ความคิดเห็นที่ 1 ตอบไม่ถูกครับ เพราะเวลาสถาบันภาษารับสมัครอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ก็กำหนดวุฒิไว้ทั้งสองอย่างจึงจะเป็นผู้มีสิทธิ์สมัคร ไม่ได้พิจารณาวุฒิใดวุฒิหนึ่งเป็นกรณีพิเศษ จากคุณ : 123 - [ 19 พ.ย. 50 13:13:08 A:58.9.46.69 X: TicketID:158897 ]

ความคิดเห็นที่ 2 TESOL เป็นหลักสูตรแค่ประกาศนียบัตร Linguisticsเป็นหลักสูตรระดับปริญญาในการเรียนภาษาศาสตร์ ส่วนApplied Linguisticsการเรียนภาษาศาสตร์+การเรียนเพื่อที่จะไปสอนผู้อื่น อ่านเองตอนเรียนจบผมก็ไม่ทราบว่าเรียนที่ไหนครับ แต่ในม.ที่เป็นต้นๆเจ้าของตำหรับวิชานี้..ตั้งแต่ปีหนึ่งอาจารย์จะสอนแล้วนักศึกษาต้อง ไปสอนต่อที่ศูนย์ภาษาของม.คนที่มาเรียนเป็นกลุ่มนักศึกษาจากทั่วโลกที่ทำคะแนนโทเฟล ไม่ถึงที่ทางม.กำหนดจึงต้องมาเข้าเรียนที่ศูนย์ภาษา..กลุ่มหลังนี่จะเรียกว่าESLของจริง ส่วนกลุ่มแรกสอนในระดับมหาลัยไม่ได้..ถ้าสอนในระดับมัธยมต้องไปสอบเอาใบประกอบอาชีพครู ในบางสายของวิชาสามัญเช่น สังคม วิทย์ คณิต เพื่อมาสอนESL แต่ยังมีข้อแม้อย่างอื่นๆอีก เช่นไม่ได้จบสายตรงของวิชา สามัญหรือภาษา ใบประกอบอาชีพครูจะมีอายุแค่ไม่กี่ปี จะต้องเรียนเพิ่มอบรมเพิ่มหาหน่วยกิตเพิ่มเพื่อต่อใบอนุญาตใบประกอบอาชีพครู ถ้าสอนในระดับมหาลัยไม่ต้องใช้ใบวิชาชีพครู..(พูดถึงต่างประเทศนะครับ) ปัจุบันฝ่ายภาษาศาสตร์มีการพัฒนาลูกเล่นในการสอนขึ้นมากมาย ถึงขั้นพัฒนาการสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมให้เด็กเทพที่เก่งๆ(เด็กเกาหลี เด็กญี่ปุ่น) เก่งในวิชาทั่วไปแต่อ่อนภาษาอังกฤษพูดยังแทบไม่ได้แต่พอเขียนได้ แต่สามารถทำคะแนนระดับA Bแทบยกชั้นได้..สอนไป2-3ปี เด็กก็จะเก่งหลุดจากโปรแกรมESLไปเอง เนื่องจากในระยะแรกใช้ภาษาวิชาการให้น้อยลง..อธิบายด้วยภาษาง่ายๆแต่ให้เด็กเกิดความเข้าใจ ให้เขาเรียนตามเพื่อนๆให้ทันก่อน..นี่แหละศาสตร์แห่งการสอนครับ ถ้าเป็นต่างประเทศพวกฝรั่งอนุรักษ์นิยมส่วนมากจะเรียนอักษร.รักวรรณคดีรักภาษาอังกฤษ เด็กต่างชาติที่เป็นลูกศิษย์จะถูกครูกลุ่มนี้จองเวรจองกรรมเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาตลอด ส่วนมากพวกนี้จะไม่อยากสอนเด็กต่างชาติเพราะไปเสียเวลาเด็กเจ้าของภาษา.. ถ้าทำไม่ได้ก็เอาFไปลูกเดียว จากคุณ : เบื่อ - [ 19 พ.ย. 50 13:43:12 A:58.136.52.11 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 4 /\ เบื่อ ถึง TESOL จะเป็นแค่ประกาศนียบัตร แต่ก็อย่ามองข้าม เน้อค่ะ เราเองเรียน TESOL แค่ 4 อาทิตย์ เมื่อเดือน July ไม่เคยสอน ไม่ชอบสอน ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยเรียนครู แต่หลังจาก intensive 4 weeks มั่นใจว่าสอนได้ และ  qualified สำหรับโรงเรียนสอนภาษา แต่คงไม่มีมหาลัยไหนเขารับ แฮ่ๆ เขาจะให้หลักดีมาก แรกสุด ต้อง assess นักเรียน ว่าพื้นฐานแค่ไหน ทั้งพูด ฟัง เขียน อ่าน แล้วก็คุยกันให้รู้เรื่องไป ว่า จุดมุ่งหมายของนักเรียน จะเอาดีทางไหน แค่ไหน แล้วก็ วางแผนการสอน เป็นชั่วโมงๆไปเลย เราคิดว่า giving me time, giving me a student or a small group เราจะช่วยให้ภาษาเขาพัฒนาได้ ไม่มากก็น้อย แค่ share ประสบการณ์ค่ะ วันนึง ถ้ามีโอกาส จะลองสอนใครซักคน ดูว่าจะทำให้ภาษาเขาดีขึ้นมาได้ไหม อย่าโทรมาหาอาชามนะคะ ฮี่ฮี่ เดี๋ยวอาชามโทรหาเอง จากคุณ : ตา (ta/'o-o/') - [ 19 พ.ย. 50 16:13:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Words of admiration for 'อ.ทวิช', aka 'Twit': Damnit!  You have such an effing appropriate name for a born teacher, you know that. It exactly describes your 'indecent' manner of using Internet forums (discussion boards)...lol. When I first made a comment in a previous message I used the word 'decent' because I was sarcastic.  Now, having realized that you did not understand my atrocious pun, I use the word 'indecent' instead.  Yet, I'm still too polite to tell you what the word 'twit' means.  Sod that! จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 19 พ.ย. 50 21:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พี่แท่น พี่แท่น โทรด่าอาจารย์ได้ที่ <เข้ามาลบหมายเลขที่ออก กลัวโดนนายตำหนวดจับเอว> แฮ่แฮ่ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 50 22:25:45 จากคุณ : ตา (ta/'o-o/') - [ 19 พ.ย. 50 21:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราเคยเจอคนอังกฤษคนหนึ่งไม่จบปริญญาใดๆ เขาเรียน TESOL แบบที่ ตา (ta/'o-o/') เรียน แล้วเขาโครตเก่งสุดๆระดับไปสอนเจ้าชายซาอุ แล้วเจ้าชายพอพระทัยตบรางวัลให้เขามากพอที่จะ retire แล้วไปซื้อบ้านที่ Florida สหรัฐได้ เรื่องที่เราพูดเกี่ยวกับระดับความสามารถของ English teachers ในประเทศไทยนี้ ฟังดูเหมือนว่าเราคุยโว แต่เราประเมินจากประสบการณ์การทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษในประเทศไทยมา 20 ปี (สอนอังกฤษ  5 ปี แปลเอกสารและหนังสือ 15 ปี)  ที่ต้องพบปะคนไทยหลายๆคนที่ประกอบอาชีพเดียวกัน ถ้าใครไม่เชื่อว่าเป็นความจริง เรากล้าท้าพนันวางเดิมพันหมดตัวเลย โดยจะขายทรัพย์สินทั้งหมดมาพนันกันก็ได้ บางคนคิดว่าเราพูดเรื่องนี้เพื่อ "ยกหาง" หรือเป็นเพราะ "เก็บกด" แต่เปล่าหรอก จริงๆ แล้วเราพยายามจะบอกว่า ประเทศไทยประสบความล้มเหลวในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษก็เพราะว่า ผู้ที่ตั้งกฎเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติของ English teachers ประสบความล้มเหลวในการที่จะเข้าใจเรื่องการวัดความสามารถของคนที่จะมาเป็นครู  และนี่คือความผิดพลาดในระดับต้นๆเลยทีเดียว!!!!! แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 07:28:10 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 20 พ.ย. 50 07:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราแน่ใจ 100% ว่าคนไทยทำผิดพลาดอย่างมหันต์ในการสร้างกฎเกณฑ์ว่าใครมีหรือไม่มีสิทธิเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ยกตัวอย่างเช่น วุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่ให้สิทธิคนไทยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมในโรงเรียนไทย และวูฒิการศึกษาในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอกที่ให้สิทธิคนไทยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในมหาลัยไทย ถ้าคนที่จบมาวุฒิแบบที่ว่านั้นไม่เคยใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่พูดภาษาอังกฤษมาเกิน 15 ปี  ให้เอาคนไทยที่ไม่จบปริญญาแต่อยู่ต่างแดนในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษมาเกิน 15 ปีขึ้นไปเรียน TESOL หลักสูตรสั้นๆ (หรือไม่เรียนเลย แต่มีไหวพริบพลิกแพลง คิดค้นวิธีสอนได้เอง) แล้วไปสอนปริญญาตรีเอกอังกฤษในมหาลัยไทย โดยส่วนใหญ่แล้วครูประเภทหลังจะทำการสอนภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าอย่างแน่นอน   ถ้าใครจะเถียงว่า ไม่จริงหรอก คนไทยเรียนในเมืองไทยก็เก่งภาษาอังกฤษเท่าคนอยู่เมืองนอกได้  เราตอบว่า "เป็นไปได้มากๆ แต่ต้องมีประสบการณ์ทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษนานประมาณ 10 กว่าปีขึ้นไป และมีการศึกษาค้นคว้า (นอกมหาลัย) ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง"   ยกตัวอย่างเช่นตัวเราจบแค่มัธยมต้น แต่เราใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษมา 20 ปี  แต่แฟนเราจบปริญญาตรีและปริญญาโททางด้านภาษา (ทั้ง 2 ปริญญา) จากมหาลัยชั้นหนึ่งในประเทศไทย  ภาษาอังกฤษเธอพอทาบรัศมีเราได้ นั่นก็เพราะว่าเธอมีประสบการณ์การทำงานเป็นล่ามและนักแปลในบริษัทข้ามชาติ (ทำมาหลายบริษัท) รวมทั้งแปลหนังสือ ซึ่งถ้าจะรวมประสบการณ์การทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริงของเธอ (เดาเคร่าๆจากอายุเธอ) เราว่าคงจะประมาณ 13 ปี   ดังนั้น ถ้าจับเรากับแฟนเราไปแข่งกันสอนภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรีในมหาลัยไทย เราว่าความสามารถของทั้งสองคนคงไม่ทิ้งห่างกันเท่าไหร่ (แต่แฟนเราไม่ชอบสอน) ...เราชอบสอน และชอบค้นคว้าวิจัยเรื่องการสอนภาษาอังกฤษเป็นชีวิตจิตใจ จนถึงขั้นเป็น born teacher (แต่มหาลัยไม่ยอมให้เราสอนเพราะวุฒิการศึกษาเราไม่สูงพอ)   แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 08:52:07 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 07:37:13 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 20 พ.ย. 50 07:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แต่ในกรณีที่จับเราไปสอนปริญญาตรีเอกอังกฤษในมหาลัยไทยแข่งกับคนบางคนที่กำลังจะกล่าวถึง ในกระทู้ข้างล่างเนี้ย  เรากล้าท้าพนันหมดตัวเลย โดยการขายทรัพย์สินทั้งหมดมาวางเดิมพันกันว่า เราต้องสอนได้ดีกว่าอย่างแน่นอน (โดยการวัดผลลูกศิษย์ของแต่ละรายที่จบออกมา ให้มาดวลวิชากันอย่างถึงพริกถึงขิง) บุคคลกลุ่มแรกที่เรามั่นใจว่าเราต้องชนะแน่ๆ ก็คือพวกที่จบปริญญาโททางด้านภาษาอังกฤษที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงาน ที่เคยทะเลาะกับเราในกระทู้นี้   http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/04/K5337736/K5337736.html อีกคนหนึ่งที่เรากล้าวางเดิมพันหมดตัวเลยว่าเราต้องสอนภาษาอังกฤษชนะเธอแน่ๆก็คือ รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ท่านหนึ่งที่จบปริญญาเอกทางด้านการสอนภาษาอังกฤษมาจากมหาลัยสหรัฐ ที่เรามั่นใจว่าเราต้องชนะก็เพราะว่าเราเคยเห็นอาจารย์ท่านนี้เขียนภาษาอังกฤษได้กระท่อนกระแท่นมากๆ เนื่องจากเรียนสูงจริงแต่ก็ยังเป็นคนไทยที่เขียนภาษาอังกฤษแบบไทยๆที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน คือพอจบมาก็ไปสอนเลย และสอนๆไป ก็ไม่เคยหาความรู้ใส่ตัวเพิ่มเติมเลย มันอยู่ในกระทู้นี้ เราใช้ชื่อ drunken immortal ตอบกระทู้นี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไปอ่าน คคห 17, 19, 21, 22 แล้วจะแปลกใจ ตาม link ข้างล่างนี้ไป http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2489842/K2489842.html แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 08:03:41 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 07:38:30 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 20 พ.ย. 50 07:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่เราสรุปได้ว่า บุคคลในแวดวงการศึกษาผิดพลาดอย่างแรงในเรื่องการกำหนดกฎเกณฑ์ว่าใครมีหรือไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็น English teachers ได้แบบที่เป็นอยู่นี้  เราอาศัยตรรกะ และสถิติที่คิดได้ง่ายๆดังต่อไปนี้ 1. เวลานี้มีคนไทยที่ไปเป็นโรบินฮู๊ดหรือไปแต่งงานกับฝรั่งแล้วพำนักอาศัยในต่างแดนเกิน 15 เป็นจำนวนมาก ที่เก่งภาษาอังกฤษเพราะมีความสนใจโดยเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว  การจับคนไทยเหล่านี้มาเข้าหลักสูตร  TESOL อย่างที่คุณ ตา (ta/'o-o/' เรียน แล้วให้กลับมาสอนภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรีในประเทศไทย พวกเขาจะสอนได้ดีกว่าท่านศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ที่เราพูดถึงใน กระทู้ (เราใช้ชื่อ drunken immortal ในกระทู้นั้น) ที่อยู่ใน link นี้คือ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2489842/K2489842.html 2. การกำหนดให้ผู้มีปริญญาโททางด้านภาษาอังกฤษมีคุณสมบัติพอที่จะสอนได้ แต่ไม่มีประสบการณ์ ดังเช่นกลุ่มที่ทะเลาะกับเราในกระทู้นี้ใน link ข้างล่างนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเขาไม่มีความมั่นใจแม้กระทั่งจะโต้วาทีกับคนเป็นภาษาอังกฤษ!! ที่พูดถึงอยู่ใน link นี้ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/04/K5337736/K5337736.html และเพื่อเป็นการพูดเรื่องที่สมเหตุผล เราขอมองไปไกลในอนาคตเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ที่เรียนจบปริญญาโททางด้านภาษามา แต่ยังอ่อนหัด โดยให้ความเคารพต่อศักยภาพในอนาคตว่า เมื่อเขาไปทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษมาอีก  13 ปีเหมือนแฟนเรา และพวกเขาเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นมาพอที่จะทาบรัศมีหรือเก่งกว่าเราได้ หรือพอที่จะทาบรัศมีหรือเก่งกว่าคนไทยคนอื่นๆที่ไม่มีปริญญาแต่อยู่ต่างประเทศมานานพอๆกับเราได้  คุณลองคิดดูสิว่า คนกลุ่มที่เคยทะเลาะกับเราซึ่งเมื่อก่อนไม่เก่งแต่ตอนนี้เก่งจริงตามที่เราเคารพความจริงว่าน่าจะเป็นไปได้น่ะ ตรรกะคืออะไร?  ตรรกะก็คือว่า พอถึงเวลานั้นนะ คนพวกนี้จะทำงานเงินเดือนปาเข้าไปตั้งเท่าไหร่เข้าไปแล้ว  มีหรือที่พวกเขาจะยอมสละงานที่มีรายได้มหาศาล ที่นายจ้างจ่ายให้ตามวุฒิการศึกษาสูง และตามประสบการณ์ที่พวกเขาสะสมมาถึง 13 ปีหรือนานกว่านั้น เพียงเพื่อแค่เข้าไปสอนภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรีในมหาลัยในประเทศไทย ที่ให้เงินเดือนต่ำกว่าบริษัทข้ามชาติมากมายหลายเท่า........!!!!!!!! นี่แหละคือตรรกะที่ผู้ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาคิดไม่ถึง มันจึงเป็นการยากที่จะหา English teachers ดีๆได้ในประเทศไทยนั่นเอง !!! แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 10:01:26 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 08:15:50 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 08:02:12 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 08:00:19 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 20 พ.ย. 50 07:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่บ้านผมก็เป้นสมาชิกTESOLปีนี้จะมีที่ขอนแก่นคงไม่ไปนะครับ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่โรงแรมแชงการีราไปมา การเข้าผู้ฟังเสียเงิน คนบรรยายไม่ต้องเสีย ใครมีเวลาควรไปฟัง แล้วควรฟังแบบไม่ต้องเกรงใจ คือบางครั้งจะมีหัวข้อดีๆให้ฟังในเวลาเดียวกัน แต่ต่างห้องกัน..ฝรั่งคนไหนไร้สาระจงเดินออกไปห้องอื่นแทน..เกรงใจเสียเราเวลาจงอย่าไปฟัง เรามาหาความรู้..หลายปีก่อนมีการสัมนาระดับจะยกระดับระบบการสอนภาษาอังกฤษระดับชาติ ที่โรงแรมพริ๊นซ หลานหลวง ภรรยาผมนั่งบรรยายอยู่บนเวทีเป็นแขกรับเชิญ จากคูณหญิงปลัดที่เกี่ยวกับการศึกษา เราเป็นตัวแทนจากสมาคมโรงเรียนนานาชาติไปสอนให้กับคนที่อยากจะฟัง ..รัฐมนตรีศึกษาคุณจาตุรงค์ ขอข้อมูลทฤษฎีทั้งหมด วันนั้นมีฝรั่งไม่กี่คนในงานครับ จากคุณ : เบื่อ - [ 20 พ.ย. 50 09:48:54 A:58.136.52.169 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไหนคุยให้ฟังกันแล้วก็จะเริ่มเล่าสู่กันฟัง..2วันที่ไปบรรยายไปช่วยชาติฟรีๆนะ ผู้ใหญ่ติดใจก็ขอให้ช่วยโครงการระยะยาวขึ้นมา..งานช่วยกันช่วยชาตินะแต่ต้องหากินเอาเอง แต่ใครจะมีเวลาให้ละ งานประจำก็ไม่มีเวลาจะหลับจะนอน แทบจะไม่พออยู่แล้ว ตรวจการบ้านเด็กนะครูคนไหนก็ตรวจได้นะ ตรวจแบบละเอียดจับข้อผิดพลาด แล้วนำมาแก้ไขเด็ก จับจุดอ่อนเขามาสอน..ในสมัยจะมีกี่คนที่จะยอมเสียเวลาให้เด็กนะ ถ้าจะสอนภาษาอังกฤษไปสอนที่เกาหลีค่าสอนจะดีกว่า ทำงานวันละแค่4ช.ม ในโรงเรียนสอนภาษา ราว20ปีก่อนมหาลัยรัฐจ้างครูสอนภาษาอังกฤษ ด้วยอัตราค่าจ้าง500บาทต่อชั่วโมง..แล้วบางวันมีชั่วโมงให้สอนแค่1-2ชั่วโมง มิน่าละ ม.บางแห่งเห็นประกาศหนังสือพิมพ์หาครูต่างชาติกันทั้งปีทั้งชาติ เรียนภาษาอังกฤษกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลก็ยังพูดกันไม่ได้ แต่เด็กเกาหลีเด็กญี่ปุ่นใช้เวลาเฉลี่ยแค่3ปี ในสองประเทศนี้ชาตินิยมสุดๆ สมัยก่อนไม่มีการสอนภาษาอังกฤษต้องไปหาเรียนกันนอกโรงเรียน ในขณะเด็กไทยต้องใช้เวลาเฉลี่ยราว7ปี(ข้อมูลสติถิ30ปีก่อนจากคณะภาษาศาสตร์ม.U of M) แต่ปัจุบันอาจจะแปรผันด้านตัวเลขเนื่องจากโลกานุวัตรในประเทศไทย.. เช้าวันนี้ต้องไปทำงานแล้วว่างๆจะแว๊ะมาคุยกันอีก จากคุณ : เบื่อ - [ 20 พ.ย. 50 10:18:23 A:58.136.52.169 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราจะไม่ขอวิจารณ์พาดพิงถึงใครเป็นแค่เสนอความคิดเห็นแบบมองภาพรวมเอาแล้วกัน ในโลกธาตุใบนี้..มนุษย์เป็นผู้สร้างสมมุติบัญญัติขึ้นมาทั้งสิ้น..เพื่อเป็นการปกครองคนหมู่มากนั้น เราจึงสร้างกติกาสังคมขึ้นมาเพื่อความสงบสุขของสังคมส่วนรวม.. ในด้านการศึกษาเรายังมิได้หมายถึงวุฒิคุณภาพของคนนะหรือใครจะเก่งกว่าใครนะ. .เพราะเราก็เห็นว่าในทุกๆห้องของพันทิพ มีพวกอวดเก่งมีเต็มไปหมด.กระทู้ดีทะเลาะกันจนเล๊ะ.หรือออกมากวนมาขัดคอในลักษณะ ของคนรู้มากแต่เอาตัวเองไม่รอด. มนุษย์จึงมีกติกาของการศึกษาบังคับการเรียนรู้ระบบของการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน เพื่อป้องกันการเอาเปรียบสังคมของคนบางคน..สมมุติว่าคนๆหนึ่งมาอ้างว่าเขาไม่ได้จบแพทย์ แต่เขาเก่งกว่าแพทย์แล้วจะขอทํำการักษาเราและสมาชิกในครอบครัวของเรา เราก็คงไม่ยอม ในทุกๆสายของอาชีพจึงมีองค์กรที่รักษากติกาบังคับระเบียบสังคมต่างเอาไว้ แต่มนุษย์ต่างหากที่ชอบละเมิดกติกานั่นเอง..ก็เพราะความอยากไม่สิ้นสุด อยากในลาภ ยศ สรรเสริญ..กติกาดีที่สังคมโลกที่ชาวโลกเคารพนั้นมาใช้ในประไทยไทยไม่ได้ผล เคยมีเรื่องเล่นแบบตลกๆว่า..มีอดีตหัวหน้าคอมมิวนิสต์จีน..เวียดนาม..ลาว..และรัสเซีย วางแผนบุกยึดประเทศไทย..สหายโซเวียดก็กล่าวขึ้นมาว่าลัทธิของเรานะยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ..เมื่อฟ้าสีทองส่องอําไพ..ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน..สหายทุกๆคนตบมือเห็นด้วย ยกเว้นสหายจากเวียดนามที่ยกมือขอพูด..สหายที่รักจากประสบการณ์ของการที่เคยเป็นทูต ที่ประจำตำแหน่งในประเทศไทยและรู้จักนิสัยใจคอของคนไทยดี..จงอย่าได้นําลัทธิดีๆของเรา ไปเผยแพร่ในประเทศไทยเลย..คนไทยนะไม่รู้จักคุณค่าของดีๆ แถมจะเอาของดีๆไปดัดแปลงให้เสียหายอีกด้วย..สิ่งที่เคยเห็นนะในสังคมทั่วไป ลอกผลงานทฤษฎีใหม่ๆจากหนังสือวิชาการใหม่ๆจากต่างประเทศส่งอาจารย์เพื่อเอาเกรด จ้างบุคคลภายนอกทำงานแทนตน..ตัวอย่างครูให้สร้างอุปกรณ์ภาพหนังสือแค่สือถึงการศึกษา ก็ไปจ้างนักวาดภาพมืออาชีพวาดแทนให้..ภรรยาผมเคยเจอมาในระดับปริญญาโทของรัฐ แจกข้อสอบยังไม่ทันหันหลังกระโกนถามกันแบบไม่เกรงใจ..แถมด้วยการลอกข้อสอบด้วย... ยังไม่พอนักศึกษาระดับข้าราชการระดับก็จะเกือบเ้ป็นผู้ใหญ่ละนะ ถึงจะต้องมาเรียนโทจึงจะได้เป็น พูดถึงสมัยเกือบ20ปีก่อนนะ.. ส่งพวกที่เราเกรงใจต้องเรียกพี่ที่เป็นเลขานุการกรม มาวิ่งหลังบ้านคือมาวิ่งขอให้ผ่านกับผมอีกด้วย.. แล้วตัวต่อตัวแบบเฉลี่ยระหว่างเด็กไทยกับต่างชาติ ที่เล่าเรียนวิชาครูภาษาควรจะถือหางใฝ่ใดเล่า..ผมเข้ามาเขียนบ่อยๆสงสัยอายุจะสั้นลงนะครับ จากคุณ : เบื่อ - [ 20 พ.ย. 50 17:00:53 A:58.136.52.66 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 14 555 อายุคงยาวขึ้นครับ เพราะได้ระบายออกมา ไม่งั้นอะไรที่สะสมไว้ก็จะเป็นพิษ สิ่งที่กล่าวมา ผมก็เห็นมาหมด ไม่ประหลาดใจอะไร แก่แล้วผมก็ปลง สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรมครับ จากคุณ : K.Senior - [ 20 พ.ย. 50 18:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณซีเนียร์มากๆ แท๊กซี่เวลาเจอตำรวจจราจรจะพูดว่า..เมตตาธรรมคํ้าจุนโลก แต่ตํารวจนะจะตอบว่า..สัตว์โลกนะเป็นไปตามกรรมครับ จากคุณ : เบื่อเพราะเบื่อจริงๆ - [ 20 พ.ย. 50 21:11:20 A:58.136.52.66 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ tansy นี่ เป็น ญ หรือชายหว่า แล้วทำไมดูโกรธแค้น อาจารย์สอนภาษาในมหาวิทยาลัยจัง สงสัย เนอะ เรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยก็ต้องแบบไทย ไทยสิ จะให้มันเหมือนเมืองนอกเมืองนาได้ไง หล่ะจ๊ะ เมืองนอกยังไม่เหมือนกันเลยแต่ละที่ อาจารย์มหาวิทยาลัยอาจจะภาษาไม่เก่งก็ได้ แต่เราว่าเค้าก็เรียนจนจบได้ และก็คงมีดีสมควรหล่ะนะ ไม่งั้นจะมีคนเรียนเก่งๆ ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาได้ไง ก็จบไปจากอาจารย์เหล่านี้ทั้งนั้นแหละจ้า จากคุณ : ครูแก่ๆ - [ 21 พ.ย. 50 00:42:36 A:124.120.46.37 X: TicketID:008062 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ คคห 16 (ครูแก่ๆ) คุณเข้าใจผิด...จริงๆแล้วเราไม่ได้เขียนข้อความใดๆที่บ่งบอกว่า เรา โกรธแค้น อาจารย์สอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย ที่เขียนไปเพียงแค่อธิบายว่า ข้อกำหนดว่าใครมีหรือไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็น English teachers ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียนมัธยม หรือในมหาลัยนั้น ทำให้พลาดโอกาสที่ประเทศไทยจะได้อาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่วุฒิการศึกษาต่ำ แต่รู้ภาษาอังกฤษสูสีเจ้าของภาษา แต่กลับไปได้อาจารย์วุฒิสูงๆ (บางทีถึงระดับปริญญาเอก) แต่รู้ภาษาอังกฤษไม่ใกล้เคียงเจ้าของภาษาเลย ครั้งหนึ่งเราไปสมัครสอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่ง ฝรั่งเจ้าของภาษาสัมภาษณ์เราเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อพอใจความคล่องตัวในการพูดของเรา เขาก็เอาเรียงความภาษาอังกฤษ ที่เขียนโดยนักศึกษาที่กำลังเรียนปริญญาเอกในมหาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในไทย แต่ต้องหยุดเรียนเพราะเรียงความภาษาอังกฤษไม่ดีพอ (ที่ทำการทดสอบก่อนเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาแห่งนั้น) มาให้เรา edit (แก้ไขปรับปรุง) เมื่อเราทำได้เป็นที่พึงพอใจแล้ว ฝรั่งคนนั้นก็ให้เราเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ เพื่ออธิบายว่า เราวางแผนจะสอนนักเรียนคนนั้นอย่างไร เมื่อเราปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านั้นครบถ้วนแล้ว ฝรั่ง(ผู้บริหารโรงเรียนสอนภาษา) คนนั้น พึงพอใจมากๆ เขาก็ให้งานเราทำ โดยไม่ขอดูวุฒิการศึกษาเราเลยแม้แต่นิดเดียว!!! การรับสมัคร English teachers ด้วยกระบวนการเช่นนี้จะมีผลดีคือ 1. คนมีวุฒิสูงๆแล้วเก่ง ก็ได้งานทำ 2. คนมีวุฒิสูงๆ แต่ไม่เก่ง ก็ไม่ได้งานทำ 3. คนมีวุฒิต่ำ และไม่เก่ง ก็ไม่ได้งานทำ 4. คนมีวุฒิต่ำๆ แต่เก่ง ก็ได้งานทำ ซึ่งก็นับว่ายุติธรรมที่สุด นี่คือสิ่งที่เราพูดต่างหาก แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 10:07:20 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 09:58:11 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 21 พ.ย. 50 02:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใครคิดว่าเรามาระบายที่นี่เพราะเคียดแค้น ที่ไม่ได้สอนภาษาอังกฤษหรือ?  ไม่ใช่หรอก!!!   เราไม่ได้รับการยอมรับให้สอนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นในระดับมัธยม หรือในระดับมหาลัย แต่การทำงานเป็นนักแปลที่เราทำอยู่ในขณะนี้ เราเชื่อว่าเรามีรายได้มากกว่าการเป็น English teacher ในมหาลัยเสียอีก  ... เราแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่บ่น ไม่ใช่เคียดแค้น แต่เราเพียงแค่สงสารระบบของประเทศไทยในการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเข้าทำงาน  เท่านั้นเอง จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 21 พ.ย. 50 02:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยกตัวอย่างเช่นคุณ ตา (ta/'o-o/' ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้  เธอบอกว่าเรียน  TESOL มาแค่ไม่กี่เดือน แต่เธอเรียน TESOL ในประเทศอังกฤษ และอยู่ที่สภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษในต่างแดนมาหลายปี    ดังนั้น การที่เธอเรียนแค่ประกาศนียบัตร แล้วไปสอนภาษาอังกฤษ ย่อมทำให้เธอเป็น English teacher ที่เก่งกว่าคนไทยที่ไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษ แต่เอาปริญญาตรีหรือปริญญาโท มาได้ แล้วไปสอนภาษาอังกฤษ  ....นี่คือประเด็นที่เราพูดถึงต่างหาก   ไม่ใช่มีความแค้น จะไปแค้นทำไมในเมื่อตอนนี้เราก้อมีรายได้ดีจากการใช้วุฒิมัธยมต้นของเราทำงานแปลอยู่แล้ว นี่นา ซึ่งถ้าเกิดมหาลัยรับเราเข้าไปสอนภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรี  เราคงไม่ทิ้งงานแปลที่ได้เงินมาก แล้วไปเป็นอาจารย์ที่ได้เงินน้อยหรอก     จริงๆแล้วถ้าใครอยู่ในวงการสอนภาษาอังกฤษ จะรู้ได้ว่าครูสอนภาษาอังกฤษที่ร่ำรวยที่สุดนั้น ไม่ใช่สอนในมหาลัย แต่กลับเป็นติวข้อสอบต่างๆ เช่นข้อสอบเข้ามหาลัย  ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การขายหลักสูตรภาษาอังกฤษ ถ้าบอกว่าเรียนไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แล้วผู้เรียนจะเก่งนั้น จะขายไม่ออก แต่ถ้าบอกว่าเรียนไปแล้วจะสอบได้ รับรองว่าผู้สอนรับทรัพย์เละเลย นี่คือสัจธรรม จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 21 พ.ย. 50 02:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ที่คคห13 กล่าวว่า "มนุษย์จึงมีกติกาของการศึกษาบังคับการเรียนรู้ระบบของการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน เพื่อป้องกันการเอาเปรียบสังคมของคนบางคน..สมมุติว่าคนๆหนึ่งมาอ้างว่าเขาไม่ได้จบแพทย์ แต่เขาเก่งกว่าแพทย์แล้วจะขอทํำการักษาเราและสมาชิกในครอบครัวของเรา เราก็คงไม่ยอม " ถ้าอ่านดูเผินๆจะหลงเข้าใจว่ามีเหตุผลดี  แต่แท้จริงแล้ว มันเป็น false analogy อย่างแรง   โปรดอ่าน คคห 17 ที่เราเขียนวิธีประเมินความสามารถของ English teachers มันทำได้ง่ายๆ (ดังนั้นผู้บริหารสถาบันการศึกษาที่ฉลาดจึงไม่จำเป็นต้องยึดติดกับวุฒิการศึกษาหรือใบอนุญาตครูของผู้สมัครงาน) แต่การประเมินความสามารถของแพทย์ไม่สามารถทำได้ง่ายๆเช่นนั้น (ดังนั้น ผู้บริหารโรงพยาบาลจึงจำเป็นต้องดูปริญญาแพทย์ศาสตร์และในอนุญาตประกอบโรคศิลป์ของแพทย์ที่มาสมัครงาน)   นั่นก็หมายความว่าเอาครูสอนภาษาอังกฤษไปเปรียบเทียบกับแพทย์  เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่สมเหตุผลในเชิงตรรกะ  ดังนั้น จึงต้องถือว่าเป็น invalid argument และเป็น lame logic ถ้าใครอ่านแล้วไม่กลั่นกรองดีๆ จะเกิดความสับสนได้  จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องชี้แจง แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 12:15:35 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 11:27:04 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 11:14:59 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 21 พ.ย. 50 11:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การพาดพิงถึงผู้อื่น ดูๆเหมือนเป็นเรื่องไร้มารยาท แต่ที่ทำไปก็เพื่อ disillusion (ชี้ทางสว่าง และลบล้างมายาคติ) ใครบางคน ที่ยังคงหลงผิด คิดว่าการเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกทางด้านภาษาอังกฤษ จบมาแล้วจะเก่งเสมอไป...สิ่งที่เราพูดฟังๆดูเหมือนยาพิษที่ทำให้คนเกลียดชังเรา แต่แท้จริงแล้วมันเป็น constructive criticism และเราก็หวังว่า ผู้ที่ถูกพาดพิงหรือผู้อื่นที่กำลังจะหลงผิด(เหมือนๆผู้ที่ถูกพาดพิง) จะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษนั้น กว่าจะพัฒนาไปจนถึงระดับเทพได้  มันต้องอาศัยประสบการณ์ในชีวิตจริงเป็นเวลานาน "หลาย 10 ปี...!!!!!" เราแสดงความคิดเห็นในกระทู้ใน ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นคนตกงาน แล้วอยากไปสอนภาษาอังกฤษ (เมื่อก่อนเคยตกงาน แต่ตอนนี้มีงานดีๆทำแล้ว ไม่จำเป็นต้องสอนภาษาอังกฤษแล้ว)  ...จริงๆแล้วเราแค่ชอบค้นคว้าเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ  และค้นพบว่าปัญหาในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่มาจากการคัดเลือกคนที่ไม่เก่งจริง ให้เข้าไปเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ  อันเนื่องมาจากกฏเกณฑ์ที่ไม่ยืดหยุ่น ว่าใครมีหรือไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็น English teachers ได้  โดยไม่คำนึงถึงว่า มันทำให้พลาดโอกาสดีๆในการคัดเลือกคนเก่งๆเข้ามาสอนภาษาอังกฤษ   คำว่า "เก่ง" ไม่ใช่หมายถึงเก่งภาษาอังกฤษอย่างเดียว  แต่จะต้องเก่งมากๆในเรื่องความพลิกแพลงในวิธีการสอนที่ผู้สอนในระดับ born teacher จะสามารถค้นคิดอะไรแปลกๆใหม่ๆได้เองอยู่เสมอ โดยอาศัยความสนใจ แสวงหาตำราที่มีอยู่มากมายในร้านหนังสือ หรือจาก Internet เพื่อมาทำการค้นคว้าวิจัย โดยเป็นการส่วนตัว ซึ่งเป็นการเพิ่มความรู้ให้แก่ตัวเองอยู่อย่างต่อเนื่อง ฝรั่งที่เป็นเจ้าของภาษา หรือคนไทยที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่พูดภาษาอังกฤษในต่างแดนหลายๆปี สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจนสอนภาษาอังกฤษเก่งมากๆได้  และการทดสอบเพื่อคัดเลือก English teachers ตามที่เราบอก (ในคคห 17) ว่าเคยเจอฝรั่งผู้บริหารโรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งทำเช่นนี้  จะช่วยแก้ปัญหาในการขาดแคลน English teachers เก่งๆ ตอนนี้ประเทศไทยไม่ขาดแคลน English teachers... จริงๆแล้ว มีมากเกิน ซึ่งส่วนใหญหากินโดยการเอาวุฒิการศึกษาไปแอบอ้าง ว่าเพราะจบไอ้โนน่ไอ้นี่มา จึงสอนได้ดี  แทนที่จะโอ้อวดสรรพคุณโดยการบอกให้ฟังเคร่าๆอย่างมีเหตุผลว่า จะวางแนวการสอนอย่างไร และทำไมวิธีดังกล่าวจึงจะได้ผล และหากผู้เรียนมีปัญหาอย่างนั้น หรืออย่างนี้ แล้วจะแก้ไขอย่างไร แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 12:14:30 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 12:10:20 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 12:01:20 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 21 พ.ย. 50 11:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอาไว้ว่างๆเราอารมณ์ดีๆ เราจะเขียนกระทู้เพื่อแนะแนว ผู้ที่กำลังจะหาที่เรียนภาษาอังกฤษ ให้รู้วิธีประเมินความสามารถครูที่กำลังจะมาสอน  จะได้ไปเลือกเรียนได้ถูกที่ เลือกครูได้ถูกคน ยกตัวอย่างเช่น คนไทยที่กำลังจะจ้างฝรั่งให้มาสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวหรือเป็นกลุ่มเล็กๆที่บ้านหรือที่สำนักงาน  เราแนะนำให้ได้ว่า "ให้นักเรียนสอนฝรั่งอย่างไร เพื่อให้ฝรั่งรู้วิธีสอนนักเรียน ให้ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง" ถ้านักเรียนไม่รู้เคล็ดลับอันนี้นะ เรียนๆไป พูดกับฝรั่ง (คนที่สอน) นักเรียนฟังครูฝรั่ง (คนที่สอน) ฟังรู้เรื่อง แต่พอเรียนจบ นักเรียนไปฟังฝรั่งคนอื่นพูด แล้วฟังไม่รู้เรื่อง...นี่เป็นปัญหาหลักในเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข...!!!   คุณจ้างฝรั่งมาสอนคุณจ่ายเงิน คุณต้องบอกให้คนสอนๆตามที่คุณต้องการ ...คุณจะทำเช่นนั้นได้คุณจะต้องรู้เคล็ดลับอันนี้  ถ้าฝรั่งคนนั้นเพิ่งสอนภาษาอังกฤษใหม่ๆ (และไม่รู้เคล็ดลับ) แทนที่เขาจะโกรธคุณ เขาจะขอบคุณ ที่คุณสอนวิชาชีพให้กับเขาเพื่อที่เขาจะได้ไปทำเงินมหาศาลจากการสอนภาษาอังกฤษ จากการทำงานวิจัยค้นคว้าส่วนตัว เรากำความลับวิธีการแก้ปัญหาในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเอาไว้มากมาย  แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดิ้นรนไปสอนภาษาอังกฤษ  นั่นก็เพราะว่าตอนนี้เรามีงานดีๆอย่างอื่นทำอยู่แล้ว คนที่ไม่รู้จักเราดีอาจคิดว่าเราคุยโว แต่ถ้าเอาเรามานั่งอภิปรายกันเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เราสามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ปัญหาต่างๆได้อย่างตรงประเด็นมาก โดยอาศัยประสบการณ์และการเรียนรู้ในชีวิตจริง  เพราะเรียนรู้เองเป็น คิดเองเป็น ไม่ใช่อาศัยวุฒิการศึกษา ที่พูดให้ฟังนี้ จุดมุ่งหมายก็เพื่อเป็นการให้ข้อมูลที่น่าสนใจในเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่ผู้คนเป็นจำนวนมากอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 50 12:23:10 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 21 พ.ย. 50 12:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเห็นด้วยกับคุณ tansy มากที่เดียวเลยครับ ว่าการเรียนภาษาอังกฤษบ้านเรามันไปไม่ถึงไหนก็พราะเรามีปัญหาในการเลือกครูจริงๆ โดยเฉพาะอาจารย์มหาาวิทยาลัยหลายๆคนที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่เก่งจริง ถึงจะมีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนาก็เถอะ บางคนที่จบตรีเกียตินิยมทางด้านอักษร หรือภาษาศาสตร์แต่พอทำข้อสอบวัดระดับที่ๆม่ได้ยากมาก เช่น โทอิค กลับได้คะแนนแค่ 800 กว่าๆ ทั้งๆที่น่าจะได้มากกว่านั้นเมื่อเทียบกับบางคนที่ไม่ได้จบทางภาษาแต่คะแนนกลับได้มากกว่า เล่นเอางงไปเลย ว่า เอ มันอะไรกันเนี้ย แล้วเราจะมีปริญญาทางภาษาไปทำไมกัน คนสอนภาษาอังกฤษได้ดี คงไม่สามารถพิสูจน์หรือเชื่อถือได้จากใบปริญญาจริงๆ ดังนั้น ถ้าผมต้องรับคนเข้ามาสอนที่โรงเรียน ผมคงต้องมองข้ามเรื่องใบปริญญาทางภาษาไปเลย แต่ให้ลองให้โจทย์เนื้อหาที่ต้องสอนแล้วให้เวลาเตรียมตัวว่าจะสอนอย่างไร แล้วตอนสอนเป็นอย่างไรนั้นแหละถึงจะเชื่อได้สอนได้จริงๆ จากคุณ : โจโฉ (joechou) - [ 21 พ.ย. 50 23:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราว่าปัญหาใหญ่มาจากค่าตอบแทนเงินเดือนของอาชีพครูในประเทศไทยมันน้อยนะ อาชีพครูนะน้อยคนที่อยากจะเป็นครูมากกว่า..จนๆเป็นหนี้กันทั้งนั้น..มียุคหนึ่งครูอนุบาล ขายประกันชีวิตให้เด็กๆผู้ปกครองก็ย่อมเกรงใจช่วยอุดหนุนกัน..เดี๋ยวหลายโรงเรียนห้ามไปแล้ว ลองแก้สิจบครูเงินเดือนเท่าวิศวะรับรองได้ว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในประเทศไทยของเราเรา เด็กหัวดีเวลาเอนก็เลือกแพทย์เลือกวิศว ไม่เห็นมีใครอยากจะเลือกที่จะเป็นครู..ในสมัยผมนะเขายังเรียกม.ปลายว่าม.ศ4ม.ศ5 ขอโทษที่จะไปพาดพิงถึงใครเข้ากรุณาอยากโกรธเพราะผมจะอธิบายในลักษณะมองภาพโดยรวม คือคนเรียนครูบางท่านในยุคนั้นๆ ที่เรียนเพราะดีกว่าที่จะต้องไปเรียนอาชีวะเพราะเอนไม่ติด ในยุคนั้นยังไม่มีคำว่ามหาลัยระบาด มีมหาลัยแค่ราว3แห่ง.. ในยุคนั้นยังเรียนวิทยาลัยครูอยู่คนส่วนมากที่เรียนก็เป็นเด็กจากต่างจังหวัดจำนวนมาก. .แม้ในปัจุบันการศึกษาคุรุที่จบตรีและต่อระดับโทในม.เทพเด็กและอาจารย์ยังกีดกันไม่ชอบหน้าเด็ก ที่มาจากราชภัฎเพราะถือว่าแนวความคิดคนละสาย...เขาแบ่งแยกกัน(ไม่ใช่ผมแบ่งแยกนะ) ที่เราเห็นกันทุกวันนี้การสอนภาษาอังกฤษที่เห็นทั่วไปในโรงเรียนประถมและเอกชนทั่ว ไปจึงนำครูเถื่อนชาวต่างชาติดีหน่อยก็จบปริญญาตรีจะสายอะไรก็ช่างเข้ามาเป็นครู ทีแย่หน่อยผมเคยเจอฝรั่งเด็กๆบอกผมว่าพี่ผมนะมัธยมก็ยังไม่ได้เรียนจบ พวกนี้เข้าสอนแทนคนไทยและพยายามโฆษณาโรงเรียนตัวเองว่า ใช้หลักสูตร2ภาษาด้วยเหตูผลหลัก ยกระดับภาพพจน์ชื่อเสียงของโรงเรียน ขึ้นค่าเทอมค่าเล่าเรียนได้เกือบ2เท่าจากเดิม..ดูแล้วเทห์ในสายตาผู้ปกครองที่ไม่รู้เรื่อง อะไรคืออะไร..การประกอบอาชีพครูจริงในต่างประเทศผมก็ไม่เคยเห็นเขาเอาปริญญา ไปสมัครงานกันนะครับ เขาส่งใบสมัครงานพร้อมประวัติส่วนตัวเข้าไปกันแล้วต้องเล่าประวัติการ ทำงานที่มีมา ทางโรงเรียนเขาจะตรวจประวัติคุณเองไปที่มหาลัยโดยตรง อาจจะตรวจประวัติคู่สมรสด้วยว่าเคยมีคดีเคยต้องโทษหรือไม่..ถ้าคุณผ่านเขาจะให้คุณทดลองสอน โดยมีคนมานั่งประเมิณผลการสอนมีการทำรายงานการสอนส่งขึ้นไปยังคณะผู้บริหาร. .บางที่หลังจากการทดลองการสอนแค่1สัปดาห์เขาอาจจะให้นักเรียนในชั้นทุกๆคน กรอกใบประเมิณผลว่าคิดยังไงกับการสอนของคุณ ถ้าเขารับคุณเข้าทำงานเขาจะให้สัญญาทำงานครั้งแรก1ปีถ้าคุณไม่ดีเขาจะไม่ต่อสัญญาให้ ถ้าคุณผ่านจะต่อสัญญาให้คุณครั้งละ2ปี คือเขาจะไม่ให้คนที่ไม่มีคุณภาพมาแก่ตาย คาโรงเรียนครับ..ระหว่างที่คุณสอนถ้าเด็กทั้งชั้นของคุณทำคะแนนไม่ดีพอ คุณอาจโดนเรียกไปคุย ตําหนิแบบสุภาพ เนื่องจากคุณไม่มีความสามารถไม่มีทักษะในการสอนพอ เด็กทุกคนนะฉลาด แต่การรับรู้จะต่างกันเท่านั้น ถ้าเป็นโรงเรียนไทยครูจะชอบด่านักเรียนว่าโง่สอนแล้วไม่เขาใจ แต่ของต่างเทศเขาจะด่าว่า..ครูโง่สอนเด็กไม่เป็นต่างหาก.. การเรียนรู้การจบหลักสูตรมาสำหรับคนไทยอย่างน้อยก็เรียกว่าได้ทฤษฎีการสอนมา ได้แนวทางมา ได้รับการอบรมจรรยาบรรณสำหรับคนที่จะเป็นครูมา อย่างน้อยมันคือก้าวแรกของคนที่จะหัดเดิน..ชีวิตนะอีกยาวไกล..การเรียนรู้ย่อมไม่สิ้นสุด คนจะเก่งหรือไม่เก่งมันขึ้นที่ตัวเขาว่าขวนขวายแค่ไหน..ใช่ผมยอมรับว่าคนไม่เก่งนั้นมีอีกมาก ระบบยังต้องรอแก้..แต่ถ้าจะพูดแบบกำปั้นทุบดินมันถูกกันทุกฝ่าย คนเก่งเกินไปองค์กรใหญ่ๆเขากลับไม่จ้าง เขาจะจ้างคนที่เข้ากับคนอื่นๆได้ ถ้าผมเอาอีกทฤษฎีมาอ้าง..พวกน้องนะไม่เก่งสอนไม่ดีสอนไม่ได้ ผมจะไปเอาพวกสมศรีแก่ๆ ที่ไม่จบป.4เป็นเมียเช่าฝรั่งอยู่เมืองนอก30-40ปีพูดอังกฤษ-เยอร์มัน-ฝรั่งเศส มาเข้าอบรมการสอนแล้วให้เป็นครูเพราะเขาเก่งกว่าคุณ ในแง่ทฤษฏีย่อมได้ครับ..แต่สมมุติบัญญัติทางสังคมเขาคงไม่เอากับผมแน่...สวัสดีครับ จากคุณ : เบื่อ - [ 22 พ.ย. 50 09:30:27 A:58.136.52.110 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยากเรียนภาษาค่ะ มีใครสอนแบบรับรองผลบ้างมั๊ยคะ สอบ TOEIC และ IELTS ค่ะ จากคุณ : meowpass@hotmail.com - [ 22 พ.ย. 50 22:42:49 A:125.27.112.30 X: TicketID:158485 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มีคนถามเรื่องฝึกฟังภาษาอังกฤษ  เราไปตอบไว้ และให้รายละเอียดเคร่าๆว่าเราคิดค้นวิธีสอน listening comprehension skills ขึ้นมาได้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว วิธีการที่ว่านี้ จะลดจำนวนปีที่ผู้เรียนต้องใช้ ในการฝึกฟังภาษาอังกฤษ ลองไปอ่านดู ตาม link นี้ไปดู http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6050630/K6050630.html อีก link หนึ่ง เป็นการสาธิตการสร้าง teaching materials  ในกรณีนี้ เราลองใช้ files ที่คุณ K.Senior ใจดีอุตส่าห์ download มาจาก VOA (จริงๆแล้วเราหา teaching materails อันหลายหลายได้จาก Internet อีกหลายๆเว็บเพียบเลย) เราลองเลือกจาก VOA ของคุณ K.Senior หนึ่งเรื่องมี 2 files อันหนึ่งเป็น text file อีกอันเป็น audio file แล้วเราเอามา expand (คือขยายเนื้อหาสาระที่จะสอน)  ผลที่ออกมา ก็น่าจะใช้สอนภาษาอังกฤษได้ในระดับมัธยมต้น หรืออาจเกือบจะย่างเข้าสู่มัธยมปลาย  (แต่คนจบมหาลัยมาที่ลืมหมดแล้ว หรือที่อ่อนมากๆ ก็เรียนได้ด้วย) ลองตามไปอ่านดูได้ ที่ link นี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6035626/K6035626.html แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 50 05:44:24 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 23 พ.ย. 50 05:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอาข้อความเก่าๆที่เราเคยเขียนไว้มาให้ลองอ่านดู   มันเป็นการสาธิตว่า เราได้ใช้เวลาในชีวิตจริง ลงมือคิด และลงมือทำอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะค้นคว้าวิจัยโดยเป็นการส่วนตัวในเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ   ที่ทำไปก็เพราะมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นแรงขับดัน (ไม่ใช่อยากได้วุฒิการศึกษามาไว้สมัครงาน)   ดังนั้น เราจึงคิดว่า ใครก้อตามที่ไปเรียนหลักสูตรในมหาลัยเพื่อออกไปเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษนั้น ควรมีใจรักเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษอยู่แล้ว จึงจะมีแรงดลใจให้คิดอะไรใหม่ๆได้ หากสถาบันการศึกษาใช้วิธี screen (คัดเลือก) คนที่มาสมัครเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ โดยการทดสอบวัดความรู้ความสามารถได้อย่างถูกต้องแม่นยำ  ทางสถาบัน (ไม่ว่าจะเป็นในระดับไหนก็ตาม) ก็จะได้อาจารย์สอนภาษาอังกฤษดีๆเก่งๆไปมากมาย และปัญหาในเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ แล้วไม่ได้ผล ก็จะค่อยหมดไปจากประเทศไทย หมายเหตุ links เก่าๆพวกนี้ บางที่ในตัวกระทู้มี links อื่นที่ไปไม่ได้เพราะหน้าเว็บมันไม่มีตัวตนแล้ว (เอาไว้ว่างๆจะทำเว็บใหม่ ตอนนี้มัวแต่ปั่นงานแปลอยู่ นี่แค่แวะเข้ามาเขียนคลายเครียด) บทความเก่าๆที่เราเขียนไว้เรื่องกลยุทธ์ในการเรียนภาษาอังกฤษ (มี 3 ตอน) พอเขียนเสร็จแล้วหมดแรงเขียน แฮ่กๆๆๆ กลยุทธ์ในการเรียนภาษาอังกฤษ (1) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2901206/K2901206.html กลยุทธ์ในการเรียนภาษาอังกฤษ (2) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2921978/K2921978.html กลยุทธ์ในการเรียนภาษาอังกฤษ (3) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K2934052/K2934052.html แนะแนวการเรียนภาษาอังกฤษจากง่ายไปหายาก http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5837790/K5837790.html ภาษาอังกฤษน่าจะร่ำรวยคำศัพท์มากที่สุดในโลก เพราะว่ามันเอาคำศัพท์จากภาษาอื่นเข้ามาใช้ด้วยเพียบเลย  ตาม link นี้ไปดู จะเห็นว่ามีกี่ภาษาบ้างที่เข้ามาปนกับภาษาอังกฤษ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/05/K5454786/K5454786.html เหตุผลว่าทำไมภาษาอังกฤษจึงยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียน  แนะนำวิธีหาบทเรียน การเขียนภาษาอังกฤษเอาไว้ด้วย http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5282252/K5282252.html แนวคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเรียนการเขียนภาษาอังกฤษ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/06/K5524077/K5524077.html กระทู้นี้เราใช้ภาษาอังกฤษถกกับนักศึกษาปริญญาเอกมหาลัยในประเทศอังกฤษ เรื่องการเรียนการสอนการแปล  นักศึกษาปริญญาเอกมาชี้แนะเราว่ามีทฤษฎีการแปลมากมายที่เราไม่รู้ แต่เราโต้กลับไปว่า เราลงมือปฏิบัติเลย  รู้สึกว่าจะโต้กันยาว ลองไปอ่านดูน่าสนใจมากๆ เป็นมุมมองเปรียบเทียบระหว่างการเรียนโดยการลงมือปฏิบัติ กับการเรียนตามทฤษฎี http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/07/K4576771/K4576771.html แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 50 06:53:19 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 23 พ.ย. 50 06:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณค่ะ คุณ tansy ไม่รับสอนภาษาหรอคะ จากคุณ : meow - [ 23 พ.ย. 50 19:13:39 A:125.27.112.150 X: TicketID:158485 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งนะครับ เหตุผลหนึ่งที่ไม่สามารถรับคนเก่งแต่ไม่มีวุฒิขั้นต่ำตามที่กำหนดก็เพราะว่า มหาวิทยาลัยหรือว่าโรงเรียนของรัฐใช้เงินงบประมาณของแผ่นดินซึ่งก็คือภาษีของประชาชนเป็นหลักในการดำเนินการ เพราะฉะนั้นการจะจัดซื้อ จัดจ้างอะไร ก็ต้องตรวจสอบและให้เหตุผลได้ว่าทำไมต้องซื้ออย่างนั้น ทำไมต้องจ้างบุคคลคนนั้น ฉะนั้นมันจึงต้องมีการกำหดมาตรฐานขั้นต่ำมาเพื่อไม่ให้คนที่มีอำนาจใช้อำนาจของตนไปทางที่มิชอบจ้างใครมาก็ไม่รู้ หรือซื้ออะไรมาก็ไม่รู้ มันไม่มีอะไรมาเป็นเกณฑ์รับประกันขั้นต่ำ แล้วก็มุมมองอีกอย่างนะครับ การเรียนภาษาจะดีรึไม่ดี มันต้องใช้เวลานานมาก แล้วเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ว่าจะมีแรงจูงใจ กลวิธี ความถนัด และอื่น ๆ อีกมากมายนะครับ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบเห็นข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่า การเรียนการสอนภาษาอังกฤษของประเทศโน้นประเทศนี้ หรือการเรียนภาษาที่สองในประเทศอื่น ๆ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แล้วตัวการแรกที่คนส่วนมากโทษกันก็คือโทษว่าครูไม่มีคุณภาพ เพราะว่ามันง่ายไงครับ จากคุณ : Fatherland - [ 6 ธ.ค. 50 09:34:59 ]