ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อตอนเด็กๆ ผ่านแถวนี้ก็ไม่ค่อยได้จดจำว่ามีสิ่งสำคัญอะไรแถวนี้บ้าง พอพูดถึงวัดประตูสาร ก็นึกถึงวิหารหลวงพ่อก๋ำ หรือพระครูวิธุรสุตาคม ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพ่อ นึกถึงโบสถ์เก่า ที่มีจิตรกรรมฝาผนังโบราณ ตอนหลังซ่อมซะของดีเสียหมด รุ่นหลานเหลนของผู้วาดก็เพิ่งทำวิทยานิพนธ์เรื่องการซ่อมแซมก่อนจบปริญญาได้ปีหนึ่งแล้ว เมื่อกล่าวถึงโรงเรียนวัดประตูสาร ก็แทบไม่นึกถึงของสำคัญอะไรอื่นอีก เพราะของเก่าๆ ที่ผมชอบ ถูกทุบทิ้งพังทลายหมดสิ้นไปแล้วตั้งแต่ก่อนผมเกิดเสียอีก โชคดีที่อ่านกระทู้คุณเจียวต้ายหลายเรื่องที่ผ่านมา กล่าวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 ไว้ เช่น - ทหารอาสาสงครามโลกครั้งแรก http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/04/K5361345/K5361345.html - ทหารอาสาสงครามโลกครั้งแรก (๒) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/05/K5366128/K5366128.htm เลยทำให้รำลึกถึงท่านผู้หนึ่งขึ้นมา ............. ภาพ วิหารหลวงพ่อก๋ำวัดประตูสาร มีองค์หลวงพ่อก๋ำ และช่องบรรจุกระดูกคนแถวนี้เยอะแยะ  ปู่ย่าผมก็มาอาศัยในวิหารแห่งนี้ด้วย เพื่อนบ้านหลายร้อยเชียวครับ ข้างหลังเป็นโบสถ์ 2 หลัง  ที่เห็นชัดๆ ใกล้หน่อยคือ โบสถ์เก่าด้านทิศใต้ ที่วิหารบังนิดๆ  คือ โบสถ์ใหม่ ด้านทิศเหนือ (มาแก้ไขลิ้งค์สงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งสองกระทู้ เพราะเปลี่ยนไปอยู่ในคลังกระทู้ห้องสมุดในวันนี้แล้ว) แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 50 15:50:27 จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 12:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วัดประตูสารอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) โรงเรียนเทศบาล 1 วัดประตูสารตั้งอยู่ติดกันลงมาทางใต้หน่อยหนึ่ง ระหว่างวัดกับโรงเรียนมีคลองวัดป่าเลไลยก์กั้นกลาง สมัยก่อนคลองนี้กว้างมาก เรียกว่าคลองวัดป่าเพราะเขาขุดลอกกันสมัยปลายรัชกาลที่ 3 หรือว่าต้นรัชกาลที่ 4 ก็ไม่ทราบชัด (คนอื่นอาจจะทราบ แต่ผมไม่ทราบ) ขุดลอกเพื่อนำซุงล่องผ่านทางแม่น้ำ แล้วก็เข้าคลองนี้ไปยังวัดป่า เพื่อไปบูรณะวิหารและองค์หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ ตอนนั้นเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต ต้นสกุลกัลยาณมิตร) เป็นแม่กองบูรณะ คลองนี้จึงต้องตัดตรงหน่อย เพื่อซุงจะได้ผ่านสะดวก และไปสุดที่วัดป่าเลไลยก์พอดิบพอดี แต่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเคยมีแนวคลองธรรมชาติรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือมีแต่ไม่ตรงและกว้าง จึงมาขุดลอกและจัดแนวกันใหม่ ก็เดากันไปเรื่อยๆ สมัยต่อๆ มาเมื่อไม่ได้ใช้คลองในการสัญจรไปมา ก็เลยแคบลงเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน และคลองตรงระหว่างวัดกับโรงเรียนวัดประตูสารแห่งนี้ก็ถูกถมไป ด้วยไม่มีประโยชน์ใดๆ แล้ว  แต่ฝังท่อระบายน้ำไว้ใต้ดินลงสู่แม่น้ำสุพรรณแทน จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 12:52:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วัดประตูสาร เดิมก็คือวัดประตูสาร  แต่ก่อนอยู่ตำบลรั้วใหญ่ ภายหลังโอนมาอยู่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง โรงเรียนวัดประตูสาร เดิมคือพื้นที่ของวัดตะไกร ใครอ่านโคลงนิราศสุพรรณก็คงจะพอจำเค้าความได้บ้าง วัดตะไกร มีชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันหลายชื่อ เช่น วัดขุนไกร วัดตาขุนไกร แล้วก็วัดตะไกร เป็นชื่อที่แพร่หลายหน่อย วัดตะไกรแต่ก่อนก็มีโบสถ์เจดีย์อยู่เช่นกัน แต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ไม่ทนทานซะแล้ว รุ่นนั้นโบสถ์วิหารเจดีย์ของวัดร้างในเมืองสุพรรณต้องถึงคราวสูญสลายไปมากมาย เพราะถูกถล่มเอาอิฐไปขายส่งกรุงเทพเมืองหลวงของเราเพื่อสร้างตึกรามบ้านช่อง ส่วนเจดีย์ใหญ่วัดตะไกรองค์สุดท้าย ซึ่งอยู่ตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวัดติดคลองวัดป่า และติดถนนขุนช้างเลียบแม่น้ำสุพรรณตอนนี้แหละ  ก็ถึงกาลอวสานไปด้วยเมื่อปี 2495  เมื่อทางเทศบาลเมืองสุพรรณเอาเชือกคล้ององค์เจดีย์ แล้วใช้รถลากให้พังลง ปรับให้เป็นพื้นที่ราบ และกลายเป็นที่ครอบครองของโรงเรียนวัดประตูสารแห่งนี้ไปทั้งหมด จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 12:54:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 มีทหารไทยที่ไปราชการสงครามในทวีปยุโรป เสียชีวิตทั้งหมด 19 นาย ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ 1. นายร้อยตรีสงวน ทันด่วน 2. นายดาบเยื้อน สังข์อยุทธ 3. จ่านายสิบ(ชั่วคราว)หม่อมหลวงอุ่น อิศรเสนา ณ กรุงเทพ 4. จ่านายสิบเจริญ พิรอด 5. นายสิบเอกปุ้ย ขวัญยืน 6. นายสิบตรีนิ่ม ชาครีรัตน์ 7. นายสิบตรีชื่น นภากาศ 8. พลทหารตุ๊  - 9. พลทหารชั้ว อ่อนเอื้อวงษ์ 10. พลทหารพรม แตงเต่งวรรณ 11. พลทหารศุข พ่วงเพิ่มพันธุ์ 12. พลทหารเนื่อง พิณวานิช 13. พลทหารนาค พุยมีผล 14. พลทหารบุญ ไพรวรรณ์ 15. พลทหารโป๊ะ ซุกซ่อนภัย 16. พลทหารเชื่อม เปรมปรุงใจ 17. พลทหารศิลา นอบภูเขียว 18. พลทหารผ่อง อมาตยกุล 19. พลทหารเปลี่ยน นุ่มปรีชา ผู้ตายในไทยมี 2 คน คือ นายร้อยตรีสงวน ทันด่วน  และ พลทหารตุ๊ - ............. เป็นภาพอนุสาวรีย์ทหารอาสากรุงเทพฯ ครับ ได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณกัมม์ ส่งภาพมาให้ ดังนั้น ถ้าเป็นภาพจากเมืองสุพรรณ เป็นฝีมือของผม ส่วนภาพใดที่เป็นของอนุสาวรีย์ในกรุงเทพ ก็เป็นฝีมือของคุณกัมม์ ขอขอบพระคุณคุณกัมม์เป็นอย่างมาก และอีกท่านที่ขอเอ่ยชื่อไว้ด้วย คือคุณสุธน หิญ ที่ได้ค้นคว้าเรื่องราวมาร่วมสนับสนุนให้เกิดกระทู้นี้ด้วยครับ ........... มาแก้ไขชื่อ นายดาบสงวน ทันด่วน เป็น นายร้อยตรีสงวน ทันด่วน ตามที่แจ้งไว้ใน คห.17 กราบขออภัยในความผิดพลาดครับ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 50 11:07:40 จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลำดับที่ 6  ส.ต.นิ่ม ชาครีรัตน์ ท่านเป็นคนสุพรรณครับ นามที่ถูกต้องของท่านคือ ส.ต.นิ่ม ชาครีย์รัตน์  แต่ญาติพี่น้องของท่านบางทีก็เขียนนามสกุลเป็น ชาครียรัตน์  ไม่มีไม้ทันฑฆาตที่ตัว ย.ยักษ์ตรงกลางครับ ดังนั้น ท่าน ส.ต.นิ่ม จึงเป็นที่มาของอนุสาวรีย์ทหารอาสาเมืองสุพรรณแห่งนี้ครับ ขอร่วมรำลึกถึงท่าน เพื่อให้โลกรับรู้ และเก็บนามนี้ไว้ในบันทึกของโลกไซเบอร์แห่งนี้ด้วย ....................... เป็นป้ายจารึกด้านที่ 3 ของอนุสาวรีย์ทหารอาสากรุงเทพ มีนามของท่าน และเพื่อนๆ ร่วมชะตากรรม แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 50 11:09:16 จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากหนังสือ "ช้างป่าต้น คนสุพรรณ"  ซึ่งเป็นหนังสือที่ระลึกงานฉลองสมณศักดิ์ "พระธรรมมหาวีรานุวัตร" เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี แห่งวัดป่าเลไลยก์ เมื่อ 20 ธันวาคม 2540  ได้เขียนประวัติบุคคลสำคัญของเมืองสุพรรณไว้บางท่าน หน้า 95 เขียนไว้ว่า รองอำมาตย์โทนิ่ม ชาครียรัตน์ เกิด 21 พฤศจิกายน 2433 สถานที่เกิด ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง สุพรรณบุรี เสียชีวิตเมื่อ – กุมภาพันธ์ 2461 ชื่อบิดามารดา นายหรุ่น นางทองศุข ชาครียรัตน์ การปฏิบัติงาน  เป็นเสมียน – ปลัดอำเภอ – นายเวรบัญชาการ – เป็นสมาชิกเสือป่าและผู้บังคับหมู่ ผลงานดีเด่น – อาสาเป็นทหารทำการศึกกับฝ่ายสัมพันธมิตร ณ ประเทศฝรั่งเศส ตำแหน่งเสมียนในกองบัญชาการทูตทหาร ดังนั้น จึงเป็นที่มาของความอยากรู้อยากเห็นของผม จึงได้คุยกับเพื่อนทางเวบคือคุณกัมม์ และคุณสุธน หิญ เกี่ยวกับนามทหารไทยที่ตายในสงครามโลกครั้งที่ 1  แต่ก็แทบจะไม่มีใครได้บันทึกไว้ คุณกัมม์ก็ถ่ายภาพส่งมาให้ จึงได้ยศและนามของทหารไทยทั้ง 19 ท่านตรงตามที่จารึกไว้  แต่..... ก็ยังไม่ถูกต้องตามชื่อนามสกุลจริงนัก??? จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อวันอาทิตย์ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสกลับสุพรรณ และไปร่วมรำลึกอนุสาวรีย์แห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก ตอนนี้ทางราชการได้ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบข้างใหม่สุดๆ ของเก่าเป็นยังไงนึกแทบไม่ออก เพราะมันนานเหลือเกิน จึงต้องอาศัยสัมภาษณ์จากผู้รู้ จะเล่าให้ฟังทีหลัง เมื่อก่อนมีแต่แท่งอนุสาวรีย์ที่เห็นนี้เพียงแท่งเดียว แผงข้างหลังไม่มี คงจะเพิ่งทำเสร็จ ทำแล้วก็สวยและสามารถใช้แสงไฟสาดส่องให้ดูเด่นและสง่าขึ้นมาได้ พื้นก็ยกสูง อนุสาวรีย์แห่งนี้ ปัจจุบันอยู่ด้านทิศใต้สุดของโรงเรียนวัดประตูสาร ติดมุมรั้วด้านทิศตะวันออก ซึ่งกั้นกับถนนขุนช้าง จากถนนขุนช้างไปทางตะวันออกอีกหน่อยก็เป็นแม่น้ำสุพรรณ จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แท่งอนุสาวรีย์นี้เป็นสี่เหลี่ยมสี่ด้าน - ด้านหน้า หรือที่หันไปทางทิศเหนือ จะจารึกเกี่ยวกับการประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน กับ ออสเตรีย-ฮังการี และเรื่องการส่งทหารไทยไปร่วมรบในยุโรป ด้านนี้อ่านเห็นชัดเจนดี จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ด้านที่หันไปทางทิศตะวันออก เป็นรูปปูนปั้นแต่งกายทหาร ข้างล่างจารึกชื่อไว้ว่า นายสิบตรี นิ่ม ชาครีย์รัตน์ ทหารอาสา จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ด้านหลัง จารึกประวัตินายสิบตรีนิ่ม ชาครีย์รัตน์ ผมอ่านไม่เห็นครับ ขนาดไปดูของจริงใกล้ๆ แล้วก็ไม่ออก ถ่ายโคลสอัพแล้วคิดว่าจะช่วย ก็ไม่เห็น เพราะเขาแกะสลักลงบนหินแกรนิต แล้วไม่ได้ลงยาดำๆ แบบอักษรด้านหน้า ด้านนี้เป็นประวัติตั้งแต่เกิด - ทำงาน -จนกระทั่งเสียชีวิต ผมอ่านได้แค่ไม่กี่บรรทัดแรก เสียดายที่ไม่สามารถลอกลงมาเก็บไว้ได้  พรุ่งนี้หากมีเวลา อาจจะลองๆ แกะดูก่อนครับ จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ด้านที่ 4 หันไปทางทิศตะวันตก ติดกับอาคารเรียน ตึกพิมพิลาไลย เป็นรูปปูนปั้นแปะ ข้าราชการพลเรือน  ยศก่อนไปเป็นทหารอาสา ข้างล่างจารึกไว้ว่า รองอำมาตย์โท นิ่ม ชาครีย์รัตน์ จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ได้สัมภาษณ์ถึงประวัติอนุสาวรีย์แห่งนี้จากผู้ใหญ่หลายคนที่บ้านอยู่แถวนั้น เป็นเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนผมเกิด หรือยังเล็กๆ อยู่ บอกว่าเมื่อก่อนอนุสาวรีย์นี้ไม่ได้อยู่ตรงนี้หรอก เดิมอยู่ในเขตวัดเช่นเดียวกับเจดีย์ที่บรรจุกระดูกอื่นๆ ตอนนั้นอยู่หลังโบสถ์วัดประตูสาร ภาพที่ผมแนบให้ดูใน คห.1 และมีเจดีย์เพื่อนๆ อีกเยอะรอบๆ มีต้นไทรใหญ่อยู่ตรงนั้น และติดกับตลาดสดวัดประตูสาร (เดิม) ตอนหลังเขาจำไม่ได้ว่าเพราะอะไร มันนานมาแล้ว แถวรอบๆ ปี 2510 ก็มีการรื้อย้ายเจดีย์กลุ่มหลังโบสถ์ทั้งหมด จะเรียกว่า ล้างป่าช้า ได้รึเปล่าก็ไม่รู้ บางเจดีย์ก็รื้อและยกเลิกไป บางเจดีย์ก็เอากระดูกไปบรรจุไว้ ณ ที่แห่งใหม่ ส่วนเจดีย์ของรองอำมาตย์โทนิ่ม ชาครีย์รัตน์ ก็ได้ย้ายทั้งแท่ง ไปไว้ ณ เขตโรงเรียนวัดประตูสารในที่ปัจจุบันนี้แหละครับ ส่วนบริเวณกลุ่มเจดีย์เดิมหลังโบสถ์ที่ปราบพื้นที่ราบเรียบแล้ว ก็ใช้เป็นประโยชน์ของส่วนรวมไป ................. เป็นภาพภายในวิหารหลวงพ่อก๋ำวัดประตูสาร ที่อยู่หน้าโบสถ์ ข้างในมีองค์หลวงพ่อก๋ำ มีพระนาคปรก มีช่องบรรจุกระดูกคนตายเยอะแยะไปหมด บางช่องก็เป็นครอบครัว 4-5 คน ปู่ย่าผมก็มาอยู่ที่นี่ด้วยครับ จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 13:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพ คุณแม่ทองม้วน (ชาครีย์รัตน์) ศรีบุญมา เมื่อ 23 มีนาคม 2528 ณ วัดประตูสาร (ท่านมีชีวิตอยู่ระหว่าง ปี พ.ศ.2437 – 6 พฤศจิกายน 2527) มีลำดับพี่น้องของท่านรวม 6 คน ดังนี้ 1. นางนวล ชาครีย์รัตน์ 2. รองอำมาตย์โทนิ่ม ชาครีย์รัตน์ (21 พ.ย.2433 - 2 ก.พ.2461) 3. หลวงศรีราชรักษา (ผิว ชาครีย์รัตน์) อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี 4. นางทองม้วน ศรีบุญมา (2437 - 6 พ.ย.2527) 5. นางจีบ วินิจฉัยกุล 6. นายสงัด ชาครีย์รัตน์ (2442) 7. นายตุ๊ ชาครีย์รัตน์ ครอบครัวนี้ทำบุญกันที่วัดประตูสารเป็นส่วนใหญ่ เพราะตั้งหลักปักฐานแต่แรกเริ่มกันแถวนี้ บางส่วนข้ามถนนมาลัยแมนไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ดั้งเดิมอยู่แถว เพนียดคล้องช้างวัดเขาใหญ่ (ร้าง) บ้านเดิมของนางพิมพิลาไลย อยู่เหนือวัดประตูสารหน่อยหนึ่ง เทศบาลจึงตั้งชื่อถนนซอยย่อยแถวนี้ว่า ถนนขุนศรีวิชัย ตามชื่อพ่อของนางพิม ที่เป็นคนดูแลช้าง วัดประตูสาร เดิมตั้งอยู่เขตตำบลรั้วใหญ่ แต่ปัจจุบัน บริเวณวัดประตูสาร กับวัดพระรูปทางใต้ลงไปอีกหน่อยหนึ่ง ถูกโอนย้ายเข้าสังกัดตำบลท่าพี่เลี้ยงไปแล้ว จำไม่ได้ว่าปีไหน คงจะรอบๆ ปี 2510 ดังนั้น จึงมีการบรรจุอัฐิของท่านรองอำมาตย์โทนิ่ม ชาครีย์รัตน์ ทหารอาสาแห่งเมืองสุพรรณผู้ไปเสียชีวิตที่ฝรั่งเศส ณ ที่วัดประตูสารบ้านเกิดแห่งนี้ครับ  แล้วจึงได้เกิดเป็นอนุสาวรีย์ทหารอาสาของเมืองสุพรรณขึ้นมา อ้อ ลืมเล่าไป  รองอำมาตย์โทนิ่ม ชาครีย์รัตน์ เป็นบุตรของพ่อหรุ่น แม่ทองศุข (สิงหารุณ หรือ สิงห์สุวงศ์)  ชาครีย์รัตน์ แม่ทองศุข เป็นลูกของพ่อรุ่ง แม่มี่ (สุวรรณศร) สิงหารุณ หรือ สิงห์สุวงศ์ แม่มี่เป็นน้องสาวของหลวงแก้วสัสดี (ดี ต้นสกุล สุวรรณศร) ผู้เป็นสามีของแม่นิล สุขุม พี่สาวคนโตของท่านเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) - พ่อดีแม่นิล  เป็นพ่อแม่ของพระยาสุนทรสงคราม (ปุย สุวรรณศร) อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี  กับ คุณหญิงชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา (เพ็ง <สุวรรณศร> ณ ป้อมเพชร์) - พ่อดีแม่นิล เป็นตายายของท่านผู้หญิงพูนศุข (ณ ป้อมเพชร์) พนมยงค์ ที่เพิ่งถึงแก่อนิจกรรมไปด้วยโรคหัวใจวาย ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่  12 พฤษภาคม 2550 เวลา 02.00 น. - พ่อดีแม่นิลเป็นเจ้าของบ้านยะมะรัชโชรุ่นที่ 1  ถิ่นกำเนิดของเจ้าพระยายมราช ที่ผมเคยตั้งกระทู้ต้นพิกุลไว้ครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4986346/K4986346.html#163 ดังนั้นหากลำดับชั้นตามการเกี่ยวดองกับท่านเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม 2405- 30 ธันวาคม 2481) แล้ว  รุ่นพี่น้องของนายสิบตรีนิ่ม ก็เป็นหลานตาของท่านเจ้าคุณ กระทู้นี้ขอร่วมไว้อาลัยท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ อีกครั้งด้วยครับ ภาพจากเวปสถาบันปรีดีพนมยงค์ http://www.pridiinstitute.com/ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 50 08:50:55 จากคุณ : NickyNick - [ 5 มิ.ย. 50 14:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เคยอ่านเรื่องราวของบรรพบุรุษของตัวเองอยู่หลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่เคยจำได้จริงๆซะที เพราะดองทางโน้นดองทางนี้หลายฝ่ายไปหมด รู้ว่าตระกูลของเราเกี่ยวดองกับท่านผู้หญิงพูนศุข แต่ให้เล่าลำดับความ ก็บอกไม่ถูกทุกที เคยมีโอกาสได้ไปกราบท่านจริงๆครั้งเดียว ท่านเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากกับคุณย่า สมัยคุณย่ายังมีชีวิตอยู่ ท่านก็เคยเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ แต่ก็อย่างว่า ตอนนั้นก็ยังเด็ก ไม่ค่อยได้สนใจจำซักเท่าไหร่ ท่านผู้หญิงพูนศุขท่านชอบขนุนที่บ้านคุณพ่อของผมมาก ทุกปีที่ขนุนออก จะต้องฝากไปให้ท่านที่บ้านอยู่เสมอๆ เมื่อก่อนนี้ก็จำได้แค่ว่าท่านเป็น ณ ป้อมเพชร์ แต่ท่านเป็นลูกใครหลานใครนั้น จำไม่ได้ เวลาจะเล่าให้ใครฟัง ก็บอกได้แค่ว่า สุขุม, สุวรรณศร และ ณ ป้อมเพชร์ เป็นญาติกัน  มาได้อ่านที่นิคเล่านี่แหละ ถึงพอจะลำดับได้ถูก ต้องขอบคุณนิคมากๆที่ช่วยรวบรวมเรื่องราวมาให้อ่าน นิคมีความรู้ดีกว่าคนในตระกูลนั้นจริงๆซะอีก จากคุณ : twojay - [ 6 มิ.ย. 50 07:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบเวลาพี่เล่าเรื่อง นอกจากความรู้ที่ได้รับในเนื้อเรื่อง ยังได้เป็นประโยชน์สำหรับญาติพี่น้องในตระกูลที่กล่าวถึงด้วย สำหรับเรื่องรูป  คงต้องตอบอย่างที่ตอบทางหลัง-ไมค์ ขอยืมคำของคุณ สุธน หิญ  มาตอบครับ "มันเป็นสาธารณสมบัติอยู่ที่สนามหลวงครับ" ต้องขอบพระคุณกระทู้พี่มากกว่า ไอ้แท่งที่อยู่ตรงนั้น  น้อยคนจะรู้ว่าเป็นอะไร กระทู้นี้ทำให้ความรู้แพร่หลายออกไป กว้างขึ้น บริเวณนั้นกลายเป็นที่พักคนจรเป็นแล้ว วันที่ไปนั้น  ไปกันสองคนและแดดร้อน ผมยืนถ่ายรูปอยู่กลางแจ้ง   เพื่อนกลัวดำบอกว่าจะไปหลบใต้ต้นไม้ ต้องห้ามไว้  เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ ไม่ค่อยมีใครรู้จักอนุสาวรีย์นี้กระมังครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 6 มิ.ย. 50 08:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีค่ะ คุณพี่นิค  คุณกัมม์  คุณtwojay  ^___^   หนีเที่ยวซะหลายวันเลย  กลับมาเก็บตกแล้วค่ะ ธ่อ....ที่แท้คุณแมวน้อยก็ไปเที่ยวมานี่เอง   (55555  นึกว่าเตลิดซะอีก) จากคุณ : ปริยวาที - [ 6 มิ.ย. 50 10:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีทุกท่าน คุณ twojay ได้ไปเยี่ยมบล็อกแล้วนะครับ ทำให้รู้ว่านายชอบของเก่าเหมือนกัน เชิญทุกท่านแวะไปเยี่ยมชมกันได้นะครับที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=twojay&group=12 แล้วก็ขอบคุณมากที่มาเพิ่มเติมสิ่งที่น่าสนใจ ฟังแล้วอยากกินขนุนขึ้นมาทันใด รวมทั้งให้เกียรติชมเชยที่ผมมีความรู้เรื่องคนอื่นเยอะ คงเป็นเพราะพยายามศึกษาเรื่องของบุคคลสำคัญของประเทศ อยากเก่งเหมือนท่านๆ เหล่านั้น ก็เลยต้องจดจำเป็นพิเศษ แต่เรื่องตัวเองก็พยายามศึกษาเช่นกัน แฮ่ะ แฮ่ะ ความจริงท่านผู้หญิงพูนศุขท่านเป็นญาติสนิทกับทั้งเจ้าพระยายมราช และกับท่านผู้หญิงตลับ (ณ ป้อมเพชร์) ภริยาด้วย คือเป็นหลานตาของท่านเจ้าพระยายมราช กับเป็นหลานป้าของท่านผู้หญิงตลับ มีผู้ให้ความรู้ไว้ใน คห.ของกระทู้นี้ครับ คห.93 เพชรพระมหามงกุฎ - เจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/05/K4409228/K4409228.html#93 สำหรับคุณกัมม์ ก็เห็นตรงกันละครับว่าเป็นสมบัติสาธารณะของสนามหลวง และของแผ่นดิน เป็นของที่มีคุณค่าอยู่แล้ว แต่บางครั้งคนอาจจะลืม เราก็พยายามต่อเติมขุดคุ้ยมาให้คนได้รับทราบ  ก่อนที่จะหาหนังสืออ่านเกี่ยวกับอนุสาวรีย์ทหารอาสา ก็ไม่เคยรู้หรอกว่า  แท่งที่อยู่ข้างสนามหลวงนี้คืออะไรกันแน่ ส่วนเรื่องราวลี้ลับต่างๆ ของเมืองสุพรรณที่คนไม่ค่อยรู้จัก และค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน ก็จะพยายามขุดขึ้นมาให้รับทราบกันทั่ว ตามที่พอมีแรง ทั้งแรงกายและแรงใจ มีเรื่องที่เตรียมไว้แล้วอีกเยอะครับ   ตอนนี้ยังพอมีแรงอยู่ แต่ถดถอยไปเยอะ  เมื่อไรที่ผมห่างหายไปจากที่นี่ แสดงว่าหมดแรงไปแล้วจริงๆ สวัสดีหนูจิ๋วปริยวาที พี่ก็คิดยังงั้นเหมือนกัน แต่เมื่อเธอเข้ามาแสดงตัวแล้ว เรื่องลับๆ กับพี่เป้าก็คงหมดสิ้นไปจากใจ แล้วโอกาสของเราก็ใกล้จะมาถึงแล้ว .................. เมื่อวานนี้หลังจากส่งกระทู้ไปแล้ว ท่านผู้ร่วมติดตามท่านหนึ่งได้บอกว่า ที่จารึกในอนุสาวรีย์ท่านแรก คือ นายร้อยตรีสงวน ทันด่วน  ไม่ใช่  นายดาบสงวน  ขออภัยครับ จะกลับไปแก้ใน คห.4  เป็นเพราะเมื่อวานนำภาพมาเข้าคอมแล้วก็อ่านในทันใด แล้วก็พิมพ์ลอกไปตามนั้น เผอิญเป็นเพราะรีบ และสายตาไม่ดี เลยพลาดไป ต้องขอขอบพระคุณท่านมากๆ  ตาดีกว่าผมเสียอีก นี่เป็นจารึกอนุสาวรีย์ที่กรุงเทพๆ ด้านที่ 4 เป็นรายชื่อทหารส่วนที่เหลือจากที่แสดงใน คห.5 จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 11:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทหารไทยไปเมื่อไร สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มเมื่อออสเตรียประกาศสงครามกับเซอร์เบีย  ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2457 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศสงคราม ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในวันที่ 22กรกฎาคม 2460 โดยเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร อันมี  ฝรั่งเศส อังกฤษ และอเมริกา   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องมหาพิชัยยุทธ์ อันเป็นเครื่องทรงตามแบบโบราณประเพณีสำหรับพระมหากษัตริย์ทรงเมื่อยามออกสงคราม คือ ทรงด้วยสีแดงทั้งพระองค์ ถูกต้องตามตำรามหาพิชัยยุทธว่า  วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี ภูษาสีแดง ทรงเป็นมงคล ประเทศไทยได้ส่งทหารอาสาไปในสมรภูมิในยุโรป เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2461 จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 12:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทหารไทยตายที่ไหน และเก็บศพไว้อย่างไร ในการไปราชการสงครามในทวีปยุโรป ทหารอาสาเสียชีวิต 19 นาย ได้ฝังไว้ ณ ตำบล ดายูเบ คูรท์ (Jube Court) ในยุทธบริเวณประเทศฝรั่งเศส และได้ทำการฌาปนกิจที่สุสานประเทศเยอรมันนี อ่านถึงตรงนี้ก็ยังบอกไม่ได้ว่าตายที่ไหนบ้าง จึงต้องไปค้นหาอ่านว่าทหารไทยไปร่วมรบกันที่ใด ปฏิบัติการรบของทหารไทย อยู่ที่ไหนบ้าง ทหารไทยได้ไปปฏิบัติการรบสนับสนุนกองทัพบกฝรั่งเศส และได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารชาติสัมพันธมิตรอย่างกล้าหาญองอาจ เข้าสู่ยุทธบริเวณในย่านกระสุนตกท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บ นอกจากนั้นกองทหารบกบรถยนต์ยังได้ลำเลียงทหารสัมพันธมิตรข้ามแม่น้ำไรน์ (Rhine) ที่เมืองไมน์ส (Mainz) เข้ายึดดินแดนเยอรมันทางฝั่งซ้ายแม่น้ำไรน ได้สำเร็จ จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 12:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 20 "แล้วโอกาสของเราก็ใกล้จะมาถึงแล้ว" มีปริศนาทุกทีสิน่า  ^_^" จากคุณ : ปริยวาที - [ 6 มิ.ย. 50 12:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นายสิบตรีนิ่ม ชาครีย์รัตน์ ตายอย่างไร จากจารึกที่อนุสาวรีย์กรุงเทพ ใน คห.6 บอกว่า ท่านสิบตรีนิ่ม ชาครีย์รัตน์ เกิด วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๓๔ ถึงแก่กรรม วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๑ ณ โรงพยาบาลอเมริกันที่ ๕๗ กรุงปารีสฝรั่งเศส ซึ่งไม่ตรงกับประวัติในบันทึกอื่นที่ผมได้ค้นมา ซึ่งในอนุสาวรีย์ที่เมืองสุพรรณ ได้จารึกไว้ที่แผ่นด้านหลังไว้ ที่พออ่านเห็นได้บ้างดังใน คห.10 ว่า ท่านเกิดเมื่อปีขาล พ.ศ.2433 ครับ แล้วท่านตายยังไง คนเล่าให้ฟังต่อๆ กันมาว่าท่านตกเครื่องบินตาย ไม่ทราบว่าจริงแท้แค่ไหน แต่ที่อนุสาวรีย์กรุงเทพ ที่ผมแนบไว้ใน คห.6 บอกว่า ท่านถึงแก่กรรม ณ โรงพยาบาลอเมริกันที่ ๕๗ กรุงปารีสฝรั่งเศส แสดงว่าไม่น่าจะตกเครื่องบินตายแล้ว เพราะถ้าตกก็ไม่มีโอกาสมาถึงโรงพยาบาล แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะเอาร่างมาที่โรงพยาบาล แล้วก็บันทึกว่าตายที่นั่น บริเวณจารึกด้านหลังอนุสาวรีย์เมืองสุพรรณ ที่ผมถ่ายรูปมาพอแกะความออกได้เล็กน้อยว่าท่านป่วยด้วยโรคปอดบวม แล้วก็อ่านต่อไม่ได้อีก แสดงว่า ความจริงท่านคงเสียชีวิตเพราะโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งตรงกับที่เคยรู้มาก่อนว่า ทหารไทยที่ไปสมรภูมิครั้งนั้น ยังไม่ได้ออกรบอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ที่ตายส่วนใหญ่ก็เพราะป่วยไข้จากการเปลี่ยนอากาศ จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 13:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทหารไทยกลับบ้านกันแล้ว เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติ ทหารอาสาได้ทยอยเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ทหารอาสาชุดสุดท้ายได้เดินทางถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2462 เวลา 15.45 น.  โดยเรือมิเตา วันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี  ประดับธงชัยเฉลิมพลให้เป็นเกียรติแก่กองทหารอาสา  ในวันที่เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ  เมื่อหมดหน้าที่  นายสิบ พลทหารได้รับการปลดปล่อยเป็นกองหนุนในวันที่ 26 กันยายน พุทธศักราช 2462 ส่วนนายทหารสัญญาบัตรประจำการ ได้รับอนุญาตให้ลาพัก 15 วัน เมื่อครบกำหนดก็เข้าประจำกรมกองเพื่อปฎิบัติ หน้าที่ตามปกติ ................. ภาพการเชิญอัฐิทหารอาสาวันนั้น http://web.schq.mi.th/~afed/history_www/bbb1-1.htm จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 13:34:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อัญเชิญอัฐิทหารอาสาบรรจุอนุสาวรีย์ทหารอาสา ได้อัญเชิญอัฐิทหารอาสาทั้ง 19 นาย  มาบรรจุ ณ อนุสาวรีย์ทหารอาสาที่บริเวณทิศเหนือของท้องสนามหลวง 24 กันยายน พ.ศ. 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีบรรจุอัฐิทหารอาสา ที่ฐานอนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 ตั้งอยู่ที่กึ่งกลางสนามมุมตะวันตกเฉียงเหนือของท้องสนามหลวง จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 13:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 นอกจากอนุสาวรีย์ทหารอาสาที่สนามหลวงแล้ว ยังมีอนุสาวรีย์ทหารอาสาที่ดุสิตธานี เมืองจำลองของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย จากเวบไซด์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร http://www.krama6.su.ac.th/tour/tour23.htm เป็นคำบรรยายของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล อนุสาวรีย์ทหารอาสาในสวนนันทอุทยาน (เมืองจำลองดุสิตธานี)          ภาพนี้มีประวัติที่ควรทราบคือ เมื่อทหารอาสากลับจากราชการสงคราม ณ ทวีปยุโรป ได้มีการเรี่ยไรบรรดาทวยนาคร เพื่อสร้างอนุสาวรีย์เป็นที่ระลึกถึงทหารที่ได้เสียชีวิต ภายใน ๗ วัน ได้เงิน ๑,๖๘๙ บาท จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ที่เห็นนี้ ทำด้วยศิลาขาว ประดิษฐานอยู่บนเนินในสวน นันทอุทยาน ถนนชัยชนะสงคราม อำเภอดุสิต มีงานฉลองเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๖๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินในพิธี ทรงวางพวงมาลาดอกไม้สด ซึ่งแลเห็นอยู่ในภาพนี้          ในภาพนี้ ทางขวามือในระยะไกลคือ พระที่นั่งไพชยนต์มหาปราสาทในพระราชวัง อาคารใหญ่ที่เป็นฉากหลังนั้นคือ นาครศาลาหลังใหญ่ที่ทวยนาครไปประชุมเลือกตั้งเชษฐบุรุษ และนคราภิบาล          ข้าพเจ้าได้พาท่านชมอำเภอดุสิตมาเป็นเวลาช้านาน ก่อนที่จะออกจากอำเภอนี้ ข้าพเจ้าใคร่จะเรียนให้ท่านทั้งหลายทราบด้วยว่า ข้าพเจ้าเองมีบ้านอยู่ในอำเภอนี้ คืออยู่ที่เลขที่ ๙ ถนนชัยชนะสงคราม ตรงกันข้ามกับสวนนันทอุทยานนี้เอง เพื่อนบ้านของข้าพเจ้าที่อยู่บ้านเลขที่ ๘ คือ หม่อมเจ้าดิศานุวัติ ดิศกุล และเพื่อนบ้านที่อยู่บ้านเลขที่ ๑๐ คือ ขุนสันทานมาลากร แถบที่บ้านข้าพเจ้าตั้งอยู่ มีโรงไฟฟ้า ตลาด บ้านเช่า ร้านค้า ร้านค้าที่สำคัญ คือ ร้านสุจริตเกศากันต์ (ตัดผม), ร้านสว่างนาน (ขายเครื่องเขียน), ร้านฉายาลัย (ถ่ายรูป), ห้างซีซูโอกาสาขาบุณยเกียรติ (ขายของต่าง ๆ) กับมีสำนักงานหนังสือพิมพ์ดุสิตสมัยด้วย จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 13:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นี่เป็นอีกภาพหนึ่งที่ผมนำมาจากหนังสือ "ดุสิตธานี เมืองประชาธิปไตย ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, 2513" บรรยายใต้ภาพด้วยว่า เสด็จพระราชดำเนิน ทรงวางพวงมาลาดอกไม้สด เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2462 จะแลเห็นพวงมาลาหลายพวงด้านหน้าอนุสาวรีย์ ใครตาดี คงดูเห็นว่าพวงมาลาอยู่ตรงไหน อยากรู้จริงๆ ว่า ขณะนี้ อนุสาวรีย์ทหารอาสาในดุสิตธานี ยังอยู่หรือไม่ครับ จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 13:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นี่คือ รูปปั้น "ไชโย" ที่พระที่นั่งนเรนทรสรวิสูต  ในพระราชวังมหาคีรีราชปุระ เมืองจำลองดุสิตธานีเช่นกัน เป็นรูปตุ๊กตายืนถือกิ่งไม้ บอกข่าว "ความมีชัย" ของสงครามโลกครั้งที่ 1 พรุ่งนี้จะมาต่อกันถึง สัญลักษณ์อื่นๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 1 ในเมืองไทย  ซึ่งยังมีอีกครับ ลืมตอบคำรำพันของหนูจิ๋วปริยวาทีไปครับ  ตอนนี้ที่ยังมีความสุขและความหวังอยู่ได้ ก็เพราะปริศนาแบบนี้ละครับ จากคุณ : NickyNick - [ 6 มิ.ย. 50 14:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นปริศนาให้พิศวง งงงวย พี่นิค คุณปริยฯ คุณกัมม์คะ ดิฉันตามอ่านอยู่นะคะ ชอบเรื่องเมืองสุพรรณ อ่านไปต้องไปหาสาลี่สุพรรณมาหม่ำแกล้มไปด้วย อ้วนกันพอดี! จากคุณ : little kitty - [ 6 มิ.ย. 50 14:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีค่ะ คุณ little  kitty  ^__________^  กำลังคิดถึงอยู่พอดี ช่วยตีโจทย์ทีค่ะ  งงงงงง สาลี่สุพรรณ  ออกจะฝืดคอนะคะ  จิ๋วว่า เปี๊ยะนมข้นอร่อยกว่า  (อ้วนกว่าด้วย!!) จากคุณ : ปริยวาที - [ 6 มิ.ย. 50 14:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมมาติดตามรายละเอียดของทหารไทย ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ แล้ว ขอบคุณครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 7 มิ.ย. 50 06:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พี่นิค  หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะว่ามีอนุสาวรีย์อยู่ที่นี่ด้วย  ขนาดเป็นคนสุพรรณฯ นะเนี่ย จากคุณ : biebie999 - [ 7 มิ.ย. 50 09:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นึกว่าเป็นปริศนาธรรมก็แล้วกันนะหนูทั้งสอง ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนครับคุณเจียวต้าย ส่วนหนูเบบี๋ รอกระทู้อื่นๆ เกี่ยวกับเมืองสุพรรณ พี่เตรียมไว้เยอะแล้ว กำลังรอเวลาส่งอยู่ ยังมีเรื่องที่หนูไม่เคยรู้อีกตั้งเยอะแยะ คอยชมกันนะ แว่บไปดูบล็อกหนูเบบี๋มาแล้ว ชอบภาพตอนทำคางยื่นคางยาวจัง  เหมือนลูกหลานคนบุรีรัมย์ ฮิฮิฮิ ................. คำถามที่ถามค้างไว้แต่ก่อนๆ ใครรู้ก็เฉลยให้ฟังกันบ้างก็ดีไม่น้อย มาต่อกันเลยนะจ๊ะ ทุกวันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปี หน่วยงานราชการของจังหวัดสุพรรณบุรี จะมีพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันที่ระลึกทหารอาสาที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1   ณ อนุสาวรีย์ทหารอาสาที่โรงเรียนวัดประตูสารแห่งนี้ เช่นเดียวกับที่ในกรุงเทพๆ และจังหวัดอื่นๆ ที่มีอนุสาวรีย์ทหารอาสาประดิษฐานอยู่ ทำไมต้องวันที่ 11 พฤศจิกายน เพราะวันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นวันที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลงอย่างเป็นทางการครับ เมื่อเยอรมันนียอมลงนามในสัญญายุติการสู้รบบนรถไฟที่ป่ากองเปียญน์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2461 หลังจากนั้นได้มีการลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พุทธศักราช 2462 ทำให้เกิดองค์การสันนิบาตชาติ และศาลโลกขึ้น จากคุณ : NickyNick - [ 7 มิ.ย. 50 11:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 32 วงเวียน 22 กรกฏาคม ตั้งอยู่ ณ จุดกึ่งกลางที่ถนนไมตรีจิตต์ ถนนมิตรพันธ์ และถนนสันติภาพ ตัดกัน แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย มีประวัติเหตุการณ์สร้าง การตั้งชื่อถนนกับวงเวียนรอบๆ รวมถึงการปรับปรุงรูปแบบอยู่อีกเยอะ เมื่อกระทรวงนครบาลได้นำโครงการขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสเห็นชอบ และพระราชทานนามในเวลาต่อมาว่า "22 กรกฎาคม" ซึ่งเป็นวันที่ทรงนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่นี่ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสงครามโลกครั้งที่ 1 จากคุณ : นิค (NickyNick) - [ 7 มิ.ย. 50 15:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณครับพี่ ผ่านวงเวียน ๒๒ กรกฎาคม บ่อยๆ นึกสงสัยอยู่เหมือนกัน  ว่าทำไมถึงตั้งชื่ออย่างนั้น ว่างๆ ไปเหมาส้มตำกันเนาะพี่นิค (อันนี้ล้อเล่น อิอิอิ) เคยอ่านเจอว่า วันประกาศสงคราม ทรงเครื่องพิชัยสงครามฉลองพระองค์สีแดง  ตามตำหรับโบราณ คงเป็นภาพใน ความคิดเห็นที่ ๑๘ นั่นเอง เมื่อประกาศสงครามแล้ว  ต้องจับเรือศัตรู คือชาติที่ทรงประกาศสงคราม ขณะนั้น หมอพร ก็เสด็จจากวังนางเลิ้งเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานรับพระราชภาระกิจองค์นี้  ก็โปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชภาระกิจนี้ก็สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย  ด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 50 18:18:22 จากคุณ : กัมม์ - [ 7 มิ.ย. 50 18:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ชาติไทย กับราชาธิปไตย   ขณะนั้นราชนาวีและการศึกไม่เป็นรองใครในสงครามโลก ชาติไทย กับประชาธิปไตย ในสมัยต่อๆ มา  คือ  ผู้แพ้ในสงครามโลกในครั้งต่อมา ขอหยอดไว้นิดหนึ่งเถิดพี่นิค  ก่อนหลับ ระบอบไหนก็ได้ขอให้ประเทศชาติสามัคคีรส แข็งแรง สงบสุข ร่มเย็น เป็นพอ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 50 20:23:44 จากคุณ : กัมม์ - [ 7 มิ.ย. 50 20:21:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีพี่เป้า ได้หยอดแล้วคงหลับฝันดีนะ ไข้กายไข้ใจที่มันมารุมเร้าพักนี้คงหย่อนลง  อย่าคิดเครียดมากนักเลย รักคนที่เขารักเราดีกว่า ขออภัยทุกๆ ท่านเป็นอย่างมาก ลำดับญาติผิด เมื่อคืนนั่งๆ นอนๆ คิดไปคิดมา ตะหงิดๆ ว่ากระทู้เรามีที่ผิดพลาดอยู่หน่อยหนึ่ง แล้วก็เป็นอย่างที่เคยระมัดระวังมาแต่แรก กะจะไม่ให้เพี้ยนก็เอาเข้าจนได้ คงเพราะรีบร้อนเขียนเรื่อง แล้วโพยในมือที่พยายามกรองแล้วกรองอีกหลายรอบ แต่เขียนแก้ไปแก้มาจนตัวหนังสือยิบไปหมด เลยอ่านสับสน เดี๋ยวจะขึ้นไปแก้ไขใน คห.13 ตามนี้นะครับ ความคิดเห็นที่ 13   แม่ทองศุข (2410-2503) ไม่ใช่น้องสาวครับ แต่เป็นหลานลุงของหลวงแก้วสัสดี (ดี ต้นสกุล สุวรรณศร) ผู้เป็นสามีของแม่นิล สุขุม พี่สาวคนโตของท่านเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เพราะพ่อแม่ของแม่ทองศุขคือ พ่อรุ่ง แม่มี่ (สุวรรณศร) สิงหารุณ หรือ สิงห์สุวงศ์   แม่มี่เป็นน้องสาวของหลวงแก้วสัสดี (ดี สุวรรณศร) ครับ ดังนั้นหากลำดับชั้นตามการเกี่ยวดองกับท่านเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม 2405- 30 ธันวาคม 2481) แล้ว  รุ่นพี่น้องของนายสิบตรีนิ่ม ก็เป็นหลานตาของท่านเจ้าคุณ จากคุณ : NickyNick - [ 8 มิ.ย. 50 08:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รองอำมาตย์โทนิ่ม ชาครีย์รัตน์ จบการศึกษาที่โรงเรียนปรีชาพิทยากรครับ ปัจจุบันคือโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย ประจำจังหวัดสุพรรณบุรี (ชาย) ศิษย์เก่าโรงเรียนนี้ที่เรารู้จักกันดี เช่น ครูมนตรี ตราโมท (2443-2538) เดิมท่านชื่อบุญธรรม บ้านของท่านอยู่ติดกับวัดสุวรรณภูมิ (วัดใหม่) ฝั่งตรงข้ามกับวัดประตูสารนี่เอง แม่ของท่านเป็นพี่สาวของพระครูวิบูลเมธาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูสาร และเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีขณะนั้น ท่านจึงมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดประตูสาร ซึ่งขณะนั้นสังกัดสามัคคยาจารย์สมาคม ระหว่างที่ท่านเรียนอยู่ที่นั่น ในปี พ.ศ.2453 ก็ได้มีการยุบโรงเรียนวัดประตูสาร แล้วโอนครูและนักเรียนไปรวมกับโรงเรียนปรีชาพิทยากร ขณะนั้นโรงเรียนปรีชาพิทยากร สังกัดอยู่ในกระทรวงมหาดไทย ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ครูมนตรี ตราโมท จึงเป็นศิษย์เก่าของทั้งโรงเรียนวัดประตูสาร (เดิม) กับโรงเรียนปรีชาพิทยากร หรือโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัยในปัจจุบัน เช่นเดียวกับสิบตรีนิ่ม ทราบมาจากคำบอกเล่าว่า พ่อของครูมนตรี ตราโมท เป็นฝีพายของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ  พระบิดาของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ กับ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นี่แหละ นามสกุลนี้ บิดาของท่านได้รับพระราชทานจากพระองค์เจ้าคำรบ แสดงว่าคงจะโปรดมาก ถึงได้ตั้งนามสกุลให้คล้ายกับ ปราโมช  คือ ตราโมท จากคุณ : NickyNick - [ 8 มิ.ย. 50 09:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จึงได้ไปหาหนังสือประวัติโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัยเพิ่มเติม ที่จะเกี่ยวกับสิบตรีนิ่ม ก็หาไม่เจอ แต่มีข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมอีกดังนี้ หนังสือศิษย์เก่า "กรรณสูตศึกษาลัย 2499" ได้มีภาพของบุคคลหนึ่ง คือ ครูกานดา ชาครียรัตน์ รูปภาพของท่านในหนังสือเล่มนั้น เขียนเน้นด้วยปากกาว่า สวย อยู่คนเดียว ครูอื่นไม่มี ไม่รู้ว่าครูเขียน หรือนักเรียนเขียน  อยากเห็นรูปของท่านแล้วซีครับ ครูกานดา ได้ให้คำขวัญกับนักเรียนรุ่นนั้น เช่นเดียวกับครูท่านอื่นๆ  ของท่านมีว่า จงเร่งนับคืนวันที่พ้นผ่าน แล้วสำรวจตรวจงานของเรามั่น ว่าเราทำอะไรในหนึ่งวัน และเราทำสิ่งนั้นเพื่ออันใด แล้วก็มีบทความของคุณครูประกอบด้วยในเล่มนั้น ชื่อ มองกันในแง่ดี อยู่หน้า 19-24 จากคุณ : NickyNick - [ 8 มิ.ย. 50 09:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หนังสือ กรรณสูตศึกษาลัย 100 ปี  2441-2541 ท่านสุวิทย์ ธีรพงษ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสมัยนั้น ได้เขียนบทความประกอบ เรื่อง โรงเรียนของเรา  หน้า 172-174 กล่าวเกี่ยวกับคุณครูกานดา ชาครียรัตน์ ว่า "......เมื่อพูดถึงครูแล้ว ผมขออนุญาตพูดถึงครูประจำชั้นของผม  คุณครูกานดา เป็นครูที่น่ารักที่สุด สวยที่สุด แต่ก็ดุที่สุดด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งจบอักษรศาสตร์บัณฑิตจากจุฬามาหมาดๆ  และยังใช้นามสกุลเดิมอยู่คือ "ชาครียรัตน์"  แต่มีปลัดอำเภอหนุ่มสมพร กลิ่นพงษา เป็นบอดีการ์ด  น่ากลัวพิลึก  ผมเคารพรักครูกานดาเป็นพิเศษ  เพราะบิดาของครูเป็นผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี  และรู้จักกับพ่อผมอย่างดี  ส่วนน้องชายคนหนึ่งของคุณครูคือเจ้าโอ่ง  (ขอเรียกชื่อเล่นหน่อย) พลตำรวจโทชัยวรรณ ชาครียรัตน์  นั้นเป็นเพื่อนผม เรียนอยู่ห้องเดียวกัน  ถ้าถามผมว่าแล้วเจ้าโอ่งได้สิทธิพิเศษอะไรจากพี่สาวซึ่งเป็นครูประจำชั้นไหม  ไม่มีทาง  ก็ผมบอกแล้วไงว่าครูกานดานั้นดุ จริงๆ......." ใช่แล้วครับ ครูกานดาเป็นบุตรีของหลวงศรีราชรักษา (ผิว ชาครีย์รัตน์) อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นน้องชายของสิบตรีนิ่ม ชาครีย์รัตน์ ครูกานดาจบอักษรศาสตร์บัณฑิตจากจุฬา แล้วมาเป็นครูที่บ้านเกิด เป็นหวานใจของนายอำเภอสมพร กลิ่นพงษา ท่านเป็นที่รักของคนสุพรรณสมัยนั้นมาก แล้วท่านก็กลายเป็น นางกานดา กลิ่นพงษา ที่ปรึกษาชั้นเยี่ยมของอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย จากคุณ : NickyNick - [ 8 มิ.ย. 50 09:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตามอ่านเรื่อย ๆ นะคะ  ฟังพวกพี่ ๆ เพื่อน ๆ คุยกันเฉย ๆ ไม่มีความรู้อะไรเลยค่ะ จากคุณ : biebie999 - [ 9 มิ.ย. 50 13:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เพิ่งเข้ามาอ่าน ครับ จากคุณ : หมาป่าดำ (หมาป่าดำ) - [ 11 มิ.ย. 50 23:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มีภาค 2 ต่อที่นี่ครับ ทหารไทยในสงครามโลกครั้งที่ 1 : ความรู้เพิ่มเติม http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5541885/K5541885.html จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 50 14:59:19 ]