ความคิดเห็นที่ 1 มาจองที่นั่งก่อนเลยครับ จากคุณ : หมาเห่าดาวเทียม - [ 7 ก.ค. 50 23:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เวลาเรียนชอบนั่งหน้า(ถ้าอาจารย์สาวและสวย) แต่อย่างอาจารย์สื่อ ขอไปแอบนั่งคุยหรือคอยกวนฟุต อาจารย์อยู่ข้างหลังดีกว่าครับ ฮิฮิ จากคุณ : saravuht - [ 8 ก.ค. 50 00:40:13 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาปูเสื่อรอครับ จากคุณ : หมาป่าดำ (หมาป่าดำ) - [ 8 ก.ค. 50 09:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มักจะคอยอ่านอย่างเดียวครับ อ่านมาตั้งแต่กระทู้หลักสิบเลย.... แต่ไม่เคยโพสต์อะไรเพราะนึกว่าจะเลิกไปตั้งแต่ตอนครบร้อยแล้ว แต่ที่ไหนได้...วันนี้กระทู้ที่105แล้วอ่ะ..... วันนี้เลยขออนุญาตมาปูเสื่อนั่งรอบ้างครับ ให้กำลังใจครับ.... จากคุณ : ดัขนีย์อรหันต์ (ดัชนีอรหันต์) - [ 8 ก.ค. 50 11:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มารอด้วยคนครับ จากคุณ : ckman (ckman) - [ 8 ก.ค. 50 20:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบคุณ Ronachai (amscmu) ผมก็อดีตลูกช้างคับ แต่ห้ามถามว่ากี่ปี จากคุณ : กริชครับผม - [ 8 ก.ค. 50 23:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ลูกช้างเยอะกันจริง ๆ เดี๋ยวก็อู้กำเมืองเสียเลยนิ เรื่องประชาธิปไตยแบบชิงสุกก่อนห่ามนี่ ไม่จริงหรอกครับ  เพราะเอาเข้าจริง คุณจะเอาอะไรมาวัดว่าประชาชนพร้อมแล้ว  ถ้าจะเอาเรื่องเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อปกป้องประชาธิปไตยก็ 14 ตุลา กับพฤษภาทมิฬนั่นไง แล้วประชาธิปไตยมันก้าวหน้าขึ้นไหมละ เรื่องการเมืองในไทยตอนนี้ก้ไม่มีอะไรน่าคุยหรอกครับ เพราะยิ่งดูยิ่งอุบาทว์เข้าไปทุกที ว่าจะหนีไปดูพรีเมียร์ชิพแทน ที่ไหนได้ ยิ่งชิพ lost หนักขึ้นไปอีก เอาเรื่องเสรีไทยปนลาวยังงี้แล้วกัน อย่านึกว่าจะโยงกันไม่ถึงนะครับ  เดี๋ยวตอนสุดท้าย เสรีไทยจะเว้าลาวครับผม เพราะตอนที่เขาแบ่งกันนั้น  ประเทศไทยขึ้นอยู่กับอังกฤษและจีนครับ  ทำให้สหรัฐฯหงุดหงิดน่าดูเหมือนกัน เพราะอยากจะเข้ามาเทคโอเวอร์ธุรกิจในไทยแทนอังกฤษเหลือกำลัง แต่เมื่อแบ่งเค้กกันแล้วก็ไม่ว่ากัน สหรัฐฯเลยข้ามไปลงที่ลาวแทน จุดเริ่มต้นของขบวนการประเทดลาวก็ได้อาวุธมาจากสหรัฐฯผ่านเสรีไทยสายอีกสาน โดยมีท้าวอุ่น ตีนเย็น นี่แหละเป็นคนประสานให้ ท้าวอุ่นนี่จริง ๆ แกนามสกุล ชนะนิกร นะ  แต่จอมพล ป.แกตั้งนามสกุลให้ใหม่เป็นตีนเย็น แกก็ชอบ เลยเอาไปใช้ซะเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ก.ค. 50 00:58:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยสงครามเวียดนาม ลาว สหรัฐฯก็มีเทคโนโลยรดาวเทียมแล้วนะครับ   เรดาห์รามสูรที่อุดรธานีนั่นไง  สามารถกำหนดพิดัก และจับเส้นทางการบิน ของทั้งฝ่ายสหรัฐฯและศัตรูได้ตลอดเวลา ในสงครามลาวเอง ถ้าเทียบยุทธโธปกรณ์แล้ว ก็เหนือกว่าหลายขุม เพราะมีอากาศยานที่สนับสนุนการแอร์สไตรก์ได้ตลอดเวลา ขณะที่เวียดนามมีเพียงรถถังเท่านั้น ขนาดนั้นยังแพ้เลย กลับมาเสรีไทยครับ หลังการยอมให้ญี่ปุ่นผ่านทัพแล้ว เสรีไทยในสหรัฐฯก็ถือกำเนิดขึ้น โดยม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช  เอกอัครราชทูตไทยในสหรัฐฯได้เรียกประชุมข้าราชการสถานทูตไทยในสหรัฐฯซึ่งตอนนั้นมีอยู่ 5 คน โดยแจ้งสถานการณ์ให้ทราบ แประเมินกันว่าญี่ปุ่นคงจะชนะในช่วงแรก แต่คงไม่สามารถยืนได้ตลอดสงคราม สถานทูตไทยจึงตกลงกันว่าจะไม่กลับประเทศ และแจ้งต่อกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯว่าสถานทูตไทยจะปฎิบัตืตามคำวั่งของรัฐบาลไทยที่ไม่ใช่การสั่งการดดยการครอบงำของญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งก็หมายถึงไม่ฟังทุกคำสั่งนั่นแหละ เพราะตราบใดที่ญี่ปุ่นยึดไทยอยู่ รัฐบาลไทยก็ต้องเอออวยอยู่แล้ว วันที่ 12 ธันวาคม ทางสหรัฐฯอนุญาตให้หม่อมเสนีย์ปราศรัยทางวิทยุคลื่นสั้นโดยมีเนื้อหาว่าให้ชาวไทยทุกคนไม่ว่าที่ใดให้ต่อสู้เพื่อเอกราชของชาวไทยทั้งปวง สถานทูตไทยพัฒนาไปอีกขั้น หลังจากที่ไทยกับญี่ปุ่นประกาศสงครามร่วมกันกับสหรัฐฯและอังกฤษเมื่อวันที่ 25 มกราคม ซึ่งทางสถานทูตไทยได้ประกาศว่าไม่ขอยอมรับคำประกาศนี้ เพราะถือว่าเป็นการประกาศของรัฐบาลที่ตกอยู่ในอำนาจของญี่ปุ่น การประกาศนี้ ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯยอมรับ ทำให้สหรัฐฯไม่ถือว่าประเทศไทยประกาศสงครามด้วย แต่ถือว่าเป็นประเทศภายใต้การยึดครองของศัตรู การก่อกำเนิดของเสรีไทยในสหรัฐฯดูเหมือนง่าย แต่จริง ๆ แล้วซ่อนปมเงื่อนทางการเมืองไว้ไม่น้อยกว่าที่อื่นเหมือนกัน ค่อย ๆ ว่ากันไปครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ก.ค. 50 01:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอต้อนรับสมาชิกทั้งใหม่และเก่าอีกครั้งค่ะ   แฟนๆอาจารย์สื่อยังคงเหนียวแน่นเหมือนเดิมนะคะ จากรุ่นสู่รุ่นเลยละค่ะ คุณหมาป่าดำ...เคยเห็นตั้งกระทู้น่าสนใจในห้องนี้บ่อยเหมือนกัน  ได้เข้าไปอ่านบ่อยๆค่ะ  แต่ไม่มีความรู้พอที่จะตอบได้  จึงเป็นได้แค่เสือซุ่มเท่านั้นเอง คุณหมาเห่าดาวเทียม...ว่างๆ ลองมาแชร์ประสบการณ์ในลาวให้เพื่อนในกระทู้นี้ได้ฟังหน่อยสิคะ มีคนสนใจเยอะค่ะ โดยเฉพาะหัวหน้าทีม   ที่เขียนเรื่องกบฏนานๆ  หัวใจชักจะเริ่มเป็นกบฏซะแล้วหรือเปล่าก็ไม่รุ๊ เพราระยะนี้เริ่มฝักไฝ่ (สาว) ลาว  อีกแล้ว จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 9 ก.ค. 50 21:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กะลังเขียนอยู่เพลินๆ  ไฟกระตุกดับพรึบ  ตกใจหมดเลย นึกว่าใครเล่นของ ทักทายเพื่อนๆต่อดีกว่า คุณดัชนีย์อรหันต์  ...ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยค่ะ   จะรุนแรงเท่าฝ่ามืออรหันต์หรือเปล่าคะ อาจารย์สื่อยังไม่เลิกง่ายๆหรอกค่ะ เพราะเรื่องที่ท่านอยากจะเล่ายังไม่หมดกรุค่ะ ถ้าอยากให้ท่านอยู่นานๆ  สมาชิกช่วยกันหาเรื่องมาชวนคุยนอกเรื่องบ่อยๆสิคะ ท่านเป็นคนใจง่ายค่ะ  สกิดนิดเดียว  ออกนอกประเด็นไปซะไกล  จนบางทีหาทางกลับไม่ถูกก็เคยมี คุณ ckman  ชื่อนี้ก็ใหม่ค่ะ   รักแล้วรอหน่อยนะคะ คุณสุรวุธ...  เริ่มคุ้นเคยแล้วค่ะ  ได้ยินมาว่า  ทางการคูเวต  จะออกวีซ่าให้ผู้หญิง  ถ้าเธอคนนั้นเป็นคนไม่สวย และแก่ จริงเท็จแค่ไหนคะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 9 ก.ค. 50 21:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 รีบส่งก่อน เดี๋ยวไฟดับ คุณกริชก็ขาประจำเก่าแก่ค่ะ เห็นเป็นรายชื่อแรกๆเลยนะคะ  ที่ปรากฏในกะทู้นี้   สบายดีนะค่ะ ส่วนท่านอาจารย์ที่ขณะนี้คงกลายเป็นพ่อช้างหรือช้างพลายไปแล้วก็ไม่รู้  ก็นานๆมาที  งานประจำคงหนักหนาน่าดู ช่วงนี้ นักศึกษาใกล้สอบแล้วใช่ไหมคะ ปิดเทอมแล้ว  อาจารย์คงมีเวลาเข้าเจ๊าะแจ๊ะกับพวกเรามาขึ้นนะคะ ท่านสำคัญที่ลืมไม่ได้คือคุณหมอ ฮาฮายี  หายไปนานแล้วค่ะ   สมาชิกเป็นห่วงแล้วนะคะ น้องริวซอนที่น่ารักของข้าพเจ้า  ช่วงน้องคงซูบไปเยอะสินะ  หักโหมงานน่าดู จะเก็บเงินไวแต่งเมียเหรอ? ยังมีอีกหลายท่านมากค่ะ  เอ่ยชื่อไม่หมด   ขออภัยที่ไม่ได้กล่าวถึง  เพราะรู้สึกว่าคอมที่บ้านเริ่มมีปัญหาแล้วค่ะ  เปิดนานๆ  แล้วไฟกระตุก  ดับพรึบไปสามสี่ครั้งแล้ว เห็นทีต้องหยุดพักเครื่องแล้วละคะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 9 ก.ค. 50 21:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อาจารย์สื่อขา อย่าลืมนามแฝงม่วนๆเน้อ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 9 ก.ค. 50 21:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นามแฝงนี้เดี๋ยวนี้ชักขี้เกียจตั้งครับ เมื่อก่อนมันก็สนุกดีหรอก แต่พอบ่อย ๆ เข้าเริ่มขี้เกียจหาแล้ว เอาไว้ขยันเมื่อไรค่อยว่ากันแล้วกันนะครับ เรื่องเสรีไทยสายอเมริกา อย่างที่ทราบว่าเกิดขึ้นจากการที่เอกอัครราชทูตไทย ม.ร.ว. เสนีย์  ปราโมช  เกิดการประกาศกบฎต่อรัฐบาลไทบภายใต้การครอบงำของญี่ปุ่น (ตอนนั้น รัฐบาลประกาศให้คนไทยที่อยู่นอกประเทศ โดยเฉพาะประเทศศัตรูให้กลับไทยในโครงการแลกเปลี่ยนเชลย  หากไม่กลับจะถูกเพิกถอนสัญชาติ และประกาศให้เป็นศัตรูของประเทศ  ซึ่งตอนนั้นนักเรียนไทยในอังกฤษและอเมริกา หลายคนเลือกที่จะกลับประเทศไทย โดยเฉพาะทูตไทยในอังกฤษที่รีบกลับก่อนใคร  ขณะที่สหรัฐฯกลับประกาศไม่ยอมรับฟังคำสั่งขอรัฐบาล) ในสหรัฐฯนั้น หลังจากที่นักเรียนไทยจำนวน 18 คนที่ตกลงใจของกลับประเทศเดินทางออกจากสหรัฐฯแล้ว และทางการได้จัดตั้งสำนักบริการทางยุทธศาสตร หรือ Office of Strategie Service : OSS ซึ่งเป็นต้นแบบของซีไอเอในปัจจุบัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานของเสรีไทยสายอเมริกาจึงได้เริ่มขึ้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ก.ค. 50 23:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เดือนพ.ค.ปี 2485 สถานทูตไทยในสหรัฐฯได้เรียกประชุมนักเรียนไทยที่ตัดสินใจไม่กลับประเทศ มาเข้าร่วมประชุมร่วมกันพร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานทูต ซึ่งนับได้ประมาณ 30 กว่าคน  โดยตัดประชุมกันขึ้นที่ชั้นสองของอาคารสถานทูตไทย ข้อประชุมในวันนั้นคือ 1. การตกลงใจของทูตไทยที่จะช่วยเหลือสหรัฐฯทำสงครามกับญี่ปุ่น โดยนักเรียนไทยจะทำหน้าที่เป็นแนวที่ 5 หรือลายลับ สังกัดสำนักโอเอสเอส โดยทางสถานทตจะสันบสนุนในเรื่องของเงินหรือทรัพยากรต่าง ๆ เท่าที่จะทำได้ เพราะตอนที่หม่อมเสนีย์ประกาศแยกตัวกับรัฐบาลไทย ได้ขอให้ทางการสหรัฐฯปล่อยเงินของรัฐบาลไทยที่กักเอาไว้ให้สถานทูตได้ใช้จ่ายเพื่อกูเเอกราชของไทย โดยแย่งเป็นเงินสดประมาณ 2 ล้านเหรียญ และทองคำสำรองประมาณ 9 ล้านเหรียญ 2. หม่อมเสนีย์ประกาศให้สถานทูตไทยคือตัวแทนของประเทศไทยในการดำเนินการประสานงานใด ๆ กับรับบาลสหรัฐฯในภารกิจต่อต้านญี่ปุ่นครั้งนี้ ประเด็นที่ 2 นี้ได้รับการคัดค้านจากนักเรียนไทยที่เข้าร่วมประชุมมาก เพราะหม่อมเสนีย์ใช้คำว่า "รบให้สถานทูต" ซึ่งนักเรียนไทยเห็นว่า สถานทูตเป็นนามธรรม ส่วนรูปธรรมของสถานทูตก็คือหม่อมเสนีย์นั่นแหละ ดังนั้นจะให้คนไทยรบเพื่อหม่อมเสนีย์ คงเป็นไปไม่ได้ ประเด็นในเรื่องนี้ นายจก ณ ระนองนักศีกษาปริญญาโทด้านกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด  ได้โต้แย้ง และเสนอแนะความเห็นว่า แทนที่จะทำการในนามสถานทูต หรือ รบให้สถานทูต พวกเราควรก่อตั้งขบวนการกู้เอกราชขอไทยในสหรัฐฯขึ้นมาแทน เพื่อทำหน้าที่เพื่อประเทศไทย เรื่องนี้หม่อมเสนีย์ไม่เห็นด้วยสักเท่าไร และติงว่า หากตั้งเป็นขบวนการ ทางการสหรัฐฯจะไม่ให้การรับรองเหมือนกับทำในนามของสถานทูต เพราะเกรงว่าจะมีการตังขบวนการสารพัดไม่หยุดหย่อน และยากที่จะพิสูจน์ว่าอันไหนของจริง อันไหนของปลอม แต่เรื่องนี้นักเรียนไทยที่เข้าร่วมประชุมเห็นด้วยกับนายจก ณ ระนอง  จึงยืนยันให้จัดตั้งในรูปของขบวนการ มิฉนั้นก็จะไม่ขอเอาชีวิตเข้าเสี่ยงร่วมเป็นร่วมตายด้วย นายจก จึงเสนอชื่อขบวนการนี้ว่า Free Thai หรือ เสรีไทย ดดยเลียนแบบฝรั่งเศสเสรีที่ประกาศตั้งขึ้นในลอนดอน เพื่อต่อต้านรัฐบาลวิชี่ที่ตั้งโดยนาซี และกู้เอกราชของฝรั่งเศสกลับคืนมาให้ได้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ก.ค. 50 23:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณกาสะลองนี่มาทีมาเป็นชุดเหมือนกันนะครับ เรื่องคูเวตเนี่ย ประเทศนี้มีอะไรที่เป็นเรื่องเล่าขานกันมากมายครับ ออกเป็นซีรี่ส์ได้ไม่แพ้กบฎฯเหมือนกันล่ะ แต่หลักการคิดง่ายๆก็คือ ทิ้งตรรกกะทุกอย่างที่เรามีที่เมืองไทยให้หมด คือเอามาคิดกับคนและประเทศนี้ไม่ได้เลยครับ เอาเรื่องขอวีซ่าเข้าประเทศนี้ก็ได้ ถ้าใครนึกอยากมาเที่ยวคูเวตแล้วคิดว่าจะไปขอวีซ่าท่องเที่ยวที่สถานทูตเขา แล้วเขาจะออกวีซ่าให้ง่ายๆนั้น ขอบอกว่าเสียเวลาเปล่าๆครับ เอาเวลานั้นไปแอ่วสาวยังมีลุ้นกว่า ประเทศนี้เขารวยครับ ดังนั้นเขาจึงไม่ง้อนักท่องเที่ยวในทุกกรณีครับ ใครอยากมาเหรอ เฮอะ ไม่ให้มา แล้วจะทำไม ก็ชั้นรวย เค้ามีคำคำนึงที่คนต่างชาติที่นี่ทุกคนจำได้ขึ้นใจ I am Kuwaiti ,no there for you here. นั่นคือคนคูเวตจะพูดคำๆนี้ขึ้นมา เวลาที่เขาจะแซงหรือเขาจะแทรกอะไรเรา เช่นเรากำลังต่อแถวซื้อของ หรือจ่ายเงินตามแคชเชียร์ เขาก็จะเข้ามาเลยครับ แทรกมาเลย แล้วถ้าเราทำท่ามีปัญหา ฮึดฮัด เขาก็จะพูดคำๆนี้ออกมา ถ้าเป็นบ้านเราก็คือ มีเรื่องไปแล้วใช่มั้ยครับ พูดจาสุนัขแบบนี้ ต้องโดนสักตุ้บสองตุ้บแล้ว แต่สำหรับที่นี่ แค่เงื้องหมัดหรือผลักอก คุณก็ได้นอนในคุกแล้วครับ แถมตำรวจที่นี่ไม่พูดภาษาอังกฤษอีกตะหาก ทำไรไม่ได้ครับแบบนี้ แล้วถ้ามันลงมือกับเราก่อน ถ้าเราตอบโต้มัน เราก็ผิดนะครับ ผิดเพราะมันเป็นคูเวตครับ เราคนต่างชาติ แล้วไม่ต้องห่วงนะครับ หัวดำหัวทอง สำหรับที่นี่ทุกคนโดนเหมือนกันหมด ยกเว้นคุณเป็นอเมริกัน กับ อิงลิช นั่นล่ะครับ คุณถึงจะอยู่ในสังคมนี้ได้เท่าเทียมกับเขา กลับมาเรื่องขอวีซ่าต่อ คือประเทศนี้ไม่ให้คนเข้าประเทศเขาง่ายๆครับ ดังนั้นถ้าคุณจะมาที่นี่ ถ้าไม่ได้มาทำงาน ต้องระบุว่า ใครจะเป็นคนรับรองคุณ เงินเดือนเขาเท่าไหร่ ถ้าเงินเดือนเขาน้อยกว่า 350kd. ( 1 kd = 120 thb ) ก็ไม่ได้ ใช้รับรองไม่ได้ อย่างที่สอง ต้องบอกว่ามาทำอะไรแล้วรับรองในฐานะอะไร ญาติยังลำบากเลยครับ ถ้าไม่ใช่ลูกกับเมียเนี่ย เข้ามายากมากๆ ส่วนคนไทย พวกรุ่นพี่ๆเราทำเสียไว้เยอะครับ ผู้ชายก็ค้ายา ผู้หญิงก็ค้าของเก่าที่ติดตัวมา แล้วก็คนไทยเราเนี่ย ทำเสียที่นี่ไว้เยอะครับ ประเทศเขาห้ามกินเหล้า เราก็แอบหามากินกันได้ เขาห้ามนำหมูเข้าก็ยังอุตส่าหาหมูมากินกันจนได้อีก โทษใครไม่ได้หรอกครับ เราเองก็ทำตัวกันแย่ด้วย ส่วนเรื่องไม่สวยและแก่นั่น เขาเป็นคำประชดน่ะครับ เพราะเขากลัวว่าจะเข้ามาทำอย่างว่ากัน เขาก็เลยพิจารณาให้ผ่านวีซ่ายาก ไปๆมาๆ คนที่ผ่านก็มีแต่คนแก่ๆ จนคนเขาเอาไปพูดทำนองประชดกัน คือชั้นสวยๆเอ๊าะๆไม่ผ่าน ที่ผ่านมีแต่พวกแก่ๆ แต่จริงๆที่หน้าตาดีๆก็มีเข้ามาทำบ้างนะครับ แต่ก็น้อยมากๆ ส่วนมากก็มาทำสปากัน แล้วเข้ามาเนี่ยคือต้องมีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งจริงๆ ตรวจสอบได้ว่าไม่ได้มาทำงานอย่างว่า ถ้าไม่นับแอร์โฮสเตสสายการบินคูเวตแอร์เวย์ จะมีผู้หญิงไทยอยู่ในประเทศนี้ ผมว่าไม่เกินร้อยคนนะครับ ร้อยเนี่ยผมว่าเยอะแล้วนะ ขนาดผมเองเป็นผู้ชาย ทางการเขายังตรวจสอบทุกเดือนเลยว่าเรามาทำงานอย่างที่ระบุไว้จริงๆ ได้เงินเดือนเท่านี้จริงๆ จ่ายให้แล้วจริงๆ ไม่ใช่กรอกลงไปแล้วก็จบกัน ไม่มาตรวจ ประเทศนี้ประหลาดครับ เล่ากันสามวันสามคืนก็ไม่จบ เอาไว้ใครอยากรู้เรื่องออะไรผมมาเล่าให้ฟังทีละประเด็นไปดีกว่าครับ อ่อสำหรับเรื่องขอวีซ่า มันขอยากทุกกรณีครับ ไม่ว่าจะมาทำงาน หรือ เที่ยว ส่วนเรื่องเรียน ถ้าไม่ใช่นักเรียนทุนจากรัฐบาลคูเวต (เขาจะให้นักเรียนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกปีครับ ปีละหลายๆคนอยู่) ก็ไม่มีสิทธิครับ เขาสงวนมหาลัยเขาไว้ให้เฉพาะคนคูเวต เพราะว่าเรียนฟรี ที่นี่มีเรื่องดีๆสองเรื่องครับ คือน้ำมันถูกมาก ลิตรละหกบาทนิดๆ (สงสัยมั้ยครับว่าบ้านเราสามสิบ แล้วมันหายไปไหนตั้ง 24 บาท ) แล้วก็รถถูกมากๆ เดือนหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมจะถอยเฟอรารี่ หรือไม่ก็ปอร์ช มาขับแล้วครับ เพราะมือสองที่นี่ถูกมาก ปอร์ชราคาแปดแสนกว่าๆ (คาเรร่าปี2003) ส่วนเฟอรารี่เอารุ่นสไปเดอร์ 530 ราคาล้านต้นๆ ไม่คิดจะซื้อขับตอนนี้ ชาตินี้คงไม่มีสิทธิ์แล้วล่ะครับ (แต่เอากลับเมืองไทยไม่ได้นะ เจอภาษีคูณสามของราคาประเมินที่เมืองไทย) ใครจะว่าโง่ก็ช่าง แต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงครับ แต่อย่าคิดว่าจะเอามาขับโชว์ที่นี่ได้นะครับ แหม ก็เขาขับกันเกลื่อน ดูฮัมเมอร์บ้านเรา จะเห็นสักกี่คันเชียว แต่ที่นี่ คุณเห็นได้ตลอดเหมือนเห็นเบนซ์บ้านเรายังงัยยังงั้นครับ เรื่องจะเอามาโชว์สาวก็ตกไป เราตกรุ่นแล้ว ของเขาขับรุ่นใหม่ล่าสุด เหอะ แต่ถ้าที่เมืองไทย ต้องกินน้ำตาแทนน้ำเลยครับ เพราะน้ำมันแพงมหาโหด จากคุณ : saravuht - [ 9 ก.ค. 50 23:43:57 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อเป็นที่ตกลงกันได้แล้วว่า จะต้องตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นเพื่อทำหน้าที่ต่อต้านญี่ปุ่นในทุกรูปแบบ  ก็ได้มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการเสรีไทยขึ้น ดดยให้หม่อมเสนีย์ เป็นประธาน และข้าราชการสถานทูตไทยทุกคน (มีแค่ 5 คนเท่านั้นแหละ)เป็นกรรมการ นอกจากน้ยังให้นักรียนไทยเข้าร่วมเป็นกรรมการอีก 2 คน คือ นายจก ณ ระนอง และร.ต.การะเวก  ศรีวิจารณ์ นักเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เอ็ม ไอ ที และกรรมการสำรอง กรณีที่กรรมการนักเรียนไทยทั้ง 2 คนเข้ารบในสมรภูมิก็จะเข้าทำหน้าที่แทน คือ นายบัณฑิต  กันตะบุตร จากมิชิแกน และนายสมจิตร  กังศานนท์ จากคอแนลล์ โครงสร้างของคณะกรรมการขบวนการเสรีไทยสายอเมริกาที่ตั้งขึ้นมาในลักษณะนี้ เนื่องจากนักเรีนไทยในสหรัฐฯส่วนใหญ่ไม่ค่อยไว้วางใจหม่อมเสนีย์มากนัก เพราะนอกจากจากจะเคยมีความขัดแย้งกันมาก่อนแล้ว  และหลังจากนี้ก็ยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งมากกันยิ่งขึ้น โดยมีเกาเหลาชามใหญ่อยู่ที่หม่อมเสนีย์ กับหม่อมหลวงขาบ กุณชร ณ อยุธยา ในฐานะทูตทหาร ประจำสถานทูตไทยในวอชิงตัน นักเรียนไทยก็ถือหางกันคนละข้างอยู่หลายคน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ก.ค. 50 23:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ้อ  ข้อแก้คำผิดหน่อยนะครับ บางทีอาจจะพิมพ์แบบเผลอมือไป ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะสงบนั้นนะครับ ประเทศเล็ก ๆ อย่างเรา จะไม่มีสิทธิได้เป็นระดับเอกอัคราชทูตในประเทศใหญ่ ๆ นะครับ เพราะเขาจะให้แค่อัครราชทูตเท่านั้น เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า ลื้อนะแค่จ้อย ๆ อย่ามาสะแอะให้เทียมเท่าข้า เนื่องจากถ้าเป็นถึงขั้นเอกอัตร  การต้อนรับมันต้องแกรนด์กว่าปกติ เรื่องอย่างนี้ฝรั่งมหาอำนาจในสมัยก่อนยอมไม่ได้ กฏเกณฑ์เหล่านี้ ประเทศไทยทยอยแก้ไขมาตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือบางส่วนก้ได้รับอานิสงฆ์มาตั้งแต่การเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 กว่าจะได้รับสิทธิเสมอภาคกันจริง ๆ ก็หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่แหละครับ ดังนั้นถ้าเห็นคำว่าเอกอัครราชทูตที่ตรงไหน ก็ให้ทราบว่า ผมพิมพ์เพ้อเจ้ออีกแล้วนะครับท่าน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 ก.ค. 50 23:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เอาไว้รอให้บ้านเราขุดน้ำมันได้เท่าเขาก็แล้วกันนะครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เห็นเขาว่าไม่เกิน 50 ปี น้ำมันก็จะหมดโลก ถึงตอนนั้น เขาก็ต้องมาเข้าคิวซื้อน้ำมันมะพร้าวจากเราบ้างแล้วละ เอ้อ  แต่ว่าเฟอรารี่นะ  ถ้าซื้อแล้วก็ถ่ายรูปมาให้ดูบ้างนะครับ ที่นี้ ต้องมีไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน และรายได้ในอนาคตแบบน้อง ๆ ตระกูลชินวัตรเสียก่อน แล้วค่อยคิดจะซื้อครับ ทุกวันนี้ดูเขาประกาศอายัดทรัพย์ แค่ฟังจำนวนเงินแต่ละบัญชีของพวกพี่ท่านทั้งหลายแล้ว ก็อยากตายคาประเทศแล้วละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ก.ค. 50 00:01:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาลงชื่ออ่านพร้อม vote ครับ จากคุณ : Alone in the Rain - [ 10 ก.ค. 50 03:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รออ่านเสรีไทยต่อ คร๊าบ จากคุณ : นายลูกเต่า - [ 10 ก.ค. 50 13:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความขัดแย้งระหว่างหม่อมเสนีย์ กับ ม.ล.ขาบ เริ่มตั้งแต่เรื่องของเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงของเหล่าเสรีไทยที่อาสาสมัครเข้ามารับใช้ชาติ ซึ่งได้เริ่มรับการฝึกตั้งแต่เดือนตุลาคม  2485 ทั้งนี้ นักเรียนไทยที่เข้ารับการฝึกกับ OSS และเมื่อเวลาเข้าปฎิบัติงาน บางครั้งอาจจะต้องแต่งเครื่องแบบทหารอเมริกัน  แต่เรื่องของค่าใช้จ่ายในการฝึกนั้น ทางสถานทูต ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยในสหรัฐฯในขณะนั้น ต้องเป็นผู้จ่ายทั้งหมด ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเป็นเงินประมาณ 5 แสนเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสถานทูตก็เอาเงินที่ทางการสหรัฐฯพึ่งปล่อยออกมาจากการอายัด จำนวน 2 ล้านดอลล่าร์นั่นแหละเป็นเงินจ่ายให้ OSS ไป ทีนี้มันมีปัญหาตรงที่เรื่องเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงของเสรีไทย ซึ่ง ม.ล.ขาบ ในฐานะผู้บัญชาการเสรีไทย ได้กหนดให้ไว้ว่า เสรีไทยที่ฝึกสำเร็จและเข้าปฎิบัติงานในสนามแล้ว จะได้รับเงินเดือน เดือนละ 120 เหรียญ ซึ่งสถานทูตจะเก็บเอาไว้ให้  ส่วนค่าใช้จ่ายค่ากินค่าอยู่ระหว่างปฎิบัติงาน จ่ายให้ในรูปของเบี้ยเลี้ยงแทน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หม่อมเสนีย์ ไม่ยินยอม โดยอ้างว่า เมื่อก่อนที่เป็นนักเรียนธรรมดา ได้รับกันคนละ 90 เหรียญเท่านั้น และเมื่อหักค่ากิน ค่าอยู่แล้ว ก็เหลือกันประมาณคนละ 25 เหรียญ เพื่อเป็นเงินเอาไว้ใช้ส่วนตัว ดังนั้น หากเทียบกับที่จ่ายเงินเดือนให้ในฐานะเสรีไทย แล้วยังมีเบี้ยเลี้ยงอีก ก็เท่ากับว่า นักเรียนไทยเหล่านี้จะได้เงินเพิ่มจากทุนเดิมถึง 5 เท่าตัว คือ จาก 25 เหรียญต่อเดือน เป็น 120 เหรียญต่อเดือน มันจะมากไป (หม่อมเสนีย์แกใช้คำว่า "มันจะไม่เป็นการปรนเปรอกันเกินควรไปหรือ") นอกจากนี้ ม.ล.ขาบ ยังเสนอให้เบี้ยเลี้ยงเสรีไทยเดือนละ 110  เหรียญ แทบจะเท่าเงินเดือน โดยอ้างว่า เสรีไทยเหล่านี้ต้องไปปฎิบัติงานที่ประเทศจีน (เพื่อหาทางเข้าไทย เพราะตอนนั้นสหรัฐฯสนับสนุนเจียงไคเช๊กอยู่ ในนามของฝูงบินไทเกอร์ และเป็นฐานที่มั่นของสหรัฐฯแห่งเดียวในย่านนี้ที่เหลืออยู่ หลังจากเสียฟิลิปปินส์ไปแล้ว ) คงไม่ต้องบอกว่าหม่อมเสนีย์จะยิ่งเคืองขนาดไหน เพราะเห็นว่าเสรีไทยควรที่จะแสดงออกถึงความเสียสละให้มากกว่าที่จะมาถกกันถึงเรื่องเงินทอง เพราะเสรีไทยควรจะเป็น "กองทัพผู้รักชาติ" ไม่ใช่ "กองทหารรับจ้าง" คงไม่ต้องบอกนะครับว่า เสรีไทยสายสหรัฐฯจะรักใครและเกลียดใครมากกว่ากันระหว่างเกาเหลา 2 ชามนี้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ก.ค. 50 14:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณคุณ alone in the rain ครับ ส่วนนายลูกเต่า เชิญอ่านได้ตามสะดวกครับ  ผมเข้ามาไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไร แต่จะเข้ามาเรื่อย ๆ และพยายามจะ "ทุกวัน" ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ก.ค. 50 14:03:05 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปกติเข้ามาอ่านหาความรู้เรื่อยๆ ครับ แต่ไม่ค่อยได้แสดงความเห็นเพราะความรู้น้อยนิดเหลือเกิน ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ในห้องนี้ครับ จากคุณ : นายลูกเต่า - [ 10 ก.ค. 50 14:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถึงว่าสิคะ  เห็นเพื่อนที่ไปโอมานกลับมาเล่าให้ฟังว่า หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่นใส่"โต๊บ"ขับ พอตช์  หรือไม่ก็เฟอรารี่กันทั้งนั้น สาวไทยงี้กรี๊ดกันสลบ เคยได้ยินว่าไอ้เจ้ารถสองยี่ห้อนี้  ซดน้ำมันแทนน้ำ  และเวลาวิ่ง จะต้องมีความเร็วไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ด้วยใช่ไหมคะ หมายความว่า  ต้องมีถนนวิ่งโล่งๆ  วิ่งได้ไกลๆ   ถ้าเอาวิ่งบ้านเรา  ประเภทเดินหน้ายี่สิบ  เหยียบเบรคอีกสองจึ๊ก อย่างนี้ไม่ได้แน่ เห็นว่ารถจะพัง และที่คูเวต โอมาน  เขามีถนนให้วิ่งกันไกลๆขนาดนั้นเหรอคะ อ้อ ลืมถามค่ะ  ทำไมราคารถสปอร์ตพวกนี้ ถึงราคาถูกคะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 10 ก.ค. 50 20:10:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตามอ่านมาตลอดครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมในทุกครั้งที่เข้ามาอ่าน... จากคุณ : นัยนะ - [ 10 ก.ค. 50 21:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมต่างหากครับ ที่ต้องขอบคุณ คุณสื่อศิลป ที่เขียนเรื่องราวดีๆให้อ่านกัน ที่จริงตามอ่านตลอดครับ แต่ไม่ค่อยแสดงตัว ผมเชื่อว่าคงมีหลายท่านเลยที่เหมือนผม คืออ่านอย่างเดียวไม่แสดงตัว ยังไงรบกวนท่านอื่นๆช่วยโหวตด้วยนะครับ กระทู้ดีๆแบบนี้ (แถมถ้าขึ้นป้ายแนะนำแล้วมันหาเจอง่ายดีครับ) ปล. ช่วงที่เงียบๆกันไป เล่นเอาผมไม่มีอะไรอ่านไปนานเหมือนกันครับ เหมือนชีวิตมันขาดๆอะไรไปบางส่วน จากคุณ : Alone in the Rain - [ 10 ก.ค. 50 21:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คือประเด็นนี้ผมเห็นใจทั้งทางท่านเสนีย์ และท่านขาบนะครับ ท่านเสนีย์ก็เห็นว่า มีเงินอยู่แค่สองล้าน แค่จ่ายให้โอเอสเอสก็ปาเข้าไปห้าแสนแล้ว แล้วถ้าเอามาจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนทหารอะไรอีก แล้วจะรบกันไปได้กี่เดือน แล้วค่าเช่าค่าใช้จ่ายในสถานทูตอีกล่ะ คือเป็นคนจน แต่คิดจะทำสงครามมันก็ผิดตั้งแต่คิดแล้วล่ะครับ แต่แกก็คงคิดว่าขืนปล่อยไว้ ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้แพ้สงครามเต็มตัวแน่ เพราะวิสัยทัศน์ของแกเห็นว่า ยุ่นปี่กับฮิตเลอร์ แพ้แหงๆ ตั้งแต่ยุ่นปี่โจมตีเพิลฮาเบอรืแล้ว ส่วนท่านขาบก็คงเห็นว่า จะส่งทหารไปรบ มันก็ต้องใช้เงินสิ แล้วสงครามสายลับน่ะ ใช้เงินน้อยซะที่ไหน ต้องกินต้องอยู่ทั้งนั้น จะหาข่าวจะไหว้วาน หาสายลับอีกต่อ ก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น แกไม่กลัวว่าแต่ละคนจะไปใช้ไรสุรุ่ยสุร่ายหรือไปซื้อหุ้น ปตท เก็บไว้หรอก แต่แกกลัวว่าพอออกปฏิบัติการแล้ว กลัวจะลุยได้ไม่เต็มที่ ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง ผมคิดว่าเวลานั้นไม่มีใครคิดจะโกงเงินแผ่นดินเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรอกครับ (ความเห็นของผมเองนะ ผมเชื่อมั่นแบบนั้น) แต่ว่าแต่ละคนก็หนึ่งในตองอูกันทั้งนั้น ไม่ค่อยจะยอมรับความคิดของอีกฝ่ายง่ายๆน่ะสิ แต่นี่เป็นความเห็นของผมเท่านั้นนะครับ ผู้ปกครองอ่านแล้วโปรดพิจารณา ก่อนข้อมูลจะไปถึงลูกถึงหลาน (ไม่ใช่รายการถึงลูกถึงหลาน เอ๊ย ถึงลูกถึงคนของคุณสรยุทธ นะ อ่อ ยุบรายการไปนานแล้วเหรอ ) ถึงท่านกาสะลองนะครับ สาวไทยที่ได้มาอยู่คูเวตเนี่ย เท่าที่ผมรู้จักมาหลายคน เกือบทุกคนส่ายหน้า กรี๊ดไม่ลงกับผู้ชายที่นี่ครับ ต่อให้รวยแค่ไหน บางคนถึงกับกลัวมากๆเวลามีคนเดินตาม ทั้งๆที่บางทีเราก็เดินกันเป็นกลุ่ม แล้วเขาก็แค่เดินตามหลังมาเฉยๆ คือวีรกรรมผู้ชายประเทศนี้ทำกับผู้หญิงต่างชาติมันเยอะมากครับ เอาเป็นว่าถ้าท่านกาสะลองรุ้จักเอกอัครราชทูตไทย ณ ประเทศคูเวต ลองถามท่านดูสิครับ ท่านจะให้คำอธิบายแก่คุณได้ละเอียดกว่าผมหลายเท่าเชียว เพราะเรื่องต่างๆที่ผมรู้มา ก็ฟังมาจากท่านทั้งนั้นล่ะครับ ต่อให้รวย หล่อ แค่ไหนก็ทำใจยากที่จะกรี๊ดลง ส่วนสาวที่นี่ ก็สวยนะครับ สวยมากด้วย แต่ความรู้สึกของเราก็อย่างที่ว่าล่ะครับ รักไม่ลง แล้วที่นี่เขามีกฎหมายข้อนึงที่ถ้าเรามีแฟนเป็นสาวคูเวตเมื่อไหร่ เรามีสิทธิ์ถูกฆ่าโดยคนฆ่าไม่มีความผิดด้วยครับ ประเทศนี้มันแปลกๆครับถ้าอยากรู้ไรอีกก็ถามมาได้ครับ อ่อ ส่วนว่าทำไมรถถึงถูก โดยเฉพาะรถมือสอง เหตุผลก็เพราะว่า คนคูเวต บ้านหลังนึง จะมีรถประมาณ 5 - 7 คัน เอาแบบว่า พ่อสองคัน ลูกคัน แม่สองคัน (ทำไมไม่เกา) ถ้ามีลูกมากก็เพิ่มไปอีกคนละคัน ประเภททางเดียวกันไปด้วยกันน่ะ เอามาใช้ที่นี่ไม่ได้นะครับ หูย เขาหัวเราะแย่เลย แล้วพวกนี้เวลารถมันเริ่มตกรุ่น เขาก็จะหาซื้อรถใหม่แล้วล่ะครับ แล้วที่มันซื้อง่ายๆ เพราะว่าเขารวย แล้วรถก็ถูก ทั้งๆที่นำเข้าทั้งหมด ก็เพราะรถเขาไม่เสียภาษีเลยยังงัยล่ะครับ แต่เวลาขาย เต๊นรถมันก็จะรับซื้อในราคาถูกมากๆ แบบกดราคากันสุดๆ แต่พวกนี้ไม่สนใจครับ ถูกก็จะขาย เพราะว่าชั้นรวย ชั้นจะไปซื้อรถใหม่ ดังนั้นรถมือสองจึงราคาถูกมากๆ แต่สภาพก็แย่ตามไปด้วย เพราะพวกนี้ขับรถไม่ถนอมเลย คนไทยบางคนรักรถมากกว่าเมีย แต่ที่นี่ไม่เห็นแบบนั้นหรอกครับ แค่ชนแค่เฉี่ยวก็ซื้อใหม่แล้ว เอาไปซ่อมเพื่อจะเอาไปขายเท่านั้นล่ะ ดังนั้นยิ่งรถสปอร์ตก็จะยิ่งถูกมากขึ้นไปอีก เพราะว่าเอาไปขายที่เมืองนอกก็ไม่ได้ซะด้วย เพราะภาษีรถเมืองนอกแพง ไม่มีที่ไหนฟรีเหมือนที่นี่ (ดูจากเมืองไทยเป็นต้น) ดังนั้นมันก็ไม่มีที่ปล่อย ก็ต้องยอมขายถูกๆ ถ้าเจ้าของอยากจะขาย เต๊นมันก็ตั้งราคาแพงไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากจะซื้อรถสปอร์ตตกรุ่น ของมันก็เลยถูกอย่างที่ว่าล่ะครับ ส่วนเรื่องถนน ถ้าออกไปนอกเมือง ตามทางริมทะเลทราย มีที่ให้เหยียบสองร้อยสามร้อยสบายครับ ถนนที่นี่เขาดี ไม่ขรุขระเหมือนบ้านเรา เพราะบ้านเรามีสัตว์สปีชี่แปลกๆ ที่กินหินกินปูนกินทรายได้ (เห็นล่าสุดว่า กินเครื่องตรวจจับระเบิดได้อีก) ถนนเขาเรียบ (ถ้านอกเมืองนะครับ) เหยียบได้ดั่งใจ แต่บางทีขับนอกเมือง พวกวัยรุ่นที่นี่เขาก็ไม่ได้จะโชว์ใช่มั้ยครับ เขาก็จะใช้วิธีขับวนไปรอบๆเมืองหลายๆรอบ เจอสาวๆขับรถคันไหนก็ขับตาม ดังนั้นเวลามืดๆ เราจะเห็นรถสปอร์ต หรูๆทั้งหลาย วิ่งกันขวักไขว่ มอเตอร์ไซค์ก็มีพวกดูคาติ ราคาบ้านเราเป็นล้าน วิ่งกันเกลื่อนอีก ขับกันถึงตีสามตีสี่ นั่นล่ะ แล้วค่อยกลับบ้านนอน ถึงว่าไงครับ ซื้อรุ่นเก่ามา อย่ามาสะเออะ ขับมาโชว์ เพราะเขารุ่นใหม่กว่าเยอะ อ่อเรื่องรุ่นผมบอกตัวเลขผิดไป ราคาล้านต้นๆน่ะมันรุ่น 355 ครับ รุ่น530 มันยังใหม่อยู่ ยังราคาหลายล้านอยู่ ส่วนรุ่นที่เมืองไทยราคาห้าสิบล้านน่ะครับ ที่ท่านอาจารย์สื่อว่าไว้ มันเป็นพวกรุ่นที่ทำมาเฉพาะ อย่าง F-50 หรือไม่ก็พวกรุ่น ENZO ซึ่งพวกนี้จะผลิตมาแค่ร้อยสองร้อยคันเท่านั้น เลยแพงมากๆ บางทีมีเงินก็ยังหาซื้อไม่ได้ ส่วนรุ่นทั้วๆไปถ้าบ้านเรา มีตังค์สัก สิบล้านปลายๆ หรือยี่สิบ สามสิบล้าน ก็พอซื้อได้ครับ (ใครที่ว่าพอซื้อได้ ยกมือหน่อยยยย) เพราะราคารถเฟอรารี่มือหนึ่งที่นี่ ราคาจะอยู่ที่ (เงินไทย) ประมาณแปดล้าน แต่ถ้าเอาเข้าบ้านเราก็คูณสามนะครับ ภาษีล้วนๆ ส่วนเรื่องการขับ รถพวกนี้ไม่ควรขับที่ย่านความเร็วต่ำกว่า 80 กม/ชม นะครับ เพราะว่าเกียร์สองมันเริ่มที่ความเร็วประมาณแปดสิบ พูดง่ายๆว่า ถ้าจะขับความเร็วต่ำกว่านี้ หมายถึงคุณต้องลากเกียร์หนึ่งตลอด แต่เรื่องพวกนี้ผมก็ไม่ชำนาญขนาดรู้รายละเอียดมากนักหรอกครับ ผมเป็นแค่พวกฝันที่จะได้ขับเท้านั้น ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้พันทางอะไรกับเขาหรอก มันคงจะมีระบบไว้สำหรับแล่นในย่านความเร็วต่ำๆบ้างหรอกครับ คงไม่เสียง่ายๆหรอก อย่าว่างู้นงี้เลยครับ ใบขับขี่ผมยังไมได้ไปสอบเลย ปัญหาเรื่องติดต่อราชการที่นี่ แย่กว่าบ้านเราหลายร้อยเท่าเลยครับ กว่าจะถึงคิวผมได้ทำก็รอคิวไปสิ หกเดือน ประมาณต้นเดือนหน้านี่ล่ะครับจะได้ไปทำแล้ว ถึงตอนนั้นถึงจะไปดูว่าจะซือไรมาขับดี อ่อ เรื่องน้ำมัน เขาว่ากันว่ามันมีเหลือให้ใช้ไม่ถึงห้าสิบปีหรอกครับ ผมรู้จักคนที่ทำงานน้ำมันเขาบอกไว้ แต่ว่าคนประเทศนี้เขาไม่ยอมรับ เขาบอกว่าไม่เชื่อหรอก น้ำมันนี้พระอัลเลาห์ ประทานมาให้พวกเขา ดังนั้น ไม่มีวันหมดแน่นอน เหอะๆ ผมก็รอวันที่น้ำมันไม่มีให้คนที่นี่ขุดนี่ล่ะครับ พูดง่ายๆ จะขออยู่ดูหน้าคนคูเวตในวันนั้นให้ได้เลย ตอนนี้เข้าใจเลยครับว่าทำไมอิรักมันถึงมาบุกคูเวต จากคุณ : saravuht - [ 10 ก.ค. 50 22:25:43 A:195.39.180.161 X:195.39.180.161 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขาจร ตามมาอ่าน //จุดพลุ จากคุณ : ... (ขี้ยา) - [ 11 ก.ค. 50 10:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 "ส่วนเรื่องถนน ถ้าออกไปนอกเมือง ตามทางริมทะเลทราย มีที่ให้เหยียบสองร้อยสามร้อยสบายครับ ถนนที่นี่เขาดี ไม่ขรุขระเหมือนบ้านเรา เพราะบ้านเรามีสัตว์สปีชี่แปลกๆ ที่กินหินกินปูนกินทรายได้ (เห็นล่าสุดว่า กินเครื่องตรวจจับระเบิดได้อีก) " วุ๊ยยย..ถูกใจกับฝีปากคุณ saravuht เสียจริง..อย่างนี้จึงจะพอสูสีกับอาจารย์สื่อ  เพราะขานั้นเขากรีดทีไร เลือดโชกไม่พอ.. แถมเฉียดคุกอีกต่างหาก จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ก.ค. 50 12:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตามมาลงชื่อครับ.... จากคุณ : ryzon - [ 11 ก.ค. 50 20:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แหม ก็อาจารย์เป็นยังงัย ลูกศิษย์ก็เป็นแบบนั้นล่ะครับท่านอาจารย์ใหญ่ แหะ แหะ แม้จะเข้าเรียนทีหลังคนอื่นเขา แต่ก็ไล่ตามเล็คเชอร์อาจารย์เขามาตั้งแต่บทแรกจนมาถึง บทปัจจุบัน เหมือนกันครับ แต่อย่าบอกเล้ยครับว่าสูสีกับอาจารย์สื่อ ผมมิบังอาจดอกครับ เป็นแค่ลูกแมวตัวน้อยๆ หรือจะอาจเอื้อมเทียมกับพญาราชสีห์ ว่าแต่วันนี้อาจารย์สื่อขาดสอนซะแล้ว ตัดเงินเดือนด้วยนะค้าบบ อาจารย์ใหญ่ จากคุณ : saravuht - [ 12 ก.ค. 50 00:09:35 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 แหม มันยังไม่หมดวันครับ (อ้าวลืมดูกว่าจะโหลดได้ เลยเที่ยงคืนซะแล้ว) ไอ้ที่ผมกล้าเฉียดคุกนะ ไม่ใช่อะไรหรอก ก็ของมันมั่นใจว่า ยังไงคุณพี่เจ๊วิวันดา คงไม่ปล่อยให้น้องรักน้องชังคนนี้เข้าไปนั่งไปนอนนับตารางนิ้วพื้นอยู่ในซังเตแน่ ๆ ยังไงแบบไม่มี ๆ ก็คงต้องงัดระดับกรองครูส์ คลาสเซ่ ปีระเบิดเทิดเถิง มาต๊ะไว้ประกันเอาออกไปด่าหน่อยหรอกน่า พูดหักคอไว้งั้นแหละ  เอาเข้าจริงไม่รู้ค่าตัวจะเหลือแค่แกลโลแกลอนนึงหรือเปล่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 50 00:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องหม่อเสนีย์ กับหม่อมหลวงขาบ ก็อย่างว่าแหละครับ ต่างคนต่างมีเหตุผล เพราะทางหม่อมเสนีย์ แกไฟต์จนได้เตรดิตว่าสถานทูตไทยได้รับการรับรองจากกระทรวงต่างประเทศให้คงสถานะเดิมไว้ เพราะถ้า ก.ต่างประเทศไม่รับรอง  มีหวัง แกต้องถูกส่งกลับ หรือกักกันไว้เป็นเชลยแน่ ส่วนความสัมพันธ์กับ ม.ล.ขาบ มันมีเรื่องกันมาก่อนแล้วตั้งแต่เส้นสายทางการเมือง ที่ ม.ล.ขาบ อิงอยู่กับจอมพล ป.หัวขบวนคณะราษฎร์ ขณะที่หม่อมเสนีย์ พื้นฐานตระกูลขอท่านเป็นใครก็รู้อยู่ แม้ว่า คำประกาศเกียรติคุณตอนที่ท่านได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งตอนเรียนเนติบัณฑิตอยู่ที่อังกฤษจะสุดยอดระดับ "ที่หนึ่งของที่หนึ่ง" แต่คนที่นั่นก็นิยามพื้นฐานตระกูลของท่านว่า "ลูกเจ้าจน ๆ " เท่านั้น และแน่นอนว่าท่านคงไม่ปลื้มอะไรกับคณะราษฎร์นักหรอก   โดยเฉพาะน้องชายท่านถึงขนาดเขียนบทความบอกว่า เจ้าคุณพหลฯตายแล้วไม่ได้ไปเกิด ขนาดนั้นเชียว แถมตอนที่จอมพล ป.ส่ง ม.ล.ขาบไปเป็นทูตทหาร  หม่อมเสนีย์ ก็ติดใจว่าจะใหมาแทนท่าน แล้วเตะโด่งท่านไปเปิดสถานทูตไทยที่เม๊กซิโกแทน แต่อย่างว่า ถ้าจะพูดถึงเหตุผล ทั้ง  2 คนก็มีเหตุผลพอ ๆ กัน แต่เมื่อจะต้องตัดสินเลือกข้าง ก็ต้องถามว่า แล้วใจของนักเรียนไทยที่ต้องแปรสภาพเป็นนักรบเสรีไทยแบบตัวจริงเสียงจริงฝึกจริงปฎิบัติจริงรบจริงแล้วก็เสี่ยงที่จะตายจริงนั่นนะ เขาเลือกแบบไหน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 50 00:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ความขัดแย้งที่ว่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะครับ  เพราะบั้นปลายของมันนั้น ถึงขั้นที่หม่อมเสนีย์ลาออกจากประธานคณะกรรมการเสรีไทยที่ตั้งขึ้นเลยทีเดียว   เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนสงครามจะสงบด้วยซ้ำ ซึ่งประเด็นนี้ เป็นประเด็นข้อเท็จจริงที่ถูกซ่อนไว้ หรือถูกทำหล่นหายไปอีกอันนึง เพราะส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องเสรีไทย ก็จะยอมรับว่า หัวหน้าเสรีไทยสายสหรัฐฯ ก็คือ หม่อมเสนีย์  ปราโมช ซึ่งส่งผลทำให้ ดร.ปรีดี ตัดสินใจเลือกให้หม่อมเสนีย์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังสงคราม ทั้ง ๆ ที่เสรีไทยระดับแกนนำหลายคนคัดค้าน และยังติดเป็นชนักปักหลัง ดร.ปรีดี ด้วยซ้ำไปว่า นั่นคือการตัดสินใจผิดพลาดที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของ ดร.ปรีดี พนมยงค์ อย่างน้อยชนักที่ปักในเรื่องของ ปรีดีฆ่า....ที่มีคนจ้างนักเลงไปตะโกนในโรงหนัง  ก็เป็นฝีมือของพรรคที่หม่อมแกตั้งขึ้นมาเองนั่นแหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 50 00:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 การขาดการบังคับบัญชา หรือตำแหน่งอย่างเป็นทางการในฐานะประธานคณะกรรมการเสรีไทยที่ตั้งขึ้น ด้วยการที่หม่อมเสนีย์ ลาออกด้วยตัวเอง ในช่วงปลายปี 2486 ทำให้เสรีไทยสายสหรัฐฯต้องขึ้นการบังคับบัญชากับโอ.เอส.เอส.โดยตรง อันว่าโอ.เอส.เอส.นั้น ประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี.รูสท์เวลล์ ได้ตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2485 โดยมอบหมายให้พล.ต.วิลเลี่ยม  โดโนแวน  อดีตวีรบุรุษในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งหลังสงคราม ได้มาเปิดสำนักงานทนายความอยู่ในนิวยอร์ก หน่วยโอ.เอส.เอส.นี้จะขึ้นตรงต่อคณะเสนาธิการทหารร่วม นั่นหมายถึงว่า การปฎิบัติการใด ๆ ของโอ.เอส.เอส.จะต้องประสานกับทหารหลัก เหมือนเป็นหน่วยสนับสนุน  เช่น การหาข่าวในดินแดนที่ศัตรูยึดครอง เพื่อเอาข่าวกรองที่ว่านั้นมาวางแผนการปฎิบัติการทางทหารอีกที หน่วยโอ.เอส.เอส. มีศูนย์ปฎิบัติการอยู่ในจีน และอินเดีย โดยในจีนนั้นอยู่ที่คุณหมิง ซึ่งเป็นเขตยึดครองของเจียงไคเช๊ก ขณะที่ในอินเดีย อยู่แถวแคว้นอัสสัม เมื่อโอ.เอส.เอส.ตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการได้ 3 วัน  อาสาสมัครเสรีไทยสายสหรัฐฯรุ่นแรก จำนวน 23 นาย ก็เข้ารายงานตัวเพื่อรับการฝึกทันที  ซึ่งทั้ง 23 นายนี้เจอของแข็งทันที เพราะต้องเข้าฝึกกับนาวิกโยธินที่แมรี่แลนด์ในหลักสูตรการปฎิบัติพิเศษให้มีความสามารถระดับเดียวกับนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าโหดติดอันดับโลกเลยทีเดียว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 50 01:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 และด้วยความเข้มข้นของหลักสูตรนี่แหละ ทำให้การรับเสีไทยเข้าฝึกในรุ่นแรกจึงต้องคัดเลือกอย่างหนัก เพราะต้องมั่นใจว่าสามารถผ่านหลักสูตรไปได้ ไม่งั้นคงเปลืองงบประมาณแน่ แต่ถึงกระนั้นก็เกิดปัญหาตามมาจนได้ เมื่อนักเรียนไทย 2 คนเกิดมีประวัติที่มีปัญหา นั่นคือ นายวิมล วิริยะวิทย์ ซึ่งมีเพื่อนร่วมหอพักที่เอ็มไอทีเป็นคนเยอรมัน  ทำให้ต้องรอสอบประวัติก่อน เรื่องนี้ต้องเข้าใจทางการสหรัฐฯเขา เพราะมันเป็นเรื่องความมั่นคงที่พลาดไม่ได้ ถ้าได้ดูซีรีย์เรื่องแบรนด์ ออฟ บราเดอร์ท จะมีอยู่ตอนนึงที่ทหารอเมริกันจับเชลยทหารเยอรมันได้ แล้วนั่งพักสูบบุหรี่กัน  ปรากฎว่ามีทหารเยอรมันมาทักทายขอบุหรี่ด้วย  เลยได้คุยกัน ทหารเยอรมันก็เล่าให้ฟังว่ามาจากสหรัฐฯนั่นแหละ  แถมคุยกันได้เป็นตุเป็นตะ เพราะมาจากเมืองเดียวกัน เยอรมันคนนั้นอธิบายให้จีไอ หายงุนงงว่าเมื่ออยู่สหรัฐฯแล้วทำไมถึงมาเป็นทหารเยอรมันได้  เขาก็บอกว่า ก็โครงการอารยันกลับบ้าน (ขออภัยซือเจ๊หน่อยนะครับ  ซับไตเติ้ลเขาใช้คำว่าอารยัน ผมเลยต้องอารยันตาม)นั่นไง  เพราะตอนก่อนจะเริ่มสงคราม  ที่เยอรมัน  นาซี เขาชักชวนให้ชาวเยอรมันที่อยู่ประเทศอื่นกลับมารับใช้แผ่นดินแม่ เรื่องนี้ที่สหรัฐฯก็โดนเหมือนกัน โดยเฉพาะที่ฮาวาย ที่มีคนญี่ปุ่นย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่เยอะตั้งแต่ก่อนสงคราม  พอเพิร์ลฮาเบอร์ โดนถล่ม  คนเชื้อสายญี่ปุ่นก็เลยทำตัวลำบาก แต่จริง ๆ ก็ให้เขาน่าสงสัยหรอก เพราะข้อเท็จจริงหลังสงคราม เขาสอบสวนแล้วว่า ทำไมตอร์ปิโดของเครื่องซีโร่ถึงได้แม่นนัก แถมระเบิดถูกระบะเป๊ะ ๆ ก็สายลับญี่ปุ่นที่เพิรฺล ฮาเบอร์ แกเล่นมานั่งตกปลา เอาสายเบ็ดหย่อนวัดความลึกของทะเลแถวอ่าวเอาไว้ครบถ้วนแล้วนี้ครับ ทหารญี่ป่นก็ฝึกกันสบาย  แถมตั้งระยะระเบิดของตอร์ปิโดได้ถูกต้องอีกด้วย สมัยนั้นมาตรการรักษาความปลอดภัยไม่ได้สูงมากขนาดนี้นี่ครับ ของเมืองไทยเองก็ไม่ใช่ย่อยหรอกครับ ก่อนสงคราม ทหารญี่ปุ่นแฝงตัวเข้ามาเป็นสายในบ้านเราเบอะแยะไปมหดแล้ว ฮิวเมอรืตส์  ผู้อาวุโสในวงการนักเขียน ท่านเคยเขียนเล่าเอาไว้ว่า เจ้าช่างภาพญี่ปุ่นนั้น  มันรู้จักนักเรียนชั้น ม.แปด ในรุ่นแกทุกคน อีกคนนึงที่มีปัญหาในเรื่องประวัติ คือ คุณประยูร  อรรถจินดา ที่ครั้งแรกนั้น จะเป็นเสรีไทยรุ่น 1 ด้วย แต่จากการสอบประวัติ พบว่าเคยศึกษาที่ญี่ปุ่นมาก่อน เลยต้องดรอปไว้เช๊กประวัติอีกที จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 50 01:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เสรีไทยสายอเมริการุ่นแรก  เมื่อมีปัญหาไป 2 นาย ก็เหลือแค่ 21 นาย รายชื่อทั้ง 21 ท่าน คงไม่เกินความสามารถของขาจร ขาประจำแถวนี้นะครับ ช่วยกันหา ๆ มาลงกันหน่อยแล้วกัน หลังจากการฝึกหลักสูตรการปฎิบัติการพิเศษ  ซึ่งมีป้าหมายถึงขั้นการปฎิบัติการกึ่งทหารหรือการรบแบบกองโจรได้แล้ว หลังจากนั้นมีการคัดเลือกอีก 3 นาย เข้ารับการฝึกหลักสูตร ข่าวกรองพิเศษ เพื่อส่งเข้ามาประสานงานกับเสรีไทยในประเทศไทยด้วย หลังการฝึกหนักในหลักสตรสาหัสสากรรจ์ สไตล์นาวิกโธนแล้ว  เสรีไทยทั้ง 21 คนก็เดินทางออกจากสหรัฐฯ รอนแรมมาในเรื่อข้ามมหาสมุทรอีก 95 วัน มาขึ้นบกที่อินเดีย เพื่อเข้าประจำการในศูนย์ปฎิบัติการโองเอส.เอส เพื่อเตรียมปฎิบัติการต่อไป ในการนี้ ทางโอ.เอส.เอส.ได้ให้ร้อยโทนิคอล สมิธ เป็นผู้ประสานงาน หรือจริง ๆ ก็คือผู้บังคับบัญชาฝ่ายสหรัฐฯนั่นแหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 50 01:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ต่อไปนี้เห็นทีพี่วิต้องซื้อข้าวผัดโอเลี้ยงไปเยี่มญาติที่ละสองชุดซะแล้วสิคะ จากที่ก่อนนี้ ซื้อแค่ชุดเดียวก็พอ ดีค่ะ  ขังรวม  ไม่เหงาดี  มีเพื่อคุย จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 12 ก.ค. 50 11:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 39 รายชื่อเสรีไทย 21 คนนี่เป็นการบ้านเหยอครับ อาจาน ส่งวันไหนล่ะคับ ผมขอส่งวันนี้ตอนบ่าย(เวลาที่คูเวต) นะคับ อ่อเรื่องแบนด์ ออฟ บาเท่อ เนี่ย อาจานดูแล้ว พอจะเข้าใจมั้ยครับว่า สรุปแล้วผู้กองสเปียร์ แกเป็นคนยิงเชลยเยอรมันกลุ่มนั้นจริงหรือเปล่า หรืออย่างไร ผมล่ะดูหลายรอบ แถมตอนท้ายแกก็มาเฉลยให้พลทหารคนนึง (ผมจำไม่ได้แล้วว่าใคร) ว่าเรื่องบางเรื่อง ก็ต้องปล่อยให้เป็นตำนานให้เล่าขานกันไปเรื่อยๆ เพราะมันจะส่งผลดีกับการปกครองกับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาในอนาคต แนะ แสบมั้ยล่ะครับ ยังมีกั๊กอีก ก็คนดูเขาอยากรู้นิ ผมน่ะชอบผู้กองสเปียร์พอๆกับผู้กองวินเทอร์เลยนะครับ พอรู้ว่าหลังสงคราม แกยังไปรบต่อทั้งที่เกาหลีกับเวียดนามอีกเนี่ย ก็ได้แต่อึ้งๆเลยครับ คงจะเกิดมาเพื่อรบจริงๆ ฉากที่แกเข้ามารับตำแหน่งแทนผู้กอง (ง่า จำชื่อไม่ได้ ที่ไปทำพลาด ตอนกองร้อยอีซี่บุกเข้าเมืองฟอยส์ น่ะครับ) นั่นล่ะ แล้วแกวิ่งฝ่าแนวรับพวกเยอรมัน ไปอีกด้านนึงของเมืองคนเดียว มันมหัศจรรย์เพราะแกวิ่งฝ่าดงกระสุนกลับมาอีกตะหาก ประทับใจขนาดขนลุกซู่ทีเดียว เพราะผมอ่านในหนังสือก็มีเหตุการณ์นี้จริงๆ ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายคงไม่ช่วยกันแต่งเรื่องให้มันเป็นตำนานไปอีกเรื่องนะครับ เรื่องกองร้อยอีซี่เนี่ย ถ้าอาจาน หรือเพื่อนๆคนไหนมีเกร็ดที่แย้งกับหนังสือ ก็เอามาลงบอกเล่ามั่งนะครับ ผมก็อยากรู้ในมุมมองอื่นบ้างเหมือนกัน แต่อ่านจบแล้ว ผมแทบจะอยากไปสมัครเข้าเป็นหน่วยพลร่มของศูนย์บัญชาการสงครามพิเศษเลยล่ะครับ แต่หวั่นๆเหมือนกันนะครับ เพราะผมเล่นเกม red alert ทีไร ผมส่งพลร่มไปตายก่อนแบบไม่เสียดายทุกที แบบทิ้งลงกลางฐานศัตรูเลย หวังแค่ว่าจะเห็นฐานของศัตรูเท่านั้น กลัวกรรมจะตามสนองเหมือนกัน แหะๆ จากคุณ : saravuht - [ 12 ก.ค. 50 11:39:44 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 อีกชุดนึงให้ใครเหยอครับ ท่านกาสะลอง ฮิฮิ หรืออาจานสื่อ กินทีเดียวสองชุดเลยเหยอครับ แหมกินจุอ่ะ แต่ท่านกาสะลองเนี่ยควรจะได้เป็นหัวหน้าชั้นเลยนะครับเนี่ย เพราะอาวุโส (หมายถึง เข้ามาประจำห้องนานสุด) มากสุดแร้ววว จากคุณ : saravuht - [ 12 ก.ค. 50 12:20:39 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตอนขังจะรวมก็ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ช่วงที่จะประหารนะ  แยก ๆ กันหน่อยก็ดี กลัวไปเบียดกันตอข้ามสะพานนะครับ เรื่องยิงเชลยมือเปล่า มันเสียคุณธรรมครับ ก็เลยกั๊ก ๆ กันบ้าง อเมริกันนะเก่งไปซะทุกทีนั่นแหละ ก็แกสร้างเอง เล่นเอง กำกับเองนี่ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 50 13:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อีกชุดนึงก็ให้คุณสุรวุธนะสิคะ   ก็พี่วิท่านหมายเอาไว้แล้วว่า โพสต์ได้เฉียดคุกทั้งสองท่าน พี่วิเป็นห่วงค่ะ  กลัวอด ขอบคุณค่ะ  ที่ยกให้เป็นหัวหน้าชั้น จะว่าแก่กว่าเขาก็บอกมาเถอะ  ไม่ว่ากันหรอกค่ะ เพราะอยู่ที่นี่มานานเหมือนกันค่ะ  นานมากจนกลายเป็นความผูกพัน เมื่อไหร่ที่อาจารย์สื่อหายไปนานๆ  ก็จะมีการจุดธูปตามค่ะ ซึ่งก็ส่วนใหญ่ได้ผล  ท่านมักจะมาตามกลิ่นธูปเสมอ ไม่รู้ว่าที่มาเนี่ยะ  เป็นเพราะเป็นห่วงคนอ่าน หรือรำคาญคนตามกันแน่ ช่วยถามให้หน่อย จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 12 ก.ค. 50 20:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 44 โหย อะไรเนี่ย เซ็งอ่ะ ตามเข้ามาโพสต์ถึงในนี้เลยอ่ะ ไม่เอา เอาออกไป กระทู้การเมืองมีเยอะแล้ว นี่มันห้องเรียนนะ มิช่ายไฮปาร์ค มีแบบนี้ผมขอไม่ส่งการบ้านวันสองวันนี้นะครับอาจารย์ ผมเป็นคนอ่อนไหวครับ รับไม่ได้กับความรุนแรง ป่าเถื่อนเหล่านี้ครับอาจารย์ กระทบถึงสภาพจิตใจ ทำให้ส่งการบ้านอาจารย์ไม่ได้ เอามันออกปายยยยยย จากคุณ : saravuht - [ 13 ก.ค. 50 04:25:32 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ่อหายไปแร้ว ฮิฮิ ขอบคุณคนลบมากค้าบบบบบ แต่จากผลกระทบนั้นทำให้สภาพจิตใจผมไม่พร้อมอยู่ดีครับท่านอาจารย์ ทำให้ไม่สามารถส่งการบ้านได้ในวันสองวันนี้ครับ (ใครมีคำตอบช่วยเอามาให้ลอกหน่อยดิ นะ เพื่อนกันอ่ะ) จากคุณ : saravuht - [ 13 ก.ค. 50 14:16:55 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 หารายชื่อมาได้ 15 ชื่อเองครับ ใครมีที่เหลือ เอามาลอกหน่อยสิครับ อันนี้เอามาจากวิกิพีเดียอ่ะ ปรีดี พนมยงค์ - หัวหน้าขบวนการเสรีไทย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช - เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ผู้นำขบวนการเสรีไทยในสหรัฐอเมริกา ม.จ.ศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ ม.จ.การวิก จักรพันธุ์ - ผู้นำขบวนการเสรีไทยในอังกฤษ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี - พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เสรีไทยในอังกฤษ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ - ผู้มีส่วนช่วยให้ไทยส่งข่าวสารถึงฝ่ายพันธมิตรได้เป็นผลสำเร็จ พล อ.อ. สิทธิ เศวตศิลา หลวงดิฐการภักดี - เลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา นายอนันต์ จินตกานนท์ - เลขานุการโทสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ม.ล. ขาบ กุญชร ( เสรีไทยสายสหรัฐอเมริกา ) พลตรีนิรัตน์ สมัถพันธุ์ ( เสรีไทยสายสหรัฐอเมริกา ) ศาสตราจารย์ ดร.เจริญ เจริญรัชตภาคย์ (เสรีไทยสายสหรัฐอเมริกา ) ศาสตราจารย์ ดร.บุญรอด บิณฑสันต์ ( เสรีไทยสายสหรัฐอเมริกา ) นางสาวกรองทอง ชุติมา ( เสรีไทยสายสหรัฐอเมริกา ) คุณหญิงจินตนา ยศสุนทร ส่งไม่ครบแบบนี้จะโดนตีมั้ยน้า จากคุณ : saravuht - [ 14 ก.ค. 50 00:10:22 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 เอาเฉพาะสายอเมริกันก่อนสิครับ 1. ม.ล.ขาบ  กุญชร ชื่อรหัส Karl 2.  จำรัส  ฟอลเล็ต  Dick 3. โผน อินทรทัต Paul คนนี้พิเศษหน่อย ตัวท่านอาจะไม่เป็นที่รู้จักสำหรับรุ่นเราเท่าไรนัก  แต่บุตรชายของท่าน จะเป็นที่รู้จักกันดี และกระซิบนิดนึงว่า นอกจากลูกท่านจะเป็นเพื่อนเตรียมทหารร่วมรุ่นกับคนดังเจ้าของทีมเรือใบสีฟ้าแล้ว  ชื่อรหัสของเสรีไทยท่านนี้ที่เป็นชื่อไทย คือ ไทย รักไทย ครับ เสียดยท่านเสียชีวตในยุคการเมืองทมิ โดยฝีมือของอัศวินแหวนเพชร ภายใต้ยุคไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ 4. การะเวก  ศรีวิจารณ์ Cary 5. การุณ  เก่งระดมยิง Ken หรือ ผู้การการุณ พิธีกรโทรทัศน์รุ่นบุกเบิก อาจารย์ขนานแท้ของบังเลาะ 6. จก ณ ระนอง Charles 7. จำรูญ  ดิษยนันท์  Kai 8. จินตมัย  อมาตยกุล Jim 9. นิธิพัฒน์  ชาลีจันทร์ Nick  นามสกุลนี้ คนที่อยู่ในวัยทำงานเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คงยากที่จะลึม 10. บุญเย็น  ศศิรัตน์ Bunny 11. บุญรอด บิณฑสันต์ Ben 12. บุญเลี้ยง ตามไท Bob 13. เป้า ขำอุไร Pow 14. พิเศษ ปัตตะพงษ์ Pat   15. พิสุทธ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา Pete 16. ม.จ.ยุธิเสถียร สวัสดิวัตน John 17. สมพงษ์  ศัลยพงษ์ Sal 18. สวัสดิ เชี่ยวสกุล Sam 19.  อานนท์ ณ ป้อมเพชร Arnold 20. ม.ล.เอกชัย กำภู jay 21. เอี่ยม ขันพานนท์ ian 22. วิเชียร วายวานนท  Victor ทั้งหมดนี้ เป็นเสรีไทยสายสหรัฐฯที่เข้าฝึกกับหน่วยโอเอสเอส รุ่นที่ 1 ซึ่งยังมีอีกทั้งรุ่น 2 และรุ่นพิเศษ ชื่อแรกคือชื่อจริง ส่วนชื่อหลังเป็นชื่อรหัสที่ทุกคนต้องเรียกตามที่กำหนดไว้ จนกระทั่งสิ้นสุดภารกิจ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.ค. 50 02:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 48 หารปฎิบัติการด้านการข่าวของอังกฤาและอเมริกันในสงครามภาคพื้นเอเชีย ที่ต้องต่อกรกับญี่ปุ่นนั้น  ปัญหาสำคัญที่สุด คือ ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นในไทยเลย ทั้ง ๆ  ที่ฐานปฎิบัติการใหญ่ของญี่ปุ่นอยู่ในไทยนี่เอง ดังนั้น ภารกิจสำคัญของเสรีไทยสายสหรัฐฯ ที่จะต้องรับมาทำ คือ ประสานกับกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นในไทยให้ได้ (ก่อนเสรีไทยสายอังกฤษ อันนี้เป็นศึกศักดิ์ศรีเล็ก ๆ ) โอเอสเอส เลือกให้เสรีไทยเข้าปฎิบัติการในจีน เพราะที่นั้นมีนายพลเชอร์โนชด์ แห่งฝูงบินทิ้งระเบิด ฟลายอิ้งไทเกอร์ อยู่ และมีการประสานงานกับนายพลสติลเวลของอังกฤษที่กำลังยันทัพญี่ปุ่นในพม่า ศึกในพม่านี่แหละครับ ที่ทำให้เกิดหน่วยปฎิบัติการพืเศษของอังกฤษที่ฝึกมาสำหรับการรบในป่าดิบชื้น คล้ายกับหน่วยทหารพราน หน่วยนี้เขามีคำขวัญประจำหน่วยอันลือลั่น คือ "ขอเวลา 3 วันสำหรับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนปาฎิหารณ์ก็นานกว่านั้นหน่อย" ที่แรกจีนให้เสรีไทยไทยตั้งฐานอยู่คุณหมิง แต่ภายหลังย้ายมาที่ซือเหมา เนื่องจากลักษณะภมิประเทศเอื้อต่อการรับ ส่ง วิทยุมากกว่า การทำงานของเสรีไทยในจีนไม่ค่อยจะราบรื่นนัก เพราะต้องประสานงานกับนายพลไต๋หลี่ ซึ่งมีหน้าที่ในการหาข่าวกรอง นายพลผู้นี้ มีสายลับอยู่ในมือนับหมื่น ๆ คน และมีอุปนิสัยหยิ่งทรนง ถือตัว การทำงานทุกอย่างต้องแจ้งให้เขาทราบ มิฉนั้นจะไม่ได้รับความร่วมมือ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.ค. 50 02:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แต่ก่อนที่จะก้าวไปถึงความขัดแย้งระหว่างเสรีไทยสายสหรัฐฯกับนายพลของจีน  ขอวกมาหาการเริ่มต้นของเสรีไทยสายอังกฤษ อีกสายที่สำคัญอย่างยิ่งของขบวนการเสรีไทยก่อน ซึ่งสายนี้ดูเหมือนจะยิ่งมีความขัดแย้งหนักกว่าสายสหรัฐฯหลายเท่า เริ่มจากท่านทูตไทยประจำประเทศอังกฤษ ประกาศยอมรับในคำสั่งของรัฐบาลไทย ที่ให้นักเรียนไทยในอังกฤษกลับประเทศไทยภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนเชลยศึก  มิฉนั้น จะถูกถอนสัญชาติ และมีความผิดข้อหาทรยศต่อประเทศ ขณะเดียวกัน เมื่อทางสถานทูตไทยไม่เป็นใจเหมือนทางฝั่งสหรัฐฯแล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่ที่อังกฤษในขณะนั้น ก็เป็น "เจ้า" เสียส่วนใหญ่ ครั้นจะให้ท่านเหล่านี้มาเป็นผู้นำ ท่านก็พากันปฎิเสธกันเสียหมด เพราะเกรงว่า ทางไทยจะกล่าวหาว่า เล่นการเมือง เพื่อกลับมาเป็นใหญ่ ดูทกท่านจะขยาดกับกรณีกบฎกู้ชาติ และเกาะนรกตะรุเตากันไปหมด แล้ว หรือแม้กระทั่งได้ผู้นำหรือฟอร์มทีมขึ้นมาเป็นขบวนการเสรีไทยสายอังกฤษแล้ว ก็ยังมีความขัดแย้งระหว่างผู้นำเสรีไทยที่อยู่ในอังกฤษกับผู้ที่เป็นผู้แทนสถานทูตไทยในสหรัฐฯที่ส่งมาให้ช่วยประสานงานจัดตั้งเสรีไทยในอังกฤาเสียอีก เรียกว่าฟัดกันมันส์ ไม่ต่างจากศึกภายนอกที่รบกันสนั่นโลกนั่นเลยทีเดียว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 14 ก.ค. 50 03:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เผลอไปอาทิตย์เดียว กระทู้ยาวเชียว ปล ทำไมเรื่องพวกนี้ไม่อยู่ในแบบเรียน หรือหนังสือทั่วไปนะเนี้ยะ จากคุณ : กริช (กริชครับผม) - [ 14 ก.ค. 50 11:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แวะมาทักคุณป้า wiwanda ครับผม ปกติไม่เคยทันคุณป้าตอนกำลังเขียนเลย เด๋วผมขอเซฟไว้อ่านยามว่างนะครับ คงอ่านไม่จบก่อนพักเบรกแน่ๆ จากคุณ : joblovenuk - [ 14 ก.ค. 50 13:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณเป้า ขำอุไร เสรีไทยสายอเมริกา  เดินเท้าจากจีนตอนใต้เข้ามาปฏิบัติการสายลับในไทย เป็นเสรีไทยอเมริกาคนแรกที่ ส่งวิทยุถึงหน่วยบัญชาการโอเอสเอสที่จีนได้ เมื่อ ตุลาคม พ.ศ 2487 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 50 15:32:31 จากคุณ : Dearance - [ 14 ก.ค. 50 15:29:52 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เอามาเสริมครับ แต่รบกวนตามไปอ่านจาก link http://www.sarakadee.com/feature/2001/12/free_thai.htm จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 14 ก.ค. 50 17:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แหม อุตส่าห์ไปเสาะหารูปท่านยามชรามาจนได้นะครับ เรื่องการส่งวิทยุนี่ น่าสนุก เพราะกว่าจะส่งกันได้ แทบล้มประดาตาย แถมยังมีการข่มกันเล็ก ๆ ระหว่างเสรีไทยสายอเมริกากับอังกฤษ ว่าใครจะส่งได้ก่อนกัน แต่สุดท้าย ก็ส่งได้เพราะคุณแม่ยายอุปถัมภ์ (บุรุษผู้จำต้องมี 3 แม่ คือ ทั้งแม่ตัวแม่ยายและแม่คุณ กรุณาจำและระลึกถึงบุญคุณนี้ไว้ให้ดี) เพราะบ้านที่ไปแอบส่งวิทยุนั้น เป็นบ้านแม่ยายของนายตำรวจสันติบาลที่หลวงอดุลย์อบหน้าที่ให้ควบคุมดูแลเหล่าเสรีไทย บ้านหลังนี้อยู่ในชุมชนสวนอ้อย ตรงข้าม ร.พ.วชิระ ซึ่งเป็นดงทหารเรือ และเคยโดนทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเขายังสงสัยกันอยู่ว่า มีการชี้เป้าแบบอิงการเมืองหรือเปล่า เอาไว้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน ตอนนี้เอาเรื่องการเมืองในเสรีไทยสายอังกฤษก่อน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ก.ค. 50 02:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เสรีไทยสายอังกฤษนั้น จะมีผู้เกี่ยวข้องหลัก ๆ ที่ทำให้เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นและผันแปรไปตามขบวนั้นอยู่ 4 กลุ่ม(บางกลุ่มก็เป็นท่านเดียว) ท่านแรกคือ ท่านทูตไทยในอังกฤษ (ไม่ต้องเอ่ยชื่อท่าน น่าจะดีกว่ามั๊ง)  กลุ่มต่อมา คือ นักเรียนไทยในอังกฤษ ตอนนั้นมีทั้งที่เรียนอยู่ที่เคมบริดจ์ ออกฟอร์ด และลอนดอน อีโคโนมิกส์ และกลุ่มที่ 3 คือ นายมณี  สาณะเสน  ตัวแทนจากสถานทูตไทยในวอชิงตัน และท่านสุดท้าย คือ ท่านชิ้น หรือหม่อมเจ้าศุภวสัดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ ตัวละครทั้ง 4 กลุ่มนี้จะผลัดกันแสดงบทบาทของตน ทั้งที่รู้และไม่รู้กัน บางครั้งด้วยหน้าที่งานราชการ ก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลกันได้อย่างจริงใจ ทำให้กลายเป็นเรื่องขัดแย้งกันในขณะนั้นด้วยกันแทบทุกฝ่าย เริ่มจากปฎิกิริยา หลังรับบาลของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ประกาศสงครามกับสหรัฐฯและบริติชก่อน อย่างที่เล่าไปแล้วว่าในไทยนั้น นายปรีดี พนมยงค์ ได้หารือกับสมัครพรรคพวก รวมกันเป็นขบวนการต่อต้านญี่ปุ่น และตั้งใจจะเริ่มด้วยการตัดภาคเหนือออกจาภาคกลาง ด้วยการทำลายเส้นทางรถไฟแถวบ้านดารา แล้วตั้งกองบัญชาการทางภาคเหนือ เพื่อต้านญี่ปุ่นโดยมหลังอิงอยู่กับพม่าที่ขณะนั้นเป็นเมืองขึ้นอังกฤษอยู่ แต่ไม่สำเร็จ ฝ่ายสหรัฐฯ ทันทีที่จอมพล ป.ประกาศสงคราม  ม.ร.ว.เสนีย์  ปราโมช ก้ประกาศผ่านวิทยุกะจายเสียงที่ซานฟรานซิสโก ไม่ยอมรับการกระทำของรัฐบาลไทยทันที  จากนั้นก็ฟอร์มตัวกันก่อตั้งเสรีไทย เพื่อร่วมฝึกกับโอเอเอสของสหรัฐฯเพื่อทำหน้าที่เป็นแนวที่ 5 ในประเทศ แต่ที่อังกฤษไม่ง่ายแบบนั้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ก.ค. 50 02:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 56 กลุ่มที่เคลื่อนไหวที่อังกฤษจะมีหลายกลุ่ม และกว่าจะประสานกันได้ ก็สาหัสสากรรจ์เหลือหลาย  อีกทั้งยังมีเรื่องที่ต้องปกปิดกันจนเกือบจะเข้าหน้ากันไม่ติด กลุ่มนึงซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเสรีไทยสายอังกฤษ คือ นักศึกษาไทยที่เคมบริดจ์ ซึ่งมีจำนวน 15 คน (หม่อมเจ้าภีศเดช บันทึกไว้ว่า จริง ๆ มี 16 คน แต่อีกคนนึงไม่ค่อยจะคบค้าสมาคมกับนักเรียนไทยคนอื่น ๆ พวกก็เลยไม่อยากจะนับรวมไปด้วย) กลุ่มนี้เริ่มจาก ม.จ.ภีศเดช กับสว่าง  สามโกเศส ไปขอสมัครเป็นทหารในกองทัพอังกเอาดื้อ ๆ แต่เขาไม่ยอมรับ  ก็เลยมาประชุม่วมกับเพื่อนที่ห้องของนายเสนาะ  นิลกำแหง ที่ควีนส์ คอลเลจ ในเคมบริดจ์  โดยหารือกันว่า ลำพังเพียงแค่นักเรียนไทย จะไปขอเข้าร่วมรบนั้น เห็นทีจะไม่มีใครเชื่อถือ  คงต้องหาหัวหน้าที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอังกฤษเสียหน่อย   บุคคลแรกที่กลุ่มนักเรียนไทยคิดถึงคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เพราะเป็นผู้มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับในอังกฤษ เนื่องจากเป็นเจ้าของทีม หรือเจ้าของรถที่ พ.พีระ ลงแข่งขันจนได้แชมป์ 3 ปีติดต่อกัน แต่เรื่องการเมืองดูว่าพระองค์จะห้ความสนใจต่างจากกิจการแข่งรถ ด้วยคำตอบที่ว่า " ฉันไม่เล่นการเมือง ฉันปฎิบัติราชการในกองรักษาดินแดนของอังกฤษอยู่แล้ว" จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ก.ค. 50 03:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ท่านต่อมาท่นักเรียนไทยได้หารือกัน คือ ท่านชิ้น หรือ หม่อมเจ้าศุภวสัดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์ ซึ่ง ทศ  พันธุมเสน 1 ในเสรีไทยสายอังกฤษ บันทึกไว้ว่า ที่ประชุมไม่เลือก เพราะเกรงว่าจะเป็นข้อสงสัยว่าจะมีการ "ลมพัดหวน" ทางการเมืองขึ้น ประเด็นนี้เท่าที่เจอในหนังสือต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเสรีไทยสายอังกฤษ ไม่ค่อยจะตรงกันเท่าไรนัก คนแรกที่แย้งทศ คือ ม.จ.ภีศเดช ที่ท่านเขียนไว้ว่า จำไม่ได้เหมือนกันว่ามีการหารือในประเด็นนี้หรือเปล่า ขณะที่บันทึกของท่านชิ้น บอกว่า นายเสนาะ  ตันบุญยืน และ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นที่มาพบท่านเอง เพื่อหารือเรื่องการกู้ชาติ อีกด้านนึงก็บอว่า นักเรียนไทยในอังกฤษ คิดถึงท่านทูตไทยก่อน แต่ไม่สำเร็จ เพราะท่านทูตขอถอนตัวกลับไทยในฐานะการแลกเปลี่ยนเชลย  แม้ว่านายเสนาะ  นิลกำแหง ลูกศิษย์วิชากฎหมายจะไปขอร้องด้วยตนเองแล้ว แถมยังขู่กลับมาด้วยว่า หากไม่กลับไปจะถูกถอนสัญชาติไทยและมีความผิดฐานกบฎ สุดท้าย ก็ให้นายเสนะ ตันบุญยืน เขียนหนังสือถึง หม่อมเสนีย์ที่วอชิงตันโดยตรง เพื่อขอเชิญให้หม่อมมาจัดตั้งเสรีไทยขึ้นในอังกฤษ  หลังจากที่ผิดหวังซ้ำสองกับการเชิญเจ้าจุลฯ และคิดว่าไม่น่าเชิญท่านชิ้น เพราะเกรงเรื่องการเมือง ซึ่งเรื่องนี้หม่อมเสนีย์ ตอบกลับมาว่าไม่สามารถมาได้ แต่จะให้นายมณี  สาณะเสน มาแทน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ก.ค. 50 03:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ดีแฮะวันนี้ไม่มีการบ้าน :D จากคุณ : saravuht - [ 15 ก.ค. 50 04:02:46 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 ก็การบ้านคราวที่แล้วยังไม่ส่งนี่น่า เอาไปก้ได้ รายชื่อของนักเรียนไทยในอังกฤษที่เลือกที่จะไม่กลับบ้านตามคำสั่งของรัฐบาล แล้วกลายร่างเป็นเสรีไทย มีใครบ้าง ส่วนที่เลือกกลับบ้าน โดยไม่อยู่ต่อ มีใครบ้าง เอาไป 2 ข้อเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ก.ค. 50 11:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ท่านชิ้น กล่าวถึงเรื่องการร่วมมือกับอังกฤษในฐานะคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศสงครามของรัฐบาลจอมพล ป.ต่างกันออกไป ท่านชิ้นกล่าวว่า ท่านมีปฎิกิริยามตั้งแต่วันแรกทื่ญี่ปุ่นบุกไทยแล้วว่า คงจะต้องเข้าร่วมสู้รบอยู่ข้างอังกฤษเป็นแน่แท้  จึงไดเขียนหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลว่าขออาสาเข้าร่วมต่อกรกับญี่ปุ่น นายกฯเชอร์ชิล ตอบหนัสือกลับมายังท่านชิ้น เมือวันที่ 1 มกราคาปีถัดมาว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขอให้เข้าช่วยทำการในกรมเสนาธิการของกองทัพอังกฤษ เพื่อทำแผที่ประเทศไทย และรวบรวมข่าวสารเกี่ยวกับประเทศไทย นอกจากนี้ หลังจากที่ ม.ร.ว.เสนีย์  ปราโมช  ปราศรัยออกทางวิทยุ ประกาศไม่ยอมรับที่รัฐบาลไทยร่วมมือกับญี่ปุ่น ประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐฯ  ท่านชิ้นก็เขียนจดหมายส่วนตัวถึงหม่อมเสนีย์ เพื่อสมัครเข้าร่วมด้วย และจกระทั่งเดือนมีนาคม 2485 นั่นแหละ  ท่านจึงได้พบกับนักรียนไทยในอังกฤษโดยตรง 2 ท่าน คือ นายเสนาะ ตันบุญยืน  และนายป๋วย  อึ๊งภากรณ์ ที่มาหาถึงท่บ้าน และปรารถว่ามีนักเรียนไทยหลายคนที่อยากจะสู้รบกับญี่ปุ่น  ซึ่งท่านชิ้นเมื่อสอบถามจนแน่ใจในเจตนารมณ์แล้ว ก็อาสาว่าจะช่วยประสานงานกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษให้ จากนั้นจึงได้เขียนหนังสือถึงนายกฯเชอร์ชิล เพื่อแจ้งเจตนารมณ์นี้ พร้อมเขียนแผนประกอบไปด้วยว่า นักเรียนเหล่านี้น่าจะตั้งขึ้นเป็นหน่วยรบย่อย ๆ (กองโจร สอดแนม)โดยจะประสานกับเสรีไทยสายสหรัฐฯให้ ที่ท่านชิ้นทำเช่นนี้ได้ เพราะท่านเองจบจากโรงเรียนนายร้อยแซนเฮิร์ท ของอังกฤษ ทำให้สามารถมีมุมมองในการยุทธ และเขียนแผนยุทธการได้น่าเชื่อถือ ส่วนดร.ป๋วย ขณะนั้นอายุ 26 ปี ศึกษาอยู่ที่ อีโคโนมิกส์ สกูล ออฟ ลอนดอน และภาพลักษณ์ของท่าน คือ ผู้นำเสรีไทยสายอังกฤษในส่วนของนักเรียนไทย  ขณะที่ภายในกันเองยังมีบางส่วนที่ไม่ค่อยยอมรับการเป็นผู้นำของ ดร.ป่วย ด้วยเหตุไม่เป็นเรื่อง เช่น อายุน้อย หรือ เรียนที่ ม.ลอนดอน ซึ่งศักดิ์ศรีต่ำกว่าเคมบริดจ์หรือออกฟอร์ด  แต่การที่ท่านได้รับเลือกให้โดดร่มเข้าเมืองไทยเป็นชุดแรก ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถทั้งทางการทหารและความเป็นผู้นำรวมทั้งความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ในไทย พอที่จะทำหน้าที่นี้ได้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ก.ค. 50 11:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แผนของท่านชิ้น คือ รวบรวมนักเรียนไทยและคนไทในอังกฤษที่มีความพร้อมที่จะเป็นทหาร เข้ารับการฝึก และจัดตั้งเป็นหน่วยย่อย ๆ เข้าไปปฎิบัติงานในดินแดนของไทย  ซึ่งท่านได้เขียนหนังสือและแจ้งแผนนี้ไปเพื่อขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ประสานงานกับหม่อมเสนีย์ที่สหรัฐฯได้ ส่วนแผนยุทธการนั้นได้ส่งต่อไปยังกรมเสนาธิการทหารเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับแจ้งจากกรมเสนาธิการให้เข้าพบกับนายทหารยศพันตรี เพื่อหารือร่วมกันอีกครั้ง ก่อนจะส่งแผนเข้าสู่การพิจารณาขั้นสุดท้าย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ก่อนที่นายมณี  สาณะเสน จะเดินทางมาถึงลอนดอน ในเดือนมิถุนายนนั้นเอง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ก.ค. 50 11:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 62 T-T ปากพาจนจริงๆเรา ส่งพรุ่งนี้นะครับ ไปหาข้อมูลก่อง จากคุณ : saravuht - [ 15 ก.ค. 50 11:49:05 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 63 เสนอหน้ามาลงชื่อครับ เหมือนเดิม วันอาทิตยเอาอะไรเบาๆไปอ่านครับ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=zxcv จากคุณ : ryzon - [ 15 ก.ค. 50 14:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 นายมณี  สาณะเสนนั้นตามประวัติแล้ว ท่านเป็นบุตรของพระยาวิสูตรโกษา (ฟัก สาณะเสน) นักการทูตที่เคยดำรงตำแหน่งในประเทศยุโรปหลายประเทศ  ซึ่งขณะที่นายมณี มีอายุได้ 5 ปี ก็เป็นช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งทูตอยู่ที่กรุงลอนดอน ทำให้นายมณีได้มีโอกาสศึกษาอยู่ที่ลอนดอน จนกระทั่งจบการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศจากตรีนิตี คอลเลจ ออกฟอร์ด ระดับเกียรตินิยม และสอบได้เนติบัญฑิตในปี 2467 ก่อนหน้าหม่อมเสนีย์ 4 ปี เดิมทีนั้นนายมณีทำงานให้กับองค์การสันนิบาตชาติ แต่เมื่อองค์กรนี้ถูกยุบไป ท่านก็สมัครเข้ารับราชการที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย และขณะที่เดินทางกลับประเทศผ่านทางสหรัฐฯ ก้ได้รับคำสั่งให้ช่วยราชการอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ด้วยพื้นเพการศึกษาที่มาจากอังกฤษ และมีดอกาสทำงานในองค์กรระดับนานาชาติ ทำให้หม่อมเสนีย์ ตกลงใจให้นายมณี  สานะเสน เป็นผู้ประสานงานจัดตั้งเสรีไทยในลอนดอน ซึ่งได้ทำหนังสือถึงสถานทูตอังกฤษที่กรุงวอชิงตัน  เพื่อขออนุญาตเดินทางไปลอนดอนเพื่อจัดตั้งเสรีไทยขึ้น ทางสถานทูตอีงกฤษตอบรับให้นยมณี เดินทางไปเพื่อภารกิจนี้ได้ แต่ย้ำว่าจะเพียงแค่อำนวยความสะดวกให้ตามความเหมาะสม ไม่ถึงขั้นสนับสนุน เพราะมีสถานภาพสงครามกับไทยอยู่ ก่อนหน้าที่นายมณี จะเดินทางมาถึงกรุงลอนดอนสัก 1 เดือน ท่านชิ้นได้เชิญให้ป๋วย และเสนาะ  ตันบุญยืนมาที่บ้าน (เห็นไหมข้อมูลไม่ตรงกันอีกแล้ว คราวนี้บอกว่าท่านชิ้นเป็นฝ่ายเชิญ แต่บันทึกของท่านชิ้นบอกว่า ป๋วยและเสนาะ เดินทางมาหาท่านเองที่บ้าน) และหลังจากที่นายมณีได้เดินทางมาถึงกรุงลอนดอนแล้ว ก้ได้หารือกับท่านชิ้น โดยตกลงกันว่า การรวบรวมและจัดตั้งนักเรียนไทยในอังกฤให้เป็นเสรีไทยสายอังกฤษจะเป็นหน้าที่ของนายมณี เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบโครงสร้างของเสรีไทยสายสหรัฐฯ ส่วนท่านชิ้นนั้นขอทำหน้าที่ในการประสานงานกับกรมเสนาธิการทหารอังกฤษ เพื่อจัดทำแผนยุทธการของเสรีไทยเพียงอย่างเดียว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ก.ค. 50 01:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เรื่องการแบ่งหน้าที่นี้ ท่านชิ้น บันทึกไว้ว่า เนื่องจากงานของท่านเป็นงานเขียนแผนยุทธการทางทหาร ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด หรือแม้กระทั่งว่าทำงานอะไรกับใครบ้าง เพราะถือเป็นความลับทางทหาร ทำให้นักเรียนไทยในอังกฤษ เข้าใจว่าท่านไม่เต็มใจช่วยเหลือในการก่อตั้งเสรีไทยในอังกฤษ แม้กระทั่งบันทึกของ ม.จ.ภีศเดช ยังกล่าวถึงแค่ว่านักเรียนไทยไม่ยอมรับให้ท่านชิ้นเป็นหัวหน้า และเมื่อหาใครไม่ได้ ก็เลยโทรเลขถึงหม่อมเสนีย์เพื่อให้มาจัดตั้งเสรีไทยในอังกฤษขึ้น และเป็นแต่นายมณี  สาณะเสนเท่านั้นที่เป็นผู้ช่วยให้ทางการอังกฤษยอมรับนักเรียนไทยที่ถือเป็นชนชาติศัตรู เข้าเป็นทหารของกองทัพอังกฤษ "คุณมณีมาและจัดการให้พวกเราเป็นทหารได้สำเร็จ แต่ก็นาน" จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ก.ค. 50 01:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 66 หลังจากมาถึงกรุงลอนดอนได้ 2 สัปดาห์ นายมณีก็เริ่มงานแรกด้วยการส่งประกาศไปยังนักเรียนไทยในอังกฤษทั้งหมดว่า "นายมณี  สาณะเสน ผู้แทนเสรีไทย ใคร่ทราบนามของผู้ที่ตกลงใจจะอยู่ในประเทศอังกฤษเพื่อต่อสู้ญี่ปุ่นต่อไป จึงได้ส่งหลักการและถามความจำนงมายังท่าน หลักการ 1. ผู้ที่ประสงค์จะอยู่ในประเทสอังกฤษเพื่อสู้กับญี่ปุ่น จะต้องรับอาสาทำงานทุกอย่าง มิจำกัดว่าเป็นงานประเภทใดที่รัฐบาลอังกฤษจะสั่งให้ทำ 2. ผู้ที่ไม่กลับ รัฐบาลกรุงเทพฯจะตัดสัญชาติไทย และไม่ได้เข้าประเทศไทยจนกว่าญี่ปุ่นจะแพ้ 3. ถ้าท่านสมัครจะอยู่ ท่านจะได้เป็นเรี่ยวแรงช่วยเหลือกันกู้อิสรภาพของชาติเราให้สมกับที่ท่านเกิดมาเป็นลูกผู้ชายไทย ฉะนั้นขอให้ท่านตรึกตรองดูให้ดี แล้วโปรดกรอกฟอร์มส่งไปยังนายมณี สาณะเสน บราวน์โฮเต็ล โดเวอร์สตรีท พิคคาเดลลี่ ลอนดอน ก่อนวันอังคารที่ 23 มิถุนายนนี้ (อ้าว เลยกำหนดแล้วนี่) หากมิส่งมาตามกำหนดจะถือว่าไม่สมัครอยู่                                                 เสรีไทย                                   17 มิถุนายน 2485 อ่านประกาศแล้วใครสนใจที่จะสมัครเป็นเสรีไทยบ้างครับ ก่อนจะกรอกแบบฟอร์ม ก็ให้นึกก่อนนะครับว่า ตอนนั้นไม่มีใครทราบหรอกว่าผลของสงครามจะเป็นอย่างไร  หากญี่ปุ่นและเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ ท่านคงต้องตกเป็นเชลย และส่งกลับไปพิพากษาที่เมืองไทยในฐานะผู้ทรยศต่อชาติ ซึ่งมีโทษประหารเพียงอย่างเดียว  เพราะนี่เป็นสายอังกฤษที่เยอรมันจ่อหน้าประตูอยู่  ไม่เหมือนสหรัฐฯที่ยังไงซะกว่าญี่ปุ่นจะบุกไปถึง ก็คงงอมพระรามเสียก่อน แล้วถ้าอังกฤษแตกเหมือนกับปารีส  ท่านคงต้องหาทางกระเสือกระสนหนีไปอเมริกา ที่มั่นสุดท้ายให้ได้   ลองหาหนังเรื่อง คาซาบลังกา มาดูครับว่า กว่าฝรั่งเศสเสรีจะหาเส้นทางหลบหนีออกจากยุโรปเพื่อขึ้นเครื่องไปสหรัฐฯได้นั้นมันสาหัสขนาดไหน  นั่นขนาดเขาอยู่บนภาคพื้นทวีปนะ  แล้วคุณอยู่บนเกาะ จะให้ว่ายน้ำไปหรือไง รู้แบบนี้แล้ว ก็ลองคิดดูดี ๆ ถ้าไม่มั่นใจ ก็ฉีกใบสมัครทิ้งแล้ว เดินทางกลับไทยในฐานะเชลยแลกเปลี่ยนก็ได้ อย่างมากก็แค่มาคอยชกหน้าโกโบริ ที่บังอาจมาด้อม ๆ มอง ๆ ส่องหิ่งห้อยเป็นข้ออ้างเวลามาจีบแม่สาวอังฯเท่านั้นแหละ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 50 02:03:18 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ก.ค. 50 01:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ความขัดแย้งแรกที่เกิดขึ้นระหว่างนายมณี สาณะเสน กับท่านชิ้น คือ เมื่อรัฐบาลอังกฤษตกลงใจให้นักเรียนไทยเข้ารับราชการในกองทัพอังกฤษแล้ว ก็ส่งให้นักเรียนไทยที่ตอบรับการเป็นเสรีไทย เข้าร่วมในหน่วยที่ชื่อว่า Pioneer Corps ซึ่งแม้ว่าชื่อจะฟังดูไพเราะ แต่หน้าที่หลักของหน่วยนี้ก็คือทหารโยธาหรือทหารกรรมกร ใช้แต่แรงงานเท่านั้นเอง เหตุผลที่นักเรียนไทยต้องเข้ารับการฝึกและประจำการในทหารหน่วยนี้ในฐานะพลทหารนั้นมีเหตุผลต่างกันออกไปแล้วแต่ผู้จะเล่า  เช่น ท่านชิ้น จะบอกว่า สาเหตุที่อังกฤษบรรจุเสรีไทยเข้าหน่วยนี้ เพราะหน่วยที่แท้จริง คือ Force 136 ที่อินเดีย ที่มีหน้าที่ทำการรบกับญี่ปุ่นฝั่งเอเชียนั้น ยังจัดตั้งได้ไม่เรียบร้อยดี นอกจากนี้ การบรรจุเข้าไปยังหน่วยโยธา ยังเป็นการพรางไม่ให้ผู้ใดสงสัยว่า ทหารเหล่านี้จะทำหน้าที่อะไร เพราะค่อนข้างแน่นอนว่า จำนวนคนเพียงไม่ถึง 50 คน ที่สมัครเช้าเป็นทหารนั้น คงนำไปใช้ในการสู้รบในกองทหารหลักไม่ได้   ยิ่งนี่เป็นสงครามโลก ไม่ใช่กรณีพิพาทเล้ก ๆ น้อย  ๆ แค่จำนวนทหารที่ตายในแต่ละวัน แค่แนวปะทะเดียวก็มากกว่าจำนวนนักเรียนไทยที่มาสมัครเป็นเสรีไทยสายอังกฤษทั้งหมดแล้ว ขณะที่นายมณี ไม่ทราบความตามข้อนี้ เพราะถือว่าเป็นความลับทางการทหาร  ทำให่นายมณีเข้าใจว่าทางการอังกฤษไม่สนใจใยดีกับเสรีไทยนี้แต่อย่างใด จึงส่งไปอยู่หน่วยแรงงานที่หาความสำคัญทางการทหารไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่นักกเรียนไทยที่อาสาสมัครเข้ามานั้น ล้วนแต่เป็นผู้มีความรู้สูง  ทั้งหมดเป็นผู้ผ่านการศึกษาหรือกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของอังกฤษ  น่าจะทำงานที่ต้องใช้ความสามารถและเป็นประโยชน์มากกว่านี้ ท่านชิ้น บันทึกไว้ว่า นายมณี ถึงกับลอบวิ่งเต้นทางหลังบ้านของนายพลของกรมเสนาธิการ เพื่อให้จัดให้นักเรียนไทยเหล่านี้เข้าประจำในกรมทหารที่ต้องใช้ทักษาสูงกว่านี้ เช่น แปลเอกสาร หน่วยการข่าว หรือการกระจายเสียงภาษาไทยไปยังประเทศไทย เหมือนที่หม่อมเสนีย์ทำที่สหรัฐฯ แต่กรมเสนาธิการทหารอังกฤษก็ไม่ยินยอม และห้ามไม่ให้ท่านชิ้นแจ้งเหตุผลต่อนายมณีด้วย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ก.ค. 50 02:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ข้างฝ่ายนักเรียนไทยและคนไทยในสถานทูตที่สมัครใจเข้ารับการฝึกนั้น เห็นทีจะไม่สนใจว่าเขาจะส่งไปเป็นกรรมกรทหารแต่อย่างใด เพราะเมื่อถึงวันนัดของกองทัพอังกฤษที่ให้เสรีไทยไปตรวจร่างกายท่ลอนดอน ในวันที่ 7 สิงหาคม 2485 ซึ่งในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่บรรดาเสรีไทยทั้งหมดด้วย จากนั้นเสรีไทยที่เป็นชายจำนวน 40 คน (มีผู้หญิงร่วมด้วย 5 คน) ไปตรวจร่างกายที่หน่วยแพทย์ทหาร ปรากฎว่ามีผู้ไม่ผ่านการตรวจ 4 คน จึงทำให้นักเรียนไทยได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นทหารของกองทัพบกอังกฤษรุ่นแรก จำนวน 36 คน จริง ๆ จะว่ารุ่นแรกก็ไม่น่าใช่ เพราะก่อนหน้าที่จะมีการระดมอาสาสมัครนักเรียนไทยครั้งนี้ ได้มคนไทยสมัครเข้ารับราชการในกองทัพอังกฤษ เนื่องจากภาวะสงครามก่อนหน้านี้แล้ว เช่น ท่านชิ้นเองก็เป็นนักเรียนนายร้อยของอังฤษ เมื่อเกิดสงคราม ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหายศพันตรีไปตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม ส่วนอีกท่านหนึ่ง คือ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช  นักเรียนแพทย์ เคมบริดจ์  ได้สมัครเข้าเป็นนักเรียนนายเรืออากาศและได้เข้าร่วมรบใน "สงครามแห่งบริเตน" ที่เป็นการดวลกันระหว่างเครื่องบินขับไล่อังกฤษกับฝูงบินทิ้งระเบิดเยอรมัน พร้อมกองทัพเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงมาแล้ว แถมยังได้ทรงเข้าร่วมปฎิบัติการบุกนอร์มังดีอีกด้วย ถามว่าทำไมท่านจึงไม่รอเข้าร่วมกับเสรีไทย  เรื่องนี้ คงต้องย้อนไปอ่านบันทึกของ มจ.ภีศเดช ดูอีกทีแล้วกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ก.ค. 50 02:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เรื่องการบรรจุนักเรียนไทยเข้าเป็นพลทหารในหน่วยกรรมกรนี้ ในเบื้องต้น เนื่องจากเป็นความลับทางทหาร เหล่านักเรียนไทยเองก็คงไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ถึงจะข้องใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่โวยวายอันใด เพราะเป็นเจตนารมณ์อยู่แล้วว่าจะต้องเข้าร่วมรบเพื่อประเทสไทยในรูปแบบของทหารที่แท้จริง ไม่ใช่จารชนแนวที่ 5 ที่หากถูกจับได้ก็ถูกประหารอย่างไร้ศักดิ์ศรี ป๋วย อึ๊งภากรณ์ พูดถึงเรื่องหน่วยทหารหน่วยนี้ไว้ว่า " เป็นหน่วยที่ถือกันว่าไม่สู้จะมีเกียรติ ชนชาติศัตรู  ถ้าจะสมัครเป็นทหาร ก็ให้เข้าหน่วยนี้ ถ้าเป็นคนอังกฤษก็ต้องเป็นกรรมกรที่ไม่มีคุณวุฒิ หรือไม่มีความชำนาญในการใด ๆ เพราะหน่วยนี้ทหารมีหน้าที่ขุดมันฝรั่ง ล้างส้วม ทำความสะอาดโรงอาหารหรือที่พัก หรือรักษาการณ์เป็นยาม เป็นต้น" จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ก.ค. 50 02:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เสริมครับ อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์บันทึกถึงบทกลอน ที่กลุ่มเสรีไทยในอังกฤษ แต่งบรรยายสภาพการฝึกทหารตอนนั้น ไว้ในบทความ “ทหารชั่วคราว”     "งานเฝ้ายามตามไฟได้ฝึกฝน ตวาดคนหวั่นกลัวจนตัวสั่น เวรกลางคืนปืนกับหอกออกประจัญ เวรกลางวันถือสง่าคทาพลอง      บางเวลาพากันขุดมันเทศ พลางร่ายเวทด่าฝรั่งกันดังก้อง ขุดขนไป ด่าไปในทำนอง พวกนายกองชอบใจเพราะไม่รู้ ..... " จากคุณ : Dearance - [ 16 ก.ค. 50 21:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 โรงแรมบราวน์ ที่ตั้งของสำนักงานเสรีไทยในอังกฤษครับ จากคุณ : Dearance - [ 16 ก.ค. 50 21:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แสดงว่า เสรีไทยในอังกฤษจะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ในอินเดีย ใช่หรอืเปล่าครบ แต่ยังไม่ประกาศ จากคุณ : กริชครับผม - [ 16 ก.ค. 50 22:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ใช่ครับ เพราะทั้งสหรัฐฯและอังกฤษ มีฐานปฎิบัติการอยู่ที่อินเดีย (ศรีลังกา)  แต่ที่จีนนั้นมีแต่ของสหรัฐฯเท่านั้น แถมเจียงและเล่าขึนศึกก็ไม่ใช่คนที่จะคุยรู้เรื่องสักเท่าไรด้วย โรงแรมบราวน์ สวยมากครับ ไปหามาได้ยังไงนี่ เสรีไทยสายอังฤษต้องฝึกทั้งกระบวนทหรและกระบวนการขุดมันอยู่อย่างนั้นกว่า 3 เดือน ทางการอังกฤษก็เตรียมตัวส่งไปฝึกต่อแบบเป็นกิจลักษณะให้สอดคล้องกับภารกิจจริง ๆ ที่อืนเดีย  โดยนัดที่จะให้ลงเรือในเดือนธันวาคม 2485 แต่ก็ตกเรือเสียอีก  ให้ต้องกลับไปเข้าค่ายฝึกอีกครั้ง เพื่อรอเวลา คนเราคราวจะซ..ย ค่ายที่พักเก่าของพลพรรคเสรีไทย เต็มหมดแล้ว เพราะมีทหารใหม่เข้ามา ทำให้ต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่ค่าย Odsal จนกระทั่งถึงวันที่ 16 มกราคม จึงได้เดินทางมาที่ท่าเรือเมืองลิเวอร์พูลอีกครั้งเพื่อเตรียมลงเรือ Sibayak ซึ่งเป็นเรือสินค้าของฮอลแลนด์ และต้องรออีก 2 วันเรือจึงได้ฤกษ์ออกจากท่า เดินหน้าสู่อินเดีย จะว่าเดินหน้าก้ไม่ถูกหรอกครับ เพราะตอนนั้น เรืออูยังแผลงฤทธิ์อยู่ เรือต้องเดินทางพร้อมกันเป็นขบวนและมีเรือคุ้มกันอีกเพียบ  ออกเดินทางอ้อมแอฟริกาทั้งทวีป ผ่านแหมกู๊ดโฮปแล้วจึงแวบย้อนขึ้นไปอินเดีย รวมแล้วเสรีไทยใช้เวลาเดินทางากอังกฤษไปอินเดียถึง 100 วัน  พอ ๆ กับเวลาที่ใช้ในการฝึกทหารเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ก.ค. 50 23:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขณะที่เสรีไทยฝ่ายนักเรียนเดินทางโดยเรือไปแล้ว แต่ พ.ท.อรุณ งเป็นชื่อจัดตั้งของท่านชิ้น ยังอยู่ที่ลอนดอน เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปสมทบทางเครื่องบิน แต่ก่อนหน้านั้น ท่านชิ้นยังต้องเผชิญกับมรสุมทางการเมืองระหว่างคนไทยด้วยกันก่อน บันทกของท่านชิ้น บอกไว้ว่า ระหว่างที่เสรีไทยได้เดินทางออกจากอังกฤษไปแล้ว   นายทหารจากกรมเสนาธิการทหารอังกฤษ ก็ได้นำความมาเล่าให้ท่านชิ้นฟังถึงทัศนะที่คนไทยในอังกฤษมีต่อท่านชิ้นว่า มีความหวาดระแวงว่าท่านจะนำงานนี้เป็นใบเบิกทางในการกลับเข้าไปมีบทบาททางการเมืองในสยาม ถึงขั้นจะฟื้นฟูระบอบสมบูรณญาสิทธิราช นอกจากนี้ นายมณี  สาณะเสน ยังไม่ค่อยชอบท่านชิ่นเท่าไร เพราะมีรายงานที่นายมณีส่งไปยังหม่อมเสนีย์ที่สหรัฐฯ เป็นหลักฐานยืนยัน  ซึ่งทางกองเซนเซอร์ของทางการอังกฤษตรวจพบได้  โดยระบุว่า นายมณี ต้องการที่จะมีความดีความชอบในเรืองเป็นผู้จัดตั้งเสรีไทยในอังกฤษเพียงผู้เดียว  โดยในรายงานนั้น นายมี ไม่กล่าวถึงผลงานของท่านชิ้นเลย และที่หนักไปกว่านั้น คือ มีการปล่อยข่าวว่าการที่ทางการอังกฤษ ไม่สนับสนุนการทำงานของนายมณี แต่กลับไปสนับสนุนท่านชิ้นมากกว่านั้น เป็นเพราะอังกฤษต้องการใหท่านชิ้น เป็นผุ้กลับไปฟื้นระบบสมบูรณฯขึ้นในไทย  ซึ่งทำให้เป็นที่เข้าใจผิดระหว่างคนไทยด้วยกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.ค. 50 00:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 75 พับเรื่องของเสรีไทยสายอังกฤษและอเมริกาเอาไว้สักนิด  แล้วย้อนกลับมาดูที่เสรีไทยในไทยบ้าง เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เสรีไทยทั้ง 2 สายนอกประเทศต้องมาบรจบกับงานของเสรีไทยในประเทศ นั่นคือการไปพบนายจำกัด พลางกูร ที่จีนให้ได้ เรื่องของนายจำกัด พลางกูร นั้น เริ่มต้นตั้งแต่หลังจากที่รัฐบาลไทยภายใต้การนำของจอมพล ป.ได้ประกาศสงครามกับบริเตรนและสหรัฐฯแล้ว  ก้ได้มีการปรับเปลี่ยน ครม.ด้วย โดยให้เหตุผลว่า  ตอนนี้รัฐบาลเปลี่ยนนโยบายจากเป็นกลาง เป็นให้การสนับสนุนญี่ปุ่นแล้ว ตัวรัฐมนตรีก็ต้องเปลี่ยนบางตำแหน่งด้วย ดังนั้น เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ก็เกิดการปรับ ครม.ขึ้น โดยมีเป้าใหญ่อยู่ที่หลวงประดิษฐฯกับนายดิเรก  เนื่องจากทั้งคู่ถูกญี่ปุ่นเพ็งเล็งว่าไม่ให้การสนับสนุนญี่ปุ่น เริ่มจากนายปรีดี พนมยงค์ รมว.คลัง ที่พยายามขัดขวางไม่ให้ญี่ปุ่นกู้เงินจากไทยโดยไม่มีหลักประกัน  จนได้รับข้อเสนอจากจอมพล ป.ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้เร็จราชการแทนตำแหน่งที่ว่างลง จากนั้นก็เป็นนายดิเรก  ชัยนาม รมว.ต่างประเทศ  จอมพล ป.เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน และส่งนายดิเรก  ไปเป็นทูตที่ญี่ปุ่น ซึ่งครั้งแรก นายดิเรกก็ไม่เต็มใจที่จะรับตำแหน่งนี้  แม้ว่าหลวงอดุลฯจะมาเกลี้ยกล่อมก็ตาม  จนกระทั่งนายดิเรกได้ไปหารือกับหลวงประดิษฐฯ ซึ่งได้รับคำแนะนำว่า ควรท่จะรับตำแหน่งนี้ เพราะอย่างน้อยก็ได้มีโอกาสออกไปนอกประเทศ เผื่อจะมีช่องทางในการติดต่อกับทูตฝ่ายสัมพันธมิตรได้บ้าง หรืออย่างไม่ได้อะไรเลย ก็น่าจะใช้โอกาสนี้ในการผ่อนหนักผ่อนเบากับญี่ปุ่น  ไม่ให้เขาบังคับเรามากจนเกินไป ก็เป็นอันว่าตกลง แต่เมื่อไปถึงแล้ว นายดิเรกก็ไม่มีโอกาสทำตามอย่างที่ว่านั้นเลย เพราะจะถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 50 00:26:49 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.ค. 50 00:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 76 การเข้ารับตำแหน่งผุ้สำเร็จราชการคนที่ 2 ของนายปรีดี  พนมยงค์  จริง ๆ แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ดีกับงานเสรีไทยเอง เพราะในขณะนั้น  นายพลนากามูระ แม่ทัพใหญ่ของญี่ปุ่นในไทยก็ทราบดีว่า นายปรีดี เป็นผู้นิยมสหรัฐฯและอังกฤษ และแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า นายปรีดีได้จัดตั้งขบวนการต่อต้านฐี่ปุ่น เหมือนกับที่หม่อมเสนีย์ ปราโมช ประกาศที่สหรัฐฯ แต่ญี่ปุ่นก็จับตานายปรีดีอยู่เสมอ ปัญหา คือ ด้วยตำแหน่งของนายปรีดีขณะนั้น  ทำให้แม้กระทั่งนากามูระเองก็ไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ง่าย ๆ นากามูระ บันทึกไว้ว่า เขาได้ขอต่อนายกฯพิบูล เพื่อเข้าเยี่ยมคาราวะนนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งในฐานะผู้สำเร็จราชการ  ทำให้กามูระ ต้องเดินทางไปพบนายปรีดีที่พระบรมมหาราชวัง ซึ่งนากามูระบันทึกไว้ว่า "ท่านผู้สำเร็จราชการเดินมาอย่างช้า ๆ พร้อมด้วยขบวนแบบโบราณ และนั่งในที่ประทับซึ่งสง่างามโอฬารตา  ท่านปรีดีแต่งกายเต็มยศ ทำให้ดูน่าเลื่อมใสเกรงขาม และฝ่ายของเรารู้สึกประหม่า" จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.ค. 50 00:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 77 นากามูระ บอกว่า ตลอดเวลา 3 ปีที่เขาเป็นแม่ทัพอยู่ในเมืองไทย เขามีโอกาสพบกับนายปรีดี แค่ 3 ครั้งเท่านั้นเอง  เฉลี่ยก็แค่ปีครั้ง แต่ตลอด 3 ปี ระวห่างสงครามนั้น นายปรีดี ทำเรื่องต่าง ๆ ไว้มากมาย เรื่องแรกก็คือ ทำอย่างไรถึงจะส่งคนของเสรีไทยออกไปพบกับสัมพันธมิตร เพื่อแจ้งว่าประเทศไทยไม่ได้มีความจำนงค์ที่จะประกาศสงครามกับสัมพันธมิตรเลย เรื่องนี้ เสรีไทยในประเทศวางแผนไว้ว่าจะส่งคนออกไปติดต่อกับฝ่ายสัมพัมธมิตรโดยตรง  โดยจะไปที่ประเทศจีน ซึ่งได้เลือกเส้นทางเอาไว้ว่าจะให้เดินทางผ่านอีสาน ภายใต้การคุ้มครองของนายเตียง  ศิริขันธ์ แล้วเข้าจีนทางด้านเมืองมองกาย - ตงเฮง ซึ่งเป็นเส้นทางที่พ่อค้าใช้กันอยู่  เมื่อเข้าจีนได้แล้วก็ให้ส่งโทรเลขถึงจอมพลเจียง  ไคเชก  ดร.ที.วี.ซุง และหม่อมเสนีย์ เพื่อรายงานสถานการณ์ของการตั้งกลุ่มต้านญี่ปุ่นในไทย และพบกับทูตของอังกฤษและสหรัฐฯที่จุงกิงให้ได้ การที่ ดร.ปรีดี เลือกนายจำกัด  พลางกูร นั้น แม้ว่าจะมีอายุเพียง 27 ปี และมีหน้าที่การงานเพียงเจ้าของโรงเรียนอนุบาล ไม่ใช่ข้าราชการใหญ่โตอะไรนั้น เนื่องจากเหตุผลหลายประการ อย่างแรก นายจำกัด เป็นผู้มีอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับกลุ่มเสรีไทย  ดดยเฉพาะแนวทางทางการเมือง เป็นผู้ที่ต่อต้านการปกครองแบบจอมพล ป.มาตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่ที่อังกฤษ  ถึงขนาดเขียนบทความต่อต้านจอมพล ป.โดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ ทำให้นายจำกัด ไม่สามารถเข้ารับราชการได้เมื่อกลับมาเมืองไทย อีกประการหนึ่งคือนายจำกัด นอกจากจะเป็นนักเรียนอังกฤษ (บัณฑิตเกียรตินิยมจากบัลลิโอ คอลเลจ ออกซ์ฟอ์รด) ทำให้เป็นที่รู้จักกับข้าราชการชั้นสูงของอังกฤษอยู่บ้างแล้ว น้องชายทั้ง 2 คนของนายจำกัด ยังศึกษาอยู่ทั้งในสหรัฐฯ และอังกฤษ  ซึ่งจะยิ่งทำให้นายจำกัด มีสายสัมพันธ์ประสานงานได้ทั้ง 2 ประเทศ แต่การส่งนายจำกัด  ออกเดินทางไปไม่ใช่เรื่อง่าย  เพราะนอกจากเรื่องเส้นทางเดินแล้ว ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถนำเงินราชการออกมาใช้ได้ เรื่องนี้ "สวัสดิ์  ตราชู" เสรีไทยสายนายเตียง ศิริชันธ์ ได้บันทึกไว้ว่า เขาเป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมสมทบทุนให้กับนายจำกัด พลางกูร เพื่อใช้ในการเดินทางไปจีน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.ค. 50 00:49:26 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สวัสดิ์  เล่าว่า เมื่อครั้งนั้น เขาเป็นพ่อค้าขายข้าวอยู่อุดรธานี  แต่เมื่อสงครามเกิดขึ้น  ญี่ปุ่นมายึดเอารถบรรทุกไปใช้ในราชการสงครามเสียหมด  ทำให้ไม่สามารถค้าข้าวเปลือกได้ดังเดิม  จึงคิดไปหาพริกแห้งจากหนองคาย มาขึ้นรถไฟที่อุดรธานี้ลงไปขายที่กรุงเทพฯ  เพราะเห็นใบบอกจาก กทม.ที่ส่งมา บอกว่าราคาพริกแห้งที่ กทม.เวลานี้มีราคาถึงหาบละ 75 บาท  ขณะที่พริกแห้งที่หนองคาย ขายกันเพียงหาบละ 35 บาทเท่านั้น จึงซื้อมา 120 หาบ แต่เมื่อมาถึง กทม.แล้ว กลับถูกพ่อค้าคนกลางตีราคาซื้อให้เพียงแค่ 20 บาทต่อหาบเท่านั้น  ทำให้ไม่ยอมขายกับพ่อค้าคนกลางที่มาซื้อถึงโกดัง แต่เอาตัวอย่างออกไปตระเวณเร่ขายเอง แต่ก็ไม่มีพ่อค้าคนไหนรับซื้อ เพราะบอกว่า ตั้วเฮียรับซื้อแค่ 20 บาท  เขาจะซื้อเกินกว่านั้นไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้ค้าขายกันพอดี สวัสดิ์ พยายามเร่ขายพริกแห้งอยู่กว่า 1 เดือน ก็ม่สามารถขายได้  แต่ระหว่างที่เขาต้องอยู่ที่ กทม.กว่า 1 เดือนนั้น ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับนายเตียง  เนื่องจากนายเตียงสนิทกับพ่อของเขา และเมื่อไรที่เขามากรุงเทพฯก็จะมานอนที่บ้านนายเตียงที่ กทม. ระวห่างที่รอเสนอขายพริกอยู่นั้น  เมื่อมีเวลาว่างก็ได้สนทนากับนายเตียง จนกระทั่งได้รับการชักชวนให้เข้าร่วมขบวนการเสรีไทย ซึ่งขณะนั้นพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น เรื่องแรกที่นายเตียง เล่าให้ฟังหลังจากเข้าร่วมกับเสรีไทยแล้ว คือ เรื่องภารกิจที่จะส่งนายจำกัด พลางกูร ออกเดินทางไปจีน โดยใช้เส้นทางผ่านอีสาน ภายใต้การคุ้มครองของนายเตียงและพรรคพวกเอง เรื่องนี้นายเตียงบอกแก่สวัสดิ์ว่า ยังรวบรวมเงินได้ไม่มากพอที่จะให้นายจำกัด ไปทำภารกิจได้ แม้ว่าจะได้เงินหลักมาแล้ว จากการขายเรือกลไฟล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ได้มา 8,000 บาท (ไม่ได้บอกว่าเป้นเรือของใคร) นายสวัสดิ์ เลยตกลงใจ กลับไปที่โกดังพริก แล้วบอกกับผู้จัดการโกดังว่าให้ขายพริกของตนออกไปเลย ได้เงินเท่าไรก้ไม่เป็นไร สุดท้ายก้ได้มา 2,400 บาท หลังจากหักค่าเช่าที่และค่าธรรมเนียมไปแล้ว เงินจำนวนนี้ นายสวัสดิ์ เล่าว่า ได้ให้นายเตียง นำไปให้กับจำกัด เพื่อใช้เป็นทุนรอนในการเดินทาง  ซึ่งในครั้งนั้น นายเตียงพร้อมด้วยภรรรยาของนายเตียงและจำกัดเองได้เดิยทางไปส่งถึงท่าแขก ฝั่งลาว  พร้อมมอบแหวนและสร้อยให้จำกัดไว้ติดตัวไปด้วย ส่วนการเดินทางจากฝั่งลาวไปนั้น เป็นหน้าที่ของสงวน  เกษมทรัพย์ ผู้จัดการบริษัทไพบูลย์ ที่รับซื้อของป่า ช่วยประสานงานกับพ่อค้าจีนในลาวที่ติดต่อค้าขายกันอยู่ ให้จัดคนช่วยพาจำกัดเดินทางไปให้ถึงจีนให้ได้ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 50 12:08:24 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.ค. 50 01:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 79 การเดินทางของนายจำกัดไปยังจีนนั้น  มีแต่เฉพาะเสรีไทยสายนอกประเทศเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเดินทางไปถึง และอยู่ใความคุ้มครองของทางการจีน  ขณะที่ในประเทศไทยไม่รู้เลยว่า จำกัด เป็นอย่างไรบ้าง จนกระทั่งผ่านไปแล้วกว่า 5 เดือนก็ยังไม่ได้รับข่าวคราว  ทาง ดร.ปรีดี จึงได้สั่งให้นายเตียงหาทางติดตามข่าวนายจำกัดบ้าง นายเตียงได้ให้นายสนิท ประสิทธิ์พันธ์ คนขับรถบรรทุกของสวาสดิ์  ตราชู เป็นผู้เดินทางตามรอบจำกัดไปสืบข่าวที่เมืองจีน  นายสนิทใช้เวลาเดินทางไปอีก 4  เดือน จึงเดินทางกลับมาที่อดรฯในสภาพผอมโซ เพราะเป็นมาลาเรีย ประกอบกับความลำบากในการเดินทาง สิ่งที่นายสนิทนำกลับมาด้วย คือ ข่าวการเสียชีวิตของจำกัด พลางกูร ซึ่งมีหลักฐานกลับมาด้วย คือ แหวนและล็อกเก็ตที่เตียงให้ไป พร้อมอัฐิ โดยบอกว่าทางจีนแข้งแต่เพียงว่า จำกัด เสียชีวิตเพราะมะเร็งในกระเพาะ เรื่องที่นายสนิทไปได้ข่าวจำกัดกลับมาได้  ทำให้ ดร.ปรีดีขอพบนายสนิท และเมื่อทราบว่าจำกัด เสียชีวิตแล้ว ก้ได้กำชับว่าอย่าพึ่งบอกข่าวนี้กับฉลบฉลัยน์ ผู้เป็นภรรยานายจำกัด เพราะเกรงว่าข่าวจะรั่วไหล  จนกระทั่งสงครามสงบแล้วจึงบอก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 ก.ค. 50 02:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 80 โห... ไม่ได้เข้ามาดูสักอาทิตย์เดียว คุณสื่อศิลปขยันจังเลยครับ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับครับคุณกาสะลองบานแล้ว ปกติผมจะไม่ค่อยได้ตอบหรือโพสต์อะไรมาก เคยเข้ามาตั้งกระทู้ไว้บ้างนิดหน่อยครับ แต่ไม่หนักหน่วงอะไรนัก  ดูจะนุ่มนวลชวนฝันเสียอีก ผมชอบการเล่าเรื่องของคุณสื่อศิลปครับ เพราะไม่ใช่เป็นการพิมพ์ลอกจากตำรา แต่เป็นการนำความรู้มาเล่าให้ฟังกัน คล้ายๆเล่านิทาน แต่ลูกเล่นนี่เหลือร้ายครับ  ....ถ้าผมมีข้อมูลอะไรดีๆก็ขออนุญาตจะมาเพิ่มเติมนะครับ..ช่วยๆกันครับ จากคุณ : ดัชนีอรหันต์ - [ 17 ก.ค. 50 10:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 81 น่าเสียดาย นายจำกัด พลางกูร นะครับ ไม่น่าเสียชีวิตไปก่อนเลย หรือว่าเป็นแผนลวงล่ะครับ จำได้ว่าคุ้นชื่อนี้มาก จากคุณ : กริชครับผม - [ 17 ก.ค. 50 11:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมอ่านแล้วก็คิดได้อย่างนึง ถ้าสมัยนั้นมีมือถือผ่านดาวเทียมก็สบายไปแล้ว ต่อสายแปปเดียว เซย์ฮัลโหลกับท่านเสนีย์ไปแล้ว ไม่ต้องลำบากส่งคนเดินไปถึงจีนเพื่อส่งโทรเลขหรอก ต้องยอมรับเลยว่า การสื่อสารในปัจจุบัน น่าจะเป็นอีกหนึ่งในพัฒนาการของมนุษยชาติมากที่สุดอย่างนึงที่มนุษย์เคยทำกันมา เหมือน การผลิตเครื่องปั่นด้าย เครื่องจักรไอน้ำ หลอดไฟ และระเบิดนิวเคลียร์นั่นเทียว จากคุณ : saravuht - [ 17 ก.ค. 50 17:28:59 A:62.150.204.137 X:62.150.204.137 ]

ความคิดเห็นที่ 83 "ท่านผู้สำเร็จราชการเดินมาอย่างช้า ๆ พร้อมด้วยขบวนแบบโบราณ และนั่งในที่ประทับซึ่งสง่างามโอฬารตา  ท่านปรีดีแต่งกายเต็มยศ ทำให้ดูน่าเลื่อมใสเกรงขาม และฝ่ายของเรารู้สึกประหม่า" ชอบตอนนี้จริง ๆ เลย รูปโรงแรมบราวน์  เอามาจากเวปนี้ครับhttp://www.bbc.co.uk/thai/highlights/story/2005/08/050810_thai_free_part3.shtml คุณ Saravuht  ส่งการบ้านอาจารย์หรือยัง  (แกล้งพูดเสียงดังลั่นห้องเอาหน้า  HA HA HA) จากคุณ : Dearance - [ 17 ก.ค. 50 18:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 84 หนอย เพื่อนกันทำกันได้ เรารึอุตส่าทำเนียน แกล้งลืมไปแล้ว หายากจังน่ะครับ แต่จะลองหาอีกวัน ชิส์ จากคุณ : saravuht - [ 18 ก.ค. 50 00:21:42 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 การบ้านมีผลัดวันส่งด้วยหรือครับ ยังงี้ต้องฝากให้เพื่อนร่วมห้องช่วยตามแบบกระชั้นชิดเลยนะ เรื่องของผู้สำเร็จราชการ จากที่ญี่ปุ่นต้องการให้พ้น ๆ ไปจากตำแหน่งในรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ที่มานั่งขวางการกู้เงินของญี่ปุ่น กลับทำให้ ดร.ปรีดี สามารถทำงานไต้ดินได้สะดวกขึ้น เพราะสามารถหลบหน้าหลบตา ไม่ต้องเจอกับญี่ปุ่นบ่อย ๆ กลับมาที่เรื่องของจำกัด พลางกูร อีกครั้งนะครับ  เพราะท่านนี้จะเป็นตัวเชื่อมในการทำงานของเสรีไทยทั้ง 3 สายให้บรรจบกัน ผมมีข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกหน่อยถึงการเดินทางของจำกัด  ซึ่งก่อนจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯนั้น  จำกัด ได้เข้าหารือกับ ดร.ปรีดี ในฐานะหัวหน้าขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งนอกจากจะทงทวนเรื่องประเด็นที่จะออกไปเจรจากับสัมพันธมิตรแล้ว  ยังมีการกำหนดรหัส คือ X.O.Group สำหรับในการประสานภารกิจกับคนอื่น ๆ นอกจากนี้ จำกัด ยังได้เตรียมพร้อมในเรื่องของการประสานงานกับผู้ที่จะสามารถช่วยเหลือระหว่างการเดินทางในประเทศต่าง ๆ ด้วย โดยในส่วนของหนังสือเดินทางนั้น ได้ระบุไว้ว่า "สำหรับออกไปดูการศึกษาและการค้าที่ญี่ปุ่น" โดยนางชลอ รังควร  ประธานกรรมการบริษัท ไทยวิวัฒน์ เจ้าของหนังสือพิมพ์ประชามิตรและสุภาพบุรุษเป็นผู้จัดการให้ นอกจากนี้ยังมีหนังสือแนะนำตัวจากผู้ใหญ่ในประเทศไทยหลายท่านเพื่อใช้ประสานงานกับบุคคลสำคัญในต่างประเทศที่จำกัดต้องผ่านด้วย ซึ่งท่านที่สำคัญที่สุดก็คือ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ได้ทรงเขียนหนังสือแนะนำตัวจำกัด ถึงยอร์จ เซเดย์ นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ที่อยู่ในเวียดนามอยู่ในขณะนั้น นอกจากนี้ก็มี พ.อ.เอกรูต์ อดีตทูตทหารฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ที่ให้หนังสือแนะนำตัว ทำให้จำกัดได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสในเวียดนามได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องของทุนรอน ที่ ดร.ปรีดี ได้มอบเงินเหรียญของจีนจุงกิง จำนวน 13,000 หยวน (ตอนนั้นหน่วยคงไม่ใช่หยวนมั๊งครับ  พอดีจากเอกสารที่ผมมีเขาไม่ได้ระบุไว้ ผมเลยต้องมั่ว ๆ ให้มันดูเป็นเงินจีนไว้ก่อ) ส่วนบุคคลที่มาส่งอีกท่านนึงที่ผมตกหล่นไป เพราะพึ่งจะเจอในข้อมูลใหม่นี้เองว่า มีนานอัศนี  พลจันทร์ หรือนายผี  มาด้วย  ไม่ทราบเหมือนกันว่าเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะพึ่งจะเคยเจอจากข้อมูลใหม่นี่เอง จำกัด ออกเดินทางจาก กทม.เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ผ่านไปถึงานฮานอย โดยการช่วยเหลือของ ศ.ยอร์จ เซเดย์ เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส ได้ส่งจำกัด ผ่านเมืองมองกาย (อยู่ตรงไหนหว่า)  เข้าไปที่ตงเฮง และข้ามพรมแดนจีนไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.ค. 50 03:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ถึงแม้เขาจะข้ามพรมแดนจีนเข้าไปได้ แต่เนื่องจากอยู่ในภวะสงคราม กว่าที่จำกัด จะหาวิธีเดินทางเข้าสู่จุงกิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีนในตอนนั้น และเป็นฐานที่มั่นของจอมพลเจียงได้ ก็ล่วงเลยมาถึงวันที่ 21 เมษายน  2486 เข้าไปแล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะถึงจุงกิง  จำกัดได้พยายามส่งทรเลขไปหาหม่อมเสนีย์ที่วอชิงตันตลอดเวลาท่จพทำได้ โดยโทรเลขฉบับแรกส่งไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคมหรือวันแรกที่เขาข้ามพรมแดนเวียดนามมาได้ โดยส่งออกไปจากเมืองลิวเจา ใกช้พรมแดนจีนเวียดนาม ส่วนฉบับที่ 2 ส่งจากเมืองกุ้ยหลินเมื่อวันที่ 7 เมษายน หม่อมเสนีย์ ภายหลังจากที่ได้รับโทรเลขแล้ว ได้แจ้งแก่คณะกรรมการเสรีไทยถึงเรื่องที่มีคนไทยพยายามติดต่อในฐานะขบวนการต่อต้านญี่ปุ่น และขอให้ช่วยสนับสนุนการเดินทางมาวอชิงตันเพื่อหารือร่วมกัน ข้อเสนอของหม่อมเสนีย์ต่อที่ประชุม คือ ไม่ควรออกค่าใช้จ่ายให้จำกัด เดินทางมาวอชิงตัน ด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ ไม่รู้ว่านายจำกัดเป็นใคร เป็นตัวแทนขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นจริงหรือเปล่า หากไม่ใช่แล้ว ค่าใช้จ่ายที่ออกไปใครจะต้องรับผิดชอบ (แกกลัวว่าต้องใช้เงินแกเองนั่นแหละ) อย่างที่สองคือไม่มั่นใจว่าน่คือตัวแทนของเสรีไทยในเมืองไทยจริงหรือเปล่า น่าจะให้มีการตรวจสอบก่อนที่จะประสานงานด้วย เมื่อตกลงดังนั้นแล้ว จึงได้โทรเลขกลับไปที่จุงกิงโดยแจ้งว่าจะประสานงานเพื่อดำเนินการให้อีกที  (แปลเป็นไทยก็คือ รอไปเหอะ ไม่ทำให้หรอก) โทรเลขฉบับนี้ส่งมาท่จุงกิง ก่อนที่จำกัดจะเดินทางมาถึง 2 วัน ขรเดียวกัน ม.ล.ขาบ อดีต ผบ.เสรีไทยสายสหรัฐ ฯ (ไม่ได้เป็นแล้ว หลังจากที่เสรีไทยออกเดินทางจากสหรัฐฯ เพราะโอ.เอส.เอส.ให้ พ.ต.นิคอล สมิธ มาดูแลแทน) ได้เดินทางมาที่จุงกิงด้วย และทราบว่ามีคนไทยเดินทางออกมากจากประเทศไทยเพื่อประสานงานเรื่องการต่อต้านญี่ปุ่น แต่ ม.ล.ขาบ ก้ไม่มีโอกาสได้พบกับจำกัด เพระทางการจีนกีดกันมาก เนื่องจากจอมพล เจียง ได้ใช้ให้ ที.วี.ซุง สอบถามไปยังหม่อมเสนีย์ ว่าต้องการที่จะพบกับจำกัดหรือไม่ และ ม.ล.ขาบ ที่เดินทางมาถึงจุงกิงแล้วนี้ เป็นผู้แทนของหม่อมเสนีย์ หรือไม่ หม่อมเสนีย์ ตอบกลับไปว่าเรื่องที่จำกัดจะเดินทางมาพบกับเขาที่วอชิงตันหรือไม่นั้นให้จีนตัดสินใจเอง (แปลง่าย ๆ คือ อั๊วไม่ออกค่าเครื่องบินให้เฟ้ย ถ้าลื๊ออยากให้มันมาพบอั๊ว ลื๊อก็ต้องตีตั๋วเครื่องบินให้มันเอง) และที่สำคัญ คือ บอกว่า ม.ล.ขาบ ไม่ใช่ผู้แทนตัวเขา ไม่สามารถทำหน้าที่หรือตัดสินใจแทนหม่อมเสนีย์ในฐานะทูตไทยได้ ก็บอกแล้วไงว่าเขาไม่ถูกกัน ด้วยเหตุนี้ ทางการจีน จึงไม่ยอมให้ ม.ล.ขาบ พบกับนายจำกัด และไม่อนุญาตให้เดินทางไปวอชิงตันด้วย (กลัวเสียตังส์ฟรีเหมือนกันมั๊ง) จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.ค. 50 03:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 87 แม้ว่าการประสานงานเพื่อพบปะกับเสรีไทยสายสหรัฐฯจะไม่คืบหน้า แต่ทางสายอังกฤษกลับมีความหวังมากกว่า เมื่อท่านชิ้นทราบข่าวมาว่ามีคนไทยเดินทางออกนอกประเทศมาที่จุงกิง เพื่อประสานงานกับขบวนการตอต้านญี่ปุ่นนอกประเทศ ท่านชิ้น เล่าว่า ได้ติดต่อกับทางการอังกฤษให้สงเขาไปพบกับจำกัดที่จุงกิงให้ได้ (ราชการอังกฤษส่งท่านชิ้นมาที่อินเดีย เพื่อร่วมวางแผนให้กับเสรีไทยในหน่วย Force 136 ตั้งแต่แรกแล้ว แม้จะเดินทางมาที่หลังแต่ก็ถึงอินเดียไล่เลี่ยกัน เพราะท่านได้อภิสิทธิ์นั่นเครื่องบินมา ไม่ต้องนั่นเรืออ้อมโลก อย่างนักเรียนไทย) ในครั้งแรกนั้น แม้ว่าทางอังกฤษยินยอมที่จะให้ท่านชิ้นพบกับนายจำกัด แต่ทางจีนและสหรัฐฯไม่ยินยอม เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ เนื่องจากเกรงว่าท่านชิ้นจะเป็นฝ่ายสมบูรณญาสิทธิราช ที่หวังจะไปฟื้นฟูระบบนี้หลังสงคราม  ขณะที่จำกัดนั้นเป็นฝ่ายคณะราษฏร์ แต่จำกัดเองไม่คิดเช่นนั้น รวมทั้งท่านชิ้นด้วย จึงได้มีการประสานงานกันอยู่ และจำกัดได้เขียนจดหมายยืนยันเองว่าต้องการที่จะพบกับท่านชิ้น ทำให้จีนและสหรัฐฯยอมให้ทั้งคู่พบกันได้ หลังจากถ่วงมานาน เมื่อทั้งคู่ได้พบกันและปรับความเข้าใจกันแล้วว่า งานนี้ไม่มีการเมืองเมาเกี่ยวข้อง นอกจากจะทำเพื่อประเทศชาติเท่านั้น นอกจากนี้ท่านชิ้นเองยังศรัทธาในตัวของ ดร.ปรีดี ว่าเป็นผู้เสียสละเพื่อชาติจริง ๆ และเป็นไปตามคาดหมายของท่านตั้งแต่แรกว่า คนที่จะเป็นหัวหน้าขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในไทยต้องเป็น ดร.ปรีดี เพราะเป็นคนเดียวที่จอมพล ป.เกรงใจ ไม่เหมือนคนอื่นที่ไม่มีใครกล้าหรือกับจอมพล ป.เลย หลังจากนั้น ก็เริ่มวางแผนงานร่วมกัน โดยท่านชิ้นได้เผยให้จำกัดฟังถึงแผน การของเสรีไทยสายอังกฤษว่าในขณะนี้ตั้งฐานปฎิบัติการในอินเดีย และต้องการที่จะส่งเสรีไทยเข้ามาในไทย ขณะที่จำกัดก็บอกว่า ความต้องการของ ดร.ปรีดี คือ ให้ทางอังกฤษหรือสหรัฐฯสนับสนุนให้เขาออกไปต้งรัฐบาลพลัดถิ่นอยู่ที่อินเดีย เพื่อทำการต่อต้านญี่ปุ่นต่อไป ปัญหาก็คือ ทางจีนเองก็เสนอให้จำกัดประสานงานเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของไทยขึ้นที่จุงกิง  เพระทางการจีนมีความพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาลพลัดถิ่นของไทยที่จุงกิงทั้งทางด้านการเมือง การเงิน และการทหารอย่างเต็มที่  เนื่องจากในขณะนั้น จีน จุงกิง ได้ระดมลูกจีนที่เกิดในไทยให้เดินทางไปสมัครเป็นทหารเอาไว้แล้วจำนวนมาก (เรื่องนี้น่าสนใจ แล้วจะเอาเข้ามาแทรกเป็นระยะ) แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 50 03:56:12 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.ค. 50 03:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 88 หลังจากหารือกันแล้ว ท่านชิ้นได้กลับไปลอนดอน เพื่อประสานกับทางการอังกฤษ ซึ่งที่เกี่ยวข้องกับจำกัดก็คือให้รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนเงินให้กับจำกัดเดือนละ 1,000 ปอนด์ ผ่านทางสถานทูต เพื่อให้ไว้เป็นค่าใช้จ่าย โดยไม่ต้องพึ่งรัฐบาลจีน  เนื่องจากทั้งคู่เห็นพ้องกันว่าไม่ควรที่จะตั้งรัฐบาลไทยพลัดถิ่นที่จุงกิงตามข้อเสนอของเจียงไคเช๊ก เพราะไม่ไว้ใจจีนว่าจะปล่อยให้รัฐบาลพลัดถิ่นของไทยดำเนินการได้อย่างอิสระหรือไม่ และที่สำคัญ เกรงว่าจีนจะอาศัยรัฐบาลพลัดถิ่นนี้เป็นบันไดไปสู่การเข้ายึดครองประเทศไทยหลังสงคราม เพราะตอนนั้น ก้ได้สนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเกาหลีขึ้นที่จุงกิงแล้ว นอกจากนี้ ก่อนแยกจากกัน ท่านชิ้นยังได้มอบแหวนเพชรวงหนึ่งให้กับจำกัดด้วย เพื่อใช้ในการติดสินบนเจ้าหน้าที่จีนเพื่อให้ไม่เข้มงวดกับจำกัดมากนัก เพราะก่อนหน้านี้ จำกัด ตกอยู่ในสภาพเหมือนเชลยสงครามของจีนมากกว่าผุ้แทนของกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่น นอกจากนี้หลังจากที่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการกับท่านชิ้น พร้อมทั้งตัวแทนสถานทูตอังกฤและสหรัฐฯแล้ว ทำให้สถานภาพของจำกัดดีขึ้นมาก เนื่องจากเท่ากับได้รับการยอมรับแล้วว่า เป็นพวกสัมพันธมิตรเช่นเดียวกัน สิ่งที่ท่านชิ้นเห็นพ้องกับจำกัดก็คือให้พยายามเดินทางไปวอชิงตัวให้ได้ และอธิบายให้กับหม่อมเสนีย์ให้เข้าใจ โดยเฉพาะเรื่องการเมืองหลังสงคราม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.ค. 50 04:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 89 หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน คือ เดือนกันยายน ม.ล.ขาบ จึงมีโอกาสได้พบกับจำกัดพร้อมด้วยนายสงวน ตลารักษ์ และนายแดง คุณะดิลก ที่เดินทางออกมาสมทบกับจำกัด พร้อมสืบหาข่าวครามด้วย ทางการจีน จัดให้ ม.ล.ขาบพบกับคณะของจำกัดที่ห้องพักในโรงแรมวิคตอเรีย์ เฮาร์ ที่ทางการจีนจัดให้นายจำกัด พักอยู่ ม.ล.ขาบ และ ร.ท.อานนท์ ณ ป้อมเพชร ได้หารือกับคณะของนายจำกัด ถึงเรื่องการจัดตั้งขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในไทย แต่ยังไม่ได้เปิดเผยว่าใครเป็นหัวหน้าใหญ่  ซึ่งข้อสรุปของการหารือในวันนั้น คือ สงวน และแดง ต้องเดินทางไปพบกับหม่อมเสนีย์ที่วอชิงตัน ซึ่งแน่นอนว่า สถานทูตไทยไม่ยอมจ่ายค่าเดินทางให้เหมือนเดิม ปัญหานี้ ร.ท.จก ณ ระนอง ซึ่งอาศัยสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ของจีน ได้เล็ดลอดเข้าไปพบกับจำกัด และคณะได้ในภายหลัง และได้พยายามตรวจสอบว่ามีคณะต่อต้านญี่ปุ่นในไทยจริงหรือไม่  ซึ่งสุดท้าย นายสงวนได้ยอมเปิดเผยว่า มี ดร.ปรีดีเป็นหัวหน้าคณะ หลังจากที่ ม.ลฬขาบ และจก ซึ่งเป็นแกนนำของนักเรียนไทยได้พูดคุยซักถามกับคณะของจำกัดจนเป็นที่มั่นใจแล้วว่าไม่ใช่การหลอกลวง จึงได้ประชุมเสรีไทยสายอเมริกาเพื่อหารือร่วมกันว่าจะต้องขอให้โอ.เอส.เอส.ส่งนายสวนและแดงออกไปหาหม่อมเสนีย์ที่วอชิงตันให้ได้ เพื่อให้ขบวนการทั้งสองประสานงานกันเสีย  เนื่องจากเป็นที่ตระหนักดีว่า หากไม่ได้รับความร่วมมือกับขบวนการต่อต้านในประเทศแล้ว ก็ยากที่เสรีไทยจากนอกประเทศจะทำงานได้สำเร็จ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้น ได้ตกลงกันว่า ให้โอ.เอส.เอส.หักจากเงินเดือนของนายทหารเสรีไทยรุ่น 1 ได้เลย ไม่ต้องไปง้อทูตเสนีย์ เป็นไงเล่าให้รู้กันไปเลยว่าไผเป็นไผ ใจใครมันจะใหญ่กว่ากัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.ค. 50 04:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ประเด็นที่เสรีไทยสายสหรัฐฯ ได้พยายามซักนายสงวนและนายแดง ถึงเรื่องการเสรีไทยในประเทศและการปฎิบัติงาน คือ เหตุผลที่เลือกจำกัดเป็นทูตเสรีไทยออกมาเจรจา เพราะจำกัด อายุยังน้อย ไม่ใช่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่จะเป็นที่รู้จักดี และได้รับการยอมรับ น่าเชื่อถือ  หรือว่าหาตัวระดับผู้ใหญ่ที่กล้าทำเพื่อบ้านเมืองไม่ได้ นายสงวน แจ้งว่า เพราะผู้ใหญ่ในรัฐบาลหรือวงราชการนั้นจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ เคลื่อนไหวลำบาก ขระที่จำกัดไม่มีปัญหาเช่นนั้น และยังเป็นคนที่มีอุดมการณืแรงกล้า มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้สำเร็จ จึงเลือกนายจำกัดให้ทำหน้าที่นี้  นอกจากนี้ ยังมีน้องชายที่ยังอยู่ทั้งในสหรัฐฯและอังกฤษ ซึ่งน่าจะช่วยประสานงานให้ได้ แต่ที่สงวนแปลกใจ เพราะไม่รู้มาก่อน คือ เสรีไทยซึ่งเป็นนักเรียนนอก บอกว่า นายจำกัด เมื่อครั้งเป็นนักเรียนที่อังกฤษก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากหมู่เพื่อนนักเรียนเท่าไร ทำให้ไม่ใช่คนที่กว้างขวางนัก หลังจากปฎิบัติภารกิจเสร็จเรียบร้อย ด้วยการแจ้งกับเสรีไทยทั้งสหรัฐฯและอังกฤษถึงงานกู้ชาติ พร้อมทั้งได้หารือกับเจียง พร้อมยื่นข้อเสนอให้จีนรับปากว่าจะไม่เอาไทยเป็นเมืองขึ้นหลังสงคราม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายจำกัด พลางกูร ก็สิ้นใจที่จุงกิง เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2486 นั้นเอง นับว่าเป็นเสรีไทยคนแรกที่พลีชีพเพื่อชาติ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 ก.ค. 50 04:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จำกัด  พลางกูร จากคุณ : Dearance - [ 18 ก.ค. 50 14:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 92 คุณสื่อศิลป ไม่หลับไม่นอนเลยหรือคะ ระวังจะไม่สบายนะ เห็นโพสข้อความจนถึงตี 4 ขอบคุณมากคะ (ตามอ่านมานานแบบไม่เปิดเผยตัว ^_^) จากคุณ : ป - [ 18 ก.ค. 50 15:21:57 A:192.168.1.205 X:192.168.1.110, 203.121.179.141 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เอาการบ้านมาส่งค้าบบบบ รายชื่อเสรีไทยสายอังกฤษ หามาได้20 คนอ่ะ แถมเรื่องชื่อราชทูตไทยประจำอังกฤษตอนนั้นด้วยค้าบบ พระมนูเวทวิมลนาท (เบี๋ยน สุมาวงศ์) อัครราชทูตไทย หม่อมเจ้า ศุภสวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ เป็นผู้นำเสรีไทยสายอังกฤษ ม.จ. จิรีดนัย กิติยากร มณี สาณะเสน ป๋วย อึ๊งภากรณ์ หลวงพิศาลกิจ สวัสดิ์ ศรีศุข พัฒน์พงศ์ รินทกุล สำราญ วรรณพฤกษ์ เสริม บุญสุตม์ ม.จ. การวิก จักรพันธุ์ คุณประจิตร ยศสุนทร คุณวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร บุญส่ง พึ่งสุนทร วัฒนา ชิตวารี เสนาะ ตันบุญยืน กำแหง พลางกูร อรุณ สรเทศน์ นายประทาน (คนนี้ไม่แน่ใจครับ หานามสกุลไม่ได้ด้วย ) นายแพทย์รจิต บุรี นายแพทย์เปรม บุรี คุณเสนาะ นิลกำแหง หามาได้แค่นี้ล่ะครับ ต้องตามอ่านไปทีละเว็บๆ จนตอนนี้รู้เรื่องเสรีไทยสายอังกฤษดีขึ้นเยอะเลย แต่ไม่รู้ว่าส่งไปแล้วถูกหรือเปล่านะครับ ไม่รู้ล่ะดีกว่าไม่มีส่งอ่ะ ส่วนโจทย์ข้อ 2 จนด้วยเกล้าจริงๆครับ ใครรู้เอาลงมาบอกทีดิ จะได้ลอก จากคุณ : saravuht - [ 18 ก.ค. 50 18:53:57 A:62.150.204.137 X:62.150.204.137 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ส่วนท่านที่ประสงค์จะไม่อยู่ต่อขอกลับไทย ผมว่าอย่าไปเอาชื่อท่านเหล่านั้นมาลงเลยนะครับ  ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักชาติ แต่อาจจะมความจำเป็นบางประการ ทำให้ไม่สามารถเลือกแนวทางนั้นได้ นักเรียนที่เลือกกลับไทยจะมีประมาณ 30 ท่าน  ขอเอ่ยชื่อไว้สักท่านนึงแล้วกัน ซึ่งเชื่อว่าทุกท่านคงจะเห็นใจถึงความจำเป็นที่จะต้องกลับบ้านของนักเรียนไทยคนนี้จริง ๆ ท่านชื่อว่า นนร.ประสงค์  พิบูลสงคราม  ครับผม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 ก.ค. 50 02:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เป็นอันว่าการบ้านทำถูกมา 18.5 รานชื่อนะครับ เพราะขาดนามสกุลไปท่านนึง ส่วนนายมณี  สาณะเสนนั้น เป็นเสรีไทยสายอเมริกาอยู่ก่อนแล้ว แต่มีเครดิตในฐานะผู้ประสานจัดตั้งเสรีไทยในอังกฤษเท่านั้น ไมได้ถือว่าเป็นเสรีไทยสายอังกฤษ (หรือจะถือว่าท่านเป็นเสรีไทยทั้ง 2 สายก็ได้เหมือนกันนะ การพบกันระหว่างจำกัด พลางกูร กับ พ.ต.อรุณ หรือท่านชิ้น คือ การผลักดันให้อังกฤษรับรองการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นของไทยที่อินเดีย โดยมีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้นำ พร้อมด้วยประธานสภาผู้แทน  รัฐมนตรี และส.ส.จำนวนนึง เพื่อแสดงถึงความเป็นตัวแทนของประเทศ เรื่องนี้ ท่านชิ้นนำกลับไปเสนอต่อกองบก.สส.ฝ่ายสัมพันธมิครที่อินเดียด้วย ซึ่ง พล.อ.กินเล็กซ์ ผู้ทำการแทยหลอดหลุยส์เมาน์ทแบทเตน ได้ให้ความเห็นชอบนโยบายตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นนี้ด้วย และส่งเรื่องต่อไปยังสภาสงครามที่ลอนดอน โดยมีท่านชิ้นเดินทางกลับไปลอนดอนเพื่อตามเรื่องนี้ต่อ ส่วนหน้าที่ของจำกัด คือเดืนทางไปพบหม่อมเสนีย์ที่วอชิงตัน เพื่อผลักดันเรื่องนี้กับทางใงสหรัฐฯ  แต่จำกัดมาเสียชีวิตก่อน และนายมณี สาณะเสน เองก้ไม่สนับสนุนแนวทางดังกล่าวด้วย  ทำให้สุดท้ายแล้วทางลอนดอนเกิดความลังเลใจที่จะสนับสนุนแนวทางนี้ จนกระทั่งให้ระงับเรื่องไว้ก่อนเมื่อทราบว่านายจำกัดเสียชีวิตเสียแล้ว (ทางฝั่งประเทศไทย  แผนการเดินทางออกนอกประเทศของ ดร.ปรีดี และประธานรัฐสภา ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะจอมพล ป.ไม่ยอมลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานสภาฯตามที่สภาฯได้คัดเลิอกชึ้นมา  คงเป็นเพราะระแคะระคายแผนการของ ดร.ปรีดีในเรื่องนีแล้ว) จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 ก.ค. 50 02:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณ คุณ ป.ที่อุตส่าห์วิริยะตามอ่านครับ กระทู้นี้แสดงตัวกันบ้างก็ได้ คนเขียนไม่ว่า เจ้าของกระทู้ยิ่งชอบ เรื่องนอนดึกไม่ต้องห่วงครับ เพราะตื่นสายตามเวลาที่นอนดึกอยู่แล้ว ส่วนเรื่องไม่สบาย ก้ไม่ต้องห่วงเหมือนกัน เพราะไม่สบายอยู่แล้ว สงสัยเป็นเพราะช่วงนี้พูดจาไม่ค่อยเข้าหูคนครับ  เลยมีคนเขาภาวนาใหป่วย ๆ ไปซะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 ก.ค. 50 02:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 98 แม้ว่าภาระหน้าที่ของจำกัด พลางกูร จะจบลงไปพร้อมกับชีวิตของท่านแล้ว  รวมทั้งภารกิจของท่าชิ้นที่พยายามเต็มที่ แต่ล้มเหลว เพราะความไม่ลงรอยกันระหว่างท่านกับ นายมณี  ทำให้ท่านย้ายมาทำงานเป็นที่ปรึกษาการวางหลักสูตรการฝึกสอนนายทหารอังกฤษเกี่ยวกับประเทศไทย ที่ค่ายเอ็ม อี 25 ที่ศรีลังกา จนเสร็จสิ้นสงคราม  แต่งานของเสรีไทยยังเดินหน้าต่อ เมื่อนายสงวน  ตุลารักษ์ และแดง คุณะดิลกได้เจรจากับ ม.ล.ขาบ จนเข้าใจกันดีแล้ว  ทางเสรีไทยสายสหรัฐฯก็ส่งให้ทั้งคู่เดินทางไปพบหม่อมเสนีย์ที่วอชิงตัน ซึ่งสามารถประสานงานกันได้ด้วยดี ตอนนี้ก็เท่ากับว่าทั้งสหรัฐฯและอังกฤษให้การยอมรับแล้วว่าเสรีไทยเกิดขึ้นแล้วในไทย  ทำให้ทั้ง 2 ทีม เตรียมเดินหน้าสู่การปฎิบัติงานในไทยขึ้น แผนของทั้ง 2 ประเทศนี้คือการส่งเสรีไทยเข้าสู่ประเทศไทยเพื่อประสานกับเสรีไทยในประเทศ เช่น จัดตั้งเครือข่ายการสื่อสารให้สามารถติดต่อกับกอง บก.สัมพันธมิตรได้ และส่งข่าวกรองเกี่ยวกับกองกำลังทหารของญี่ปุ่นออกมาให้กับสัมพันธมิตร แผนของอังกฤษนั้น คือ ส่งเสรีไทยไปทางเรือดำน้ำเพื่อขึ้นฝั่งทางภาคใต้ของไทย  ขณะที่สายสหรัฐฯจะส่งเสรีไทยเดินทางผ่านพรมแดนจีนลงมาทางเหนือของไทย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 ก.ค. 50 02:42:58 ]

ความคิดเห็นที่ 99 แผนส่งเสรีไทยเข้าประเทศไทยทางเรือดำน้ำของอังกฤษ ใช้ชื่อแผนว่า Operation Templar โดยท่านชิ้นได้มอบหมายให้นายกระจ่าง  ตุลารักษ์ นำหนังสือไปแจ้งแก่นายปรีดีว่าจะส่งคนเข้ามาปฎิบัติงานในไทยให้เตรียมคนไปรอรับด้วย เรื่องนี้แจ้งไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2486 โดยกำหนดช่วงเวลาว่าจะเป็นปลายปี 2486 ตามแผนนั้นนายทหารเสรีไทย 2 นาย จะโดยสารมากับเรือดำน้ำของอังกฤษและจะส่งขึ้นฝั่งที่ จ.พังงา และจะเข้ามาสืบข่าวด้านการทหารของญี่ปุ่นในไทยประมาณ 1 เดือนแล้วจะมีเรือดำน้ำมารับกลับในเดือนมกราคม 2487 เสรีไทย 2 นายแรกที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อปฎิบัติการแทรกซึมเข้าสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกนี้ คือ สวัสดิ์  ศรีสุข และพัฒนพงศ์  รินทกุล  ซึ่งทั้งคู่ได้เดินทางมาฝึกการพายเรือยางฝ่าคลื่น เพื่อเตรียมเข้าฝั่งและออกจากฝั่งมาขึ้นเรือดำน้ำ นานเกือบ 6 เดือน  จึงได้ออกปฎิบัติภารกิจ วันเริ่มปฎิบัต้การ คือ วันที่ 17 พ.ย. ทั้งคู่ พร้อมทั้งนายทหารอังกฤษที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ได้เดินทางลงเรือดำน้ำชื่อ เทมปลาร์ ที่วิ่งผ่านช่องแคบมะละกา แล้วตัดเข้าสู่ทะเลอันดามัน มาเตรียมส่งเสรีไทยขึ้นฝั่งที่ อ.บ้านท้ายเหมือง เมื่อวันที่ 26 พ.ย. การเดินทางจากเรือดำน้ำโดยแพยางเพื่อขึ้นฝั่งเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อเวลาประมาณ 22.00น.  ทั้งคู่ก็เป็นเสรีไทยชุดแรกที่ได้กลับเข้ามาในประเทศไทยนับตั้งแต่เกิดสงคราม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 ก.ค. 50 02:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ใครหนอจะมาแช่งอาจารย์สื่อได้ ผลกรรมนั้นต้องได้รับการตอบสนองไปเองครับ นอนดึกแบบนี้ไม่รู้อาจารย์สื่อไปทำไรมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า พวกสาวๆส่งปื่นโตอะไรเทือกนั้นน่ะครับ หรือไม่ก็สาวเชียร์เบียร์ หลับอยู่แถวๆนั้นหรือเปล่าเนี่ย รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ลูกศิษย์ลูกหาเป็นห่วง อยากให้มาเล่าความให้ฟังกันอีกนานๆครับ ไม่อยากให้หายไปอย่างลุง Otis น่ะครับ แค่คิดถึงลุงแกคนเดียวก็เสียน้ำตาหลายแล้วครับ ไม่อยากต้องมานั่งคิดถึงอาจารย์สื่ออีก สงสัยว่าถ้ามีโอกาส ต้องชวนเพื่อนๆร่วมชั้น ไปไหว้ครูสักทีล่ะครับ จะได้เป็นมงคลกับชีวิต ไม่ใช่ขึ้นครูนะครับ อย่าเข้าใจผิดล่ะ เลยวัยนั้นมาเยอะแล้วครับ จากคุณ : saravuht - [ 19 ก.ค. 50 03:11:29 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 101 หน้าที่แรกของทั้งคู่ คือ ตระเวณหาข่าวเกี่ยวกับการตั้งกองกำลังของญี่ปุ่นในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะบริเวณที่ทางอังกฤษวางแผนคร่าว ๆ ไว้ว่าจะใช้เป็นพิกัดในการยกพลขึ้นบกเพื่อปลดปล่อยไทย (ม.จ.ภีศเดช บันทึกไว้ว่า เมื่อทราบข้อมูลที่แท้จริงหลังสงครามเกี่ยวกับกองกำลังของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พกัดที่สัมพันธมิตรเตรียมจะยกพลขึ้นบกแล้ว ก็รู้ได้เลยว่า หากแผนนี้เกิดขึ้นจริง กองกำลังสัมพันธมิตรคงละลายหมดแน่นอน) ทั้งคู่ ค้างคืนที่บ้านท้ายเหมือง 1 คืน ก่อนจะเดินทางเข้าภูเก็ต ข้ามเรือไปกันตัง ย้อนขึ้นมาที่ทุ่งสง เข้าพัทลุง หาดใหญ่ สงขลา โคกโพธิ์ ยะลา เร็จแล้วกกลับหาดใหญ่เพื่อนั่งรถไฟขึ้นไปถึงชุมพรจากนั้นก็ย้อนกลับมาที่บ้านท้ายเหมืองอีกครั้งเพื่อเตรียมเดินทางกลับทางเรือดำน้ำตามที่นัดหมายกันไว้ว่าเรือดำน้ำจะมารับในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 2 มกราคม แต่ปรากฎว่าเรือดำน้ำไม่มารับตามกำหนดนัด  แถมการปรากฎตัวของทังคู่ที่ชายหาดยามดึกดื่น  ไปสะดุดสายตาชาวบ้านเข้าให้ ทำให้มีการแจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านว่า สงสัยว่าทั้งคู่จะเป็นแนวที่ 5 อย่างที่รัฐบาลกำลังประโคมข่าวให้ระมัดระวังให้ดี ผู้ใหญ่บ้านเมื่อทราบข่าวก็ไปแจ้งตำรวจ ทำให้มีตำรวจมาด้อม ๆ มอง ๆ บริเวณที่ทั้งคู่ใช้เป็นจุดเดินทางกลับไปเรือดำน้ำ  ทำให้ทราบว่า "เสียลับ" เสียแล้ว  จึงเปลี่ยนแผนใหม่ เดินเข้าหาเสือซะเองเลย โดยเข้าไปรายงานตัวกับตำรวจถึง สน.เพื่อเคลียร์ตัวเองว่าไม่ใช่แนวที่ 5 รายละเอียดในเรื่องข้ออ้างของทั้งคู่ก็ไม่ได้เขียนไว้เสียด้วยว่ากล่อมสาลิกาลิ้นทองยังไงตำรวจถึงยอมเชื่อได้ แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกทางกัน โดยพัฒพงศ์ เดินทางไปกรุงเทพฯ ขณะที่สวัสดิ์ เดินทางไปภูเก็ต บทจบของการปฎิบัติภารกิจของเสรีไทยคู่แรกคู่นี้ คือ การเข้ามอบตัวต่อสันติบาล ซึ่งหลวงอดุลย กำชับเอาไว้ว่าใหเก็บเอาเสรีไทยเหล่านี้มาไว้ที่สันติบาลไว้ให้หมด ช่วงแรกนั้น หลวงอดุลย์ แม้ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของจอมพล ป. แต่ก็ไม่ได้สนับสนุนเสรีไทยอย่างเต็มที่  ทำเพียงแค่รวบรวมมาอารักขาให้พ้นมือพวกญี่ปุ่น  แต่ไม่ยอมให้เสรีไทยที่ถูกกักตัวอยู่นี้ดำเนินการอะไรได้อีก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 ก.ค. 50 03:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 102 หุหุหุ เรื่องนี้ยาวจริงๆๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : นายลูกเต่า - [ 19 ก.ค. 50 13:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สาธุสมพรปากเถอะครับ  ทั้งส่งปิ่นโต ทั้งเชียร์เบียร์ ขอให้เป็นเรื่องจริงสักทีก็ดีเหมือนกัน เมื่อวานได้คุยกับเพื่อน ๆ แบบวงชายล้วน (ล้วนจริง ๆ ไม่มีแอ๊บแมนแน่นอน) แน่นอนว่าเวลาผู้ชายเขารวมหัวคุยกัน ก็คุยกันแต่เรื่องผู้หญิงนี่แหละ  ผู้หญิงก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ) พวกเขาคุยกันว่า รู้ไหมสาว ๆ สมัยนี้ เขาเปลี่ยนเทรนด์ผู้ชายใหม่กันแล้ว ประเภทหล่อใสเนี๊ยบนี่ เขาเอาไว้กรี๊ดกันเฉย ๆ แต่ถ้าจะเป็นแฟนจริง ๆ ต้องเลือกแบบดิบ ๆ เถื่อน ๆ หน่อย เพื่อเป็นหลักประกันว่า สามีฉันจะไม่เผลอไผลไปเป็นภรรยาของชายใดเข้าให้ เห็นบอกว่า สามีมีบ้านเล็กยังเจ็บทรวงน้อยกว่าไปเป็นภรรยาน้อยเสียอีก ไม่รู้จิงเป่า ถ้าใช่ ชีวิตจะได้พอมีหวัง เพราะตอนนี้ก็ดิบ ๆ เถื่อน ๆ พอได้อยู่ แต่เห็นเพื่อนมันบอกว่า เขาดูแค่ดิบเล็ก ๆ กับเถื่อน ๆ พอน่ารักนะ ไอ้ประเภทดิบแท้ ๆ เถื่อนจริง ๆ แล้วแถมโทรมอีกต่างหากอย่างผมนี่ ยังไงก็ตกเทรนด์หมือนเดิมแหละ อ้าว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 ก.ค. 50 14:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ใครเขาจะกล้าแช่งคุณสื่อ!!!! คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้หรอกค่ะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 19 ก.ค. 50 20:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 105 อารายครับ หล่อล่ำบึ้กอย่างอาจารย์สื่อฯ เนี่ยนะ ตกเทรนด์ จากคุณ : ha ha yee - [ 19 ก.ค. 50 23:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ตกน้ไม่ไหล ตกไฟไม่ไฟม้ แต่ตกเทรนด์มันช้ำใจนะครับ คุณหมอฮันนิบาล ต้องต่อด้วยสิว่า ล่ำบึกปานงัวปานกระบือซะยังงั้น มันถึงจะเห็นภาพ วันนี้ก่อนจะว่าเรื่องราวกันต่อ พอดีย้อนกลับขึ้นไปอ่าน สะดุดกับบทกลอนของ ดร.ป๋วยที่คุณ Dearance เขายกมาให้ดูพอเป็นกระสาย เลยคิดขึ้นได้ว่า ถ้าเราเกิดทันตอนนั้นแล้วมีวาสนาได้เป็นนักเรียนอังกฤษ  เราคงเหมาะสมที่จะได้เป็นทหารในกรมโยธาที่ว่านี้จริง ๆ นั่นแหละ เสียดายที่คุณ Dearance ยกมาแค่ท่อนท้ายพอเป็นกระสายยา ภาพความลำบากของเหล่านักเรียนนอก ที่ถ้าเหตุการณ์ปกติ ได้กลับมาเมืองไทย ก็ต้องใส่สูทคาบไปป์เป็นชายกลางกันทั้งนั้นแล้ว แต่นี่ต้องมาทนเป็นทหารกรรมกรชนิดที่เรียกว่า อยู่เมืองไทยต่อให้ถูกเกณฑ์ทหารไปเป็นไอ้เณร ด้วยคุณวุฒิขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะต้องมาทำหน้าที่แบบนี้หรอก "...โอ้เต๊นท์หรูเคยอยู่ต้องจู่จาก ต้องจำพรากมาอยู่ตึกพิลึกยิ่ง นอกับดินกินกับอู่ดูเพราะพริ้ง ต้องมากลิ้งบนเตียงเยี่ยงนารี น้ำล้างชามเคยเย็นเป็นมันฝา น้ำล้างหน้าเย็นชื่นเคยรื่นรี่ ต้องมาใช้น้ำอุ่นฉุนเต็มที แล้วอย่างนี้หรือสะอาดอนาถใจ กินอาหารจานสนิมชิมชูรส กิมไม่หมดก็มีผู้คอยดูให้ พาไปเลี้ยงเกลี้ยงชามงามกระไร แล้วเดี๋ยวนี้จะมีใครมาตรวจคตรา แต่เคราะห์ดีมีวิชาทำ "ฟาตีก" ให้หัดหลีกหลบตัวเหล่าหัวหน้า สิบโม"มิลล์"ชำนาญการโยธา ถือคทาไม้กวาดใหญ่หาไพร่พล ขัดพื้นเรือนเพื่อให้ถูดูสะอาด ส้วมก็กวาดพังทลายไปหลายหน โต๊ะม้านั่งยังได้ขัดหัดเล่ห์กล น้ำลูบไล้ให้พ้นไปวัน ๆ งานเฝ้ายามตามไฟได้ฝึกฝน ตวาดคนหวั่นกลัวจนตัวสั่น เวรกลางคืนปืนกับหอกออกประจัญ เวกลางวันถือสง่าคทาพลอง บางเวลาหากินขุดมันเทศ พลางร่ายเวทย์ด่าฝรั่งกันดังก้อง ขุดขนไปด่าไปในทำนอง พวกนายกองชอบใจเพราะไม่รู้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 ก.ค. 50 00:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอตัดเข้ามาเรื่องภายในประเทศนิดนึง ขระที่เสรีไทยสายสหรัฐฯและอังกฤษ กำลังคร่ำเคร่งในการหาทางส่งเจ้าหน้าที่ลักลอบเข้ามาปฎิบัติการในไทยให้ได้นั้น ข้างฝ่ายในประเทสไทยเอง รัฐบาลของจอพล ป.ก็กำลังโลดแล่นไปอย่างม้าคะนองศึก เพราะตอนนี้ ปลอดจากผู้ตัดต้านท่านเสียแล้ว  รอบกายก็มีแต่เหล่าบริวารที่ศรัทธาในระบอบเผด็จการทหารที่เข้มแข็งเหมือนญี่ปุ่น   ช่วงเวลาเหล่านี้ ที่บรรดา "รัฐนิยม"ทั้งหลาย หลุดออกมาเป็นระยะ ๆ ยุ่งกับชีวิตชาวบ้านมันแบบเสื้อผ้า หน้า ผม .. สั่งไปหมดทุกอย่าง รัฐนิยม มีอะไรบ้าง เคยเอามาลงแล้ว ขอไม่ลงซ้ำอีกแล้วกัน แต่ที่จะยกมาตรงนี้ คือ เรื่องการฉายภาพจอมพล ป.ในโรงภาพยนต์เพื่อให้คนลึกขึ้นยืนแสดงความเคารพ  แถมเปิดเพลงมหาชัยคลอไปด้วยอีกต่างหาก เรื่องนี้ แม้ว่าชาวไทยส่วนใหญ่ในสมัยนั้นจะตะขิดตะขวงใจ เพราะที่ผ่านมาเคยแต่ถวายความเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ตอนนี้กลับต้อมาแสดงความเคารพท่านผู้นำเสียแทน แต่ก็ไม่มีใครกล้าหือ เพราะเป็นช่วงเผด็จการเต็มรูปแบบ แถมยามสงครามอีกต่างหาก แต่อย่างว่า ต่อให้เป็นเสือก็ต้องมีคนมากระตุกหนวดเสือ  ซึ่งไม่ใช่ใคร นักศึกษาเตรียม มธก.ลูกศิย์อาจารย์ปรีดีนั่นแหละ เหตุการณ์เกิดขึ้น คือ นักศึกษาเหล่านี้ไม่ยอมลุกขึ้นแสดงความเคารพภาพท่านผู้นำในโรงหนัง โดยอ้างว่าไม่มีกฎหมายข้อไหนกำหนดให้ทำเช่นนั้น และไม่ต้องการทำด้วย ปรากฎว่าเป็นเรื่องใหญ่ครับ เพราะทางทหารเขาจะเอาเรื่อง  แม้ว่าจะลงโทษตามกฎหมายไม่ได้ถนัดนัก แต่ในฐานะที่เป็นยุวชนทหาร (เหมือน รด.ตอนนี้แหละครับ คือบังคับให้เป็น) ทางทหารก็สามารถนำวินัยทหารมาใช้ได้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 ก.ค. 50 00:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เอ้อ  โพสต์ที่แล้วมีคำผิดอยู่ 2 คำนะครับ  คือ คำว่า "ฉสย" หมายถึง ฉาย ครับ อีกคำนึง คือ "ถอคำสั่ง" หายถึงถอนคำสั่งครับ ส่วนที่ผมมาเขียนตรงนี้ ไม่รู้จักไปแก้ใพสตเก่านั้น  เนื่องด้วย ได้คลิกช่องแก้ไขข้อความแล้ว  แต่เขาโชว์ข้อความว่า "คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความได้ เพราะคุณไม่ใช่ผู้เขียนข้อความนี้" อ้าว แล้วที่นั่งหลังปวดตึ๊บ ๆ อยู่นี่มันใครหว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 ก.ค. 50 01:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อีกประเด็นหนึ่งครับ "ส่วนการที่นักศึกษา ต.ม.ธ.ก.กลุ่มหนึ่งซึ่งได้ไปดูภาพยนต์แล้วไม่ยืนทำความเคารพภาพจอมพลฯนั้น โจทก์ไม่ได้ยุยงนักศึกษา โจทก์เมื่อได้ทราบเรื่องก็ได้สอบถาม ได้ความว่านักศึกษากลุ่มนั้นเห็นว่าไม่มีกฎหมายฉบับใดที่บังคับประชาชนซึ่งไปชมภาพยนต์ต้องยืนขึ้นทำความเคารพจอมพลฯเมื่อโรงภาพยนต์ได้ฉายภาพนั้น โจทก์จึงไม่สามารถที่จะสั่งลงโทษนักศึกษากลุ่มนั้นได้ ถ้ากรมยุวชนทหารได้สั่งลงโทษนักศึกษากลุ่มนั้นในฐานะยุวชนทหาร โจทกก็เห็นว่ากรมยุวชนทหารละเมิดรัฐธรรมนูญ กลุ่มนักศึกษา ต.ม.ธ.ก.กลุ่มนั้นก็อาจฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากผู้รับผิดชอบกรมยุวชนทหารได้ สะใจไหมครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 ก.ค. 50 01:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 112 แปลกดีครับ  โพสต์ถัดมา  ผมคลิกเข้าไปขอแก้ไขข้อความ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรให้เราแก้โดยดี เอ๊ะ  ใครมีดีวีดีหนังเรื่อง แฝด ที่มาช่า เล่นบ้างครับ ขอยืมดูหน่อย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 ก.ค. 50 01:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 113 อ้อ  นึกว่าเรื่องอะไร  โพสต์โดนลบนะเอง เฮ้อ น่าจะบอกก้อนนะ เสียดาย  พิมพ์อยู่ได้ตั้งนาน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 ก.ค. 50 01:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 114 กำ แล้วโพสไปว่าไงมั่งหรือครับ ผมก็เพิ่งจะเข้ามาดู เสียดายแทนเลย เรื่องสเปกสาวๆ นี่ ต้องให้ท่านหัวหน้ากาสะลองกับท่านอาจารย์ใหญ่วิวันดา มาบอกกล่าวน่ะครับ ผมว่าเหมาะที่สุดแล้ว เรื่องหนุ่มเกย์ๆเนี่ย ผมเห็นผู้ชายบางคนก็ประกาศตัวแล้วนะว่า ผมเป็นเกย์นะ แต่ก็เห็นผู้หญิงหลายๆคนตามกรี๊ดอยู่ เพราะว่าเกย์นั้น หล่อเกินห้ามใจทั้งนั้น แถมยังดูดี หุ่นก็งาม แต่งตัวเนี้ยบอีกตะหาก สเปกหญิงไทยส่วนใหญ่ทั้งนั้นเลยนะครับ ส่วนหนุ่มแท้ๆ ทั่วๆไป เรื่องเนี้ยบเนี่ย ไม่ค่อยจะมีกันหรอก ส่วนมากก็เอาง่ายเข้าว่า แบบเซอรืๆแต่จริงใจ อะไรทำนองนั้น กางเกงยืนส์ เสื้อยืด ลองถามสองสาวประจำห้องดูนะครับ น่าจะมีคำตอบให้กับหนุ่มๆ(โสด) อย่างพวกเรา ว่าแต่ว่าที่โสดเนี่ย เห็นจะมีแต่อาจารย์สื่อ กับผม เท่านั้นล่ะมั้งครับ ยังมีหนุ่มที่โสดหลงเหลืออีกมั้ยครับเนี่ย จากคุณ : saravuht - [ 20 ก.ค. 50 04:28:48 A:62.215.3.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 115 หล่อสู้เขาไม่ได้ ก็อย่าไปอิจฉาเขาเลยค่ะ! แล้วก็ไม่ต้องค่อนขอดด้วยว่าผู้หญิงเขาจะชอบเกย์จริงหรือเปล่า เพราะแม้แต่ผู้ชายกันเอง  ยังหลงไหลกันเลยมิใช่หรือ? หรือจะเป็นเสียเองก็ไม่รู้ ที่ป่าวประกาศว่าโสด  โสด  มาจนถึงป่านนี้น่ะ ไม่รู้มีพฤติกรรมอะไรผิดปกติหรือเปล่าอะดิ หรือเอาใจใครไม่เป็นเลย พูดจาก็ไม่เข้ารูหูอีกซะงั้น โสดแบบนี้แหละค่าที่ผู้หญิงเขากลัวที่สุด.... จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 20 ก.ค. 50 19:51:55 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ต่อที่กระทู้ใหม่ค่ะ... จากคุณ : WIWANDA - [ 21 ก.ค. 50 01:27:40 ]