ความคิดเห็นที่ 1 จะทอผ้าหรือขายผ้าก็คงไม่ต่างกัน เรื่องของเรื่องน่าจะอยู่ที่การประเมินราคา หรือ คุณค่า ของผ้านะคะ ผ้านั้นดูไม่ยาก สัมผัสจับต้องแล้วรู้สึกได้ทันทีไม่เหมือนงานฝีมือชิ้นอื่นกระมัง ว่าไปตามเนื้อผ้าก็คือ เห็นแล้ว จับต้องแล้ว รู้สึกอย่างไร ว่าไปตามนั้น เดาค่ะ :) จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 4 ธ.ค. 50 10:16:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เนื้อผ้านั้น ตีราคากันที่เนื้อหยาบเนื้อละเอียด เมื่อพิจารณาโดยเพ่งมองจ้องจับ  เนื้อที่ไม่แน่นก็มีรูโหว่หรือช่องโหว่ เป็นเหตุนำให้มีการติติงต่อรอง เหมือนความที่เล่า   เมื่อซักไซ้ก็จะเห็นได้ว่าไม่สมจริง  ไม่แน่น มีช่องโหว่  เป็นเท็จ ที่กล่าวมาก็เป็นการสันนิษฐานตามรอยคุณ AntiSpam นึกไปถึงสี่แผ่นดินตอนช้อยชวนพลอยไปดูผ้า  และตอนคุณสายทำทรูโซให้พลอย พาลนึกไปถึงประวัติเศรษฐีนีท่านหนึ่งที่นำผ้าไปขายในวังโดยมากก็เป็นผ้าลาย  ให้บ่าวแบกกองผ้าเดินตาม ท่านช่างหาตลาดได้ดีเหลือเกิน จากคุณ : แสนอักษร - [ 4 ธ.ค. 50 13:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นคำตอบอันชาญฉลาด น่าอ่านคะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 8 ธ.ค. 50 03:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดิมตราบจนปัจจุบัน สินค้าที่มีค่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ็คือเครื่องนุ่งห่ม อดีต ก็เรียกว่าผ้าไหม แพร พรรณ ปัจจุบัน ก็อาจเรียก ผ้านาโน ผ้ากันกระสุน ผ้ากันรังสี ฯลฯ เส้นทางการค้าขายในอดีต ยังมีเรียกว่าเป็นเส้นทางสายไหม เลย อีกทั้งเวลาที่ใครมีความดี ความชอบ ยังได้รับพระราชทาน ผ้าแพร เป็นพับๆ ด้วย ดังนั้น เนื้อผ้าจึงบ่งบอกคุณค่าของผ้าและการใช้งานได้เป็นอย่างดี จึงมีการเปรียบเปรยว่ากันไปตามเนื้อผ้า จากคุณ : จ.ท่าพระ - [ 8 ธ.ค. 50 17:10:24 ]