ความคิดเห็นที่ 1 I am very interested the minority groups in Myanmar and Indo-China....If whoever can update it, please post it here Thanks จากคุณ : xes (Nitty.M) - [ วันสุนทรภู่ 01:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความจริงต้องเรียกว่า "ไทยใหญ่" นะครับ ตอยไตแลงตอนนี้ก็ขาดแคลนหลายอย่างครับ ชาวบ้านกับกองทัพค่อนข้างลำบาก......เรื่องมันไม่มีวันจบแน่นอน ถ้าพม่ายังทำอย่างนี้อยู่ จากคุณ : Skyman (Analayo) - [ วันสุนทรภู่ 08:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาตามคำเรียกร้องครับ แต่ช้าไปหน่อย จะตอบตั้งแต่เมื่อคืน ก็ทำไม่ได้ เพราะอุปกรณ์สำคัญในการเชื่อมต่อเนต คือ EDGE/GPRS ทั้ง AIS และ  DTAC ไม่ขยับเขยื้อนเลย  ลองอยู่หลายครั้งก็ส่งข้อความไม่ได้ เรื่องไทใหญ่  ถ้าจะเอาละเอียด ทุกด้าน  ก็เขียนได้เป็นเล่มโต ๆ เลย สำหรับ ข้อมูลพื้นฐาน เช่น ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ขอให้ไปดูใน เวปไซต์ภาษาไทย ของไทใหญ่  จะประหยัดเวลาและพื้นที่ กว่า   เช่น http://www.sarmluangfa.com http://www.taigov.org/index_thai.php ผมจะตอบเฉพาะบางเรื่องที่ยังขาดอยู่  เช่น ประชากร - พม่าไม่มีการสำรวจสำมะโนประชากรมานานแล้ว จึงไม่แน่ว่าจะมีเท่าไร  การบันทึกข้อมูลยังใช้เอกสารเป็นหลัก  ออนไลน์มีเฉพาะในเมืองใหญ่  พม่า บอกว่า รัฐฉาน มีประชากร ๔.๗ ล้านคน  (เวปไซต์ไทใหญ่ ว่า มี ๘-๑๐ ล้านคน)  ประชากรส่วนใหญ่เป็นไทใหญ่ (รวมไทเขิน ไทลื้อ และไทเผ่าอื่น)  นอกจากนี้ยังมี ชาวพม่า ตะนุ ต่องสู้ อิ่งตา ทางตะวันตก    จีน ลีซอ กะฉิ่น อยู่ทางเหนือ  กะยา ปะหล่อง ปะโอ ลีซอ มูเซอ อาข่า อยู่ทางใต้   ว้า อยู่ทางตะวันออกติดชายแดนจีน การปกครองปัจจุบัน   เมืองเอก ของรัฐฉาน อยูที่ เมือง ตองยี  ก่อนหน้านี้ พม่าแบ่งรัฐฉาน ออกเป็น   ๕๔ อำเภอ (ทญ. -เจเวง, พม่า - มะโยะแหน่)     ประมาณ ๑๐ ปีมานี้  จึงเอา ๕๔ อำเภอมาจัดเป็น  ๑๑ จังหวัด (ทญ.- เจต้อน, พม่า- ขะไหย่) กับอีก ๗ เขตพิเศษ  ของกลุ่มผู้หยุดยิง ที่สำคัญ คือ เขตพิเศษที่ ๒ บริเวณเมืองยอน ซึ่งเปลียนชื่อใหม่เป็น หยงปัง  อยู่ในเขต อ.เมืองโต๋น  จ.เมืองสาต  ใกล้ชายแดน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่   ให้ ว้า ที่ย้ายมาจากชายแดนจีน  เพื่อมาช่วยพม่ารบกับไทใหญ่  ปกครองตนเอง เขตพิเศษที่ ๔ บริเวณเมืองม้า และเมืองลา  ซึ่งอยู่ในเขต จ.เชียงตุง ติดชายแดน ด้านสิบสองปันนา ของจีน   ให้  ว้าปกครองตนเอง (ทำบ่อน) พื้นที่ทางทหาร แบ่งเป็น ๓ บก.ใหญ่  มีอำนาจบังคับบัญชาฝ่ายพลเรือนในพื้นที่ด้วย ( กระทรวงมหาดไทย ไม่เกี่ยว ทำหน้าที่ธุรการกำลังพล เท่านั้น) - บก.ภาค ตอ./น.  อยู่ที่ จ.ล่าเสี้ยว - บก.ภาค ตอ.  อยู่ที่ จ.ตองยี - บก.ภาคสามเหลี่ยม  อยู่ที่ จ.เชียงตุง [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ วันสุนทรภู่ 10:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบครับ ผมโพสต์ คห.๔ เข้ามา (มีรูปด้วย) ระบบบอกได้รับข้อความแล้ว ให้คลิกดู แต่คลิกดูแล้ว ก็ไม่มีอะไร เลยโพสต์ซ้ำ เป็น คห.๕ (มีรูป) เข้ามาอีก ก็ไม่พบข้อความ เหมือนเดิม เลยโพสต์แบบไม่มีรูป  ปรากฏว่ามีข้อความเป็น คห.๖ ฉะนั้น จะตอบแบบไม่มีรูปไปก่อนครับ |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||| เชียงตุง เป็นเพียงดินแดน ๑ ใน ๓๓ ที่มีเจ้าฟ้าปกครอง แต่มีพื้นที่ใหญ่กว่าของเจ้าฟ้าอื่น ๆ     ทางตะวันตกถึงแม่น้ำสาละวิน   ทางใต้ลงมาถึงท่าขี้เหล็ก หรือ แม่น้ำสาย   ทางตะวันออกถึงแม่น้ำโขง  และสิบสองปันนา ของจีน   เหนือเขตเชียงตุงขึ้นไป เป็นดินแดนของว้า เชียงตุง เป็นที่รู้จักดีของไทย  เพราะเกี่ยวข้องกับล้านนา มานาน   และไปถึงง่ายกว่าเมืองไทใหญ่อื่น ๆ   ระหว่าง พ.ศ.๒๔๘๕-๒๔๘๘  ไทยเคยเข้าไปปกครองเรียกว่า “สหรัฐไทยใหญ่” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “สหรัฐไทยเดิม” ก่อนพม่าได้เอกราช   เจ้าฟ้าไทใหญ่ ส่วนน้อย อยากมารวมกับไทย แต่ส่วนใหญ่ ไม่อยากมารวมกับไทย  เพราะยังอยากมีอำนาจ กลัวจะถูกลดชั้นเป็นคนสามัญ แบบเจ้าผู้ครองนครล้านนา และพม่าสัญญาว่า จะให้มีเจ้าฟ้าต่อไป จึงต้องทำตามเสียงส่วนใหญ่ ยอมรวมกับพม่า ชั่วคราวเป็นเวลา ๑๐ ปี  ต่อจากนั้นจะแยกเป็นอิสระก็ได้ แม้นายพลอองซาน ถูกลอบสังหาร (๑๙ ก.ค.๒๔๙๑)   เจ้าฟ้าเหล่านี้ก็ยังไม่สำนึกถึงอันตราย   พอครบ ๑๐ ปี พม่าไม่ยอมให้แยกตัว เจ้าฟ้าเริ่มต่อต้าน เกิดขบวนการ “หนุ่มศึกหาญ” (๒๑ พ.ค.๒๕๐๑)   รัฐบาล “อูนุ” ขอยืดเวลาต่ออีก ๕ ปี แต่ส่งสัญญาณให้ นายพลเนวิน ผบ.ทบ.ปฏิวัติ   และล้มล้างระบบเจ้าฟ้า หมดสิ้นไปตั้งแต่  ๒ มีนาคม ๒๕๐๕   บัดนี้ เจ้าฟ้า ที่ลุ่มหลงในยศถาบรรดาศักดิ์ และเชื่อคำสัญญาพม่า รวมทั้งเชื้อสาย  ถ้าไม่ถูกฆ่าตาย   ก็ต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ   พวกที่ยังเหลืออยู่ และเป็นที่เคารพนับถือของคนไทใหญ่   พม่าก็พยายามหาทางกำจัด  หรือหาเรื่องลงโทษขังคุก ระยะยาว  เช่น ขุนทุนอู เป็นต้น สำหรับแผนที่ไทใหญ่  อย่างละเอียด ขอให้เข้าไปโหลดที่  หน้าแรกด้านล่าง ของ http://www.zorpia.com/group/shan_people_group เป็นขนาด ๑๐๐๐ x ๑๐๐๐ พิกเซล   ๑๔๙ กิโลไบต์ จะโหลดมาตอนนี้  กลัวจะไม่เห็นข้อความอีก จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ วันสุนทรภู่ 12:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แปลว่าไทยใหญ่นี่เขาเป็นสหพันธรัฐ สามสิบสามเมือง แล้วที่ผ่านมามีเมืองไหนเป็นเมืองเอกเหมือนเชียงใหม่บ้างหรือเปล่าครับ พม่าเรียกไทยใหญ่ว่าฉานมาตลอดหรือ จากคุณ : เชษฐา - [ วันสุนทรภู่ 14:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบ คห.๘ พม่าปกครองไทใหญ่ ก็กำหนดให้มี เจ้าฟ้า ๓๓ องค์ ขึ้นกับพม่าโดยตรง พออังกฤษเข้ามาปกครองดินแดนฉาน ก็ยังรับว่ามีเจ้าฟ้าไทใหญ่ ๓๓ องค์ เรียกชื่อพื้นที่นี้ว่า Federated Shan States เมื่อปี ๒๔๖๕ รัฐ/สหพันธรัฐ เป็นการเรียกของอังกฤษ  ตามแบบการปกครองของอังกฤษ คนไทใหญ่ตอนนั้น ยังไม่รู้เรื่องรัฐ เรื่องประเทศ ตามตะวันตก รู้แต่ว่าเป็น เมืองนั้น เมืองนี้ เท่านั้นเอง อังกฤษเป็นคนมาบอกไทใหญ่ว่า ยู เป็น Shan นะ  พื้นที่ที่ ยู  ปกครองเรียกว่า State จึงเกิดเป็น Shan State ขึ้นมา เมื่ออังกฤษเข้ามาปกครองนี่เอง เมืองเอก จริง ๆ ก็คงเป็น เมืองมาวหลวง  ทางตอนเหนือ สมัยหลังไม่มีแล้ว  ถือว่ามีศักดิ์ศรีเท่ากันหมด เมืองมาวหลวง อยู่ที่ไหนแน่ ก็ยังหาไม่พบ ซากเมืองก็ถูกทำลายไปตามกาลเวลา นักโบราณคดีพม่า ก็ไม่สนใจ  โบราณคดีของชนเผ่าอื่น นักโบราณคดีไทใหญ่ก็หายาก จะพึ่งต่างชาติเข้าไปสำรวจก็ไม่ได้  พม่าไม่ยอมให้คนต่างชาติเข้าพื้นที่นั้น พม่าเรียกไทใหญ่ว่า "ชาน" ภาษาพม่าโบราณ ใช้ อักษร "ห ควบ ส + ย + า+ ม" ภาษาพม่าปัจจุบัน ใช้ อักษร "ห ควบ ร +  ม" ทั้ง  " ห ควบ ส + ย"  และ  "ห ควบ ร "   ออกเสียง  "ช" ตัว "ม" สะกด  พม่าออกเสียง เป็น "น" ทั้งโบราณ และปัจจุบัน  ออกเสียงตรงกันว่า  "ชาน" มีสระ "อา" หรือไม่มี  ความยาวเสียงในภาษาพม่า ไม่ต่างกัน (ไม่กล้าทำ รูป  กลัวโพสต์ข้อความไม่ขึ้นอีก) แต่ ไทใหญ่ เรียกต้วเองว่า "ไต"  ไม่เคยเรียกต้วเอง ว่า "ชาน" ข้อสังเกต ถ้าใช้ "น" สะกด  ก็ออกเสียง "ชาน" เหมือนกัน แต่พม่ากลับใช้ "ม" สะกด  แสดงว่าต้องการรักษารูปศัทพ์เดิมไว้ จิตร ภูมิศักดิ์ วิเคราะห์ว่า  ชาน - สยาม - อาหม - อัสสัม   ก็คือคำ ๆ เดียวกัน หรือมาจากที่เดียวกัน จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ วันสุนทรภู่ 15:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อความต่อไปนี้ เคยโพสต์มาเป็น คห.๔ แต่ไม่ปรากฏข้อความ และได้โพสต์ใหม่เป็น คห.๕, ๖ และ ๙ แต่ปรากฏข้อความเดี๋ยวเดียวก็หายไป ??? เลยขอโพสต์ใหม่อีกที เดิมอาจจะยาวไป ขอแบ่งเป็น ๒ ตอน เป็นข้อความต่อจาก คห.๓ |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||| เมืองหลวงโบราณ ไทใหญ่สมัยโบราณ  แยกกันปกครอง ตั้งตัวเป็นผู้ปกครอง เรียกว่า “เจ้าฟ้า” ใครมีดินแดน มีพลเมือง มีอำนาจ มีคนยกย่อง ก็ตั้งตัวเองเป็นเจ้าฟ้า ได้ รบกันเองก็มี  เป็นมิตรกันก็มี   อยู่ได้นานบ้าง  ถูกเมืองอื่นชิงเอาพลเมืองหรือดินแดนไปบ้าง ล่มสลายไปเองบ้าง สมัยเจ้าเสือข่านฟ้า (พ.ศ.๑๘๕๔-๑๘๙๙) สามารถรวบรวมอาณาจักรไทใหญ่ได้เป็นปึกแผ่น  ตั้งเมืองหลวง  เรียกว่า เมืองมาวหลวง (อยู่ในเขต จ.น้ำคำ ใกล้ชายแดนจีนในปัจจุบัน)   บริเวณลุ่มแม่น้ำมาว พม่าเรียก แม่น้ำฉ่วยหลี่       ปัจจุบัน  คนไทใหญ่ในบริเวณนี้  จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไทมาว ต่อมาสมัยหลัง ๆ ถึงยุคล่มสลาย  ดินแดนส่วนเหนือแม่น้ำมาว ตกเป็นของจีน   (ปัจจุบัน คือ ไทใต้คง หรือ เต๋อหง ในภาษาจีน)   เจ้าฟ้าไทใหญ่อื่น ๆ ที่เคยขึ้นกับเมืองมาวหลวง  ก็แยกตัวเป็นอิสระ   ปรากฏตามหลักฐานว่า มี ๙ เมืองใหญ่  (พม่าเรียกว่า  โกชานปะหยี่  หรือเมืองไทใหญ่ทั้งเก้า  บางแห่งก็ลากเข้าความเป็นภาษาบาลีว่า  โกสัมพี) แต่ละเมืองก็ยังมีเมืองบริวาร อีกมาก  และเจ้าฟ้าที่ไม่ได้ขึ้นกับ ๙ เมืองใหญ่นี้ ก็ยังมี ฉะนั้น เจ้าฟ้าเมืองคัง เมืองรุม ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ไทย   ก็อาจเป็นเพียงเจ้าฟ้าอิสระ ที่ปกครองเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ วันสุนทรภู่ 18:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ได้ความรู้ดีจังเลยครับ พอดีไปเจองานปีใหม่ไทยใหญ่ในยูทูปน่ะครับ ลองกดเข้าไปดู http://www.youtube.com/watch?v=iZfPtMPZkhw http://www.youtube.com/watch?v=2n3gqLolhak http://www.youtube.com/watch?v=ZQfgNN-Fjdc หรือเข้าไปในยูทูปแล้ว เสิร์ชจากชื่อ havsanglaruk เห็นโหลดงานปีใหม่ไทยใหญ่ไว้เยอะ  แล้วมีลิงค์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับไทยใหญ่เห็นบางอันเห็นแล้วหดหู่ใจครับ จากคุณ : Louisson - [ 27 มิ.ย. 50 00:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อความที่ 12 ของคุณนายช่างปลูกเรือนคงมีบางคำที่มีปัญหาสำหรับระบบพันทิพ ถ้าอย่างไรหลังไมค์มาให้ผมจะตรวจสอบแล้วโพสต์ให้ครับ จากคุณ : เชษฐา - [ 27 มิ.ย. 50 01:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ข้อความต่อจาก คห.๑๑  อ่านแล้วค่อยกลับไปอ่าน คห.๗ จึงจะต่อกัน ผมตรวจดูข้อความแล้ว ไม่น่าจะมีข้อความต้องห้าม หรือว่า ระบบพันทิพ จะไม่ยอมให้ โพสต์หลาย คห.ติดต่อกัน เพราะผมโพสต์ คห.๑๒ ต่อมา  ก็ไม่ขึ้นข้อความ  แต่ ตัวเลข คห.เพิ่มขึ้น |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||| อนึ่ง ดินแดนนอกรัฐฉาน ที่มีคนไทใหญ่อยู่ เช่น มัณฑะเลย์ตอนเหนือ รัฐกะฉิ่นตอนใต้  รัฐสะไก ตอนเหนือ  ก็มีการปกครองแบบเจ้าฟ้า เหมือนกัน แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่มีหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันแล้ว  จึงไม่มีข้อมูลเป็นรูปธรรมไว้อ้างอิง เมื่อพระเจ้าบุเรงนอง ตีอังวะได้ (ตอนนั้นไทใหญ่ปกครอง)  ก็รุกคืบหน้าเข้าตีดินแดนฉานได้ทั้งหมด ไปจนถึง เชียงตุง ล้านนา  หลวงพระบาง  เวียงจันทน์ หลังพระเจ้าบุเรงนอง  พม่าอ่อนแอ ไทใหญ่เป็นอิสระอยู่พักหนึ่ง ก็ถูกพระเจ้าอลองพญา ตีได้อีก คราวนี้ พม่า ใช้วิธีแบ่งแยกแล้วปกครอง กำหนดให้มี ๓๓ เจ้าฟ้า   มีฐานะเท่าเทียมกัน  ขึ้นกับพม่าโดยตรง   เมืองสำคัญก็ต้องส่งตัวประกันไปอยู่ในราชสำนักพม่า   ไปรับการศึกษาและวัฒนธรรมแบบพม่า เหมือนเดิม เจ้าฟ้าไทใหญ่จึงมักแก่งแย่งชิงดีกัน เพื่อหาความดีความชอบจากพม่า ไทใหญ่ ยุคหลังเจ้าเสือข่านฟ้า  จึงไม่มีเจ้าฟ้าที่สามารถตั้งตนเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว และรวมเอาเมืองอื่น ๆ มาเป็นเมืองบริวาร  เหมือน ไทย หรือ พม่า     จึงไม่มี เมืองหลวง   มีแต่เมืองของเจ้าฟ้า ต่าง ๆ   สมัยอังกฤษเข้ามาปกครอง (พ.ศ.๒๔๓๐) ก็ยังยอมให้มีเจ้าฟ้าอยู่ทั้ง ๓๓ เมือง ภายใต้การดูแลของอังกฤษ อังกฤษเห็นพม่าเรียกไทใหญ่ ว่า "ชาน" และไทใหญ่มี เจ้าฟ้าหลายองค์ปกครองเป็นพื้นที่ จึงใช้คำเรียกแต่ละพื้นที่ว่า  state ตามศัพท์รัฐศาสตร์ คำว่า  Shan State จึงเกิดขึ้นเมื่ออังกฤษเข้ามาปกครองนี่เอง |||||||||||||||||||||||||||||||||| เกี่ยวกับ สถานการณ์ที่ดอยไตแลง ขอให้ไปอ่านเรื่อง "เราจะกู้ชาติด้วยวัฒนธรรม" ของ คุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว ในหนังสือ สารคดีรายเดือน ฉบับที่ ๒๖๗ (พฤษภาคม ๒๕๕๐) http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Section&op=viewarticle&artid=734 จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ 27 มิ.ย. 50 09:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากๆครับ ^__^ จากคุณ : เชษฐา - [ 28 มิ.ย. 50 00:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อีกนิดนะครับ เจ้าเสือข่านฟ้าทรงพระปรีชามากสามารถตีไปยึดเมืองหลายเมืองในยูนนานได้ เป็นไม่เบื่อไม้เมากะราชวงศ์หมิงทีเดียว นักประวัติศาสตร์จีนเชื่อว่า สามก๊กในส่วนของเบ้งเฮ๊กว่าเป็นพวกม่าน จริงๆ แล้วก้อน่าจะเป็นเจ้าเสือข่านฟ้านั้นเอง เพราะเบ้งเฮีกตัวจริงในสมัยฮั่นนั้นน่าจะเป็นชาวจีนที่อพยพไปตั้งหลักแหล่งในยูนนาน หรือทางตอนใต้ของเสฉวนมากกว่า และบรรดาเมืองต่างๆ ในบริเวณตอนใต้ของจีนในสมัยฮั่นนั้น ยังไม่น่าจะมีเทคโนโลยีหรือวัฒนธรรมสูงพอรบกับจีนได้ (ฮั่นคือสมัยกว่า 2000 ปีมาแล้ว แต่ช่วงราชวงศ์หยวนปลายหรือหมิงต้นนั้นราว 800 กว่าปีที่ผ่านมาเอง) จากคุณ : เอย์คุง (Aeykun) - [ 2 ก.ค. 50 21:04:06 ]