ที่จริงเราไม่ค่อยชอบภาวะสิ้นหวังอะไรพวกนี้เท่าไหร่ แต่ทุกๆครั้งที่เจ็บปวด ร่างกายเราจะจัดระเบียบตัวเองกลายเป็นพันธสัญญาของตัวมันเองทุกครั้ง
เรามองว่า "การสิ้นหวัง"เองก็เป็นกระบวนการหนึ่งของ "การมีความหวังใหม่ๆ"เจตุจำนงใหม่ๆ ตัวตนใหม่ๆที่เป็นbecoming
แม้ การสิ้นหวังจะทำให้ชีวิต"เป็นอิสระจากเจตุจำนง" และ เป็นอิสระจากการยึดติดต่างๆ และทำให้มองเห็น "ทางเลือก" จริงๆมากขึ้น แต่ก็ก็ไม่ได้ถือว่านั่นเป็นอิสระภาพที่แท้จริง ชีวิตก็อยู่ไม่ได้ถ้าเอาแต่สิ้นหวัง เรามีชีวิตเพราะมีความหวัง มีความเชื่อ มีแรงผลักดัน เหมือนมีเข็มทิศชีวิต
มองตลอดมาว่า แม้น้ำตาแห่ง"การสิ้นหวัง" อาจทำให้เราพ้นจากการมี การเป็น แต่ก็ไม่ได้สร้างความหมายอะไรกับชีวิต การมีความหมายของชีวิตก็จากการสร้างตัวตนจาก "เจตุจำนง"ใหม่ๆในบริบทใหม่ๆ(กับสังคมด้วยยิ่งดี) เท่านั้น เหมือนการรดน้ำพรวนดินต้นไม้แห่งชีวิต เพราะมีแต่เจตุจำนงเท่านั้นที่ทำให้คนเราต่อสู้ ฝ่ากำแพงอุปสรรค สร้างสะพานที่เป็นความรู้สึกร่วมกับสังคม สร้างความหมายให้กับชีวิต
ถ้าการสิ้นหวังคือความชั่วร้าย ชีวิตที่มีความหวัง มีจินตนาการถึงวันพรุ่งนี้คือชีวิตที่สามารถอยู่ต่อได้
คนเราจะมีตัวตนก็จากการกระทำ(ที่เกิดจากเจตุจำนงของตัวเอง ที่สร้างขึ้นมาใหม่ๆเรื่อยๆ)ที่สำพันธ์กับการมีอยู่ของกลุ่ม หรือสังคมนั้นๆเหมือนเราเป็นชิ้นส่วนของจิ็กซอว์หนึ่ง
ปล.แต่อย่างค่านิยมสุขสมทันด่วน ในสังคมบริโภคสำหรับเราไม่ถือว่านั่นเป็นความหวัง จะมีความหวังได้ยังไงเพราะมันไม่มี มรรควิธีของตัวเองและเป้าหมายส่วนตัว (มันเป็นเป้าหมายของนักการตลาดทั้งนั้น)
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 04:32:00
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 04:31:01
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 04:18:27
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 04:15:00
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 04:03:14
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 04:01:00
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 50 03:50:58