ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้ก่อนนี้มีคนลบไปแล้วไม่ใช่หรือครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K6081086/K6081086.html มาตั้งใหม่อีกได้ราวปาฏิหาริย์  เพื่อ....? แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 50 22:02:26 จากคุณ : ผึ้งน้อยกลอยใจ - [ 30 พ.ย. 50 22:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบคุณ ผึ้งน้อยกลอยใจ เมื่อตอนส่งกระทู้แล้วเห็นมี error ไม่มีการตอบจาก pantip.com มีแต่หน้าขาว ๆ แล้วรอประมาณสิบนาที แล้วเน็ตก็หลุด มาต่ออีกทีก็หลังจากนั้นเป็นชั่วโมง หากระทู้ไม่เจอ ก็เลยมาตั้งใหม่ หากลบแล้วก็แล้วกัน มิได้ต้องการสร้างปัญหาอะไร จากคุณ : xy - [ 30 พ.ย. 50 22:09:43 A:82.46.179.89 X: TicketID:153395 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องขอโทษด้วย ที่คำถามอาจจะไม่เหมาะสม จขกท มิได้ต้องการท้าทายอำนาจใดๆ โดยการตั้งกระทู้ใหม่ในเรื่องเดิม เห็นผลก็อยู่ด้านบนแล้ว จากคุณ : xy - [ 30 พ.ย. 50 22:16:13 A:82.46.179.89 X: TicketID:153395 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เหตุผลก็อยู่ด้านบนแล้ว แำก้คำผิด จากคุณ : xy - [ 30 พ.ย. 50 22:17:06 A:82.46.179.89 X: TicketID:153395 ]

ความคิดเห็นที่ 6 - Democracy is the worst form of government, except all the others that have been tried. - Democracy is a system ensuring that the people are governed no better than they deserve. จากคุณ : Nexus - [ 1 ธ.ค. 50 01:06:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 "เนืองจากผู้เขียนได้ยินว่า การปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเหมาะกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษามาอย่างดี สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ มีรายได้ดี เพราะจะไม่เห็นกับเงินที่คนอื่นจ้าง เพื่อลงคะแนนเสียง" เห็นด้วยกันความเห็นนี้ 100% ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่น่าใฝ่หา แต่ความเหมาะสมของแต่ละประเทศมีไม่เหมือนกัน ประเทศที่เจริญแล้วประชาชนคิดได้ รู้จักคิด และตระหนักถึงสิทธิิของตน (ขอขโมยคำของคุณ Composite เพราะพูดได้ดี) แต่สำหรับหลายๆประเทศกับกลายเป็นเครื่องมือของคนที่ใช้คำว่าประชาธิปไตยเข้ามาบริหารประเทศและโกงกิน เราเชื่อว่ายังมีระบบการปกครองอีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้นำมาใช้หรือคิดค้น แต่ละประเทศควรจะหาวิธีปกครองที่เหมาะสมกับความเป็นไปในประเทศมากกว่าไป 'ลอกเลียนแบบ' วิธีปกครองของคนอื่นที่ไม่เหมาะสมกันตัวเอง จากคุณ : Hotlver - [ 1 ธ.ค. 50 01:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอบตรงๆก็ ระบบเผด็จการที่ผู้ปกครองมีคุณธรรม แต่จะระบบไหนก็ได้ ถ้าผู้ปกครองมีคุณธรรมเพียงอย่างเดียวเป็นอันใช้ได้ จากคุณ : 123 - [ 1 ธ.ค. 50 02:54:59 A:58.9.40.221 X: TicketID:158897 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ Composite เขียนตลกดี หยุดรอคนไม่พร้อม ก็จริงของคุณ จากคุณ : Hotlver - [ 1 ธ.ค. 50 03:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เนืองจากผู้เขียนได้ยินว่า การปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเหมาะกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษามาอย่างดี สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ มีรายได้ดี เพราะจะไม่เห็นกับเงินที่คนอื่นจ้าง เพื่อลงคะแนนเสียง ได้ยินมาจากวงกาแฟหรือเปล่าครับ เพราะผมได้ยินบ่อยมากในวงกาแฟของชนชั้นกลางผู้มีอันจะกินทั้งหลาย คำพูดนี้เป็นคำพูดดูถูกคนจนและเป็นการแบ่งหมู่แบ่งพวกมากกว่า ไม่เห็นด้วยกับการมาพูดในที่สาธารณะ แต่จะคุยในวงกาแฟกับเพื่อนที่ชอบดูถูกคนจนเหมือนกันก็โอเคครับ ประการแรกเรื่องคนจน คนจนไม่จำเป็นต้องขายเสียงครับ ถ้ามีใครให้ความหวังกับอนาคตเขาได้ เขาย่อมเลือกอนาคตที่มันยั่งยืน ไม่มาเอาเงินเล็กๆน้อยๆเป็นคราวๆไปอย่างนี้หรอกครับ เขาไม่ได้โง่ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ถ้าจะยกตัวอย่างนโยบายประชานิยมของทักษิณแล้ว พรรคการเมืองอื่นที่ออกมาด่านโยบายประชานิยมได้นำเสนอนโยบายอะไรใหม่ๆที่คิดว่าดีกว่าที่ทำให้ทำให้ชาวบ้านมีความสุขได้มากกว่าเป็นทางเลือกบ้างหรือไม่ ผมไม่ชอบประชานิยม แต่ก็เห็นข้อดีตรงที่ว่าต่อจากนี้ถ้าใครจะไปแย่งคะแนนเสียงตรงนั้นจะไปซื้อเสียงแข่งกันคงไม่ได้แล้ว จะต้องเอานโยบายไปให้ความหวังแทน ก็ได้แต่หวังว่าจะมีใครเอานโยบายที่ดีกว่าการแจกเงินตำบลไปให้ชาวบ้านเป็นทางเลือกบ้าง ประการที่สอง  การศึกษาตามความหมายของคุณ จขกท ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับประชาธิปไตย ที่สำคัญคือสำนึกและความเข้าใจในประชาธิปไตยมากกว่า ซึ่งไม่ได้ขึ้นกับการศึกษา คนไทยขาดสิ่งนี้ ตัวอย่างเช่นประชาธิปไตยมีกลไกมากมายเพื่อที่จะถ่วงดุลไม่ให้รัฐใช้อำนาจในทางที่ผิด ตัวอย่างเช่นกลไกหนึ่งก็คือการมีสองสภา (bicameralisam) คือตามระบบรัฐสภาแล้ว พรรคที่ได้เสียงข้างมากจะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสูง หากให้มีสภาเดียวอำนาจบริหารและนิติบัญญัติก็จะตกอยู่ในอำนาจพรรคเดียว จึงมีการคิดระบบสองสภาขึ้น เพื่อให้อีกสภาหนึ่งได้มาดูแลตรวจสอบแทน ในสมัยทักษิณได้มีเหมาซื้อเสียงวุฒิสมาชิกจำนวนมากเพื่อเป็นการทำลายกลไกนี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก แต่ตอนนั้นคนไทยเฉยๆ รวมทั้งคนไทยที่ จขกท ว่าเป็นคนมีการศึกษาด้วย ไม่ออกมาต่อต้านให้รัฐบาลรู้ว่าจะมาทำลายกลไกนี้ไม่ได้นะ ไม่ออกมาสู้ให้ถึงที่สุดตั้งแต่ตอนนั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าคนไทยขาดสำนึกและความเข้าใจในประชาธิปไตย ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการศึกษา คนที่ว่ามีการศึกษาเหล่านี้ต้องรอให้ demagogue ปลุกระดมให้เกลียดทักษิณก่อนถึงจะออกมาขับไล่ และทำด้วยอารมณ์เสียมากกว่าที่จะคิดได้ด้วยหลักการ ประการสุดท้ายจากคุณ Hotlver เราเชื่อว่ายังมีระบบการปกครองอีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้นำมาใช้หรือคิดค้น แต่ละประเทศควรจะหาวิธีปกครองที่เหมาะสมกับความเป็นไปในประเทศมากกว่าไป 'ลอกเลียนแบบ' วิธีปกครองของคนอื่นที่ไม่เหมาะสมกันตัวเอง มนุษย์เป็นสิ่งสากล จะรวยจะจน จะดำจะขาวจะเหลือง ก็มีธรรมชาติแบบเดียวกัน เครื่องมืออะไรต่างๆไม่ว่าคิดค้นขึ้นมาที่ไหนเขาก็พิจารณาถึงธรรมชาติมนุษย์สากล บางทีผู้สร้างอาจเกิดในวัฒนธรรมหนึ่ง แต่เครื่องมือเขาก็เอามาใช้กันแพร่หลายทั่วโลก ประชาธิปไตยก็เช่นกัน อะไรที่เขาคิดค้นกันมานาน ใช้แล้วประสบความสำเร็จพอสมควร เราจะเอามาศึกษาให้รู้จริงแล้วพยายามลองใช้อย่างรู้จริงกันดูก่อนไม่ดีหรือ ไม่ใช่ยังไม่รู้แล้วบอกว่าไม่ดี คิดค้นอันใหม่มาใช้เองดีกว่า รถยนต์ มีคลัชมีเกียร์มีคันเร่ง ถ้าเรายังไม่รู้ว่าแต่ละอย่างมีหน้าที่ทำอะไรแล้ว พอขับไม่ไป จะโทษว่ารถยนต์มันไม่เหมาะกับคนไทยก็ได้ คนไทยอาจจะชอบอะไรง่ายๆไม่ยุ่งยาก หรือคนไทยอาจจะโง่เกินไปยังไงก็คงขับไม่เป็น บางเราควรคิดค้นพาหนะแบบใหม่ที่เหมาะกับคนไทยเอาแบบที่เดินไปได้เอง แต่จะควบคุมได้ไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างนี้ก็แล้วแต่จะเห็นสมควร จากคุณ : วัว (cookiemonmon) - [ 1 ธ.ค. 50 05:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 8 ครับ ถ้ารอกันไปรอกันมามันก็เป็น deadlock อยู่อย่างนั้นไม่จบซะทีครับ ผมคิดว่าธรรมชาติมนุษย์ทั่วไปอย่างหนึ่งก็คือ คิดเรื่องของตัวเองก่อน เหมือนกับระดับความต้องการของมาสโลว์นั่นแหละครับ แล้วทำไมไม่ให้เขามีรัฐบาลที่เขาเป็นคนเลือกเอง ถ้าเขาคิดว่าความต้องการของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง เขาก็ไม่เลือกเข้ามาอีก ก็เท่านั้นเอง การที่เขาขาดการศึกษาไม่ได้แปลว่าเขาจะโง่นี่ครับ มนุษย์คนไหนก็มีความคิดได้ แต่ที่มันแย่เหมือนทุกวันนี้ผมคิดว่าเพราะเราเพิ่งมีประชาธิปไตยเต็มใบเมื่อไม่นานมานี่เอง ของแบบนี้ต้องใช้เวลาครับ ปล ชอบความคิดเห็นที่ 11 มากๆ... Demagogue ฮ่าๆๆ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 50 09:25:57 จากคุณ : นักขายหมู - [ 1 ธ.ค. 50 08:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จะโง่จะจน อย่างไรเสียก็ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยดีกว่า  แล้วจะแคล้วคลาดปลอดภัยนะครับ หากปกครองด้วยระบอบเผด็จการ   เดี๋ยวประเทศประชาธิปไตยจ๋าบางประเทศจะไม่พอใจเอาเน้อ  อิอิอิ ขำ ขำ น่ะครับ จากคุณ : เข้ามาจอบ - [ 1 ธ.ค. 50 09:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 50 12:29:17 แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 50 10:26:11 จากคุณ : นักขายหมู - [ 1 ธ.ค. 50 10:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 "..เนืองจากผู้เขียนได้ยินว่า การปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเหมาะกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษามาอย่างดี สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้.." ขอยกมาแค่ตรงนี้นะครับ ว่ามันก็เป็นบทวิเคราะห์ทฤษฎีระบบการเมืองที่อยู่ในวิชาพื้นฐานทั่วไปของรัฐศาสตร์นั่นเองครับ ถ้าเรียนทางการปกครองก็จะต้องศึกษาตรงนี้ทั้งหมด รวมทั้งระบบอื่นๆ ด้วย เพียงแต่คนมักจะได้ยินประโยคนี้เท่านั้น จริงๆ เขาก็จับมาวิเคราะห์ทุกระบบนั่นแหละครับ การวิเคราะห์ทฤษฎีการเมือง เขาก็แบ่งเป็น 3 ยุคด้วยกันครับ การที่เรามานั่งตอบคำถามว่า ระบบใดดีที่สุดนั้น ก็เท่ากับเราย้อนไปศึกษาเหมือนสมัยเก่าสุด คือยุคเพลโต้ และอริสโตเติ้ลเลยนะครับ ซึ่งถ้าไปถามในสมัยนั้น ประชาธิปไตยก็จะกลายเป็นเรื่องไม่ดีไป ผมมองว่ามันแล้วแต่ยุคสมัยมากกว่าครับ การจะดูการเมืองคงต้องเอาเรื่องของสภาวะการณ์ในช่วงนั้นๆ มาดูด้วยครับว่าเป็นบวกหรือเป็นลบ จริงอยู่ว่า ประชาธิปไตยน่าจะได้ประโยชน์สูง ถ้าคนที่เลือกเข้าใจหลักการและระบบของมันครับ ผมว่าน่าจะหมายถึงอย่างนี้มากกว่า จึงมีการเอาไปตีความอีกครั้งว่า คนต้องมีการศึกษาถึงจะดี ซึ่งจริงๆ ถ้าชาวบ้านเขาเข้าใจหลักการและระบบ เขาก็สามารถที่จะตัดสินใจเลือกคนที่ดีเข้ามาทำงานได้ครับ อันนี้ความเห็นผมนะ ส่วนที่ดีของประชาธิปไตยมีเยอะครับ เลยเป็นระบบที่คนส่วนใหญ่ชอบ เพียงแต่เราช่วยๆ กันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้มันผ่านไปได้ด้วยดีดีกว่าไหมครับ เราคงไม่อยู่ในฐานะที่จะไปเปลี่ยนระบบ หรือรอให้คนจบปริญญาตรีกันทั้งประเทศหรอกครับ มันก็ต้องลงมือทำกันอย่างจริงๆ จังๆ อย่างมีทิศทางและแผนงานที่ดี จึงจะทำให้การเมืองประเทศเราพัฒนาไปได้ด้วยดีดีไหมครับ จากคุณ : ciri - [ 1 ธ.ค. 50 11:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้านักการเมือง ยังกอบโกย ผลประโยชน์ เเล้วมีนักธุระกิจเห็นเเก่ตัว อาศัยอำนาจหน้าที่หากินโกงชาติคอยเป็น back up  โดยไม่คำนึงถึงชาติบ้านเมืองว่าจะเป็นอย่างไร ระบอบไหนก็ตามเหอะ ประเทศไม่เจริญหรอก จากคุณ : Atomic Secret - [ 1 ธ.ค. 50 12:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมก็เห็นด้วยกับคุณ Atomic Secret  ครับ จากคุณ : ciri - [ 1 ธ.ค. 50 12:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ^ | | ก็เลยต้องมีการแบ่งแยกอำนาจไงครับ ไม่ให้ฝ่ายบริหารทำอะไรได้ตามใจ ผมคิดว่าตอนนี้ประเทศไทยกำลังแก้ปัญหาเรื่องฝ่ายบริหารใช้อำนาจในทางที่ผิดได้ไม่ถูกต้อง คือแทนที่จะเพิ่มอำนาจตรวจสอบให้มากๆ กลับไปตีหัวฝ่ายบริหารให้เป็นง่อยไปซะ แล้วแบบนี้ประเทศเราจะไปแข่งกับใครได้ ปล. ลืมพูดถึงพวกข้าราชการไปนะครับ ไม่แพ้นักการเมืองหรอก แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 50 12:54:42 จากคุณ : นักขายหมู - [ 1 ธ.ค. 50 12:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับคุณ Composite (อีกละ) จากคุณ : proudtobethai - [ 1 ธ.ค. 50 14:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ต้องขอโทษที่ยังไม่ได้อ่านจนครบทุกความเห็น แค่รู้สึกสงสัย ว่ากระทู้แบบนี้ทำไมถึงถูกลบ หรือบางคนเขาชอบมองอะไรกันแคบๆ? จากคุณ : masked v - [ 1 ธ.ค. 50 15:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเห็นด้วยกับคุณนักขายหมูครับ  ปัญหาแบบนี้ไม่ใช่ว่าใส่ระบบไหนลงไปให้ประเทศนั้นๆเลยก็จะสำเร็จเลย  แต่ต้องแก้ไปทีละขั้นครับ ซึ่งเมื่อก่อนรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ อยู่ไม่ครบ4ปี รัฐบาลใหม่เข้ามาก็รื้อโครงการใหม่ทำให้ไม่ต่อเนื่อง ทางแก้คือฝ่ายบริหารต้องเข้มแข็ง  ที่ผ่านมาอยู่4ปี ก็โอเคดี เพียงแต่มีอำนาจมากไป  จึงต้องไปแก้ที่ฝ่ายตรวจสอบครับไม่ให้ฝ่ายบริหารมาครอบงำ เช่น แก้ให้ประชาชนฟ้องคดีทุจริตได้ไม่ต้องผ่านตำรวจหรืออัยการ คดีมีมูลศาลสามารถเรียกพยานหลักฐานมาไต่สวนเอง แต่นี่มันดันไปแก้ให้ฝ่ายบริหารอ่อนแอจะได้ถูกตรวจสอบได้ จากคุณ : Ninjax - [ 1 ธ.ค. 50 15:50:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห 21 ครับ พูดได้คำเดียวครับว่า i couldn't agree more. จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 1 ธ.ค. 50 17:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เหมาะกับประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นคนจนและขาดการศึกษา ==> การปกครองโดยรัฐบาลที่ "ศาสนาศีลธรรมจรรยาธรรมคุณธรรม" สูงเคร่งครัด น่าจะอยู่ในกรอบได้ดี... เหมาะกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษามาอย่างดี สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ มีรายได้ดี ==> การปกครองโดยรัฐบาลที่เป็นประเภทไม่ต้องเลวมาก แต่เทียบกับประเภทแรกก็ "เพื่อนซาตาน" ดีๆนี่เอง พวกศาสนาศีลธรรมจรรยาธรรมคุณธรรมขาดๆ... ที่น่าแปลกใจ น่าสนใจคือ รัฐบาลแรกกลับเป็นรัฐบาลเผด็จการ ควบคุม บังคับ ประชาชน มากกว่า มากน้อยขึ้นอยู่ กับ มีความคลั่ง "ศาสนาศีลธรรมจรรยาธรรมคุณธรรม" สูงเคร่งครัด แค่ไหน... รัฐบาลที่สองเลวๆ กลับผ่อนผัน ให้เสรีภาพ กับประชาชนมากกว่า... งง... สงสัย... จากคุณ : Marty - [ 1 ธ.ค. 50 19:47:43 A:4.155.48.62 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ดูเหมือนจะเคยเจอคำถามประมาณนี้มาแล้ว ขออนุญาตเอาคำตอบเ้ก่าๆมาลง ไม่รู้ว่าจะตรงกันกับที่เจ้าของกระทู้ต้องการแค่ไหน (โดยส่วนตัวผมชอบศึกษาปรากฏการณ์ทางสัคม อาจจะเข้ามาแลกเปลี่ยนกันอีก) การจะแก้ปัญหาอะไร ขึ้นอยู่ที่ว่าคุณมองสภาพต่างๆอย่างเป็นจริงแค่ไหน เท่าที่ดู ถ้าไม่มองโลกแง่ร้ายเกินไปก็มองโลกแง่ดีเกินไป มองแต่ด้านที่เลวร้ายก็เห็นแต่ว่าโลกเลวร้าย เด็กสมัยนี้เขาก็มีงานอดิเรกที่สร้างสรรค์กันบ้างเหมือนกัน ถ้าจับแต่กลุ่มย่อยแล้วไปทำลายกลุ่มใหญ่ ผมว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ มาถึงเรื่องประชาธิปไตย ซึ่งหลายๆคนชอบพูดว่าคนไทยยังไม่พร้อม ผมก็ขอย้อนถามว่าคุณเอาอะไรมาวัด ถ้าบอกว่าการศึกษา ผมขอถามอีกว่าวัดยังไง ต้องจบปริญญาตรีกันทั้งประเทศหรือ แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าคนจบปริญญาเอก คนจบปริญญาโท หรือคนจบปริญญาตรีเหมือนกันแต่จบจากนอกหรือจากโรงเรียนที่ดีกว่าจะไม่ดูถูกคนจบต่ำกว่าอีก? ผมขอถามว่าแต่ละท่านที่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่นั้น ท่านเกิดมาสมบูรณ์พร้อมสรรพกันหรือ? ท่านร่ำรวย เก่งกาจ ฉลาดเฉลียวกันหรือ? ท่านเคยตัดพ้อหรือไม่ ว่าฉันยังไม่พร้อมเกิดมา ว่าแล้วก็หยิบปืนมายิงตัวเอง หวังว่าเกิดมาใหม่จะดีกว่านี้? เพราะฉะนั้นผมจึงว่ามันเป็นคำถามที่ค่อนข้างจะไร้สาระ อเมริกาก็ไม่ได้ฉลาดทันกันหมดทุกคน ไม่อย่างนั้นจะมีบิลล์เกต โดนัลทรัมบ์ หรือแม้แต่บุชหรือ? ของมันเกิดมาแล้ว การไปยิงมันทิ้งหรือทำหมันมันไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ มาลองหาดีกว่าว่าอะไรคืออุปสรรคของมัน การมีส่วนร่วมของประชาชนก็อย่างหนึ่งล่ะ แต่ประเด็นสำคัญของประชาธิปไตยก็คือความใจกว้าง ผมเชื่อแน่ว่าไม่มีระบอบใดในโลกจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความใจกว้างได้เท่าประชาธิปไตยแน่ เพราะระบอบนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความต้องการอันหลากหลาย จึงเป็นไปไม่ได้เลยทีจะปราศจากซึ่งความขัดแย้ง ที่สำคัญคือเราต้องหัดรับฟังผู้อื่น ปัญหาการเมืองที่เผชิญอยู่นี้ก็เพราะเราไม่ยอมรับนับถือในความคิดของกันและกัน คนโง่ คนจน คนอ่อนแอ ฯลฯ คนพวกนี้เขาไม่ควรมีสิทธิ์เลือกผู้แทนของเขาหรือ? ถ้าบอกว่าอย่าเพิ่ง รอให้ทุกคนฉลาดเท่าๆกันก่อน ผมถามว่าทำได้หรือ? แล้วระหว่างนั้นจะฝากอำนาจไว้กับใคร? แล้วคุณไว้ใจได้หรือ ว่าบุคคลกลุ่มนั้นจะยินดีผลักดันให้เกิดประชาธิปไตย? จากคุณ : masked v - [ 1 ธ.ค. 50 20:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เราเห็นด้วยกับ คห 24 ขอเพิ่มเติมว่าประชาธิปไตยเป็นวิวัฒนาการการปกครองที่สอดคล้องกับสังคมมนุษย์มากกว่าการปกครองระบอบอื่น  มันเป็นวิวัฒนาการของมนุษย์ที่แตกต่างจากสัตว์ซึ่งผู้ที่แข็งแรงกว่าย่อมมีอำนาจเหนือกว่าและมีอิสรภาพมากกว่า ก่อนพัฒนามาเป็นระบอบประชาธิปไตยอำนาจอยู่ในมือของผู้ปกครองรัฐ และมันจะไม่เปลี่ยนมือจนกว่าบุคคลนั้นจะดับสูญหรือถูกช่วงชิง  การปกครองแบบนั้นก็แบ่งคนในสังคมออกเป็น 2 ฝ่ายคือผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครอง ซึ่งแน่นอนว่า วิถีชีวิตของผู้ปกครองและผู้ถูกปกครองย่อมไม่เท่าเทียมกัน เพราะผู้ปกครองได้ใช้ประโยชน์จากผู้ถูกปกครองทุกรูปแบบผ่านอำนาจที่ครอบครอง แต่เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่คิดและพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดนิ่ง  ชาวอาณานิคมในอเมริกาจึงประการศอิสระภาพและชาวฝรั่งเศสก็ลุกฮือไม่ยอมเป็นผู้ถูกปกครอง อันเป็นแบบอย่างที่นำไปสู่การปกครองแบบประชาธิปไตยในประเทศต่างๆ ที่กล่าวมายืดยาวเช่นนี้ก็เพื่อต้องการจะชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ประกาศอิสรภาพตนเองในอาณานิคมอเมริกาและชาวฝรั่งเศสผู้ยากไร้ที่ลุกฮือล้มอำนาจรัฐนั้น ล้วนเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความพร้อมทางการมีการศึกษาแต่อย่างใด แต่การพัฒนาการศึกษานั้นมาเกิดภายหลัง  ดังนั้นจึงไม่สามารถอ้างได้ว่าคนไทยยังไม่พร้อมสำหรับการปกครองแบบประชาธิปไตยเพราะคนไทยยังไม่พร้อมเรื่องการศึกษา   จะหวงอำนาจกันอยู่ทำไม อารยะประเทศทั้งหลายเขาก็ให้อิสรภาพแก่ประชาชนของเขากันทั้งนั้น  หรือจะรอให้คนไทยลุกฮือยื้อแย่งทวงสิทธิ์ของตนเอาเอง จากคุณ : ยิงเข้าเป้า - [ 1 ธ.ค. 50 23:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกท่านที่ออกความเห็น สำหรับข้อความที่เป็นต้นเรื่องเองก็น่าสนใจ เพราะมีคนบอกว่าเป็นเรื่องการดูถูก กับ อีกด้านหนึ่งก็บอกว่าเป็นเรื่องการวิเคราะห์ธรรมดาๆ ข้อดีข้อเสีย แต่บังเอิญถูกกล่าวบ่อย มากกว่าอันอื่นเอง ถ้าเป็นอย่างที่ ciri ว่าก็อาจจะต้องใส่ชื่อหนังสือหรือบทความวิเคราะห์จะดีมากครับ แต่เข้าใจว่าคงไม่มีการปกครองที่มาใช้ก่อนที่จะเป็นประชาธิปไตย ถ้ามีคงมีผู้รู้มาบอกแล้ว อีกประเด็นหนึ่ง การปรับสมดุลต่างๆ ของสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ของสังคมนั้น คิดว่า อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน เหล่านี้คงมีปัจจัยที่ต้องปรับเพื่อให้ได้ ประชาธิปไตยของตัวเอง ประเทศเราเองก็อาจจะต้องปรับอีกเยอะ จากคุณ : xy - [ 2 ธ.ค. 50 04:47:59 A:82.46.179.89 X: TicketID:153395 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ระบอบประชาธิปไตยนี่แหละครับ  เหมาะสมที่สุด  ...  เพราะ     1. เราไม่สามารถวางใจคนอื่นได้  ซึ่งประวัติศาสตร์ก็ตอกย้ำเช่นนั้นมาโดยตลอด     2. ระบอบประชาธิปไตยไม่จำกัดการเคลื่อนไหวของอำนาจอธิปไตย  ดังนั้นเมื่อประชาชนเริ่มมีความพร้อม  อำนาจอธิปไตยย่อมสามารถเคลื่อนไปสู่จุดที่เหมาะสมได้ แต่ก็ใช่ว่าระบอบประชาธิปไตยจะไม่ก่อให้เกิดคำถาม ...     1. "เผด็จการแสนดี" กับ "ประชาธิปไตยลวงโลก" ? - เรื่องนี้สุดท้ายก็อยู่ที่ผู้มีอำนาจว่าเป็นคนดีมีความสามารถหรือเปล่า ?  ถ้าผู้มีอำนาจดีแต่เปลือก  ระบอบไหนก็ช่วยไม่ได้  อย่างไรก็ตาม  ระบอบประชาธิปไตยนั้น  ประชาชนสามารถเลือกที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เคยเกิดขึ้นได้     2. "เป็นอันหนึ่งอันเดียว" กับ "แตกแยกขัดแย้ง" ? - ระบอบประชาธิปไตยมิได้ปิดโอกาสในการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ในขณะที่ความขัดแย้งย่อมแสดงถึงข้อบกพร่องที่มีอยู่     3. "คนส่วนใหญ่โง่  ประเทศชาติก็ดำเนินไปแบบโง่ ๆ" ? - เสียงส่วนน้อยก็โง่ได้  อีกทั้งยังมีปัญหาว่าเสียงส่วนน้อยดังกล่าวรู้ซึ้งถึงปัญหาและความต้องการของเสียงส่วนใหญ่แค่ไหน ?  มีความจริงใจต่อเสียงส่วนใหญ่เพียงใด ? จากคุณ : รู้บ้างไม่รู้บ้าง - [ 2 ธ.ค. 50 05:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ว่าจะปล่อยผ่านไปแต่เห็นไม่เหมาะ ยังไงก็ขออภัยคุณ xy ครับที่หากใช้คำพูดแรงไปสักหน่อย ที่ผมถามที่มาเพราะผมไม่เคยอ่านไม่เคยได้ยินจริงๆว่าประชาธิปไตยเหมาะเฉพาะกับประเทศที่ประชาชนมีอันจะกินและมีการศึกษาพอ นอกจากในวงกาแฟ คำพูดที่ว่ามันไม่ใช่เป็นคำพูดเชิงวิชาการ มันเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่โฆษณากันเองในหมู่ชนชั้นกลาง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้เสียงของตนเองและในขณะเดียวกันก็ทำลายความชอบธรรมของเสียงคนจนคนไร้การศึกษาไปด้วย หรือคุณ xy ได้ยินมาจากที่อื่นครับ ถามจริงๆด้วยความอยากรู้ ที่ผมเคยได้ยินมาก็มี "คนรวยและมีการศึกษาจะมีแนวโน้มขายเสียงน้อยกว่าคนจนและไม่มีการศึกษา" (แต่ไม่ได้สรุปต่อไปอีกว่าประเทศที่พลเมืองส่วนใหญ่ยากจนไม่มีการศึกษาเหมาะกับประชาธิปไตยหรือเปล่า) "ประเทศที่ประกอบด้วยพลเมืองยากจนและไม่มีการศึกษามักจะตกอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการได้ง่ายกว่า" (เพราะคนยากจนจะออกมาเรียกร้องกันมาก ทำให้เกิดความไม่สงบ และรัฐไม่ได้ใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือจึงควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ในที่สุดทหารก็จะออกมายึดอำนาจโดยอ้างความสงบเรียบร้อย) แต่ที่ว่าประชาธิปไตยเหมาะสมเฉพาะกับประเทศที่ประชาชนมีอันจะกินและมีการศึกษานี่ผมไม่เคยได้ยิน ผมไม่ได้เรียนรัฐศาสตร์มา ไม่เคยวิเคราะห์การเมืองอย่างเป็นระบบในสถานศึกษา ก็ได้แต่อ่านเองคิดเองเออเอง พออ่านที่คุณ ciri ว่า ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าประโยคดังกล่าวเป็นการวิเคราะห์ระบอบการเมืองอย่างไร หากคุณ ciri ช่วยชี้แจงยกตัวอย่างเพิ่มเติมเป็นวิทยาทานให้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง คนไทยมักจะตีความคำว่าประชาธิปไตยอย่างง่ายๆว่าคือการปกครองโดยเสียงส่วนใหญ่ (majoritarianism) สอนกันมาแต่เด็กว่ายกมือนะฝ่ายไหนมากกว่าฝ่ายนั้นชนะอย่างนี้เป็นประชาธิปไตย ที่จริงประชาธิปไตยไม่ได้มีแค่ลงคะแนนเสียง ไม่ใช่แค่ทำตามเสียงส่วนใหญ่ ประโยคที่คุณ xy ให้มาผมคิดว่าก็มาจากความเข้าใจผิดอันนี้ คือมองว่าประชาธิปไตยมีแต่การเลือกตั้งอย่างเดียว ถ้าคนส่วนใหญ่จนหรือไร้การศึกษาแล้วขายเสียง เลือกตั้งได้คนไม่ดีมา ก็จะปกครองประเทศไม่ได้ดี ดังนั้นประชาธิปไตยจึงไม่เหมาะสม ที่จริงประชาธิปไตยไม่ใช่การปกครองโดยคนส่วนใหญ่ การเลือกตั้งเป็นแค่กลไกหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่เลือกแล้วจะทำอะไรตามใจชอบ ประชาธิปไตยมีพัฒนาการมานาน การปกครองโดยคนส่วนใหญ่ไม่ดีอย่างไรก็มีนักคิดนักปรัชญาเขาคิดไว้ก่อนแล้ว แล้วก็มีการพัฒนากลไกป้องกันแก้ไขไว้แล้ว (ได้แก่ การมีสองสภา การแบ่งอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ การให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นประจำ การใช้ผู้แทน การทำประชาพิจารณ์ เป็นต้น) นอกจากนี้รัฐประชาธิปไตยยังต้องประกันความแตกต่าง เพราะเชื่อว่าความต่างจะช่วยสร้างความเข้าใจ และสร้างความแข็งแรงให้สังคม ประชาธิปไตยจึงเหมาะกับสังคมที่มีความต่าง รวยจน มีการศึกษาไม่มีการศึกษา ต่างเผ่าต่างภาษาต่างศาสนา มันก็ต้องอยู่ด้วยกันได้ ดังนั้นการที่ว่าคนส่วนใหญ่ต้องมีการศึกษาดีมีรายได้ดีหมดจึงจะเหมาะกับประชาธิปไตยจึงเป็นคำอ้างที่ผิด กลไกประชาธิปไตยต่างๆที่ว่ามาเหล่านี้ประเทศเราก็เคยมีอยู่ แต่เราพึ่งได้เริ่มหัดใช้ไม่นานอาจจะยังไม่ถนัดดี ก็โดนยึดไปเสียก่อนแล้ว เรากำลังหัดขับรถ มีเฉี่ยวมีชนมาบ้างแต่ก็ไม่ร้ายแรงถึงตาย แต่บางครั้งพ่อแม่คงเป็นห่วงเรามากเกินไป เลยยึดรถเราไปเสีย ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าเราจะคิดว่ารถไม่เหมาะกับเราจะไปไหนให้พ่อแม่พาไปได้ หรือเราจะดื้อขอหัดขับรถต่อไป การที่ทุกคนไม่ว่ายากดีมีจนทุกคนมีสิทธิในทางการเมืองเท่ากัน รวมทั้งมีสิทธิในการออกเสียง one man, one vote สิ่งนี้ถือเป็นหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย เป็นการรับรองสิทธิความเป็นมนุษย์ของทุกๆคน การยกข้อตั้งซ่อน (hidden premise) ว่าคนจนคนไม่มีการศึกษายังไม่ควรมีสิทธิในการใช้สิทธิทางการเมืองเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนจนและคนไม่มีการศึกษา ดังนั้นผมก็ยังขอยืนยันอย่างเดิมว่า ประโยคที่คุณ xy ให้มาสะท้อนถึงจิตใจที่ดูถูกเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  (ไม่ได้หมายถึงคุณ xy นะครับ หมายถึงคนที่พูดประโยคนั้น) จนกว่าคุณ ciri จะอธิบายว่ามันเป็นการวิเคราะห์ระบอบการเมืองอย่างไร เราจะพร้อมสำหรับประชาธิปไตยก็ต่อเมื่อเราสามารถมองทุกคนเท่าเทียมกันได้โดยไม่ต้องมีฐานะหรือการศึกษาเท่ากัน  แทนที่จะมองว่าเขาขายเสียงรับเงินถือเป็นพวกต่ำต้อยไม่คู่ควรกับเสียงเลือกตั้ง เราควรมองว่าเสียงเลือกตั้งของเขาสะท้อนถึงอะไร มองว่าเสียงของเราสะท้อนถึงอะไร ยอมรับในความลำเอียงและเห็นแก่ตัวของตัวเองและคนอื่นได้ แล้วหันหน้าเข้าหากันประคับประคองกันไปไม่ดีกว่าหรือ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 50 10:10:49 จากคุณ : วัว (cookiemonmon) - [ 2 ธ.ค. 50 09:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 การปกครองแบบใดที่เหมาะกับประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นคนจนและขาดการศึกษา ตอบ สังคมนิยมแบบมาร์กซิส การปกครองแบบใดที่เหมาะกับประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นคนร่ำรวยและมีการศึกษา ตอบ สังคมนิยมมาร์กซิส แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 50 10:27:02 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 2 ธ.ค. 50 10:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านความเห็นของคุณ วัว (cookiemonmon) แล้ว ผมก็มานั่งนึกย้อนไปว่าทำไมประชาธิปไตยถึงดี และัประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้อย่างไร (ตามที่ตัวเองเข้าใจ) พบว่า ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความใจกว้าง อย่างที่ผมได้เคยกล่าวไปแล้ว เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยจึงเหมาะสมโลกยุคใหม่ ที่ในแต่ละสังคมมีความหลากหลาย ทีนี้มาดูเรื่องที่ว่าถ้าคนโง่หรือคนจนมีมากกว่า ประชาธิปไตยจะเหมาะสมหรือไม่ ก่อนอื่นเราต้องมาดูความเป็นจริงของโลกเสียก่อน ว่าปิระมิดประชากรเป็นอย่างไร ไม่ว่าคุณจะเอาปิระมิดประชากรประเทศนี้ ประเทศหน้า ประเทศไหนมาดู คนโง่ คนจน คนอ่อนแอ ก็ถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศทั้งนั้น เพราะมันเป็นความจริงของธรรมชาติ เป็นความขัดแย้งแบบคลาสสิค ระหว่าง ปริมาณ และ คุณภาพ ภ้าเราจะเอากฏของสัตว์ป่ามาเป็นเกณฑ์ก็ไม่ต้องไปสนใจคนเหล่านั้น เชิญย่ำยีบีฑากันตามสบาย แต่ถ้าเราจะฉุกคิดสักนิด และเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้มีส่วนร่วมทางสังคม และกลายเป็นพลังอันแหลมคมทางสังคม เราก็ต้องมาดูระบอบประชาธิปไตยกัน ระบอบประชาธิปไตยอาจจะต่างกับระบอบอื่นๆ ตรงที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค แน่นอนว่าโดนระบอบมันทำให้ทุกคนเสมอภาคกันในความเป็นจริงไม่ได้ ในสังคมต้องมีความหลากหลาย มีทั้งคนรวยคนจน แต่ในระบอบประชาธิปไตย สิทธิทางการเมืองของพวกเขาเหล่านั้นเท่ากัน ไม่ว่าคุณจะยากดีมีจน โง่หรือฉลาด ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี และเสียงของทุกคนย่อมมีความหมาย สิ่งนี้เป็นเครื่องมืออย่างกลายๆให้นักการเมืองต้องเอาใจใส่ต่อชนชั้นล่างในสังคม ขณะที่ระบอบอื่นอาจจะไม่แยแสด้วยซ้ำว่ามีคนเหล่านี้อยู่ในสังคม ป.ล. อันที่จริงอยากให้นิยามคำว่าจน หรือคำว่าโง่ ออกมาให้ชัดเจนด้วยซ้ำ อย่างผมเองเงินเดือนไม่ถึง 6,000 บาท ไม่จบปริญญาตรี ไม่ทราบว่าจะถูกกันออกไปจากประชาธิปไตยแบบใหม่ที่คุณๆต้องการหรือเปล่่า ป.ล. ผมไม่ค่อยทราบเกี่ยวระบอบสังคมนิยม จึงไม่ขอกล่าวล่วงกล่าวถึง จากคุณ : masked v - [ 2 ธ.ค. 50 11:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สังคมนิยม ตอบโจทย์ ที่คุณถามได้ทั้งหมด แต่พวกที่ "ศรัทธา" ในลัทธิเผด็จการอ้างจริยธรรม จะยอมรับความจริงได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ในเมื่อโจทย์ของการทำลายระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยคือ ประชาธิปไตย ไม่เหมาะ -> ระบบเผด็จการฟาสซิส อำนาจนิยม + propaganda เหมาะที่สุด ทั้งๆที่ คำตอบ จริงๆคือ สังคมนิยม  ต่างหาก จากคุณ : ซามาร่า-ไม่เคยหลับ - [ 2 ธ.ค. 50 11:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนนี้ก็เอาพื้นของมันให้ได้ก่อน ขอแค่การเมืองเท่ากันยังไม่ได้ก็คงไม่ต้องหวังเศรษฐกิจสังคม แต่มาโพสต์นับถือสังคมนิยมกันอย่างนี้อันตรายนะครับ คนไทยประชาธิปไตยก็ตีความง่ายๆ สังคมนิยมก็คงตีความง่ายๆอีก เดี๋ยวเขาจะไล่คุณเข้าป่าไป แต่ก่อนผมว่าคนไทยบ้าประชาธิปไตยคนหมู่มากกันจะตาย แบบเอะอะอะไรก็ยกมือเอาเสียงส่วนใหญ่ เอะอะเอะอะอ้างเสียงส่วนใหญ่ ผมต้องคอยออกมาด่าประชาธิปไตยคอยออกมาบอกข้อเสียของประชาธิปไตย อยู่ดีๆเหตุการณ์วิปริตมันก็ทำให้คนไทยเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ผมไม่แน่ใจว่าไอ้คนๆเดิมที่เอะอะก็อ้างประชาธิปไตยเดี๋ยวนี้ยังอ้างอยู่หรือเปล่า หรืออ้างเฉพาะเวลาเสียงส่วนใหญ่คิดเหมือนตัวเอง ยังแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่เดี๋ยวนี้ต้องมาช่วยโฆษณาให้ประชาธิปไตย จากคุณ : วัว (cookiemonmon) - [ 2 ธ.ค. 50 12:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมได้แสดงทรรศนะถึงความเหมาะสมของระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว อยากให้ผู้ที่สนับสนุนระบอบอื่นช่วยชี้แนะข้อดีด้วยจะเป็นพระคุณยิ่งครับ และอยากทราบว่า ระบอบดังกล่าวสามารถซ่อมแซมตนเองได้อย่างไรหากเกิดการบกพร่องด้วยครับ จากคุณ : masked v - [ 2 ธ.ค. 50 15:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เราว่า จริงๆ คำถามมันน่าจะเป็นว่า"ทำอย่างไรจะเป็นประชาธิปไตยได้มากขึ้น" โดยที่ไม่กลับไปเรียกร้องแบบจำลองการปกครองเดิมๆ(ที่อาจเป็นเผด็จการเบ็จเสร็จในที่สุด)ตะหาก เพราะจริงๆ ประชาธิปไตย มันวิวัฒนาการตัวมันเองมาเรื่อยๆตลอดอยู่แล้ว ที่ ในความเป็นจริงของธรรมชาติคือวิวัฒนาการทุกอย่าง จะเดินไปสู่ความหลากหลายและย้อนตัวเองกลับไม่ได้  จึงจำเป็นต้องสร้างประชาธิปไตยให้มากขึ้นเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 50 15:51:21 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 50 15:49:20 แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 50 15:48:09 จากคุณ : the author - [ 2 ธ.ค. 50 15:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ประเทศไทยไม่ผิด ที่มีคนจนและคนไร้การศึกษาเยอะ แต่ผิดตรงที่ประเทศไทย มีคนที่ไม่ค่อยคิดลึก ตามเค้าไม่ทัน เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ประโยชน์ส่วนตัวเยอะไปนิด เรื่องเดียวที่ผมเห็นว่าไม่มีระบอบใดดีกว่าประชาธิปไตย คือ เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิมนุษยชน จริงๆประชาธิปไตย ไม่ใช่ระบอบการปกตรองที่ดีที่สุด ฉนั้นอย่าไปหวังอะไรกับมันมาก ประชาธิปไตยบริสุทธ์ขนาดไหน ก็ไม่ได้การันตีว่าประเทศเราจะเจริญตาม ดังฉากหนึ่งที่ผมประทับในหนังเรื่อง Sunshine ที่นักบินอวกาศโต้แย้งกันว่า จะบินย้อนไปช่วยเพื่อน หรือ มุ่งหน้าทำภารกิจตามเดิม ก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้น มีลูกเรือคนหนึ่ง เสนอว่า"งั้นมาโหวตกัน" ลูกเรืออีกคนตอบกลับว่า"นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย เราเป็นนักวิทยาศาสตร์ เราต้องตัดสินตามข้อเท็จจริง" ยอมรับเถอะครับ ว่าประเทศไทยเราเซ เพราะได้ผู้แทนที่มาจากคนโง่หลายต่อหลายครั้งแล้ว เพราะฉนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะchiphayให้น้อยลง เราควรกระจายอำนาจให้ย่อยลง เอาแบบคล้ายๆ สหรัฐก็ได้ ให้ผู้ว่า มีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม งบประมาณก็ต้องแยกส่วนกันให้มากกว่าเดิม จากคุณ : Roninkung - [ 2 ธ.ค. 50 21:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบใจความเห็น35 Roninkung มากมาย จากคุณ : juniorfish - [ 2 ธ.ค. 50 22:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แต่ก่อนผมเองก็คิดว่าแนวคิดนี้ใช้ได้ ของ จขกท แต่หลังจากผมลองไปคุยกะเพื่อนฝูงที่จบปริญญาตรี โท หลายคนผมเปลี่ยนความคิด เอาแค่สิทธิ กับอำนาจ พวกเขาก็งงแล้ว แล้วมักจะเหมาว่าสิทธิกับอำนาจมันเรื่องเดียวกัน บางคนบอกว่าต่อให้คนรวยแสนล้านกะคนขับสามล้อก็ต้องมีสิทธิอำนาจเท่ากัน ผมขำกลิ้งเลย  แสดงให้เห็นว่าพวกเขามองว่าประชาธิปไตยมีแค่การไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเพียงพิธิกรรม แล้วมักจะบอกว่าเสียงของคนส่วนใหญ่คือความถูกต้อง ทั้งที่ในความจริงมติของคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป อย่างน้อยถ้าคนเยอรมันสามารถย้อนเวลากลับไปได้พวกเขาคงไม่อยากมีผู้นำแบบ อดร์อฟ ฮิตเลอร์  ที่เป็นสาเหตุให้คนเยอรมันล้มตายหลายล้านคน หรือในเวลาหนึ่งคนฟิลิปปินส์ก็เคยคลั่งไคล้ผู้นำอย่าง มาร์กอส ซึ่งต่อมาคือจอมทรราชที่ปล้นประเทศชาติไป ทรัพย์สินที่หมอนี่โกงประเทศชาติไปประมาณค่าในปัจจุบันคือ 1 แสนล้านเหรียญ หรือเท่ากับ 3 ปีงบประมาณประเทศสยามเรา มาร์กอสก็มาจากเสียส่วนใหญ่ของประเทศ ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน แต่ไม่มีทางที่จะมีอำนาจเท่ากัน ตราบใดที่อำนาจของคนในสังคมไม่เท่ากันสิทธิในการออกเสียงมีความหมายตรงไหน? เอาง่ายๆชาวบ้านตาดำๆบอกรักทักษิณใจจะขาดรอนๆทหาร กลับไม่ฟัง  ดันไปฟังเสียงเรียกร้องของนักวิชาการ นักธุรกิจ ที่กล่าวหาว่าทักษิณคือจอมมารอันดับ 1 ของแผ่นดิน ชาวนา 1 คนมี 1 เสียงเท่ากับนายธนินทร์  เจียรวนนท์ แต่อำนาจในการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยต่างกันลิบลับ ชาวนา คนขับสามล้อ แม่ค้าขายข้าว ออกมาแสดงความคิดเห็นมีใครรับฟังหรือสนใจ? แต่ทำไมบางคนออกมาแสดงความคิดเห็นคนถึงสนใจ ?? นี่คือความแตกต่างระหว่างอำนาจ กับสิทธิ ถ้าจะทำให้สังคมเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงต้องให้คนในสังคมมีอำนาจเท่าเทียมกันก่อน   แต่ถามหน่อยเถอะ ทำได้ไหม?  ตายแล้วเกิดใหม่อีกร้อยชาติก็ทำได้ยาก เพราะคนเกิดมามันก็แตกต่างกันแล้ว  ทั้งในด้านสติปัญญา  ความรู้ ฐานะ จากคุณ : กระบี่ไร้นาม - [ 2 ธ.ค. 50 22:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เออ ผมเคยตั้งคำถามเล่นๆกับคนใกล้ตัว ว่าที่ประเทศไทยไม่เจริญเพราะอะไรกันแน่ ระหว่าง 1. เรายังไม่มีระบบที่ดี 2. เราไม่เชื่อมั่นในระบบ คิดว่าข้อไหนกันครับ จากคุณ : masked v - [ 2 ธ.ค. 50 22:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดังนั้นสังคมประชาธิปไตยจริงๆจึงไม่มีอยู่จริงในโลก ทีนี้มาพูดถึงระบอบการปกครอง ว่าอย่างไหนดี ไม่ดี ผมว่าสุดท้ายมันก็ขึ้นกับผู้นำหรือผู้ปกครองมากกว่า หลี่ซื่อหมิน  ก้าวมาเป็นจักพรรดิที่ยิ่งใหญ่พระนามถังไท่จง ทั้งที่พระองค์ก็ได้ราชสมบัติมาจากการฆ่าพี่น้อง(รวมทั้งอาจจะรวมพระบิดาด้วย) ภายใต้การปกครองของพระองค์แผ่นดินร่มเย็นเป็นสุข โจรผู้ร้ายไม่มี การค้าของราษฎรรุ่งเรือง เพราะพระองค์คิดถึงประชาชนเป็นอันดับแรก หรือจะบอกว่า "ประชาชนมาก่อน" เหมือนสโลแกนของบางพรรคก็ได้  การปกครองของพระองค์คือการปกครองแบบเผด็จการ ปักจุงฮีของเกาหลี หรือ ลีกวนยิวของสิงคโปร์ ก็ล้วนแต่ปกครองประเทศแบบเผด็จการหรือกึ่งเผด็จการ แต่ประเทศของเขาก็เจริญรุ่งเรือง เพราะเขาคิดถึงชาติบ้านเมืองประชาชนก่อนตัวเองและวงศาคณาญาติ ซึ่งแตกต่างจากมาร์กอส ซูฮาร์โต้ หรือผู้นำบ้านเราหลายคน สุดท้ายผมว่าระบอบไหนก็ได้ ขอเพียงผู้นำมีคุณธรรม เห็นประโยชน์ประเทศชาติประชาชนมาก่อนประโยชน์ตัวเอง /พวกพ้อง จากคุณ : กระบี่ไร้นาม - [ 2 ธ.ค. 50 23:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ว่าจะทางเศรษฐศาสตร์ หรือการเมือง ระบบที่ดี คือระบบที่มีการกระจายอำนาจ ความรับผิดชอบต่างๆไปสู่ปัจเจกชน ไม่จำเป็นต้องมียศถาบรรดาศักดิ์ ขอแค่เป็นประชาชนที่มีความรับผิดชอบก็พอ จากคุณ : the author - [ 3 ธ.ค. 50 00:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วเราจะมาหวังให้มีเทพมาโปรดพวกเราอย่างนั้นหรือครับ? ถ้าเกิดไม่มีมาล่ะ ไม่กลายเป็นยกอำนาจจอมมารหรือครับ แบบไม่มีระบบถ่วงดุลอีกตะหาก เหมือนแทงหวยอย่างที่ คุณ Composite บอกนั่นแหละ น่ากลัวโคตรๆ ---------------------------------------------------------------------- คห 35 ...แต่ผิดตรงที่ประเทศไทย มีคนที่ไม่ค่อยคิดลึก ตามเค้าไม่ทัน เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ประโยชน์ส่วนตัวเยอะไปนิด... ---------------------------------------------------------------------- คิดแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะไปข้างหน้าได้ล่ะครับ อย่าโกรธผมเลยนะ แต่ท่าทางคุณจะอยากกลับไปabsolute monarchyจริงๆด้วย ผู้ว่าการของสหรัฐ ชาวบ้านเขาเลือกมานะครับ ถ้าเป็นแบบคุณว่า มท1 นี่ใหญ่กว่านายกซะอีก เพราะคุมผู้ว่าทุกจังหวัด พระเจ้าดีๆนี่เอง สังคมนิยมแบบมาร์กซิสมีหลายสายครับ ที่เหมาะกับเมืองไทยผมว่าน่าจะประมาณพรรคแรงงานของอังกฤษ ซ้ายกลางๆ แต่บ้านเราคงต้องเป็นพรรคชาวนาแทน :) ตอบ คห 39 อีกคน เพราะเราไม่เชื่อมั่นในระบบครับ ทำไมเราไม่คิดจะทำระบบตรวจสอบให้เข้มแข็ง ให้คนที่คิดจะใช้อำนาจผิดๆไม่กล้าลงมือทำ แทนที่จะมาหวังให้มีเทพมาโปรดเราล่ะครับ? จากคุณ : นักขายหมู - [ 3 ธ.ค. 50 00:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สุดท้ายผมว่าระบอบไหนก็ได้ ขอเพียงผู้นำมีคุณธรรม เห็นประโยชน์ประเทศชาติประชาชนมาก่อนประโยชน์ตัวเอง /พวกพ้อง จากคุณ : กระบี่ไร้นาม   ^^^ เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ คุณธรรมนำหลักการ จากคุณ : ผึ้งน้อยกลอยใจ - [ 3 ธ.ค. 50 01:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 45 นั่นไง ผมว่าแล้วว่าอาจมีคนเข้าใจผมผิด เพราะผมพิมพ์ไม่ค่อยเก่งอาจกำกวมไปนิด ที่บอกว่า คล้ายๆสหรัฐ คือ ความเป็นรัฐในแต่ละรัฐ มีการบริหารจัดการ แยกกว่าของไทย แม้แต้กฏหมายยังแตกต่างกัน ที่พูดไม่ได้ให้เอาอย่างเค้าน่ะ ยกตัวอย่างเฉยๆ ผมไม่ได้หมายความว่า ให้เพิ่มอำนาจแก่ผู้ว่าที่มีจากการแต่งตั้งน่ะครับ คือ ผมอยากจะสื่อว่า ให้แบ่งกันบริหารย่อยๆลงไปกว่าเดิมที่เป็นอยู่ ตัวอย่าเช่น ได้ คือ เรื่องมท1คุมหมดไม่ได้หมายความอย่างนั้นน่ะ แบบว่าผู้ว่าในไทยผมไม่ค่อยเห็นบทบาทที่เป็นรูปธรรมเท่าไหร่ แต่ก็น่ะ สส เลือกไปก็เท่านั้น สุดท้ายเค้าก็กลับไปหาพรรคแบบเดิม ตัวที่มีบทบาทก็ตั้งแต่ นายก ถึง รมต แค่นั้นจริงๆ ที่เหลือเป็นแค่ลูกหาบ แล้วจะให้ผมเชื่อมั่นมั้ยละครับในระบบแบบนี้ แต่ผมก็น้อมรับน่ะdemocracy เพราะยังได้เลือกได้บ้าง แต่ก็ดูตัวเลือกแต่ละตัวสิ เห็นแล้วก็ขำ อย่างกะตลกคาเฟ่ จริงๆ ใจผมไม่อยากให้มีพรรคการเมืองเลย เพราะผู้แทนเราไร้ความหมายจริงๆ การหยั่งเสียงในสภาแต่ละครั้งแบบจะไม่จำเป็น ขนาดตอนชูวิทไม่โวทให้ทักษิณ คนในพรรคยังออกมาด่าใหญ่ ผมอยากให้สส.ไม่สังกัดพรรค รมต.ก็ให้คนมาสมัคร เอาแบบรัฐวิสาหกิจ อาจจะไม่ให้/ให้ สส.เป็นรัฐมนตรีก็ได้ แล้วให้สส ลง มติแต่งตั้งรีีมตอีกที  ช่วงแรกอาจสรรหาไม่ทัน ก็อาจจะให้นายกแต่งตั้งมาก่อน แล้วหาให้ได้ภายใน60วัน การเมืองไทยน่าจะดีขึ้น ลดปัญหาเรื่องมุ้ง วัง ได้บ้าง พอดีกว่า นอกเรื่องไปเยอะแล้ว สรุปง่ายๆว่า ในความคิดของผม  การเมืองไทยมันต้องล้มกระดาน แล้วมาเล่นกันใหม่จริงๆ จากคุณ : Roninkung - [ 3 ธ.ค. 50 01:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอตอบ #39 บ้าง ตอบ 2 ครับ ยังไม่เชื่อมั่นในระบบ 1 ก็ด้วย แต่ต้องเริ่มที่ 2 ก่อน ที่จริงต้องเริ่มที่ความเข้าใจก่อนอีกครับ ที่ไม่เชื่อมั่นเพราะไม่เข้าใจ ขอพูดเหมือนเดิม คนไทยชอบตีความอะไรง่ายๆ แล้วก็เข้าใจผิด แล้วก็คิดว่ามันไม่ดี แล้วก็ไม่เชื่อมั่น สรุป เข้าใจ - เชื่อมั่น - ทำระบบให้ดีขึ้น จากคุณ : วัวน้อยกลอยใจ (cookiemonmon) - [ 3 ธ.ค. 50 01:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ^^^ แง้ว......ซะงั้น..คุณวัวก้อ... จากคุณ : ผึ้งน้อยกลอยใจ - [ 3 ธ.ค. 50 02:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 #40 ระบอบไหนก็ได้ ขอเพียงผู้นำมีคุณธรรม เห็นประโยชน์ประเทศชาติประชาชนมาก่อนประโยชน์ตัวเอง /พวกพ้อง ไม่เห็นด้วยด้วยครับ ปัญหาอยู่ที่ 1. เราจะหาผู้นำดีมาอย่างไร 2. ผู้นำดีไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า 3. ผู้นำดีบางทีตอนหลังก็เลวได้ 4. ประโยชน์ประชาชนมันนิยามยากครับ ประโยชน์ของกลุ่มหนึ่งอาจเป็นการเสียประโยชน์ของอีกกลุ่มหนึ่งครับ ทำอย่างไรให้คนที่เสียประโยชน์ได้รับความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความลำบาก ทำอย่างไรให้เขาออกมาป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ได้ มีคนไปทุบบ้านคุณสร้างโรงไฟฟ้าแต่ไม่เสียตังค์ให้ แต่ทั้งประเทศได้ประโยชน์ คุณยอมเสียสละมั้ยครับ ถ้าเป็นเผด็จการคุณจะมาร้องปาวๆให้ใครฟังได้มั้ยครับ ส่วนเรื่องผู้นำดีไม่ดีนี่นอกประเด็นครับ ถ้าจะมาถกกันว่าระบอบนี้น่าจะได้ผู้นำดีกว่าระบอบนี้ก็น่าถกครับ แต่จะมาบอกระบอบไหนก็ได้ขอให้ผู้นำดีมันไม่มีประเด็น เราต้องหาระบอบที่เราคิดว่าดีที่สุดก่อนมันเป็นกฎกติการที่เราจะเล่นกัน ผมขอเสนอระบอบที่เราจะหาผู้นำที่ดีต่อเนื่องได้และถ้าผู้นำเลวไล่ออกได้ พอได้ระบอบที่ดีแล้วเราค่อยมาหาผู้นำหานักการเมืองที่ดีอีกที เรากำลังถกกันเรื่องระบอบ เรื่องผู้นำนักการเมืองดีมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ระบอบไหนมันก็ต้องการผู้นำดีทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีใครไม่เห็นด้วยหรอก ไม่รู้จะนำเสนอทำไม จากคุณ : วัวไร้นาม (cookiemonmon) - [ 3 ธ.ค. 50 02:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อ่า... ต้องขอประทานโทษเป็นอย่างมากครับ วันหยุดไม่ได้เข้ามาอ่านเลย พอมาอ่านอีกที ตกใจ มีส่วนร่วมด้วยแต่ไม่ได้ตอบเลย คืออย่างนี้ครับ มันเป็นวิชาพื้นฐานของรัฐศาสตร์ว่าด้วยเรื่องทฤษฎีการเมือง ซึ่งเขาก็จะพูดถึงทุกระบบและระบอบเท่าที่มีในโลกนี้นะครับ ว่าด้วย ประวัติความเป็นมา ลักษณะ รูปแบบ ข้อดี ข้อจำกัด ซึ่งการที่พูดว่า การปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเหมาะกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการศึกษามาอย่างดี สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ มีรายได้ดี เพราะจะไม่เห็นกับเงินที่คนอื่นจ้างเพื่อลงคะแนนเสียง.. ก็เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ดังกล่าวนั่นเองครับ ถ้าถามผมๆ ก็คงต้องสารภาพจริงๆ ว่าจำไม่ได้ว่าเป็นหนังสือเล่มใดในตำราเรียนรัฐศาสตร์ครับ มันนานมากๆ เป็นสิบๆ ปีแล้ว เพียงแต่มันยังอยู่ในหัวเท่านั้นเองครับ ในมุมมองผม ผมมองว่ามันก็คือ การคิดแบบอุดมคตินั่นเองครับ มันแน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าคนทุกคนในรัฐ มีการศึกษาที่ดี มีความรู้ความเข้าใจที่ดีและถูกต้องในเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ก็จะทำให้ผลออกมาดี ส่วนระบบอื่นๆ จริงๆ ก็ยังมีอีกเยอะนะครับ และก็ได้มีการวิเคราะห์เอาไว้ด้วยครับ แต่ข้อสรุปหนึ่งที่ได้ก็คือ ประชาธิปไตยมีข้อดีกว่าระบบอื่นแน่ๆ ก็คือ ให้โอกาสหรือทางเลือกกับประชาชนได้เลือกครับ และมีโอกาสแก้ตัวถ้าเลือกไปไม่ดี คราวหน้าก็อย่าเลือก แต่ไอ้ประเภทไม่รู้จะเลือกอะไรดี เพราะดูแล้วไม่ค่อยจะมีดี อันนี้ก็ลำบากครับ...อิอิ..  (ไอ้อันนี้ล่ะครับ ตัวปัญหาหลักที่ทำให้คนเบื่อการเมือง...ทำลายประชาธิปไตยของแท้) สรุป 1. นักทฤษฎีเอง ก็แทบจะยอมรับกันแล้วครับว่า ควรเลิกหาว่า ระบบไหนดี    แต่เขาหันมาคิดว่าทำยังไงให้ประชาธิปไตยใช้ได้ผลดีที่สุด 2. ประชาธิปไตยดีกว่าระบบอื่นตรงที่มีโอกาสและทางเลือก โอกาสให้ทั้งคน    เลือกในฐานะผู้มีสิทธิ และโอกาสที่จะเข้าไปเป็นผู้บริหารรัฐก็ได้   3. มีระบบการปกครองแบบอื่นๆ ด้วย และใช้มาก่อนประชาธิปไตยอีก ง่ายๆ   ก็คือ การปกครองแบบเผด็จการ น่าจะเป็นแบบแรกในโลก คือตั้งแต่ยุค   หินมาเลย ใครแข็งแรง ลุกขึ้นมาแสดงบทบาทผู้นำคนอื่นก็จะกลายเป็นผู้   ตาม 4. ระบบใดที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน ก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้    ระบบกษัตริย์ในบางรัฐก็ดำรงอยู่ได้ ระบบเผด็จการในบางรัฐก็อยู่ได้    เผด็จการแอบแฝงบางรัฐก็อยู่ได้  คอมมิวนิสต์บางรัฐก็อยู่ได้    (หมายเหตุ การยอมรับด้วยความกลัวอำนาจปืน ก็ยังถือว่าเป็นการยอม    รับ แต่เป็นการยอมรับเทียม แบบจำยอม ไม่ได้เกิดจากการยอมรับที่แท้    จริง จึงอาจจะเกิดความไม่ยั่งยืน ต่อเนื่อง วันใดที่ไม่ถือปืนหรือลืมเอามา    ก็อาจจะพลาดท่าเสียทีได้) 5. เรื่องสิทธิกับอำนาจก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจครับ จริงๆ ทุกคนก็มีสิทธิคนละ 1 เสียงเท่ากันนั่นแหล่ะครับ แต่การที่เราจะพูดถึงอำนาจ โดยตามตัวอย่างดังกล่าว ผมก็ว่ามันอาจจะไม่เชิงว่าเป็นอำนาจ แต่น่าจะเป็นบทบาทและโอกาสในการมีส่วนร่วมทางการเมืองใช้คำว่าอย่างนี้จะครอบคลุมกว่าครับ คือ เรียกว่าคนบางคนหรือบางกลุ่ม มีโอกาสที่จะได้แสดงบทบาทที่มีส่วนร่วมในการเมือง เช่น การวิเคราะห์ วิจารณ์บ้านเมือง การปกครอง หรือมีส่วนในการหนุนหลังนักการเมือง เป็นต้น ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ขาดโอกาสที่จะได้แสดงบทบาท เพียงแต่ได้สิทธิที่จะลงคะแนนเท่านั้น 6. ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้มีระบบการปกครองอื่นนะครับ และก็ไม่คาดหวังว่าจะต้องให้ประชาชนมีความพร้อมก่อน เพราะมันยากที่จะทำยังงั้นได้ สหรัฐก็สู้เพื่อเป็นเอกราชและสร้างรูปแบบการปกครองของตัวเองก่อน โดยที่ไม่ต้องไปตั้งโรงเรียนสอนก่อนนะครับ ฝรั่งเศสหรือรัสเซีย อังกฤษก็ไม่ได้ตั้งโรงเรียนสอนก่อน ปัญหาอยู่ที่ ไอ้คนที่จะไปสอนประชาชนให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องนี่ละครับ ว่าเข้าใจถูกต้องหรือยัง คุณสอนให้คนกาชื่อให้ถูก หรือสอนให้เข้าใจให้ถูกว่าต้องกาชื่อให้ใคร เพราะอะไร จากคุณ : ciri - [ 3 ธ.ค. 50 11:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คำถามนี้ ถ้าไปถามห้องราชดำเนิน รับรองได้คำตอบมันส์ๆเยอะครับ จากคุณ : คุณก้อง - [ 3 ธ.ค. 50 11:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ไม่รู้ว่าในการเลือกตั้งที่ผ่านๆมาในอดีต มีการวิจัยหรือเปล่าว่าคะแนนเสียงที่ลงทั้งหมด มีคะแนนที่มาจากการซื้อเสียงคิดเป็นกี่% ของคะแนนทั้งหมดกัน มีการศึกษาในเรื่องนี้ไหม? จากคุณ : monkydlufy - [ 3 ธ.ค. 50 16:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คงยากนะครับที่จะทำวิจัยในแง่นี้ ถ้าตราบใดที่ยังระบุไม่ได้ชัดเจนว่า คะแนนใดเป็นคะแนนที่มาจากการซื้อเสียง (ใครจะไปยอมรับหนอ..ยิ่งเดี๋ยวนี้เป็นความผิดซะด้วย) จากคุณ : ciri - [ 3 ธ.ค. 50 17:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 53 หากรับเงินจาก 3 พรรคการเมือง  พรรคหนึ่งให้ 500  พรรคสองให้ 300  พรรคสามให้ 200   คนรับเงินเลือกพรรคที่ 3  และ สส.จากพรรคที่ 3 ได้รับเลือก   คุณ คห 51 ถือว่า คะแนนเสียงนี้เป็นอย่างไรครับ  อันนี้เป็นกรณีที่ 1 กรณีที่ 2   รับเงิน 2 พรรค  แต่เลือกพรรคที่ 3 ที่ไม่ได้ให้เงิน   คุณคิดว่า คะแนนเสียงนี้ จะจัดกลุ่มอยู่ในพวกไหนครับ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 3 ธ.ค. 50 18:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อคืนกำลังมึนไปกับปรากฏการณ์อุ้มทั้งคนทั้งกระทู้อยู่เลยยังไม่ได้ตอบคุณ ciri สักที ผมก็ยังคงไม่เห็นด้วยอยู่ดีครับคุณ ciri เพราะระบอบการเมืองต่างๆ ก็เป็นระบอบสากล คิดขึ้นเพื่อให้นำมาใช้ได้กับรัฐสากลที่มีทั้งคนรวยคนจน มีทั้งคนมีการศึกษาและคนไม่มี ไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่รัฐต่างๆมีพลเมืองมีการศึกษาและรายได้ดีแล้ว ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับประเทศเจริญแล้วอย่างเดียว ดังนั้นผมไม่เชื่อว่าจะมีการวัดความเหมาะสมของระบอบการเมืองด้วยเรื่องการศึกษาและรายได้ ถ้ามีน่าจะเป็นในทางตรงข้ามมากกว่าคือระบอบนี้จะช่วยให้คนมีการศึกษาและรายได้ดีกว่าระบอบนั้นหรือไม่อย่างไร ยังไงผมก็ขออนุญาตเห็นต่างกับคุณ ciri ต่อไปก็แล้วกันครับ เรื่องสิทธิกับอำนาจที่จริงก็มีกลไกอยู่นะครับ คือถ้า civil society (องค์กรเอกชน?) พวกกลุ่มความสนใจ กลุ่มแรงกดดัน ของเราเข้มแข็ง คนจนคนไม่มีการศึกษาก็มีพลังได้ และไม่ใช่แค่คนจนคนไม่มีการศึกษา คนรายได้ดีมีการศึกษาถ้าตกเป็นกลุ่มน้อยแล้วเสียประโยชน์ก็ตะเบ็งผ่านกลุ่มเหล่านี้ได้ แต่ทีนี้แทนที่เราจะทำ civil society ให้เข้มแข็ง เรากลับโดนโฆษณาชวนเชื่อจากรัฐบาลให้ไปทำลายองค์กรที่ขัดผลประโยชน์กับเราซะ เช่น NGO ก็โดนตราหน้าว่ารับเงินต่างชาติไปเสียแล้ว (ที่จริงรับเงินต่างชาติมันผิดตรงไหนหนอ) อีกกลไกหนึ่งก็คือสื่อ สื่อที่มีคุณภาพจะเลือกข่าวที่สร้างความตระหนักให้กับสังคม แต่สื่อเรานอกจากจะคุณภาพแย่แล้ว ยังอ่อนแอมาก สยบยอมให้กับเผด็จการ ทั้งเผด็จการรัฐสภาและเผด็จการทหาร เรื่องนายกเหมาซื้อสื่อเป็นเรื่องอันตราย แต่เรื่องนี้ต่อให้คนมีการศึกษาก็ไม่ตระหนัก ไม่เห็นมาต่อต้านเสียแต่ตอนนั้น ก็ได้แต่หวังว่าบทเรียนคราวนี้จะทำให้ชนชั้นมีอันจะกินเข้าใจความสำคัญกลไกต่างๆเหล่านี้มากขึ้น ผมคิดว่าเรื่องความเข้าใจกลไกต่างๆในการปกครองประชาธิปไตยคงไม่ต้องเอามาสอนกัน แต่ขอให้เรามีประชาธิปไตยใช้ก่อน ให้เราได้ฝึกใช้กลไกดังกล่าว ผมว่าเมืองไทยก็มีนักวิชาการและปัญญาชนมากพอที่จะมาช่วยนำทางประชาชนได้ ขอแค่ความอดทน ของที่ไม่เคยใช้ยังไงมันก็ต้องฝึกหัดกัน มันคงไม่ได้รวดเร็วทันใจแต่มันน่าจะแก้ปัญหาได้ยั่งยืนกว่า การใช้ปืนมาแก้ปัญหามันรวดเร็วทันใจแต่ผลมันจะจิรังหรือไม่อย่างไรตอนนี้เราก็กำลังจะได้เรียนรู้กันอยู่ ส่วนคนจนคนไม่มีการศึกษาคงไม่ต้องไปสอนอะไรเขาหรอกครับ เขาก็มีสิทธิตามธรรมชาติ และจากผลการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดผมเชื่อว่าเขารู้ว่าเขามีสิทธินี้ ใช้เป็น แล้วก็อยากใช้มันด้วย ถ้าหากชนชั้นมีอันจะกินยังคงดูถูกสิทธิของเขา กีดกันว่าเสียงเขาไม่มีคุณภาพไม่มีความชอบธรรมในการปกครอง เขาก็จะยิ่งอยากแสดงออกซึ่งพลังในทางตรงข้าม ก็จะยิ่งผลักเขาให้เข้าไปอยู่ในอ้อมอกอำนาจประชานิยม ตอนนี้ชนชั้นกลางได้แต่เฝ้าหวังให้พรรค พปช แพ้การเลือกตั้ง ถ้าไปถามชนชั้นกลางว่าพรรค พปช ชนะขึ้นมาและได้จัดตั้งรัฐบาลจริงๆจะทำยังไงก็ยังคิดไม่ออกกัน ที่จริงเราควรจะมองว่าเป็นโอกาสการดีที่จะให้คนมีอันจะกินซึ่งมีพลังทางสังคมมากกว่าได้ลองเป็นคนกลุ่มน้อยดูบ้าง และหัดใช้กลไกต่างๆในการปกป้องสิทธิของตัวเอง ถ้า พปช ขึ้นมาแก้กฎหมายเพื่อตัวเองก็ลองหัดค้านดูในกติกา จะออกมาเดินประท้วงก็ไม่ว่าแต่ขอผู้นำประท้วงที่มีสติและมีเจตนาบริสุทธิ ไม่ใช่คอยปลุกระดมให้เกลียดคนกลุ่มใหญ่แต่อย่างเดียว ให้ทำด้วยความรักคนไทยด้วยกัน แทนที่จะออกมาเกลียดน่าจะออกมาชี้ให้คนกลุ่มใหญ่เห็นว่าสิ่งต่างๆที่พรรคนั้นกำลังจำทำจะมีผลเสียกับคนกลุ่มใหญ่เองด้วยในระยะยาวอย่างไร ถ้าเอาแต่มองว่าเมิงโง่กูอธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ เมิงทำตามกูแล้วดีเอง อย่างนี้เขาจะอยากฟังหรือครับ เขาก็คงอยากฟังคำโฆษณาหวานๆจากประชานิยมมากกว่า ปัญหาประชาธิปไตยบ้านเราส่วนใหญ่อยู่ที่คนที่มีการศึกษาเสียมากกว่า เพราะมีอัตตาสูง คิดว่าตัวเองคิดถูกแล้วดีแล้วเพียงเพราะมีการศึกษาสูงกว่า ทั้งที่จริงคนที่มีการศึกษาเหล่านี้ก็ยังมักทำความเข้าใจกับอะไรแบบง่ายๆ ผิดๆ อยู่เสมอ ยังไม่สามารถอยู่เหนือผลประโยชน์ของตนเองได้ และมักหลงกับโฆษณาชวนเชื่อที่ตรงกับผลประโยชน์ตนเองเสมอ ที่สำคัญก็คงสอนกันไม่ได้ด้วยเพราะการมีอัตตาสูงนี่แหละ ผมว่าคนกลุ่มนี้ต่างหากที่จะต้องเรียนรู้เพราะมีความได้เปรียบทุกอย่าง และที่จริงหากกลุ่มนี้มีความเข้าใจในประชาธิปไตยก็จะช่วยชี้นำและทำเป็นตัวอย่างให้คนจนคนไม่มีการศึกษาได้ ขออย่างเดียวให้มองสิทธิคนให้เท่าเทียมให้ได้ก่อนเท่านั้น มองเขาเป็นพี่น้องคนไทยไม่ใช่เป็น "ไอ้พวกคนจนขายเสียง" อย่างที่สะท้อนจากประโยคที่คุณ xy ให้มา แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 50 06:01:48 จากคุณ : วัว (cookiemonmon) - [ 4 ธ.ค. 50 06:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าคุณ วัว (cookiemonmon) กำลังสื่ออะไรอยู่ คือผมจะอธิบายตรงนี้นิดว่า คงไม่ใช่ว่าเราเห็นต่างกันหรอกครับ เพียงแต่เป็นเรื่องของการสื่อสารเท่านั้น จริงๆ แล้ว ประโยคดังกล่าวก็เป็นการวิเคราะห์ ซึ่งก็เท่ากับความเห็นเหมือนกัน ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป ผมเองก็ไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยกับการดูถูกคนนะครับ และผมเองก็ยืนยันด้วยว่ามันควรจะจบเรื่องการถามหาระบบการปกครองที่ดีได้แล้ว หรือเราควรจะคำนึงถึงการทำให้สังคมของเราดีขึ้นด้วยระบบที่เรามีอยู่นี่แหละ แต่ควรจะเน้นเรื่องการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน การศึกษาของผมคือความหมายนี้ครับ เรื่องประชาธิปไตย เรื่องระบบการเลือกตั้ง สิทธิต่างๆ ให้ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องของการศึกษาตามปกติ (ซึ่งจริงๆ ก็อยากให้ปรับเยอะๆ เหมือนกัน) ให้คนเข้าใจให้ถูกต้อง แล้วให้เขาเลือกอย่างที่เขาคิดเขาอยากได้ ไม่ใช่การครอบงำ หรือโฆษณาชวนเชื่อผิดๆ ให้เขาเข้าใจผิดแล้วก็ออกไปใช้สิทธิ อย่างงี้ก็ยากที่จะพัฒนาให้ระบบมันเจริญก้าวหน้าไปได้ครับ เช่น ความนิยมที่จะเลือกคนที่พัฒนาให้เฉพาะท้องถิ่นตัวเอง อันนี้จริงๆ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกแต่เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากๆ และก็ได้ผลด้วย เพราะมันเห็นผลตอบแทนเป็นรูปธรรมกับคนที่เลือก แต่ก็อาจทำให้การของบประมาณเป็นไปเฉพาะเพื่อท้องที่ หรือชุมชนหลักของตัวเองมากกว่าภาพรวมของประเทศ เป็นต้น อยากให้เป็นอย่างนี้มากกว่าครับ จากคุณ : ciri - [ 4 ธ.ค. 50 17:38:43 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คงเป็นเรื่องการสื่อสารจริงๆครับคุณศิริ ผมอยากจะจบนะครับ แต่ไม่อยากให้เข้าใจผิด ดังนั้นผมจึงขอสื่อสารอีกที ผมคิดว่าคำพูดดังกล่าวจะถือว่าเป็นการวิเคราะห์ก็ได้ แต่เป็นการวิเคราะห์แบบชาวบ้านที่ไม่มีพื้นฐานทฤษฎีมารองรับทั้งยังสะท้อนถึงการดูถูกสิทธิตามธรรมชาติของคนรายได้น้อยไม่มีการศึกษาด้วย และไม่ส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจที่ดีในประชาธิปไตยแต่อย่างใด เกรงว่าที่คุณศิริไปบอกว่ามันเป็นการวิเคราะห์ทางวิชาการอย่างหนึ่งจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับคำพูดนั้น ทำให้เข้าใจผิดพูดกันต่อๆไป จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ไม่เคยคิดว่าคุณศิริเห็นด้วยกับการดูถูกคนจนครับ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 50 08:30:56 จากคุณ : วัวน้อยกลอยใจ (cookiemonmon) - [ วันพ่อแห่งชาติ 04:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เกลียดมากที่สุดคือคำว่า ประชาชนไทยยังไม่พร้อม คนไทยส่วนใหญ่ไม่ฉลาด ไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย วันหลัง(ปฏิวัติรอบหน้า)ให้ออกกฏหมายว่า คนจบ ดร เลือก สส กาครั้งหนึ่งได้ 2 แต้ม (double points) ส่วน ป 4 ไม่มีเส้น กาหนึ่งเสียงโดนหารสอง ส่วนกลุ่มสตรีสูงศักดิ์ที่ออกมาเย้วๆนั้น กาหนึ่งเสียง ได้ 4 แต้ม ด้วยค่าความสูงของผมตีตีโป่งพองกับลีลาการจีบปากจีบคออย่างมีจริตจกร้าน  อนึ่งกลุ่มนางคณิกาโสภิณีนั้น กาหนึ่งเสียงหาร 10 ด้วยว่ามีลีลาเฉพาะที่รโหฐานเท่านั้นมิอาจเปรียบเทียบกับหญิงบรรดาศักดิ์ได้ (แม้จะเป็นที่ปลื้มต่อบรรดาสามีของหญิงมีศักดิ์เหล่านั้นก็ตาม) เอ แต่ประชาธิปไตยนั้น จะเป็น เกอะ หลี่ หรือ ไอโซ กาแล้วได้เสียงเดียวเท่ากันนะจ๊ะ จากคุณ : นิรนาม (จปล) - [ วันพ่อแห่งชาติ 10:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เข้ามาอ่านค่ะ เป็นกระทู้ที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะแนวคิดวิเคราะห์ของท่านผู้ร่วมตอบกระทู้ จากคุณ : gg1234k - [ วันพ่อแห่งชาติ 11:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณทุกท่านที่มาตอบครับ จากคุณ : xy - [ 6 ธ.ค. 50 01:30:11 A:82.46.179.89 X: TicketID:153395 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ ความเห็น 57 ถูกต้องนะคร๊าบ จากคุณ : ลูกแม่โดม - [ 6 ธ.ค. 50 09:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คิดเล่นๆว่า เวลาเลือกตั้ง น่าจะให้เขียนเหตุผลในการเลือกด้วย จากคุณ : Redder ครับ - [ 6 ธ.ค. 50 16:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อุดมคติครับ ยืนยันเฉพาะประโยคนี้ "การปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเหมาะกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการศึกษามาอย่างดี" แต่เราก็สามารถที่จะพัฒนาคนของเราให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องได้ครับ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องห่วง ผมเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องของการสื่อสารและดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกคนครับ จากคุณ : ciri - [ 6 ธ.ค. 50 20:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 63 61 น่าสนใจ  นานา เหตุผลต่าง ๆ ของการเลือก มี   ช่องให้กาเลือกเพราะ อะไร น่าจะ " ดูดี " มีเหตุผล โดยเฉพาะ ต่อการทำ วิจัย ที่ไม่ใช่ เพราะ อารมณ์ หรือ เหตุจูงใจ อื่น มาอ่านกระทู้นี้ อีกทีแล้วก็น่าสนใจดีค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 8 ธ.ค. 50 05:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ประเทศเป็นของ ปชช ทุกคน ปชชเลือกใคร เลือกนโยบายใด ก็ควรจะเป็นไปตามเจตนารมย์ ไม่ใช่คนที่อ้างตัวว่าดี ว่ามีความซื่อสัตย์ รักชาติ (ทั้งที่จริงๆมีหลักฐานมารับรองไหม) มากราดด่าว่า คนไทยส่วนใหญ่โง่ เลือกคนไม่ดีมา ประเทศจะล่มจม แล้วก็กลับสู่วงจรอุบาทว์ปฏิวัติกันอีก คนสมัยนี้น่ะ ไม่โง่แล้ว คนไทยอ่านออกเขียนได้เกือบ 100% ไม่ใช่คนป่าซาไก ที่เขาเลือกเพราะเขาคิดว่าคนนั้นมันดีสำหรับเขา ใครจะหลอกใคร มันอยู่ที่มุมมองมากกว่า ไม่ใช่ฝ่ายตนเสียอำนาจ หรือ ไม่ปลื้มอีกฝ่าย ก็ออกมาปฏิวัติ อ้างว่า ช้าไปไม่ทันการ  รัฐบาลเขาเปลี่ยนกันที่รัฐสภา ไม่ใช่เปลี่ยนกันกลางถนน เหมือนประเทศเหลือขอ ประเทศอุบาทว์ รัฐบาลดี หรือ ไม่ดี ปชช ต้องเป็นผู้ตัดสิน หากท่านคิดว่าเพื่อนร่วมชาติโง่ ไร้ความคิด ก็เปลี่ยนสัญชาติไปอยู่ประเทศที่ท่านคิดว่าฉลาดเสีย จากคุณ : นิรนาม (จปล) - [ 8 ธ.ค. 50 09:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 65 กระทู้นี้ถึงจะอ่านแล้วเครียดแต่ก็ได้เปิดมุมมองดีครับ ป.ล. ขอบคุณ จขทก และผู้ลงความเห็นทุกท่านครับ จากคุณ : เตียวกงจื้อ - [ 13 ธ.ค. 50 13:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 66 "การปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเหมาะกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษามาอย่างดี สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ มีรายได้ดี เพราะจะไม่เห็นกับเงินที่คนอื่นจ้าง เพื่อลงคะแนนเสียง " ประโยคดังกล่าว อาจต้องปรับปรุงแก้ไขอีกสักนิดหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนชั้น(มากไปกว่านี้) ตามความเห็นส่วนตัวแล้ว คิดว่าประชาธิปไตยเหมาะที่สุดกับประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่รู้จักใช้กระบวนการทางความคิดอย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาสูงจากรั้วมหาวิทยาลัย ไม่ได้บ่งชี้ว่าความคิดจะมีประสิทธิภาพ ประชาชนคนแรก จบปริญญาเอก สร้างยานอวกาศได้ แต่ไม่สนใจเรื่องการเมืองเท่าไรนัก รู้บ้างเป็นบางส่วน ประชาชนคนที่สอง จบ ป.6 เพราะไม่มีโอกาสเรียนต่อด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ....แต่ก็ศึกษาสนใจการเมืองมาตลอด เพราะเห็นว่าเกี่ยวพันกับชีวิตของตน รับข้อมูลจากทุกฝ่ายโดยปราศจากอคติ ประชาชนคนที่สองน่าจะมีความคิด(ด้านการเมือง การปกครอง)ได้ดีกว่า หรืออย่างน้อยก็เท่ากับประชาชนคนแรกใช่หรือไม่ ? ความคิด ไม่ใช่แปรผันตามระดับชั้นการศึกษา ความคิดแปรผันตามข้อมูลในเรื่องที่เราจะตัดสินใจว่ามีมากน้อยเพียงใด+วิจารณญาณของตนอีกส่วนหนึ่ง เพียงแต่ผู้มีการศึกษาดีนั้น ย่อมมีโอกาสจะขัดเกลาทางความคิดมากกว่าบุคคลที่ขาดโอกาสในการศึกษาใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงมีหลายคน มองแบบเหมารวมไปว่า ผู้มีการศึกษาน่าจะมีความคิดเห็นที่ดีกว่าบุคคลที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นมีสนามประสบการณ์ให้ขัดเกลาความคิดอยู่บ่อยๆนั่นเอง ส่วนที่คนชอบด่าคนไทยด้วยกันว่าโง่ เลือกคนไม่ดีมาปกครองนั้น เหตุคงสืบเนื่องมาจากการใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เป็นผลให้ขาดความยับยั้งชั่งใจในการคัดกรองคำพูด เชื่อว่าความหมายที่แท้ของเขาคือ คนไทยยังไม่ตื่นตัวทางการเมือง(ไม่แสวงหาความรู้ทางการเมือง)อย่างเต็มที่นั่นเอง เข้ามาแก้ไขเพิ่มเติมอีกสักนิด คนมีรายได้ดี ก็ไม่แน่ว่าจะไม่สนใจเงินที่ให้สำหรับซื้อเสียง บางทีอาจส่งผลร้ายกว่า จำนวนเม็ดเงินที่ต้องให้สำหรับซื้อเสียงประชาชนแต่ละคนต้องเพิ่มขึ้น  และเมื่อลงทุนไปมาก ก็จำที่จะต้องถอนทุนให้มากตาม เพื่อที่จได้กำไรตามที่ต้องการ สุดท้ายคนรับเคราะห์ก็คือประชาชนที่ได้เศษเงินเพียงเล็กน้อยที่รัฐบาลซึ่งกระทำทุจริตเจียดแบ่งให้(ทั้งจากการซื้อเสียง และจากนโยบายที่ทำทีเป็นเอื้อประโยชน์ต่อสาธารณชน) เพื่อเป็นฐานในการหาทุนครั้งต่อไปในวาระการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งหมดคือความเห็นส่วนบุคคล พร้อมเปิดรับฟังทุกความคิดเห็น ขอบคุณ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 17:31:49 จากคุณ : Sanquis (Mr.Crimson) - [ 17 ธ.ค. 50 17:27:12 ]