ความคิดเห็นที่ 1 ยังมีประเด็นอื่นๆอีกนะ ลองอ่านข่าวนี้ดู ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000065738 โอเปกขู่ราคาน้ำมัน'ทะลุหลังคา'ถ้าโลกหันไปใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ไฟแนนเชียลไทมส์ - องค์การโอเปกกล่าวเตือนประเทศตะวันตกเมื่อวันอังคาร(5)ว่า ความพยายามที่จะพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ(biofuels) เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกซึ่งสามารถแก้ปัญหาโลกร้อนได้นั้น คือการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งพรวด "ทะลุหลังคา"       อับดัลลา เอลบาดรี เลขาธิการองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) กล่าวว่า โอเปกกำลังพิจารณาที่จะตัดลดการลงทุนใหม่ๆ เพื่อการผลิตน้ำมัน เป็นการตอบโต้กับความเคลื่อนไหวของทางโลกพัฒนาแล้วที่จะใช้เชื้อเพลิงชีวภาพให้มากขึ้น       คำเตือนของโอเปกซึ่งเป็นผู้ควบคุมการผลิตน้ำมันราว 40% ของทั่วโลกนี้ บังเกิดขึ้นขณะที่กลุ่ม 8 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก(จี8) กำลังประชุมระดับผู้นำสุดยอดกันตั้งแต่วานนี้(6) โดยมีเรื่องการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเป็นวาระสำคัญที่สุด ทั้งสหรัฐฯและยุโรปต่างต้องการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ มาต่อสู้กับภาวะโลกร้อน แถมยังเห็นกันว่าจะเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยด้านพลังงานได้ด้วย       ทางโอเปกได้เคยแสดงความระแวงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องพลังงานทางเลือกมาก่อนแล้ว ทว่าคำพูดของเอลบาดรีถือเป็นการข่มขู่อย่างชัดเจนหนแรก ว่าทางองค์การของเขาอาจลงมือกระทำการเพื่อป้องกันผลประโยชน์ของตนเอง ในการเผชิญหน้ากับการปรับเปลี่ยนหันไปสู่เชื้อเพลิงชีวภาพ       "พวกเขารู้สึกวิตกกันจริงๆ" จูเลียน ลี แห่งศูนย์กลางเพื่อการศึกษาพลังงานโลก ในกรุงลอนดอนให้ความเห็น "โอเปกจะยังคงลงทุนต่อไป ทว่าเมื่อมีเชื้อเพลิงชีวภาพโผล่ให้เห็นอยู่ที่ขอบฟ้า พวกเขาก็อาจจะไม่ลงทุนจนกระทั่งเพียงพอก็ได้"       "มันเป็นสถานการณ์ยากลำบากสำหรับโอเปกนะ ด้านหนึ่งพวกเขาถูกขอร้องให้ผลิตเพิ่ม แต่ในอีกด้านหนึ่งวอชิงตันกับบรัสเซลส์กำลังบอกกับกลุ่มผูกขาดนี้ว่า 'เรากำลังวางเดิมพันข้างเชื้อเพลิงชีวภาพนะ และเราไม่ต้องการพึ่งพาแต่กับพวกคุณ(โอเปก)หรอก'"       ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ได้ให้สัญญาที่จะตัดลดการใช้น้ำมันปิโตรเลียมของสหรัฐฯลง 20% ภายใน 10 ปีข้างหน้า ด้วยการปรับปรุงให้ยวดยานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ทั้งนี้ในปี 2005 โลกผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร อาทิ ข้าวโพด และน้ำตาล เท่ากับเพียงแค่ 1% ของเชื้อเพลิงเพื่อการขนส่งตามท้องถนนทั้งหมด       เอลบาดรีเตือนว่า การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอาจปรากฏผลออกมาในระยะกลางว่า ไม่ใช่เรื่องที่มีความยั่งยืน เนื่องจากมันต้องแข่งขันกับการนำสินค้าการเกษตรเหล่านี้ไปใช้เป็นอาหาร การที่เชื้อเพลิงชีวภาพเฟื่องฟู เป็นเหตุผลประการหนึ่งซึ่งทำให้ราคาขายปลีกอาหารในเวลานี้โลดทะยาน ขนาดทำท่าจะพุ่งแรงสุดในรอบ 30 ปีทีเดียว       เลขาธิการโอเปกบอกว่า สถานการณ์เช่นนี้หมายความว่า ยุทธศาสตร์เชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งทั้งบุชและพวกผู้นำยุโรปต่างซูฮกยกย่องนั้น อาจจะส่งผลลบด้านกลับอย่างรุนแรง โดยทำให้ "คุณไม่ได้ทั้งน้ำมันปิโตรเลียมซึ่งจะทยอยเพิ่มขึ้นมาได้(โดยการลงทุนใหม่ๆ) แล้วคุณก็ยังไม่ได้เอทานอล(เชื้อเพลิงชีวภาพ)ด้วย" ในกรณีอย่างนี้ เขาเตือนว่า ราคาน้ำมันจะกระโจนพรวด "ทะลุหลังคา"       เอลบาดรีกล่าวว่า เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เหล่าสมาชิกโอเปกยังคงทำตามแผนการลงทุนของพวกตน แต่เขาเตือนว่า "ถ้าเราไม่สามารถที่จะเห็นความมั่นคงในเรื่องอุปสงค์ ... เราก็อาจจะทบทวนการลงทุนในระยะยาว"       ทั้งนี้โอเปกวางแผนจะลงทุนประมาณ 130,000 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลาจนถึงปี 2012 เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำมันของตน ทั้งนี้โดยที่ยังไม่นำเอาผลผลิตของอิรักมาคำนวณ ทางองค์การคาดหมายว่าเมื่อถึงปี2010 ศักยภาพการผลิตของพวกตนจะเท่ากับสูบน้ำมันดิบขึ้นมาได้ 39.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน(บีพีดี) สูงขึ้นจาก 35.7 ล้านบีพีดีในปัจจุบัน นอกจากนั้นจากปี 2013 ถึง 2020 โอเปกยังวางแผนจะลงทุนอีก 500,000 ล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานทางการผลิต ทว่าเรื่องนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับทิศทางแนวโน้มของเชื้อเพลิงชีวภาพ เอลบาดรีบอก จากคุณ : เชษฐา - [ 11 มิ.ย. 50 11:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนอันนี้อาจจะเกี่ยวกันลึกๆ ... ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000066276 ชาวชิคาโกกู่ร้อง “กอร์” ลงชิงเก้าอี้ ปธน.สหรัฐฯ ชิคาโกทรีบูน - กลายเป็นเรื่องน่าสนใจมากกว่าการเปิดตัวหนังสือ เมื่อ อัล กอร์ ได้รับการต้อนรับอย่างกึกก้องจากชาวชิคาโก ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้เขาลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2008             “เข้าแข่งขัน กอร์ เข้าแข่งขัน” เสียงตะโกนจากกองเชียร์ ซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจเขาอย่างล้นหลามนับตั้งแต่เดินทางมาถึงในช่วงเช้า ก่อนจะมีการจัดกิจกรรมเปิดตัวหนังสือในช่วงบ่าย             อัล กอร์ ถูกร้องขอให้ลงลุ้นเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในทุกๆที่ที่เขาเดินทางไป อย่างไรก็ตาม หลังจากปราศรัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นภาวะโลกร้อน เขากล่าวว่า “ผมไม่มีแผนที่จะลงชิงตำแหน่งอีกครั้ง”             กอร์ กล่าวถึงภาวะโลกร้อนว่า “นักวิทยาศาสตร์เตือนเรามานานกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และมันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราคาดเสียอีก”             ภายในงาน กอร์ เปิดตัวหนังสือสองเล่ม คือ “The Assault on Reason” และ “An Inconvenient Truth.” โดยขณะที่แจกลายเซ็นให้กับแฟนๆ มีบางส่วนร้องขอให้เขาลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตอีกรอบ             อย่างไรก็ตาม กอร์ ย้ำว่า “ผมไม่มีแผนนั้น แต่ก็ขอขอบคุณสำหรับคำร้องขอ” ส่งผลให้กองเชียร์ของเขาบางส่วนที่สวมเสื้อยืดและติดสติกเกอร์เรียกร้องให้ กอร์ ลงชิงตำแหน่งผู้นำประเทศต้องผิดหวังอีกครั้ง จากคุณ : เชษฐา - [ 11 มิ.ย. 50 11:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การประชุม G8 ที่ผ่านมา, ปัญหาก๊าซเรือนกระจกเปรียบเสมือนพบกันครึ่งทาง คือประธานาธิบดี จอร์จ บุช กับประเทศกลุ่ม G8 อื่นๆ ที่น่าสังเกตคือ การประชุมครั้งนี้บรรลุเพียงขั้นตอนของการ จะดำเนินการให้มีการตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างขนานใหญ่ แต่ในขั้นของ การพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับเป้าหมายที่จะให้ลดการปล่อยลงให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2050 นั้น ยังคงดูท่าทางว่าจะไม่พบทางออกที่ง่ายดายนัก ทั้งนี้จากคำแถลงของประธานาธิบดี บุช ที่ว่า เขาจะไม่ยอมรับให้มีการกำหนดเป้าหมายการตัดลดก๊าซเรือนกระจก ในลักษณะบังคับให้ต้องกระทำตาม ถ้าหากยังไม่มีการนำเอาพวกชาติกำลังพัฒนาอย่างเช่น จีน และอินเดีย มาร่วมมือเรื่องนี้ด้วยนั้น เปรียบเสมือนเป็นช่องทางที่จะไม่ให้สหรัฐอเมริกาถูกผูกมัดในคำแถลงในการประชุมครั้งนี้  เพราะสหรัฐฯ เอง เป็นต้นตอของปัญหาเรือนกระจกรายใหญ่เช่นกัน การยอมรับข้อตกลงดังกล่าวจะกระทบกระเทือนถึงโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐเองที่ยังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอน๊อกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาก๊าซเรือนกระจก เรื่องนี้รัฐบาลสหรัฐเองจะดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ก็ไม่ได้ เพราะผู้ประกอบการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่คือฐานเสียงของพรรครีพับลิกกัน  แต่การจะปฏิเสธเรื่องนี้เสียทีเดียวก็จะกระทบกับกระแสการเรียกร้องให้ลดภาวะโลกร้อน ซึ่งมีแกนนำคือ อดีตรองประธานาธิบดี อัล กอร์ อีกทางคือ หลีกเลี่ยงการที่จะมีปัญหากับชาติสมาชิก G8 อื่นๆ ที่กำลังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ในส่วนของเสียงเรียกร้องให้รองประธานาธิบดี อัล กอร์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนั้น น่าจะเป็นเพราะทางพรรคเดโมแครตเอง ยังไม่มีตัวเลือกที่เป็นที่ยอมรับอย่างเด็ดขาด แม้ว่าฮิลลารี่ คลินตัน จะได้รับความนิยม แต่ก็น่าจะยังไม่เด็ดขาด ซึ่งคงต้องติดตามดูกันต่อไป ส่วนเรื่องปัญหาราคาปิโตรเลียมนั้น ในมุมของผู้ใช้น้ำมันได้ประัโยชน์สองทางคือ การลดภาวะเรือนกระจก และเป็นทางเลือกใหม่ที่จะทำให้ราคาเชื้อเพลิงลดลงได้ ซึ่งอุตสาหกรรมต่างๆ ในโลกขณะนี้ล้วนใช้เชื้อเพลิงที่ได้จากปิโตรเลียมเป็นหลัก หากสามารถมีเชื้อเพลิงบางส่วนที่มาจากชีวภาพมาทดแทน ความต้องการใช้ปิโตรเลียมก็จะลดลง ซึ่งจะกระทบกับประเทศผู้ผลิตปิโตรเลียมโดยตรง ปัญหาระยะยาวที่ประเทศกลุ่ม OPEC กำลังเผชิญในอนาคตคือ การหมดไปของปิโตรเลียมที่ตนมีอยู่ ซึ่งหากปิโตรเลียมหมดลง แระเทศเหล่านี้จะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจทันที เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ประเทศเหล่านี้ไม่มีทรัพยากรอย่างอื่น นอกจากปิโตรเลียมเท่านั้น การที่พยายามจะนำเงินที่ได้จากการขายปิโตรเลียมไปลงทุนในประเทศอื่น ก็ยังมิอาจวางใจได้ว่า การลงทุนนั้นๆ จะปลอดภัย เพราะหากมีปัญหาระหว่างประเทศเกิดขึ้นมาอาจถูกอายัดทรัพย์สินได้ อย่างกรณีของประเทศอิสลามที่ลงทุนในสหรัฐฯ หนทางเดียวที่ OPEC เห็นอยู่เวลานี้คือ การสะสมเงินให้มากที่สุดเพื่อเตรียมรองรับกับอนาคตที่ปิโตรเลียมที่ตนมีอยู่กำลังจะหมดไป จากคุณ : hummel - [ 11 มิ.ย. 50 13:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 .... เพื่อแสดงว่าโลกนี้มัน...ร้ อ น... ขึ้นจริงๆ .... คุณปูติน ท่านก็เลยถอดเสื้อนอกนั่งประชุมซะเลย ..คุณพี่เอื้อย.. ของเราท่านฉลาดล้ำเสมอ ด้วยความฉลาดของท่าน..วง แอนตี้อเมริกา.. จึงขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ.............น่าเสียดาย.. จากคุณ : Benedetta. - [ 11 มิ.ย. 50 14:28:39 A:151.30.134.101 X: TicketID:108206 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมคิดว่าถึงแม้จะตกลงกันเป็นมั่นเหมาะ มันขึ้นอยู่กับกระบวนการตรวสอบในภายหลังด้วยว่าแท้ที่จริงประเทศสมาชิกจะกระทำตามสัญญาอย่างเต็มที่หรือตามที่กำหนดหรือไม่เพราะต้องอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือการสังเกตการณ์ในระดับกว้างเหมือนกัน (และสุดท้ายก็ต้องผ่านสื่อที่สามารถถูกบิดเบือนได้ง่ายด้วย) ดีไม่ดีประชาชนตาดำ ๆ จะถูกแหกตาเอา เพราะประเทศสมาชิกในจีแปด (หรือประเทศไหน ๆ )ก็ต้องเอาใจนายทุนในประเทศของตัวเองไม่ต่างอะไรจากสหรัฐฯ  ที่สำคัญคือความไม่ไว้ใจกันว่าถ้าหากตัวเองยอมลดและอุตสาหกรรมในประเทศขาดกำไร แต่อีกประเทศที่ไม่ยอดลดรวยเอาๆ ก็จะเสียเปรียบ   อย่างเช่นจีนและอินเดียซึ่งกำลังโตวันโตคืนก็ปฏิเสธไม่ยอมลดการปล่อยก๊าซเหมือนกันเพราะกลัวจะไปกระทบกับการเจริญเติบโตของตัวเองและเห็นว่าปัญญาโลกร้อนมันเกิดจากประเทศพัฒนาในจีแปดนั่นแหละเป็นตัวก่อแล้วจะมาบังคับตัวเองทำไม   เรื่องมันยุ่งเหยิงมาก พูดได้คำเดียว่าสงสารลูกหลานในอนาคตของเรายิ่งนัก จากคุณ : Johann sebastian Bach - [ 11 มิ.ย. 50 16:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ู^ ^ เห็นด้วยครับ แต่ละประเทศยังให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประเทศตนมากกว่า ผลประโยชน์ร่วม และตัวมาตรการตรวจสอบเอง ก็ไม่ได้มีความจูงใจให้เข้าร่วมเลย ในความเห็นของผม ถ้าไม่มีการจัดตั้งองค์กรที่เป็นกิจลักษณะขึ้นมาทำหน้าที่กำกับดูแล มันก็จะยังวนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมๆนั่นแหล่ะ (แต่พอจัดตั้งมาแล้วก็ยังน่าห่วง ว่าจะง้างกับพวกประเทศมหาอำนาจได้แค่ไหน ทุกวันนี้องค์กรระหว่างประเทศหลายๆองค์กรก็เป็นแค่เสือกระดาษ) เห็นแล้วเหนื่อยใจ -*- จากคุณ : เซียงหยาง (xiangyang) - [ 11 มิ.ย. 50 20:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับผม คิดว่านี่เป็นเพียงสัญญาเลื่อนลอยครับ เหมือนกับที่เคยตกลงกันว่าจะยกเลิกหนี้สินให้ประเทศที่ยากจนนั้นแล ทำไม่ได้แน่นอน แค่ขายฝัน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 11 มิ.ย. 50 22:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ช่วยไม่ได้ครับ และไม่มีวันเป็นไปได้เลย ตราบใดที่ทุกวันนี้โลกเรายังใช้น้ำมันเป็นพลังงานหลัก นอกจากจะเลิกใช้น้ำมัน และสรรหาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่สะอาด และไม่มีมลพิษตกค้างเหมือนน้ำมัน นั่นแหละถึงจะทำให้โลกค่อยๆกลับเข้าสู่สภาวะสมดุล และถึงแม้จะมีใครคิดค้นเทคโนโลยีนั้นมาได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วท่านผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายจะยอมให้เลิกใช้มั้ยครับ ปล.แค่ลด green house gas สิบกว่าเปอร์เซนต์นี่มันไม่ได้ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงอะไรเลยครับ ต้องอย่างน้อยห้าสิบเปอร์เซนต์ถึงจะพอช่วยได้ แล้วอเมริกาจะยอมเร้อ จากคุณ : ขอให้โลกจงสงบสุขแบบตลอดรอดฝั่ (Finnegan 'Finn' Bell) - [ 15 มิ.ย. 50 02:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพียงแค่ประเทศไทยเรา จะพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ก็คัดง้านกันแล้ว ไม่ต้องดูอื่นดูไกล พวกโง่ (NGO) นั่นแหละตัวดี บวกกับชาวบ้านโง่ ๆ จำนวนหนึ่ง รวมถึงนักวิชาการรับจ้าง จากคุณ : ชาญ (Pete Chakky) - [ 15 มิ.ย. 50 12:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Conferences never end with conclusion and contract. จากคุณ : Fah Lan - [ 18 มิ.ย. 50 18:09:05 A:172.19.48.55 X:129.78.220.7 TicketID:091427 ]