แบบธรรมชาติ คือ หยิบมาชิมโดยไม่ต้องไปพยายามหาความเร้นลับอะไร ไม่ต้องไปจำเพาะเจาะจงว่าเป็นองุ่นชนิดไหน  ถ้าชอบใจ กินแล้วอร่อย ค่อยหันมาพิจารณาป้าย.. แต่ถ้าไม่ชอบ(แบบยี้) ก็หันมาพิจารณาป้ายเหมือนกัน เพื่อจะได้จำไว้ว่า อย่าไปซื้อมาอีก.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มิ.ย. 50 00:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลงทะเบียนนักเรียนใหม่ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่วิ จากคุณ : PoNotet - [ 7 มิ.ย. 50 15:10:21 A:87.78.126.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนนี้นกสรุปได้อย่างนึงแล้วค่ะพี่หวาน ว่านกไม่ชอบ cab/sau ค่ะ มิน่าล่ะคะ นกไปดื่มกับใครไม่เคยอร่อย ก็เพราะว่าคนที่นี่เขาชอบดื่ม cab/sau กัน วันก่อนนู้นนนน พี่ปีปเปิด malbec ให้ดื่ม นกก็ชอบค่ะ ฮ้อมมม..หอม พี่ท่านยังแปลกใจ  นึกว่านกจะเหม็นซะอีก จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 7 มิ.ย. 50 19:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 วันนี้ทั้งวันกำลังเซ็งกับข่าวของแม่ปารีส ฮิลตัน ที่มีการปล่อยตัวกันอย่างสายฟ้าแล่บ  ทั้งๆที่ขบวนการนั้น ช่างเป็นใจให้กันและตุกติกกันมาแต่ต้น อย่างวันที่ไปนอนในคุก เธอก็เลือกเดินทางไปในเวลาเกือบเที่ยงคืน นั่นก็นับเป็นวันหนึ่ง..ออกจากคุกก็ออกมาแต่เช้ามืด นั่นก็นับเป็นวันหนึ่ง ตามหมายเลขของวันที่ สรุปว่า ติดกินข้าวแดงอยู่แค่สามวัน.. พอข่าวออกมา..เสียงชาวบ้านประชาชี ด่ากันระงม เพราะมันผิดไปจากมนุษย์มะนาคนอื่นๆเขาราวกับฟ้ากับเหว แม้แต่ข่าวในทีวี ที่ผู้ประกาศข่าวได้แสดงความผิดหวังของระบอบด้วยสีหน้าที่ปกปิดไม่มิด.. ทำให้ภาพพจน์ของศาลเลยกลายเป้นตัวตลกไปเลย.. แต่..ช้าก่อน.. เพียงไม่ถึงสองชั่วโมงที่เธอได้กลับไปถึงบ้าน...ศาลได้ออกหมายเรียกอีกครั้ง และคราวนี้ท่าทางจะสนุก เพราะ ทำใหพวกเราได้รู้ว่า ฝ่ายที่ตุกติก เล่นกลเพื่อช่วยเหลือดารานั้นคือ ตำรวจนี่เอง.. อ่านรายละเอียดที่นี่ค่ะ.. Paris Hilton ordered to return to court By LINDA DEUTSCH, AP Special Correspondent 1 hour, 13 minutes ago LOS ANGELES -        Paris Hilton's release from jail may be short lived. Hours after she was sent home under house arrest Thursday for an undisclosed medical condition, the judge who put her in jail for violating her reckless-driving probation ordered her into court to decide if she should go back behind bars. Hilton must report to court at 9 a.m. Friday, Superior Court spokesman Allan Parachini told The Associated Press. "My understanding is she will be brought in in a sheriff's vehicle from her home," Parachini said. The celebrity inmate was sent home from the Los Angeles County jail's Lynwood lockup shortly after 2 a.m. in a stunning reduction to her original 45-day sentence. She had reported to jail Sunday night after attending the MTV Movie Awards in a strapless designer dress. She was ordered to finish her sentence under house arrest, meaning she could not leave her four-bedroom, three-bath home in the Hollywood Hills until next month. City Attorney Rocky Delgadillo complained that he learned of her release the same way as almost everyone else — through news reports. Then, late Thursday, he filed a petition questioning whether Sheriff Lee Baca should be held in contempt of court for releasing Hilton — and demanding that she be held in custody. Superior Court Judge Michael T. Sauer's decision to haul Hilton back to the courtroom came shortly after. "It is the city attorney's position that the decision on whether or not Ms. Hilton should be released early and placed on electronic monitoring should be made by Judge Sauer and not the Sheriff's Department," said Jeffrey Isaacs of the city attorney's office. Sauer himself had expressed his unhappiness with Hilton's release before Delgadillo asked him to return her to court. When he sentenced Hilton to jail last month, he ruled specifically that she could not serve her sentence at home under electronic monitoring. Delgadillo's office indicated that it would argue that the Sheriff's Department violated Sauer's May 4 sentencing order. As word spread earlier Thursday that the 26-year-old poster child for bad celebrity behavior was back home, radio helicopter pilots who normally report on traffic conditions were dispatched to hover over her house and describe it to morning commuters. Paparazzi photographers on the ground quickly assembled outside its gates. Hilton herself kept a low profile, although late in the morning a man arrived outside her house with a supply of cupcakes he said she had instructed him to distribute to the media horde. Her parents also arrived and briefly entered, then left, the home. Shortly before noon, Hilton issued a statement through her attorney. "I want to thank the Los Angeles County Sheriff's Department and staff of the Century Regional Detention Center for treating me fairly and professionally," she said. "I am going to serve the remaining 40 days of my sentence. I have learned a great deal from this ordeal and hope that others have learned from my mistakes." Attorneys differed on whether her treatment was unusual. "She would have gotten out early if she was plain Jane," said Leonard Levine, who has handled numerous probation violation cases. He noted that overcrowding in the Los Angeles County jail system has led to thousands of nonviolent offenders serving only 10 percent of their sentences. "She did as much time as a normal person would have done." Loyola University law professor Laurie Levenson said that she suspected the deal for Hilton's early release was in the works even before she entered the jail system — and that officials probably were anxious to get her out of their custody. "The time and resources needed to take care of a Paris Hilton are huge," she said. "They have to make sure she is safe and her medical needs are attended to. Everything they did was going to be looked at under a microscope." Levine said that with rewards being offered for pictures of Hilton in custody, jail officials would have had to monitor the cell phone cameras of every employee. Rene Seidel of the Los Angeles County Department of Health Services said he had "never heard of" an inmate being released from jail for a medical condition. Inmates with a cold are sent to a jail clinic, he said, and the seriously ill go to the jail ward of the Los Angeles County-USC Medical Center. Hilton's path to jail began Sept. 7, when she failed a sobriety test after police saw her weaving down a Hollywood street in her Mercedes-Benz on what she said was a late-night run to a hamburger stand. She pleaded no contest to reckless driving and was sentenced to 36 months' probation, alcohol education and $1,500 in fines. In the months that followed she was stopped twice by officers who discovered her driving on a suspended license. The second stop landed her in Sauer's courtroom, where he sentenced her to jail. ___ Associated Press writer John Rogers contributed to this report. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 มิ.ย. 50 11:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอต้อนรับนักเรียนใหม่ คุณ  PoNotet เข้าห้องเรีย...เอ๊ย..พูดผิด เข้ากระทู้ด้วยความยินดีค่ะ ตอนนี้ระหว่างกำลังสะสางงาน เขียนคุยกันเล่นสนุกๆน่ะค่ะ ตัวเองกำลังอยู่ในระหว่าง rehap ด้วย..หมายถึงเลิกดื่มกาแฟ(ให้เด็ดขาด) และ พยายามนอนให้เป็นเวลา ประการหลังนี้ยากถึงยากที่สุด แต่ไวน์ยังต้องชิมไปตามกรรมและวาระประจำวัน จากคุณ : WIWANDA - [ 8 มิ.ย. 50 11:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สวัสดีครับ อาวิและทุกๆท่าน ตอนปารีสติดคุก ผมยังนึกในใจว่า นี่สิอเมริกา ทุกคนเท่าเทียมกัน ต้องดูต่อไป เสียดายอย่างเดียวปารีสรู้จักคนน้อย ถ้ารู้จักไอ้ปื้ดก็สบายแล้ว 555 จากคุณ : jearjear - [ 8 มิ.ย. 50 16:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องปารีส ฮิลตัน ศาลก็ได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว..แต่ข้อกังขาของประชาชนที่มีคือ หน่วย sheriff นั่นมีการรับใต้โต๊ะแน่นอน เพราะนาย Baca ออกมาให้การอ้อมแอ้มมาก ว่า สาวเจ้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพและการที่ต้องใช้ยารักษา ... ฟังไม่ขึ้นเลย..เพราะในคุกของรัฐใหญ่ๆอย่างแอล เอ..มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่และหมอพยาบาลพร้อม แถมร่ำรวยขนาดนี้ จะส่งหมอส่วนตัวไปรักษาทุกวันก็ยังได้... เฮ้อ..ค่อยยังชั่วหน่อย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 9 มิ.ย. 50 10:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นทีว่าจะต้องกลับมาเล่นเรื่องท่านธอมัสต่อ เพราะว่า ว่างห่างหายไปนาน.. เพราะว่า ธอมัสได้เดินทางออกจาก Rhone แล้วก็เดินทางไปเที่ยวเล่นอย่างเย็นใจถึงใน Provence และ Lanquedoc ที่จะเป็นการบรรยายเรื่องท่องเที่ยว ซึ่งจะเก็บไปเล่าในทีหลัง เมื่อยามจะเขียนถึงไวน์ของถิ่นแลงเกอดอค แต่ที่จะเขียนต้อเนื่องสำหรับคนที่สนใจอ่านควบสองเวบ ตือ พันทิบ และ winescale ได้เข้าใจในไวน์บอร์คโดซ์มากขึ้น นั่นคือ เส้นทางขากลับของธอมัสที่จะแวะเข้าบอร์คโดซ์ คือ หลังจากที่ออกมาจาก Toulouse ซึ่งใช้เวลาถึงห้าวัน และก่อนถึง เขาได้ผ่านมาทางเขต Montauban ที่ต้องพักค้างหนึ่งคืน ที่บ้านของเพื่อน คือ Duke of Rochefoucault ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของไร่องุ่น Cahuzac  ซึ่งแน่นอนว่า ธอมัสได้ซื้อไวน์ของท่านดยุคมาหนึ่งถัง เพราะว่าไวน์ของ Cahuzac นั้น มีขั้นตอนการทำที่มีคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ มีการหมักในถังนานถึงหกถึงแปดปีก่อนที่จะทำการบรรจุขวด (นี่หมายถึงเมื่อศตวรรษที่ 18 โน่นนะ)  ไวน์ของเขตนี้ได้รับการจำกัดความไว้ว่า "being very full in color,stout, and spirituous" ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ในสมัยนั้น ไวน์บอร์คโดซ์ได้นำเอาไวน์ของ กายูซัค ไปผสมเพื่อเติมรสชาติเป็นเรื่องธรรมดา (แต่ปัจจุบัน Cahuzac อยู่ใน Appelletion Galliac Controllee และคุณภาพไม่ได้ดีเหมือนในอดีต) ธอมัสได้เดินทางต่อโดยการข้ามแม่น้ำ Garonne ที่ท่าเมืองLangon จากนั้นก็เริ่มเดินทางไล่ขึ้นเหนือเพื่อที่จะเข้าสู่นครบอร์คโดซ์ ซึ่งเขาได้ผ่านหมู่บ้าน แห่งไวน์ชั้นดีที่น่าตื่นตาตื่นใจ นั่นคือ Sauternes, Preignac  และ Barsac หมู่บ้านในเขตเหล่านี้ เขาได้บันทึกไว้ว่า เป็นแหล่งที่ทำไวน์ขาวที่ดีที่สุดของบอร์คโดซ์  พื้นดินเป็นทรายผสมกรวด และองุ่นแต่ละต้นปลูกห่างจากกัน ห้าถึงหกฟุต   ในช่วงนี้ เขาได้พักอีกหนึ่งคืนที่ Castres พร้อมที่จะเดินทางเข้าสู่ใจกลางของนครในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น มาถึงเขตบอร์คโดซ์ธอมัสได้เข้าพำนักที่ Hotel de Richlieu และเดินเที่ยวหาหลักฐานเก่าของสมัยโรมันที่เหลือทิ้งไว้ให้ดูด้วยความสนใจ จากนั้นจึงได้ไปเที่ยวไร่องุ่นทางตอนใต้ก่อน  และไร่แรกที่เขาได้ไปเยี่ยมเยือน นั่นคือ Chateau Haut-Brion ที่อยู่ในเขตของตำบล Graves (อำเภอ Passac) ซึ่งเขาได้เดินตรวจดูดินเหมือนเดิม บันทึกไว้ว่า เป็นทรายผสมกรวดขนาดเล็ก แต่ที่ผิดแผกไปนั่นคือ มีส่วนผสมของดินที่อิ่มปุ๋ยสดอยู่ด้วย หลังจากที่กลับจากการเที่ยวชมไร่ โอต์-บริออง  เขาได้เขียนจดหมายของ Francis Eppes ญาติที่อเมริกาทันทีว่า.. "ไปเยี่ยมไร่กับ Capt. Gregory ที่เพิ่งเดินทางมาจาก Portsmouth ที่ผมตื่นเต้นเหลือเกินที่จะบอกว่า ผมได้พบกับของดีเยี่ยมเชียวคุณเอ๋ย   มันคือไร่องุ่น Haut-Brion (อ่านว่า Obrion นะ จำไว้) เป็นหนึ่งในสี่ไวน์ชั้นเทพ และของปี 1784 เนี่ยนะ ถือว่าสุดยอด ดีที่สุดตั้งแต่ 1779 เป็นต้นมา ผมได้จัดการส่งมาให้หกโหล จะห่อให้เป็นอย่างดี เพราะจะฝากไปกับ Capt. Gregory ซึ่งเขาจะส่งต่อให้คุณอีกทีหนึ่ง " จากคุณ : WIWANDA - [ 9 มิ.ย. 50 11:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แม่น้ำ Garonne ที่ท่าเมือง Langon จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 มิ.ย. 50 11:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 41 บอร์คโดซ์ในช่วงการเยี่ยมเยือนของนักการทูตหนุ่มอย่างธอมัสนั้น เป็นเมืองท่าที่อุดมสมบูรณ์ เศรษฐกิจที่ทำเงินมหาศาลนั่นคือการค้าไวน์ส่งออก ปากน้ำจิรองด์หนาแน่นไปด้วยเรือสินค้า ตัวแทนการค้าที่มีทั้ง ชาวอังกฤษ ไอริช เยอรมัน และ ดัทช์  จนดูแล้วเหมือนกับว่า ตลาดกลางค้าไวน์ ที่เรียกว่า Quai Des Chartrons เหมือนกับเป็นตลาดนานาชาติ ธอมัสได้บันทึกไว้ว่า พวกอังกฤษจะใช้ชื่อที่ออกแนวประจำชาติ เช่น "Jernon,Barton,Johnson,Foster,Skinner,Copinger, McCarthy" ส่วนเจ้าบ้าน ฝรั่งเศส ก็เป็น "Feger,Nerac,Brunneau,Jauge,du Verget"   พวกนี้คือกลุ่มที่ควบคุมระบบการขายไวน์แห่งบอร์คโดซ์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  อย่าง Jernon และ Feger นั้นผูกขาดการขาย ชาโต มาร์โกต์ ส่วน Barton  ก็ผูกขาด ชาโต ลาฟีต แต่เมื่อเงาของการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศสเริ่มทะมึนเข้ามา..เหล่าบรรดาพ่อค้าผู้มีอันจะกิน หรือขุนน้ำขุนนางเจ้าของไร่ ต่างหลบหนีเอาหัวให้รอดไปจากกิโยติน โดยการออกไปนอกประเทศกันเป็นแถวๆ ส่วนที่หลบหนีไม่ทันอย่าง เจ้าของไร่ Chateau Lafite และ Chateau Margaux ก็ถูกจับเอาคอขึ้นไปพาดบนเขียง ถูกสับกระเด็นไปเรียบร้อย ไร่ก็ถูกยึดเอาไป.. แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 50 11:42:31 จากคุณ : WIWANDA - [ 9 มิ.ย. 50 11:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เราต้องไม่ลืมว่า การเดินทางเยี่ยมชมชิมไวน์ดีเด็ดดังของท่านธอมัสนั้น เปHนสมัยก่อนที่จะมีการจัดระดับยกย่องไวน์ 1855 classification ถึง 68 ปี แต่โผของท่านก็ถือว่าถูกต้องอย่างไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ของ Medoc หรือ Sauternes   เขาได้ทำการวิจารณ์ไวน์ไว้ว่า "ลาตูร์,มาร์โกต์,โอต์-บริออง นั้นน่าจะพร้อมดื่มได้หลังจากสี่ปี ส่วน ลาฟีตที่ออกจะเบาบางกว่าหน่อย น่าจะสักสามปี  แต่ไวน์พวกนี้มักจะเริ่มไม่ดีเมื่อเก็บไว้นานๆ หลังจากเจ็ดปีไป สีมักจะจางลงไปพร้อมๆกับรสชาติ" ***หมายเหตุ นั่นคือไวน์ในยุคของศตวรรษที่ 18 ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มขั้น ปัจจุบัน ถ้าขืนดื่มไวน์ชั้นเทพก่อนเจ็ดปี..นี่ก็ถือว่า เสียของ แต่ทีนี้เขาก็มาวิเคราะห์กันถึงข้อความนี้ของท่านธอมัส เพราะบางคนสงสัยว่า ท่านได้ดื่มไวน์ชนิดพรากผู้เยาว์หรือไม่.. คำตอบของท่านเจ้าของไร่ Ch. Lafite ท่านบารอน Elie de Rothschild ท่านก็ยังว่า ในสมัยนั้น คนดื่มไวน์ในลักษณะที่ผิดต่างไปจากสมัยนี้ เพราะชอบรสชาติที่บาดหนักกว่า  และการผลิตก็แตกต่างออกไป บางทีหมักทิ้งทั้งเปลือกในถังนานถึงสองสามเดือน ตัวผมเองได้ลองชิมไวน์ลาฟีต ของปี 1811เมื่อไม่นานมานี้..มันยังไม่เสียเลย..และที่แน่ๆก็คือ การดื่มไวน์กรอง ครู ไม่ควรที่จะดื่มในระยะสามสี่ปี ที่ท่านว่ามา..แต่ก็อีกนั่นแหละ อย่าลืมว่า ไวน์ของท่านนั้นไม่ได้บรรจุลงขวดหลังจากสี่ปี (ในถัง) เพราะสมัยนั้น จะไม่มีการบรรจุลงขวดจนกว่าจะมีการสั่งซื้อ ส่วนผู้จัดการของชาโต ลาตูร์ ก็มาให้การเสริมว่า "ในสมัยนั้น ไวน์มีรสชาติจัดจ้าน ฝาดเฝื่อนมากกว่าเดี๋ยวนี้ เพราะไม่ได้ริดกิ่งก้านให้หมดจด จึงต้องหมักกันนานมาก ผมเชื่อว่า ท่านธอมัส ท่านได้ทดลองดื่มไวน์ของลาตูร์เร็วเกินไป.." แหม..พอพบหลักฐานว่าท่านติติงเข้าหน่อย..เหล่าบรรดาเกจิก็ออกมาแก้ตัวกันเป็นแถวๆ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 9 มิ.ย. 50 12:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีครับ อาวิและทุกๆท่าน สงสารเจ้าของไร่ที่หนีไม่พ้นการปฏิวัติจังครับ ไม่ว่ายุคสมัยไหน ความโลภยังคงสร้างปัญหาได้เสมอ haut brion ผมมีโอกาสได้ดื่มแล้วชอบมากครับ เคยได้ดื่ม ปี 2002 เมื่อ หกเดือนก่อน รู้สึกว่าไวน์ ห้าอรหันต์ ก็งั้นๆ ( ไม่ทราบว่าปีนี้ถ้าเก็บต่อไปจะโอเคไหมครับ ) แต่มาเมื่อเดือนก่อนได้ดื่ม ปี 93 โอ้โห ชอบมากๆ ตั้งแต่เจอ lascasses และผองเพื่อน ชาวบอร์ดโดซ์ ดึงผมมาจากนาปา ก็มาเจอพี่ haut brion กับ น้า ausone นี่แหละครับ ทำให้ผมต้องมาปักหลักที่ france เข้าแล้ว จากคุณ : jearjear - [ 9 มิ.ย. 50 17:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สวัสดีครับพี่วิและชาวกระทู้ ไวน์ขวดแรกที่ซื้อกินเองเป็น chianti ราคาถูกมั่กๆ ตอนนั้นไม่ค่อยรู้อะไรครับกินไรก็ตื่นเต้นไปหมด เพราะรู้สึกว่าน้ำผลไม้ไรเนี่ย ทำจากองุ่นเหมือนกันแท้ๆแต่รสชาติมันไม่มีเหมือนกันเลย ไม่เหมือนแบล็กหรือแสงทิพย์ที่เคยกิน อารมณ์เหมือนเราได้พบปะเจอกับชาวบ้านชาวช่องหน้าตานิสัยแตกต่างกันไปเรื่อยๆ ก็เลยติดใจครับ หลังจากนั้นก็ลองกินเรื่อยมา ส่วนใหญ่เป็นไวน์จากอิตาลี่เหมือนกับขวดแรกที่ซื้อ (อย่างหนึ่งเพราะราคามันถูก ฮ่าๆ) นานๆทีก็เป็นออสเตรเลีย โปรตุเกส และอื่นๆ ไวน์ฝรั่งเศสไม่ค่อยได้ยุ่งเพราะว่าราคามันค่อนข้างจะแพงกว่าเล็กน้อยครับ แต่หลังๆมานี่ ได้ลองไวน์จากบอร์กโดซ์มากขึ้น จะด้วยโอกาสหรืออะไรก็ไม่ทราบครับ แต่ทำให้ผมเกิดหลงใหลไวน์จากถิ่นนี้อย่างไม่รู้ตัว ..ไวน์ที่อื่นกินหร่อยเหมือนกันครับ แต่ไวน์จากแถวบอร์กโดซ์นี่มันมีเสน่ห์ยังไงบอกไม่ถูก แต่สำหรับห้าอรหันต์เนี่ย ไม่เคยกินเลยครับ T.T ไม่รู้จะได้กินด้วยหรือป่าวเนื่องจากเห็นราคาแล้วมันสำลัก มือไม้สั่นไปหมด แต่ได้ลอง d'Agassac กับ Poujeaux ที่พี่วิเคยแนะนำไว้ในกระทู้เก่าๆ เยี่ยมมั่กครับ คุ้มค่าคุ้มราคา ถึงตอนนี้ที่กินแล้วประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นไวน์จาก St Julien กับ Margaux ครับ (ได้ไปลองชิมจากงานชิมไวน์มา) มันหอมฟุ้งจรุงใจอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะเจ้า Leoville Barton หลังจากนั้นก็ได้ด้อมๆมองๆ ส่องหาไวน์จากสองถิ่นนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ไหงราคามันแพงจังก็ไม่รู้ T.T ฮ่าๆ เกริ่นมานานเนี่ย แค่อยากจะบอกว่า พอชอบกินไวน์บอร์กโดซ์แล้วมาอ่านเรื่องไวน์บอร์กโดซ์ที่พี่วิเขียนเนี่ย แหม มันยิ่งมันส์เข้าไปใหญ่เลยพั.ผ่.สิ ฮ่าๆ ป.ล. คำถามครับ ไวน์จาก St Julien กับ Margaux เนี่ย ที่ผมได้ไปลองและสังเกตุมา คาแรกเตอร์มันหอมฟุ้งทั้งคู่เลยครับ โดยเฉพาะจาก Margaux หอมฟุ้งน้ำหอมมั่กครับ แต่ไวน์จาก St Julien จะมีกลิ่น spice หอมๆระรวยๆร่วมมาด้วย ไม่รู้ว่าที่สังเกตุมาเนี่ยผิดถูกอย่างไรครับ วานผู้รู้ช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยครับ จากคุณ : PoNotet - [ 9 มิ.ย. 50 20:55:08 A:87.78.125.236 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผมก็นึกว่า ท่านธอมัส ไปหลงไหล Syrah หัวปักหัวปำ (เหมือนผม) จนไม่ออกจาก Hermitage ไปไหนเลย ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 9 มิ.ย. 50 22:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ jearjear ศิษย์รักของพี่เอ๋ย...จะบอกให้ว่า เมื่อสมัยที่เข้ามาสัมผัสเรื่องไวน์ใหม่ๆ ท่านผู้สอนบอกแต่ทีแรกเลยว่า ถ้าจะเอาจริงๆจังๆแล้วละก้อ ไปอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสช่วงก่อนและหลังปฏิวัติให้ทะลุปรุโปร่ง และยังก่อน...เท่านั้นยังไม่พอ.. จากนั้นแล้ว..ต้องไปอ่านประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองด้วย สรุปว่า..คือ..ต้องอ่านทั้งหมด เพราะมันต่อเนื่องกันเป็นเรื่องยาว ก็ประวัติศาสตร์นั้นคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ไม่ใช่การ์ตูนที่จะหยิบเล่มไหนมาอ่านก่อนอ่านหลังเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าจะถามว่าเกี่ยวกันไหมกับเรื่องไวน์ จะว่าเกี่ยวก็ได้ในเชิงพื้นฐานความรู้ เพราะว่า เมื่อรู้แล้ว...อ่านเรื่องไวน์ไหนๆก็จะเข้าใจหมด เป็นการย่นย่อระยะทางอย่างยอดเยี่ยม น้องเอ๋ย...ไวน์โอต์ บริออง ก่อนที่จะคิดดื่ม รอเสียหน่อยนะ อย่างปี 2002 นี่เร็วไปหน่อย  เสียของง่ะ... คุณ PoNotet  คะ..ไวน์ของบอร์คโดซ์นั้นมีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป ที่เราสามารถค้นหาได้อย่างไม่รู้จบ  ไวน์จากมาร์โกต์มีลักษณะพิเศษ คือกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ที่ชัดเจน  ถ้าเป็นชั้นกรอง ครู อย่างชาโต มาร์โกต์ นั้น จะหอมกลิ่นดอกไวโอเล็ตเชียว.. ไวน์จาก ซังต์ ฮูเลียน นั้น เป็นไวน์ที่มีกลิ่นสไปซ์อย่างที่คุณว่าจริงๆ แต่ก็เป็นเพียงบางไร่ บางที่อาจมีกลิ่นของใส้ดินสอแผ่วๆ และ ไม้ซีดาร์ ของดีของเขาคือ Ducru-Beaucaillou ไวน์เทพชั้นสอง.. แต่ถ้าคุณบอกว่า มันเกินกำลังไป.. ขอแนะนำ ไวน์(ตัวเก่งของดิฉัน)  นี่เลยค่ะ Chateau Gloria ที่เป็นไวน์ระดับ Cru Bourgeois ธรรมดาๆ แต่พื้นที่ของไร่เขาอยู่ติดกัน และ ขอบอกจากใจเลยว่า...ถ้าปิดตาชิมก็ยังบอกได้ยากว่า....ไผเป็นไผ คุณพ่อหมี...แหม..กัดพี่เป็นซะแผลเหวอะหวะเชียว..เดี๋ยวเหอะ..!!! แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 50 05:30:21 จากคุณ : WIWANDA - [ 10 มิ.ย. 50 00:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อรุณสวัสดิ์ค่ะ ขอให้พี่หวานเบิกบานวันหยุดและได้ออกไปตีก๊อป จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 10 มิ.ย. 50 01:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 หอมจิงๆครับมาโกต์ ดอกไม้ฟุ้งกระจายมั่ก แต่ไส้ดินสอและไม้ซีดาร์ของซังฮูเลียนเนี่ย เป็นไงอ่ะครับพี่วิ T.T เกิดมาดมแต่กาว..เอ้ย.ปากกาเมจิก ไม่เคยดมไส้ดินสอซะที ส่วนไม้ซีดาร์เนี่ย ยิ่งไม่รู้จักเข้าไปใหญ่ ... เคยดมแต่กระบอกไม้ไผ่ใส่ข้าวหลาม ฮ่าๆๆ เหมือนกันมั้ยเนี่ย -_-"" Gloria นะครับ จดๆๆๆ จดลงสมุดจดการบ้านเรียบร้อยแล้นครับ ขอบคุณมากนะครับพี่วิ ที่ตอบอย่างเร็ว จริงๆมีที่อยากถามอีกเยอะมากเลยครับ ไว้วันหลังจะกวนคร้าบ.. จากคุณ : PoNotet - [ 10 มิ.ย. 50 01:52:08 A:87.78.108.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 5555   ซังต์-ฮูเลียน  นี่ลืมบอกไปว่า ล้อสำเนียงเสียงของคนอเมรืกันน่ะค่ะ.. เขาเรียกกันอย่างนั้น อย่าไปจำเข้าล่ะ..แต่รู้ไว้ก็ดี ฝรั่งเศสเรียกว่า  ซังต์ ฌูเลี่ยนค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 มิ.ย. 50 05:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ลงชื่อครับ วันนี้จะหลับหูหลับตาไปซื้อไวน์ขาวมากินกับอาหารไทย ไวน์ขาวประจำตอนอยู่ไทยที่นี่ก็ไม่ยักจะมีขายครับ ไม่รู้จะทำไงดี ผลเปนยังไงแล้วจะเอามาลงเปนการบ้านครับ มีเรื่องเล่าจากจีนครับ ที่จีนก็แปลกครับ มันบ้าอะไรเปนแฟชั่นกว่าคนไทยอีกครับ ตอนนี้กำลังบ้าไวน์กัน มีแต่ไวน์แดงขาย แต่อาหารจีน ยิ่งทางเหนือ ยิ่งนุ่มยิ่งจีด ก็ยังนึกไม่ออกว่าเวลากินกะไวน์แดงจะกินยังไง จะกลายเป็นซุปรสองุ่น ไก่รสองุ่นไปหมดรึเปล่าก็ไม่ทราบได้ อีกเรื่องนึงครับ ได้คุยกะคนฮ่องกง คลาสเมท เพื่อนมันบอกว่าคราวก่อนมันกลับบ้านไป ไปกินข้าวกะญาติๆหลายๆคน (คงอาหารกวางตุ้งนั่นแล) เปิด ชาต. มาโกต์ แหม่เสียดายของ มาโกต์ กะอาหารกวางตุ้ง จากคุณ : Natt_ac121 - [ 10 มิ.ย. 50 08:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เอ่อ .. น้อง Natt_ac121  คับ... first Growth กับอาหาร จีนเนี่ย ... รู้สึก จะเป็นที่นิยม ของผู้หลักผู้ใหญ่ใน ประเทศ สารขัณฑ์ มานานแล้ว นะคับ รวมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ในเว็ป  DLDB ด้วย  555.... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 10 มิ.ย. 50 10:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 52 หลักของการกินไวน์กับอาหารจีนนั้น มีว่าไว้อย่างนี้ที่เป็นเหตุผลที่เหมาะสุดๆค่ะ 1. For spicy dishes, particularly Szechuan cuisine, try a Gewürztraminer (white). 2. For rich dishes, such as Shanghai red-cooked chicken, serve a red Bordeaux. 3. For heavier northern dishes, such as Peking duck, try a burgundy such as Pinot Noir, or a Merlot. 4.Try serving a Riesling, particularly Johannesburg Riesling, with Cantonese dishes. 5. You can also try serving a Chenin Blanc with delicately seasoned Canton dishes. 6. If you plan to enjoy one bottle of wine with several different regional dishes, don't get too adventurous. Try a white, fruity wine such as a Chardonnay. ข้อหก..นี่ละค่ะ คือความถูกต้องทั้งมวล.. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 มิ.ย. 50 11:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณป้าวิมากๆครับ สรุปคือ อาหารจืด เข้ากับไวน์แดงได้ดีหรือครับ? จากคุณ : Natt_ac121 - [ 10 มิ.ย. 50 11:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ข้อสอง นั่นเขาหมายถึงกินแบบฝรั่งน่ะค่ะ ว่าไก่รสชาติอย่างนั้น ไปได้กับไวน์ของบอร์คโดซ์ที่มีความฝาดเฝื่อน   ถ้าลองนำ Shanghai red-cooked chicken แล่ออกมาแต่เนื้อๆหั่นเป็นชิ้นวางเรียงสวยๆมาในจานพร้อมกับประดับด้วยข้าวสวยหอมกรุ่น และมีผักสุกเครื่องเคียงจัดมาเพื่อความสวยงามอีกสองสามชิ้น เสริฟแบบตะวันตก.. ภัตราคารจีนชั้นดีหลายๆแห่งในซานฟรานซิสโก ก็เป็นแบบนี้ อย่างนั้นละก้อ บอร์คโดซ์ชั้นดีได้เลยค่ะ แต่..ถ้าหมายความถึงลักษณะของวัฒนธรรมการกินแบบจีน ที่มากไปด้วยความหลากหลาย นั่งล้อมวงเป็นสิบคน อาหารเดินขบวนมาสารพัด อย่างนี้ล่อไวน์ขาวระดับกลางๆเถอะ.. จะว่าไปแล้ว นายโรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ก็เคยนำสารพัดไวน์ไปชิมและให้คะแนนท่ามกลางอาหารจีนแบบติ๋มซ่ำซะด้วยซ้ำ..และเมื่อภาพออกมา ฟ้อง พี่แกก็เลยถูกชาวไวน์ด่ากันตึม.. เอาข่าวมาให้อ่านปลากรอบ.. Robert M. Parker, Jr.’s The Wine Advocate® www.eRobertParker.com Pierre Rovani’s Most Memorable Meals of 1999 Mark’s Duck House (Arlington, VA) – Numerous lunches with Robert Parker and a gang of thirsty wine nuts at this Northern Virginia Hong Kong-style restaurant regularly produces lunches filled with fabulous dim sum (the shrimp dumplings are super). Moreover, the items that can be ordered in advance (lobster dumplings, suckling pig, and scallop dumplings for example) are as exquisite as anything that can be found in the former British colony. A huge round table surrounded by friends, never ending platters of great food, and a large lazy-Susan brimming with spectacular wines (BYOB), is a formula for success. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 มิ.ย. 50 13:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ้อ..ขยายคำย่อให้ก่อน เดี๋ยวจะงง  (BYOB) หมายถึง Bring Your Own Bottle(s)  แปลง่ายๆคือ หิ้วไวน์ไปเอง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 มิ.ย. 50 13:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โอ้ว ซังต์ฮูเลียนๆ เอ้ยซังต์ฌูเลี่ยนๆ เกือบจำไปแล้วครับพี่วิ ยิ่งเป็นคนหูเบาอยู่ -_-"" ...ว่าแต่ไวน์กับติ่มซ่ำเนี่ย ผมขอเป็นชาจีนร้อนๆแทนได้มั้ยครับ ฮ่าๆๆ จากคุณ : PoNotet - [ 10 มิ.ย. 50 15:43:21 A:87.78.111.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 พี่หวานที่เคารพรัก คคห 52 ข้อ 1 พี่หวานจิ้มถูกแน่หรือเปล่าคะ? นกอ่านไม่ออกค่ะ Gewürztraminer ???? จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 10 มิ.ย. 50 18:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ้าว มือไว โพตส์ไปซะแล้ว กำลังจะบอกว่า ที่นกบอกว่าดื่ม Pinot Noir อร่อยไปวันก่อนน่ะค่ะ อาหารวันนั้นเป็นโต๊ะจีนค่ะ เป็ดปักกิ่งพอดี มิน่าล่ะ อาหย่อย อิอิ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 10 มิ.ย. 50 18:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ส่งการบ้านครับ ไวน์ที่ได้ดื่มวันนี้ชื่อ Vigna, Traverso, 2004 , Sauvignon , DOC เปนไวน์ที่ผมตกอกตกใจมาก เพราะว่า มันไม่แพงมาก แต่ น้ำ สี หลิ่น รส มัน สุดยอดมากๆครับ กลิ่นพีช สตอเบอรี่ มะนาว สารพัดผลไม้ และ ดอกไม้หอมๆ พวกกุหลาบ ยังมีพอแทรกมาบ้าง แต่กลิ่นโอ๊คไม่มาก เหมือนไวน์ มะกัน กรดไม่สูง เนื้อไม่หนัก แต่เป็นไวน์ ที่หอมสุดๆ ที่ผมแปลกใจคือ ไวน์ราคาแค่นี้ มันเป็นไปได้หรอครับ? ไม่รู้ว่ามันเติมน้ำหอมรึเปล่า ประทับใจมากครับ ที่แปลกใจอีกอย่างคือ ถ้ามันเป้นโซวิยง บลังค์ แต่ ทำไม บอดี้ มันไม่แน่นครับ ออกไปทางบอดี้ อ่อน ครับ แล้วก็ดื่มง่ายมากๆด้วย เปิด แล้ว แทบจะดื่มได้เลยครับ ยังไงก็ตามแต่ ประทับใจมาก กับความหอม เนื้อน้ำ และ ราคาที่จ่ายไปครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 10 มิ.ย. 50 23:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เพื่งแวะไปซื้อไวน์(ใหม่)มาเตรียมไว้รับแขก (ไวน์เก่าเก็บไม่เอามาเลี้ยงหรอก) 4 ขวดที่เห็นหมดไป 160 USD ส่วนไอ้ขวดขวามือสุดนั่น Charles Shaw Cabernet Sauvignon (California) ขอโทษทีครับ ไอ้สี่ขวดทางซ้ายนั่นเป็นของเด็กเล่นไปเลย ไอ้พวก Bordeaux ทั้งหลายถ้าเอามาเปิดให้เพื่อนๆดื่มกัน ก็มักจะบอกว่าอร่อยใช้ได้ แต่พอเอาไอ้ Charles Shaw นี่เปิดให้ลองดู ทุกคนบอกว่าอร่อยจริงๆ พอบอกว่าราคาขวดละ 1.99 USD (เงินไทยน่าจะราวๆ 70-80 บาท)  เท่านั้นแหละ รีบบอกให้พาไปซื้อกันคนละลังสองลัง จะเอากลับเมืองไทย จบเท่านี้ครับ จากคุณ : Black Dog Forever - [ 11 มิ.ย. 50 01:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 61 สวัสดีครับ อาวิและทุกๆท่าน ครับผมอาวิ ขวดที่ได้ทานพรากผู้เยาว์ไปหน่อยครับ อาหารจีนน่าทานๆ สงสัยต้องเชิญกลุ่ม dldb ไปทาน ไออาต้า ซะแล้ว เป็ดปักกิ่ง แหย่ม แหย่ม อาหย่อย รูปไวน์ st. gloria ครับ จากคุณ : jearjear - [ 11 มิ.ย. 50 11:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อไหร่หล่ะคับ น้อง Jear ช่วงนี้เป็นซามูไรพ่อลูกอ่อนไมใช้เหรอ 28 นี้ที่ passo แว้ปๆมาได้มั้งใกล้บ้านนิดเดียว จากคุณ : nic nenin (Nic Nenin) - [ 11 มิ.ย. 50 12:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ยำวุ้นเส้น , เจ้าสมุทร กระทะร้อน ไออาต้า กับ Grosset Polish Hill Riesling หย่ำ ๆ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 11 มิ.ย. 50 13:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อิจฉาตาร้อน น้ำลายท่วมห้องแล้วครับ เหอๆ จากคุณ : เดกเฝ้ากระทู้ (Natt_ac121) - [ 11 มิ.ย. 50 14:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่ได้โพสอะไร แต่ก็ตามอ่านอยู่ตลอดนะครับ... ดีใจมากที่พี่วิเขียนเรื่องให้อ่านต่อแล้ว... จากคุณ : What a warm day (LaGrandeRue) - [ 11 มิ.ย. 50 17:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 66 สวัสดีอาวิและทุกๆท่านครับ เมนูแนะนำ ไออาต้า ต่อจากพ่อหมี เซี่ยงไฮ้ผัด อร่อยมากๆร้านนี้ จะเป็นการเอาเส้นเซี้ยงไฮ้ไปลวกแล้วราดด้วยน้ำเปรี้ยวคล้ายๆ ฉิ้กโช่ว แต่เปรี้ยวน้อยกว่า ละมุนละไม พร้อมด้วยหมูสไลด์ รสชาติหร่อยมากขอบอกแหย่ยมๆ อ้ออีกจานเด็ดก็ นกทอด หร่อยมากๆ สุดท้าย ขนมปังก้อนธรรมดา มาทากับเนยและแยมสัปปะรด ( ผมสังเกตว่าร้านไหนทำอาหารอร่อย ขนมปังก้อนจะอร่อยมากด้วย เช่น sonie ) ที่สำคัญปิดตี 2 ที่เสียดายเสียค่าเปิดขวด ขวดละ 150 ( แต่ยังไม่เคยต่อรอง ) พี่นิคครับ อยากไปเจอพวกพี่มาก รู้ว่าใกล้บ้าน แต่แฟนให้อยู่ใกล้ลูก 555 จากคุณ : jearjear - [ 11 มิ.ย. 50 20:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ว้าว...ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง สุดยอดไวน์ประจำกระทู้ Chateau Gloria อื้อหือ...อิจฉาจนท้องกิ่ว อยากทานอาหารจีนที่ไออาต้า ด้วยจังคับ จากคุณ : Einswasser - [ 12 มิ.ย. 50 02:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 68 พี่วิค่ะ ไปเจอของแปลกมาค่ะ port แต่คิดว่าพี่วิคงเล่าแล้วหล่ะ เลยเอารูปมาฝากค่ะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ปากแม่น้ำ Douro ค่ะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขออนุญาติแปะรูป แบบว่าเจ้าของกระทู้ใจดี [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เรือใช้ขนถังไวน์มาหมักที่หมู่บ้าน Gaia ค่ะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอโทษค่ะพูดไม่เพราะ เอาไวน์มาบ่ม (aged) ตอนนี้คงไม่เรียกไวน์แล้วแต่เรียก Port แทน จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สัญญลักษณ์นี้คิดตั้งแต่ปี 1790 ยังดูทันสมัยเปี้ยบ ต้นตำหรับ Mateus จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:23:21 ]

ความคิดเห็นที่ 74 หน้าตาเค้าหล่ะ หวานปี้ด พอดีหนูชอบออกแนว dry ๆ แต่แบบนี้ก็ทานได้ค่ะ ไม่ติ จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 75 แอบเอาถังบ่มของอีกเจ้ามาโชว์ เป็นความภูมิใจอย่างสูงที่ได้ไปเห็นมาแล้ว ฮี่ ๆ โดนแซวว่ามาเที่ยวนะไมได้มาดูงาน ถ้าเรียนตั้งใจขนาดนี้จบไปนานแล้ว ฮ่า ๆๆ จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เสียดายไม่มีเวลาล่องเข้าไปในแม่น้ำ Douro พื้นที่ปลูกองุ่นอง porto ที่ถุกจัดให้เป็น world heritage มันงามแบบนี้แต่หนูไม่ได้ไป เสียดายอ้ะ ขอมาจากเวบเคาค่ะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 77 Port เป็นไวน์ลักษณะเฉพาะของ โปรตุเกสค่ะ เกิดจากการเอาบรั่นดีเติมลงไปในไวน์จุดประสงค์คือ ไม่ให้ไวน์เสีย ว่ากันว่าตั้งแต่ฝรั่งเศสไม่ยอมขายไวน์ให้อังกฤษ(ตอนนั้น) พี่อังกฤษก็ต้องหาไวน์จากที่อื่นมาดื่มกิน ( ทำอะไรเองได้มั้งนี่ เบียร์ก็ทำไม่เป็นแต่ดันกินกันจนอ้วนทั้งประเทศ ไวน์ก้ทำได้นิดเดียวแต่กลับเป็นผู้บริโภครายใหญ่ของโลก) ก็หันมาเทรดกับโปรตุเกส   ท่าส่งออกไวน์ใหญ่และเก่าแก่ของโปรตุเกสอยู่ที่เมือง Porto ปากแม่น้ำ Douro บริเวณหมู่บ้าน Gaia เป็นบริเวณที่เจ้าของไวน์นำไวน์มาบ่ม aged จนได้อายุที่ต้องการแล้วส่งมาขายที่อังกฤษ โปรตุเกสมีองุ่นมากกว่า 200 พันธุ์ค่ะ มีการปลุกองุ่นตามลักาณะของพื้นที่ ตอนเหนือของโปรตุเกสพื้นดิน ภูเขาเป็นหินแกรนิส แหล่งปลุกที่ดีที่สุดก้อยู่บริเวณกลาง ๆ แม่น้ำที่ไหลจนทะลุถึงประเทศสเปน ( ไม่แปลกใจที่ไวน์ ดี ๆ ของสเปนก้ปลูกในบริเวณต่อ ๆ กันไป นั่นเอง Rioja รึเปล่าค่ะ) บรั่นดีที่เติมในไวน์เพื่อให้ได้ port นี่ Port wine institue เป็นคนกำหนด เพื่อให้ได้มาตราฐานทั้งประเทศ ความลับน่าจะอยู่ที่การเติมบรั่นดีในช่วงเวลาใด ตามที่ฟังเขาเล่ามา บรั่นดีจะไปหยุดการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์ในไวน์ปกติ ทำให้ port มีรถชาติหวาน เพราะน้ำตายยังเหลือเยอะ แล้วก้มีแอลกออล์สูงกว่าไวน์ทั่วไปค่ะ คร่าว ๆ สำหรับพอร์ท กำลังอ่านหนังสือที่ซื้อมาอยู่ค่ะ เลยยังไม่สามารถเล่าได้มากกว่านี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 50 09:05:40 จากคุณ : horseshoes - [ 12 มิ.ย. 50 08:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ชอบจัง เลยครับ คุณ horseshoes ไปไหนมาก็ เอารูปสวยๆ มาเผื่อแผ่... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 12 มิ.ย. 50 12:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 79 นึกแล้วเชียวว่าน้องสาวที่รัก คุณ horseshoes หายไป  คงไปเที่ยวตามเคย น่าอิจฉาจริงๆค่ะ  ฝั่งสเปน และ โปรตุเกส นั่นยังไม่เคยไป  อยากไปมาก.. เป็นหนึ่งในหลายๆประทศที่หมายตาเอาไว้ว่า ชีวิตนี้จะต้องไปเหยียบให้ได้ พี่ไม่ค่อยสวาทเหล่าพอร์ตสักเท่าไหร่นัก เพราะ ไม่ชินกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลสูง(กว่าไวน์)แล้ว...แต่ถ้าจะจิบนิดจิบหน่อยยามที่มีรายการแจกแถม ก็..ก้อ โอเชเลย ส่วน Rioja  คือไวน์สุดเลิฟของพี่เชียว.... คุณ Black Dog Forever  คะ.. ไวน์ Charles Shaw นี่เป็นของกลุ่ม Fetzer  ออกมาทำตลาดไวน์ปั่นป่วนไปหมดเลย  เพราะขายขวดละ 1.99 เหรียญ  ยี่สิบกว่าเหรียญต่อลัง ผู้คนแห่กันซื้อไปเก็บไว้ บ้านละสิบยี่สิบลัง เพราะ คุ้มราคาชนิดไม่รู้จะคุ้มยังไง เพราะ รสชาติถูกปากชนทุกระดับ..หมายถึงกลุ่มที่ทานไวน์เพื่อเจริญอาหาร ว่าไปแล้ว..ยังถูกกว่าน้ำอัดลมซะด้วยซ้ำ  เชื่อไหมคะ ว่า เจ้าของรับทรัพย์อย่างมหาศาล  ฟันกำไรกว่าเจ็ดสิบล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา.. พวกไวน์บอร์คโดซ์กรอง ครู ต้องขายกันเป็นสิบๆปีกว่าจะได้กำไรเท่านี้.. เห็นมั๊ยคะ..อำนาจการซื้อของตลาดล่าง   หากแต่คนที่ชอบไวน์ Charles Shaw  หรืออีกชื่อหนึ่งซึ่งเป็นที่เรียกกันอย่างแพร่หลายนั้น คือ Two Buck Chuck  ไม่ใช่คนในตลาดล่างหรือตลาดไหนๆ  หากแต่เป็น ประชาชนอย่างเราๆท่านๆ ที่ เป็นกลุ่มที่นิยมของดี ราคาถูกนี่แหละค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 13 มิ.ย. 50 10:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 80 โอ้ ไวน์อะไร ทำไมราคาถูกอย่างนี้ล่ะครับ Charles Shaw แถมอร่อยอีก รสชาติเป็นยังไงบ้างอ่ะครับ o_o จากคุณ : PoNotet - [ 13 มิ.ย. 50 20:22:15 A:87.78.94.135 X: ]

ความคิดเห็นที่ 81 Charles Shaw Cab/S มีขายในไทยด้วยนะครับ ราคาราวๆ 600บาท แน่ะ ผมชิมแล้วก็รสชาติได้มาตรฐานครับ ดื่มง่าย เป็นคาแบร์เนต์แบบโต้งๆ ไม่ต้องคิดมาก เข้ากับอาหารได้ดี แนะนำ - คอหมูย่าง แจ่วมะขามปลาร้า คุณวิวันดา คุณวิโรจ และทุกท่าน สบายดีไหมครับ ช่วงนี้ยุ่งมากๆ กับการเปิดบริษัทใหม่ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาทักทายครับ จากคุณ : วี (V di Silom) - [ 14 มิ.ย. 50 11:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 82 สบายดีค่ะ คุณวี..ขอบคุณที่ถาม แต่ตอนนี้จะเป็นลม.. จากขวดละ 1.99 แล้วกลายไปเป็น ขวดละ หกร้อยบาทเมืองไทย นี่ ซื้อไม่ลงหรอกค่ะ  คิดดูว่า ออกมาขายในขวดละ 1.99 นี่ (บวกภาษีอีกเจ็ดเปอร์เซ็นต์กว่าๆ) ต้นทุนการผลิตของเขาตกแล้วขวดละไม่ถึงห้าสิบเซ็นต์ (หนักไปทางค่าขวดกับภาษีเสียละมาก) ไวน์ในราคาสองเหรียญกว่าๆ ที่พอทานได้ก็มีอยู่เยอะค่ะ แค่  ไวน์ Charles Shaw โชคดีที่ได้ออกตัวในร้านดัง ชั้นดีอย่าง Trader Joe's ก็เลยรุ่ง จากคุณ : WIWANDA - [ 15 มิ.ย. 50 07:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 83 โอ้โฮ คุณวีเล่นเอา Charles Shaw ไปจับคู่กะ คอหมูย่าง แจ่วมะขามปลาร้า ผมนั่งอ่านอยู่นี่ จิบไอ้ Charles Shaw นี่อยู่ด้วยพอดี เล่นเอาน้ำลายสอเลยครับ มันไม่มีขายนะแถวนี้ แต่เห็นด้วยครับ ว่าเข้ากับอาหารได้แทบทุกอย่าง โดยเฉพาะคอหมูย่าง :) และไอ้ราคาแค่ 2 บาทฝรั่งนี่ ดื่มครึ่ง เททิ้งครึ่งยังคุ้มเลยครับ แต่ 600 บาทไทยนี่ มันเกินไปนะผมว่า สวัสดีครับ คุณ WIWANDA "Long time no see..." นานๆแวะเข้ามาอ่านสนุกดีมากครับ และก้อ...คิดถึงเสมอครับ จากคุณ : Black Dog Forever (Black Dog Forever) - [ 15 มิ.ย. 50 10:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ 84 สวัสดีครับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกท่าน ผมได้ติดตามอ่านคอลัมภ์ของคุณพี่ WIWANDA มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ขณะนี้ผมทำงานอยู่ที่ฮังการี ได้ลองไวน์ฮังการีมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่อยู่ที่นี่ ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยนิยมไวน์หวานจำพวก Tokaj แต่ชอบไวน์แดงมากกว่า ขออนุญาตถามแบบคนไม่มีความรู้เรื่องไวน์นะครับว่า เปอร์เซ็นของแอลกอฮอล์ในไวน์แสดงให้เห็นถึง body ที่หนักแน่นของไวน์แต่ละตัวใช่หรือไม่ เพราะไวน์ฮังการีที่รสชาดเยี่ยมยุทธ์จะมีแอลกอฮอล์ในระดับ 14.5-15% ครับผม เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซื้อไวน์ฮังการี Cab/S ปี 1997 มาลอง เค้าเขียนว่าเป็น Special Quality Dry Red Museum Wine ซึ่งมีแอลกอฮอล์ 12.5% โฆษณาถึงขนาดนี้ อึกแรกแทบจะบ้วนทิ้งเลยครับ ราคาขวดละ 3,000 โฟรินท์ ก็ประมาณ 600 บาท (ไม่ถูกนะครับ สำหรับคนพื้นเมืองที่นี่) สงสัยว่ามันจะหมดอายุไปแล้ว เพราะเปรี้ยวนำโด่งเลย ความกลมกล่อมไปเหลือแล้ว นี่แสดงว่า ถ้าไวน์คุณภาพไม่ถึงไม่ดีจริง ก็เปล่าประโยชน์ที่จะเก็บไว้นาน ๆ ใช่ไหมครับ จากคุณ : อ้อ - [ 15 มิ.ย. 50 15:24:37 A:195.56.214.181 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 สวัสดีครับ คุณอาวิวันดา ช่วงนี้ เปิด ไวน์สเปคเทเตอร์วีดีโอ ซ้ำไปซ้ำมา ครับ ... ไปชอบโหงวเห้งของ ตา Pierre Lurton เข้า  เลยอยากอุดหนุนไวน์ของแกเอง ครับ ที่เมืองไทย Marjosse ขายอยู่ 1พัน ต้นๆ ครับ ไม่ทราบว่า ร้ายดีอย่างไร ครับ (จริงๆไปซื้อมาชิมเองก็ไม่ต้องรบกวนอาวิแล้ว  แต่เผื่อ คุณอามีอะไรเม้าท์ ครับ) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 15 มิ.ย. 50 20:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีค่ะ คุณ Black Dog Forever   โถ..จำได้ซิคะ เป็นแฟนเก่าแก่กันมานาน ทำไมจะจำไม่ได้  คิดถึงเช่นกันค่ะ และดีใจที่ยังติดตามข่าวคราวกันอยู่   สวัสดีค่ะ คุณอ้อ.. ขอต้อนรับเข้ากระทู้ในฐานะสมาชิกใหม่  ห้ามไปไหนนะคะ  อันนี้หมายความจริงๆ หมายถึงห้ามออกจากฮังการีด้วย (จนกว่าดิฉันจะได้มีโอกาสไปเที่ยว อิอิอิ)  อยากไปมากค่ะ  เพื่อนๆหลายคนไปแล้วต่างก็ชอบใจ เพราะพวกนี้เป็น"ขาลุย" ไม่ติดสุข ติดหรู  ติดแต่ไวน์อย่างเดียว ดิฉันชอบไวน์ของ Balatonboglar  (องุ่น Kekfrankos) มาก เพราะมีติดบ้านไว้ประจำ ราคาไม่แพง แต่อร่อยเหลือร้าย   (น้องนกคะ ถ้าอ่านอยู่.. ที่ส่งไปให้ลองหนึ่งขวด ผลเป็นอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบ แจ้งมาด้วย) ไวน์ของฮังการี ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาคือ Tokayji (หรือ Tokay อ่านว่า โตคัย) นั้น ดิฉันเองไม่ค่อยปลื้ม เพราะไม่ค่อยชอบไวนหวานเช่นกัน หากแต่ไวน์แดงอย่าง..Balatonboglar  Kekfrankos  นั้น ช่างละม้ายกับ Zinfandel  ของคาลิฟอร์เนียอีกทั้งนุ่มนวล นุ่มลิ้นกว่า เพราะไม่กระหน่ำด้วยแอลกอฮอล ที่คุณถามถึงเรื่องไวน์ที่มีแอลกอฮอลสูงนั้น ดิฉันเคยพูดถึงแล้วในกระทู้เก่าๆ และเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง..เนื่องจาก..สภาพของการ"ใช้ไวน์" นั้นต่างคนก็แตกต่างกันไป.. คนรุ่นใหม่ไฟแรง ชอบ"ตั้งค่า" ของไวน์ด้วย"คะแนน"ของเกจิอย่าง บ๊อบ ปาร์คเกอร์ และต้องการผลที่ปรากฏอย่างทันที ประเภทเรียนเร็ว..เรียนลัด จิบเข้าปากจิบแรก รู้หมู่รู้จ่ากันไปเลย..และเอาเวลาที่เหลือมานั่งถกกันว่า มันเยี่ยมอย่างนั้น ยอดอย่างนี้.. คิดไว..พูดก็ไวเพราะแอลกอฮอลเป็นตัวนำร่อง แล่นปราดส่งคำตัดสินไปถึงสมองอย่างเฉียบพลัน ไวน์ที่มีแอลกอฮอลสูงนั้น เกิดจากการที่องุ่นสุกจัด น้ำองุ่นมีน้ำตาลมากที่สามารถผันไปเป็นแอลกอฮอลได้อย่างล้นปรี่  แน่นอนค่ะ ที่จะต้องเป็นไวน์ ฟูลบอดี้  ถ้าหากไม่เป็น หมายถึงว่า คนทำไวน์ต้องกลับไปเรียนใหม่.. แต่..การที่จะทำไวน์ให้ออกมาฟูลบอดี้อย่างที่ว่า พร้อมๆกับมีความสมดุลย์ของน้ำตาลและแอซิดอย่างเหมาะเจาะนั้น ก็ต้องใช้ความสามารถชั้นสุดยอดวิทยายุทธ  ที่ในปัจจุบัน..เขาจึงต้องเอาไปหมักในถังโอ๊คใหม่จากฝรั่งเศสทีราคาแพงระยับเพื่อเป็นการกลบเกลื่อนส่วนบกพร่องต่างๆ โดยเอากลิ่นหอมสารพัด และ ปฏิกิริยาของแทนนินสัมผัสจากไม้โอ๊ค  มาเป็นตัวชูโรง ยิ่งถ้าเป็น cult wine ที่ติดตลาดแล้ว หรือ กำลังต้องการจะแย่งพื้นที่ในตลาด...เขาต้องทุ่มลงทุนในทุกขั้นตอน ก็เพราะว่า ถ้าจะตัดสินใจทำไวน์ ฟูลบอดี้ หรือที่เรียกว่า Big Wine  จะพลาดไม่ได้เลย เนื่องจากการสั่งตัดองุ่นที่รอสุกสมใจนั้น..ราคาแพงกว่าองุ่นธรรมดากว่าเท่าตัว   อีกทั้งขั้นตอนการแยกพวง ปริดกิ่งย่อย ก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้แรงงานมนุษย์ ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ส่วนไวน์ฮังการีที่คุณต้องบ้วนทิ้งนั้น ขอให้เข้าใจนะคะว่า ฮังการียังไม่ได้พัฒนาในด้านระบบควบคุมสินค้า นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ยังส่งออกขายในนอกประเทศได้เป็นส่วนน้อย  เคยคุยกับตัวแทนการขายคนหนึ่ง .. เขาเองยังบอกว่าหนักใจเหมือนกัน ที่ ไวน์(จากฮังการี) ยังรักษาคุณภาพให้คงที่ไม่ได้ ทำให้โฆษณาลำบาก ไม่มีการรับประกันกับลูกค้า  ตัวแทนจำหน่ายก็เลยไม่กล้าเสี่ยง.. แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 21:12:48 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 08:46:20 จากคุณ : WIWANDA - [ 16 มิ.ย. 50 08:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คุณพ่อหมี Polar Bear  ที่รัก ถามเรื่อง Ch. Marjosse (เชื่อหรือไม่ว่า อ่านออกเสียงว่า ชาโต มาร์ฮอจัส) ก็โอเชนะคะ ถ้าชอบโหวงเฮ้ง..เพราะราคานี้ก็นับว่าไม่แพง ดูดีมีชาติสกุลหน่อย  แต่ถ้าถามว่า ดีหรือไม่นั้น ในความเห็นส่วนตัว ก็คือ พอกินได้ ออกจะผิดหวังนิดๆ ถ้าว่างจะนั่งฟัง นั่งอ่านเรื่องไวน์แล้วละก้อ..ขอให้อ่านตรงนี้ค่ะ..สดๆร้อนๆ.. Jancis Robinson MW and Simon Staples have called for a complete re-think of the en primeur system, claiming it does not serve the consumer well. Listen to the podcask In a meeting of wine minds on the latest Berry Bros. & Rudd podcask, Jancis Robinson says she hopes Bordeaux 2006 is not a success and shows the Bordelais the shortcomings of the system. "I hope they get left with a lot of stock," says Jancis, who thinks this may act as a brake on the remorseless increase in prices. Staples says that even though en primeur is a vital part of Berrys' business, he would like to see the wine in bottle before the wines are tasted rather than everyone guesstimating how good they are going to be while still in barrel. The problem of overpricing of many 2006 for their quality was brought up again. Praise was once again given to the outstanding 2005s with Staples pointing out there is still time to buy from this legendary vintage. หรือจะเอาไปลง ipod ฟังเอาก็ที่นี่เลยค่ะ..(ไม่รู้ว่าจะเปิดได้หรือเปล่านะ เสี่ยงดู) http://www.bbr.com/sounds/bbrpodcask11.mp3 จากคุณ : WIWANDA - [ 16 มิ.ย. 50 08:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 88 Chateau Marjosse 2001 Bordeaux, France Rate: 82 ...สีแดงอมน้ำตาลเปลือกมังคุด เข้มลึกปานกลาง ...มีขอบน้ำกว้าง ให้กลิ่นน้ำตาลทราย มะเดื่อสุก ... เปลือกไม้อมขมอมหวาน หืนโอ๊กเก่า ๆ ...ไอแอลกอฮอล์กระจายตัวแรงและหยาบคาย ...โครงเนื้อหนาเต็ม ดราย ผลไม้ดีพอใช้ ...ความสมดุลและความลงตัวดีปานกลาง ... มีน้ำปนเจือจาง จบหวานอมขมบาง ๆ ...แทนนินหยาบ จบยาวปานกลาง ...พร้อมดื่ม 2005-2010 ...เห็นด้วยครับว่า...น่าผิดหวังเล็ก ๆ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 16 มิ.ย. 50 09:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณครับ คุณอาวิ คุณวิโรจ ถ้า ไวน์บอโด ปี 2006 ยังแพง ไม่ต่าง กับ 2005 (พ่อค้าอย่างเราๆ)คงเหนื่อย ครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 16 มิ.ย. 50 10:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 90 สวัสดียามเช้าวันหยุดครับ... เห็นด้วยกับคุณ Jancis เลยครับ ว่าระบบสมควรเปลี่ยนครับ... ดูรูปแล้วอยากไปเที่ยวโปรตุเกสอีกแล้วครับ แต่อยากไปฮังการีเหมือนกัน ยังไม่มีโอกาสได้ไปซักที จากคุณ : LaGrandeRue (LaGrandeRue) - [ 16 มิ.ย. 50 16:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขออนุญาติ เข้ามาทักทายและรายงานตัวอีกครั้งครับ หลังจากที่ผมเคยเข้ามา ขอคำแนะนำ ท่านทั้งหลายในการ ย้าย Wine จากตู้เย็น ช่องผัก มาไว้ในตู้แช่ Wine ตั้งแต่ ตอนที่สามสิบแปด ความคิดเห็นที่ 16 (11 มี.ค. 50 ) ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่า ยังเป็นแฟนเหนียวแน่น ของกระทู้คุณ WIWANDA อยู่ตลอด แต่ไม่ได้เข้ามาโพส เนื่องจากกำลังยุ่งอยู่กับการตกแต่งและย้ายบ้านใหม่มาแถวสุวรรณภูมิ นะครับ และแล้วช่วงนี้อะไรก็เริ่มจะลงตัวแล้วเลยมีเวลาที่ เข้ามาพูดคุยได้ในสิ่งที่ตัวเองชอบ และ สนใจ คือเรื่อง Wine นี่ละ และได้ย้อนไปดูกระทู้เก่าๆ เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ และข้อสำคัญ คือหา Wine ตัวที่ชอบ และจะสะสมครับ ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังครับ ว่าประโยชน์จากที่ได้เข้ามา ดูกระทู้เส้นทางไวน์.... นี้ที่เป็นรูปธรรมเลย คือ เรื่องเกิดที่ Zurich ผมกับรุ่นพี่ เข้าไปหา Wine ที่ไม่แพงมากจะเอามาทานกันที่ห้อง ที่ Denner (เป็นชื่อ Supermarket ของ Swiss) พี่เขาเลือกเจ้าตัวนี้มาครับ Chateau Cadet Boisrond AOC Vin rouge: Merlot, cabernet franc, cabernet sauvignon   Origine: Bordeaux, France Millésime: 2004 15.95 CHF จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 16 มิ.ย. 50 23:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ลืมรูป จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 16 มิ.ย. 50 23:24:36 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ตัวผมไปสะดุดตาที่ Wine ของ Rioja ที่คุณ WIWANDA เคยเชียร์ไว้ ครับ Marques de Riscal Rioja Reserva DOCa Vin rouge: Tempranillo, graciano, mazuelo   Origine: Rioja , Espagne Millésime: 2002 17.45 CHF ก็เลยซื้อมา ประชันกับ Bordeaux เสียหน่อย ผลการต่อสู้ ทั้งผมและเพื่อน ยกให้ Spain ชนะ France ขาดลอยครับ (ขออนุญาติไม่บรรยาย รายละเอียดของ รูป รส กลิ่น เสียง นะครับ เพราะยังแยกอะไรไม่ค่อยได้เท่าไร เดี๋ยวบรรยายไปจะโดนแซวเอา) แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 23:34:34 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 16 มิ.ย. 50 23:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เพิ่มเติมครับวันนั้นก็ลองเอาไวน์ชิลีตัวนี้มาทาน Cabernet Sauvignon Los Vascos Rothschild Herkunft Chile Region Colchagua Valley Rebsorten Cabernet Sauvignon Trinktemperatur 15-17 ขอบอกว่ามันกินไม่ได้เลย ทั้งสี ทั้งรส ทั้งกลิ่น จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 16 มิ.ย. 50 23:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ลืมไปว่าจะมาบอกราคาเจ้า Chateau Gloria ปี 2002 ด้วยครับ คือ 39 CHF ส่วน Ducru-Beaucaillou ปี 2003 คือ 138 CHF (จริงๆ ตัวนี้อยากจะได้มากเลย แต่ไม่รู้ราคาตลาดว่าเป็นยังไงครับ) แต่ผมก็ยังเหนียวแน่น กับWine ตัวนี้ มาก มา Zurich ทีไรก็ต้องเจ้า chateau poujeaux ตลอด ราคาปี 2004 คือ 29 CHF ครับ ราคาปานกลางคุณภาพคับแก้ว จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 17 มิ.ย. 50 07:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ลืมรูปครับ จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 17 มิ.ย. 50 07:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอโทษทีค่ะ เสาร์อาทิตย์จันทร์ มีหลายงานติดๆกันเลย บรรยากาศของซัมเมอร์เริ่มมาแล้ว เพราะโรงเรียนปิดเทอมด้วย ยามว่าง..ก้อ..ขอไปตีกอล์ฟคลายเครียดหน่อย อ่านแล้วดีใจค่ะ ที่ คุณ brutus_103tfs จับแนวทางไวน์ของตัวเองได้ อะไรมันแพงเกินกำลังของเราก็ไม่ต้องไปซื้อ ..อะไรที่มันราคาถูกแต่ไม่ได้คุณภาพทีหลังก็ไม่ต้องไปซื้อเช่นกัน พวกชาวไวน์เนี่ยนะคะ สมควรจะต้องมี"ไวน์ธง" ไว้ประจำใจ ไวน์ธงคือไวน์ที่ชอบ ราคาเหมาะ หาซื้อมาสำเริงสำราญได้ทุกเวลา เปิดเมื่อไหร่..อร่อยเมื่อนั้น  บางคนอาจจะมีแค่สามสี่ตัว แดงสอง ขาวหนึ่ง หรือ สลับกัน  เพียงแค่นี้ คุณก็ได้ชื่อว่า กินไวน์"เป็น" แล้วค่ะ แต่ระวังตัวให้ดี เพราะถ้าวิชาแก่กล้ามากเข้า มันจะเป็นว่า มีไวน์ธงเป็นสิบๆชนิด ไอ้นั่นก็ชอบ ไอ้นี่ก็ใช่ ...(อย่างคนเขียนนี่ไง) เพราะเมื่อถึงขั้นนี้แล้ว เริ่มจะสรรหาซื้อ สรรหาเก็บ อะไรที่ยังไม่มีก็เริ่มถวิลหา...ตรงนี้ไม่ขอแนะนำนะคะ เพราะมันทำให้ชีวิตขาดความสงบสุขไปได้เหมือนกัน จากคุณ : WIWANDA - [ 20 มิ.ย. 50 01:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คุณวิคะ อ่านที่คุณวิเขียนข้างบนแล้วรู้สึก ได้ทั้งสติและสตังค์กลับมาแยะเลยค่ะ ติดใจไวน์อยู่หลายตัว .... ในเนตก็จะใส่ตะกร้าไว้ ค่อยๆคิดตัดสินใจ พอเค้าขายไปหมดซื้อไม่ทัน ก็เสียดาย แต่ ... ก็ไม่เท่าไรค่ะเพราะถ้าไม่คลิ้กเข้าไปก็ลืมๆ แต่ตัวที่อยู่ในเซลล่าที่ร้านนี่ซิคะ ไปเดินดูทีไรก็เกิดกิเลส ..... เรื่องเสียตังค์ก็พอจะกล้อมๆแกล้มๆไปได้ คือ ไวน์ที่นี่ไม่แพงนัก แต่ ... มันชักจะมากขวดขึ้น ดื่มกินไม่ทันค่ะ จะต้อง สะสม สะสม เรื่อยๆไป ใช่ค่ะ ชีวิตขาดความสงบสุขไปเยอะค่ะ จากคุณ : nijja - [ 20 มิ.ย. 50 21:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เข้าอ่านมาอยู่เสมอนะครับ เห็นที่คุณวิว่านี่ สะกิดใจจริงๆ เรื่องซื้อๆๆเนี่ย แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 06:49:15 จากคุณ : loverboy - [ 21 มิ.ย. 50 06:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อีกทั้งต้องเปิดใจกับคำบอกเล่า และคำแนะนำของเพื่อนๆด้วย  อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันนี้เป็นตัวอย่าง..คือว่า ดิฉันได้รับเชิญไปทานอาหารค่ำหลังจากที่เสร็จสิ้นภาระกิจที่เป็นอาสาสมัครช่วยงานกอล์ฟเยาวชนประจำเมือง เพื่อนๆได้ลงความเห็นว่าไปลอง Chicken Cordon-Bleu ในร้านดังกันดีกว่า เพราะไม่ได้ไปนานแล้ว เมื่อไปถึง ก็สั่งตามนั้น ขอดู wine list เจ้าของร้านออกมาเสนอให้ลองไวน์ Rose ของ Graeser Winery  ขวดละ 38.00 หรือ แก้วละ 9.00 (ราคาในร้านอาหาร) โอ้แม่เจ้า...ไวน์สีชมพูนั้น ไม่เคยอยู่ในสายตา แถมราคานี้..จะบ้าหรือไง..?? แต่..ด้วยเครดิตและสีหน้าจริงจังของผู้แนะนำ..อีกทั้งอาหารที่จะทานคือไก่คอร์ดอง เบลอที่มีซอส มีสวิสชีส  ค่อนข้างหนักไปด้วยไข ไวน์ที่จะลองลิ้มด้วยนั้น ต้องเนื้อแน่น แอซิดสูงพอสมควร  ไฉน..จึงกล้ามาแนะนำไวน์โรเซ่กับเราได้เล่า? เขาต้องมี"ของดี" กระมัง.. เลยสั่งมาขวดหนึ่ง..เพื่อเป็นการลองวิชาผู้แนะนำด้วย ถ้าไม่ดีจริงละก้อ แกเอ๋ย..หมดอนาคตแน่ๆ.. ไวน์โรเซ่ จากนาปา ที่ว่านี่ค่ะ.. แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 11:06:22 จากคุณ : WIWANDA - [ 21 มิ.ย. 50 11:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ตอนที่ตัดสินใจสั่ง เพื่อนๆที่ไปด้วยก็ทำสีหน้าแบบงุนงง เพราะแทบไม่เชื่อหูว่าจะต้องมาดื่มไวน์โรเซ่กับอาหารมื้อค่ำเนี่ยะนะ แต่ก็ได้ให้คำอธิบายไปว่า วันนี้เราอยู่กันกลางแดดทั้งวัน  มันโหยๆยังไงไม่ทราบ อีกทั้งตอนนั้นคือเวลา หกโมงครึ่งที่แดดยังแจ๋อยู่เลย (ตอนนี้สองทุ่มก็ยังตีกอล์ฟได้อยู่) ดื่มอะไรที่มันง่ายๆหน่อยเถอะ.. ไวน์รินลงในแก้วให้ลองชิม..หอมหวลใช้ได้ กลิ่นองุ่นสุกจัดตามสไตล์ของไวน์แคลิฟอร์เนีย  จิบแรก..เล่นเอาต้องร้องอื้อฮือ เพราะ เนื้อตึงเต็ม ดรายได้ใจ สมดุลย์สมบูรณ์ ....จบยาวเฟื้อย (รีบคว้าแว่นมาใส่ พลิกขวดมาอ่านดู แอลกอฮอล 13.3% เจ้าค่ะ) ยิ่งเมื่อจิบไปพร้อมกับอาหารหมดขวดไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว..เลยต้องเรียกเจ้าของร้านผู้แนะนำมาชมเชยให้กำลังใจกันหน่อย   เขาเล่าว่า..เมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้ขับรถไปเที่ยวเล่นแถวนาปากับภรรยา และไปเจอไร่ไวน์เล็กๆนี้ ไปลองชิมแล้วติดใจ จึงได้สั่งเข้ามาขายในร้าน เพราะเหมาะกับอาหารในเมนู..และเขาเองก็ทราบดีว่า ไวน์โรเซ่นั้นเข็นออกขายลำบาก เพราะ ชาวมอนเทอเรย์นั้นหัวสูง..แต่เขาก็อยากจะลอง นึกนับถือใจเขาจริงๆ เพราะ ถือว่าเป็นผู้กล้าอย่างแท้จริง  กลับมาถึงบ้าน ติดใจถึงขนาดต้องมาค้นหารายละเอียด ได้ใจความในเน็ทดังนี้.. This rose of 100% Cabernet Sauvignon is made using the traditional saignée method of bleeding off juice from just crushed red grapes. Bursting with cran-cherry flavors, our rose is dry, medium-bodied and balanced by refreshing acidity. This perfect afternoon companion pairs well with warm weather fare like barbecued shrimp and prosciutto wrapped melon. Stock up, chill it down and drink while icy cold. ทั้งๆที่กินกับไก่คอร์ดอง  เบลอ ก็อร่อยเลิศ แต่....ไวน์นี้ก็ยังทำให้คิดถึงข้าวเหนียว..ไก่ย่าง ส้มตำ อย่างบอกไม่ถูก... แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 11:28:24 จากคุณ : WIWANDA - [ 21 มิ.ย. 50 11:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอขอบคุณอาวิโรจที่อนุญาตให้นำเวปบอร์ดออกเผยแพร่เป็นความรู้นะครับ ( แปะที่บอร์ดนู้นไม่ได้ ขอแปะบอร์ดนี้แทนนะครับ ) แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 50 11:08:11 จากคุณ : M_Indy (Master_Indy) - [ 22 มิ.ย. 50 09:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103 1 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Master_Indy - [ 22 มิ.ย. 50 09:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 104 2 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Master_Indy - [ 22 มิ.ย. 50 09:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 105 3 สุดท้าย [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Master_Indy - [ 22 มิ.ย. 50 09:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 106 น่าสนุก นะครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 22 มิ.ย. 50 12:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 107 โอ้ งานอะไรเหรอครับคุณ Master_Indy จากคุณ : PoNotet - [ 22 มิ.ย. 50 16:30:01 A:85.176.114.105 X: ]

ความคิดเห็นที่ 108 คุณวิคะ สนใจ ไวน์โรเซ่ตัวนี้ค่ะ ตามเวบในญี่ปุ่น ยังหาไม่เจอ ตามไปอ่านในเวบของเค้า ที่บอกว่าใช้ traditional saignée method ทำกันมากไหมคะ ในเเคลิฟอร์เนีย หรือใช้การเบลนระหว่างไวน์ขาวแดงมากกว่า คุยๆค่ะ ไม่ซีเรียส จากคุณ : nijja - [ 23 มิ.ย. 50 09:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 109 นึกว่าจะไม่มีคนถามซะแล้วเรื่องไวนฺโรเซ่ตัวนี้..เดี๋ยวนี้ไม่รุเป็นยังไง ถ้าไม่มีคนสนใจที่จะถามก็ขี้เกียจเล่า กลัวว่าใส่ข้อมูลเยอะไป..ผู้คนพาลเบื่อที่จะอ่าน พาลเบื่อที่จะจำอีกต่างหาก.. คือไวน์โรเซ่นี้นะคะ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่นักในยุคนี้ และขายไม่ได้ราคา ไม่มีใครอยากผลิต ดังที่เคยบอกแล้วว่า ทุกอย่างมักจะไปตามสมัยนิยม ปัจจุบัน ใครๆก็หาแต่ Cab/Sau, Merlot. Chardonnay แต่ก็มีพวกหัวใหม่ที่เริ่มที่ฉีกแนวไปยัง Pinot Noir, Zinfandel, Pinot Gris กันบ้างแล้ว.. โรเซ่... นี่หายห่วงไปได้เลย..แทบมองไม่เห็นในรายการไวน์ที่ไหนเลย อาจจะมีบ้างเพราะถูกยัดเยียดมาจากบริษัทตัวแทนการขาย นี่คือ สิ่งที่ดิฉันแปลกใจที่ ..ได้ถูกคะยั้นคะยอให้ลองชิมไวน์โรเซ่ตัวนี้ จากนักเลงไวน์ตัวจริง  และเมื่อลองแล้วก็ไม่ผิดหวังดังที่ได้เล่ามา.. คือไวน์โรเซ่นั้น ทำมาจากองุ่นแดงเนื้อบาง ที่นิยมนำมาทำคือ องุ่น Grenache ที่คั้นทั้งเปลือก ปล่อยให้สีออกเป็นชมพู หมักเร็ว ขายเร็ว หมายถึงทำแบบเดียวกับไวน์ขาวนั่นแหละค่ะ แต่ทิ้งให้สีจากเปลือกออกมาเจือปบไปด้วย หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ Saignee อ่านว่า เซงเญ  ที่ เป็นผลพลอยได้ของการผลิตไวน์แดงด้วยองุ่นพันธ์ดีๆ และเมื่อตอนที่คั้นหมักใหม่ๆนั้น กากองุ่นจะลอยตัวขึ้นบน น้ำไวน์จะเป็นสีแดงใส  เขาจึง drain (หรือเรียกว่า bleeding ) ส่วนนี้ออกมาแยกหมักต่างหาก  ก็เป็นโรเซ่ นี่ละค่ะ ไวน์ที่เหลือก็จะคละเคล้าไปกับกากองุ่นจนเข้มข้นกลายเป็นไวน์แดง อีกทั้งเป็นผลดี เพราะทำให้ไวน์นั้นเข้มข้นขึ้น วิธี saignee นี้ ต้นฉบับคือ ฝรั่งเศส และถือว่าเป้นการทำไวน์โรเซ่ที่อร่อยที่สุด ดังไวน์โรเซ่ของ Graeser ที่ได้ลองคือผลพลอยได้ของการผลิตไวน์ Cab/Sau เพราะมาจากองุ่นแคบโซ ร้อยเปอร์เซนต์ นี่ก็ฝากสั่งซื้อไปสามสีขวดแล้วค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 23 มิ.ย. 50 11:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอแสดงความยินดีกับคุณ Master_Indy ที่ได้ทำการจัด wine tasting ได้อย่างน่าชื่นใจ มีการให้องค์ความรู้ (จากไวน์สเกล) มีการให้ลองชิมไวน์ (ดูเหมิอนว่าจะมีอาหารด้วย) และที่สำคัญ คือมีน้ำดื่มตั้งให้พร้อมเพรียง ที่เกินมา..นั่นคือ Music จากหนุ่มดีดกีต้าร์ทั้งสองนั่น...  อิอิอิอิอิ ดีใจค่ะ ที่เห็นผู้สนใจมากหน้าหลายตา นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี อีกทั้งคุณได้มีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ที่..บอกอย่างกล้าหาญว่า ฝีมือยังไม่ถึงขั้นที่จอสอนใครต่อใคร...น่านับถือมากค่ะ ชาวไวน์นั้นไม่จำเป็นต้องมีใครสอนใคร (ในปัจจุบันนี้) เพราะข้อมูลหาได้ง่ายๆ ขอให้มีกลุ่มที่คอยสบับสนุน ปรึกษาหารือ และ สนใจในกิจกรรมร่วมกัน  อย่างนี้ก็จะเรียนเร็วค่ะ  ขอย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องไปสนใจใฝ่รู้จักไวน์ทุกชนิดในโลก เอาแค่..สนใจในไวน์ตัวที่ชอบเท่านั้นก็พอ(ในชั้นแรก) การที่ได้ร่วมกันจัดงานชิมบ่อยๆ และจากการสังสรรค์แลกเปลี่ยนความรู้นั้น เป็นการเริ่มต้นที่ดี และเดินมาถูกทางแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 50 21:22:38 จากคุณ : WIWANDA - [ 23 มิ.ย. 50 11:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ที่จัดงานขึ้นมาเพราะได้แรงบันดาลใจจากอาวิ  และอาวิโรจ  รวมไปถึงสิ่งที่เริ่มสนใจในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา  นั่นคือ "ไวน์" ก็คงทำไปเรื่อยๆล่ะครับ  ก็ชอบไปแล้ว  อยากให้คนอื่นชอบบ้าง จากคุณ : Master_Indy - [ 23 มิ.ย. 50 16:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ขอบคุณมากเลยค่ะคุณวิ ที่กรุณาอธิบายเรื่องการทำไวน์โรเซ่ แบบดั้งเดิม คือเห็นเเมกกาซีนญี่ปุ่น และบริษัทที่ขายทางเนท เชียร์ไวน์โรเซบางตัว นานๆครั้ง บางทีแพงมากๆด้วยค่ะ พอคุณวิเอ่ยถึงจึงสนใจ ไปเปิดอ่านหนังสือใกล้ๆมือเค้าบอกแค่ง่ายๆว่า วิธีผสมไวน์แดงกับขาวนั้นทำเฉพาะที่เขตชามปาง นึกเอาเองว่าผสมไวน์สองชนิดน่าจะง่ายกว่า คุณมาสเตอร์อินดี้ หายดีแล้วเหรอคะ ดูรูป เป็นงานน่าสนุก ได้ความรู้ดีทีเดียว มีหญิงสาวหลายคนเลย .... มีเวบไวน์สเกลด้วย เสียดายไม่มีคุณวิโรจไปร่วม .... วันหลังจัดอีกไหมคะ จากคุณ : nijja - [ 23 มิ.ย. 50 19:28:55 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เข้ามาตอกบัตร รายงานตัวจาก South Africa ครับ พอดีเห็นมี Link ใน Web ของ wine enthusiast magazine น่าสนใจเลยเอามา แบ่งปันกันครับ แบ่งเป็น Top 100 Wines of 2006 และ Top 100 Best Buys มี Rating พร้อม เผื่อไว้เป็น Guideline ในการซื้อมาลองเปรียบเทียบได้ว่าจะตรงกับ Rating ของเราเองหรือเปล่าครับ http://www.winemag.com/top2006/top_wines.asp พอดีผมมาที่ South Africa นี่เลยลองไปซื้อ Wine ใน Supermaket มาชิมกัน เน้นกันแต่ CAB SAU ว่าแล้วเอาหน้าตามาให้ดูกันเล่นๆครับ ตามรูปจาก ซ้ายไปขวา แล้วบนลงล่างครับ 1. Robertson Winary 2006 2. Kanonkop Kadette 2005 3. Lanzerac 2001 4. Nederburg 2006 Wine ตัวที่ 2 และ 3 นี่คนขาย เชียร์ว่า อร่อยหนักหนา โดยเฉพาะ ตัว 3 บอกว่า เปรียบได้เหมือน BIN 407 ของ South Africa เลยทีเดียว เลยเปิดเอามาลองกันก่อน ผมว่ากลิ่นก็ใช้ได้ รสชาติออกหวานๆ ไม่ฝาดมาก ผู้หญิงคงจะทานได้ไม่ยากครับ จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 24 มิ.ย. 50 13:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ส่วนขวดที่ 2 ดันไปลองเจ้านี่ต่อ Tall Horse 2005 Cab/Sab   ขวดสวยดีจัง ยีราฟ กลิ่นก็ใช้ได้ รสชาติเข้มข้น แต่ผมว่า Wine ของ South Africa นี่เน้น หนักแอลกอฮอลจังเลย จากหมายเลข 2 ถึง เจ้า Tall Horse นี่ 14% Vol หมดเลย ยกเว้น Robertson ตัวที่ 1 ตัวเดียวที่ 13% Vol (กินไป 2 ขวดกับเพื่อนก็ปวดหัวแล้ว) และ กลิ่นมันจะไม่ค่อยมีรายละเอียด เหมือนพวกไวน์โลกเก่าเลยครับ จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 24 มิ.ย. 50 13:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 115 น่าอิจฉา ครับ ไวน์คงถูกน่าดู เคยลอง แต่ ตัว ที่ 1 กับ 2 ครับ ผมชอบ Kanonkop ครับ  ตัวที่ 3 นี่ คงหายากหน่อย ครับแถวนี้ ว่าแต่ ไปโจเบิร์ก นี่ พักกี่ขีด ครับ ...  ซื้อไวน์ดื่มเยอะเชียวคับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 25 มิ.ย. 50 12:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 116 หวัดดีครับเจ๊  อยู่เมกาเกือบเดือนแต่ไม่มีโอกาสเจอกันเลย น้องบอกว่าเจ๊งานยุ่ง เราก็งานยุ่งมีเบอร์โทรก็ไม่ได้โทร ตกเย็นก็เปิดไวน์ราคาถูก(กว่าบ้านเรา)จิบเล่นๆพอหายเหงา ปลายปีนี้ถ้ากลับได้มานอนบ้านเราบ้างนะเจ๊ ไม่มีABFมีแต่ข้าวต้มกุ๊ย ส่วนมื้อเย็นจะพาไปทานที่gianiแต่เจ๊ต้องเป็นคนจ่ายตังนะเจ๊นะ... จากคุณ : Uncle Tee - [ 25 มิ.ย. 50 13:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 117 2 ขีด = 3 คืน ครับ คุณพ่อหมี Polar Bear พอดีอากาศที่นี่กำลังหนาวเลย ต่ำสุด 7 สูงสุด 17 C ไม่มีเมฆ เลยชวนกันกิน Wine กันได้หลายท่าน ก็เลยออกไปซื้อมาลองกัน คนละ 2 ยี่ห้อ (แต่ไม่หมดในวันเดียวนะครับ ทยอยชิมกันไปเรื่อยๆ ) ของผมเวลาเลือกซื้อ ส่วนใหญ่จะใช้คะแนนของ Wine Enthusiast Magazine เป็นหลัก (พอดีมีโปรแกรมใน Pocket PC ด้วย) ส่วนใหญ่ ซื้อมาลองชิมก็ไม่ค่อยผิดหวัง มีบางตัวเท่านั้นที่ไม่สมคะแนนเลย วันนี้ออกไปก็ได้มาอีก 2 ขวด Wine Enthusiast Magazine ให้ Rate 87 ทั้ง 2 ตัวเลย เป็น CAB SAU + MERLOT - Neil Ellis 2003 ( 73.69 แรน) - Backsburg Babylons Toren 2002 ( 136.99 แรน) ( 1 แรน = 5 บาท) อย่างที่ว่า ว่า Wine ที่นี่ราคาไม่แพงเลย ค่าครองชีพผมว่าพอพอกับบ้านเราได้นะครับ (เทียบกับ ราคาอาหารใน Menu ของโรงแรม และร้านอาหาร) แต่ สถิติอาชญากรรม และ ปล้นจี้ เยอะมากๆ ครับ ไปไหนต้องระวังตัวกันให้ดี เช่น เมื่อวาน เห็นพวกที่ ไป SAFARI ทัวร์กันมา เล่าว่า ไกด์ที่พาไป ก็โดนล้วงกระเป๋าที่วางไว้ที่ร้านอาหารจีน หมดไป 15000 แรน กับปืนพกอีกกระบอกหนึ่ง แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 50 21:27:55 จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 25 มิ.ย. 50 21:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 118 สวัสดีครับ อาวิและทุกๆท่าน สนุกดีนะครับ อาวิที่ไปกินข้าว แล้ว ได้มีผู้จัดการร้าน รักไวน์ มาแนะนำไวน์ ที่อาวิก็คิดว่าไม่น่าจะดีเท่าไหร่ แต่อาวิก็ วัดใจสั่งมาดู และ อร่อยและดี เป็นความรู้สึกที่เยี่ยมแน่ๆเลย จากคุณ : jear (jearjear) - [ วันสุนทรภู่ 01:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 119 คุณ jearjear ที่รัก เรื่อง"วัดใจ" นั้นเราทำกันบ่อยค่ะ เพราะมันเป้นการวัดภูมิ และวัดรสนิยมด้วย บางร้านชอบแต่ชาดอนเนย์ ไปทีไรก็จะลุ้นให้เราสั่งแต่ไวน์ชาดอนเนย์ ซึ่งเป็นที่น่ารำคาญ เพราะ มันไม่ได้บ่งบอกถึงความพยายามในการค้นหาของแปลกใหม่อะไรเลย..อีกทั้งไวน์ชาดอนเนย์นั้น มักจะแช่มาจนเย็นเกินไป ต้องปล่อยให้ตั้งทิ้งไว้สักพัก ถึงจะได้ลิ้มรสอย่างเต็มรสชาติ พนักงานเสริฟบางคนไม่มีความรู้พอ ก็จ้องแต่จะรินให้อย่างเดียว พอบอกว่า อย่างเพิ่ง..รอให้อุ่นอีกนิด  ดันทำหน้าแบบงงๆอีกต่างหาก แต่หลายๆร้านที่เรารู้จัก..เขาจะนำไวน์ที่จัดว่าเจ๋ง..มาริน(น้อยๆ)ให้ลองชิม ก่อนสั่งอาหาร เพื่อที่จะเราจะได้จินตนาการเองเองว่า..จะสั่งอะไรมาดี เพื่อที่จะได้ไปกันได้สวย.. ถ้าแบบนี้..ราคาแพงหน่อย..ก็ไม่ว่ากัน เพราะมันคุ้มค่า คุ้มเวลา และ ได้รับความบันเทิงเต็มที่  ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มต้นกับอาหารว่างด้วยไวน์ขาวดีๆสักแก้ว  ต่อด้วยไวน์แดงกับอาหารหลักอีกหนึ่ง (หรือสอง) ไวน์ดีๆที่ว่านี้ แก้วละประมาณ $12.00-35.00 และชอบแบบนี้มากกว่าสั่งเป็นขวด เนื่องจากเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่ไปทานอาหารด้วยกัน มักจะมีรสนิยมต่างกัน บางคนเป็นมังสะวิรัติ บางคนไม่กินปลา บางคนไม่ชอบเนื้อ ก็ต่างคนต่างสั่งกันไป..ไม่ต้องมาเกรงใจกัน จากคุณ : WIWANDA - [ วันสุนทรภู่ 09:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 120 คุณ brutus_103tfs คะ ไวน์อาฟริกากำลังมาแรงทีเดียว  ตอนนี้ได้คะแนนพุ่งไป 90 กว่าๆแล้ว.. ข่าววันนี้..สดๆร้อนๆเลยค่ะ.. ลองอ่านดู น่าสนใจมาก... New Wines, New Faces: Sadie Family First South African producer to earn a 95-point score has the passion—plus the vineyards and talent—to improve even more James Molesworth Posted: Monday, June 25, 2007 Who: Sadie Family is owned and run by Eben Sadie, 35, who got his start in the wine business as the first winemaker at Charles Back's Spice Route winery, located in the Malmesbury region of South Africa. But Back knew Sadie had bigger plans. "I always knew he would need to do his own thing," says Back about his former protégé. "He's definitely one of our best winemakers--very good at injecting passion into what he does." What to Drink: The Sadie Family Columella Swartland 2005 (95 points, $78) is a blend of 80 percent Syrah and 20 percent Mourvèdre. The wine, which debuted in the 2000 vintage, is the first in South Africa to garner a classic rating (95 points or more on Wine Spectator's 100-point scale). The 2005 Columella offers a stunning array of blue and black fruit--blackberry, boysenberry, blueberry and currant--that is pure, driven and refined, with licorice, sweet spice, vanilla, mineral and sanguine notes flittering throughout. Despite its concentration, it's remarkably elegant, with superb length and a seamless finish. Where: The vines grow on three different soil types--slate, granite and clay/iron. The slate soils provide fresh, pungent red fruit and mineral notes; the granite soils produce black fruit and wild, garrigue-like notes, while the clay/iron soils produce dark fruit that is massive and dense, with lots of tannins. "You can't make a wine 100 percent from this," says Sadie of the wine from the clay/iron soils. "It's too big." How He Does It: Sadie ferments the different lots in open-top wood vats before moving them to Bordeaux barrels, 80 percent of which are new. The lots are later blended together, and after 18 to 24 months in oak the wine is bottled. Learning Along the Way: "When I first started [making wines] I put too much of myself into the wines--acid, oak," says Sadie. "Now I've learned to back off. You can't preach terroir in the vineyards and not carry through in the cellar."     Creative Control: Sadie owns no vineyards, and instead leases land that he planted vines on. He also leases existing old-vine vineyards (all his leases are for 25 years) and manages the vineyards himself, meaning he makes all the viticultural decisions. A Big Gamble: Starting the winery took everything Sadie had. He sold off his retirement annuities along with much of his personal wine cellar in order to bankroll his project. But he's confident that it was the right move. "I have everything I need financially, because I have the vineyards," says Sadie. "The [winery] buildings and all the other stuff is not as important." More Than a One-Trick Pony: Sadie also produces a white wine called Palladius. The 2006 Palladius Swartland 2005 (91, $55) is made from a blend of Chenin Blanc, Grenache Blanc, Viognier, Marsanne, Roussanne and Chardonnay. It's bold, with lots of apricot, nectarine, peach and melon flavors all backed by racy acidity and a long, minerally finish, where hints of spice, blanched almond and white flowers chime in. Its flavor profile is unique. What's a Columella? Columella was a Spanish agronomist who lived in the third century and wrote about grapegrowing. Palladius, for which the white wine is named, was his successor. Where to Find It: Sadie Family wines are available at restaurants and retailers in California, Florida, Georgia, Illinois, New Jersey, New York and Washington, D.C. และวีดีโอเกี่ยวกับไวน์ในอาฟริกา http://link.brightcove.com/services/link/bcpid353514866/bclid196271124/bctid716053133 แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 50 10:13:26 จากคุณ : WIWANDA - [ วันสุนทรภู่ 10:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 121 Uncle Tee  ที่รัก ทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดเลย..นอกจากจะมีแค่ครึ่งวันบ้าง ก็เลยได้พัก และจะเป็นอย่างนี้ไปจนหมดหน้าร้อน  ถ้าไม่ทำอย่างนี้จะขอหยุดยาวไปเที่ยวเมืองไทยไม่ได้  เราพยายามใช้เวลาว่างเท่าที่มีไปตีกอล์ฟให้มากที่สุด อากาศกำลังดี อยากออกกำลังบ้าง อีกทั้งตอนนี้มีอาการ"ติด"ที่หัวไหล่ข้างขวา ยกแขนสูงๆไม่ค่อยได้  ถ้าลองแกว่งให้เป็นวงกลมจะรู้สึกขัด แต่ไม่ถึงขนาดเจ็บ..อาจเป็นเพราะเราหยุดเล่นกอล์ฟไปนานกระมัง.. แต่ไม่ได้เล่นแบบจริงจังอะไรหรอกนะ..พอทำงานเสร็จเห็นว่าแดดยังไม่ตก ก็คว้าไม้ออกไปหวดจนกว่าจะค่ำแหละ.. กลับบ้านต้องนั่งทำสมาธิ..ชิมไวน์อย่างน้อยๆสาม สี่ตัว..ทำรายงาน และ นอน นี่แหละ..ชีวิตเราในยามนี้..น่าสงสารไหมล่ะ?? จากคุณ : WIWANDA - [ วันสุนทรภู่ 11:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 122 น่าเห็นใจฟ่ะ  งั้นไอ้เรื่องชิมไวน์สามสี่ตัวนี่เราช่วยทำแทนแล้วเจ๊นั่งจดไปเรื่อยๆ เอามะ? ต้นซัมเมอร์อากาศดีจริงๆเหมาะแก่การออกรอบแล้วกลับมาจิบไวน์นุ่มๆ อยากไปนอนเล่นแถวSFเหมือนกัน ปล.ถึงไม่ได้ออกรอบก็ต้องหมั่นออกกำลังกายไว้นะเพื่อน ไหล่ติดนี่ทรมาณมาก จากคุณ : Uncle Tee - [ วันสุนทรภู่ 12:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 123 สวัสดีครับพี่วิ... ไวน์แอฟริกาใต้นี่ ยังไม่เคยได้ดื่มตัวที่ชอบเลยครับ ส่วนใหญ่ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตจะมีแต่เวอร์ชั่น รุนแรง ดื่มแล้วเหนื่อยครับ... ว่าแต่ ในแอฟริกาใต้นี่ ไกด์ทัวร์เค้าต้องพกปืนด้วยนะครับนี่... แถมน่าสงสารขนาดมีปืนยังโดนขโมยซะอีก ดูไม่ปลอดภัยมากๆ จากคุณ : LaGrandeRue (LaGrandeRue) - [ วันสุนทรภู่ 16:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ...ในตลาดไวน์บ้านเรา ไวน์แอฟริกาดี ๆ ที่เคยดื่มและดื่มได้ ...ก็เห็นมีพวกนี้แหละครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 27 มิ.ย. 50 09:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 125 นี่เป็นอีกรุ่น จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 27 มิ.ย. 50 09:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ...แต่ตัวนี่เป็นฝีมือ Michel Rolland ...หนักเข้มถึงใจ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 27 มิ.ย. 50 09:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 127 พี่หวานครับ ไหล่ติดนี่ ต้องเคลื่อนไหว ออกกำลังกายบ่อยๆ แล้วไปหาแพทย์ทางด้านไคโรแพรคติสให้อบด้วยอุลตร้าซาวด์(ตอนนี้ ผมก็กำลังทำอยู่ ด้วยความอนุเคราะห์ของเจ้าสัว เพราะในเมืองไทยแพงมาก เจ้าสัวแนะนำให้และเป็นสปอนเซอร์) ไคโรแพรคติสที่เมกาคาดว่า ประกันที่นั่นคงจ่ายให้ รีบทำเถิดครับ ก่อนจะสาย.. จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 28 มิ.ย. 50 09:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ขออนุญาติเพิ่มเติมเรื่องของโรคข้อ ต่างๆ หน่อยนะครับ  เป็นการเล่าจากประสบการณ์ของ คุณแม่ผม ที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่า (ไม่รู้ว่าจะตรงกับที่คุณ WIWANDA เป็นหรือเปล่า) หลังจากที่ท่านได้ทาน APPLE CIDER VINEGAR กับ น้ำผึ้ง บวกกับ  Glucosamine ของ  Schiff ที่ผมซื้อมาให้จาก USA. แล้ว ปรากฏว่าอาการทั้งหลายทั้งปวงเกือบหายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว ครับ เจ้าตัว APPLE CIDER VINEGAR นี่มีประโยชน์มากนะครับ ลองดูตาม Link ได้ http://www.earthclinic.com/Remedies/acvinegar.html ส่วน Schiff เห็นมีตัว Move Free ตัวนี้น่าสนใจอีกครับ http://www.schiffvitamins.com/product_detail.asp?id=183 หวังว่า คุณ WIWANDA คงจะหายเร็วๆนะครับ จะได้ตี Golf ได้อย่างสบายขึ้น จากคุณ : brutus_103tfs (a340) - [ 29 มิ.ย. 50 15:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ไหล่ติด รีบรักษาครับพี่ ทิ้งไว้นานรักษายากแล้วมักจะไม่ได้กลับคืนมา ๑๐๐% จากคุณ : ha ha yee - [ 1 ก.ค. 50 08:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 130 รักษาสุขภาพ มากๆ ครับผม ขอให้หายสนิท  ไวๆ ครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 1 ก.ค. 50 21:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 131 อาวิครับ เจียดเวลาไปหาหมอด้วยนาครับ เป็นน้อยรักษาง่าย เป็นมากรักษายากนะครับ เป็นน้อยหายขาด เป็นมากไม่หายขาดนะครับ เป็นห่วงครับ จากคุณ : jearjear - [ 2 ก.ค. 50 00:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ช่วงนี้เงียบเหงาจังเลยนะครับ  อากาศเชียงใหม่ก็ครึ้มๆ  เมฆหมอกลอยต่ำ ฝนปรอยๆ  ละอองน้ำปลิวไม่มีทิศทาง  นั่งสบายๆตอนค่ำที่ระเบียงบ้าน   จิบชาร้อนๆ  ตามด้วยเบียร์เหล่านี้ แค่อยากจะบอกพี่น้องว่า   อากาศครึ้มๆแบบนี้  ออกนอกบ้านดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Master_Indy - [ 2 ก.ค. 50 13:07:32 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ขอให้คุณวิวันดาหายไวๆครับ อย่าลืมตรวจรักษาด้วยครับ เพราะแม่ของผมเป็นอาการเดียวกันแล้วไม่บอก ไม่ไปหาหมอ ต่อมายกของหนักมากไม่ได้ และมีอาการเจ็บแวะเวียนเสมอ คุณ Master_Indy อยู่เชียงใหม่หรือครับ ผมเปิดบริษัทที่เชียงใหม่ ช่วงสิงหาคมนี้จะให้บริการแล้ว ยังหาแหล่งไวน์และก๊วนไม่ได้ ถ้าไม่รังเกียจต้องรบกวนขอคำชี้แนะจากคุณ Master_Indy ด้วยนะครับ จากคุณ : วี (V di Silom) - [ 2 ก.ค. 50 17:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 134 คุณ V di Silom หลังไมค์ไปแล้วนะครับ ไหนๆผ่านมาขอตั้งคำถามอีกหน่อย 1. งานไวน์ดินเนอร์ทั่วไป  ปกติอาหารมีกี่จานครับ 2. มีไวน์กี่ตัว  จัดเรียงอย่างไร 3. ไวน์กับอาหาร   ควรให้ใครเป็นพระเอก 4. ไวน์ระดับ ไม่เกิน 800 ควรจัดไวน์ดินเนอร์หรือไม่ ( ไม่อยากเก็บทิกเก็ทแพง  ) เรื่องไวน์ดินเนอร์นี่คิดต่อมาจากเรื่องเสวนาไวน์น่ะครับ ซึ่งผมไปงานไวน์ดินเนอร์หลายงาน  แล้วรู้สึกว่า  ช่างยากเย็นที่จะเข้าถึง   ไวน์ที่จัดมาก็ปีนกระไดชิม   ทิกเก็ททรมานใจ(สำหรับคนจ่ายเอง)  จะมีงานไหนบ้างมั้ยหนอ   มีไวน์ซัก 7-8 ตัว  อาหารเบสิกที่เข้ากันเหลือเกิน   ทิกเก็ทก็ชิวๆไม่เดือดร้อนลูกเมีย ดูฟุ้งซ่านไปหน่อยนะครับ  แต่ผมว่าน่าจะสนุก จากคุณ : Master_Indy - [ 3 ก.ค. 50 22:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 135 กระทู้เงียบๆไปนะครับ แวบเข้ามาดูว่าเมื่อไหร่พี่วิจะกลับมา จากคุณ : LaGrandeRue (LaGrandeRue) - [ 4 ก.ค. 50 16:42:06 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ที่คุณ master indy จะจัดนี่ ไอเดีย แจ๋ว มากๆนะครับ สนับสนุนเต็มที่เลยครับ ความคิดผมนะครับ ให้ไวน์เป็นพระเอกดีกว่าครับ เพราะมันเป็น ไวน์ดินเนอร์ จากคุณ : jearjear - [ 5 ก.ค. 50 12:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 137 จัดกันเองเลยมั้ยครับ รวมเอาไวน์ที่คุ้มราคาสุดๆของแต่ละท่านมาทำเป็นลิสต์ให้ร้านอาหาร จัดเตรียมอาหารให้เหมาะสมกับไวน์ ซักประมาณ 4-5 จาน เป็นไงครับ คุณMaster_Indy (ถ้าผมไปเชียงใหม่ล่ะก็ผมเอาแน่ หึหึ) จากคุณ : วี (V di Silom) - [ 5 ก.ค. 50 16:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 138 คุณวิอ่านแล้ว ขอลบนะคะ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 50 20:13:37 จากคุณ : nijja - [ 5 ก.ค. 50 17:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 139 .........คุณ วาริชเวสม์ ได้นำสมบัติพระศุลีในบ้านมาให้พวกเราได้ชมอย่างตื่นตาตื่นใจกัน ทั้งมีแสตมป์ และไม่มี..น้ำลายหกตกเรี่ยราดไปเลยค่ะ........ งั้นผมเอาไวน์ชุดนี้ไปจัดไวน์ดินเนอร์ตามคุณวี (V di Silom) เสนอก็แล้วกัน......5555 ล้อเล่นนะครับ   เห็นพี่วิ....หายไปหลายวัน  กระทู้ก็เลยดูเงียบๆเหมือนที่คุณ LaGrandeRue บอกไว้    ก็เลยเอาสมบัติพระศุลีในบ้านมาให้พี่วิ...น้ำลายหกตกเรี่ยราด ต่อ ครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 6 ก.ค. 50 10:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 140 กลับมาแล้วค่ะ ด้วยความสะบักสะบอม ขอขึ้นไปที่กระทู้ใหม่นะคะ จะเล่าให้ฟังให้หมด... จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ค. 50 12:15:45 ]