ความคิดเห็นที่ 1 1. ชื่อสาขา /คณะ : สายภาษา คณะมนุษยศาสตร์ (หรือคณะอักษรของบางมหาลัย) 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือเนื้อหาโดยรวมของหลักสูตร : เรียนเกี่ยวกับภาษาที่เลือก เช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เนื้อหารวมถึง การใช้ โครงสร้าง ไวยากรณ์เชิงลึก วรรณกรรม และอาจรวมถึงวัฒนธรรม สังคมของประเทศนั้นๆด้ว 3. ทักษะที่สำคัญในการเรียน : ความชอบภาษา ความเข้าใจโครงสร้าง ไวยากรณ์ 4. จบมาแล้ว : ล่าม นักแปล เลขา ครู อาจารย์ แอร์ ไกด์นำเที่ยว (อาจจะต้องไปสอบใบไกด์เพิ่ม) ถ้าใครคิดว่า มีบางมหาลัยที่ชื่อสาขาใกล้เคียงกัน แต่เนื้อหาไม่เหมือนกัน จะระบุรายละเอียดมาด้วยก็ได้นะคะ อาชีพบางอย่างอาจจะไม่ค่อยตรงสายเท่าไหร่ แต่คนที่จบมาส่วนใหญ่มักจะไปทำกัน ก็ใส่ลงมาได้ค่ะ : ) ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : kuro neko - [ 30 พ.ย. 50 15:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. ชื่อสาขา /คณะ : วิศวกรรรมไฟฟ้า 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือเนื้อหาโดยรวมของหลักสูตร : เรียนเกี่ยวกับวิชาทางวิทยาศาสตร์ โดยเน้นหนักไปที่ Calculus สำหรับคณิตศาสตร์ และ ฟิสิกส์ แล้วแต่ความถนัดบางคนจะเน้นไปเรียนด้าน เซมิคอนดักเตอร์ วงจรอิเล็กทรอนิคส์ บางคนเน้นด้านไฟฟ้าแรงสูง ระบบผลิตและส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า บางคนเน้นเรื่องไฟฟ้าเพื่อการสื่อสาร ระบสื่อสาร 3. ทักษะที่สำคัญในการเรียน : math โดยเฉพาะ Cal และ ฟิสิกส์ 4. จบมาแล้ว : วิศวกรไฟฟ้า ทำงานในโรงงาน ในออฟฟิศ ไซต์ก่อสร้าง แท่นขุดเจาะ ทุกที่ที่มีไฟฟ้าใช้ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 1 ธ.ค. 50 07:02:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1. ชื่อสาขา /คณะ : สัตวแพทยศาสตร์ 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือเนื้อหาโดยรวมของหลักสูตร : เรียนเกี่ยวกับศาสตร์การรักษาสัตว์ ทั้งระบบร่างกายของสัตว์ เรื่องโรคต่างๆเกี่ยวกับสัตว์ เชื้อโรค เรื่องยา และแนวทางการรักษา รวมถึงฝึกปฎิบัติในรพ.สัตว์ 3. ทักษะที่สำคัญในการเรียน : ชีววิทยา  เคมี 4. จบมาแล้ว : นายสัตวแพทย์ จากคุณ : อิมเมจจีเนีย - [ 1 ธ.ค. 50 10:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1. ชื่อสาขา /คณะ : คณะการสื่อสารมวลชน 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือเนื้อหาโดยรวมของหลักสูตร : เรียนเกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ ประชาสัมพันธ์ สื่อใหม่ ละคร เป็นต้น (แต่ผมเน้นทางวิทยุกระจายเสียงครับ) 3. ทักษะที่สำคัญในการเรียน : ทักษะการสื่อสาร การคิด การพูด การเขียนถ่ายทอดความคิด ร่วมกับประยุกต์ความรู้หลากหลายสาขา ขึ้นอยู่กับความสนใจ แล้วแต่ความถนัด 4. จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง : ผู้สื่อข่าว creativeรายการวิทยุ รายการทีวี ทำงานในสายวงการสื่อต่าง ๆ ทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้า (ที่มักจะเป็นส่วนน้อย) ครับ จากคุณ : tazarn - [ 1 ธ.ค. 50 18:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 1. ชื่อสาขา /คณะ : คณะแพทยศาสตร์ 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือเนื้อหาโดยรวมของหลักสูตร : เรียนเกี่ยวกับโรค สุขภาพของคน การรักษาโรค 3. ทักษะที่สำคัญในการเรียน: การท่องจำ และการทำความเข้าใจเนื้อหาวิชาในระยะเวลาอันสั้น วิชาที่ใช้เป็นพื้นฐานหลัก ๆ คือ ชีววิทยา หากมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดี จะช่วยให้เข้าใจบทเรียนได้ดี เพราะเอกสารการเรียนส่วนใหญ่ (แทบทั้งหมด) เป็นภาษาอังกฤษ 4. จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง : ทำงานเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก สถาบันสุขภาพ หากต้องการเป็นแพทย์เฉพาะทางต้องเรียนต่อหลังจากเรียนจบ 6 ปี แล้ว จากคุณ : Pantip_Name - [ 1 ธ.ค. 50 18:34:17 A:125.27.201.207 X: TicketID:161502 ]

ความคิดเห็นที่ 6 1. ชื่อสาขา /คณะ :  คณิตศาสตร์ (มหาลัยในประเทศอังกฤษ) 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือเนื้อหาโดยรวมของหลักสูตร : เรียนแค่ปี  1 แล้วลาออก เพราะป่วยเป็น OCD (ย้ำคิดย้ำทำ) จนเรียนไม่รู้เรื่อง 3. ทักษะที่สำคัญในการเรียน (เช่น เน้นคำนวณ, เน้นภาษา logical thinking, creative) : รับเงินสวัสดิการจากรัฐบาลอังกฤษ แล้วใช้เวลาว่างอ่านหนังสือพวก Zen Macrobiotics และ เต๋า (ไม่มีเงินซื้อหนังสือแต่ขอร้องให้ห้องสมุดซื้อมาให้ยืม ห้องสมุดในประเทศอังกฤษยอมให้บริการฟรี) 4. จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง :  รักษา OCD หายด้วยวิชา Zen Macrobiotics (โดยไม่ต้องพึ่งหมอ และไม่ต้องพึ่งยา)  จากนั้นทำงานเป็น Manager of Bookmaker (ผู้จัดการบริษัทรับแทงม้าแข่ง รับแทงหมาแข่ง และรับแทงกีฬาทั่วๆไป)  เอาเงินที่หาได้ มาเรียนโยคะ วรยุทธ์จีน เน้นหนักฝึกพลังลมปราณ   หลังจากทำงานในตำแหน่ง Manager of Bookmaker มาประมาณ 13 ปีก็ลาออก แล้วไปเรียนบัญชีที่ college ในชานเมืองลอนดอน จบออกไปก็ตกงานเพราะระบบบัญชีในประเทศอังกฤษเปลี่ยนเป็นใช้คอมพิวเตอร์ทำหมด (จริงๆในหลักสูตรที่เรียนที่ college เขาก้อสอนคอมพิวเตอร์ แต่สอนนิดเดียว เรายังไม่เก่งพอ)   ตอนนั้นเราอยู่ประเทศอังกฤษมาแล้วรวม 20 ปี  คิดถึงเมืองไทยมากๆ ก็เลยตัดสินใจบินกลับมาเรียนคอมพิวเตอร์ที่เมืองไทย (ที่อังกฤษแพงเกินไป เรียนไม่ไหวด้วย) พร้อมกับมาเที่ยวเมืองไทยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศด้วย โดยหวังจะเอาวิชาคอมพิวเตอร์กลับไปหากินในลอนดอน แต่อยู่ดีๆเกิดมาหลงไหลสาวไทยจนลืมสาวฝรั่งแล้วตัดสินใจวัดดวงอยู่เมืองไทยต่อไปตลอดจนถึงทุกวันนี้   เริ่มต้น เราหางานในเมืองไทย โดยการสมัครเป็นไกด์ แต่รู้ว่าต้องมีบัตรไกด์ เลยไปสมัครอบรมเพื่อสอบบัตรไกด์ แต่สมัครไม่ได้เพราะวุฒิการศึกษาเราต่ำเกินไป เราเลยลองทำงานสอนภาษาอังกฤษ แล้วทำอยู่นานประมาณ 5 ปี ส่วนใหญ่เราจะสอนพวกคุณหญิงคุณนายตามบ้านและสำนักงาน  เราใช้วิธีลักไก่ นั่นก็คือ คือแต่งตัวแบบ conservative มากๆจนนักเรียนไม่กล้าถามว่าจบอะไรมา นักเรียนเนื่องจากฟังเราพูดภาษาอังกฤษชัดและคล่องพอๆกับเจ้าของภาษา เลยคิดว่าเราจบวุฒิสูงๆมา   ต่อมาพ่อให้เงินเรามาก้อนใหญ่ เราเลยเอาเงินมาเปิดโรงเรียนติวภาษาอังกฤษ  แต่อยู่ดีๆเกิดอยากเป็นนักแปล จึงไปสมัครเรียนการแปลที่มหาลัยแห่งหนึ่ง แล้วโดนปฏิเสธเนื่องจากวุฒิการศึกษาของเราต่ำกว่าปริญญาตรี   แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 08:32:34 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:47:49 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:45:18 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:30:00 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 3 ธ.ค. 50 05:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อโดนมหาลัยปฏิเสธ เลยโมโหปิดโรงเรียนติวภาษาอังกฤษกลางคัน (ทั้งๆที่ยังกำไรดี) เพื่อเรียนการแปลด้วยตนเอง  วิธีเรียนใช้คำนวณความน่าจะเป็นไปได้ เคร่าๆเพื่อหาทางหนีทีไล่ในการแปล  ตามหลักการนี้คือ สมมุติให้ ประโยคภาษาต้นทางมี คำศัพท์คือ A, B, C, D, E, F และ G และ A มีคำแปล 5 อย่าง B มีคำแปล 10 อย่าง C มีคำแปล 13 อย่าง D มีคำแปล 15 อย่าง E มีคำแปล 20 อย่าง F มีคำแปล 14 อย่าง G มีคำแปล 16 อย่าง เอา 5 x 10 x 13 x 15 x 20 x 14 x 16 แล้วลบด้วยจำนวนความน่าจะเป็นไปได้ของ semantic and syntactic restrictions (ข้อจำกัดทางด้านความหมายและไวยากรณ์) ในภาษาปลายทาง   เพื่อหาความน่าจะเป็นไปได้ในประโยคของภาษาปลายทาง   ทำงานเป็นนักแปล 15 ปี ได้เงินน้อยกว่าเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษตั้งหลายเท่า ในขณะที่ยังใช้เงินเป็นเบี้ยเหมือนเมื่อสมัยมีรายได้ดีจากการเป็นติวเตอร์ภาษาอังกฤษ ยิ่งแปลไปก็ยิ่งแย่ แปลไปแปลมาเงินที่หาได้จากการสอนภาษาอังกฤษ บวกกับเงินที่พ่อให้ หมดเกลี้ยงธนาคาร  ไปเลย !!!! ในช่วงที่ทำงานแปล เราแปลเอกสารกฎหมายเป็นงานหลัก (บางทีไปเป็นล่ามที่ศาลด้วย)  เราแปลจนลูกค้าล้มละลายไปแล้วหลายราย  เพราะแปลผิดมากกว่าจะเชี่ยวชาญได้  ครั้นพอเราแปลได้สวยงามแม่นยำ เราโดนสภาพการแข่งขัน โดนนักแปลคนอื่นตัดราคา เราเครียดเลยเลิกแปลเอกสาร แล้วหันมาแปลหนังสือ  เราแปลหนังสือจนสำนักพิมพ์เกือบเจ้งไปแห่งหนึ่ง (สำนักพิมพ์แห่งนั้น ต้องหยุดทำหนังสือแปลในที่สุด) แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:35:31 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 3 ธ.ค. 50 05:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราพยายามกลับไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แต่สมัครงานแล้วไม่มีใครรับเนื่องจากตอนนี้เราผมเผ้ายาวแต่งตัวเซอๆ (ไม่หรูหราเหมือนเมื่อก่อนตอนสอนคุณหญิงคุณนาย) แถมทางการของไทยยังเข้มงวดว่าครูสอนภาษาอังกฤษต้องมีใบอนุญาต  แต่เราไม่สามารถที่จะเอาใบอนุญาตครูมาได้เนื่องจากวุฒิการศึกษาเราต่ำเกินไป เราหมดหนทางที่จะหางานได้ เราจึงต้องไหว้วานเพื่อนๆที่มีวุฒิการศึกษาสูงๆ ให้เอาวุฒิการศึกษาพวกเขาไปสมัครงานแปล แล้วเอางานแปลโยนมาแบ่งให้เราทำบ้าง ขณะนี้เราเพิ่งได้งานใหม่ เป็นงานแปลโครงการระยะยาวต่อเนื่อง ให้บริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง และเราทำงานสลับฉากเป็นนักแปลผี (ghost-translator) คือแปลหนังสือให้นักแปลท่านอื่น โดยการแปลด่วนๆแบบบะหมี่ไวๆ ม้วนเดียวจบเล่มภายในพริบตาเดียว แล้วพวกเขาเอาไปปรับสำนวนคำแปลภาษาไทยให้สละสลวยก่อนส่งสำนักพิมพ์ตีพิมพ์   ถ้าคราวนี้โครงการที่แปลอยู่เจ้ง หรือนักแปลที่ว่าจ้างเราโดนสำนักพิมพ์เลิกจ้างกันหมด แล้วเราตกงานอีก เราก้อจะไปตั้งโต๊ะดูดวง (กำลังซุ่มๆเรียนโหราศาสตร์แบบจีนอยู่)  หรือเปิดโรงเรียนสอนโยคะ แต่ถ้าได้เงินช้าหน่อย ก็อาจเปิดโรงเรียนสอนวรยุทธ์แล้วเสี่ยงเจ็บตัวเอาหน่อย แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:38:36 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:19:32 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 3 ธ.ค. 50 05:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แต่ตอนนี้เหตุการณ์พลิกผัน เผอิญเราไปค้นเจอคัมภีร์พลังลมปราณและกำลังภายในโบราณของอินเดีย  ก็เลยนำมาผสมผสานกับวิชาสายจีน (ของนักพรตเต๋า) ที่เคยเรียนมา เพื่อสร้าง elixir of life (ยาอายุวัฒนะ)  ผลปรากฏว่าคนที่เคยเห็นเรากำลังจะสังขารร่วงโรยไป ค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นเรากลับเป็นเด็กขึ้นกว่าเก่า ทำให้คนที่ถ่ายรูปเราตอนหน้าตาโทรมๆเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เกือบจะไปผูกคอตาย เพราะตกใจมากคิดว่าเราไปทำศัลยกรรมดึงหน้าที่ไหนมา  แต่ไม่ใช่   เราจีงฝันเฟื่องว่าจะฝึกวิชานี้ต่อไปเพื่อให้หน้าเด็กกว่านี้อีก 2-3 ปี (ตอนนี้พยายามอดเหล้าเพื่อให้หน้าตาดูอ่อนวัยยิ่งๆขึ้น) เมื่อประสบความสำเร็จในเรื่องการได้มาซึ่งสภาพร่างกายของคนที่เยาว์วัยแล้ว ก็จะเปิดโรงเรียนสอนคนแก่ (รวยๆ) เพื่อสอนเคล็ดลับให้พวกเขาทำตัวให้กลับเป็นหนุ่มเป็นสาวได้อีก ...โหงานเนี้ยนะ รับเละแน่ๆเลยตู.........!!!!! แต่ถ้าอยู่ดีๆส้มหล่นรับมรดกจากญาติผู้ใหญ่ เราก้อจะขายบ้านและที่ดินใน กทม แล้วเอาเงินไปซื้อบ้านและที่ดินตามชานๆเมือง กทม หรือในต่างจังหวัด (ที่มีศักยภาพจะขึ้นราคา) แล้วรอให้บ้านที่ดินมันขึ้นราคา  ในขณะที่รอก้อจะเอาเงินส่วนที่เหลือเอาไว้กิน โดยไม่ต้องทำงาน และจะใช้เวลาว่างเขียนบทเรียนภาษาอังกฤษไล่แจกฟรีบนเว็บ pantip ใครสนใจจะเรียนภาษาอังกฤษฟรีกับเรา ก้อมานั่งเข้าคิวรอเรารับมรดกก่อนก็แล้วกันนะ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:41:28 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:26:48 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 50 05:25:18 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 3 ธ.ค. 50 05:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมคือเจ้าของปริญญาเจ็ดใบเจ็ดสาขา ทั้งเศรษฐศาสตร์ กฎหมาย วิศวะโยธา การเงิน การบริหาร บัญชี และภาษาอังกฤษ เรียนสนุกสนานจริงๆ เพราะเรียนหลายสาขา เยอะไปหมด เรียนทั้งๆ ที่ไม่ชอบ เรียนโดยที่ไม่รู้ว่าเขาเรียนอะไรกัน เพราะไม่มีใครให้คำปรึกษา เรียนตามกระแสนิยม และเรียนเพราะเพื่อนชวน ไม่รู้จะเรียนทำไมตั้งเยอะตั้งแยะ ประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการศึกษาในหลายปริญญา รวม เจ็ดปริญญา อาจให้คำปรึกษากับเพื่อนๆ และน้องๆ ได้บ้างนะครับ penkawin@hotmail.com จากคุณ : วิน - [ 3 ธ.ค. 50 10:44:36 A:58.8.97.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 1. ชื่อสาขา /คณะ : การจัดการงานก่อสร้าง 2.เรียนเกี่ยวกับอะไร / การจัดการการเงิน บัญชี เศรษฐศาสตร์ กางวางแผน งานก่อสร้าง การตรวจงานก่อสร้าง เครื่องจักรในงานก่อสร้าง 3.ทักษะที่สำคัญในการเรียน  / ขยันอ่านหนังสือ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ส่วน ใหญ่จะรีไทด์ตัวเอง เรียนแล้วก็ลาออกไปดื้อๆซะงั้น 4.จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง / ผู้ช่วยโปรเจค หรือ โปรเจค ไซด์ ควบคุมงานและธุรการสนาม รับเหมาก่อสร้าง 1.ชื่อสาขา /คณะ : สถาปัตยกรรม 2.เรียนเกี่ยวกับอะไร / การออกแบบ เขียนแบบ ตกแต่งภายใน ภูมิสถาปัต โครงสร้างอาคาร 3.ทักษะที่สำคัญในการเรียน ทักษะทางด้านการเสก็ตดีไซน์ DRAWING แต่ พอทำงงานจริงต้องเปลี่ยนเป็นทักษะทาง COM ล้วนๆ มีการคำนวณบ้างแต่ ไม่มากนักหนักไปทางกลศาสตร์ ทฤษฎีโครงสร้าง 4.จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง  สถาปนิก ผู้ควบคุมงานก่อ สร้าง รับเหมาก่อสร้าง งานตกแต่งภายใน งานจัดสวน ผู้ตรวจสอบอาคาร นักออกแบบอิสระ 1.ชื่อสาขา /คณะ : วิทยาศาสตร์ความปลอดภัย (อาชีวอนามัยและความ ปลอดภัย) 2.เรียนเกี่ยวกับอะไร / ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ความปลอดภัยในงานก่อสร้างและ ในงานอุตสหกรรม การวิเคราะห์สาเหตุ การแก้ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัย ในการทำงาน 3.ทักษะที่สำคัญในการเรียน / ใช้พิ้นฐานทางวิทย์ - คณิต ถ้าเป็นสายอื่นๆ สามารถเรียนได้ ไม่ยากจนเกินไป 4.จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง  / จป.วิชาชีพในโรงงาน ไซด์งานก่อสร้าง อาคารหรือกิจการต่างๆที่ประกาศว้ในกฎหมายฉบับปี 49 เรียนเพิ่มทางสายสิ่งแวดล้อม 4-5 วิชาหรือเข้ารับการอบรม สอบเป็นผู้ตรวจ สอบคุณภาพน้ำ - อากาศ - กากสารพิษ 1.ชื่อสาขา /คณะ : รัฐศาตร์ เอก บริหารงานบุคคล 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร / การบริหารราชการไทย นโยบายสาธารณะ หลักการ วางแผน การบริหารงานบุคคล การสรรหา กำหนดตำแหน่ง 3.ทักษะที่สำคัญในการเรียน / ขยันอ่านหนังสือ สายนี้หนังสืออ่านเยอะมาก หนังสือตามแผงหนังสือทั่วไปบางเล่มเนื้อหาเข้มข้นพอๆกับตำราเรียน ยิ่ง อ่านมากก็ดีกับตัวเรามากขึ้น 4.จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง  / งานราชการหรือเอกชนใน หน่วยงานบุคคล งานบริหาร HR. องค์ความรู้จะ support กับงาน จป.ในเรื่องการบริหารความปลอดภัย กฎหมายการชดเชยหรือกองทุนทดแทนต่างๆ การอบรมความปลอดภัยแก่ พนักงานการทำงานมีความสัมพันธ์กับHR งานเอกชนหรือราชการหากมี การประมูลงานจะมีเรื่องของความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ในไซด์งานก่อ สร้างก็จำเป็นต้องมี เมนหลักที่ว่ามาจะอยู่ในสายงานโยธาและออกแบบ รวมถึงงานโรงงานด้วย จากคุณ : DEDETE - [ 3 ธ.ค. 50 13:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่า จขกท ต้องมองที่ตัวเด็ก เกี่ยวกับอุปนิสัย และต้องคุยกันว่าชอบทำอะไรบ้าง การจบมา แล้วมีงานทำ มันมีหลายแบบ ไม่ชอบแต่มีรายได้เยอะ ชอบแต่รายได้น้อย ชอบและรายได้เยอะ ชอบ ชอบเพราะอะไร ได้เงินหรือได้ทำ ควรตั้งจุดบนสุดเป็นเป้าหมายในชีวิต แล้วไล่ลงมา จากคุณ : จะได้หาทางออกเจอ - [ 4 ธ.ค. 50 15:47:43 A:125.25.194.51 X: TicketID:159166 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แง๊ว ทำไม ไม่มี บริหาร การเงิน กะ บัญชี ง่ะ แบบว่า เลือกไม่ถูก ระหว่าง การเงิน กะ บัญชี Y Y จากคุณ : lanarin - [ วันพ่อแห่งชาติ 07:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 1. ชื่อสาขา /คณะ : สถาปัตยกรรมภายใน/ สถาปัตย์ 2. เรียนเกี่ยวกับอะไร หรือเนื้อหาโดยรวมของหลักสูตร : เน้นเรื่องงาน design, construction, ตกแต่งภายใน , แสง, ก็องค์ประกอบของตึกๆหนึ่ง 3. ทักษะที่สำคัญในการเรียน (เช่น เน้นคำนวณ, เน้นภาษา logical thinking, creative) : autocad, sketch up, 3d max 4. จบมาแล้ว ตามสายงานทำอาชีพอะไรได้บ้าง : ดีไซเนอร์, อินทรีเรียดีไซเนอร์ จากคุณ : นู๋กอหญ้า - [ 8 ธ.ค. 50 00:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อาชีพการงานหลายๆคนจบมานะทำงานไม่ตรงกับสายที่จบมา ชีวิตมันช่างตลกบางคนไม่เอาไหนจับงานตัวเดียวก็สบายไปตลอดชีวิต ผมรู้จักคนติดยาเรียนไม่เอาถ่านจนพ่อแม่เพื่อนขอร้องว่า..ช่วยพามันไปอยู่เมืองนอกด้วยเถอะ หัวไม่เอาไหนจะมีที่ไหนจะรับเข้าเรียน..เรียนแบบไหนจะไม่ตกชั้นหรือถูกไล่ออกละ ตกลงผมจับไปเรียนหลักสูตร9เดือนของช่างทำผม. ภาษาก็แย่ขนาดเรียนทำผมต้องโกงการสอบเนื่องพวกสารอันตรายเช่นนํ้ายาดัดผม นํ้ายาย้อมผม ถ้าใช้ไม่เป็นแล้วไปไหม้หนังศรีษะลูกค้าฝรั่งเข้าละ จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอา .หลังจากเรียนจบเขาเปิดร้านทำผมที่ต่างประเทศมีรายได้งดงาม บางคนมีพร้อมไปทุกอย่างความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดก็มี จนบางครั้งต้องเชื่อคำพูดของคนโบราณที่ว่า..คนเรานะแข่งอะไร็แข่งได้แต่ แข่งโชควาสนานั้นแข่งไม่ได้.. น้องผมอีกคนจบคุรุและต่อโทจิตวิทยาแต่จังหวะที่มีการเปิดโรงงานประกอบรถยนต์ขึ้นมาแห่งหนึ่ง เขาต้องการคนที่สามารถไปอบรมพนักงานที่จะรับเข้ามาหลายๆพันชีวิต คนที่จะสอนคนได้สำหรับ.บ.ข้ามชาติเขายอมรับหรือให้โอกาสคนที่เป็นครู เมื่อทำงานไปกับคนหมู่มากก็ต้องอบรบพิเศษเกี่ยวกับกฏหมายแรงงานและพัฒนาตัวเองไปตลอด น้องผมอายุ35ก็อยู่ในตำแหน่งผู้จัดการของบ.ปูนแห่งหนึ่ง จากคุณ : เบื่อ - [ 13 ธ.ค. 50 09:09:47 A:58.136.52.173 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยกับคุณ คห. 12 ค่ะ เลยต้องมาหาข้อมูลของสาขาอื่นๆ ที่เราก็ไม่รู้ว่าเค้าเรียนอะไรกันอยู่นี่แหละค่ะ เพราะตัวเองก็เรียนแบบข้ามสาขาเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่า สาขาอื่นๆ แต่ละสาขา เค้ามีหลักสูตรแนวทางกันอย่างไร.. เลยมาถามในนี้ อยากมองโลกให้กว้างขึ้นจะได้ไปช่วยดูให้เด็กๆ เค้าได้บ้างน่ะค่ะ คห. 15 อืม ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณต้องการบอกมากนักอ่ะค่ะ ขอโทษด้วยละกัน เข้าใจว่า การเรียนกับชีวิตการทำงาน มันไม่จำเป็นต้องอยู่ในสายเดียวกันเสมอไป แต่ถ้าหากเด็กเค้ากำลังหาข้อมูลเพื่อจะเลือกเรียนอะไรซักอย่าง เราก็น่าจะเป็นส่วนนึงที่มาช่วยหาข้อมูลให้เค้าได้น่ะค่ะ.. ไม่อยากไปกำหนดอนาคตเด็ก แต่อยากหาข้อมูลไว้ไปพูดคุยกับตัวเด็ก ก็เลยมาตั้งกระทู้ถามแบบนี้.. - -' แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 09:51:59 จากคุณ : kuro neko - [ 20 ธ.ค. 50 09:48:53 ]