ความคิดเห็นที่ 2
๗. ตัวเมืองโคราชและโบราณสถาน ราวแปดโมงเช้าเราจึงตั้งค่ายพักนอกตัวเมืองเสร็จ ต่อจากนั้นจึงได้เยี่ยมเคารพพระยาราชนรากุล (P'ia Rajnarakun) นายพลสยามผู้บัญชาการกองทัพ พร้อมทั้งได้นำลายพระหัตถ์เจ้าชายดำรง ๆ ที่ประทานไปสำหรับแนะนำตัวพวกเราไปมอบให้ด้วย เราได้รับการปฏิสันถารอย่างมีไมตรีจิตเป็นอันมาก เห็นได้ชัดว่าความในลายพระหัตถ์นั้น คงได้ขอร้องท่านนายพลให้ความช่วยเหลือแก่เราทุกอย่างเท่าที่จะต้องการ เนื่องจากเราเป็นชาวยุโรปที่ยังไม่คุ้นกับประเพณีไทย พระยาราชฯ เล่าให้เราฟังว่า บิดาของท่านเป็นผู้ว่าการมณฑลฝ่ายเหนือคนก่อนซึ่งได้นำทัพมารบกับพวกฮ่อเมื่อสิบหรือสิบเอ็ดปีที่แล้ว ตัวท่านเองได้บัญชาการกองหน้าทำลายกำลังหลักของพวกฮ่อที่ทุ่งเชียงคำได้สำเร็จ เราเดินทางเข้าเมืองกับพระยาราชฯ กำแพงเมืองขนาดใหญ่คงสร้างด้วยแรงคนเป็นอันมาก แต่ดูออกจะทรุดโทรมทั่วไป มีประตูใหญ่อยู่สี่ประตู ประตูทางทิศใต้ชื่อประตูผีเป็นทางนำศพออกจากเมือง พวกที่เชื่อโชคลางพยายามหลีกเลี่ยงเสมอ แต่พระยาราชฯ ไม่สนใจเรื่องเช่นนี้ เราจึงเข้าทางประตูนั้น ตัวเมืองด้านเหนือกับด้านใต้มีความยาวประมาณ ๕,๔๐๐ ฟุต ส่วนทางทิศตะวันออกกับตะวันตก กว้างประมาณ ๓,๒๐๐ ฟุต กล่าวตามคำบอกของท่านผู้บัญชาการฯ ด้านใต้มีป้อมเล็กสามป้อม ป้อมปืน ๑๕ แห่ง ตลอดแนวกำแพงมีป้อมปืน ๑,๔๐๐ แห่ง ช่องปืนใหญ่ ๗๓ ช่อง ด้านเหนือมีป้อมสี่ป้อม ป้อมปืน ๑,๑๐๗ แห่ง ช่องปืนใหญ่ ๖๐ ช่อง ด้านตะวันออกและตะวันตกมีสองป้อมปืน ๘๖๑ แห่ง ตลอดแนวกำแพง กำแพงนั้นพอกดินหนา มีคันสูงจากพื้นถนนถึง ๑๕ ฟุต คูเมืองโดยรอบกว้างถึง ๒๐๐ ฟุต ผ่านประตูด้านตะวันตกออกไป ก็ถึงหมู่บ้านจีน มีคนจีนประมาณ ๘๐๐ คน ทำอาชีพค้าขายทุกอย่าง รวมตลอดถึงอาชญากรรมต่าง ๆ ด้วย บ่อนการพนัน ดื่มเหล้าสูบฝิ่น เป็นต้น หัวหน้าชาวจีนได้กล่าวว่า ถ้าซ่อมทางระหว่างโคราชกับสระบุรีให้ดี จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศเป็นอันมากในด้านการค้า สินค้าหลักได้แก่ข้าว น้ำตาล หนังและเขาสัตว์ รอบเมืองเป็นนาข้าว ทิศเหนือมีแหล่งเกลือสินเธาว์ น้ำในคลองบริบูรณ์ (Klong Boribun) ตอนเหนือนั้นเน่า ทรากวัดพนมวัน (Wat Nomwan) อยู่ห่างจากตัวเมืองโคราชในระยะเดินทางไม่เกินสองชั่วโมง ถึงจะไม่ใหญ่โตแต่ก็น่าสนใจคุ้มเวลา ตัววัดเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส กำแพงซึ่งยาวด้านละ ๒๐๐ ฟุต สร้างจากหิน (ดูเหมือนหินทราย) ตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ๘ ฟุต กว้าง ๓ ฟุต และสูง ๒ ฟุต ปัจจุบันทลายลงมากองเรี่ยรายทั่วไป หินแต่ละก้อนมีรูกลมลึกประมาณสองสามนิ้ว และมีหน้าเรียบโดยไม่มีร่องรอยว่าได้ใช้เครื่องมือขัด ประตูด้านตะวันออกนั้นงดงามมาก ประกอบด้วยจั่วเรียบ ๆ และหินแท่งซึ่งดูดคล้ายเสาเซาะร่อง บนดินเกลื่อนกลาดด้วยแผ่นหินอันน่าจะเป็นเครื่องประดับประตู ลายสลักแห่งหนึ่งเป็นรูปกบมีฟันเหมือนคน คาบงูไว้ข้างปากด้านละตัว นอกนั้นมีลายดอกไม้เครือเถาเกี่ยวพันกันอย่างงดงาม ตัวโบสถ์แบ่งเป็นสองส่วน เชื่อมกันด้วยทางเดินมีหลังคาครอบ อาคารด้านตะวันออกดูจะเก่ากว่า แต่มีขนาดและลักษณะเชิงสถาปัตยกรรมเหมือนกัน หน้าต่างมีเสาประดับฉาบปูน เห็นจะสร้างขึ้นภายหลัง ในอาคารเป็นโถงเพดานโค้ง ไม่เห็นใช้ปูนในที่ใดเลย ผนังใช้แทนหินซ้อนกันขึ้นไป ความยาวของโบสถ์ ๖๐ ฟุต ส่วนกว้างที่สุด ๕๐ ฟุต ภายในมีรูปเคารพของฮินดู ส่วนใหญ่ทำด้วยหิน บางรปผุก่อนไปตามเวลา ที่ผนังตอนหนึ่งสลักเป็นอักษร แต่ไม่สามารถอ่านได้แล้ว เข้าใจว่าเป็นบันทึกเรื่องราวที่ไม่สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับกำเนิดวัด เพราะผู้สร้างวันนี้ดูจะเป็นผู้มีรสนิยมประณีตอยู่ และตำแหน่งที่พบตัวอักษรนั้นเป็นที่ที่ไม่น่าจะเลือกสำหรับจารึกข้อความสำคัญใด ๆ อันที่จริงเมื่อเอาตะเกียงส่องดูก็พอจะเห็นได้เป็นเค้า ๆ แต่ความมืดและความลึกลับของสถานที่ก็ยิ่งทำให้หดหู่ใจ ในมณฑลโคราชมีทรากโบราณสถานอยู่ทั่วไป เพราะดินแดนนี้งคงเคยเป็นชุมชนที่เจริญรุ่งเรืองมาแล้วครั้งหนึ่ง
--------------------------------------------------------------------------- อ้างอิงจาก บันทึกการสำรวจและบุกเบิกในดินแดนสยาม(Surveying and exploring in siam) เจมส์ แมคคาร์ธี (พระวิภาคภูวดล เจ้ากรมแผนที่คนแรก) ร.อ.หญิง สุมาลี วีระวงศ์ (ยศในขณะนั้น) เป็นผู้แปล ลงตีพิมพ์ในวารสารแผนที่ ฉบับพิเศษ ครบรอบ 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
จากคุณ :
ณัฏฐพล
- [
1 ต.ค. 50 21:37:06
]
|
|
|