ความคิดเห็นที่ 1 พรที่แท้จากหลวงพ่อปัญญานันทะ ขอให้ธรรมะจงล้างความสกปรก คือความเห็นผิดและการกระทำผิด ๆ ของชาวพุทธให้หายไป จงพ้นจากความเขลา ความหลง จงได้หันมานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยประการเดียว การสั่นเซี่ยมซี รดน้ำมนต์ เสี่ยงทายด้วยวิธีการต่าง ๆ จงหายไปจากผืนแผ่นดินไทย   ขอให้อาจารย์เสกพระเครื่องรางทั้งหลาย จงได้เสกคนให้เป็นคนดีมีพระในใจมิใช่มีพระห้อยคอแต่เมาเช้าถึงเย็น ขอให้พวกมิจฉาทิฏฐิทั้งหลายจงกลับกลายเป็นคนมีความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม นี่เป็นพรของข้าพเจ้า มอบให้แก่ท่านทั้งหลาย ตามทัศนะของพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งโสโครกสกปรกใด ๆ เจือปน ขอท่านทั้งหลายจงรับพรนี้ไปปฏิบัติตามทางของพระพุทธองค์เถิด แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 50 10:23:10 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 50 10:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "คนศักดิ์สิทธิ์"   จากคอลัมน์ "ซอยสวนพลู" ของ หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช  หนังสือพิมพ์รายวันสยามรัฐ ฉบับวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓ ...ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าจะพูดว่าอะไร เพราะเหตุว่าเมืองไทยขณะนี้เต็มไปด้วยไฮเทคด้วยความมุ่งหวังว่าจะเป็นนิค หรือเป็นอะไรเข้าไปนั่น แต่ในความเชื่อถือความยึดถือแล้วดูเหมือนจะห่างศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาที่มีเหตุผลออกไปทุกที  กลับไปเชื่อถืองมงายในเรื่องเทวรูป หรือตึกเก่า ๆ หรือต้นไม้จอมปลวก อะไรในทำนองนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราไม่มีศาสนา ปากก็บอกว่านับถือศาสนาพุทธ แต่การกระทำนั้นบอกว่านับถืออะไรเลอะเทอะมาก เอากำหนดแน่นอนไม่ได้... ...ปัญหาเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งออกจะมีเต็มบ้านเต็มเมืองในสมัยนี้นั้น จำเป็นที่จะต้องหาคนที่ค่อนข้างจะศักดิ์สิทธิ์มาแก้  ขณะนี้ก็แลเห็นอยู่องค์เดียวคือ ท่านปัญญานันทภิกขุ ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ความจริงท่านก็ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไรหนักหนา เพราะท่านไม่เชื่อถือในสิ่งเหล่านี้ แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ปัญญานัทะนั้น อยู่ที่ผ้านุ่งผ้าห่มของท่าน ท่านศักดิ์สิทธิ์เพราะท่านนุ่งห่มผ้าเหลืองอันเป็นธงชัยพระอรหันต์ และสาระที่ท่านเทศนาสั่งสอนคนนั้นก็ศักดิ์สิทธิ์ เพราะแต่ละเรื่องเป็นความจริง เป็นเรื่องที่เราต้องสนใจ และเป็นเรื่องที่เราต้องเชื่อฟังปฏิบัติทั้งสิ้น แต่ถ้าหากว่าสังฆสมาคม หรือพุทธจักรในประเทศไทย จะเร่งผลิตคนศักดิ์สิทธิแบบท่านปัญญานันทะออกมามาก ๆ เพื่อให้ต่อต้านสิ่งเหล่านี้ ผมก็เห็นว่าระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ ศาสนาพุทธจะต้องชนะเป็นแน่นอน... จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 50 10:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สารจากพระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) เนื่องในงาน ๘๐ ปี ปัญญานันทะ  ณ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ....ผมไม่ได้มาโดยตัว ก็ขอส่งเสียง ส่งจิตใจ ส่งความประสงค์มายังน้องชายที่รักคือท่านปัญญา ขอแต่งตั้งให้ท่านเป็น "แม่ทัพโลก" เพื่อทำสงคราม ระหว่างโลกของความเห็นแก่ตัว กับความไม่เห็นแก่ตัว ขออ้อนวอนให้รับหน้าที่อันนี้ โดยความปรารถนาของพวกที่เป็น "พุทธทาส"  ทุกคน พุทธทาสมีหลายหมื่นหลายแสนคน อุปโลกน์เป็นน้ำเสียงเดียวกันว่า ขอถวายหน้าที่อันนี้แก่น้องท่านปัญญา เป็น "แม่ทัพโลก" เพื่อจะทำสงครามโลกกับโลกที่มันเห็นแก่ตัว ให้กลายเป็นโลกที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว เป็นโลกของพระพุทธศาสนา และของทุก ๆ ศาสนา มีความสงบเยือกเย็นในความหมายแห่งพระนิพพาน จนเรียกว่ามี "แผ่นดินเพชร" เกิดขึ้นมา ขอให้ผู้ที่มีความเห็นด้วยทุกคน จงแสดงอนุโมทนาสาธุการและไชโยให้ถึงที่สุดเถิด...... แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 50 14:50:21 แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 50 10:52:05 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 50 10:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "อนุสาสนีปาฏิหารย์และอิสรภาพ หนทางดับร้อนในแผ่นดิน" บทความสมโภชท่านปัญญานันทภิกขุ อายุครบ ๘๐ ปี โดยศาสตรจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี  วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ พระพุทธเจ้าตรัสว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ถือเป็นยอดของปาฏิหาริย์ หาใช่อิทธิปาฏิหาริย์ไม่ เพราะอนุสาสนีปาฏิหาริย์หรือความมหัศจรรย์แห่งการสอนทำให้เกิดปัญญา ในขณะที่อิทธิปาฏิหาริย์ทำให้เกิดความหลง หัวใจของพุทธศาสนาอยู่ที่การพัฒนาคนหรือพัฒนาปัญญา ความสนใจแต่การพัฒนาวัตถุและอิทธิปาฏิหาริย์โดยไม่สนใจการพัฒนาคนหรือพัฒนาปัญญาคือความเสื่อมของสถาบันทางพุทธศาสนา สถาบันทางพุทธศาสนาในประเทศไทยได้เสื่อมจากสถานะในการเป็นผู้นำทางปัญญาของสังคมเนื่องจากความ  เปลี่ยนแปลงทางสังคมและจากการที่สถาบันไปให้ความสนใจการพัฒนาทางวัตถุและอิทธิปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าการพัฒนาคน ความเสื่อมจากสถานะในการเป็นผู้นำทางปัญญาของสถาบันทางพุทธศาสนามีผลกระทบต่อสังคมไทยมาก ขณะที่สังคมไทยหันไปรับอารยธรรมทางวัตถุจากตะวันตกเข้ามาใช้ อันเป็นการกระตุ้นโลภจริตอย่างแรง โดยปราศจากการพัฒนามนุษย์ สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างได้สมดุลกัน ปัญหาต่าง  ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นเช่นความล่มสลายของสังคมชนบท การอพยพเข้าเมืองและการเกิดแหล่งสลัมกับปัญหาคนจนในเมือง การเกิดอาชญากรรม โสเภณีกรรม โรคเอดส์ การละเมิดสิทธิเด็ก การทำลายสิ่งแวดล้อม การเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น รถแก๊สระเบิด สารเคมีระเบิด การระบาดทั่วไปของสภาวะสุขภาพจิตเสื่อม เหล่านี้ล้วนเป็นอาการของโรคร้ายแรงโรคเดียวกันของสังคมไทย คือโรคขาดดุลยภาพระหว่างการพัฒนาวัตถุกับการพัฒนาคน โรคนี้มีอาการหนักมากและดูเสมือนจะไม่มีทางรักษา เพราะสังคมได้เข้าไปสู่วิถีการพัฒนาวัตถูยิ่งกว่าการพัฒนาคนจนเป็นระบบที่ครอบงำไปหมด แท้ที่จริงพุทธศาสนาควรช่วยได้ พุทธศาสนาคือภูมิปัญญาอันสูงสุดของมนุษยชาติ เกิดจากการค้นพบของพระมหาบุรุษ เป็นหลักธรรมที่ลึกซึ้งและครอบคลุม เน้นที่การพัฒนามนุษย์ทุกระดับชั้นจนถึงที่สุด ในยามที่โลกประสบสภาวะวิกฤตและไร้คำตอบ พุทธศาสนาน่าจะให้คำตอบแก่โลกในการพัฒนาชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อมให้หลุดออกจากสภาวะวิกฤต แต่สถาบันทางพุทธศาสนาก็ขาดศักยภาพที่จะเข้ามาช่วย เพราะมัวไปสนใจแต่วัตถุและอิทธิปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นการพัฒนาคน ดังกล่าวแล้ว ในท่ามกลางสภาวะเช่นนี้มีภิกษุไทยรูปหนึ่งโดดเด่น แปลกกว่าองค์อื่น ๆ ตั้งแต่เป็นพระหนุ่มเณรน้อย ตราบล่วงเข้าสู่ทีฆายุโก เจริญพรรษาเสมอด้วยพระพุทธองค์ ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม เมื่อพุทธศักราชล่วงแล้ว ๒๕๓๔ ปี ที่ศิษยานุศิษย์กำลังจัดงานคุรุบูชากันอยู่ ณ บัดนี้ ท่านปัญญานันทมหาเถระหรือ “หลวงพ่อปัญญา” ทำงานอยู่อย่างเดียวคือสอน สอนทุก ๆ โอกาส ไม่ว่าในงานบวช งานศพ ทำบุญที่บ้าน ที่วัด ตามทาง ในห้องปาฐกกถา ทางวิทยุ โทรทัศน์ เดินทางไปสอนตามที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จนภาพพจน์ออกมาว่าท่านเป็น “พระผู้สอนธรรม” ใครทำอะไรมาก ๆ จะปรากฏเป็นภาพพจน์หรือสัญลักษณ์ออกมาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นบางองค์เกี่ยวกับปลัดขิก บางองค์เกี่ยวกับลูกประคำ บางองค์เกี่ยวกับการเป็นหมอดู บางองค์เกี่ยวกับวัตถุมงคล สำหรับท่านปัญญานันทมหาเถระเนื่องจากสอนธรรมล้วน ๆ มายาวนานมากจึงเป็นสัญลักษณ์ของธรรม ถ้าใครนึกถึงท่านก็นึกถึงธรรมนี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะถ้าบุคคลคิดถึงธรรมบ่อย ๆ หรือคิดถึงธรรมจนเป็นนิสัย ชีวิตย่อมเข้าสู่กระแสความดี นอกจากนั้นท่านปัญญานันทมหาเถระมีความเป็นอิสระและความกล้าหาญในทางธรรม ไม่ประจบผู้มีอำนาจหรือผู้ที่อาจให้ผลประโยชน์ จึงทำให้สามารถแสดงธรรมได้ตรงไปตรงมาและเตือนสติผู้ใดก็ได้ในสังคม โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาที่หาทางออกไม่ได้หรือมีวิกฤตการณ์ นี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งนัก คนเราถ้าหวังผลประโยชน์คอยประจบผู้มีอำนาจและผู้ให้ผลประโยชน์แก่ตนเสียแล้ว ย่อมขาดอิสรภาพและไม่มีศักยภาพที่จะแสดงธรรม นั่นคือเกิดความเศร้าหมองขึ้น จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 50 14:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พระพุทธเจ้าทรงวางพระธรรมวินัยและสั่งสอนพระสงฆ์ศากยบุตรเอาไว้ให้เป็นบุคคลที่มีปัญญาและมีอิสระจะได้เป็นที่พึ่งแก่คนทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นยาจกเข็ญใจ หรือเป็นเศรษฐี หรือพระราชา พระสงฆ์ศากยบุตรมีหน้าที่ทำให้แผ่นดินเย็นลงด้วยธรรม แผ่นดินรุ่มร้อนวุ่นวายเพราะความไม่ถูกต้อง การที่แผ่นดินจะเย็นลงด้วยธรรมหรือความถูกต้องนั้น หลักธรรมจะต้องหนักแน่นลึกซึ้ง ผู้แสดงจะต้องมีปัญญาและอิสรภาพ อีกทั้งมีอนุสาสนีปาฏิหาริย์ พระศาสดาผู้เป็นมหาบุรุษเอกของโลกประกอบด้วยสัพพัญญุตญาณ ได้ทรงวางหลักธรรมและการวางรูปแบบพระสงฆ์พุทธบุตรเอาไว้ให้สามารถทำให้แผ่นดินเย็นลงด้วยธรรม หากคณะสงฆ์ได้เอาใจใส่ดูแลอนุวรรตให้เป็นไปตามที่พระศาสดาได้วางหลักและหรอบเอาไว้ ศักยภาพจักเกิดขึ้นอย่างมหาศาลในการดับความร้อยของแผ่นดินและของโลกด้วยธรรม หากเป็นไปในทางตรงข้าม กล่าวคือ คณะสงฆ์สนใจแต่การพัฒนาวัตถูยิ่งกว่าการพัฒนาคน คณะสงฆ์สนใจในอิทธิปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คณะสงฆ์สนใจในการประจบผู้มีอำนาจและผู้ให้ผลประโยชน์ยิ่งกว่าการดำรงตนให้มีอิสระ แล้วไซร้ คณะสงฆ์ย่อมเศร้าหมองและไม่สามารถทำให้แผ่นดินเย็นลงด้วยธรรมได้เลย ฉะนั้นการที่ท่านปัญญานันทมหาเถระ สนใจการพัฒนาคนยิ่งกว่าวัตถุ สนใจอนุสาสนีปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าอิทธิปาฏิหาริย์ ดำรงตนเป็นอิสระยิ่งกว่าการวิ่งเข้าหาประโยชน์ จึงมีความสำคัญยิ่งนัก สอดคล้องกับคำสั่งสอนของพระศาสดา สมเป็นพุทธบุตร เป็นไปเพื่อยังให้โลกเย็นด้วยธรรม เป็นตัวอย่างที่ดีแก่มหาชน มิใช่บรรพชิตเท่านั้น แต่สำหรับคฤหัสถ์ด้วยโดยเฉพาะผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปัญญาชน ระบบการศึกษาอันใหญ่โตที่ใช้ทรัพยากรแผ่นดินอย่างมากมายโดยหวังสร้างปัญญาชนจำนวนมาก หากผู้ที่ควรเป็นปัญญาชนเหล่านี้ ได้มีปัญญาจริง ๆ สนใจในการทำอนุสาสนีปาฏิหาริย์ และทำตนให้เป็นอิสระจากผลประโยชน์ พลังแห่งความถูกต้องในแผ่นดินจะเกิดขึ้นขนาดไหน ก็ลองใช้จินตนาการกันเอาเอง จริงอยู่ ท่านปัญญานันทมหาเถระองค์เดียวยังไม่สามารถสร้างความเย็นให้แผ่นดินโดยธรรมได้ดอก เพราะกระแสของความไม่ถูกต้องไหลกลบโลกแรงยิ่งนัก แต่ปฏิปทาของท่านเหมือนการชักธงแห่งความถูกต้องให้คนเห็น การเฉลิมฉลองอายุ หากเป็นอายุของความโง่เขลา การเฉลิมฉลองก็เป็นการกระจายความโง่เขลาออกไป จะเกิดโทษมากกว่าคุณ แต่ถ้าอายุนั้นเป็นอายุที่ได้ชักธงของความถูกต้อง การเฉลิมฉลองก็ทำให้คนเห็นธงความถูกต้องมากยิ่งขึ้น ขอให้สาธุชนใช้โอกาสแห่งการเฉลิมฉลองชนมายุเสมอด้วยพระพุทธองค์ของท่านปัญญานันทมหาเถระ ระลึกถึงคุณของพระศาสดาและหลักธรรมที่ทรงวางไว้ เพื่อขวนขวายกระทำสิ่งที่ถูกต้อง ให้แผ่นดินนี้เย็นลงด้วยธรรม จุดสำคัญอยู่ที่การศึกษาของคณะสงฆ์ การศึกษาที่ถูกต้องของคณะสงฆ์เท่านั้นที่จะจรรโลงพระพุทธศาสนาไว้ได้ หาใช่การก่อสร้างทางวัตถุไม่ การศึกษาของสงฆ์ควรจะมีแนวทาง ๓ ประการ คือ ๑. ศึกษาพุทธธรรมให้ลึกซึ้ง ทั้งทางปริยัติและปฏิบัติ เพราะหากขาดการศึกษาที่ลึกซึ้งจนตนเองรู้ธรรมและบรรลุอิสรภาพในระดับหนึ่งย่อมยากที่จักแสดงธรรมให้จับผู้คน ๒. ศึกษาให้เข้าใจชีวิตและสังคมของคนปัจจุบัน สังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก มีปัญหาใหม่ ๆ ที่สลับซับซ้อนเกิดขึ้นมากมาย ถ้าพระสงฆ์ไม่เข้าใจชีวิตและสังคมของคนปัจจุบัน ย่อมไม่สามารถแสดงธรรมให้เป็นที่สนใจหรือสะกิดใจมหาชนได้ คงฟัง ๆ กันไปพอเป็นพิธีกรรมมากกว่าจะสนใจให้เกิดปัญญา ๓. ศึกษาเรื่องการติดต่อสื่อสาร ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้การแสดงธรรมมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ทั้ง ๓ ข้อนี้เป็นไปเพื่อส่งเสริมอิสรภาพและความสามารถในการแสดงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ของพระสงฆ์ทั้งสิ้น นอกจากส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุสามเณรโดยทั่วไปแล้ว ควรจะมีการคัดเลือกพระภิกษุและสามเณรที่มีปัญญาเลิศ และส่งเสริมให้ท่านได้เล่าเรียนตามแนวทางทั้ง ๓ ที่กล่าวข้างต้น อย่างเต็มตามศักยภาพ เพื่อเตรียมไว้เป็นครู การมีพระสงฆ์ทรงปัญญาสูง แม้เพียงรูปเดียวก็เกิดอานิสงส์แผ่ไปได้อย่างกว้างขวาง ดังเช่นท่านพุทธทาสมหาเถระและท่านพระเทพเวที (ประยุทธ ปยุตฺโต) เป็นตัวอย่าง หากส่งเสริมให้มีมากรูป อานิสงส์ย่อมเพิ่มพูนหลายเท่า แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปโดยแยบคายด้วยสติปัญญาและอิสรภาพมากที่สุด ปลอดจากการทำอย่างเป็นทางการแต่ไร้คุณภาพ บทความนี้เขียนขึ้นโดยหวังกระตุ้นเตือนให้มหาชนได้ระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหลักธรรมอันยิ่งใหญ่ อันจักดับร้อนในแผ่นดินได้ หากเข้าใจและมีการปฏิบัติที่ถูกต้อง หากมีอานิสงส์บ้างแม้เล็กน้อยเพียงใด ผู้เขียนขออุทิศถวายเป็นคุรุบูชาท่านปัญญานันทมหาเถระในโอกาสที่ท่านเจริญชนมายุครบ ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๔ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 ต.ค. 50 14:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 -นอกจาก ท่านพุทธทาส ก็มี ท่านปัญญา ที่เราเคารพนับถือ ขอบคุณครับ จากคุณ : หลี่ เสียนหลอ - [ 11 ต.ค. 50 20:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ท่านปัญญา เป็นพระสงฆ์องค์เจ้าที่ใครได้กราบได้ไกล้ชิดท่านแม้แต่สักครั้งก็ยังนับว่าเป็นบุญ แน่ใจว่าตอนนี้ท่านอยู่บนสวรรค์แล้ว ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูที่เอาข่าวของท่านมาบอกให้รู้ จากคุณ : PatPDX - [ 14 ต.ค. 50 09:12:26 ]