ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 แล้ว พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำรัสที่ได้ตรัสแก่ราษฎร เมื่องานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีความตอนหนึ่งว่า "การตั้งกองเสือป่า ขึ้นด้วยความมุ่งหมายจะให้คนไทยทั่วกันรู้สึกว่า ความจงรักภักดีต่อผู้ดำรงรัฐสีมาอาณาจักร โดยต้องตาม มติธรรมประเพณีประการ 1 ความรักชาติบ้านเมืองและนับถือพระศาสนาประการ 1 ความสามัคคีในคณะและไม่ทำลายซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ยังมีพระราชปรารภในกกรจัดตั้งกองลูกเสือป่าขึ้นว่า มีพลเรือนบางคนที่เป็นข้าราชการและที่มิได้เป็นข้าราชการ มีความปรารถนาจะได้รับความฝึกหัดอย่างทหาร แต่ยังมิได้มีโอกาสฝึกหัด เพราะติดหน้าที่ราชการเสียบ้าง การฝึกหัดเป็นทหารนั้นย่อมมีคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองอยู่หลายอย่างที่เป็นข้อใหญ่ ข้อสำคัญก็คือกระทำให้บุคคล ซึ่งได้รับความฝึกฝนเช่นนั้น เป็นราษฎรดีขึ้นกล่าวคือ ทำให้กำลังกายและความคิดแก่กล้าในทางที่เป็นประโยชน์ด้วยเป็นธรรมดาของคน ถ้าไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดบังคับใช้กำลัง และความคิดของตนแล้วก็มักจะกลายเป็นคนอ่อนแอไป" จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า สถาปนาเสือป่าขึ้นไว้ตั้งแต่วันที่  6 พฤษภาคม พ.ศ.2454    เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนากิจการเสือป่า ผ่านไปได้ 2 เดือน ก็ได้ทรงพระราชทานกำเนิดลูกเสือขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2454 ซึ่งเป็นเวลา 3 ปี หลังจากการลูกเสือได้ถูกสถาปนาขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยทรงมีพระราชปรารภว่า "กองเสือป่าได้ตั้งขึ้นเป็นหลักฐานแล้ว พอจะเป็นที่หวังได้ว่าจะเป็นผลดีตามพระราชประสงค์ แต่ผู้ที่จะเป็น เสือป่าต้องเป็นผู้ที่นับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฝ่ายเด็กชายที่ยังอยู่ในปฐมวัย ก็เป็นผู้ที่สมควรจะได้รับความฝึกฝนทั้งในส่วนร่างกายและในส่วนใจให้มีความรู้ในทางเสือป่า เพื่อว่าเมื่อเติบใหญ่ขึ้นแล้วจะได้รู้จักหน้าที่ ซึ่งผู้ชายไทยทุกคนควรจะประพฤติให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองอันเป็นที่เกิดเมืองนอนของตน และการฝึกฝนปลุกใจให้คิดถูกเช่นนี้ ต้องเริ่มฝึกฝนเสียแต่เมือยังเยาว์อยู่เปรียบเหมือนไม้ที่ยังอ่อน จะได้ดัดไปเป็นรูปอย่างไรก็เป็นไปได้ง่ายและงดงาม แต่ถ้ารอไว้จนแก่เสียแล้ว เมื่อจะต้องดัด ก็ต้องเข้าไฟ และมักจะหักลำได้ในขณะที่ดัด ดังนี้ฉันใด สันดานคนก็ฉันนั้น" จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีกำหนดข้อบังคับลักษณะปกครองลูกเสือขึ้น และทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งกองลูกเสือขึ้นตามโรงเรียนและสถานที่อันสมควร กิจการลูกเสือจึงเริ่มกำเนิดขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1  กรกฎาคม พ.ศ.2454 เป็นต้นมา...................... ...............หลังจากที่กองลูกเสือไทยได้กำเนิดขึ้นประมาณ 6-7 เดือน ข่าวจากประเทศไทยก็แพร่สะพัดไปยังประเทศต่าง ๆ ว่าพระเจ้าแผ่นดินไทยทรงใฝ่พระทัยในกิจการลูกเสือเป็นอย่างยิ่ง    ด้วยเหตุนี้ มิสเตอร์ซิดนีย์ ริเชส ผู้กำกับกองลูกเสือที่ 4 กรุงลอนดอน จึงได้มีหนังสือกราบบังคมทูลพระกรุณาขออัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้เป็นองค์อุปถัมภ์ และขอพระราชทานนามกองลูกเสือนี้ว่า "กองลูกเสือรักษาพระองค์พระเจ้าแผ่นดินสยาม" (THE KING OF STAF'S OWN BOY SCOUT GROUP)  พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าตามที่ขอมา และให้กองลูกเสืออังกฤษกองนี้ติดเครื่องหมายเป็นรูปธงชาติพื้นสีแดงเครื่องหมายช้างเผือกอยู่ตรงกลางที่แขนเสื้อทั้งสองข้าง ซึ่งกองลูกเสือ กองนี้ยังปรากฎอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้........ จากคุณ : เสือเขียว (crusherjoe) - [ 3 มิ.ย. 50 10:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แจ่มแจ้งครับ จากคุณ : นอกราชการ - [ 3 มิ.ย. 50 13:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณ คุณเสือเขียว (crusherjoe) ครับ แล้วสามัคคีสมาคมละครับเป็นยังไงบ้าง จากคุณ : mr.benz - [ 3 มิ.ย. 50 16:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังดำเนินกิจการอยู่จนปัจจุบันครับ โปรดดู http://www.samaggi.org/ .......... ขอคัดบทความจากวชิราวุธานุสรณ์สาร ที่มีเรื่องเกี่ยวเนื่องกับสามัคคีสมาคมฯ มาให้อ่านครับ แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการจัดตั้งสมาคมชาวไทยในต่างประเทศ         ชัชพล ไชยพร เรียบเรียง “การรู้เขารู้เรา” เป็นพระบรมราชวิเทโศบายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สำคัญประการยิ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกมาได้ ทั้งนี้ วิธีที่จะ “รู้เขา” คือรู้วิทยาการตลอดจนวัฒนธรรมของประเทศใดประเทศหนึ่งได้อย่างลึกซึ้งกว้างขวางนั้น ย่อมได้แก่การเดินทางไปศึกษาและใช้ชีวิตในประเทศนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงส่งพระราชอนุชา พระราชโอรส ตลอดจนสามัญชนผู้มีความรู้ความสามารถ ไปศึกษาศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ ในทวีปยุโรปเป็นจำนวนมาก เพื่อจักได้เดินทางกลับมาเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองในวันข้างหน้า อนึ่ง บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนขุนนางผู้ใหญ่ ก็นิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เป็นการโดยเสด็จพระราชนิยมดังกล่าวอีกด้วย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีพระชนมายุ ๑๒ พรรษา ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศที่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ นับแต่พุทธศักราช ๒๔๓๖ ครั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จสวรรคต เมื่อพุทธศักราช ๒๔๓๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทวาราวดี ให้ทรงดำรงพระราชอิสริยยศที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สืบแทน ตลอดระยะเวลาเกือบ ๑๐ ปีที่ประทับ ณ ประเทศอังกฤษนั้น พระองค์ได้ทรงศึกษาศิลปวิทยาการหลากสาขาที่เหมาะสมแก่การเตรียมพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ เช่น การทหาร ประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ ตลอดจนทรงเรียนรู้วัฒนธรรม และการเข้าสังคมอย่างตะวันตก ในขณะเดียวกัน ก็มิได้ทรงละเลยความเป็นไทยและยังทรงคบหาสมาคมกับบรรดาชาวไทยในประเทศอังกฤษและประเทศใกล้เคียงซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยอยู่เสมอ พระมหากรุณาธิคุณประการสำคัญยิ่งต่อชาวไทยในต่างประเทศ คือการที่ทรงตระหนักถึงปัญหาเรื่องความรู้สึกว้าเหว่ใจที่เรียกว่า “โรคคิดถึงบ้าน” หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Home Sick ซึ่งนักเรียนไทยในต่างประเทศต่างประสบกันอยู่ทั่วไป ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๔๔ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ก่อตั้ง “สามัคคีสมาคม” เป็นสมาคมคนไทยในสหราชอาณาจักรขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาโรคคิดถึงบ้านอันเป็นอุปสรรคต่อการเรียนและการใช้ชีวิตในต่างแดน ตลอดจนเพื่อกระชับความสามัคคีในหมู่ชาวไทยที่เดินทางไปศึกษา หรือทำงาน ณ ประเทศอังกฤษ กับทั้งเป็นพระบรมราชกุศโลบายที่จะอบรมและปลูกฝังให้เยาวชนรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะตามวิถีประชาธิปไตย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชปรารภกำหนดข้อบังคับการดำเนินงานของสมาคมไว้สรุปใจความได้ ๓ ประการ กล่าวคือ ๑. จัดการเลือกตั้งคณะกรรมการอำนวยการให้เปลี่ยนกันเข้ามาบริหารงาน ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกอื่นมีโอกาสเข้ามารับผิดชอบสมาคม อันเป็นการฝึกคนจำนวนมากให้มีทักษะในการทำงานเพื่อส่วนรวม และเป็นการฝึกหัดการบริหารงานไปในตัว ๒. กรรมการทุกตำแหน่ง ได้แก่ สภานายก อุปนายก เลขานุการ เหรัญญิก ประชาสัมพันธ์ นายทะเบียน ปฏิคม สนทนากรรมการ เกฬากรรมการ บันเทิงกรรมการ บรรณาธิการสามัคคีสาร และบรรณารักษ์ นั้นให้สมาชิกเลือกตั้งโดยตรง มิใช่กำหนดตำแหน่งแต่งตั้งกันเองภายหลัง ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะทรงทดลองประชาธิปไตย และศิลปะในการอยู่ร่วมกันแบบประชาธิปไตย ภายในขอบเขตของสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรขนาดเล็ก ๓. มีการประชุมประจำปีเรียกกว่า “มีตติ้ง” ในลักษณะผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกกับวัฒนธรรมไทย กล่าวคือ นอกจากประชุมเรื่องกิจการของสมาคมแล้ว ยังมีการพบปะสังสรรค์กัน เป็นกิจกรรมต่อเนื่องหลายวัน สำหรับกิจกรรมต่างๆ นั้น ได้แก่ การแข่งขันกีฬา การเล่นดนตรี การเสวนาทางวิชาการ การโต้วาที ตลอดจนร่วมรับประทานอาหารและพำนักในสถานที่เดียวกัน เพื่อกระชับไมตรีในหมู่สมาชิก เมื่อสมาคมดำเนินกิจการอย่างเรียบร้อยบรรลุวัตถุประสงค์ที่ทรงตั้งไว้แล้วในระดับหนึ่ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งขณะนั้นเสด็จนิวัตประเทศไทยแล้ว จึงทรงรับสามัคคีสมาคม ไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๕๑ พร้อมพระราชทานพระราชานุญาตให้เชิญรูปเพชรและอุณาโลม ซึ่งเป็นพระราชสัญลักษณ์ประจำพระองค์ มาประกอบกับรูปช้าง เพื่อใช้เป็นตราของสมาคม เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต ในพุทธศักราช ๒๔๕๓ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร จึงได้เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบสนองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกาธิราชเป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แม้เมื่อเสวยราชย์แล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมีพระมหากรุณาติดตามความก้าวหน้าของกิจการของสามัคคีสมาคมในประเทศอังกฤษที่ได้พระราชทานกำเนิดไว้ และยังพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์อยู่อย่างต่อเนื่อง กิจการของสามัคคีสมาคมนั้นส่งผลดีต่อคนไทยในประเทศอังกฤษเป็นอย่างมาก นอกจากจะเป็นศูนย์รวมใจของคนไทย ให้ได้รู้สึกอบอุ่นคลายเหงาแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางการติดต่อ รับทราบข่าวสารความเป็นไปในประเทศไทย เป็นศูนย์พบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนทัศนคติตามวิถีประชาธิปไตย และยังเป็นองค์กรที่ช่วยเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้ขจรขจายไปสู่สายตาชาวต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้  บรรดาชาวไทยในประเทศสหรัฐอเมริกาผู้ตระหนักถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มกันเพื่อความสามัคคีของชาวไทยในต่างแดน จึงได้ร่วมกันจัดตั้งสามัคคีสมาคม ในประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้น โดยการนำของ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศที่ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ เมื่อเดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๔๖๒ ตามลักษณะการดำเนินงานซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแนวทางไว้ ในพุทธศักราช ๒๔๖๕ สามัคคีสมาคม ในประเทศอังกฤษ ได้ขอพระราชทานเครื่องหมายที่แสดงพระบรมราชูปถัมภ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมขอพระราชทานสีสำหรับเสื้อเบลเซอร์และผ้าพันคอ การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สามัคคีสมาคม ในประเทศอังกฤษ ใช้ตราช้างไอยราพตทรงเครื่อง ยืนแท่น หันหน้าตรง บนศีรษะช้างมีพระมหาวชิราวุธ พร้อมกูบครอบ บนกูบมีพระมหามงกุฏ ส่วนเสื้อนั้นทรงกำหนดให้ใช้สีน้ำเงินเข้ม และผ้าพันคอใช้สีน้ำเงินมีริ้วแดงกับขาวเป็นคู่ ต่อมา ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สามัคคีสมาคม ในประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องหมาย พร้อมสีของเสื้อและผ้าพันคออย่างเดียวกันด้วย เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ สามัคคีสมาคม ในประเทศอังกฤษ ได้จัดกิจกรรมเพื่อคนไทยในต่างประเทศสืบเนื่องมาโดยตลอดตราบถึงปัจจุบัน ทั้งยังมีการออกวารสารภาษาไทยราย ๔ เดือน ชื่อ “สามัคคีสาร” นับแต่พุทธศักราช ๒๔๖๕ เพื่อรายงานข่าวของชาวไทยในอังกฤษ ข่าวการศึกษา ตลอดจนกิจการของสมาคม นอกจากนี้ สามัคคีสมาคม ยังเคยเป็นศูนย์ประสานงานจัดตั้งขบวนการเสรีไทยในประเทศอังกฤษและประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ยังผลให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการตกอยู่ในฐานะประเทศผู้แพ้สงคราม อนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงสืบสานกิจการสามัคคีสมาคม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นสมเด็จพระบรมปิตุลาธิราชได้พระราชทานกำเนิดไว้ด้วยดี โดยทรงรับไว้เป็นสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมกันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับไว้ในพระราชูปถัมภ์ และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์   สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในรัชกาลที่ ๖ พร้อมด้วยพระชนนี คือพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ขณะประทับ ณ ประเทศอังกฤษ ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๘๐ ถึง ๒๕๐๒ นั้น ก็ทรงพระกรุณาเข้าร่วมกิจกรรมของสมาคมนี้เสมอ ทั้งยังพระราชทานพระวโรกาสให้สมาชิกสามัคคีสมาคมเฝ้ากราบทูลปรึกษาและขอพึ่งพระบารมีในกิจการต่างๆ กับทั้งรับพระราชทานเลี้ยงอาหารในงานสังสรรค์ที่ทรงจัดขึ้น ณ ตำหนักที่ประทับเป็นประจำ ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้เสด็จไปทรงร่วมงานประชุมประจำปีและทรงร่วมลีลาศในงานเลี้ยงของสมาคม ยังความประทับใจเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ชาวไทยในประเทศอังกฤษ ถึงพระจริยวัตรอันงามข้อนี้อยู่มิรู้ลืม กิจการสามัคคีสมาคม ในประเทศอังกฤษ และในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น มีวิวัฒนาการสืบเนื่องมาเป็นสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมนักเรียนเก่าอังกฤษ และนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาในประเทศไทยอีกด้วย ต่อมา เมื่อมีคนไทยเดินทางไปทำงานและไปศึกษาต่อ ณ ประเทศต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคของโลกมากขึ้น  แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องการรวมกลุ่มคนไทยในต่างประเทศเป็นสมาคมเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลในหมู่คนไทยด้วยกัน และเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมนั้น ก็ยิ่งแพร่หลายไปทั่ว จนเกิดเป็นสมาคมชาวไทย สมาคมชาวเหนือ สมาคมชาวใต้ สมาคมชาวอีสาน สมาคมวิชาชีพต่างๆ ตลอดจนสมาคมนักเรียนไทยในประเทศต่างๆ อีกเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน ชาวไทยทุกคนจึงไม่ควรลืมเลือนพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์จอมปราชญ์ผู้ทรงวางแนวทางการรวมกลุ่มกันเป็นสมาคม เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีเป็นปึกแผ่นในหมู่คนไทย ไม่ว่าที่อาศัยอยู่ในพระราชอาณาเขต หรือว่าที่อาศัยประกอบอาชีพการงาน และศึกษาเล่าเรียนอยู่ในต่างบ้านต่างเมืองก็ตาม. จากคุณ : นาย UP - [ 3 มิ.ย. 50 17:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอร่วมขยายความคิดเห็นเรื่องเสือป่าและลูกเสือด้วยคนครับ เริ่มจากเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปทรงศึกษาทีประเทศอังกฤษนั้น เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาวิชาทหารบกจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิร์สแล้ว ได้เสด็จไปประจำการในกรมหารราบเบาเดอรัม ซึ่งเป็นหน่วยทหารเคลื่อนที่เร็ว มีความคล่องตัวสูง อันเป็นกำลังหลักของกองทัพบกอังกฤษที่เข้าไปยึดครองประเทศต่างๆ ด้วยวิธีการจัดรูปกองกำลังของอังกฤษแบบนี้ เมื่อเสด็จนิวัติพระนครแล้วจึงได้ทรงนำวิธีการของกรมทหารราบเบานั้นมาจัดเป็นกรมทหารพรานในกองทัพบกสยาม แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณแผ่นดินที่มีอยู่อย่างจำกัด ในการจัดกำลังกองทัพบกเป็น ๑๐ กองพลในตอนปลายรัชกาลที่ ๕ ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ร่วมกับพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดช ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ได้ร่วมกันจัดขึ้นน้น มีแต่โครงแต่ไม่มีเงินพอที่จะจัดกำลังพลบรรจุลงตามโครงสร้างอัตรากำลังที่จัดวางไว้ กำลังพลที่มีการบรรจุลงไว้ทั้ง ๑๐ กองพลนั้นคงมีอยู่เพียง ๒๕% ของโครงสร้างอัตรากำลัง้ท่านั้น แม้จะจัดกำลังพลเพียงเท่านั้นก็ใช้งบประมาณแผ่นดินไปกว่า ๒๐% ในขณะที่งบการศึกษาของชาติอยู่ที่อันดับ ๓ ในราว ๑๐% ของงบประมาณแผ่นดินเท่านั้น ในขณะเดียวกันภัยคุกคามจากมหาอำนาจที่เข้ามาริดรอนแผ่นดินของเราไปทีละน้อยๆ ก็ยังคงอยู่ หากไม่เร่งวางรากฐานการป้องกันประเทศไม่ช้าประเทศไทยก็คงจะถูกแยยกออกเป็นสองส่วน ดังที่มีการเผยแพร่แผนที่ข้อตกลงระหว่างมหาอำนาจตะวันตกสองชาติ โดยยึดเอาแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเส้นแบ่งเขตแดน เพื่อป้องกันรักษาเอกราชของชาติในสภาวะที่งบประมาณมีจำกัด จึงต้องมีการจัดเตรียมกำลังให้สามารถรับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ สมดังพระราชนิพนธ์ที่ว่า แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ สัตร๔กล้ามาประจัญ จักอาจสู้ริปูสลาย จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองเสือปาขึ้น เพื่อทรงฝึกหัดข้าราชการและพสกนิกรให้รู้จักวิชาทหารและสามารถเป็นกำลังช่วยทหารป้องกันประเทศในยามคับขันได้ เสือป่านั้นเป็นอาสาสมัครที่ได้รับการฝึกหัดเยี่ยงทหาร เมื่อเป็นอาสาสมัครจึงมิได้รับเงินเดือนจากรัฐ เครื่องแบบก็ต้องจัดหามาด้วยทุนทรัพย์ของตน ต้องมารับการฝึกหัดตามกำหนด ฝึกหัดแล้วก็กลับไปพักที่บ้านตัวเอง แต่ยามที่มีเหตุคับขันสามารถปฏิบัติการได้อย่างทหาร มีสายการบังคับบัญชาที่แน่นอน มีเครื่องแบบที่สามารถแบ่งแยกจากพลเรือนได้ชัดเจน หากพลาดท่าเสียทีย่อมได้รับการปฏิบัติเยี่ยงเชลยสงตราม ไม่ใช้จารชนซึ่งจะต้องโทษประหารชีวิตสถานเดียว รายละเอียดเพิ่มเติม โปรดดู http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/king/rama6/rama6_defence.htm จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 3 มิ.ย. 50 17:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกท่านคับ จากคุณ : รู้อะไรไม่สู้รู้ไปหมด (mr.benz) - [ 7 มิ.ย. 50 17:48:54 ]