สังคมไทย สังคมแห่งเปลือก
เปลือกคือสิ่งที่ฉาบไว้แต่ผิวหน้า เปลือกคือความสวยงามอันผิวเผิน คือกลิ่นหอมอันฉาบฉวย คือความหวานอันไม่ยั่งยืน
เปลือกมีคุณค่าสำหรับสัตว์สังคมเยี่ยงมนุษย์ การยอมรับจากสังคมเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหาไม่มากก็น้อย ความต้องการเปลือกก็ขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมของปัจเจกชนใดๆ คนที่มีแก่นอ่อนแอ ก็ย่อมต้องการเปลือกที่ชัดเจนมากกว่าผู้ที่มีแก่นแข็งแรงไม่หวั่นไหว
เปลือกเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ตามแต่ว่าวันนี้จะฉาบด้วยสีอะไร จะแต่งแต้มเปลือกด้วยความวิริศมาหราเพียงไหน
แต่สุดท้าย เปลือกก็คือเปลือก ต้องมีวันร่อนออก ต้องมีวันเจือจาง ดับสูญ ย่อยสลาย
แก่นเนื้อในต่างหากที่คงทน แข็งแรง ยืนหยัด เป็นเนื้อแท้แห่งตัวตน เหมือนกับเปลือกข้าวทองอร่ามและเมล็ดข้าวขาวสะอาด เมื่อแยกจากกัน เปลือกก็กลายเป็นแกลบให้ไก่จิกดินตามพื้นดิน
เปลือกแห่งสังคมไทย คือเปลือกแห่งกระแสนิยม มือถือสากปากถือศีล เปลือกไหนได้รับการยอมรับ ผู้คนก็แห่งแสวงหาเปลือกนั้นมาฉาบตนเองบ้าง แห่กันไปตามกระแส ไม่สนใจแก่นเนื้อใน สนใจแต่เปลือกที่เชิดชู
ความเปลี่ยนแปลงของเปลือกในสังคมไทยมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
จนถึงทุกวันนี้เปลือกกลับกลายเป็นความดี?
แต่ไฉนเปลือกที่เป็นความดีจึง เป็นแค่เปลือก?
กระจกสองด้านสะท้อนสังคมอันสับสนนี้
กระจกด้านหนึ่งชื่นชมว่าเปลือกแห่งความดี คือจุดเริ่มต้นของการสร้างแก่นที่ดี เมื่อเปลือกร่อนออก ความดีก็คงยังตกค้างอยู่กับแกนในบ้าง อย่างน้อย เปลือกก็ไม่เป็นเพียงแกลบอันไร้ประโยชน์
กระจกอีกด้านหวาดระแวงเปลือกแห่งความดีนี้ ว่าจะกระทบสังคมที่สับสนอยู่แล้ว ให้เสียสมดุลย์ จนอาจจะเกิดการล่มสลายแห่งศรัทธาครั้งใหญ่
เมื่อความดีเป็นเพียงเปลือกที่อวดอ้างตน การทำความดีนั้นก็ไม่ใช่ความดีที่เป็นประโยชน์ หากแต่เป็นเปลือกแห่งความดีทึ่คนฉาบคิดว่าคือสิ่งที่ทำให้สังคมคิดว่าตนเป็นคนดี
เมื่อความดีคือขาว ความไม่ดีก็คือดำ ในความคิดของสังคมเปลือก
ใครที่ไม่ฉาบด้วยสีแห่งความดี กลิ่นแห่งความดี รูปลักษณ์แห่งความดี ก็คือสีดำ
ใครที่เห็นว่าเปลือกไม่ใช่ความดีอันถ่องแท้ ก็เป็นสีดำ
ใครที่ทำความดีแต่ไม่ใส่เปลือก ก็อาจเป็นสีดำได้
สังคมไทยอันสับสนนี้ก็กลายเป็นมีเปลือกดำ เปลือกขาวไปได้โดยไม่รู้ตัว
ข้อเสียของการเร่งสร้างเปลือกแห่งความดีก็คือความฉาบฉวยตามกระแส เพระการที่จะทำให้เปลือกสีเหลืองอร่ามเช่นช้าวเปลือกเปลี่ยนเป็นสีอื่นเช่นสีแดง หรือเขียวนั้นไม่ยาก เพียงแค่ชุบกับสีที่ต้องการ หากแต่แกนในของมันนั้นต้องใช้เวลาบ่มเพาะและตั้งใจจริง
เมื่อมีการอัดฉีด"ความดี"เข้าสู้สังคม จะมีผู้คนกลุ่มหนึ่งกระตือรือล้นที่จะเป็นผู้ที่ไม่ตกกระแส
แต่"ความดี"ที่อัดฉีดลงมา ก็จะมีผู้ที่เล็งเห็นว่าเป็นคนละ"ความดี"ในความคิดเขา และไม่ยอมรับ"ความดี"นั้น
ความดีที่เร่งสร้าง ความดีอันฉาบฉวยนี้ จะกลายเป็นเปลือกเคลือบคนและแยกคนออกเป็นสองสี
ผู้คนในสังคมแห่งเปลือกนี้รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นใส่เปลือกขาว เปลือกดำ ที่เข้ากันไม่ได้เสียแล้ว
มันน่าเสียใจตรงที่ต่างสีต่างไม่รับฟังกันว่าอีกสีคิดอย่างไร แต่ประหัดประหารกันด้วยอคติที่ว่า
สีของตนนั้นถูกต้อง
ซึ่งสุดท้ายก็เป็นเพียงเปลือกเท่านั้น
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาน่าจะสอนอะไรให้สังคมแห่งเปลือกนี้ได้หยุดคิดกันบ้าง
แก้ไขย่อหน้า
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 50 02:55:59
แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 50 02:54:09
จากคุณ :
Composite
- [
15 พ.ย. 50 02:44:04
]