ความคิดเห็นที่ 1 สันติ ลุนเผ่ ความที่บิดาคือหม่องลุนเผ่ เป็นนักร้องละครชาวพม่า ที่ได้เข้ามาพึ่งใบบุญใต้ร่มโพธิสมภารอยู่ในจังหวัดลำปาง ครอบครัวของไพศาลจึงต้องใช้ชื่อคุณพ่อมาตั้งเป็นนามสกุล หลังย้ายถิ่นฐานมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะคุณพ่อชื่นชอบศิลปินเพลงคารูโซอย่างมาก ทำให้ไพศาล ลุนเผ่  ซึมซับฟังเพลงคลาสสิกมาตั้งแต่เด็ก  บ่อยครั้งหม่องลุนเผ่มักให้ลูกชายร้องเพลงของคารูโซให้ฟัง ระหว่างที่ไพศาลเรียนอยู่คณะพาณิชย์บัญชีที่ ม.ธรรมศาสตร์ เขาได้มีโอกาสไปร่วมวงดนตรีวายุบุตร  ที่มีครูเชาว์ แคล่วคล่อง เป็นหัวหน้า ก่อนที่จะสอบชิงทุนยูธ ลีดเดอร์ชิพของประเทศอิสราเอลได้  ไพศาลเลือกเรียนด้านออเร้นท์ดนตรี  2  ปี เมื่อเรียนจบเขากลับมาร่วมวงวายุบุตรในตำแหน่งมือกีตาร์เล่นประจำที่โรงแรมเอราวัณ ต่อมาอาจารย์หม่อมดุษฎี  บริพัฒน์ ได้ฝากฝังเขากับแมรี่ คริฟฟอร์ด เจฟฟรี่ มิชชันนารีชาวอเมริกัน การได้ร้องเพลงในโบสถ์คริสต์ เหมือนปูพื้นฐานเพลงคลาสสิกอันถูกต้อง ไพศาลเป็นคนไทยหนึ่งเดียวอยู่ในวงดนตรีแบงคอค   คอมบาย  ไควร์  แถมได้ร้องในตำแหน่งลีดเดอร์ เสียงเทรนเนอร์ เขาร่วมวงดนตรีคลาสสิกระดับประเทศนานถึง 5 ปี เมื่ออาจารย์กำธน สนิทวงศ์ นำคอร์สทรีนิตี้ คอรัส ออฟ ลอนดอน มาเปิดสอบที่จุฬาฯ ไพศาลได้สอบจนจบเกรด  8  เทียบเท่าอนุปริญญา ส่วนด้านทฤษฎีออเร้นท์เขาสอบได้เกรด 5 ก่อนที่จะร่วมวงโดมิงโก้  ซึ่งสมาชิกล้วนเป็นชาวฟิลิปปินส์ มีสัญญากับทางจีไอ ตระเวนเล่นดนตรีมอบความสุขให้ทหารอเมริกันตามแคมป์ทั่วประเทศ ช่วงเกิดเหตุการณ์  14  ตุลาคม 2516 ไพศาลได้ฟอร์มวงดนตรีเล็กๆ กับพันจ่าเอกธวัช ไพโรจน์  เล่นประจำที่ภัตตาคารสวนกุหลาบ  ระหว่างนั้นวงดนตรีดุริยางค์กองทัพเรือของธวัชมีคิวแสดงในงานเลี้ยงพระราชทานเหล่ากาชาดทั่วโลก ณ ตำหนักดุสิต ความที่เป็นงานระดับสากล เขาจึงถูกทางวงดุริยางค์ฯ ชักชวนให้ไปร่วมร้องเพลงในงานครั้งสำคัญนี้ ไพศาลนำบทเพลงของคารูโซไปขับร้องต่อหน้าพระพักตร์องค์สมเด็จฯ ทรงโปรดรับสั่งให้ไพศาลเข้าเฝ้าฯ พร้อมรับสั่งให้ร่วมขับร้องบทเพลงกระตุ้นความรักชาติ ด้วยความที่องค์สมเด็จฯ รับสั่งชื่อสันติ เหมือนที่เพื่อนนักดนตรีขานเรียก เขาจึงใช้สันติ ลุนเผ่ มาตั้งแต่บัดนั้น ซึ่งยังสื่อถึงความอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนในแผ่นดิน ระหว่างที่ความขัดแย้งทวีความรุนแรง จากบางส่วนของบทความ สันติ ลุนเผ่ นักร้องเพลงรักชาติ โดย ไทยโพสต์ เมื่อ 5 ธ.ค.2547 พอจะเข้าเค้าไม๊คะ จากคุณ : พ็อบเบิ้ล - [ 21 พ.ย. 50 04:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ๊อ  แบบนี้เอง จากคุณ : My life in Japan. - [ 21 พ.ย. 50 07:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับคุณ My life in Japan. เจอกันในบล็อกบ่อย แต่เพิ่งเห็นในกระทู้ครั้งแรก ขอแชร์เป็นความรู้อีกด้วยคน แต่ฉากอยู่ที่เมืองสุพรรณครับ ญาตผู้ใหญ่เก่าแก่ท่านหนึ่ง เป็นลูกครึ่งจีน เกิดราวพ.ศ.๒๓๗๕ ที่รู้ว่าเป็นลูกครึ่งจีน เพราะท่านใช้ชื่อเป็นไทยแล้ว แต่ยังผูกปี้อยู่ ท่านมีลูกชายคนเดียว ผมเรียกว่าก๋ง แต่เป็นชั้นทวดของผม แล้วก็ยังผูกปี้เช่นบิดา ก๋งเกิดราว พ.ศ. ๒๔๐๐ เมื่อถึงตอนขอนามสกุล ท่านใช้นามสกุล "ลุนเอี่ยม" เพราะพ่อของก๋งชื่อ "เอี่ยม" ครับ แต่ต่อมาหลักฐานทางราชการเปลี่ยนแปลงไปใช้ "รุณเอี่ยม" ไป แล้วนามสกุลนี้ก็หมดไป เพราะก๋งมีแต่ลูกผู้หญิง ขออนุญาตเอ่ยนามสกุลนี้ให้ทราบ เพราะลูกหลานของท่านก็ไม่น่าจะมีใครรู้จักกันแล้ว จากคุณ : NickyNick - [ 21 พ.ย. 50 09:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แสดงว่า คำนำหน้า สกุล ว่า ลุน ......... อาจมีหลายเชื้อซาติหรือ รวมไทยด้วยหรือเปล่าค่ะ จากคุณ : My life in Japan. - [ 21 พ.ย. 50 10:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้า ลุนด์ หรือ ลุนด นำหน้า ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามาจากสวีเดน จากคุณ : นู๋เองง่ะ - [ วันลอยกระทง 10:17:54 ]