ความคิดเห็นที่ 1 หาด้วยกุ๊กเกิ้ลนะหนู ด้วยคำค้นหา free children literature จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 มิ.ย. 50 14:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอาเว็บนี้ไปเลย มีนิยายเด็กหลายเรื่อง มีเสียงครูอนุบาล มาอ่านเสียงอ่อนเสียงหวานให้เด็กฟังด้วย ผู้ใหญ่จะเข้ามาลองฟังออกเสียงภาษาอังกฤษตามไปด้วยก็ได้ http://wiredforbooks.org/kids.htm เอาลิ้งค์เว็บหนังสือเด็กมาฝากอีกแห่งหนึ่ง http://www.fastq.com/~jbpratt/education/books/bookindex.html Children's Storybooks Online http://www.magickeys.com/books/index.html http://www.fastq.com/~jbpratt/education/books/bookindex.html#fablesfolktalesetc http://www.juliethompson.com/SMART.html http://www.fastq.com/~jbpratt/education/books/bookindex.html#Children_Literature http://www.fastq.com/%7Ejbpratt/education/links/eceactonline.html แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 50 06:27:30 แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 50 13:32:57 จากคุณ : nickycharles - [ 9 มิ.ย. 50 20:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รบกวนถามตรงนี้นะคะ มีเว็บไหนที่มีหนังสือให้อ่านฟรีแบบให้โหลดเป็น word หรือ acrobat ได้บ้างมั้ยคะ หาเจอแต่ที่ให้อ่านจากจอน่ะค่ะ อยาก print ออกมาอ่านมากกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : k - [ 10 มิ.ย. 50 09:14:12 A:203.209.90.169 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่มอีกนิด เป็นแนวไหนก็ได้ค่ะ วรรณกรรมเยาวชน คลาสสิก นิยายวิทยาศาสตร์ หรือแนวไหนก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : k - [ 10 มิ.ย. 50 09:17:24 A:203.209.90.169 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เว็บนี้สุดยอด มีหนังสือตั้งแต่อนุบาลไปจนถึง PhD มีเสียงอ่าน มีตั้งแต่โคลงกลอนของยุคปัจจุบัน ผู้แต่งมาอ่านให้ฟัง จะได้ทราบความไพเราะของกวีนิพนธ์ ย้อนยุคไปดูและฟังเสียงวีดีโอละครเชคสเปียร์ ใครอยากได้ยินมหากาพย์ของกรีกเป็นภาษากรีกเปิดฟังได้เลย แต่ผมว่าภาษากรีกโบาณนี่ฟังเหมือนภาษากวางตุ้งที่พูดกันที่ฮ่องกง http://wiredforbooks.org/ จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 10:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เว็บนี้เป็นกรุใหญ่มีลิ้งค์ต่อไปอีกหลายแห่ง http://www.lib.purdue.edu/eresources/readyref/quickReferencePages/books.htm#books อ่านนิยายคลาสสิคแบบมีโน้ทเหมือนมีครูมาสอน เด็กฝรั่งเขาก็หาอ่านเอาแถวนี้แหละ เข้าไปอ่านดูเอาเองเถอะ จะได้เลิกกลัวเชคสเปียร์ หรือวรรณกรรมโบราณอายุหลายร้อยปีกันเสียที http://www.sparknotes.com/ http://www.bibliomania.com/index.html http://www.cliffsnotes.com/WileyCDA/ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 14:17:36 จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 10:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เว็บนี้เป็นนวนิยายไทยแปลเป็นอังกฤษและฝรั่งเศส ใครอยากอ่านจันดาราที่แปลเป็นภาษาอังกฤษบ้าง modern Thai literature, and highlights novels, short stories and tales http://thaifiction.com/ อย่าลืม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ของไทยเป็นอันขาด เสียงอ่านโดย อาจารย์ถาวร สิกขโกศล คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/ จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 10:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ของฟรีในอินเทอร์เนทมีมากมายจริง ๆ เอาละครับ ไปเปิดอ่านดูเอาเอง เทาที่ให้มาแค่นี้อ่านเป็นปีก็ไม่หมด วันหลังถ้าว่าง ๆ จะหาเอามาโพสท์ให้อีก ตอนนี้กำลังหาหนังสือที่สมัยโบราณเขาถือว่าเป็นหนังสือต้องห้าม ไม่รู้ว่าไปเซฟเอาไว้ที่ไหน ยังหาไม่เจอ คอมพิวเตอร์ถูกไวรัสบ้าง ถูกสปายแวร์บ้าง ล้างบางมาหลายหนแล้ว คงจะหาไม่เจอ http://www.gutenberg.org/wiki/Main_Page http://www.blackmask.com/ http://www.classicreader.com/ http://onlinebooks.library.upenn.edu/nonus.html http://www.xs4all.nl/~embden11/Engels/List.htm http://www.bibliomania.com/0/0/19/37/frameset.html ข้างบนนี้เป็นหนังสือคลาสสิค ลิขสิทธิหมดอายุไปแล้ว จะเอาไปแปลขาย พิมพ์แจก ทำหนังทำละคร ไม่มีใครมาฟ้องไม่ต้องเป็นห่วง มีเรื่องอยากจะขอร้องท่านที่กำลังภายในสูงส่งสามารถไปแคะเอาหนังสือสมัยใหม่ประเภท best seller จากเนทมาอ่านได้ ช่วยเข้ามาชี้ทางสว่างให้หน่อย เคยมีเพื่อนมาช่วยสอนให้ เคยดาวโหลดหนังสือเอามาอ่านได้ ตอนนี้จะไปดาวโหลดใหม่ลืมวิธีการ ทำไม่ได้แล้ว ท่านจอมยุทธคนไหนอยู่ว่าง ๆ ช่วยมาสอนให้ด้วย นึกว่าเอาบุญ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 50 08:26:11 จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 13:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 PL1 อันดับต่อไปเป็นรายการสารคดีมีนีซีรีส์ ว่าด้วยเรื่องมหากาพย์  Paradise Lost ของ John Milton ที่คุณหนูคิมแปลทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท การแปลที่จุฬา จะรับปริญญาเดือนหน้านี้แล้ว ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลังฉากการถ่ายทำ ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดสี่ปี PROLOGUE http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4921728/K4921728.html http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5438103/K5438103.html จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 14:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 PL2 อาวุธคู่ใจของนักแปลคือดิกชันนารี ถ้ารู้จักใช้ดิกชันนารีให้คล่องแคล่วแล้วโอกาสจะชนะศึกมีมากหลายส่วน คนไทยไม่ค่อบใช้ดิกชันนารี เก้าในสิบคนใช้ไม่เป็น ตามโรงเรียนอาจจะไม่สอนวิธีใช้ เพราะฉะนั้นในเว็บบอร์ดจึงมีคนถามปัญหาปัญญาอ่อนเข้ามาจำนวนมาก  ปัญหาคำศัพท์เหล่านี้ ไปเปิดดิกชันนารีเองก็เสียเวลาไม่กี่นาทีแต่ไม่ทำกัน ดิกชันนารีออนไลน์ใช้ได้ฟรีในในอินเทอร์เนทก็มีเป็นร้อย แต่ทำไมไม่ค่อยเปิดใช้ก็ไม่รู้  ใครทราบช่วยบอกด้วย ดิกชันนารีออนไลน์ที่มีประโยชน์มากที่สุดในการแปลวรรณกรรมโบราณ เป็นดิกชันนารีของเว็บสเตอร์พิมพ์ในปี 1828 และปี 1913 มหาวิทยาลัยชิคาโกเอามาอนุรักษ์ไว้ และเพิ่มเติมศัพท์โบราณที่พบใหม่ในวรรณคดีเก่า ๆ อีกอยู่เรื่อย ๆ ถ้าจะแปลหนังสือเก่าต้องใชดิกชันนารีเก่า จะใช้ดิกชันนารีที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่มีทางสำเร็จ เพราะความหมายปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมมากพอสมควร ดิกช้นนารีสมัยใหม่ เขาตัดศัพท์โบราณ หรือความหมายโบราณทิ้งไป Webster's Revised Unabridged Dictionary (1913 + 1828) http://machaut.uchicago.edu/?resource=Webster%27s ถ้าหาในดิกชันนารีข้างบนไม่เจอก็ต้องใช้อาวุธหนัก จรวด ICBM หัวรบนิวเคลียร์คือ OED Oxford English Dictionary http://www.oed.com/ ไม่มีให้ใช้ฟรีบนอินเทอร์เนท ถ้าจะใช้ต้องเป็นสมาชิก รู้สึกว่าค่าสมาชิกปีละประมาณ 60 ปอนด็  นักเรียนนักศึกษาที่อเมริกาใช้ได้ฟรี เพราะห้องสมุดมหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกและทุกคนเสียค่าบำรุงห้องสมุดแล้ว นิสิตนักศึกษาที่จุฬา ธรรมศาสตร์หรือที่อื่น ๆ น่าจะไปบอกห้องสมุดมหาวิทยาลัยให้สมัครเป็นสมาชิกด้วย จะได้ใช้ได้ ค่าบำรุงห้องสมุดก็เก็บไปแล้ว มีประโยชน์มาก แต่เหนือฟ้ายังมีสวรรค์ มีดีวีดี ขายแถวพันทิป และฟอร์จูนเทาเวอร์ แผ่นละ 200 บาท ประมาณ 4 ปอนด็ มีเนื้อหาครบทั้งหมดของ OED 23 เล่มขนาดเอ็นไซโคลปีเดีย ทั้งชุดหนัก 60 กิโลกรัม ราคาขายประมาณ 1500 ดอลล่าร์ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 14:31:51 จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 14:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 PL3 เอาเรื่องการแปลมาลงไว้สักหน่อยพอเป็นกระสัย   http://www.coursework.info/i/11020.html ใครอยากรู้ทฤษฎีการแปลให้ละเอียดก็ต้องไปลงสมัครเรียนปริญญาโทการแปล  แต่ต้องขอเตือนเอาไว้ก่อนตามประสาคนชอบกันว่า หลักสูตรค่อนข้างหิน  ค่าเรียนโหด   แต่ถ้ามีเวลา มีเงิน และมีความตั้งใจแบบหนูคิม นั่งรถไฟจากเชียงใหม่มาเรียนที่สามย่านทุกอาทิตย์ ยังแถมเย็นวันเสาร์ยังขึ้นรถทัวร์ไปจ๊ะจ๋ากับมาม่าที่เมืองชล วันอาทิตย์เช้ามืด รีบขึ้รถทัวร์จากเมืองชล กลับมาเรียนที่สามย่านต่อได้อีกนี่นับได้ว่า เป็นหญิงเหล็กจริง ๆ สำหรับคนที่อยากเป็นนักแปล แต่มีเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถเรียนปริญญาโทการแปลได้ก็อย่าเสียใจ  เรื่องนี้น่าจะให้คุณแท่นสีมาเขียนผู้ที่สนใจจะรู้ได้ว่า ทักษะในการแปลอาจจะพัฒนาด้วยตนเองได้  และได้อย่างดีด้วยถ้ามีความเพียร ได้มีผู้ที่ศึกษาทฤษฎีการแปลรดับปริญญาเอกที่ต่างประเทศก็บอกเองว่า ถึงจะรู้ทฤษฎีการแปลอย่างช่ำชอง จำชื่อนักปราชญ์เจ้าของทฤษฎีได้ทุกคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแปลเก่ง แปลแล้วออกมาดี มันคงจะทำนองเดียวกับอาจารย์มหาวิทยาลัย จบด๊อกเตอร์ด้านวิศวกรรมยานยนตร์ แต่เวลารถเสียก็เอาไปที่อู่ให้คนซ่อมจบ ปวส. ปวช. หรือไม่จบอะไรเลยซ่อม  อาจารย์ซ่อมรถเองอาจจะไม่สำเร็จก็ได้เพราะรู้ทฤษฎีมากเกินไป จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 14:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลูกพี่ฟิวส์ขาดที่บ้านนี่ต่อเองอ๊ะเปล่า? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 10 มิ.ย. 50 14:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 PL4 การจะแปลหนังสือ จำเป็นจะต้องรู้จักคนเขียนให้ดีด้วย ไม่ไช่อ่านแต่ต้นฉบับที่มีอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่รู้จักคนเขียนให้ลึกซึ้ง อ่านประวัติชีวิตอย่างละเอียด ชีวิตในวัยเด็ก พ่อแม่ การศึกษา การเดินทาง ความเชื่อทางศาสนา การแต่งงาน ความเชื่ออุดมคติทางการเมือง สิ่งเหล่านี้จะช่วยในการตีบทที่แปล การแปลหนังสือสมัยใหม่ ก้าติดขัดไม่เข้าใจศัพท์ ประโยค วลี หรือเรื่องบางย่อหน้า ยังอาจส่งอีเมล์ไปถามคนเขียนได้ ส่วนใหญ่เขาจะร่วมมือรีบอธิบายตอบมาให้อย่างดี  บางครั้งถ้าเป็นเรื่องที่ข้ามวัฒนธรรมมาก ๆ เขาก็แนะนำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่สาระสำคัญข้ามไปเสียก็ได้ เรื่องที่มักจะเป็นปัญหาคือคำง่าย ๆ อย่างเช่น uncle aunt ดูแต่คำศัพท์แล้วไม่รู้จะแปลว่า ลุง หรือ อา ป้าหรือน้า คำว่า brother กับ sister ก็เหมือนกันไม่รู้ว่าพี่หรือน้องกันแน่ แต่ถ้าค่อย ๆ อ่านเรื่องไปจนตลอดอาจจะมี clue ให้รู้ได้ แต่หนังสือที่คนแต่งตายไปหลายร้อยปีแล้ว ถ้าจะถามคนแต่งก็เห็นจะต้องใช้วิธีเล่นผีถ้วยแก้ว แต่ถ้าอ่านประวัติคนแต่งมาก ๆ บางครั้งอาจเอาตัวไปนั่งอยู่ในหัวใจของคนแต่งพอจะเดาความคิดได้ ต่อไปนี้คือเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับประวัติของ John Milton http://www.kirjasto.sci.fi/jmilton.htm http://www.online-literature.com/milton/ http://incompetech.com/authors/milton/ http://en.wikipedia.org/wiki/John_Milton http://www.bartleby.com/65/mi/Milton-J.html http://www.2020site.org/milton/index.html http://www.gale.com/free_resources/poets/bio/milton_j.htm http://www.gradesaver.com/classicnotes/authors/about_john_milton.html http://www.selfknowledge.com/307au.htm จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 15:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 PL5 มหากาพย์ที่เก่าและยากอย่างเช่น Paradise Lost มีคนเรียนศึกษาติดต่อกันมามากมาย  มีหนังสือให้อ่านเยอะแยะ เพราะฉะนั้น จะว่ายากก็ยาก จำว่าง่ายก็ง่าย  มีเอกสารหนังสือให้อ่านและค้นคว้ามากมาย นอกจากนี้ยังมีเว็บบอร์ด ฟอรั่มให้ถามปัญหา มีผู้สนใจจากทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดตีปัญหากัน สำหรับในเมืองไทย เว็บบอร์ด รวมพลนักแปล http://yumpasa.pantipmember.com/ ก็ใช้เป็นที่พึงได้อีกแห่งหนึ่งถ้าอับจนจริง ๆ คนที่เข้ามาตอบก็มาจากหลายสาขาวิชาชีพ  รู้สึกว่ายิ่งเป็นเรื่องยากเท่าไหร่ยิ่งมีคนอยากมาชายมากเท่านั้น  อาจจะเป็นเพราะส่วนใหญ่เบื่อขี้เกียจตอบปัญหาปัญญาอ่อนนักเรียนให้ช่วยทำการบ้าน ถามศัพท์ง่าย ๆ เพราะขี้เกียจเปิดดิกชันนารี   น้ำใจของคนในห้องนี้แผ่ขยายไม่สิ้นสุด  บางคนถึงกับไปช่วยค้นคว้าให้ที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัย ซีร๊อคหนังสือให้เป็นร้อยหน้า Paradise Lost ทั้งเล่ม ตั้งแต่ Book 1 จนถึง Book 12 http://www.dartmouth.edu/~milton/reading_room/pl/intro/index.shtml E211: British Literature to 1760 Milton's Paradise Lost: Guide to Interpretation Alfred J. Drake | 423 UH | TW 12:45-1:45 | ajdrake@ajdrake.com http://www.ajdrake.com/e211_sum_03/materials/guides/ecw_milton_interp.htm CliffsNotes on Paradise Lost covers John Milton's poetic retelling of the story of Adam and Eve. http://www.cliffsnotes.com/WileyCDA/LitNote/Paradise-Lost.id-140.html Milton, Paradise Lost Summary and Reading Notes--Adam Kissel http://home.uchicago.edu/~ahkissel/milton/paralost.html Henry Wadsworth Longfellow (1807-1882) เขียนสดุดี Milton http://rpo.library.utoronto.ca/poem/1333.html คำอธิบายศัพท์โบราณที่ใช้ http://rpo.library.utoronto.ca/poem/1443.html รูปประกอบ เพื่อช่วยจินตนาการในการบรรยายฉากในเรื่อง http://www.paradiselost.org/4-stories-pictures.html PARADISE LOST ~ STUDY GUIDE http://www.paradiselost.org/novel.html บังเอิญซุกอยู่ ไปหาเจอ PARADISE LOST Summaries and Analysis http://www.bookrags.com/Paradise_Lost ทั้งหมดเป็นเพียงส่วนน้อย ของหลังฉากการถ่ายทำที่ใช้เวลา 4 ปี แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 50 16:04:39 จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 15:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หาเจอแล้วครับ หนังสือต้องห้าม  ลองเข้าไปอ่านดูซี อย่าคิดว่าเป็นหนังสือโป๊ ปล้ำกันอุตลุตทั้งเรื่องแบบหนังสือขายดืบขายดีสมัยนี้  วัยรุ่นเขียน  วัยรุ่นอ่าน  วัยกลางคนเป็นคนพิมพ์รับทรัพย์รวยอื้อซ่า  หนังสือหนา 150 หน้า มีฉากปล้ำกันประมาณ 100 หน้า BANNED BOOKS ONLINE http://onlinebooks.library.upenn.edu/banned-books.html คนเขียนล้วนดัง ๆ ทั้งนั้น รวมทั้งเชคสเปียร์ ถ้านึกจะเจอหนังสือโป๊เข้าไปอ่านแล้วจะผิดหวัง พร้อมกับสงสัยในภูมืปัญญาของคนห้ามว่าเป็นมนุษย์ปัญญาอ่อนหรือเปล่า Ulysses by James Joyce was selected by the Modern Library as the best novel of the 20th century, John Cleland's Fanny Hill (also known as Memoirs of a Woman of Pleasure) has been frequently suppressed since its initial publication in 1749. Chaucer's Canterbury Tales, The Arabian Nights were all banned for decades from the U.S. mails under the Comstock Law of 1873 D. H. Lawrence's Lady Chatterley's Lover was the object of numerous obscenity trials in both the UK and the United States up into the 1960s. The Savannah Morning News reported in November 1999 that a teacher at the Windsor Forest High School required seniors to obtain permission slips before they could read Hamlet, Macbeth, or King Lear. An illustrated edition of "Little Red Riding Hood" was banned in two California school districts in 1989. Following the Little Red-Cap story from Grimm's Fairy Tales, the book shows the heroine taking food and wine to her grandmother. The school districts cited concerns about the use of alcohol in the story. In Mark Twain's lifetime, his books Tom Sawyer and Huckleberry Finn were excluded from the juvenile sections of the Brooklyn Public library (among other libraries), จากคุณ : nickycharles - [ 10 มิ.ย. 50 16:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ จากคุณ : k - [ 10 มิ.ย. 50 17:10:20 A:203.209.91.55 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็น link ที่คุณปู่ td เอามาปะแล้ว เข้าใจทันทีว่าทำไมคอมของคุณปู่ ถึงเจอไวรัส เจอสปายแวร์บ่อย   นับว่าคุณปู่เป็นผู้เสียสละ มีความกล้าหาญอย่างยิ่งยวด ต้องเซฟ link เก็บไว้ นานๆ จะ จะมีผู้กล้าหาญ survey link ให้ ;-) จากคุณ : Canossa - [ 11 มิ.ย. 50 13:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ว่าแล้วก็ไปขุด Fanny Hill กับ Lady Chatterley's Lover ของพ่อมาอ่านดีกว่า Fanny Hill รู้สึกจะเคยเป็นหนังด้วยนะคะ จากคุณ : ปลาทองอัลไซเมอร์ (zaida, film mania) - [ 11 มิ.ย. 50 17:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ต้องไปเอาของปะป๋ามาอ่านหรอก อ่านตรงนี้เลย จะได้ช่วยกันอ่านหลาย ๆ คน Lady Chatterley's Lovers http://www.sparknotes.com/lit/ladychatterley/ Fanny Hill http://www.washingtonpost.com/wp- http://fiction.eserver.org/novels/fanny_hill/01.html http://wiretap.area.com/ftp.items/Library/Classic/fannyhill.txt http://librivox.org/fanny-hill-memoirs-of-a-woman-of-pleasure-by-john-cleland/  มีเสียง http://www.venusem.net/Museum/Fanny_Hill_or_Memoirs_of_a_Woman_of_Pleasure/89E9B76/ http://en.wikipedia.org/wiki/Fanny_Hill http://www.eros-thanatos.com/The-Personal-history-of-Fanny-Hill.html http://www.venusem.net/Museum/Fanny_Hill_or_Memoirs_of_a_Woman_of_Pleasure/89E9B76/ Tropic of Cancer หา text ไม่เจอ ใครมีบ้าง http://en.wikipedia.org/wiki/Tropic_of_Cancer_(novel) http://www.levity.com/corduroy/millerh.htm http://www.time.com/time/2005/100books/0,24459,tropic_of_cancer,00.html แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 18:53:19 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 18:51:20 จากคุณ : nickycharles - [ 11 มิ.ย. 50 22:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุ้มมากกระทู้นี้ ขอเก็บสาระดีๆ ด้วยคนค่ะ จากคุณ : รักปิดรักเปิด - [ 11 มิ.ย. 50 23:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #17 Canossa Chan, taihen shibaraku deshita ne. Ogenki desu ka? Mo Tai ni kairimashita ka? เรื่องไวรัสเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เพราะวินโดว์ตัวใหม่มีการป้องกันไว้ดีพอสมควร มันประสาทเสียขนาดจะอัพเดทซอฟท์แวร์ของไมโครซอฟท์เองมันยังมาถามว่าแน่ใจหรือเปล่า ให้เราคอนเฟิร์ม เดี๋ยวนี้โฆษณาประเภทโผล่เข้ามาบอกว่าขอแสดงความยินดีถูกรางวัลก็หายไป หรือประเภทมีผู้หญิงโป๊มาชวนคลิดเข้าไปดูก็หายไป  พวกอีหนูมันอาจจะรู้ว่าเราแก่แล้วก็ได้ แบบนั้นถ้าใจง่ายตามไปดูโอกาสติดไวรัส HIV มีมาก แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 50 09:37:59 แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 50 06:48:50 จากคุณ : nickycharles - [ 12 มิ.ย. 50 06:41:16 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มีเรื่องอยากจะเรียนปรึกษา แฟน ๆ ห้องนี้ คืออยากจะตั้ง กลุ่มนักอ่าน  Reading Group คือตั้งกันตรงนี้แหละ อย่าไปทำให้เอิกเกริก  พร้อมกันนี้ก็อยากเสนอให้น้าแอ๊ดปากเกร็ดเป็นประธานกลุ่มนักอ่าน  ให้คุณ ปลาทองฯ เป็นรองประธาน ตอนนี้หาหนังสือมาได้สามเล่น ดัง ๆ ทั้งนั้น ส่วนอีกเล่มคือ Fanny Hill เป็นหนังสือโบราณมาก มีแต่ text ยังหา study note ไม่ได้ ตกลงเอาเก็บรอไว้ก่อน หรือว่าท่านผู้ใดรับจะเป็นเจ้าภาพเขียน study guide ให้ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง D.H. LAWRENCE   Lady Chatterley's Lover http://www.sparknotes.com/lit/ladychatterley/ http://www.bibliomania.com/1/frameset.html Son and Lovers http://www.sparknotes.com/lit/sonsandlovers/ JAMES JOYCE Ulysses http://www.sparknotes.com/lit/ulysses/ ใครที่อยากมาสมัครเป็นสมาชิกอ่านก็เข้ามาได้เลย ไม่ต้องสมัครสมาชิก แต่ควรจะเตรียมตัวนิดหน่อย   วิธีการจะทำอย่างไรก็ช่วยกรุณาคลิกไปดูที่ข้างล่างนี้ ขี้เกียจเขียนอีก  ทำตามนั้นก็เสร็จการ ใครอ่านไม่เข้าใจตรงไหนก็เขียนมาถามที่นี่ คงจะมีคนมาช่วยตอบแน่ ๆ   ถ้าไม่มีคนตอบจริง ๆ ประธานกับรองประธานคงไม่นิ่งดูดายหรอก http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5493296/K5493296.html  คคห.ที่31 ตกลงเอาตามนี้นะครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 50 04:46:38 จากคุณ : nickycharles - [ 12 มิ.ย. 50 12:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปู่ td ค้าบ ลิงค์อันแรกสุดใน คคห. ที่ ๒ มันไม่เวิร์กอ่ะ อดฟังเสียงคุณครูอนุบาลเลย จากคุณ : Canossa - [ 12 มิ.ย. 50 16:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หนู Canossa รู้สึกว่า Server Down ที่ไหนสักแห่ง หนูรอไปสักหน่อย หรือจะลองเข้าทางลิ้งค์นี้ก็ได้ ตอนนี้ก็กำลังมีปัญหาเหมือนกัน http://wiredforbooks.org/ ลิ้งค์นี้มันเป็นห้องใหญ่ แล้วมันมีทางไปเข้าห้องเล็กห้องน้อยอีกแยะเลยรวมทั้งห้องเด็กข้างบนด้วย จากคุณ : nickycharles - [ 12 มิ.ย. 50 17:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณคุณ nickycharles มาก ๆ ค่า....... ว่าแล้วก็เซฟกระทู้เก็บ จากคุณ : -Marius- - [ 15 มิ.ย. 50 08:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขำที่ว่า "ลูกพี่ฟิวส์ขาดที่บ้านนี่ต่อเองอ๊ะเปล่า?" คงหมายถึงนายช่างไฟฟ้าใหญ่ nickycharles จะซ่อมไฟบ้านตัวเองหรือเปล่าน่ะ ..55+++...? เราเคยทำงานแปลในบริษัทเดียวกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็น electronic engineer เขาเล่าให้ฟังว่า พัดลมเสียก้อไปให้ช่างข้างบ้านซ่อมเพราะขี้เกียจซ่อมเอง ผลการซ่อมก็เป็นที่น่าพึงพอใจ อีกทีซาวเบาท์เครื่องโปรดเขาเสียก็ไปให้ร้านเดิมซ่อมอีก คราวนี้ร้านซ่อมมันวางยามา เขายั๊วมากๆหิ้วซาวเบาท์กลับไปต่อว่าช่างว่า "เฮ้ยวางยาไว้ให้เสียเรื่อยๆ อย่านึกว่าไม่รู้นะเฟ้ย กรูซ่อมเองเป็น แต่ขี้เกียจซ่อมต่างหาก ถึงมาให้พวกเอ็งซ่อม"...555+++ จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 15 มิ.ย. 50 14:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 <<<"ลูกพี่ฟิวส์ขาดที่บ้านนี่ต่อเองอ๊ะเปล่า?">>> คำถามน้าแอ๊ดนี่ เราทำเป็นไม่เห็นแต่มีคนตาหาเรื่องไปเห็นเข้าจนได้ ตอบก็ได้อย่างลูกผู้ชายเลยว่า "NO!" คือว่าเราอยู่คอนโดคนเดียว เป็น Safe House ของเรา  มีอยู่ครั้งหนึ่งฟิวส์ขาด  เราก็ไปเปิดห้องฟิวส์ดูปรากฎว่าทั้งมืดทั้งรก ช่างไฟเขาต่อสายเอาไว้รุงรังพันเต อย่างกะสปาเกตตี้  มิเตอร์ของเราก็ไม่รู้อันไหน เราก็เลยโทรศัพท์ไปเรียกช่างไฟฟ้ามาจัดการ แผล็บเดียวไม่ถึงสิบนาทีเสร็จเรียบร้อย เราก็จ่ายไป 40 บาท   ตั้งแต่นั้นมา ฟิวส์ ขาด หลอดไฟขาด เราก็ให้ specialist เขาจัดการ จ่ายไปทีละ 40 บาท ถูกจะตาย เปลี่ยนหลอดไฟอย่านึกว่าง่ายนะ ต้องหาบันได หรือเก้าอี้ยืน ต้องแหงนคอตั้งบ่า ต้องถอดตะปูเกลี่ยวอีกตั้งหลายตัว ขี้ฝุ่นก็มากสกปรก กล้ามเนื้อคอสำหรับเงยหน้าก็ไม่ค่อยได้ใช้ เปลี่ยนเสร็จแล้วเมื่อยคอไปอีกหลายวัน ถ้าต้องไปหา physical therapist ต้องเสียเงินมากกว่านั้น หรือถ้าพลัดตกเก้าอี้หรือบันไดลงมากระดูกกระเดี้ยวหักต้องไปหาหมอกระดูกมาต่อให้จะเป็นเรื่องใหญ่ต้องนอนโรงพยาบาลอีกหลายวันไม่คุ้มหรอก แก้ไขเมื่อ 15 มิ.ย. 50 23:00:37 จากคุณ : nickycharles - [ 15 มิ.ย. 50 16:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ้าว คุณ nickycharles เป็นนายช่างไฟฟ้าหรือคะ นึกว่าเป็นอาจารย์สอนวรรณคดีอังกฤษเสียอีก จริงๆ นะคะ เหมือนกับที่เมื่อก่อนนึกว่าคุณแอ๊ด ปากเกร็ดเป็นหมอเลยค่ะ เพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้เองว่าเป็นทหาร จากคุณ : k - [ 15 มิ.ย. 50 20:32:09 A:203.209.90.184 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 29 นั่นน่ะสิครับ ผมก็ชักลืมๆไปเหมือนกัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 15 มิ.ย. 50 22:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 <<<เมื่อก่อนนึกว่าคุณแอ๊ด ปากเกร็ดเป็นหมอเลยค่ะ เพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้เองว่าเป็นทหาร >>> เป็นทั้งทหารเป็นทั้งหมอแหละครับ จากคุณ : nickycharles - [ 15 มิ.ย. 50 23:09:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ nickycharles เขาเป็นวิศวกรไฟฟ้า ที่สามารถสอนการแปลและสอน farang literature ได้เก่งมากๆพอๆกับอาจารย์มหาลัยที่จบทางด้านภาษามาเลย ความเป็นมาในเรื่องความเชี่ยวชาญทางด้านวรรณกรรมของคุณ nickycharles คือเขาชอบอ่านหนังสือหรือบทความบนเน็ตหาความรู้รอบตัวอยู่แล้ว เขาเคยช่วยเราตีความและแปลวรรณกรรม 100 ปี ตอนเราเริ่มแปลหนังสือใหม่ๆ จากนั้นเขาอาจหาญชกข้ามรุ่นไปอ่านวรรณกรรม 300-400 ปี คือ Paradise Lost โดยการใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปีติวเข้มนักศึกษาปริญญาโทการแปลจุฬาจนพิชิต Paradise Lost (ที่ต้องแปลเป็นวิทยานิพนธ์) สำเร็จและศิษย์เอกของเขากำลังจะไปรับปริญญาโทในเดือนนี้  ศิษ๋ย์เอกของเขาก็คือน้อง Kim นั่นเอง นี่ไปดูน้อง Kim วาดลวดลายแปลเรื่องวาบหวิวได้ที่นี่ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5438103/K5438103.html เคยอิจฉาพี่เขาเหมือนกันที่มีศิษย์เก่งๆ เราอยากสอนใครให้เก่งๆแบบนี้ได้บ้าง เคยมีคนติดต่อหลังไมค์มาให้เราสอน เราสอนการแปลภาคพิศดารโดยการบอกให้ฝึกโยคะท่ายากๆก่อน เวลานั่งแปลลมปราณจะได้เดินสะดวกแล้วแปลทั้งแม่นยำทั้งเร็วสายฟ้าแล่บ แต่ศิษย์เราก้มตัว ยกแข้งยกขา ยืดแข้งยืดขา ทำท่ายืดหยุ่นไม่ไหว เจ็บร่างกายไม่อดทน  เลยเลิกเรียนกันไปหมด หลังจากพิชิต Paradise Lost ที่ยากโหดสุดๆ แล้วคุณ nickycharles เลยอ่าน farang literature เรื่องอื่นๆสบายๆเหมือนอ่านภาษาไทยไปเลย นอกจากนี้แล้วคุณ nickycharles ยังมีความรู้รอบเอวเพียบเลยตั้งแต่การผลิตและใช้งานสากกระเบือยันเรือรบเลย  เขาถึงบอกว่าไม่ต้องเสียใจว่าไม่ได้เรียนมาทางด้านภาษาโดยตรง เพราะว่าเรียนนอกมหาลัยได้   ในการแปลงานที่ serious มากๆที่ถ้าไม่มีความรู้รอบตัวในเรื่องที่จะแปล พวกเรานักแปลหลายๆคนที่ขาดความรู้รอบตัวแล้วแปลไม่ได้ ต้องวิ่งแจ้นไปขอความรู้รอบตัวจากเขา เพื่อที่จะตีความประโยคที่แปลไมได้ ให้แปลได้ นอกจากนี้แล้วนะเขายังมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่สะสมไว้เมื่อเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นหลายปี แต่เขาอมภูมิไว้โดยแกล้งบอกว่า ภาษาญี่ปุ่นลืมหมดแล้ว เรียนภาษาอังกฤษง่ายกว่า แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 20:05:23 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 02:33:09 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 02:29:14 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 02:18:15 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 02:10:11 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 16 มิ.ย. 50 01:57:12 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กลายเป็นกระทู้แฉ เอ๊ย กระทู้เล่าชีวประวัติสังเขปไปแล้ววุ้ย ไหนๆก็ไหน ตอนนี้เรากำลังคุยกันเรื่อง informal education หรือ การศึกษานอกโรงเรียน กันอยู่ ซึ่งเมืองไทยของเราก็ได้ชื่อว่าไม่น้อยหน้าใคร งั้นคุณ tansy เล่าอัตชีวประวัติให้ฟังหน่อยซิ เพราะคุณเป็นคนที่เล่ามาตลอดว่า self-made แล้วก็ไอ้ที่ทะเลาะกับใครต่อใครอยู่บ่อยๆก็เรื่อง formal VS informal education นี่แหละ ความจริงไม่ว่าวิชาอะไร สุดท้ายก็ต้องพิสูจน์กันที่ผลลัพธ์ The proof of the pudding is in the eating. อย่างที่เขาว่า เรียนวิชาตำส้มตำจะเรียนตำรามากี่เล่มหรือกี่สำนัก เขาให้ตำส้มตำแล้วกินไม่ลงก็ถือว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด สู้คนที่หัดตำส้มตำลองผิดลองถูกจนเก่งไม่ได้หรอก ให้ผมตัดสินในฐานะผู้บริโภคผมก็ต้องเลือกกินไอ้ที่มันอร่อยแล้วก็ราคาสมน้ำสมเนื้อ จริงมะ? ความจริงคุณ tansy แกเขียนเรื่องของแกมาหลายทีแล้วแต่ตอนนี้หาอ่านไม่ได้ ถึงเวลาต้องเขียนอีกทีแล้ว เอาเลย เปิดไฟเขียว ใครอยากฟังเรื่องยาวเชิญตีวงเข้ามา ผ่างงงงงงงงงงงง!!!! จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 16 มิ.ย. 50 08:15:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ้าว คือเพิ่งไปเห็นใน pantown เมื่อไม่นานมานี้ มีคนบอกว่าคุณแอ๊ดเพิ่งโยกย้ายเป็น..........(เผื่อไม่อยากเปิดเผยที่นี่) ที่กระทรวงกลาโหม (แต่ประกาศโยกย้ายอันนั้นมันเก่าแล้ว ถูกลบไปแล้ว เลยหาชื่อคุณแอ๊ดไม่เจอค่ะ) ก็ไปถามเพื่อนรุ่นพี่ที่มีพี่ชายเป็นทหาร เค้าบอกว่าคุณแอ๊ดน่าจะเป็นทหารเฉยๆ เพราะถ้าเป็นทหารที่เป็นหมอด้วยน่าจะอยู่ตามโรงพยาบาลมากกว่า ก็เลยนึกว่าคุณแอ๊ดเป็นหมอเฉยๆ น่ะคะ ว้า งง ส่วนคุณ tansy ตั้งแต่รู้จักที่นี่ใหม่ๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นผู้หญิง แต่อ่านไปอ่านมา คิดว่าเป็นผู้ชาย แต่ถ้าจะให้เป็นลูกศิษย์ (ไม่ว่าจะคุณ tansy จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง) คงไม่กล้าค่ะ รู้สึกเป็นคนน่ากลัว จริงๆ นะ แต่ถ้าเข้าใจใครผิดไปก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ คือบางช่วงก็ไม่ได้มาที่นี่นานค่ะ ไม่ได้ตามอ่านตลอด จากคุณ : k - [ 16 มิ.ย. 50 08:23:48 A:203.209.91.86 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ tansy น่ากลัว? ใครบอก? มีคนบอกว่าคุณ tansy เหมือนลูกแมวสีขาวขนฟูตกน้ำ ต้องอุ้มมาเอาผ้าเช็ดให้แห้ง ประคบประหงม ลูกแมวสีขาวขนปุย น่ากลัวได้ยังไง? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 16 มิ.ย. 50 10:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบคุณ k ที่พูดใน #33 ว่า "แต่ถ้าจะให้เป็นลูกศิษย์ (ไม่ว่าจะคุณ tansy จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง) คงไม่กล้าค่ะ รู้สึกเป็นคนน่ากลัว จริงๆ นะ" ******************************************************** เราไม่โกรธคุณหรอก ที่คุณกลัวเรา หรือแม้กระทั่งเกลียดเรา คุณไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอก แต่ก็ต้องขอชี้แจงว่า สิ่งที่เราพูดไว้ใน #31 เราไม่ได้มาประกาศหาศิษย์ที่ไหน เนื่องจากว่าจริงๆแล้วเราเจียม body โดยตระหนักว่า แท้จริงแล้วเราไม่มีความสามารถที่จะสอนการแปลให้ใครได้เลยแม้แต่สักนิดเดียว ส่วนเรื่องที่เราพูดว่า "เคยมีคนติดต่อหลังไมค์มาให้เราสอนการแปลนั้น" เราคงเพ้อเจ้อไปเอง  เราเรียนหนังสือแค่มัธยมต้นเอง จะมีปัญญาไปสอนการแปลที่ไหนได้  และเราก็ประกาศทั่วเว็บ pantip จนคนรู้กันหมดแล้วว่าเราเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง เรียนจบแค่มัธยมต้น เพราะเป็นโรคประสาทมาตั้งแต่เด็กๆ ใครกันเล่าจะบ้าพอที่จะติดต่อมาขอเรียนการแปลกับเรา .... เราหางานทำก็ยากแสนจะยาก ก็เลยมีปมด้อย  ตอนช่วงที่เรามีปัญหาในการหางานเนื่องจากไม่มีใครจ้างเราทำงานแพงๆ เราได้แต่งานราคาถูกๆจนต้องทำงานมากชั่วโมงจนเครียด ไม่มีเวลาว่างหาความรู้ใหม่ๆเหมือนพี่ nickycharles  เราก็เลยหงุดหงิดชอบดวลกับคนที่จบวุฒิสูงๆ เล่นสนุกๆคลายเครียด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการถกกันเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษหรือการเรียนการสอนการแปล... ถ้าสร้างความไม่พอใจให้กับใครก็ขออภัยด้วย แต่ตอนนี้เราคลายความน่ากลัวลง เนื่องจากฟ้าประทานมาให้เราได้แฟนที่จบปริญญาโทการแปลมา แฟนเราหางานแพงๆมาให้เราทำโดยอาศัยวุฒิการศึกษา เครือข่ายเพื่อนฝูง และความสามารถของเธอเองด้วย... ส่วนใหญ่เธอจะโยนงานแปลไทยเป็นอังกฤษ (ที่ราคาค่อนข้างดี) มาให้เรา เป็นพวกงานโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือการตลาด  มันทำให้เราหายเครียดและแถมแฟนเรายังให้กำลังใจเราอีกด้วยโดยการบอกว่า ถ้าเราไม่มีงานทำและไม่มีเงินจริงๆเธอจะแบ่งเงินให้เราประทังชีพ ขออย่าให้เรากังวลหรือเครียดจนถึงขั้นไปดวลกับผู้คนบนเว็บเลย แล้วให้เรารีบศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจะดีกว่า ซึ่งเราก็กำลังจะปฏิบัติเช่นนั้น โดยจะเขียนหรือตอบกระทู้ให้น้อยลงหรือไม่เขียนเลย ตกลงไอ้ที่เราแสดงความน่ากลัว นั่นก็เป็นเพราะว่าเรา "ระบายความในใจเล่นๆ ถึงความยากลำบากในการประกอบอาชีพเป็นนักแปลของเราเนื่องจากเรามีวุฒิการศึกษาที่ต่ำ  เราก้อบ่นๆไปเรื่อยๆเท่านั้นเองก่อนที่เราจะปลีกกายไปหาความวิเวก นั่นก็คือ หลบไปทำงานเล็กน้อยๆของเรากับ อ่านคัมภีร์โบราณเรื่องศาสตร์เร้นลับต่างๆของชาวตะวันออก เพื่อที่จะให้สุขภาพแข็งแรง ยิ่งอายุมากก็จะยิ่งหน้าตาเด็กมากยิ่งขึ้น ความคิดว่องไว แปลไวและแม่นยำ" ทั้งนี้ เนื่องจากพลังที่เราใช้ในการแปลนั้น เราไม่ค่อยได้ใช้ความรู้เรื่องการแปลเหมือนที่เขาสอนกันในมหาลัยมากนัก หากแต่เราคิดค้นระบบการแปลของเราที่ unconventional มากๆ โดยการผสมผสานวิชาโยคะของอินเดีย และวิชากำลังภายในของจีน เพื่อขับเคลื่อนคำแปลออกมา...เป็นไง เป็นไง เราพูดเหมือนคนบ้าไหม?  อัตชีวประวัติขของเราดึงดูดใจให้ใครมาเรียนการแปลกับเราบ้างหรือไม่.......คำตอบก็คือ "ไม่อย่างแน่นอน" ที่เราบอกว่า "เราสอนการแปลภาคพิศดารโดยการบอกให้ฝึกโยคะท่ายากๆก่อน เวลานั่งแปลลมปราณจะได้เดินสะดวกแล้วแปลทั้งแม่นยำทั้งเร็วสายฟ้าแล่บ แต่ศิษย์เราก้มตัว ยกแข้งยกขา ยืดแข้งยืดขา ทำท่ายืดหยุ่นไม่ไหว เจ็บร่างกายไม่อดทน  เลยเลิกเรียนกันไปหมด" จริงๆแล้ว สิ่งที่เราพูดไปนั้น เราหมายถึงว่า เราพยายามสอน yoga และ pranayama (พลังลมปราณสายอินเดีย) กับ qi gong (พลังลมปราณสายจีน)  ให้แฟนเราเอง (มันเป็นศาสตร์แห่งการฝึกสมาธิและฝึกลมปราณจริงๆ) เราไม่ได้พูดเรื่องลามกหรือเรื่องน่ากลัวแต่อย่างใด...ถ้ามีใครมาเรียนการแปลกับเราๆก็จะสอนศาสตร์นี้ให้ แต่เราก็บอกไปแล้วว่า "มันคงไม่มีหรอกน่า") แฟนเราก็ชักจะท้อใจที่ศาสตร์เร้นลับพวกนี้ฝึกได้ยากมากๆ แต่เราก็ยังพยายามที่จะสอนเธอต่อไป เพราะคิดว่ามันมีประโยชน์ต่อการแปล...ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเราคิดว่าสิ่งที่เธอรู้และเราไม่รู้ และสิ่งที่เรารู้และเธอไม่รู้ ถ้าแลกเปลี่ยนความรู้กัน (ของคนหนึ่งได้จาก formal education ของอีกคนหนึ่งได้จาก nonformal education)  มันน่าที่จะ complement each other extremely well แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 09:02:05 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 22:19:45 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 22:13:36 แก้ไขเมื่อ 16 มิ.ย. 50 22:04:02 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 16 มิ.ย. 50 21:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ nickycharles อบรมไว้ในกระทู้โน้นว่า "พระยาอนุมานราชธน จบ ม. 8 โรงเรียนอัสสัมชัญ เท่ากับ ม.ปลายสมัยนี้ ถึงท่านมีโอกาสเรียนน้อยแต่ความรู้ท่านเหลือหลายสมเป็นราชบัณฑิตย์ เป็นอาจารย์สอนอักษรศาสตร์จุฬา เพราะท่านเรียนของท่านเอง" เข้าใจค่ะว่าคุณ tansy ไม่ได้ประกาศหาศิษย์ แต่จากการอ่านสำนวนการตอบ ทำให้รู้สึกกลัวๆ ถ้าจะถามอะไร แต่อาจจะรู้สึกอยู่คนเดียว คนอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกกลัว อาจจะมัน ชอบอ่านคำตอบแบบของคุณ tansy ก็ได้ค่ะ เพราะฉะนั้น อย่าเขียนกระทู้น้อยลงเลยนะคะ (แต่มีแฟนแล้วหวานขึ้นบ้างก็ดีนะ) จากคุณ : k - [ 17 มิ.ย. 50 06:58:34 A:203.209.90.85 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 37 <<<คุณ nickycharles อบรมไว้ในกระทู้โน้นว่า "พระยาอนุมานราชธน จบ ม. 8 โรงเรียนอัสสัมชัญ เท่ากับ ม.ปลายสมัยนี้ ถึงท่านมีโอกาสเรียนน้อยแต่ความรู้ท่านเหลือหลายสมเป็นราชบัณฑิตย์ เป็นอาจารย์สอนอักษรศาสตร์จุฬา เพราะท่านเรียนของท่านเอง" >>> มีเรื่องจะต้องขอความกรุณาช่วยแก้ความเข้าใจผิดที่คุณ K บอกว่า <<<คุณ nickycharles อบรมไว้ในกระทู้โน้นว่า ...>>> ด้วยความสัตย์จริง ผมไมเคยมีความคิดจะไปอบรมใคร  หรือคิดว่าตัวเองจะสามารถไปอบรมใครได้  เรื่องทั้งหลายแหล่ที่เอามาเขียนไว้ในนี้เป็นการเอาเรื่องที่บางครั้งมีโอกาสดีได้รู้ ก็เอามาบอกเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ฟังกันเท่านั้น ถือว่าเป็นการพูดคุยกันในระหว่างคนคุ้นเคยกัน ไม่เคยบังอาจคิดจะไปอบรมหรือสั่งสอนใครเป็นอันขาด ขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย เมื่อความเข้าใจตรงกันแล้ว จะได้คุยกันได้นาน ๆ บางเรื่องผมก็เคยได้ยิน หรือเคยอ่านผ่านหูผ่านตามาเป็นเวลานานแล้ว อาจจะจำคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ต้องขออภัยไว้ได้วย อย่างเรื่องท่านพระยาอนุมานราชธนนี่ ผมก็จำมาผิด ลองไปเปิดกูเกิ้ลภาษาไทยดูแล้ว ปรากฎว่าท่านเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญเพัยงชั้นมัธยม 4 เท่านั้น ข้อความที่ผมเขียนไว้ข้างบนตอนหนึ่งก็อยากจะขอแก้คือ<<< ถึงท่านมีโอกาสเรียนน้อย...>>>ขอแก้เป็น <<< ถึงท่านเรียนจบเพียงชั้นมัธยมปีที่  4 จากโรงเรียนอัสสัมชัญ ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนในสถาบันชั้นสูงต่อ แต่จะเรียกว่าท่านเป็นคนเรียนน้อยก็ไม่ได้ เพราะท่านใช้โอกาสเล่าเรียนด้วยตนเองตลอดเวลา หรือฝากตัวเรียนกับผู้มีความรู้ที่จะถ่ายทอดวิชาให้ท่านได้ นอกเหนือจากการที่คนไทยถือว่าท่านเป็นปราชญ์ของเมืองไทยแล้ว  องค์การยูเนสโกก็ให้เกียรติท่านในฐานะนักปราชญ์ของโลกด้วย...>>> เป็นอย่างไรครับ นักปราชญ์ของไทยและของโลกที่เรียนแค่ชั้นมัธยมปีที่ 4 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 15:29:06 จากคุณ : nickycharles - [ 17 มิ.ย. 50 11:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พระยาอนุมานราชธน ประวัติและผลงาน       พระยาอนุมานราชธนเกิดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค พ.ศ. 2431 ที่อ.ยานนาวา กรุงเทพ เดิมชื่อหลีกวางหยง ต่อมาเปลี่ยน เป็นยงและได้รับพระราชทานนามสกุลว่า เสฐียรโกเศศ บิดาชื่อหลี มารดาชื่อ เฮียร ทั้งคู่เป็นคนไทยเชื่อสายจีน  ท่านสมรสกับคุณหญิงละไม มีบุตรธิดา 9 คน เด็กชายยงเริ่มหัดอ่านเขียนหนังสือกับบิดาตั้งแต่ 5-6ขวบเมื่ออายุ 10 ขวบได้เข้าเรียนที่ ร.ร บ้านยานนาวาพออายุ 12 ปี ก็ย้ายไปเรียนที่ ร.ร.อัสสัมชัญ และเริ่มเรียนภาษาอังกฤษที่ นี่ด้วย       พอสอบได้ชั้น ม. 4 ทางบ้านก็ต้องให้ออกไปทำงาน เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ด้วยบิดามารดามี ฐานะไม่ดีนักและมีลูกหลานหลายคน ท่านเริ่มเข้าฝึกงานที่โอสถศาลา กลางวันทำงานกลางคืนไปเรียนภาษาอังกฤษต่อ ต่อจากนั้นได้ลาออก ได้ไปทำงานที่โรงแรมโอเรียนเต็ลเมื่ออายุประมาณ 17 ปี ทำหน้าที่เสมียนและ พนักงานทั่วไป ได้เงินเดือนละ 60 บาทส่งให้ทางบ้าน 50 บาทเก็บไว้ใช้เอง 10 บาท       นายยงทำงานที่โรงแรมได้ 1 ปี ได้ไปสมัครเข้าทำงานที่กรมศุลกากรในตำแหน่งเสมียน และด้วยความที่เป็นู้มี ความสามารถและเอาใจใส่ในการงานจึงเจริญก้าวหน้าในการรับราชการมาตลอด ได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์เป็น ขุนอนุมานราชธน เมื่ออายุ 23 ปี แล้วเป็นหลวงเป็นพระตามลำดับ จนกระทั้ง พ.ศ. 2467 เมื่ออายุ 36 ปี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอนุมานราชธน       เมื่อ พ.ศ. 2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และความผันผวนทางการเมืองขึ้น ทำให้พระยาอนุมานราชธน ต้องออกจากราชการในปี พ.ศ. 2476 ขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิบดี พระยาอนุมานราชธนเข้ารับราช การอีกครั้งหนึ่งในปีพ.ศ.2478 ในตำแหน่งหัวหน้ากองศิลปวิทยาการ กรมศิลปากร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2485 ได้ รับตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร และรับราชการจนครบเกษียณอายุเมื่อพ.ศ.2491 จึงออกรับบำนาญ หลังจากออกจากราชการแล้ว ท่านก็มิได้อยู่เฉยๆยังคงศึกษาค้นคว้าอยู่เสมอ และยังเขียนหนังสือมากมาย นอกจากนี้ท่านได้ทำการสอนในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่น จุฬาลงกรณ์ ธรรมศาสตร์ ท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2512 ที่มา http://ecurriculum.mv.ac.th/library2/histrory/vip111/so.html แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 14:09:50 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 11:59:59 จากคุณ : nickycharles - [ 17 มิ.ย. 50 11:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ปกติเป็นคนพูดน้อยมากค่ะ เขียนก็เลยสั้นไปด้วย เลยทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน คือที่บอกว่าคุณ nickycharles อบรม อันนี้รู้สึกดีใจและขอบคุณมากนะคะ รู้สึกเหมือนมีผู้ใหญ่ใจดีมาแนะนำสั่งสอน จะให้ใช้ว่า "คุยกัน" ก็ออกจะไม่กล้า เพราะตัวเองไม่ค่อยรู้อะไรเลย มาเขียนอะไรแต่ละทีก็มีแต่ถามๆๆๆๆ อย่างเดียว คุณ nickycharles อย่าเข้าใจผิดนะคะ ว้า ไม่รู้จะพูดยังไง คือไม่ได้ประชดว่าอบรมนะคะ แต่รู้สึกขอบคุณมากที่สุดมากกว่าค่ะ รู้สึกว่ามีคนมาเตือนสติและแนะนำสิ่งดีๆ ให้ค่ะ เอาไปเล่าให้เพื่อนฟังด้วยนะคะว่ามีคนใจดีมากๆ มาคอยช่วยเหลืออีกคนแล้วนอกจากคุณแอ๊ด จากคุณ : k - [ 17 มิ.ย. 50 12:33:06 A:203.209.90.7 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เคยอ่าน "เล่มเรื่องในไตรภูมิ" ของพระยาอนุมานราชธนแล้วชอบมากค่ะ แล้วก็ไปหา "ฟื้นความหลัง" มาอ่าน แต่อ่านไปได้นิดเดียวแล้วไม่ว่างหรืออะไรก็จำไม่ได้แล้ว เลยไม่ได้อ่านต่ออีกค่ะ จากคุณ : k - [ 17 มิ.ย. 50 12:38:26 A:203.209.90.7 X: TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 41 พระยาอนุมานราชธน และ พระสารประเสริฐ ท่านเป็นคู่นักแปลที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ค่ะ (เสฐียรโกเศศ และ นาคะประทีป) อ่านงานที่ท่านแปลแล้วไม่รู้สึกเลยว่าเป็นงานแปล หนังสือเล่มแรกที่เราอ่านคือ นิยายเบงคลี ค่ะ เป็นนิทานสนุก ๆ ของอินเดีย อ่านแล้วยังได้ความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ประเพณีด้วย จากนั้นก็ตามหางานท่านมาอ่านตลอด สังเกตได้ว่าท่านจะใช้ภาษาเข้าใจง่ายมาก นิยายเรื่องนึงที่ท่านแปลและเราชอบมาก ๆ คือ โซไรดา นางพญาแห่งมหาทะเลทราย เสียดายว่าเล่มที่เราซื้อหนังสือหายไปเกือบยี่สิบหน้า แต่ก็ยังอ่านสนุกอยู่ดีค่ะ เราเองเป็นนักอ่านจับฉ่ายค่ะ คว้าอะไรได้เป็นอ่านทั้งนั้น สนุกบ้างไม่สนุกบ้างก็แล้วแต่ ป.ล. คุณ tansy ตัวจริงเธอเป็นคนน่ารักค่ะ เธออาจจะชอบตอบกระทู้แบบขวานผ่าซากนิด ๆ ยียวนหน่อย ๆ แต่โดยน้ำใสใจจริงแล้วเธอไม่มีอะไรหรอกค่ะ จากคุณ : ปลาทองอัลไซเมอร์ (zaida, film mania) - [ 18 มิ.ย. 50 10:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มานั่งฟังคนคุยกัน :-) จากคุณ : Canossa - [ 19 มิ.ย. 50 15:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 43 หนู  Canossa  นี่ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล  รู้จักกันมาก็ร่วมห้าปี่แล้ว ขนาดเรียกเราว่าปู้ทีดีนี่ต้องเป็นลูกค้าเก่าจริง ๆ  ฟังคนเขาคุยกันสนุกเพียงครึ่งเดียว  ต้องเข้ามาร่วมวงคุยด้วยกันถึงจะสนุกจริง เคยถามว่าไปเรียนอะไรที่เมืองญี่ปุ่นก็ไม่ยอมตอบ เรากำลังจะชวนคุณปลาทองฯ เปิดวงสัมนาเรื่อง Fanny Hill เราไปดาวโหลดเอามาอ่านแล้ว อ่านแบบขี้เกียจอยู่สองวัน text ดาวโหลดจากเว็บไซต์ข้างล่างนี้จะอ่านได้ง่ายกว่า เพราะใช้คนพิมพ์ เว็บที่ใช้เครื่องอ่านมีผิดมาก เพราะบางทีเครื่องก็อ่านพลาดได้บ่อย ๆ http://wiretap.area.com/ftp.items/Library/Classic/fannyhill.txt เสร็จแล้วไปดาวโหลดเสียงจากที่นี่ก็เสร็จการ http://librivox.org/fanny-hill-memoirs-of-a-woman-of-pleasure-by-john-cleland/ บังเอิญไปเจอรูปประกอบเข้า http://www.venusem.net/Museum/Fanny_Hill_or_Memoirs_of_a_Woman_of_Pleasure/89E9B76/ ถ้าบัตรประชาชนของหนู Canossa บอกว่าอายุเกิน 18 แล้วก็ไปดาวโหลดมาเลย เรารับรองว่าหนังสือเรื่องนี้ใช้คำพูดที่สวยงามน่ารักมาก เราจะถือว่าเป็นตำราภาษาอังกฤษที่บรรยายความได้ดี   อ่านจบทั้งเล่มแล้วไม่พบว่ามีการใช้คำพูดหยายคายเลย ไม่เหมือนกันนิยายสมัยนี้  ที่เริ่มบทแรกไม่กี่หน้าก็แจกฟักแจกแฟงกันอุตลุต หนังสมัยนี้ก็เหมือนกัน ฉายไปไม่ถึงสิบนาทีก็แจกฟักแจกแฟงกันแล้ว เรื่องที่อยากจะสัมนากับคุณปลาทองก็คือ นิยายเรื่องนี้ เขียนเล่าเรื่องแบบจดหมาย แบบเรื่องจดหมายจากเมืองไทยของคุณโบตั๋น คนที่ หนู Fanny Hill เขียนจดหมายไปถึงเราเดาไม่ถูกว่าเป็นใคร เพราะเขียนเริ่มต้นจดหมายไว้ว่า  Madam ซึ่งก็ต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน และควรจะเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า Fanny Hill ด้วยและเป็นคนที่เธอนับถือพอสมควร ดูจากตอนขึ้นต้นของจดหมาย     "Madam,     I sit down to give you an undeniable proof of my con- sidering your desires as indispensable orders." ดูจากเรื่องแล้ว ก็มีผู้หญิงที่มีอายุที่นึกได้ก็มีคนเดียวคือ Mrs. Brown ซึ่งเป็นมาม่าซัง ที่ยุติธรรมและดูแลเธอมาอย่างดีแต่ในจดหมายก็บรรยายฉากพิศวาทของ Mrs. Brown กับแฟนหนุ่มที่Fanny Hillแอบดูด้วยจึงไม่น่าใช่ Esther Davis คนที่พามาลอนดอนก็ไม่น่าใช่ เพราะพามาถึงลอนดอนแล้วก็แยกทางไป ปล่อบให้ Fanny Hill เผชิญโชคอยู่คนเดียว อายุก็คงไม่แก่กว่า Fanny Hill เท่าไหร่ Mrs. Phoebe Ayres คนที่   Mrs. Brown ให้เป็นติวเต้อร์สอนกลกามให้ Fanny Hill ซึ่งตอนที่มาถึงลอดนดอนทีแรกก็ยังเป็นสาวบริสุทธิอยู่ คนนี้ก็ไม่น่าใช่ Fanny Hill ก็ไม่ได้ติดใจบทเรียนแบบเลสเบี้ยนอะไรนัก นึกไม่ออกจริง ๆ ใครทราบช่วยบอกด้วย แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 18:57:28 จากคุณ : nickycharles - [ 19 มิ.ย. 50 20:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พี่ nickycharles ไม่ใช่ Fanny Hill เท่านั้นที่ยังบริสุทธิ์อยู่ แต่ tansy ก็ยังบริสุทธิ์อยู่ด้วย ตอนไปถึงลอนดอนใหม่ๆน่ะ จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 20 มิ.ย. 50 08:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ  tansy ประกาศอกมาว่า "ยังบริสุทธิ์อยู่ด้วย ตอนไปถึงลอนดอนใหม่ๆน่ะ" คราวนี้เราจะมาเดาต่อว่ามีทางเป็นไปได้อย่างมากที่  คุณ tansy ก็ต้องขึ้นครูที่ประเทศอังกฤษ ส่วนจะเป็นครูอังกฤษหรือเปล่ายังไม่แน่ เพราะที่อังกฤษและแทบจะทุกเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปมีครูกวดวิชาจากประเทศอื่นไปเปิดหลักสูตรระยะสั้นสอนกวดวิชากันแยะไปหมด พวกจากยุโรปใต้ ผมดำ ผิวสีน้ำผึ้ง ตาคม ก็จะไปเปิดสอนที่ยุโรปเหนือ ครูจากยุโรปเหนือ ผมบลอนด์ ผิวขาวเหมือนน้ำนม ตาสีฟ้า ก็จะเดินทางไปเปิดคอร์สที่ยุโรปใต้ เป็นการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ ติวเต้อร์จากรัสเซียเดี๋ยวนี้มีเพ่นพ่านไปที่ต่าง ๆ มากมาย ทั่วโลก รวมทั้งเมืองไทยด้วย ส่วนใหญ่จะเปิดติวแถวโรงแรมย่านเพชรบุรีตัดใหม่ เคยประสบปัญหาครั้งหนึ่ง ตอนพาวีไอพีจากเมืองไทยไปเที่ยวยุโรป ตอนนั้นไปอยู่ที่บรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม เราก็เคยเห็นว่าไกล้ ๆ สถานทูตไทย รู้สึกว่าแถวถนน Avenue Louis เป็นแหล่งที่มีครูกวดวิชามาก พวกเธอจะชับรถสปอร์ตช้า ๆ วนไปวนมาอยู่แถวนั้น รถสปอร์ตแต่ละคันก็สวยยังกับที่เห็นในงานมอเตอร์โชว์  เหตุที่ใช้รถสปอร์ตก็เพราะว่ารถสวยอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็จะได้เปิดประทุนให้นักเรียนเห็นหน้าครู  เปิดประทุนไม่ว่าหน้าร้อนหรือหน้าหนาว แต่พวกเธอก็สวมเสิ้อคลุมขนมิ้งค์กันทุกคน ถึงหน้าหนาวก็ไม่แข็งตาย ตกลงรถสปอร์ตกับเสื้อคลุมขนม้งค์ เป็น tools of the trade สำหรับครูกวดวิชาที่ยุโรป นอกหนือจาก tools อย่างอื่นที่พระเจ้าสร้างให้ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด พวกนักเรียนที่อยากกวดวิชาก็ไปยืนรอ ๆ อยู่ในซอย ไฟถนนในซอยก็ล่ว่างไสว เห็นครูคนไหนถูกใจก็โบกมือ ตกลงค่าหน่วยกิตกัน เสร็จแล้วเธอก็รับขึ้นรถพาไปที่ห้องเรียน ซึ่งอยู่ที่อพาร์เมนท์แถวไกล้ ๆ นั้น กวดวิชาระยะสั้นเสร็จแล้วเธอก็พากลับมาส่งที่เดิม ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรืออย่างมากไม่เกินครึ่งชัวโมง คราวนี้อาจจะมีคนขี้สงสัยถามว่า  ทำไมเวลามันถึงผิดกันได้ จาก 15 นาทีเป็นครึ่งชั่วโมง ก็ขอตอบดังนี้คือ ค่าหน่วยกิตที่ตกลงกันครั้งแรกนั้น เป็น basic lesson ใช้เวลา 15 นาที แต่ต้องขอบอกว่า เป็นบทเรียนที่ very bare minimum จริง ๆ คราวนี้ถ้านักเรียนอยากเรียน intensive course ตืออยากได้ option มากอย่างขึ้น ก็ต้องจ่ายค่าหน่วยกิตเพิ่มเติม ตาม options ที่เพิ่มขึ้นมา และเวลาเรียนก็ยืดออกไปเป็นสัดส่วนด้วย ที่ว่าเคยมีปัญหาก็คือ คืนที่เราไปถึงปรากฎว่ารถสปอร์ตหายไปหมดจากท้องถนน ไม่เหลือแม้แต่คันเดียว ถามคนท้องถิ่นเขาบอกว่าเป็นวันหยุดงาน เราก็ลงสัยว่าครูกวดวิชามีหยุดงานด้วยหรือ  เขาก็บอกว่าพวกเธอมาจากยุโรปใต้ วันนั้นบังเอิญเป็นวันฉลองนักบุญอะไรก็จำไม่ได้แล้ว พวกเธอก็พากันกลับบ้านไปทำบุญ คงเหมือนกันโรงนวดเมืองไทยที่เงียบเหงาตอนสงกรานต์ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 20:27:00 จากคุณ : nickycharles - [ 20 มิ.ย. 50 13:06:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แจ้งลบค่า :) ว่าแต่อาชีพครูกวดวิชาที่นั่นรายได้ดีขนาดมีรถสปอร์ตขับเลยหรือคะ จากคุณ : k - [ 20 มิ.ย. 50 14:26:07 A:172.22.3.103 X:203.152.27.142 TicketID:061984 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณปู่ td ลากมาร่วมวง เลยต้องคุยมั่ง ห้องเรียนห้องนี้แปลกเนอะ มีแต่ให้นักเรียนเงียบๆ ฟังคุณครู ห้องนี้คุณครูบอกให้คุยได้ด้วย ที่ไม่ได้บอกว่าเรียนอะไร เพราะอับอายที่ไปก็นาน แต่กอบโกย วิชามาได้ไม่คุ้ม ยังไม่ได้โกยมาตั้งเยอะ แถมหัวข้อที่ตั้งใจจะไป กอบโกย ก็ไปเอามาไม่ได้ กลายเป็นว่าไปทำอะไรก็ไม่รู้ (เพราะคุณครูที่นู่นเข้าใจผิด คิดว่างานที่ให้ตรงกับหัวข้อ ทำไป ทำมา ถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ ฮือๆๆ ยากก็ยาก เที่ยวก็ไม่ค่อยได้เที่ยว เสียดาย มาก ที่เที่ยวไม่คุ้ม) อ่านที่คุณปู่เล่าแล้ว คุณปู่คงไปเที่ยวมาเยอะ มีคนเล่าให้ฟังว่า ที่เนเธอร์แลนด์มี sex museum ด้วย (จะโดนลบไม๊นี่) แต่คนที่เล่า ก็ไม่ได้เล่าอะไรมากมาย แค่พูดแค่นี้ให้เราร้องโอ้โห ถ้าคุณปู่จะจัดพา เที่ยวพิพิธภัณฑ์นี้ รับรองจะมีคนแห่กันมาชมเป็นโขยงแน่นอน อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 50 17:05:17 จากคุณ : Canossa - [ 20 มิ.ย. 50 17:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณหนู K # 46 คิดว่าทั้งรถสปอร์ต ทั้งเสื้อขนมิ้งค์ ทั้งอพาร์ทเม้นต์คงจะเช่าทั้งหมด เจ้าตัวก็นั่งเครื่องบินหรือรถไฟหรือรถบัสมาจากทุกสารทิศ มาแต่ตัวกับอุปกรณ์การสอน ที่เอาติดต้วมาได้  เพราะว่าเป็น EU ไปไหนไม่ต้องขอวีซ่าถือเป็นประเทศเดียวกัน รายได้ก็คิดว่าน่าจะดี เพราะเป็น private enterprise ไม่มีปาป้าซัง มาม่าซัง แมงดาซังมาคอยแบ่งรายได้ แต่ว่าต้องเสียภาษีเงินได้นะ ไม่รู้เขาคำนวณภาษีกันอย่างไร  จะเสียตามมิเตอร์แบบปั้มน้ำมันเมืองไทยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ถ้ามีมิเตอร์เขาจะติดไว้ตรงไหนก็ไม่ทราบอีกเหมือนกัน ต้องให้ครูแท่นสีมาเล่า เขาอาจจะทราบ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 50 18:46:43 จากคุณ : nickycharles - [ 20 มิ.ย. 50 18:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ที่อเมริกามีผู้หญิงสวยๆหลายคนจบปริญญาโทแล้วไปเป็นนางทางโทรศัพท์กันด้วยเหตุผลที่ว่า "มันรายได้ดีกว่าทำงานใน office นั่นเอง" ภาษาที่พวกโสเภณีเขียนโฆษณาในนครลอนดอนคือ French lessons given by young teacher. (French lesson แปลว่า sex lesson) German lessons given by strict governess. (German lesson แปลว่าบริการ sex แบบโหดๆ) Greek lessons given by handsome teacher. (Greek lesson แปลว่าบริการ anal sex) เคยเดินๆแล้วมีสาวที่เป็นพรรคอิสระ (คือเดินหาลูกค้าบนถนนโดยไม่มีสำนัก) เธอทักเราว่า Do you want any business? ตอนได้ยินทีแรกก็งงแฮะว่ามันหมายความว่าอะไร อ๋อถามแบบนี้มันปลอดภัยดี เผื่อว่าหล่อนไปเจอตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าตำรวจก็จับหล่อนไม่ได้นั่นเอง จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 20 มิ.ย. 50 18:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วตกลงคุณแท่นสีได้ครูเยอร์มันหรือครูกรีกล่ะ จากคุณ : nickycharles - [ 21 มิ.ย. 50 01:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 51 โอ๊ยยยย  ขำคำถามคุณปู่จริงๆ อยากรู้จังว่าฝรั่งสามชาติข้างบนเขาโวยแบบคนไทยโวยไหม เอาชื่อเขาไปเปิด class แบบนี้ จากคุณ : Canossa - [ 21 มิ.ย. 50 10:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ต่อไปนี้จะไม่ถามปัญหาปัญญาอ่อนแล้วล่ะค่ะ เพราะลิงค์ที่ให้มีประโยชน์มาก เหมือนให้เครื่องมือทำมาหากิน สอนวิธีจับปลา แทนที่จะจับปลาให้อยู่เรื่อยไป แต่ถ้ามืดมนมาเมื่อใด ช่วยเปิดไฟให้ด้วยละกัน รู้สึกดีใจมากที่ค้นพบเว็บนี้ จริงๆ นะ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินชื่อเว็บพันทิบ แต่ไม่เคยเข้า(ยอมรับว่าเชย) รู้แต่ว่าเป็นเว็บที่คนส่วนใหญ่เขาเข้ามาถามกระทู้ ตอบกระทู้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ไม่รู้อะไรเกิดดลใจหรือกระซิบบอก ลองเข้าไปดูซิ มันมีอะไรน่าสนใจบ้าง แรกๆ ก็เข้าแต่ห้องโทรโข่ง ร้องทุกข์ อ่านไปอ่านมา เริ่มเบื่อ หาห้องอื่นอ่าน เอ ห้องสมุดท่าทางจะมีอะไรน่าสนใจ เพราะตัวเองก็ชอบหาความรู้ใส่ตัว (ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวนะ) สุดท้ายก็มาเจอคลับนี้ ถือว่าเป็นสุดยอดการค้นพบแห่งปี! แต่ละสิ่งที่ท่านทั้งหลายแนะนำล้วนมีประโยชน์มาก ขอบคุณค่ะ ทุกคนที่เข้ามาก็คงคิดแบบเดียวกัน จากคุณ : Lady (สรวลอักษร) - [ 21 มิ.ย. 50 15:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตอบคุณ nickycharles ครูคนแรกคือ Scottish (รอดตัวไป อิๆๆๆ) อยู่มาวันหนึ่งเธอทำอาหารอย่างหนึ่งให้เรากิน  มันเป็นก้อนเนื้ออะไรก้อม่ายรุ  ปั้นๆแล้วเข้าเตาอบ เธอเรียกมันว่า faggot จากนั้นอีกหลายปี เรา chat กับฝรั่งอเมริกันทาง msn เราค้นพบว่าคำว่า faggot มันเป็น slang แปลว่าผู้ชายที่เป็น gay ตอบคุณ Canossa โวยดิ ชาติอื่นอาจโวยแต่โวยน้อยหน่อย รู้สึกจะมีแต่ฝรั่งเศสนะที่มันโวยเพราะอะไรๆเกี่ยวกับฝรั่งเศสลามกเยอะที่สุด จะเล่าเหตุการณ์ที่เราฟังมันโวย (เล่าไปพลางอธิบายศัพท์ชั่วร้ายเกี่ยวกับฝรั่งเศสคำอื่นๆ) วันหนึ่งเราล้อชาวฝรั่งเศสว่า เฮ้ you ว่ามันประหลาดไหมที่ว่า French lesson แปลว่า sex lesson French letter แปลว่า condom take a French leave แปลว่า หนีงานโดยไม่ลาอย่างถูกต้อง พอฟังเท่านั้นนะ ไอ้ฝรั่งเศสคนนั้น มันของขึ้น มันโวยวายพูดว่า In France, we say 'to take an English leave' which means the same as 'to take a French leave.' จนป่านนี้นะ เรายังไม่รู้เลยว่าเจ้าฝรั่งเศสตัวนั้นมันมั่วนิ่ม หรือมันมีภาษาฝรั่งเศสแบบนี้จริงๆ ใครเก่งฝรั่งเศสช่วยยืนยันหน่อยดิ เผอิญคุณปลาทองพอรู้ภาษาฝรั่งเศส หน่อยๆ แต่ใช้ google เก่งมากๆ ลองจุดธุปจุดเทียนอัญเชิญเธอมาไขปริศนานี้ดิ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 19:14:29 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 19:13:32 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 19:04:32 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 21 มิ.ย. 50 19:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 54 THE ERA OF SEX MUSEUMS They're Popping Up All Over Europe and Soon Here http://www.libidomag.com/datebook/sexmuseums.html http://www.venusem.net/Museum/-/B7C90D0/ http://www.venusberg.com/joinpage.htm http://www.ameanet.org/index.php http://www.answers.com/topic/sex-museum http://www.japanvisitor.com/index.php?cID=365&pID=389 http://members.virtualtourist.com/m/177e5/eec26/6/ จากคุณ : nickycharles - [ 22 มิ.ย. 50 00:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ Lady (สรวลอักษร) # 52 ยินดีต้อนรับครับ ที่นี่เราคุยกันได้ทุกเรื่องแหละครับ รวมทั้งเรื่องไร้สาระด้วย ใครอยากคุยอะไรก็ได้ หรือใครอยากจะเปิดประเด็นอะไรก็ได้ เจ้าของกระทู้เดิมได้หนังสือเด็กเอาไปแปลเล่นสะบายใจเฉิบไปแล้ว ไม่กลับเข้ามาอีกเลย กระทู้ก็เลยกลายพันธ์ ตอนนี้ใครจะเข้ามาอ่านต้องบอกก่อนว่าอายุเกิน 18 ไปแล้ว อยากจะขอเชิญคุณLady ให้มาร่วมวงสนทนาด้วย จากคุณ : nickycharles - [ 22 มิ.ย. 50 00:17:05 ]

ความคิดเห็นที่ 56 หนู Canossa จำได้ไหมตอนอยู่ญี่ปุ่น กลางคืนนั่งรถไฟสาย yamate หรือ chuo มองออกไปทางไหน เจอแต่ป้าย SoapLand  ก่อนหน้านี้ เขาเรียกว่า Toruko Onsen หรือ Turkish Bath ทางสถานทูต ตุรกีเขาประท้วงว่าเอาชื่อประเทศเขามาใช้เรียกโรงอาบอบนวด  ญี่ปุ่นก็ดีใจหาย สมาคมโรงอาบอบนวดก็พร้อมใจกันเรียกใหม่ว่า SoapLand เคยนั่งรถไฟจากฝรั่งเศสไปเยอรมัน ตอนกลางคืน มองออกหน้าต่างรถ เห็นป้าย Bangkok Bath หลายแห่ง เรื่องโรงอาบน้ำนี่น่าสนใจ เคยเขียนเอาไว้ที่เว็บพันทิพย์นานหลายปีมาแล้ว สืบประวัติย้อนไปถึงยุคกรีก ยุคโรมัน ยุคตุรกี และยุคสมัยใหม่ ซึ่งรวมไปถึง Bangkok Bath ตอนนี้ที่เขียนเอาไว้เดิมคงจะหายไปไหนหาไม่เจอแล้ว ขอเวลาสักหน่อยจะเอามาเขียนใหม่ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 50 00:45:16 จากคุณ : nickycharles - [ 22 มิ.ย. 50 00:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ฮา แดนสบู่ ใครคิดหว่า คิดออกได้ไง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 22 มิ.ย. 50 05:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ๋อ กระทู้กลายพันธ์มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ก็สนุกดี เริ่มต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา ขอบคุณ คุณ nickycharles ไม่ต้องเชิญชวน ก็เข้ามาอยู่แล้วค่ะ (แบบว่าขอร่วมด้วยคน) แต่วิทยายุทธยังไม่แก่กล้านะคะ ขอเป็นผู้อ่านที่ดี และผู้เสนอความเห็นบ้างบางเวลา อ้อ โชคดีไปที่อายุเกิน 18 แล้ว (จนมันจะเตลิดไปถึง30 แล้วด้วย) เดี๋ยววันนี้จะลองไปเดินพันทิพย์ หาดู OED ที่คุณว่า เพราะตอนนี้กำลังอ่าน Sense & Sensibility อยู่ ถึงว่าใช้ดิกปัจจุบันแปลศัพท์บางคำที่ไม่เข้าใจ มันถึงไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น จากคุณ : สรวลอักษร - [ 22 มิ.ย. 50 13:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เหตุที่กระทู้ในนี้กลายพันธุ์บ่อยๆเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมครับ แบบว่าเขาให้ที่มาน้อย ก็ต้องใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพที่สุด ด้วยเหตุนี้จะเห็นว่าเทศกิจตามจี้ตามไชให้คนที่ตั้งกระทู้ใหม่ๆโดยไม่จำเป็นลบออกเสียบ้างเอาไปต่อกัน นอกจากนั้นกระทู้ที่เจ้าของได้คำตอบไปแล้วก็ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางโดยปริยายที่ใครต่อใครจะมาวิ่งเล่น มันก็เลยเป็นอย่างนี้แหละ สรวลอักษร? เป็นญาติกับพี่แสนอักษรหรือเปล่า? เห็นชื่อคล้ายๆกัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 22 มิ.ย. 50 13:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เรียนคุณแอ๊ด ปากเกร็ด สรวลอักษรกับแสนอักษรไม่ได้เป็นญาติกันหรอกค่ะ แค่บังเอิญชื่อนามแฝงมาคล้ายกัน ตอนแรกที่ตั้งชื่อ อยากได้ชื่อที่สื่อถึงว่าตัวเรานี่รู้สึกรื่นเริง เริงร่ากับตัวหนังสือ และอยากได้ออกมาแบบไทยๆ หน่อย คิดไปคิดมา เอาสรวลอักษรก็แล้วกัน ภายหลังตั้งชื่อแล้ว เข้ามาแจมในห้องไม่นาน ก็พบสมาชิกชื่อคล้ายกัน คือคุณแสนอักษร คงไม่สับสนนะคะ ชื่อใกล้เคียง แต่ความสามารถยังห่างไกลค่ะ เพราะเคยอ่านคุณแสนอักษรตอบกระทู้ ขึ้นชั้นเซียนไปแล้ว คุณแอ๊ดก็เหมืนกัน Turn Pro จากคุณ : สรวลอักษร - [ 22 มิ.ย. 50 14:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ฮา น้าแอ๊ดสนใจ Soapland อย่ากระนั้นเลย เราลัดคิวเขียนเรื่อง Soapland ก่อนดีกว่า แรกเริ่มเดิมที โรงอาบอบนวด ในญี่ปุ่นเขาเรียกว่า  toruko-buro หรือบางทีเรียกว่า  toruko-onzen คำว่า buro แปลว่าการอาบน้ำหรือ bath ส่วน onzen พยางค์ท้ายของคำหลัง แปลว่าน้ำพุร้อนตามธรรมชาติหรือ hot spring แต่คำหลังนี่ไม่ค่อยป๊อปเท่าไหร่ ใช้มากเฉพาะเมืองที่มีน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ ที่ใช้ชื่อว่า  toruko-buro ซึ่งแปลว่า Turkish Bath ก็เพราะดั้งเดิมเอาตัวอย่างมาจากตุรกี โรงอาบน้ำแบบตุรกีจะไปเปิดที่ไหน อย่างเช่นอังกฤษ หรืออเมริกา ก็เรียกว่า Turkish Bath ทั้งนั้น เพราะชื่อนี้ขายได้ แบบชื่อ Cola จากคุณ : nickycharles - [ 22 มิ.ย. 50 15:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 62 โรงอาบน้ำแบบนี้ ตุรกีไปจำเอามาจาก Byzentine หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออก อีกต่อหนึ่ง เพราะอาณาจักร ออตโตมัน หรือตุรกี ไปตีอาณาจักร Byzentine แตก ยึดเมืองหลวงคือ Constantinople ไว้ได้ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นอิสตันบุล เรื่องนี้ค่อนข้างจะยืดยาว เพราะรับกันมาหลายทอด หลายต่อ นี่ยังไม่ได้เล่าย้อนยุคไปถึงกรีกกับโรมันซึ่งเป็นต้นตำรา จะเก็บเอาไว้เล่าทีหลัง โรงอาบน้ำดั้งเดิมสมัยโบราณ เป็นคล้าย ๆ กับสโมสรที่คนไฮโซ แบบสมาชิกสโมสรโรตารีเขาไปอาบน้ำให้สบายใจ แล้วคุยธุระกิจกัน ไม่มีเรื่องเซ๊กซ์มาเกี่ยวข้อง แต่พอตกมาถึงญี่ปุ่นซึ่งห่างจากกรีกหลายพันปี และห่างจาก ตุรกีหลายร้อยปี Turkish Bath ก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสถานที่ขายบริการทางเพศ จากคุณ : nickycharles - [ 22 มิ.ย. 50 15:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันก่อนว่า Turkish Bath เป็น generic name ใครจะใช้ก็ได้  แต่ถ้าสมมุติว่า ผมริอ่านจะตั้งโรงอาบน้ำแบบคุณ ชูวิทย์ ก็อาจจะตั้งชื่อว่า Nicky's Turkish Bath อย่างนี้เป็น proper noun ไปแล้ว คนอื่นอย่างเช่นคุณแท่นสี หรือน้าแอ๊ดจะมาใช้ชื่อเลียนแบบไม่ได้  ก็ต้องตั้งชื่อใหม่ เป็น Tansy's Turkish Bath หรือ Add's Turkish Bath เป็นต้น เหตุที่เปลี่ยนมาเป็น Soapland ก็เพราะมีนักวิชาการชาวตุรกีคนหนึ่ง ชื่อเรียงเสียงไรก็ไม่ได้สนใจจำ เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ ที่ญี่ป่นเอาชื่อตุรกีมาเกี่ยวข้องกับเรื่องธุระกิจการขายเนื้อสด ก็เลยเขียนจดหมายไปหาหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น  แล้วทำแคมเปญต่าง ๆ นา ๆ จนสมาคมโรงอาบอบนวดญี่ปุ่นเห็นใจยอมเปลี่ยนชื่อ generic name เสียใหม่ ในการนี้เขาให้คนประกวดตั้งชื่อทั่วประเทศ แล้วผลสุดท้ายก็ได้ชื่อ Soapland ออกมา เรื่องมันเป็นมาอย่างนี้แหละครับน้าแอ๊ด จากคุณ : nickycharles - [ 22 มิ.ย. 50 15:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เห็น link ของ sex museum แล้วจะเป็นลม มีตั้งหลายที่แหน่ะ ไอ้เราก็คิดว่ามีแค่ที่ฮอลแลนด์ แล้วคนไปเที่ยวมาก็เอามาเล่าอย่างเห็นเป็นของแปลกประหลาด คุณปู่ขา ตอนที่อยู่ญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่เมืองหลวงค่ะ เคยนั่งรถไฟสายที่ว่า แต่เป็นตอนกลางวัน แค่สองสามหน ก็เลยจำอะไรไม่ได้ รู้แต่ว่าร้านเอเชียที่เมืองหลวงดีมาก มีน้ำพริกปลาทูแบบแพ็กขวดขายด้วย ยังซื้อติดกลับมากิน ตั้งหลายขวด อร่อยมากๆ เป็นอาหารกินกันตายที่ดีเยี่ยม อร่อยกว่านัตโตะหลายเท่า ขวดสุดท้ายพยายามยื้อกินอยู่ หลายวัน พอมันจะหมดขวดก็แทบจะเช็ดจนสะอาดเลย เพราะเมืองที่อยู่ ไม่มีน้ำพริกปลาทูแบบนี้ขาย กลับมาเมืองไทย ก็ยังไม่เห็นมีเลย ถ้ามีจะซื้อไปตุนในตู้เย็น เพราะไม่เผ็ดมาก ถ้าตำเอง ก็คงไม่มีใครร่วมวงกิน (และที่สำคัญ ตำไม่เป็น ฮิๆๆ) คำว่าแดนสบู่ มาเห็นตอนกลับมาแล้ว เจอในการ์ตูนญี่ปุ่น ยังคิดว่าอาบอบนวดเจ้านี้เข้าใจตั้งชื่อแฮะ ไม่คิดว่าจะเป็น generic name ไปได้ ทึ่งจริงๆ จากคุณ : Canossa - [ 22 มิ.ย. 50 17:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ถึงคุณ nickychales ถ้าเข้ามาในกระทู้นี้ รบกวนตอบให้ด่วนนะคะ ที่คุณแนะนำเรื่อง OED ที่หาซื้อได้ที่พันทิพน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณได้ซื้อมาใช้หรือเปล่า หากซื้อมีขั้นตอนติดตั้งอย่างไร เพราะดิฉันลองติดตั้งดู ปรากฏว่าไม่สามารถใช้โปรแกรมได้ กลับไปหาคนขายอีกครั้ง เขาบอกว่าให้เปิดในไฟล์ Crack แล้วทำตามขั้นตอน แต่ดิฉันหาไฟล์ชื่อนี้ไม่เจอ หรือหากใครใช้โปรแกรม Dic OED ที่คุณ nickychales กล่าวถึงข้างต้น จะตอบกระทู้แทนก็ได้นะคะ ขอบคุณล่วงหน้า จากคุณ : สรวลอักษร - [ 23 มิ.ย. 50 11:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบคุณ สรวลอักษร ลงโปรแกรมให้เสร็จก่อน (ต้องเลือกลงแบบ full นะ) แล้วเข้าไปในแผ่น DVD เพื่อหา file ชื่อ SCRfrsh ใน folder ชื่อ OEDFix copy file ที่ชื่อ SCRfrsh แล้วเอาไป paste ลงใน C:\Program Files\OED\OED CD v3\Bin มันจะมีข้อความถามว่าจะ replace file ไหม ให้ตอบว่า yes จากนั้นก็ run โปรแกรมอีกรอบ (โดยยังไม่เอาแผ่น DVD ออก) ระบบจะ authenticate แผ่น พอใช้ได้ จากนั้นก็ไม่ต้องใส่แผ่นอีก จริงๆแล้วบนแผ่น DVD ใน folder ชื่อ OEDFix มี file ชื่อ instuctions มันบอกวิธีการที่เราบอกไว้ข้างบน แต่มันเขียนเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นเอง ในกรณีที่แผ่นคุณเป็นคนละ version กับเรา ขั้นตอนคงคล้ายๆกัน แต่ชื่อ folder กับ file อาจแตกต่างกัน ซึ่งในกรณีนี้คุณต้องอ่าน instructions ลูกเดียว แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 00:23:59 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 00:23:01 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 23 มิ.ย. 50 23:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เรียนคุณสรวลอักษร เรื่องการ install ซอฟท์แวร์ที่เขา crack มานี่ บางที หรือหลาย ๆ ทีมันเหมือนเส้นผมบังภูเขา ที่คนขายเขาบอกว่าให้เปิดในไฟล์ Crack แล้วทำตามขั้นตอน ก็ถูกของเขา แต่ปัญหาของคนที่ไม่ทราบไม่เคยทำมาก่อนก็คือ จะไปหาไฟล์ที่ว่านั้นจากที่โฟลเดอร์ไหน เพราะมันมีเยอะแยะไปหมด ถึงแม้หาเจอ คำอธิบายที่เขาให้มาก็ย่นย่อ สำหรับคนที่รู้เรื่องแล้วถึงจะอ่านเข้าใจ เคยส่ง OED อันเดียวกันนี้ ไปให้สุภาพสตรีผู้หนึ่ง เพราะเธอต้องแปลวรรณกรรมโบราณอายุหลายร้อยปี ส่งไปแล้วก็มาเป็นห่วงว่าเธอจะ install ได้หรือเปล่า  แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมา อีกสองสามวันต่อมา พบเธอใน messenger ก็ถามเธอว่า install เรียบร้อยไหม เธอก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะตอนที่เธอเรียนหนังสืออยู่ ไปซื้อ ซอฟท์แวร์มาใช้แยะมาก ก็เลยรู้วิธีไม่มีปัญหาในการ install เพราะมันจะคล้าย ๆ กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นคนที่เคยทำบ่อย ๆ แทบจะไม่ต้องอ่านคำอธิบายก็ทำได้ ตอนที่ผม install ก็มีปัญหาเหมือนกัน ปลุกปล้ำกันอยู่นานก็ไม่สำเร็จ เพราะเรื่องเส้นผมบังภูเขาอย่างที่เล่าไว้ ผลสุดท้ายต้องให้เพื่อนที่เขาทำเป็น อธิบายทางโทรศัพท์ โดยต่างคนต่างเปิดคอมพิวเตอร์แล้วให้เขาอธิบายให้ ซึ่งเสียเวลาไม่นาน ประมาณ 10 นาที หรือไม่เกิน15 นาที ก็ทำสำเร็จ จะอธิบายกันโดยผ่าน messenger ก็ได้ แต่เสียเวลามากกว่า ถ้าคุณยัง install ไม่สำเร็จ ก็ขอเบอร์โทรศัพท์คุณ tansy ผ่านทางหลังไมค์ แล้วก็นัดเวลากัน ให้คุณแท่นสีช่วยสอนให้ คราวนี้เชื่อว่าสำเร็จแน่ ผมเองเวลา install ใหม่ก็มีปัญหาเหมือนกัน จากคุณ : nickycharles - [ 24 มิ.ย. 50 09:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณ คุณtansy และ คุณ nickychales ค่ะที่ช่วยตอบ ตอนนี้ติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ใช้งานได้แล้ว ก็แหมคนไม่เคยนี่นะ นั่งปลุก นั่งปล้ำกับมันตั้งนาน เจอข้อความใน instruction แล้ว แต่ว่าหาไฟล์ที่ระบุไม่เจอ อย่างไฟล์ bin สุดท้ายก็ผ่านพ้นด้วยดี ขอบคุณมั่กๆ ค่ะ จากคุณ : สรวลอักษร - [ 24 มิ.ย. 50 09:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขออธิบายเรื่อง OED สักหน่อย อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่าเหมือนอาวุธหนักแบบจรวด ICBM ติดหัวรบนิวเคลียร์ ไม่เหมือนกับดิกชันนารีทั่วไปที่เราเคยใช้กันอยู่ ศัพท์ตัวหนึ่งใน OED เขาจะมีคำอธิบายยืดยาว บางทีหลายหน้าอาจจะเสียเวลาอ่านและเข้าใจยาก เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะดิกชันนารีภาษาอังกฤษเล่มนี้หรือเล่มไหน ๆ ก็ตาม เป็นการรวมรวมคำศัพท์ที่คนใช้ เพราะศัพท์ภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม ความหมายจะเปลี่ยนไปตามเวลาที่เปลี่ยนไป เขาจะไปเอาตัวอย่างการใช้ และ ความหมายจากหนังสือโบราณที่สุดเท่าที่เขาจะหามาได้ สมมุติว่าศัพท์ตัวหนึ่ง พบเป็นครั้งแรกในหนังสืออะไร เมื่อปีเท่าไหร่ ใครเป็นคนใช้คนแรก ในหนังสือเรื่องอะไรเขาก็จะไปลอกเอามาแล้วอธิบายว่าในตอนนั้นคำศัพท์คำนี้หมายความว่าอะไร แล้วค่อย ๆ ไปเอาตัวอย่างของความหมายที่เปลี่ยนไปตามเวลาที่เปลี่ยนไปจนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าเราจะแปลวรรณกรรมอายุสัก 250 ปี เราก็ไปดูว่าในช่วงนั้นศัพท์ตัวนี้เขาใช้ในความหมายว่าอะไร อย่างนี้ป็นต้น อย่าลืมว่า ภาษาต่าง ๆ คนเป็นผู้ใช้ และเป็นผู้ให้กำเนิด ดิกชันนารีเป็นเพียงแต่บันทึกเอาไว้ พจนานุกรมฉะบับราชบัณฑิตย์สถาน ท่านก็ไปเอาคำศัพท์จากหนังสือโบราณเอามาอธิบาย ถ้าใครไปอ่านก็จะพบว่าเอามาจากหนังสืออะไรบ้างอย่างนี้เรียกว่าเป็นการบันทึกความหมายของการใช้ศัพท์   แต่ราชบัณฑิตย์ท่านมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่งคือการบัญญัคิศัพท์ หน่วยงานที่ทำหน้าที่แบบนี้ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่มี แต่ในฝรี่งเศสมี Academie Francaise ที่รัฐบาลมอบหมายให้เป็นเจ้ากี้เจ้าการบัญญัติศัพท์ และกำหนดมาตรฐานการใช้ภาษาฝรั่งเศสตั้งมาตั้งแต่ปี  1635 สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ตอนนี้งานหนักของAcademie Francaiseก็คือบัญญัติศัพท์ภาษาฝรั่งเศส เอามาแทนคำภาษาต่างประเทศที่คนฝรั่งเศสเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน  เช่น weekend, super market, hardware, software, fast food และอื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสพอสมควรที่จะไปบังคับคนให้มาเปลี่ยนไปใช้ตามที่ท่านบัญญัติ ราชบัณฑิตย์ไทยท่านก็ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้บัญญัติศัพท์ภาษาไทยขึ้นมาใหม่ โดยท่านไปเอาภาษาแขกมาโมเมหลอกคนไทยว่าเป็นภาษาไทย ตามความเป็นจริงแล้ว ภาษาแขกคือบาลีและสันสกฤติก็อยู่ในตระกูลภาษา indo-european ซึ่งอยู่ร่วมตระกูลกับภาษาอังกฤษ ภาษาไทยเชื้อสายแขกที่ท่านบัญญัติขึ้นมาบางครั้งคนไทยก็ไม่เข้าใจ ต้องไปเปิดดูดิกชันนารีอีกทีว่าแปลว่าอะไร บางที่คนก็นิยมใช้ ศัพท์บางคำก็เชยหรือยากจนคนไม่ใช้ก็มีมาก จากคุณ : nickycharles - [ 24 มิ.ย. 50 11:55:57 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ในกรณีที่การเรียนภาษาอังกฤษเอง บางทีก็ออกต้องออกแรงเยอะ ก็ลองไปอ่านเรื่องการแสวงหาอาจารย์สอนภาษาอังกฤษดู มีคนตั้งกระทู้ว่าอยากหาอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ เราเข้าไปตอบเขาว่า เราจะรับสอนภาษาอังกฤษเขาเอง แต่เรากลัวว่าชีวิตมันจะง่ายเกินไป กลัวว่าจะได้นักเรียนง่ายเกินไป แล้วได้เงินมากเกินไป   ดังนั้น พอเจ้าของกระทู้ถามเราว่า เราจบวุฒิอะไรมา  เราตอบว่า "เราจบมัธยมต้นมา" ...555++...แต่เราเล่าให้ฟังอย่างตรงไปตรงมาว่าเรามีหลักการและมีความชำนาญในการสอนภาษาอังกฤษแบบไหนอย่างไร ลองเข้าไปมุงดูกันแล้วพนันกันเล่นๆว่า "เจ้าของกระทู้นั้น จะจ้างเราสอนภาษาอังกฤษหรือไม่"  ...555++... ตาม link นี้ไป http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5539636/K5539636.html#9 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 24 มิ.ย. 50 14:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 71 สรุปแล้วเขาจ้างคุณtansy หรือเปล่าคะ? แต่ดูจากการตอบกระทู้ของคุณ นับว่าเป็นผู้มีวิทยายุทธแก่กล้า ว่าแต่ว่าคิดค่อสอนแพงหรือเปล่า เผื่อจะได้ให้สอน writing (Argumentative Writing) ติดวิชานี้วิชาเดียว ก็จะได้ปริญญามาชื่นชมแล้ว วิชาเขียนนี่เป็นวิชาปราบเซียนเลยนะคะ ถ้าไม่เจ๋งก็จอดล่ะค่ะ จากคุณ : สรวลอักษร - [ 24 มิ.ย. 50 17:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 72 Argumentative Writing เหรอ เหมาะเลย คนนี้เหมาะที่สุด คุณ Tansy ได้ชื่อว่าเป็นแช้มป์เถียงคำไม่ตกฟากเขารู้กันทั่ว จากคุณ : nickycharles - [ 25 มิ.ย. 50 05:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ^ ^ ^ เข้ามาช่วยรับประกันค่ะ ว่าคุณ Tansy เธอถนัดเรื่องการเขียนและการพูดแนวนี้ที่สุด จากคุณ : ปลาทองอัลไซเมอร์ (zaida, film mania) - [ 25 มิ.ย. 50 09:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตอบคุณสรวลอักษร คงไม่จ้างหรอกน่ะ นั่นก็เพราะว่าเราเข้าไปเขียนแบบคนเสียสติเล่นสนุกๆน่ะ แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่เขียนมันเป็น paradoxes ซึ่งถ้าคนอ่านแล้วตีความดีๆ ก็จะฉุกคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้หลายๆอย่าง ทีแรกกะจะเขียนสั้นๆแต่แม่ยก...เอ้ยแฟน โทรมาบอกว่า ไม่ต้องกังวล ถ้าเราหาเงินได้ไม่พอ เธอจะแบ่งเงินให้เรากิน (ให้พอซื้อข้าว แต่ไม่พอซื้อ wineนะ) เอ่ออย่างนี้แทนที่จะรีบๆแปลหนังสือ(ตอนนี้เธอค้อนเราแน่ๆ) เรามาเขียนกระทู้สอนภาษาอังกฤษ แจกฟรีบนเว็บ แล้วขอเงินบริจาค จากผู้เรียนรายอื่นจะดีไหมเอ่ย แทนที่พวกเขาจะไปเสียเงินเรียนแถวๆสยามชั่วโมงละพันบาทนะ (ขนาดเรียนเป็นกลุ่มยังชั่วโมงละพันบาทเลย) ซึ่งเดือนหนึ่งตกเป็นหมื่นนะ เอามาบริจาคให้เราเดือนละ 500 บาทต่อคนจะดีกว่า...โหนั่งคำนวณฝันหวานนะ ว่าถ้าได้คนละ 500 บาทต่อเดือนทั่ว pantip เนี่ย นับว่าเป็นรายได้ที่ไม่เลวทีเดียว อิๆๆๆๆ เรากำลังจะปั่นกระทู้ที่ว่านั้นต่อ ถ้าใครสนใจเรื่องเทคนิคการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ (ถึงแม้จะเอาไว้เรียนด้วยตัวเองก็ตาม) ก็ลองติดตามกระทู้นั้น ยังมีเนื้อหาที่แน่นๆติดตามมาอีกเพียบเลย แต่ถ้าอยู่ดีๆเราหยุดเขียนไปนะ ก็หมายถึงแม่ยกไม่ยอมจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้เรา ...555+++... จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 25 มิ.ย. 50 11:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เข้าไปอ่านลิงค์ข้างบนแบบผ่านๆ (เพราะหิวข้าว จะรีบไปแล้ว :-)~~ จะบอกว่าสมัยก่อนนู้น สิบกว่าปีก่อน ค่าเรียนภาษา โดยเฉพาะ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ราคายังย่อมเยา ยังพอหาคอร์สที่ไม่ถึงพันบาท ภาษาอังกฤษมีทั้งไม่แพง และแพงมากมาย โดยเฉพาะคอร์สสำหรับ คนไปเรียนต่อ หลายปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก ปัจจุบันค่าเรียนภาษาที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เขยิบพรวดพราด จนค่าเรียนบางภาษา ถ้าขืนสมัคร เงินเดือนทั้งเดือนคง เหลือแค่ค่ารถเมล์พอไปทำงานแล้วนั่งกินลมแทนอาหาร ที่จริงตอนกลับมาใหม่ๆ ก็อยากลงเรียนภาษา แต่หลังจากเห็นราคา แหะๆๆๆ หาเรียนเอาจากเนตดีกว่า จากคุณ : Canossa - [ 25 มิ.ย. 50 13:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เรื่องเถียงไม่ตกฟากหรือ???? ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ..... เพิ่งแปะอะไรไว้เพิ่ม ตาม link ข้างบนกลับ ไปดูใหม่ดิ จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 25 มิ.ย. 50 13:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 77 หนู Canossa   เรื่องราคาของนะ เราจะบอกให้อย่างนี้  ลิปสติคผู้หญิง ราคาผลิตออกจากโรงงาน เราว่าแท่งละไม่เกิน 10 บาท บวกค่าโฆษณาไปอีกแท่งละ 20 บาท  เป็นต้นทุน 30 บาท ขายแท่งละ 60 บาทก็กำไรเท่าตัวแล้ว แต่ปรากฎว่าขายไม่ออก เพราะผู้หญิงที่ใช้ลิปสติคแท่งละ 60 บาท ไม่มีความมั่นใจในตัว เป็นห่วงว่า แฟนเราเขาจะจูบเราไหมเนี่ย  ถ้าทาปากต้วยสิปสติคแท่งละ 60 บาท  แต่ถ้าขึ้นราคาขายเป็นแท่งละ 100 บาท อาจจะขายดีขึ้นมา  เพราะคนใช้จะมั่นใจว่าแฟนเราต้องจูบเรา คราวนี้ถ้าขึ้นราคาขายเป็นแท่งละ 200 บาทอาจจะขายดีเพิ่มขึ้นอีก คราวนี้เอาใหม่ ทำลิปสติค ซุเปอร์เดอลุกซ์ใช้วัตถุดิบชั้นเยี่ยม จ้างคนออกแบบทำหลอดสวย ๆ  กล่องสวย ๆ ต้นทุนแท่งละ 50 บาท จ้างนางแบบสวย ๆ มาโฆษณา เสียค่าโฆษณาอีกแท่งละ 150 บาท ตกลงต้นทุนแท่งละ 200 เสร็จแล้วขายแท่งละ 2000 บาท เราก็ว่าขายได้อีกนั่นแหละ เพราะคนรวยที่ไม่มีความเชื่อมั่นตัวเองมีอยู่แยะพอสมควร คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมโรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษสมัยนี้ค่าเรียนถึงได้แพง ถึงแพงเทาไหร่ก็ยังมีคนเรียน กลับไปเรื่องลิปสติคใหม่ ถ้าเพิ่มงบโฆษณาเป็นแท่งละ 500 บาท จะขายแท่งละ 5000 บาเราว่าก็ต้องมีคนซื้อ ลองไปดูโฆษณาลิปสติค....เอ๊ย...ไม่ไช่ ... โรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ ตามสถานีรถไฟฟ้า ตามหนังสือพิมพ์ซีแล้วจะรู้ ในพันทิปก็มีหน้าม้าเข้ามาโพสท์โฆษณาแอบแฝงอยู่บ่อย ๆ จากคุณ : nickycharles - [ 25 มิ.ย. 50 16:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ตัวอย่างไม่เวิร์คอ่ะปู่ เพราะไม่ได้ใช้ลิบกะติก หน้าหนาว วันไหนไม่ลืมทาลิบมันก็ดีเท่าไรแล้ว ตอนงานหนังสือปีก่อน มีการเปิดตัวหนังสือแปลเล่มนึง อยากซื้อเหมือนกัน แต่มีเฉพาะฉบับปกแข็งที่ออกมา เขา(ใครมะรู้) บอกว่าจะมีปกอ่อน รอแล้ว จนขี้เกียจรอ ก็ไม่เห็นฉบับปกอ่อนซะที ในงาน มีโฆษณาสอน ภาษาต่างประเทศ(ภาษาเดียวกับที่เขียนวรรณกรรมเล่มนั้น) ลองไปถามราคาดู พอรู้ราคา ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เดินออกมา นึกในใจว่าโชคดีที่เรียนสายวิทย์ แล้วภาษานั้นก็ไม่เป็นที่ ฮิตกันในคนที่เรียนสายวิทย์ โฆษณาโรงเรียนสอนภาษาที่ปู่ว่า เห็นราคาแล้วนึกอิดจ๋า คนญี่ปุ่น มีรายการสอนภาษาอังกฤษถึงบ้านแทบทุกวัน มีคนญี่ปุ่นอธิบายความเข้าใจในไวยากรณ์แบบละเอียดยิบ ยังไม่นับภาษาอื่น คนญี่ปุ่นที่อยู่ในรายการสอนภาษาฝรั่งเศส ของ NHK ปกติอธิบายภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาญี่ปุ่น (แต่ก็ฟัง ไม่รู้เรื่อง เพราะภาษาญี่ปุ่นของคนฟังอ่อนปวกเปียก) อย่าง คล่องแคล่ว แต่มีวันนึงเชิญแขกมาออกรายการ ท่านพูด ฝรั่งเศสด้วยสำเนียงไพเราะเพราะพริ้งจนไม่อยากจะเชื่อว่า เป็นคนญี่ปุ่น แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 50 18:27:10 จากคุณ : Canossa - [ 25 มิ.ย. 50 18:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 79 แหม เป็นสาวนักเรียนนอก พูดเรื่องลืปสติคบอกว่าฟังไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวจะไปเปิดกระทู้ใหม่ ว่าด้วยการเสริมสวยโดยฉะเพาะ งานหนังสือปีนั้นเราก็ไป ตั้งใจจะไปซื้อหนังสือเล่มนั้นด้วย เพราะก่อนหน้านี้มีคนมาชวนเราให้แปล เราก็ใจง่ายบ้าจี้ลงมือแปล แต่อย่าคิดว่าจะแปลจากภาษาสเปนนะ แค่ภาษาอังกฤษก็หอบลิ้นห้อย เพราะฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษก็มีหลายเวอร์ชั่น เคราะห์ดีผีช่วย ไปอ่านเจอว่าอาจารย์ที่รามแปลจากภาษาสเปนจวนจะเสร็จแล้ว เราก็เลยไม่ต้องแปลต่อ รู้สึกเราจะแปลไปได้สองบท   ดูความประณีตที่เขาพิมพ์ คุณภาพของกระดาษ และการเย็บเล่ม เราก็ว่าคุ้มค่าคุ้มราคาในงานเล่มละ 900 บาท ได้ข่าวว่าเขาทำปกหนังเป็นพิเศษทูนเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับกษัตริย์ Juan Carlos ของสเปนด้วย ตามปกติหนังสือปกอ่อนกระดาษคุณภาพรองลงไปเย็บเล่มติดกาวเพื่อขายราคาถูกนี่  เขาจะรอให้เล่มปกแข็งขายให้หมดเสียก่อน จากคุณ : nickycharles - [ วันสุนทรภู่ 16:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เราว่ามีอะไรผิดปกติบางอย่าง โปรดคลิกไปดูที่สิ้งค์นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4921728/K4921728.html#187 จากคุณ : nickycharles - [ วันสุนทรภู่ 19:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 82 test 1 จากคุณ : nickycharles - [ วันสุนทรภู่ 19:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ไม่เห็นมีไร ยังเข้าได้ตามปกติน่ะครับ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันสุนทรภู่ 19:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อกลางวันนี้นะพี่ nickycharles บางกระทู้มีปัญหาจริงๆ ตอนนี้ไม่รู้โดนมือดีลบไปหรือยัง เป็นกระทู้ที่เราปั่นเกือบตายด้วยดิ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาพิสูจน์เลยว่ามันยังไงกันแน่เนื่องจากระบบมีปัญหานิดหน่อย ******************************************************** อ้อจะมารายงานเรื่องประหลาดให้คุณ "สรวลอักษร" ฟัง คือว่า ที่คุณถามใน#71 ว่า "สรุปแล้วเขาจ้างคุณtansy หรือเปล่าคะ?" แล้วเราตอบไปใน#74 ว่า "คงไม่จ้างหรอกน่ะ นั่นก็เพราะว่าเราเข้าไปเขียนแบบคนเสียสติเล่นสนุกๆน่ะ แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่เขียนมันเป็น paradoxes ซึ่งถ้าคนอ่านแล้วตีความดีๆ ก็จะฉุกคิดอะไรดีๆขึ้นมาได้หลายๆอย่าง" ปรากฎว่าอีกหนึ่งวันครึ่งผ่านไป ถึงแม้จะไม่มีคนแจมในกระทู้ที่เราปั่นอยู่ตามที่ให้ link ไว้ใน #70 (แต่ตอนนี้จะเลิกปั่นแล้ว) มีคนอ่านกระทู้นั้นมากพอดู แล้วมีคนหลังไมค์มาติดต่อขอเรียนภาษาอังกฤษกับเราประมาณ 5 ราย แปลกแฮะ เหลือเชื่อจริงๆ...???!!!  มัวแต่ยุ่งๆก็ยังไม่ได้ตอบพวกเขาเลย กะว่าจะตอบพรุ่งนี้ พร้อมๆกันทีเดียวหมด เลยอีก 2-3 วันข้างหน้านี้นะ เราจะลองเขียนข้อความบนเว็บ (ทำเว็บเอง) แล้วระบุว่าเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษควรมีอะไรบ้าง ที่ทำให้พอเรียนแล้วผู้เรียนจะเรียนได้ด้วยตนเองหลังจากนั้นโดยตลอดโดยไม่พึ่งครู โดยจะเรียนเองได้ (ถ้าไม่มีเงิน หรือถ้าขยันออกแรงเอง) แต่ถ้าอยากทุ่นแรงประหยัดเวลา เราก็จะรับอาสาไปสอนให้   และเราจะอธิบายกระบวนการเรียนการสอนแบบเป็นรูปธรรมตามลำดับเหตุผล (โดยไม่กลัวใครเลียนแบบ เนื่องจากว่าถ้าไม่มีทักษะเฉพาะตัวแบบเราก็เลียนแบบไปสอนไม่ได้)   ถ้ามีคนสนใจเรียนภาษาอังกฤษกับเรามากกว่านี้นะ เราอาจกลับไปสอนภาษาอังกฤษเป็นอาชีพได้เหมือนเดิมและทำงานแปลให้น้อยลงหรือทำเฉพาะนานๆครั้ง คือแปลแต่หนังสือไม่แปลเอกสารมั่วไปหมด ที่เมื่อก่อนในอดึตเราขาย courses ภาษาอังกฤษได้ และมีพวกคุณหญิงคุณนายเรียนกันมากมาย (จนเรามีเงินไปตั้งโรงเรียนติวได้) นะ มันเป็นเพราะว่าเราแต่งตัวแบบ conservative มากๆ และมาดเหมือนพวกไฮโซที่เรียนสูงๆจากต่างประเทศ  ผู้คนเลยเลื่อมใส แต่ตอนนี้เราทำตัวติดดินสุดๆแล้วบอกว่าเราไม่ได้เรียนสูง (พูดตรงๆแทนที่จะบูลชิต) แต่บอกว่าเรามีประสบการณ์แบบนี้ใครอยากเรียนภาษาอังกฤษกับเรา เราก็ยินดีสอน ปฏิบัติการแนวนี้ นับได้ว่าเป็นเรื่องเสี่ยงมากๆ (เหมือนพระเจ้าตากสินทุบหม้อข้าวหม้อแกงทำลายเสบียงแล้วไปตายเอาดาบหน้า) แบบนี้ มันน่าตื่นเต้นดีมากๆ  อย่างมากถ้าไม่สำเร็จ คือถ้าไม่มีใครเรียนภาษาอังกฤษกับเรา เราก็จะแถมรับงานแปลไม่ได้อีกด้วย แล้วถ้าแม่ยกเราเลิกจ่ายเบี้ยเลี้ยง (ในกรณีที่เราตกงานจริงๆ) เราก็จะได้เปลี่ยนอาชีพไปเป็นดูดวงแบบจีน (Feng Shui) สมดั่งที่นั่งศึกษาศาสตร์นี้เตรียมไว้ อืมม์ มันเป็นเดิมพันชีวิตที่น่าเสี่ยงนะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 50 00:47:28 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 50 00:41:59 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 50 00:38:22 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 50 00:36:02 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 27 มิ.ย. 50 00:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เห็นแล้วค่ะ #187-188 หายไปค่ะ คอมเม้นท์ใครหว่า? จากคุณ : Guga - [ 27 มิ.ย. 50 09:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เอาละครับ ทราบคำตอบแล้ว Pantip.com ส่งอีเมล์มาชี้แจงแล้ว แต่จะเอามาโพสท์คงไม่ได้เพราะเขาเขียนห้ามไว้ดังนี้ <<<อีเมลล์ฉบับนี้ส่งมาจาก Pantip.com อีเมลล์ฉบับนี้ส่งให้เป็นการส่วนตัวเฉพาะแก่ผู้รับและให้ถือเป็นความลับ ข้อมูลและเอกสารใดๆ ที่แนบมากับอีเมลล์ฉบับนี้จัดส่งให้เพื่อผู้รับเท่านั้น ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏทั้งหมดเป็นข้อความที่มีลิขสิทธิ์ และเว้นแต่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในที่นี้ ห้ามมิให้นำไปทำซ้ำในรูปแบบใด คัดลอก ประกาศ เปิดเผย และ/หรือ เผยแพร่ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กระดานข่าว หรือเว็บไซท์ใดๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดอยู่เพียง http://www.pantip.com หรือใช้ในสื่อประเภทอื่นใด หรือนำไปตีพิมพ์หรือใช้ในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน หรือใช้อ้างอิงโดยฝ่ายใด หรือใช้อ้างถึงในเอกสารสาธารณะใดๆ หรือนำส่งต่อหน่วยงานของรัฐใดๆ โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือล่วงหน้าจากผู้ส่ง>>> สรุปแล้วก็คือ บังเอิญมีข้อความที่พันทิปตั้งเอาไว้สกรีนดักข้อความที่ส่งเข้ามาโพสท์ คงจะใช้ซอฟท์แวร์เป็นตัวสกรีน ข้อความที่ส่งเข้ามามีมากมาย คงจะใช้คนมาคอยอ่าน สกรีนไม่หวัดไม่ไหว แน่ ๆ เรื่องนี้ก็น่าเห็นใจเขา เพราะถ้ามีเรื่องมีราวเกิดขึ้น จับมือใครดมไม่ได้ พันทิปคงเป็นจำเลยที่หนึ่ง หรืออย่างเบาะ ๆ ถ้าหาตัวจำเลยที่ 1 ได้ พันทิป ก็เป็นจำเลยร่วม บัดนี้เขากู้กลับเอามาลงไว้ให้แล้วครับโดยไม่ได้แก้ไขประการใด ก็ต้องขอขอบคุณที่ take action ภายในเวลาอันรวดเร็ว จากคุณ : nickycharles - [ 27 มิ.ย. 50 10:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ความเห็นอันที่ 80 หายยยยยยยยยยย ยังไม่ทันได้อ่านเลย อดอ่านก่อนมีลิขสิทธิ์ ว้า... ไปอ่านที่คุณแท่นสีเขียนตอบ เรื่องป้าย ของคุณทิดฉ่ำ เพิ่มเติมภายหลัง http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5529280/K5529280.html ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าแถวท่าเรือข้ามฟาก ที่อยู่ติดกับท่าเรือด่วนที่ไปนนท์ มักเจอปัญหาว่านักท่องเที่ยวขึ้นผิดท่า ทางท่าเรือข้ามฟากเลยทำประกาศ อ่านแล้วก็แปลกๆ ดี คือต้องการบอกว่า กรุณาไปลงเรือ (แม๊ เกือบไปแล้ว ภาษาไทยต้องใช้คำว่าลงเรือ ไม่ใช่ขึ้นเรือ) ที่ท่าน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่ท่าน้ำนี้ เขาใช้คำว่า you need to go to .... (จำไม่ได ความคิดเห็นที่ 99 หลบหนีลี้ภัยจาก homework flood มาทำพิธีเรียกคุณปู่ทีดีตามคำขอของคุณปู่ จะได้ถึงร้อยความเห็นไวไวสมใจคุณปู่ มาทวงเรื่อง o-furo หรือโรงอาบน้ำค่า... คุณปู่ทีดีที่เคารพ มาไวไวนะคะ จะได้มาปั่นกระทู้ป่วนคุณปู่ต่ออีก :-) จากคุณ : Canossa - [ 10 ก.ค. 50 16:32:47 ] ความคิดเห็นที่ 100 กระทู้จะตกหน้าแล้ว มันจะหายไปมั้ยคะ จากคุณ : k - [ 10 ก.ค. 50 20:13:41 A:203.209.92.29 X: TicketID:061984 ] ความคิดเห็นที่ 101 ประกาศๆๆๆๆๆๆ ตามคนหายยยยยยยยย จับได้ ไม่มีรางวัล (แล้วประกาศทำไมน้อ -_-a ) ผู้ใดพบเห็นคุณปู่ทีดี หรือผู้ที่ใช้โลจิ้นเนมว่า nickycharles ช่วยจับส่งกระทู้นี้ด่วน!!!!!! เนื่องจากคุณปู่ทีดีบอกว่าจะมาเขียนเรื่องโรงอาบน้ำให้อ่าน แต่จนบัดนี้ยังไม่มีวี่แวว ไม่ทราบว่าถูกใครจับตัวไป หรือเบี้ยวไม่มาเขียนดื้อๆ ใครพบเห็นช่วยจับส่งกระทู้นี้ด้วยยยยยยย ขอบคุณมากๆ จากคุณ : Canossa - [ 19 ก.ค. 50 14:51:31 ] ความคิดเห็นที่ 102 ต่อวีซา จากคุณ : nickycharles - [ 6 ส.ค. 50 07:58:16 ] ความคิดเห็นที่ 103 ต่อวีซ่า จากคุณ : nickycharles - [ 18 ส.ค. 50 21:18:33 ] formVote=89--> หนู Canossa เราว่าจะปั่นกระทู้นี้ให้ขึ้นหลัก 100 ไล่ตามกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5493296/K5493296.html กระทู้ข้างบน เราให้การบ้านนักเรียนเอาไปอ่าน ปรากฎว่านักเรียนหายไปหมดเลยไม่รู้เรื่องอะไร เรื่องสอนภาษาอังกฤษที่ NHK เราเคยเจอมาครั้งหนึ่ง เราไปเที่ยวเวียนนากับลูกสาว เดินไปเดินมาจนเหนื่อยแล้วก็ไปแวะกินกาแฟที่ร้านกาแฟไกล้ ๆ โบสถ์ Stephansdom ไปพบญี่ปุ่นสองคน อายุประมาณ one san คนหนึ่ง กับ oba  san คนหนึ่ง ตอนแรกเรานึกว่าเป็นแม่ลูกกันแต่ว่าไม่ใช่ เขามาทัวร์แล้วพบกันก็เลยเที่ยวด้วยกัน คนที่เราบอกว่าเป็น one san พูดภาษาอังกฤษใช้ได้ทีเดียว เขาบอกว่าเรียนจากรายการทีวี   NHK อยู่ประมาณ หนึ่งปี เพราะสามีป่วยเป็นมะเร็งอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนเข้าเขาไปเฝ้าไข้สามีที่โรงพยาบาล ตอนบ่ายกลับบ้านมาทำงานบ้านแล้วเปิดรายการสอนภาษาอังกฤษไปด้วย ถ้าเรียนจากทีวีในหนึ่งปีแล้วพูดได้แค่นั้น เราก็คิดว่าการสอนเขาต้องดีมาก จากคุณ : nickycharles - [ 28 มิ.ย. 50 18:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 90 โห... จะให้เกินร้อยนึง มีไม่กี่เรื่องที่จะทำให้คนมาคุยกันได้ยาวขนาดนี้ เช่น เรื่องเอเอฟ (ไม่ได้ดูอ่ะ มีคนยึดรีโมตทีวี ฮือๆๆ) เรื่องละคร (โดน ยึดรีโมต จะดูอะไรได้มั่งอ่ะ) ไม่งั้นก็เรื่องกิน เช่น ซุปปลาเค็มที่คุณหมอแอ๊ด เคยเล่า เห็นแบบเรียนของคุณปู่ในกระทู้นั้นแล้ว ขอเผ่นไปตั้งหลักก่อนนะคับ แหะๆ ตอนอยู่ญี่ปุ่น สมัยที่ยังไม่มีคอมตัวเอง ใช้คอมแลบ set ให้อ่านไทยไม่ได้ เกิดอาการลงแดง เพราะภาษาอังกฤษที่เจอ วันๆ ก็มีแต่งานวิจัย เลยไปซื้อ หนังสือภาษาอังกฤษมาอ่าน แฮรี่ พอตเตอร์ อ่านได้ครึ่งเล่มก็วาง พอเจอ หนังสือใหม่ๆ ก็ซื้ออีก ทั้งๆ ที่ของเก่ายังอ่านไม่จบเลย ตอนกลับบ้านจะขน ของ แทบกุมขมับ ทั้ง paper ทั้งหนังสือ ไม่กินที่ แต่หนักมากๆๆ มีเล่มเดียวที่อ่านจบ คือ หนังสือที่ Richard Fyneman เขียน อ่านจบเพราะว่า ฮามากๆ ยิ่งตอนที่ไปเกณฑ์ทหาร แล้วต้องไปคุยกับจิตแพทย์ ผลคือไม่ผ่าน มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต ขำก๊ากเลย คุณปูทีดีที่เคารพ เปลี่ยนการบ้านมาอ่านเรื่อง Botchan หรือ Bushido ได้ป่าว คับ คือซื้อมาแล้ว อ่านได้หน้าแรกๆ แล้วขี้เกียจอ่าน เอาฉบับภาษาอังกฤษ นะคับ ตอนนี้อยู่กล่องไหนก็ไม่รู้ พ่อบ่นใหญ่เลยตอนเห็นสมบัติที่สะสม ไว้ตอนเรียน มีแต่หนังสือ บ่นๆๆๆๆ ทำไมไม่ซื้อกิโมโนมา (แพงตาย ตัวละ เป็นแสนเยน แถมนุ่งไม่เป็น จะเอามาทำไม ฮึ) ทำไมไม่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า มา (ซื้อมาไมอ่ะ ไฟคนละระบบ) เดี๋ยววันจันทร์ค่อยมาปะต่อ เสาร์-อาทิตย์ไปจำศีลก่อนนะคุณปู่ กลับมา จะถึงร้อยไม๊นี่ อิอิอิ จากคุณ : Canossa - [ 29 มิ.ย. 50 18:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จะมีใครเข้ามากระทู้นี้อีกมั้ยนะ ถ้ามีใครเข้ามาก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ไปเดินเล่นแถวร้านหนังสือ เห็นหนังสือแปลของ Nicholas Spark เอ ไม่รู้สะกดชื่อถูก หรือว่าจำนามสกุลถูกหรือเปล่า แบบว่าเห็นแวบๆ ผ่านๆ แต่มีอยู่เล่นนึง (หรือหลายเล่มไม่รู้) แปลโดยคุณจิรนันท์ พิตรปรีชา เลยอยากถามว่าเล่นไหนน่าอ่าน หมายถึงบทแปลโอเคน่ะค่ะ ถ้าอยากได้ต้นฉบับภาษาอังกฤษจะยังหาซื้อได้หรือเปล่า จากคุณ : สรวลอักษร - [ 3 ก.ค. 50 12:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เข้ามาเดินเล่น แต่ตอบคำถามไม่ได้จ้ะ สงสัยคุณปู่ทีดีมัวแต่ถือไม้เรียวไล่ให้เด็กนักเรียนทำการบ้านน่ะ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5493296/K5493296.html จากคุณ : Canossa - [ 3 ก.ค. 50 15:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 93 แหมดีใจ ลูกค้าเก่ามาเยี่ยม เคยซื้อมาเล่มหนึ่ง จากงานหนังสือครั้งก่อนนู้น  ตอนซื้อไม่ได้ดูเสียด้วยซ้ำไปว่าเรื่องอะไร ใครแต่ง แต่เห็นชื่อคนแปลคือ จิรนันท์ พิตรปรีชา ก็เลยซื้อเพราะชอบสำนวนโคลงกลอนและภาษาไทยของจิรนันท์  หนังสือที่ซื้อมาชื่อ A Walk To Remember เล่มนี้น่าอ่าน(เพราะอ่านอยู่เล่มเดียวเล่มอื่นบอกไม่ได้  แต่อาฆาตไว้ว่าจะไปหาเรื่องที่เอาไปทำเป็นหนังมาอ่าน) แต่เมื่อคิดว่าหนังสืออยู่ใน best sellers' list ของ New York Times และคนแปลก็ภาษาอังกฤษดี PhD จาก Cornell และใช้ภาษาไทยได้ดีมาก ๆ  เรื่องบทแปลก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว (Much more than OK, I can tell you.) หนังสือของ Nicholas Sparks ที่เอาไปทำเป็นหนังแล้ว ตัวเลขเป็นเงินข้างท้ายคือรายได้จากหนัง Message In A Bottle, over $118 million A Walk To Remember, over $47 million The Notebook, over $115 million เขาเขียนหนังสือประมาณปีละ หนึ่งเล่มเพราะฉะนั้นผลงานน่าจะประณีต ออกมาดี ไม่ใช่ผลิตงานแบบ น้ำขึ้นให้รีบตัก หนังสือของนักเขียนคนเดียวกันนี้ที่พิมพ์ออกไปแล้วและกำลังจะออก  เชื่อว่ายังคงมีขายทุกเล่ม List of Published Works The Notebook (October 1996) ISBN 0-446-52080-2 Message in a Bottle (April 1998) ISBN 0-446-52356-9 A Walk to Remember (October 1999) ISBN 0-446-52553-7 The Rescue (September 2000) ISBN 0-446-52550- A Bend in the Road (September 2001) ISBN 0-446-52778-5 Nights in Rodanthe (September 2002) ISBN 0-446-53133-2 The Guardian (April 2003) ISBN 0-446-52779-3 The Wedding (September 2003) ISBN 0-446-53245-2 Three Weeks with my Brother (April 2004) ISBN 0-446-53244-4 True Believer (April 2005) ISBN 0-446-53243-6 At First Sight (October 2005) ISBN 0-446-53242-8 Dear John (October 2006) ISBN 0-446-52805-6 The Choice (September 2007) argumentative composition  เอาไปอ่านเล่น http://papyr.com/hypertextbooks/comp2/critique.htm http://grammar.ccc.commnet.edu/grammar/composition/argument.htm จากคุณ : nickycharles - [ 3 ก.ค. 50 16:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณ คุณnickycharles มากค่ะ เคยได้ยินกิตติศัพท์สำนวนแปลของ คุณจิรนันท์มานานแล้ว แต่อยากได้ยินคำการันตี เพราะบางทีซื้อหนังสือแปลมาแล้วผิดหวังกำสำนวนแปล (หมายถึงคนอื่นนะ) เอาล่ะ จะได้หามาไว้บนชั้นหนังสือ อ้อ แล้วเลยถาม ก็ไม่เชิงถามเป็นการขอความคิดเห็นอีกเรื่องหนึ่ง คุณ nicky หรือใครก็ได้ที่เข้ามาในกระทู้นี้ เคยได้อ่าน นางมารสวมปราดา ฉบับแปลกันมั้ยคะ? คิดเห็นอย่างไรกับสำนวนแปล ดิฉันชอบนะคะ แต่มีบางอย่างมันติดขัด รู้สึกว่านางเอกของเรื่อง จะพูดจาวะ โว้ย และหยาบนิดๆ บางทีอ่านๆ อยู่มันสะดุดอารมณ์น่ะค่ะ ดูๆ ไปนางเอกจะเป็นนางมารแทน (ยังไม่อ่านไม่จบเล่นนะคะ อ่านไปได้ 4-5 บท) อยากรู้ว่าผู้อ่านคนอื่นคิดเห็นอย่างไรบ้าง จากคุณ : สรวลอักษร - [ 4 ก.ค. 50 13:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ตอบไม่ได้อ่ะ ยังไม่ได้อ่าน กะว่าจะไปหามาอ่านเหมือนกัน ตอนนี้อยู่แบบพอเพียงไปก่อน ตั้งกะกลับมาเมืองไทย ถลุงเงินไปมากมาย ปีแรกที่ไปเดินงานหนังสือ ซื้อซะสะใจ เพราะไม่ได้อยู่เมืองไทยนานมาก แต่พอปีที่สองเริ่มซื้อน้อยลง เพราะ textbook ท่วมห้อง ปีนี้งานหนังสือเลยไม่ได้ซื้อมาก แต่กลายเป็นว่าเงินหมดไปกับค่า textbook เพียบ ฮือๆๆๆ แถมเวลาจะอ่านยังแทบไม่มีเศร้าเจงๆ คุณปู่เข้ามาเดินเล่นอีกทีได้ไหมคับ มีการบ้านจะถาม มีบทความนึง หลังจากอ่านจนมั่วได้เกือบหมดแล้ว มาติดตรงประโยคสุดท้าย The origination of novel materials and new methods of manufacture requires us to take a fundamental approach to the art and science and a broad view of the field. คือ สงสัยตรงติ่งที่ห้อยออกมาว่า and a broad view of the field ไม่แน่ใจว่าที่ห้อยต่องแต่งออกมานั้น มันคือ 1) The origination of novel materials and new methods of manufacture requires us to take a fundamental approach to a broad view of the field. หรือ 2) The origination of novel materials and new methods of manufacture requires us to take a broad view of the field. หรือไม่ใช่เลยซักอย่าง /me เกาหัวแกรกแกรกด้วยความงุนงงง ปล. คุณปู่กรุณาอย่าถือไม้เรียวมานะคับ กัวววว... จากคุณ : Canossa - [ 4 ก.ค. 50 17:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 96 A. The origination of novel materials and new methods of manufacture requires us to take a fundamental approach to the art and science and a broad view of the field. มันมีสองประโยคซ้อนกันอยู่ B. The origination of novel materials and new methods of manufacture requires us to take a fundamental approach to the art and science. + C. The origination of novel materials and new methods of manufacture requires us to take a fundamental approach to  a broad view of the field. เรื่องนี้ไม่โป๊ อ่านไม่รู้เรื่องว่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 50 22:49:10 จากคุณ : nickycharles - [ 4 ก.ค. 50 18:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 97 หนู CANOSSA ประโยค A ที่เธอเอามาให้ชำแหละ กลายเป็น B กับ C สองประโยคนั้น อย่านึกว่าเป็นเรื่องตลกนะ เร่องจริงมี คือเรามีลูกสาวเป็นทนายความ มีอยู่ปีหนึ่ง ไกล้ ๆ คริสตมาส ลูกสาวเราไปเอาเอกสารจดทะเบียนสิทธิบัตรมาให้เราแปล เพราะคนแปลประจำที่ออฟฟิสเขา ลาคลอดหรือลาคริสตมาสอะไรเราจำไม่ได้แล้ว แล้วเขาต้องการใช้ด่วน หาใครแปลไม่ได้ เราก็ไม่อยากแปลเพราะฟ่อนมันใหญ่ แลัวยังเร่งอีก ผมสุดท้ายเราก็ต้องยอมรับแปลเพราะลูกสาวออดอ้อน ทั้งปลอบทั้งขู่ จูขซ้ายจูบขวาจนเราใจอ่อน พอลงมือแปลจริง ๆ กลายเป็นเรื่องหวานหมู เพราะใจความมันซ้ำกันเกินครึ่ง อย่างสมมุติแทนที่จะเขียนเป็นประโยค A ทนายความเมืองนอกเขาจะเขียนเป็นประโยค B กับ C หรือบางทีแยกเป็น D กับ E มาด้วย ทั้งนี้และทั้งนั้น เขาแก้ตัวว่าเขียนเพื่อให้รัดกุมเป็นภาษากฎหมาย แต่ที่จริงเราคิดว่า พวกทนายเมืองนอก เขาคิดค่าเขียนสัญญา หรือเอกสารทางกฎหมายเป็นหน้าหรือเป็นคำ แบบนักประพันธ์ เขาเลยเขียนให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีคำแก้ตัวว่าเขียนให้รัดกุมไม่ให้มีช่องโหว่ทางกฎหมาย บางทีหลาย ๆ พารากราฟข้อความซ้ำกันเกือบหมด ผิดกันไม่กี่คำ เราก็ copy ฟารากราฟก่อนหน้าลงมา แล้วแก้คำที่ต่างกันก็หมดเรื่อง ปรากฎว่างานนั้นง่ายมาก เสร็จทันก่อนกำหนด ที่เราเล่ามานี่เป็นเอกสารจดทะเบียนสิทธิบัตรนะ ถ้าไปเจอสัญญาประเภทประโยคยาว ๆ หน้า เอ4 มีประโยคเดียวนี่ก็มึนน่าดูเหมือนกัน แต่ก็ใช้เทคนิกเดียวกันคือชำแหละประโยคเดียวให้เป็นประโยคย่อย ๆ แต่มันจะมีปัญหาคือตอนประกอบกลับ ตอนที่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว จากคุณ : nickycharles - [ 5 ก.ค. 50 01:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบคุณคุณปู่มากๆ ค่ะ ทีแรกไม่แน่ใจว่าตัดแปะผิดรึเปล่า ตอนที่นั่งตัดแปะวันอาทิตย์ก็สงสัย กะว่าจะถามวันจันทร์ ปรากฏว่าไม่มีใครมาเลย พอเห็นคุณปู่มาตอบคุณสรวลอักษร ก็เลยเอามาถาม คุณปู่คับ ประโยคที่เอามาถาม ไม่มีตรงไหนที่ใส่เสื้อผ้าเลยนา... ทำไมจะไม่โป๊  ;-)   ใครเค้าใส่เสื้อผ้าให้ไอ้เจ้า "novel materials and new methods of manufacture" กันเนี่ย.. เรื่องที่คุณปู่บอกว่าทนายเขาชอบเขียนยาวๆ ไม่ใช่เพราะว่า เขาอยากได้ค่าเขียนแพงขึ้นหรอกค่ะ เขาอยากได้ที่แพงกว่านั้น เพราะเรื่องของสิทธิบัตร คำแค่คำเดียว ก็หาเรื่องฟ้องได้แล้ว หรือไม่ก็ คำแค่คำเดียว ก็หาเรื่องเถียงข้างๆ คูๆ ว่า ไม่เมื๊อน ไม่เหมือน อย่ามาหาว่าลอกนะ อะไรแบบนี้ เลยต้องเขียนล็อกคอ เอาไว้ให้แน่นๆ เคยมีรุ่นน้องคนนึงไปรับ job มีคนเอาภาษาอังกฤษ แบบนี้แล้วมาหั่นเป็นหน้าๆ ให้แปล น้องเขารับที่เขาแกะหน้ามาแล้ว ก็เล่าให้ฟังว่าต้องแปลกันคำต่อคำเลย จะเขียนรวบให้สละสลวย คนที่รับงานมาแบ่ง (รับกันเป็นทอดๆๆ) ก็บอกว่าไม่ต้อง จงแปล คำต่อคำ เพราะคนต้นงานสั่งมาแบบนั้น ตอนนั้นก็นั่งขำกันสองคน หลายปีต่อมาถึงได้รู้ว่า เขาเล่นกันดุเดือด แกะออกมาเป็นคำ จากสิทธิบัตรสู้กันเลย (หยดหยองจริงๆ) จากคุณ : Canossa - [ 5 ก.ค. 50 11:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 99 หลบหนีลี้ภัยจาก homework flood มาทำพิธีเรียกคุณปู่ทีดีตามคำขอของคุณปู่ จะได้ถึงร้อยความเห็นไวไวสมใจคุณปู่ มาทวงเรื่อง o-furo หรือโรงอาบน้ำค่า... คุณปู่ทีดีที่เคารพ มาไวไวนะคะ จะได้มาปั่นกระทู้ป่วนคุณปู่ต่ออีก :-) จากคุณ : Canossa - [ 10 ก.ค. 50 16:32:47 ]