ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เห็นด้วยอย่างเเรงครับ  อย่างที่ จขกท บอกมา เราจะเอาอะไรมาวัดค่าความดี เเล้วไอ้คะเเนนความดีเนี่ยมันจะยุติธรรมจริงหรือ  คนเรามีอคติกันทุกคน พ่อเเม่บางคนยังรักลูกไม่เท่ากัน  เเล้วคุณครูจะรักลูกศิษย์เท่ากันก็เป็นไปไม่ได้ เเล้วเด็กมัธยมก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เดียงสา  โกงข้อสอบยังทำได้  โกงสายตาอาจารย์ทำไมจะทำไม่ได้ ยิ่งคิดยิ่งเซ็งกับเมืองไทยยุคศีลธรรมสูงปรี๊ด จากคุณ : kuhonbutsu - [ 16 ธ.ค. 50 07:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอ่อ...เขาเอาจริงใช่ไหมเนี่ย ขอดูแนวทางที่ใช้ในการวัดก่อนละกันค่ะ ถ้าเขาทำออกมาได้ยุติธรรม ตรงไปตรงมาจริงๆ ก็โอเค แต่ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน ว่าวัดยังไงดี จากคุณ : dittaya - [ 16 ธ.ค. 50 11:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะกลายเป็นการสอนเด็กทางอ้อม ให้ทำดีเพื่อหวังสิ่งตอบแทน จากคุณ : เอวัง - [ 16 ธ.ค. 50 12:48:58 A:58.64.89.33 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเห็นด้วยกับ จขกท. ครับ........ไม่รู้ว่าคนคิดคิดมาได้ยังไง ป.ล. เสนอให้โหวตกระทู้นี้ด้วยครับ จากคุณ : พะยูนบิน (เรียกข้าว่าพะยูน) - [ 16 ธ.ค. 50 13:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คะเเนน ''ความดี'' เขาวัดกันยังไงครับ ปิดทองหลังพระ ประเสริฐกว่า ผักชีโรยหน้า ทำดีเอาหน้านะครับ จากคุณ : จันทร์กุมลัคนา - [ 16 ธ.ค. 50 14:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ประเทศจะมีกิจกรรมความดีเพื่อสังคมเพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ด เงินบริจาค เงินสมทบทุนโครงการสาธารณะประโยชน์ทั้งหลายท่วมท้นแน่นอน แต่ถึงแม้จะอย่างนั้น บุคคลที่จะจบมาเป็นกำลังสำคัญภายในประเทศ ทำดีเอาหน้า ประจบประแจง จะซอกซอนอยู่ทุกมุมในสังคม ทุกวิชาชีพ ทั่วประเทศ แล้วก็...เฟะ อ่านข่าว เห็นว่าจะใช้คะแนนความดี สำหรับคนที่ทำกิจกรรมเยอะก็จะได้เข้ามหาวิทยาลัย คนทำความดี ไม่ได้มีแค่ช่วยเหลือกิจกรรม เพื่อนผมไม่ทำกิจกรรมเลย แต่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างเพื่อน แสดงมุฑิตาจิตด้วยความจริงใจต่อมิตรสหาย มีความกตัญญู ซึ่งมันวัดประเมิณคะแนนไม่ได้ และมันเปรียบเทียบยาก การประเมิณบุคคลเข้ารับการศึกษาควรจะใช้คะแนนการวัดผลเป็นสำคัญ เพราะมันสามารถแสดงถึงความมีระเบียบวินัย ความพร้อม ว่าเพียงพอที่จะเป็นบุคคลผู้ผ่านการคัดเลือกหรือไม่ การศึกษาต้องใช้ส่วนนี้มากกว่าใช้ความดี รัฐบาลก็ลงทุนรายหัวไปเยอะ (ตราบใดที่ยังไม่ออกนอกระบบ) ควรจะได้บุคคลที่มีศักยภาพเพียงพอจะ"เรียน" เพราะถึงเวลาเข้ามหาวิทยาลัยแล้วหน้าที่หลักคือ"เรียน" จากคุณ : อัมมาลย์ - [ 16 ธ.ค. 50 14:18:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยกับทุก คห ผมก็เข้าไปด่าตั้งแต่ อ.วันชัย เสนอความคิดแบบนี้ออกมาแล้วว่าห่วยแตก สอนให้เด็ก Fake :-) ไม่ยุติธรรม ฯลฯ ช่วงที่มีการเสนอความคิดโง่ๆนี้เป็นครั้งแรกก็มีคนด่ามากมายทั้งเด็ก น.ร. และผู้ใหญ่ที่เล่นเน็ต แต่พวกผู้บริหารคงไม่เคยสนใจเข้ามาอ่าน คิดว่าความคิดโง่ๆนี่เจ๋ง แล้วก็เอามาใช้ นับเป็นเคราะห์กรรมของเด็กรุ่นนี้จริงๆ แต่คงทำได้แค่ 2-3 ปี เพราะเดี๋ยวพอได้เด็กห่วยๆ ไร้คุณภาพ จากวิธีนี้เข้าไปเรียนในมหาลัยจนโดนรีไทร์ออกเกือบหมด แต่เด็กมีคุณภาพ ศักยภาพต้องไปเรียนราม ม.เอกชน พวกผู้ใหญ่โง่ๆเหล่านี้ก็คงโดนด่ากับหมด โดยเฉพาะ อ.วันชัย คงต้องลาออกไป เลี้ยงควายอยู่บ้านนอก ไม่มีหน้ามาเป็รน อ.อีกต่อไป จากคุณ : mirror man - [ 16 ธ.ค. 50 15:33:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 น่ากลุ้มแทนเด็ก ที่ผู้บริหารต่างๆที่จัดการด้านการศึกษาบริโภคเซลลูโลสเป็นอาหารหลักเพียงอย่างเดียว จนทำให้ไม่มีโปรตีนไปบำรุงสมองจนใช้ไขสันหลังคิดสิ่งโง่ๆ ความดีจอมปลอมโง่ๆขึ้นมาใช้ ซึ่งคงทำลายชีวิตเด็กที่มีคุณภาพไปจำนวนนับไม่ถ้วน ปล่อยเด็กโง่เข้าไปใน ม.มากมาย สักพักก็ ต้องโดนไล่ออก น่าเสียดายเงินภาษีอากรของชาวบ้านที่ถูกนำมาผลาญไปโง่ๆอย่างเปล่าประโยชน์ ใครจะไปประท้วงก็ระวัง อ.วันชัยขวิดด้วยก็แล้วกันช่วงนี้เขาแกยาวเป็นพิเศษซะด้วยเนื่องจากได้รับ การบำรุงจากเซลลูโลสปริมาณมาก จากคุณ : mirror man - [ 16 ธ.ค. 50 15:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นี่ คะแนนความดีจะได้จาก... " 1.กิจกรรมที่นักเรียนได้สัมผัสกับสังคมภายนอก 2.กิจกรรมการเสียสละ เช่น การบริจาคโลหิต 3.ความกตัญญูกตเวที ดูแลบุพการี และ 4.การปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งจะแบ่งการประเมินเป็น 5 ระดับคุณภาพ ได้แก่ ระดับ 1 กิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ระดับ 2 เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ระดับ 3 เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ระดับ 4 เป็นประโยชน์ต่อชุมชน และ 5.เป็นประโยชน์ต่อชาติ เพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันในปีการศึกษา 2551 " อืม รุ่นที่สอบปีการศึกษา2554(ม.3ปีนี้ ก็คือรุ่นถัดจากผม) โคตรซวย ใช้5% แล้วดูกิจกรรมแต่ละอัน มันผักชีทั้งนั้น ต่อไปผักชีจะเต็มบ้านเต็มเมือง เหมือนของไร้ราคาเลยครับ " ได้ตั้งคณะทำงานจัดทำแนวปฏิบัติเรื่องการประเมินคุณธรรมความดี เพื่อจัดทำเป็นระเบียนการทำความดี สำหรับเป็นเอกสารควบคู่ใบแสดงผลการเรียนให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ " มาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ...คืออุปกรณ์สื่อการสอนที่เป็นรูปธรรมยังทำให้เท่าเทียมกันทั่วประเทศไม่ได้ ประสาอะไรกับความดีซึ่งเป็นนามอรรม จับต้องไม่ได้กันล่ะเนี่ย กลุ้มแทนน้องๆ จากคุณ : อัมมาลย์ - [ 16 ธ.ค. 50 16:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คิดโง่ๆ มิน่า บ้านเมืองไม่พัฒนา ถอยหลังเข้าคลองแสนแสบ อะไรคือ ปชต อะไรคือเผด็จการยังแยกไม่ออก มิต้องพูดถึง ความดี เพราะเป็นนามธรรม ต่อไป เราจะเห็น ลูกท่านหลานเธอ ใช้ความดี(ที่หาซื้อได้ทั่วไปตาม 7-11) มาใช้เป็นใบเบิกทาง คนจนทำความดีได้น้อยกว่า เพราะเรายังไม่ทราบว่า นิยามความดี ในมุมมองของคนเหล่านี้ คืออะไร? ความดีแบบที่พูดเช้า เย็น วันหยุดเพิ่มรอบเช้า แต่ขอโทษพอเจาะลึกจะเห็น ความชั่วซุกใต้พรมเพียบ ใครๆ ก็พูดถึงความดีกันได้ เหมือนพูดว่า สวัสดี ผมรักคุณ ฯลฯ ความดีอาจนำไปสู่ "เส้นสาย" ควรจะเรียกว่า "คะแนนความประพฤติจะถูกต้องกว่า" สังคมที่บริจาคเงินมากๆ แล้วได้เป็นคุณหญิงคุณนายนั้น คนรวยจะกลายเป็นคนดีหมด จากคุณ : มาแว้วววว - [ 16 ธ.ค. 50 16:09:49 A:58.8.168.144 X:203.144.143.8 TicketID:155571 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เพ้อเจ้ออีกแล้วครับ จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy - [ 16 ธ.ค. 50 17:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่รู้ใช้อวัยวะส่วนไหนคิด ไม่ฉลาดเลย จากคุณ : 100 สตางค์ - [ 16 ธ.ค. 50 21:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ควรด้วยประการทั้งปวง จากคุณ : atihasita - [ 16 ธ.ค. 50 22:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกความเห็นครับ ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยและเป็นห่วงอนาคตของชาติเช่นเดียวกัน ผมพอมีเวลาหาว่ามีที่ใดแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้วบ้าง ก็ไปพบกับอีกกระทู้ครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5949754/X5949754.html ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน จะมีบ้างที่บางท่านยังอยากรอดูวิธีปฏิบัติเสียก่อน ซึ่งเท่าที่อ่านพบก็น่าจะเหมือนอย่างที่คห.9 เขียนไว้นั่นแหละครับ อ่านแนวทางปฏิบัติแล้วก็ดูมีหลักการและเจตนาดี แต่ปัญหาที่เกิดในสังคมไทยทุกระดับนั้น ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดเพราะกฏระเบียบไม่ดีหรอกครับ แต่เป็นเพราะวิธีการปฏิบัติต่างหากที่เป็นปัญหา สังคมไทยนั้นเก่งอยู่แล้วเรื่องการแหกกฏ เรื่องใดที่เห็นว่าเล็กน้อยก็มักเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กันเสีย หรือมักจะใช้วิธีอลุ้มอล่วยกัน โดยให้ผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโสเป็นผู้ตัดสิน (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าข้างผู้ที่ท่านรักใคร่เอ็นดูนั่นแหละ) โดยไม่ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบแม้แต่น้อย เรื่องแบบนี้ไม่ต้องเขียนไว้ในตำรา แต่เด็กจะเข้าใจได้เองและค่อย ๆ ถูกหล่อหลอมพฤติกรรม ลองยกตัวอย่างดูนะครับ สมมติเด็กสองคนตีกัน คนที่ถูกรังแกฮึดสู้ ต่อยจนคนที่มารังแกเลือดออก ครูเข้ามาเห็น ถ้าท่านเป็นครูและไม่เห็นเหตุการณ์มาแต่ต้น ท่านจะทำอย่างไร และท่านจะสอนเด็กอย่างไรครับ? - การฮึดสู้และต่อยคืนไปนั้น ไม่ถูกต้อง? เพราะเป็นการใช้ความรุนแรง - หรือท่านจะตัดสินโดยดูว่าใครเจ็บกว่าใคร? - หรือท่านจะดูจากความประพฤติเดิม และดูว่าใครน่าเชื่อกว่าใคร? - หรือท่านจะบอกให้ทั้งสองคนยอม ๆ กันไป (ไม่มีใครผิดและไม่มีใครถูก) - หรือท่านจะลงโทษทั้งคู่ ลองคิดดูครับ ว่าสังคมที่ท่านอยู่นั้นเป็นอย่างใด ท่านว่าโรงเรียนที่บุตรหลานท่านอยู่นั้นจะตัดสินอย่างไร และท่านคิดว่าโรงเรียนจะให้คะแนนว่าใครดีกว่าใครกัน!?!! ลองอีกตัวอย่างไหมครับ ถ้าจะให้มีเกณฑ์ความดีนั้นชัดเจน ท่านคิดว่าการทำรัฐประหารนั้น ไม่ว่าจะด้วยเจตนาใดก็ตาม ท่านถือว่าเป็นความดีหรือไม่ เป็นความดีแบบใด และเป็นความดีระดับใดใน 5 ระดับคุณภาพ และท่านคิดว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศเห็นว่าเป็นความดีหรือไม่ แล้วลองสมมติเปรียบเทียบกับอีกตัวอย่างนะครับ ท่านว่าเด็กที่รวมตัวกันชุมนุมประท้วงขับไล่ผู้บริหารสถานศึกษานั้น ท่านจะให้คะแนนความดีกับพวกเขาเหล่านั้นอย่างไร ลองคิดดูครับ แล้วท่านยังอยากให้ใช้คะแนนความดีกันอยู่อีกหรือไม่ หรือจะต้องให้มีการรวมตัวกันลงชื่อแสดงความเห็นคัดค้าน ท่านจึงจะยอมพิจารณาเรื่องนี้เสียใหม่? ถ้าอย่างนั้นเพื่อประโยชน์ของอนาคตของชาติแล้ว เราเริ่มกันคัดค้านกันที่นี่เลยจะดีไหม หรือท่านใดในพันธ์ทิพย์มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ ขอเชิญแสดงความเห็นได้เลยครับ จากคุณ : ปิดทองหลังพระ - [ 16 ธ.ค. 50 23:47:50 A:202.91.19.206 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 น่าจะมีการตั้งเวบขึ้นมาเพื่อลงชื่อคัดค้านให้ได้เยอะแล้วส่งไปใช้ผู้บริหารดูน่าจะดีนะครับ จากคุณ : mirror man - [ 17 ธ.ค. 50 08:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆ ความคิดที่จะส่งเสริมให้เด็กทำความดี เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่การนำมาบังคับใช้ถึงขนาดมาเกี่ยวข้องกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย มันเกินไป และเป็นการยากที่จะตัดสินโดยยุติธรรมด้วยอย่างที่หลายๆ คห ว่า เพราะความดีเป็น "นามธรรม" ที่ยากจะแปรออกมาเป็นคะแนนที่เป็น "รูปธรรม" ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เอาง่ายๆ แค่ว่า คนตัดสิน "รู้" เบื้องลึกเบื้องหลังของการกระทำของเด็กคนนั้นแค่ไหน สมมติ เด็กคนหนึ่งชอบมาโรงเรียนสายและหลับในห้องเรียนบ่อยๆ ครูทั่วไปที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องก็อาจจะบอกว่าเด็กคนนี้ "ไม่ดี" แต่ถ้าครูบางคนเผอิญไปเห็นว่าเด็กคนนั้นต้องงช่วยพ่อแม่ขายก๋วยเตี๋ยวในตลาดโต้รุ่งจนดึกดื่นกว่าจะได้กลับบ้าน ก็อาจจะมองต่างไปอีกมุมก็ได้ และในที่สุดเราว่ามันจะนำไปสู่การ "ปั่นความดี" เหมือนกับการ "ปั่นเกรด" ของโรงเรียน เพื่อหวังผลในการเข้ามหาวิทยาลัยอย่างที่ผ่านๆ มา แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่จะทำ จากคุณ : เกียรตินำ - [ 17 ธ.ค. 50 13:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเห็นด้วยกับทุกๆท่านครับ และชอบมากที่เจ้าของกระทู้บอกว่าการตัดสินนั้นเป็นทัศนคติของผู้ให้คะแนนซึ่งมีอคติ ขออนุญาตหยาบคาย พอผมได้ยินข่าวนี้ ความรู้สึกแรกเลย อยากเอาเท้าลูบหน้าคน แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:05:26 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 50 16:04:19 จากคุณ : วิโรจน์ (tisase) - [ 17 ธ.ค. 50 15:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดีใจด้วยครับที่เห็นว่าคำแนะนำของผมมีประโยชน์อยู่บ้าง เลยนึกอยากเล่าเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยเจอมาในชีวิตจริงให้ฟังกันเล่น พอขำๆ นะครับ คุณว่าคนไทยกับฝรั่งเจ้าของภาษา ใครแม่นการสะกดคำภาษาอังกฤษกว่ากันเอ่ย เอ้าลองฟังเรื่องนี้ดูครับ ยังจำได้นะครับ ผมโชคดีได้เรียนกับอาจารย์ฝรั่งตัวเป็นๆ ตั้งแต่สมัยยังเรียนมหา'ลัย ในชั่วโมงแรกๆ เพื่อนๆ ของผมยังบ้าเห่อความแปลกใหม่ของอาจารย์กันอยู่ พวกเราจึงนั่งกันเต็มห้อง อาจารย์ท่านก็ lecture ไปเรื่อยๆ แล้วก็เขียนกระดานประกอบไปด้วย ก็ lecture กันไปเรื่อยๆ พอดีท่านจะเขียนคำว่าวงจร (เซอร์กิต) ท่านก็เขียน cir แล้วก็หยุดมือไปครู่นึง พวกเราก็เอ๊ะอาจารย์มีอะไรนะ แล้วท่านก็เขียน cit แล้วก็หยุดอีก คราวนี้พวกเรารู้แล้วว่าท่านไม่แน่ใจแล้วว่าไอ้คำนี้มันสะกดยังไงแน่ แล้วท่านก็ลบเขียนใหม่ คราวนี้ circite ลบอีกตามระเบียน แล้วท่านก็หันมาถามพวกเราแทนว่าไอ้คำนี้น่ะเขียนยังไง พวกเราก็ยิ้มๆ แล้วบอกท่านไปว่า circuit เห็นไหมครับ เด็กไทยรุ่นผม รู้ว่าคำนี้สะกดยังไงกันทุกคน (ไม่ทุกคนก็เกือบๆ ล่ะหนะ) นั่นไม่ใช่ครั้งเดียวครับ ผมเจออีกนับครั้งไม่ถ้วน (แต่มันจำไม่ชัดเหมือนครั้งที่เล่าให้ฟังหรอกครับ) จึงเชื่อได้ว่า เด็กไทยโดยเฉลี่ย แม่นศัพท์ยิ่งกว่าเจ้าของภาษา หรือฝรั่งชาติอื่นที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองซะอีก เพราะฉะนั้นอย่ากลัวครับแล้วยิ่งกล้าพูดกล้าถาม เราก็จะได้ศัพท์เพิ่มมาเองแหละครับ อย่างสมมตินะครับ เวลาคุณสงสัยว่าไอ้คำที่คุณชาตินี้พึ่งจะได้ยินมันหมายความว่ายังไงกันแน่ สมมติว่าคุณสงสัยคำว่า encyclopedia เพราะว่าคุณไม่รู้มาก่อน ก็ถามคนที่คุณกำลังสนทนาเลยครับ เอาแบบไม่ทางการนะครับ ถ้าซี้กันมาก คุณอาจพูดว่า Encyclopedia? (พยางค์สุดท้ายขึ้นเสียงสูงไว้นะครับ ระดับเสียงก็ใกล้กับ "เดี๊ย" เสียงตรีของเราก็พอใช้ได้แล้วครับ) What is it? แค่นี้แหละครับ เดี๋ยวเพื่อนคุณก็จะช่วยสาธยายเองแหละครับ ว่า encyclopedia มันคืออะไรกันแน่ คุณอาจจะได้คำตอบประมาณนี้นะครับ ถ้าเพื่อนคุณก็ไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน Encyclopedia? Hmm. Let me see. Well, it's a kind of a book. Inside, you can find explanations of many things, including people places and some stories as well. Got it? คราวนีถ้าคุณมีความเป็นไทยมากหน่อย คุณอาจจะอมยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างน่ารัก พร้อมกับพูดว่า Yes ให้เขาเข้าใจว่าคุณรู้เรื่องดีแล้ว แต่อย่าครับ อย่าหยุดเพียงแค่นั้น ถ้าเขายังอารมณ์ดีจะอธิบาย และคุณก็ยังสงสัยว่า แล้วไอ้ encyclopedia มันต่างจาก dictionary ยังไง ยิงคำถามต่อเลยครับ Can you tell me what is the differences between "encyclopedia" and "dictionary"? (อย่าลืมทิ้งเสียงสูงตอนท้ายด้วยนะ: ดิค-ชัน-(เนอ)-รี้) คราวนี้แหละคุณจะได้ความรู้อีกกระบุงโกย อย่างน้อยก็ตามที่หมอนั่นมันเข้าใจ และพออธิบายให้คุณได้ มีประโยคที่ไม่ยากเกินไป แต่จะทำให้คุณต่อความรู้ออกไปได้เรื่อย ๆ อีกเยอะครับ อย่างเช่น - Can/Could you tell me why they do it this way? - Can/Could you explain (to) me the meaning of "performa invoice"? - Can/Could you tell me where or how I can learn more about fibonacci? - Can you help me? I just don't get it. Why in some countries they drive on the right, and in other countries, on the left? ลองเอาไปใช้ดูกันนะครับ จากคุณ : ลุงแว่นใจดี - [ 17 ธ.ค. 50 19:13:51 A:58.8.5.239 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ้าว! โพสผิดกระทู้ครับ (เขินนะนี่) ขอโทษจริงๆ ครับ จากคุณ : ลุงแว่นใจดี - [ 17 ธ.ค. 50 19:18:37 A:58.8.5.239 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ในกรณีนี้ ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว จับได้ว่าทุจริตในการสอบหรือลอกการบ้าน ควรให้ออกในทันที จากคุณ : jk (jackfruit_k) - [ 18 ธ.ค. 50 14:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเป็นครูครับ ขอ มาออกเสียงว่า คนคอด ปัญญา อ๊อน ปัญญาออ่น ส่งเสริมให้เด็กหัดทำดีเอาหน้าชัดๆเลยเนี่ยยย และเด็กจะทำความดีเฉพาะกะคนที่มีแระโยชน์เท่านั้น และจะเพิกเฉยกกับคนที่ไร้ประโยชน์ ผมว่าไม่ดีเลยครับ ต่อต้านอย่างแรง ถ้าเขาไม่ดี เขาจบไปสังคมก้จะจัดการเขาเองแหละครับ  เขาอยากเดรียนอะไรก็ได้เรียนสิครับ ถ้าความสามารถถึงงง จากคุณ : hiphoptommy - [ 19 ธ.ค. 50 10:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เลยค่ะ ทำไมเราจะต้อง "บังคับ" ให้เด็กทำความดีโดยเพื่อ "หวังผล" ตอบเเทนด้วยล่ะคะ ในเมื่อ... 1) เมื่อมีงานกิจกรรมในโรงเรียนเด็กบางกลุ่มเค้าก็สงวนไว้ทำกับพวกของเค้าเองเพื่อเอาหน้า ไม่ให้คนกลุ่มอื่นมาร่วม คนอื่น ๆ ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เค้าเลยดูเหมือนไม่ค่อยทำกิจกรรม ฉะนั้นเค้าเลยไม่ได้คะเเนนความดีเท่าเพื่อนที่ทำงานใหญ่ ๆ โต ๆ เค้าก็เลยเป็นคนไม่ดี ขี้เกียจ เเละอู้งาน? 2) เด็กบางคนไปนั่งกรรมฐานเดือนละครั้งกับครอบครัว บางคนไปวัด บางคนไปโบสถ์ บางคนไปมัสยิด เเต่เพียงเพราะครูในโรงเรียนไม่เห็น เค้าจึงไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความดี เค้าก็เลยเป็นคนไม่ดี? 3) เด็กหลาย ๆ คนดูรายการโทรทัศน์ที่ช่วยเหลือผู้ที่ขัดสน เเล้วรวมกลุ่มกันกับเพื่อนสนิท 3-4 คน เพื่อโอนเงินเเละส่งข้าวของไปให้เพื่อน ๆ เหล่านั้น  เค้าทำด้วยความจริงใจ เเละที่สำคัญการที่เค้าทำบุญเเล้วไม่ประกาศให้คนอื่น ๆ รู้ เป็นสิ่งที่เค้าสบายใจ เพราะฉะนั้นพวกเค้าจึงไม่มีประกาศนียบัตร ไม่มีใครรับรอง เค้าก็เลยเป็นคนไม่ดี? 4) การที่เด็กบางคนเป็นคนดีโดยพื้นฐานอยู่เเล้ว เช่น ปฎิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน สุภาพ มีมารยาทเเละรู้จักกาลเทศะ เเต่การบังคับให้เค้าต้องมีคะเเนนความดีเพื่อสอบเข้าคณะที่เป็นความฝันในมหาวิทยาลัย เค้าเลยจำเป็นจะต้องเเสร้งเขียนว่าตัวเองทำความดีนู่นนี่ เเละครูบาอาจารย์ก็เซ็นรับรองคำโกหกของนักเรียนต่อไป คะเเนนความดีจึงสูงลิบ อย่างนี้หรือเด็กดีในสายตาของเรา ที่เราต้องการ? นั่นก็เเค่บางตัวอย่าง มันเป็นสิ่งที่เห็นมา... ช่วงเวลาที่เคยเป็นคนสอนพิเศษตามโรงเรียนต่าง ๆ ชีวิตเด็กนักเรียนมัธยมปลายนี่เครียดซะส่วนใหญ่นะคะ เเค่เรื่องเเอดมิชชันที่เอาเกรดในโรงเรียนมาใช้ซะเยอะเกิน ก็ดูจะไม่ค่อยยุติธรรมอยู่เเล้ว เพราะเราหลาย ๆ คนก็ยอมรับว่าเเต่ละโรงเรียนมีมาตรฐานการให้คะเเนนที่ไม่เท่ากัน ไหนจะเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นการท่องจำ เด็กนักเรียนที่ฉลาดเเบบ intellectual หลายคนก็เเพ้เด็กนักเรียนที่ฉลาดเเบบ intelligent ไปเยอะ เพราะถูกจำกัดด้วยระบบการเรียนการสอน เเล้วยังมีการใช้ความดีมาเป็นข้อต่อรองอนาคตของเด็กอีก อะไรกันคะ ท่าน ๆ... สงสารเด็กนักเรียนไทยค่ะ จากคุณ : Schizophrenian - [ 21 ธ.ค. 50 18:44:16 ]