เพื่อเป็นการแบ่งปันให้กับเพื่อนๆทุกท่านและเป็นการย่อยความคิดที่ได้รับจากการอ่านหนังสือของตัวเอง ผมจึงคิดว่าน่าจะเริ่มแบ่งปันข้อคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือให้กับทุกคน โดยมีความเชื่อส่วนตัวว่าสิ่งที่แบ่งปันไปน่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ก็เลยคิดว่าคงจะเริ่มจากหนังสือ The 8th HABIT (อุปนิสัยที่8) เป็นเรื่องแรก หากเพื่อนๆมีข้อคิดเห็นประการใดเกี่ยวกับบทความหรือมีความคิดเห็นแตกต่าง สามารถเมล์มาพูดคุยกันได้นะครับ ว่าแล้วเราก็เริ่มกันเลยดีกว่าครับ
เริ่มต้นบทที่1 ก็เริ่มหดหู่กันเลยครับ เพราะผู้เขียนได้ยกประโยคคำพูดของคนที่หงุดหงิด สิ้นหวัง มาเป็นตัวเริ่มของข้อเขียน เราอ่านไปพร้อมกันเลยครับ
ผมถึงทางตันแล้ว หมดหนทางก้าวหน้า
บางที่ฉันอาจขาดคุณสมบัติที่จำเป็น
ผมรู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจ
ฉันถูกนายจ้างคุมแจตลอดเลย อึดอัดจริงๆ
ฉันทั้งโกรธ ทั้งกลัว แต่จะให้ยอมตกงาน คงทำไม่ได้หรอก
ฯลฯ (และอีกมากที่พิมพ์ไม่ไหว)
นี่เป็นคำที่ใช้เริ่มต้นบทแรกในหนังสือเรื่องอุปนิสัยที่ 8 เป็นการเริ่มเรื่องที่กล่าวถึงชีวิตที่ถูกวงจรของงานประจำ ความซ้ำซากจำเจเข้าครอบงำ ความรู้สึกที่ไม่ได้ถูกปลดปล่อยหรือไม่ได้ถูกอนุญาตให้ทำงานสมศักยภาพของตัวเอง ซึ่งคงเป็นการเริ่มต้นที่โดยใจคนหลายๆคนแน่ๆครับ ผมยังมีอารมณ์ร่วมไปด้วยเลย เพราะว่าก็มีบางช่วงที่อารมณ์เตลิดเปิดเปิงพาไปให้คิดได้แบบข้อความที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้เหมือนกัน หลังจากอารัมภบทแล้วผู้เขียนได้พูดถึงประสบการณ์ในการสัมมนาที่ตนเองเป็นผู้จัด โดยได้มีโอกาสถามผู้ร่วมสัมมนาว่า
เห็นด้วยหรือไม่ว่าคนในองค์กรของเขามีความสามารถ สติปัญญา สมรรถภาพและความคิดสร้างสรรค์สูงกว่างานที่ทำอยู่แต่ไม่ได้ถูกเปิดโอกาสให้ใช้
ผลปรากฏว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับผู้เขียน นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้พูดถึงแบบสอบถาม xQ (Execution Quotient ความสามารถในการปฏิบัติงาน) ซึ่งมีผลสรุปที่น่าสนใจเช่น มีเพียงร้อยละ 37 เท่านั้นที่บอกว่าเข้าใจสาเหตุและเป้าหมายขององค์กรว่ากำลังทำอะไร ซึ่งผู้เขียนได้ให้ข้อคิดจากแบบสอบถาม xQ ไว้อย่างน่าฟังว่า
หากเปรียบเป็นทีมฟุตบอลตามสัดส่วนข้างต้น (ข้อมูลสรุปแบบสอบถาม xQ) เราจะพบว่ามีเพียงสื่คนจากสิบเอ็ดคนในสนามเท่านั้นที่รู้ว่าเป้าหมายของตนเองคืออะไร จะมีสองคนเท่านั้นที่สนใจและรู้ว่าตัวเองเล่นตำแหน่งอะไร และคนที่เหลืออีก 9 คนกำลังสร้างความสับสนและขัดขวางการเล่นของสองคนนั้น แทนที่จะแข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม โอ้ T_T จริงหรือนี่ช่างน่าเศร้านัก
หลังจากการยกตัวอย่างดังกล่าว ผู้เขียนได้เริ่มพรรณาถึงเหตุผลของการที่จำเป็นที่ต้องมีอุปนิสัยที่8 ว่าเหตุผลใดที่จำเป็นต้องมีซึ่งผมจะไม่กล่าวถึงในรายละเอียด แต่โดยส่วนตัวสรุปเอาง่ายๆเอาเองว่า
หากเรานึกภาพของวงล้อของเกวียนเราจะพบว่าจริงๆแล้ว The 7th HABIT เป็นการกล่าวถึงซี่ล้อต่างๆที่ขับเคลื่อนให้ล้อเคลื่อนไป โดยมี The 8th HABIT ทำหน้าที่เป็นดุมล้อที่กำกับซี่ล้อทั้งหมด หากไม่มีดุมล้อซี่ล้อก็จะไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ ทั้งสองต้องทำงานไปควบคู่กัน โดยน้ำหนักความสำคัญจะอยู่ที่ดุมล้อเป็นหลักที่คอยกำกับให้ซี่ล้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยความรู้สึกส่วนตัว The 7th เป็นอะไรที่มีความเป็นรูปธรรมที่อธิบายเป็นหลักปฏิบัติที่ง่ายกว่า ส่วน The 8th HABIT จะมีความเป็นรูปธรรมที่น้อยกว่ายากต่อการอธิบาย ซึ่งหากจะสามารถสร้างความเข้าใจขึ้นมาได้อ่านจะต้องอ่านสักหลายรอบหน่อย (ToT เหนื่อยแน่ตู)
หากจะให้สรุปในแบบของผมเอาเองผมจะให้คำแทน The 8th HABIT ว่า INSPIRATION ครับ
สำหรับเริ่มต้นไว้แค่นี้ก่อนนะครับ หากมีคำแนะนำและข้อคิดเห็นสามารถเมล์มาพูดคุยกันได้ครับ
จากคุณ :
หงส์ร่อนมังกรรำ
- [
11 ธ.ค. 50 18:23:15
]